ความรักของตุ๊กตา(เจ้าเก่านะ)

8.5

เขียนโดย enma[kuroki]

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.21 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,912 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่32:ศัตรูคนใหม่ที่ไม่คาดคิดกับพ่อของพลูเทีย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ ในห้องนอนของพลูเทีย

                  ‘’กระผมของโทษนะครับที่ปกป้องคุณไม่ได้ผมมันแย่จริงๆ’’อัลทีมิสยืนก้มหน้าอยู่ข้างเตียงของพลูเทียโดยที่มีคุโระ ไกอาร์ คิรันและเบอร์มิวด้าที่กำลังใช้พลังด้านรักษาของตนในลักษณะโดมเล็กๆสีฟ้าและเหลืองอ่อนพอที่จะกุมแผลตรงที่โดนหอกของชิโดกิแทง ส่วนคนที่เหลือก็อยู่ในห้องนอนของพลูเทียเช่นกัน สภาพของพลูเทียตอนนี้คือนอนสลบยังไม่ฟื้นหลังจากที่ทำแผลที่โดนแทงด้วยหอกสีเลือดของชิโดกิ

                  ‘’ผมก็ขอโทษด้วยนะครับคุณพลูเทียที่ตอนแรกปกป้องคุณไม่ได้เหมือนกัน....’’เรนก็ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ข้างๆอัลทีมิส

                  ‘’พวกนาย2คนไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก....หมอนั้นมันเก่งกว่าพลูเทียจริงๆ’’คุโระพูดพร้อมกับกุมมือซ้ายของพลูเทียเอาไว้

   ‘’ใช่แล้วละ เจ้าหมอนั้นมันมีพลังเหนือที่กว่าพลูเทียจี้มากเลยละ’’ไกอาร์หันพูดกับอัลทีมิสและเรน

                  ‘’แล้วคุณพลูเทียเขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมไกอาร์’’เอมี่เดินไปใกล้ๆไกอาร์เพื่อจะไปถามเธอพร้อมกับทำสีหน้ากังวลเล็กน้อย

                  ‘’พลูเทียจี้นะปกติถ้าเธอถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บแค่ไหนส่วนที่โดนนั้นจะค่อยๆคืนสภาพเพราะเลือดทีมีคุณสมบัติพิเศษกว่าพวกที่เป็นมังกรด้วยกันก็คือเลือดเธอจะสามารถรักษาบาดแผลได้เกือบทุกรูปแบบแล้วแต่อาการบาดแผลว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนแต่เพราะคุณสมบัติของหอกสีเลือดนั้นทำให้เลือดของเธอไร้ผลแค่ชั่วคราว แต่ตอนนี้ผลกระทบก็หมดไปแล้วน่าจะใช้เวลาอีก2-3วันเดี๋ยวพลูเทียจี้ก็ฟื้นละนะ’’ไกอาร์พูดพร้อมกับไปมองพลูเทีย

                  ‘’อย่างงี้เองหรอกหรอ’’เอมี่พูดพร้อมกับพยักหน้าตอบ

                  ‘’ว่าแต่เจ้าพวกมนุษย์นี้ทำไมถึงไม่โดนอัลทีมิสโยนออกนอกมิติทางออกไปละ= =’’ธันเดอร์พร้อมกับชี้ไปที่พวกเรน เกียร์ เอมี่ เอเลนและแมร์รี่

              ‘’ข้าลืมบอกพวกเจ้าไปนะพวกมนุษย์นี้คือเพื่อนของคุณหนูนะทุกคน ผู้ชายผมดำนั้นคือคุณเอเลน ผู้ชายผมสีน้ำเงินคือคุณเกียร์ ผู้หญิงผมสีชมพูคือคุณเอมี่ ผู้หญิงผมสีเหลืองทองคือคุณแมร์รี่ ส่วนเจ้าผู้ชายผมสีม่วงนั้นคือเจ้าเรนนะ’’อัลทีมิสเดินไปแนะนำแต่ละคนให้คนอื่นๆฟังพอมาถึงเรนก็แกล้งทำเป็นเหยียบเท้าเรน

              ‘’โอ้ย!! นายตั้งใจเหยียบเท้าฉันใช่ไหมอัลทีมิส!’’เรนสะดุ้งเพราะโดนอัลทีมิสเหยียบเท้าแล้วก็หันไปเหยียบเท้าอัลทีมิสคืน

             ‘’โอ้ย!! หนอย!เจ้ามนุษย์นี้อยากลองดีกับข้าใช่ไหม!!!’’สะดุ้งเหมือนกันเพราะโดนเรนเหยียบเท้าคืน อัลทีมิสก็จับดึงปากเรนให้ยืดโดยที่นิ้วโป้งทั้ง2ข้างล็อคขอบมุมปากไว้แล้วดึง

             ‘’อ้ออายเอิ่นอ่อนอี้!!’’เรนพูดพร้อมกับโดนอัลทีมิสดึงปากจากนั้นเรนก็ดึงปากอัลทีมิสคืน อัลทีมิสกับเรนก็ทะเลาะกันสักพักทันใดนั้นฮาโอกับโลกิก็ถีบอัลทีมิสกับเรนให้ล้มไปพร้อมๆกัน

             ‘’พวกนายทั้2เงียบๆหน่อยสิเดี๋ยวคุณหนูตื่นขึ้นมาจะซวยกันหมดนะ’’ฮาโอพูดด้วยเสียงที่เบาแต่พอได้ยินพร้อมกับยืนเท้าเอว

            ‘’อย่างที่ท่านพี่ฮาโอพูดผมว่าท่านพี่อัลทีมิสอย่าไปทะเลาะกับเจ้ามนุษย์เลย’’โลกิพูดพร้อมกับหันไปมองเรน

          ‘’อ่า นั้นสิถ้าขืนข้าทะเลาะกับเจ้าต่อมีหวังซวยกันทั้งบ้านแหง่มๆ= =’’เมื่ออัลทีมิสพูดก็ถึงกับนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องกันพวกคิรัน คิสึรัน คุโระ และไกอาร์ก็ถึงกับไปนั่งกอดเข่าที่มุมห้องด้วยยกเว้นพวกที่เหลือ

          ‘’หมายความว่าไงหรอค่ะคุณอัลทีมิส?’’เบอร์มิวด้าเดินไปถามอัลทีมิสด้วยความสงสัย

          ‘’อาว? เบอร์มิวด้าจังไม่รู้เรื่องเลยหรอ’’แมร์รี่หันไปถามเบอร์มิวด้า

          ‘’อื้อ ก็ข้าพึงมาอยู่เมื่อปีที่แล้วนี้เองนะ’’เบอร์มิวด้าหันไปทางแมร์รี่แล้วพยักหน้าตอบ

           ‘’พวกนายอยากรู้ใช่ไหมว่าถ้าคุณหนูถูกปลุกให้ตื่นตอนท่านกำลังหลับจะเกิดอะไรขึ้นนะ....’’อัลทีมิสพูดด้วยเสียงที่ดูกลัวๆแต่ก็ยังนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม ทั้งพวกเรนและเบอร์มิวด้าก็พยักหน้าและตอบเป็นเสียงเดียวกัน

            ‘’คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...เมื่อ3ปีก่อนนะ.....’’

*เมื่อ3ปีก่อน เวลา06:00*

ในเวลานี้พวกคนอื่นๆออกไปลาดตระเวรตามจุดต่างๆกันยกเว้นพลูเทียที่กำลังนอนอยู่ส่วนคุโระกับไกอาร์ คิสึรัน คิรัน แล้วก็อัลทีมิสอยู่ที่ห้องทานอหาร

             ‘’อรุณสวัสดิ์นะทุกๆคนนี้ยว~’’เสียงของไกอาร์ที่เดินมาทักพวกคิรัน คุโระ คิสึรันและอัลทีมิสที่ห้องทานอาหารในชุดนอนสีส้มตรงปลายแขนเสื้อกับขากางเกงเป็นสีดำ

              ‘’นี้ไกอาร์ทำไมไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละนั้น’’คิรันเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆคุโระที่มีคิสึรันนั่งฝั่งตรงข้ามส่วนอัลทีมิสก็ยกชามาเสิร์ฟแล้วหันไปมองไกอาร์

              ‘’ก็ฉันหิวนี้เนี้ยว~’’ไกอาร์พูดพร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆคิสึรันแล้วหยิบขนมปังมาทาน

              ‘’ง่ายๆก็คือ....เธอขี้เกียจอาบน้ำตอนเช้าใช่ไหมละ....’’คุโระพูดก่อนที่จะค่อยๆดื่มชาแล้วพลางแหล่ตามองไกอาร์

              ‘’แล้วทีเธอละคุโระเธอก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนะ~’’ไกอาร์พูดพร้อมกับชี้ไปที่ชุดนอนสีขาวยาวถึงตาตุ้มที่เท้าของคุโระ

              ‘’พรวด!! ฉะ...ฉันก็แค่ลืมเฉยๆเองนะ’’พอคุโระได้ยินคำพูดของไกอาร์ก็ถึงกับสำลักชาที่ตนกำลังยกดื่มอยู่

                ‘’แน่ใจนะว่าลืมนะเนี้ยว~’’ไกอาร์มองด้วยสายตาเยาะเย้ยใส่คุโระ

                ‘’นะ..แน่สิย่ะ!’’คุโระเริ่มโมโหไกอาร์และเริ่มพูดเสียดัง

                 ‘’คุโระจี้ทำไมต้องพูดเสียงดังใส่ฉันด้วยละ!’’ไกอาร์ก็เริ่มหงุดหงิดและเริ่มพูดเสียงดังเช่นกัน

                 ‘’นี้พวกเจ้าทั้ง2หยุดทะเลาะกันสักทีได้ไหม’’คิสึรันเดินไปพูดห้ามคุโระกับไกอาร์

                  ‘’นั้นสินะ ข้าว่าหยุดทะเลาะเถอะ’’คิรันหันไปมองไกอาร์กับคุโระที่กำลังทะเลากัน

                  ‘’อย่ายุ่ง!’’ไกอาร์กับคุโระหันไปตะคอกใส่คิสึรันกับคิรันพร้อมๆกันแล้วก็หันหน้ากันมาทะเลาะกันต่อพอทะเลาะกันได้แปปเดียวไกอาร์ก็เริ่มปาข้าวของใส่คุโระ ส่วนคุโระก็เริ่มปาข้าวของกลับไปหาไกอาร์เช่นกัน

                   ‘’นี้พวกคุณหนูครับกรุณาหยุดทะเลาะกันเถอะครับเดี่ยวคุณหนูพลูเทียจะตื่นเอานะครับ อั๊ก!!’’อัลทีมิสเดินมาห้ามคุโระกับไกอาร์แต่ก็โดนเก้าอี้ของคุโระกับไกอาร์ลอยมาใส่หัวเข้าอย่างจังจนล้มหน้าคว่ำกับพื้น

                    ‘’นี้ใจเย็นกันก่อนสิคุโระ’’คิรันเดินดึงตัวคุโระไม่ให้ปาของใส่ไกอาร์อีกส่วนคิสึรันก็ไปดึงตัวไกอาร์ไว้ไม่ให้ปาของใส่คุโระเช่นกัน

                     ‘’เหวอ!!!!’’ทั้งคิรันและคิสึรันถูกคุโระกับไกอารืยกตัวขึ้นแล้วปาใส่กันและกันทำให้คิรันกับคิสึรันหัวชนกันอย่างแรงจนสลบ

                      ‘’ดะ...เดี๋ยวสิครับคุณหนูคุโระกับคุรหนูไกอาร์หยุดเถอะครับ’’อัลทีมิสพูดแล้วค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับใช้มือข้างขวากุมหัวไว้

                      ‘’ไม่รู้ละ!ยังไงเธอก็ต้องขอโทษฉันนะคุโระจี้!! flying bird frame!’’ไกอาร์พูดตะคอกใส่คุโระแล้วกางปีกมังกรสีแดงเพลิงพร้อมกับมีไฟสีส้มขนาดใหญ่กว่าตัวเธอหลายเท่าในลักษณะของนกซึ่งอุณหภูมิของไฟของไกอาร์นั้นมีความร้อนสูงถึง2000ถึง5000องศาเพราะเธอเป็นผู้สืบเชื้อสายมังกรเพลิงและยังมีพลังของพลูเทียอยู่ในตัวและมีความเร็วในการโจมตีประมาณเหนือเสียง3เท่า เมื่อไกอาร์เอ่ยชื่อท่าก็ปาไฟขนาดใหญ่ในลักษณะนกที่ใหญ่กว่าตัวเธอหลายเท่าใส่คุโระทันที

                        ‘’หึ!ฉันไม่ได้ผิดสักหน่อยทำไมต้องขอโทษด้วยละยัยบ้าไกอาร์!! aurora bird  lighting!’’คุโระก็ใช้จังหวะที่ไกอาร์เอ่ยชื่อท่าflying bird flameคุโระก็กางปีกมังกรสีขาวบริสุทธิ์พร้อมกับมีแสงสีขาวขนาดใหญ่กว่าตัวของเธอมารวมตัวกันข้างๆตัวคุโระในลักษณะของนกเหมือนไกอาร์ซึ่งแสงของคุโระนั้นมีคุณสมบัติพิเศษนั้นก็คือสามารถใช้ป้องกันระดับความร้อนตั้งแต่1000-3000องศาแต่ถ้าเกิน3000องศาจะสามารถทนได้อีกประมาณ5นาทีหรือนานกว่านี้ตามพลังที่มีและยังสามารถเป็นท่าโจมตีทำให้ประสาทในการมองเห็นของอีกฝ่ายใช้การไม่ได้ไปสักพักหรือประมาณ5-10นาทีถึงแม้จะใส่แว่นกันแดดก็ตามผลของท่านี้ก็ยังส่งผลในระดับพอที่จะสามารถทำให้แสบตาได้ในระยะหนึ่ง เมื่อคุโระเอ่ยชื่อท่าก็ชี้นิ้วไปทางนกไฟของไกอาร์ทำให้ท่าของคุโระกับไกอาร์ปะทะกันจนทำให้เกิดแรงระเบิดดัง ตู้ม!! ลั่นบ้านและทำให้ส่วนของห้องทานอาหารถึงส่วนห้องโถงเสียหายเกือบหมด

                     ‘’ยะ...แย่แล้วถ้าเกิดแรงระเบิดขนาดนี้พลูเทียคง....’’คิรันค่อยๆลุกออกมาพร้อมกับคิสึรันและอัลทีมิสจากซากที่พวกคุโระกับไกอาร์ทำ

                     ‘’พวกเธอ......ทำอะไรของพวกเธอ......’’พลูเทียพูดพร้อมบินลงมายืนต่อหน้าพวกอัลทีมิส คุโระ ไกอาร์ คิรันและคิสึรันด้วยปีกมังกรสีดำม่วงพร้อมกับปล่อยออร่าความอำมหิตของเธอออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วแสยะยิ้ม

                     ‘’คะ...คือแบบนะครับคุณเรื่องมีอยู่ว่า....’’ในขณะที่อัลทีมิสกำลังพูดอธิบายให้พลูเทียฟังคุโระก็พูดแทรกขึ้นมาว่า

                      ‘’ก็ยัยไกอาร์มาแซวฉันก่อนนี้!’’คุโระพูดพร้อมกับหันไปชี้หน้าไกอาร์แล้วขมวดคิ้วใส่

                      ‘’แล้วทำไมคุโระจี้ต้องมาพูดเสียงดังใส่ฉันทำไมละเนี้ยว! แบร่!’’ไกอาร์พองแก้มแล้วแลบลิ้นใส่คุโระ

                       ‘’พูดงี้อยากโดนแบบเมื่อกี้รึไงย่ะ!’’คุโระเดินไปหาไกอาร์แล้วยืนเท้าเอวมอง

                        ‘’แล้วไงเนี้ยว!’’ไกอาร์ลุกขึ้นยืนแล้วยืนเท้าเอวเหมือนคุโระแล้วขมวดคิ้ว

                      ‘’พวกเธอ2คนนี้มัน...ทะเลาะกันไม่เข้าเรื่องจริง....แล้วแถมทำบ้านพังอีก....แบบนี้ต้องลงโทษ!!!!!’’เมื่อพลูเทียพูดจบพลูเทียก็ระเบิดพลังออกมาเพราะความโกรธทำให้คุโระกับไกอาร์ถึงกับตัวสั่นและน้ำตาไหลแล้วรีบกล่าวขอโทษพลูเทียกันทันทีส่วนอัลทีมิส คิรันกับคิสึรันก็พาลกันกลัวไปตามๆกันเพราะแรงกดดันพลังของพลูเทียที่ปล่อยออกมาตอนโกรธในขณะเดียวกันตอนนั้นพวกที่ออกไปสำรวจก็กลับมาพอดีเลยตกใจกลัวไปพร้อมๆกับพวกอัลทีมิส คิรันกับคิสึรัน

ตัดกลับมาที่พวกเรน

                       ‘’อ๋อ~=-=’’พวกเรนกับเบอร์มิวด้าก็พยักหน้าพร้อมๆกันแล้วทำหน้าแบบเข้าใจแล้วนึกสภาพออกว่าเป็นยังไง

                       ‘’ว่าแต่พวกข้าที่เหลือยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนะเนี้ย งั้นข้าขอแนะนำตัวเลยละกันข้าชื่อ ดราโก้ เป็นทั้งองครักษ์แล้วก็เป็นพี่ชายของไกอาร์และธันเดอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ’’ชายผมสั้นหน้าม้าสีแดงยาวด้านซ้ายจนเกือบปิดตาสีแดง ดวงตาสีฟ้าเข้มเหมือนไกอาร์ สวมชุดคล้ายผู้การสีดำเหมือนของอัลทีมิสและสูงพอๆกับอัลทีมิสเช่นกันพูดแนะนำตัวพร้อมกับวางมือบนหัวของธันเดอร์

                        ‘’สวัสดีครับเจ้าพวกมนุษย์!’’ธันเดอร์กล่าวทักทายพวกเรน

                        ‘’ส่วนข้าออโรร่า....เป็นองครักษ์ของคุณหนูคุโระฝากตัวด้วย....แล้วก็ถึงชื่อข้ากับหน้าตาจะคล้ายผู้หญิงอย่ามาหาว่าข้าเป็นผู้หญิงนะ......’’ชายผมสีขาวเหมือนหิมะ ดวงตาสีเหลืองทอง สวมชุดคล้ายผู้การสีดำเหมือนอัลทีมิสและดราโก้ แต่ด้านส่วนสูงเตี้ยกว่าอัลทีมิสกับดราโก้นิดหน่อยพูดพร้อมกับมองแล้วยืนกอดอกหันหลังให้พวกเรน

                       ‘’ส่วนข้าดาร์กเนสกับโนเอลร่าจ้า!’’เสียงของชายมัดผมหางม้ายาวสีดำ ดวงตาสีม่วงอ่อน สวมเสื้อกล้ามสีน้ำเงินกับเสื้อเชิ้ตสีดำสูงประมาร168เซนติเมตรและชายผมสั้นออกฟูนิดๆสีดำ ดวงตาสีม่วงอ่อนเช่นกัน สูงประมาณ160 ทั้ง2คนสวมชุดเหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่สีเสื้อกล้ามอีกคนสีน้ำเงินอีกคนสีดำ ดาร์กเนสกับโนเอลร่ากอดคอกันแล้วยกมือขึ้นระดับบ่าพร้อมกับพูดแนะนำตัว ในตอนที่ดาร์กเนสกับโนเอลร่าพูดจบเบอร์มิวด้าก็เดินไปหาคิรันแล้วดึงชายเสื้อกิโมโนของคิรันแล้วพูดว่า                       

                       ‘’ท่านพี่คิรันเซโร่ไปไหนงั้นหรอค่ะ’’

                       ‘’สงสัยคงจะหนีไปนอนที่ไหนสักแห่งในบ้านนี้แหละ’’คิรันก้มมองเบอร์มิวด้าที่เดินมาดึงชายเสื้อกิโมโนของตนแล้วลูบหัวเบอร์มิวด้าอย่างอ่อนโยน

                       ‘’ว่าแต่ทำไมเบอร์มิวด้าจังถึงเรียกคุณคิรันว่าท่านพี่ละครับ?’’เรนหันไปมองเบอร์มิวด้าแล้วถาม

                        ‘’จริงๆฉันไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดอะไรกับท่านพี่คิรันหรอกแต่ว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตฉันจากพวกทหารที่ทรยศต่ออาณาจักรบาดาลของท่านพ่อของฉันนะ ฉันก็เลยเรียกคิรันว่าท่านพี่มาตั้งแต่นั้นนะ’’เบอร์มิวด้ากอดเอวคิรันแล้วหันไปตอบเรน

                        ‘’แล้วคนที่ชื่อว่าเซโร่นี้หมายถึงใครงั้นรึ?’’เอเลนยืนเอามือล่วงกระเป๋ากางเกงแล้วหันไปถามพวกอัลทีมิส

                        ‘’เซโร่คือชายผมสีฟ้าเข้ม ดวงตาสีฟ้าอ่อน สวมเสื้อแขนสั้นสีขาวไว้ข้างในส่วนข้างนอกสวมเสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดสีดำสวนสูงก็พอๆกับข้าละนะ เจ้านี้ไม่ค่อยชอบพวกมนุษย์สักเท่าไรนะเลยคงจะหนีไปนอนละมั้งแล้วก็แถมชอบ---’’คิสึรันพูดพร้อมกับกอดอกแล้วทำท่าคิดไปด้วยแต่ในตอนนั้นเองจู่ๆก็มีผลึกน้ำแข็งในลักษณะคล้ายผ้าลอยลอดมาทางใต้ประตูมาปิดปากคิสึรันเอาไว้

                         ‘’หุบปากไปคิสึรัน..อย่าคิดจะพูดเรื่องข้าให้กับพวกมนุษย์อีกนะ......’’เสียงอันเย็นชาของเซโร่ที่ค่อยๆเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา

                         ‘’เซโร่!!’’เบอร์มิวด้าเมื่อเห็นเซโร่เดินเข้ามาก็รีบวิ่งไปกระโดดกอดเซโร่ทันทีทำให้เซโร่นั้นถึงกับเขินจนหน้าแดงกันเลยทีเดียว

                         ‘’อะ...อืม...เสียงดังอะไรกันหนวกหูชะมัด....’’เสียงของชิโดกิที่กำลังนอนกอดพลูเทียอยู่แล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่งขัดตะมาดข้างๆพลูเทีย

                          ‘’นี้นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรนะ!!!’’ทุกคนหันไปมองชิโดกิเป็นตาเดียวกันพร้อมกับตกใจ

                           ‘’ทะลุเข้ามาทางหน้าต่างด้วยความสามารถพิเศษที่ข้าได้มาจากพลูเทียข้ายังไงละ~’’ชิโดกิพูดพร้อมกับหันไปมองพลูเทียที่กำลังหลับพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวพลูเทียแล้วหันไปมองทุกๆคนที่กำลังตกใจ

                           ‘’แกอย่าเอามือมาแตะต้องคุณหนูของข้านะเฟ้ย!!!’’อัลทีมิสเมื่อเห็นชิโดกิเอามือไปลูบหัวพลูเทียก็ถึงกับฉุนขาดและพยายามเข้าไปชกชิโดกิแต่โดนเรนกับฮาโอดึงเอาไว้

                           ‘’นายมาที่นี้ทำไมชิโดกิ....’’ออโรร่าเดินไปถามชิโดกิที่นั่งอยู่บนเตียงของพลูเทียพร้อมกับขมวดคิ้ว

                           ‘’ก็แค่จะมาดูแลสุดที่รักข้าเฉยๆแล้วก็จะมาบอกข่าวกับพวกนายสักหน่อยนะ’’ชิโดกิหันไปพูดตอบออโรร่าที่กำลังขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ

                           ‘’ข่าวอะไรว่ามา’’อัลทีมิสทำหน้านิ่งใส่ชิโดกิพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเอาจริง

                           ‘’ข้านะได้รู้มาว่าทางองกรณ์DHนั้นได้ส่งคนมากำจัดพวกนายยังละและเป็นเด็กผู้หญิงซะด้วย และแถมเป็นคนที่ถ้าพลูเทียรู้อาจจะช็อกไม่ก็ตกใจแบบสุดๆเลยก็ได้นะ’’

                           ‘’หมายความว่าอาจจะเป็นคนสำคัญของพลูเทียสินะชิโดกิ’’เอเลนพูดพร้อมเดินไปหาชิโดกิพร้อมเอามือออกจากกระเป๋ากางเกง

                            ‘’ปิ๊งป่อง~ถูกต้องแล้วละ พวกเจ้าอยากรู้ไหมละว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร’’ชิโดกิพูดด้วยน้ำเสียงชวนให้ทุกคนอยากจะรู้

                            ‘’อาจจะเป็นลูกสาวของข้ากับเจ้าใช่ไหมละชิโดกิ...’’เสียงของพลูเทียที่ตื่นขึ้นมาและพูดด้วยเสียงที่นิ่งๆแต่แลดูเศร้า

                            ‘’โอ้! ที่รักของข้าตื่นแล้วรึ อั๊ก!!!’’ชิโดกิหันไปมองพลูเทียที่ตื่นขึ้นเมื่อกี้แล้วกำลังจะเข้าไปกอดแต่ในตอนนั้นก็โดนพลูเทียถีบตกเตียงของเธอไป

                             ‘’เจ้าไม่ต้องมากอดข้าตอนนี้ ลืมไปแล้วรึว่าข้ากำลังโกรธเจ้าอยู่นะ’’พลูเทียพูดพร้อมลุกขึ้นมานั่งแล้วกอดอกมองสภาพของชิโดกิที่ถูกเธอถีบตกเตียงไปเมื่อกี้

                             ‘’ลูกของคุณพลูเทียงั้นหรอค่ะ’’แมร์รี่พูดพร้อมกับทำหน้าสงสัย

                           ‘’อื้ม....แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศัตรูคนใหม่จะเป็นลูกข้าเอง....ข้านะไม่อยากจะทำร้ายคนสำคัญหรือคนในครอบข้า...ถ้าข้าเพลอลงมือไปข้าคงรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิตแน่’’พลูเทียพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆพร้อมกับก้มหน้า

                          ในขณะนั้นเองที่พวกพลูเทียและพวกเรนกำลังเครียดกันอยู่จู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดดัง ตู้ม!! และแรงสั่นสะเทือนที่แรงมากๆ พลูเทียเริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแต่ว่าก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับกุมที่ท้องตรงที่โดนหอกสีเลือดแทง

                         ‘’เธออยู่ที่เถอะพลูเทียถ้าขืนฝืนออกไปสู้ละก็เธออาจจะอาการหนักมากกว่าเดิมนะ’’คิรันรีบมาอุ้มพลูเทียกลับไปวางบนเตียงเหมือนเดิม

                         ‘’เอาละๆ! งั้นข้าจะไปบุกคนแรกเลยละกันนะ!! ฝากดูแลสุดที่รักข้าด้วยละกัน’’ชิโดกิลุกขึ้นพร้อมกับปรากฏวงเวทย์สีเขียวอ่อนใต้เท้าของชิโดกิแล้วมีออร่าสีแดงดำลอยออกมาจากนั้นก็ปรากฏหอกสีเลือดในมือขวาของชิโดกิจากนั้นร่างของชิโดกิลงร่วงลงไปในวงเวทย์ทันที     

                          ‘’พลังแบบนี้มัน...ไม่ผิดแน่...ในนามของผู้นำตระกูลนี้ขอออกคำสั่งให้คุโระ ไกอาร์ คิรันกับคิสึรันรีบหาต้นเสียงและแรงสั่นสะเทือนว่ามันเกิดจากอะไร ดาร์กเนสกับโนเอลร่าและดราโก้ไปสำรวจบริเวณโดยรอบด้วยว่ามีอะไรผิดปกติไหม ธันเดอร์กับเซโร่พวกนายคืนร่างเดิมและบินสำรวจบนท้องฟ้าแล้วใช้พลังของพวกนาย2คนสำรวจว่ามีจำนวนศัตรูกี่คนแล้วรีบกลับมารายงานข้า ฮาโอกับโลกิและเบอร์มิวด้ารีบสร้างม่านพลังป้องกันขั้น3ปกคลุมที่นี้เอาไว้เผื่อศัตรูอาจจะมาโจมตีโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว ส่วนอัลทีมิสกับออโรร่าเจ้าค่อยดูทุกๆคนด้วยว่าปลอดภัยไหม ทุกๆคนอย่าคติที่ข้าพูดไว้ละ!’’พลูเทียเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

                           ‘’กำจัดศัตรูอย่าให้เหลือ! และจงปกป้องคนสำคัญ!’’เมื่อพวกอัลทีมิสพูดเสร็จก็หายตัวกันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของแต่ละคนที่พลูเทียสั่ง

                          ‘’แล้วจะเอายังไงต่อละครับคุณพลูเทีย ถ้าเกิดศัตรูที่กำลังจะบุกมาเป็นลูกสาวของคุณจริงๆ’’เกียร์เดินไปถามพลูเทียที่นั่งอยู่บนเตียงของเธอ

                          ‘’ถ้าเกิดศัตรูที่กำลังจะบุกมาเป็นลูกสาวข้าจริงๆ.....ข้าจะพยายามไม่ลงมือกับเธอให้มากที่สุด’’พลูเทียพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อที่เธอจะไปยืนที่ระเบียง ในขณะนั้นเองจู่ๆก็มีนกสีขาวบินมาหาพลูเทียที่ยืนอยู่ตรงระเบียงเมื่อเจ้านกนั้นมาถึงปรากฏว่าเป็นพลังส่วนหนึ่งของคุโระจากนั้นก็มีเสียงออกมาจากนกสีขาวตัวนั้นว่า’พลูเทีย.....บะ..บอกทุกคน...ระ...ระวังตัวด้วย...’สิ้นเสียงที่ออกมาจากนกสีขาวนกตัวนั้นก็หายในทันที

                         ‘’คุโระ!’’พลูเทียถึงกับตกใจมากกับข้อความเสียงจากคุโระทำให้เธอรีบกางปีกมังกรสีดำม่วงของเธอแล้วรีบบินออกไปทันที  

                         ‘’คุณพลูเทียจะไปไหนนะ!’’เรนพูดห้ามพลุเทียก็ไม่ทันซะแล้วเรนเลยรีบวิ่งออกจากห้องไปทันทีเพื่อที่จะรีบตามพลูเทียไปพวกเกียร์ เอมี่ แมร์รี่และเอเลนก็รีบตามเรนไป ในขณะนั้นเองพวกฮาโอ โลกิและเบอร์มิวด้าก็ได้สังเกตุเห็นพลูเทียมุ่งหน้าบินผ่านพวกตนไปและพวกเรนก็วิ่งมาทางพวกฮาโอพอดี

                          ‘’มันเกิดอะไรขึ้นะค่ะคุณเรน’’เบอร์มิวด้าหันไปถามเรนขณะที่เธอยังคงใช้พลังของเธอผสานกับพลังของฮาโอและโลกิเพื่อคุมม่านพลังที่ปกคลุมบ้านพลังนี้ไว้

                          ‘’ก็คุณพลูเทียดูสีหน้าตกใจมากหลังจากที่ได้ข้อความจากคุณคุโระนะ’’

                          ‘’ถ้าให้ฉันเดานะเรนทางคุณคุโระคงจะเกิดอันตรายเลยส่งข้อความมาเตือนคุณพลูเทียละมั้ง’’เอมี่ยืนคิดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

                           ‘’ถ้างั้นข้าจะให้ยื่มม้าองคุณหนูพลูเทียละกันแตว่ามันจะยอห้พวกเจ้าข้รึเปล่านี่สิ ฮาโอเยกเจ้าม้ามาทีสิ’’โลกิพูดพร้อมกับหันไปหาฮาโอ 

                           ‘’ได้สิ มานี้เฮอร์มิต!’’ฮาโอตอบตกลงจากั้นก็เรียกชื่อของม้าสีดำตนนั้น เมื่อฮาโอเอ่ยชื่อม้าสดำแล้วจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าของม้าวิ่งอย่างรวดเรวแล้วมาหยุดวิ่งตรงหน้าทุกๆคน ลักษณะของม้าสีดำเฮอร์มิตนั้นดูป็นม้าที่สวยงามมาก มีดวงตาสีแดงรวกบอัญมณีทับทิมและรูปร่างดูแข็งแรง และเสียงร้องของมันดุจดั่งเสียงของมังกรคำราม จากนั้นเมื่อเจ้าม้าสีดำเฮอร์มิตปรากฏตัวแล้วฮาโอก็ใช้พลังมังกรแห่งหมอกก็อบปี้ร่างของเจ้าม้าสีดำเฮอร์มิตเพิ่มมาอีก4ตัว เจ้าม้าสีดำเฮอร์มิตร่างต้นนั้นมองหน้าพวกเรนแล้วค่อยๆเดินไปหาพวกเรนแต่แล้วเจ้าเฮอร์มิตก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเนและเอาหน้าของมันดันตัวเรนเหมือนจะให้ขี่หลังของมัน เรนก็ลูบหน้าของเจ้าม้าสีดำเฮอร์มิตเบาๆก่อนที่จะกระโดดขี่หลังเจ้าม้าสดำเฮอร์มิตพวกเกียร์ เอเลน เอมี่ละแมร์รี่ก็รีบกระโดดขึ้นขี่ร่างก็อบปี้ของเจ้าม้าสีดำเฮอร์มิตจากนั้นเรนก็รีบควบม้านำหน้าพวกที่เหลือไปเพื่อที่จะรีบตามพลูเทียไปให้ทัน ในขณะนั้นเองระหว่างที่พวกเรนก็รีบควบม้าตามพลูเทียไปนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึมและมีเสียงฟ้าร้องดังไปทั่วบริเวณ เมื่อพวกเรนก็ควบม้าตามพลูทันสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทุกๆคนนั้นคือชิโดกิกำลังยืนข้างๆเด็กผู้หญิงที่สูงเพียง139เซนติเมตร ผมสีขาวยาวถึงปลายข้อพับเข่า ดวงตาสีแดงสด มีผ้าปิดตารูปหัวกะโหลกสีดำปิดตาไว้ที่ด้านขวาของเธอ สวมชุดคล้ายๆกับพวกทหารองครักษ์สีดำขาว สวมกระโปรงแบบรัดรูปสีดำ กำลังใช้ดาบของเธอแทงทะลุหน้าท้องของคุโระแล้วตะวัดดาบเพื่อสะบัดร่างคุโระที่โดนแทงให้หลุดออกจากดาบส่วนพวกที่เหลือก็นอนจมกองเลือดและมีแผลเต้มตัวเช่นกัน พลูเทียเมื่อเห็นสภาพของพวกคุโระ ไกอาร์ คิรันและคิสึรันนอนจมกองเลือดก็ถึงกับน้ำตาไหลและทรุดเข่าลงดับพื้นทันทีพวกเรนก็ตกใจแบบสุดๆกับสภาพที่เห็น

                           ‘’เป็นอะไรไปค่ะคุณพลูเทีย.....ไม่สิต้องเรียกว่าท่านแม่สินะ’’เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วหันไปมองพลูเทียที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับถูกชิโดกิลูบหัวไปด้วย

                           ‘’ดะ....ดาฟเน่...เป็นลูกจริงๆด้วย....แต่ว่า....ลูกหน้าจะตายไปเพราะชิโดกิฆ่าไปแล้วนี้.....หรือว่า.....’’พลูเทียมองลูกสาวของเธอซึ่งก็คือดาฟเน่และชิโดกิด้วยใบหน้าที่ตกใจกับอึ้งแบบสุดๆ

                            ‘’ถูกอย่างที่เธอคิดนั้นแหละนะที่รัก~ เพราะข้าได้มอบวิญญาณสีดำดวงใหม่ให้กับดาฟเน่ยังไงละ เหมือนกับที่พ่อของเธอมอบดวงวิญญาณสีดำให้กับเธอยังไงละ~ เอาละลูกสาวของพ่อ..จัดกาฆ่าแม่ของลูกซะเพื่อความแข็งแกร่งและพลังอำนาจ....’’ชิโดกิพูดพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างชัวร้ายแล้วออกคำสั่งกับดาฟเน่ แต่ในขณะนั้นเองก่อนที่ดาฟเน่จะขยับตัวไปหาพลูเทียเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบที่ขาทั้ง2ข้างของเธออย่างรุนแรง

                             ‘’ข้านะ.....ไม่ยอมให้เธอมาทำร้ายพลูเทียหรอก...ถึงแม้เธอจะเป็นลูกสาวของพลูเทียก็เถอะ’’

                              ‘’ชะ ใช่แล้วละ...พวกเราไม่ปล่อยเธอให้ไปทำร้ายพลูเทียหรอกเมี้ยว’’

                               ‘’เพราะว่าพลูเทียเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรายังไงละ!!’’

                     ปรากฏว่าคนที่มาบีบขาทั้ง2ข้างของดาฟเน่อย่างรุนแรงนั้นก็คือคุโระกับไกอาร์ที่คลานมาด้วยสภาพที่แผลเต็มตัว

                              ‘’ปล่อยนะเจ้าพวกตัวน่ารังเกียจ......น่าขยักแขยงสิ้นดี.....’’ดาฟเน่พูดพร้อมกับเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบแซ่จากเอวด้านซ้ายของเธอออกมาแล้วทำการฟาดอย่างรุนแรงใส่กลางหลังของคุโระและไกอาร์ แต่ว่าคุโระกับไกอาร์ก็อดทนต่อความเจ็บที่ถูกแซ่ของดาฟเน่ฟาดและยังบีบขาของดาฟเน่แบบไม่ยอมปล่อย

                              ‘’คุโระ…ไกอาร์..อะ!’’พลูเทียรีบลุกแล้ววิ่งไปหาพวกคุโระแต่อาการบาดเจ็บจากแผลที่หน้าท้องของเธอทำให้พลูเทียทรุดลงไปนอนกับพื้นและเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลที่หน้าท้องของเธอ

                              ‘’โอ๊ะ! สงสัยผลข้างเคียงของพลังจากหอกสีเลือดของข้าจะทำงานแล้วสินะ เอาละรีบๆจัดการซะนะดาฟเน่พ่อจะไปรอที่นั้นละกัน’’ชิโดกิพูดพร้อมกับยืนมองสภาพของพลูเทียที่นอนจมกองเลือดด้วยสายตาเหมือนจะสะใจเล็กน้อยก่อนที่ชิโดกิจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกๆคนที่อยู่ในบริเวณนั้น

                               ‘’ผู้มีพระคุณอย่างนั้นหรอ.....ไร้สาระ’’ดาฟเน่ยืนนิ่งเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างไปสักพักก่อนจะสะบัดขาทั้งซ้ายและขวาทีละข้างไปข้างหน้าอย่างรุนแรงทำให้คุโระกับไกอาร์ที่เริ่มอ่อนแรงลงจากอาการบาดแผลที่มีทั่วตัวนั้นกระเด็นลอยไปนอนกับพื้นข้างๆพลูเทีย

                                ‘’พะ...พวกเรานะจะยอมให้ใครมาทำร้ายคุณพลูเทียได้หรอก...’’คิสึรันค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับรีบจับดาฟเน่ล็อคแขนขวา

                                ‘’ถ้าไม่มีพลูเทียแล้วละก็......พวกเราคงจะไม่รั้กคำว่าอ่อนโยนและครอบครัวแน่ๆ พวกเรนนะรีบพาพลูเทียกับคุโระแล้วก็ไกอาร์กลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้ ข้าทั้ง2จะถ่วงเวลาเอาไว้ให้’’คิรันก็ค่อยๆลุกขึ้นมาตามคิสึรันแล้วจับดาฟเน่ล็อคแขนซ้ายเอาไว้

                                 ‘’ชิ!....เจ้าพวกตัวเกะกะปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!’’ดาฟเน่พยายามดิ้นเพื่อให้คิสึรันกับคิรันปล่อย

                                  ‘’ดะ ได้ครับ!’’เรนรีบวิ่งไปอุ้มพลูเทียขึ้นหลังเจ้าม้าดำเฮอร์มิตทันที ส่วนเอเลนกับเกียร์ก็รีบไปช่วยอุ้มคุโระกับไกอาร์ขึ้นหลังร่างก็อบปี้ของเจ้าม้าดำเฮอร์มิตทันที จากนั้นไม่นานทุกๆคนก็ควบม้ากลับไปยังบ้านของพลูเทียทันที เหลือแต่คิสึรันกับคิรันที่ยังคงจับดาฟเน่ล็อคแขนอยู่

                                  ‘’บอกให้ปล่อยไงย่ะ…เสาน้ำแข็ง!’’ดาฟเน่เริ่มหมดความอดทนจากนั้นก็ปรากฏวงเวทย์สีฟ้าใต้เท้าของคิสึรันและคิรันและเริ่มมีไอเย็นลอยออกมา เมื่อไอเย็นค่อยๆลอยออกมาจากวงเวทย์มากพอสมควรแล้วจากนั้นก็ปรากฏเสาน้ำแข็งที่มีความเย็นอยู่ที่ประมาณ-15องศาพุ่งออกมาแทงทะลุหน้าท้องของทั้ง2ทำให้อ่อนแรงลงและปล่อยมือจากดาฟเน่ เมื่อคิสึรันกับคิรันปล่อยมือจากดาฟเน่แล้วเสาน้ำแข็งก็หายไปและร่างของทั้ง2ก็ล้มลงนอนกับพื้น

                                    ‘’เสียเวลาจริงๆ....รีบไปดีกว่า...’’ดาฟเน่ยืนมองพวกคิสึรันกับคิรันสักพักก่อนจะรีบวิ่งตามพวกเรนที่ควบเจ้าม้าดำเฮอร์มิตไปได้สักพัก แต่ว่าจู่ๆก็มีเสียงและร่างของชายผู้หนึ่งอายุประมาณ21ผมสั้นออกฟูเล็กน้อยสีดำ ดวงตาสีแดงเหมือนสีของอัญมณีทับทิม สวมชุดคลุมขนสัตว์สีดำแดงมีดาบสะพายอยู่ที่หลัก สูงประมาณ178เซนติเมตร ปรากฏตัวต่อหน้าดาฟเน่พร้อมกับมีออร่าในลักษณะรูปแบบของมังกรลอยอยู่ข้างหลังของชายคนนั้น จากนั้นภายในพริบตาเดียวชายคนนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาดาฟเน่แล้วปรากฏตัวอยู่ข้างๆร่างของคิรันกับคิสึรันแล้วอุ้มร่างทั้ง2แล้วก็มาปรากฏตัวตรงหน้าดาฟเน่อีกครั้งจากนั้นก็ว่างร่างของคิรันกับคิสึรันลงบนพื้นอย่างเบาๆจากนั้นชายคนนั้นก็ชักดาบออกมาจากข้างหลัก (ลักษณะเด่นของดาบเล่มนี้ก็คือปลายด้ามจับเป็นรูปหัวมังกร ตัวดาบมีความยาวประมาณ2.5เมตรพอๆกับดาบดาร์กลอร์ดของพลูเทีย) เมื่อชายผู้นั้นชักดาบออกมาแล้วเขาก็ทำการตวัดดาบไปทางดาฟเน่อย่างแรงทำให้เกิดคลื่นพลังสีดำแดงพุ่งเข้าไปหาดาฟเน่อย่างรวดเร็วทำให้ดาฟเน่ตั้งตัวไม่ทันและทำให้โดนคลื่นพลังนั้นเข้าไปเต็มๆและร่างของดาฟเน่ก็กระเด็นจากจุดที่เธอยืนไปประมาณ5เมตร หลังจากที่ดาฟเน่โดนคลื่นพลังจากดาบของชายคนนั้น ชายคนนั้นก็เก็บดาบและแบกร่างของคิรันและคิสึรันและก็หายตัวไปในทันที ส่วนดาฟเน่ก็ค่อยๆลุกขึ้นหลังจากที่โดนคลื่นพลังไปเมื่อกี้และหายตัวไปพร้อมๆกับไอเย็น

                                        

*ตัดกลับมาที่บ้านของพลูเทีย*

                       พวกเรนได้ควบม้ากลับมาจนถึงบ้านของพลูเทียและรีบอุ้มร่างของพลูเทีย คุโระ และไกอาร์เข้าไปในบ้านทันที

                  ‘’ท่านพลูเทีย! ท่านคุโระ! ท่านไกอาร์! คุณฮาโอกับคุณโลกิฝากกางม่านพลังแทนฉันก่อนนะค่ะ’’เบอร์มิวด้าเหมือนเห็นพวกเรนรีบอุ้มร่างของทั้ง3ผ่านไปเบอร์มิวด้าก็รีบวิ่งตามพวกเรนไปติดๆด้วยความเป็นห่วง

                 ‘’รับทราบ~ ดูท่าศัตรูที่ว่านี้จะอันตรายมากที่พวกเราคิดเลยสินะ''โลกิหันพูดกับฮาโอ

                 ''นั้นสินะ แล้วดูท่าอาการของบาดเจ็บของคุณหนูดูท่าจะกำเริบอีกแล้วสินะ ถ้าท่านพี่อัลทีมิสรู้ว่าคุณหนูอาการบาดเจ็บกำเริบนี้มีหวังคงจะโวยวายหน้าดูเลยละ เจ้าจะไปไหนนะเฮอร์มิต!''ฮาโอพูดตอบโลกิ ในขณะนั้นเองเจ้าม้าดำเฮอร์มิตก็วิ่งออกไปนอกเขตม่านพลังของทั้ง2เหมือนกับว่าวิ่งไปหาใครสักคนในเวลาไม่นานเจ้าม้าดำเฮอร์มิตก็เดินกลับมาพร้อมกับชายผู้นั้นที่นั่งบนหลังของเฮอร์มิตพร้อมกับแบกร่างของคิรันและคิสึรันมาด้วย

                 ''หรือว่าท่านคือท่านคิระแล้วท่านมาทำอะ---''ก่อนที่ฮาโอจะพูดจบชายผู้นั้นก็ได้พูดแทรกขึ้นมาว่า

                 ''ข้าฝากเจ้าวิญญาณปีศาจจิ้งจอกทั้ง2ตนนี้ด้วยนะ ข้าขอตัวไปดูลูกสาวข้าสักหน่อย''คิระนั่งมองฮาโอกับโลกิอยู่บนหลังของเจ้าม้าดำเฮอร์มิต

                 ''รับทราบครับ''ฮาโอและโลกิตอบรับคำสั่งของคิระแล้วรวบรวมพลังไว้ส่วนหนึ่งไว้จุดที่พวกเขายืนเมื่อกี้เพื่อที่จะเป้นจุดยืดพลังของม่านพลังเอาไว้จากนั้นทั้ง2ก็เดินไปรับร่างของคิรันกับคิสึรันจากนั้นคิระก็ลงมาจากหลังของเจ้าม้าดำเฮอร์มิตและรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที

                      *ตัดมาภายในห้องรักษาตัวภายในบ้านของพลูเทีย*

                 ''พวกผู้ชายออกไปก่อนนะ แมร์รี่กับเบอร์มิวด้ามาช่วยฉันปฐมพยาบาลพวกคุณพลูเทียหน่อยนะ''เอมี่หันไปบอกพวกเรน เอเลนและเกียร์ให้ออกจากห้องนี้ไปแล้วก็หันไปขอความช่วยเหลือจากแมร์รี่ให้มาช่วยเธอปฐมพยาบาล ในขณะที่พวกเรนยืนรออยู่นอกห้องนั้นพวกฮาโอและโลกิก็รีบวิ่งมาโดยที่อุ้มร่างของคิรันกับคิสึรันมาด้วย

                 ''เรนข้าฝากเจ้ารักษาคุณคิรันกับคิสึรันได้ไหม''โลกิหยุดวิ่งพร้อมกับพูดขอร้องเรน

                 ''ได้สิ หาห้องว่างแล้วก็เอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ผมด้วยนะ''

                 ''มะ...ไม่ต้องปฐมพยาบาลพวกเราหรอก....พวกเราทั้ง2นะมีพลังรักษาบาดแผลในตัวอยู่แล้ว....ปล่อยให้พวกเรานอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็หะ...หายเอง...''คิรันค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยจากนั้นร่างของคิรันกับคิสึรันก็ค่อยๆกลายสภาพเป็นปีศาจจิ้งจอกจากนั้นทั้ง2ตนก็หลับไป

                 ''ถ้างั้นข้าฝากดูอาการของทั้ง2ให้ด้วยนะเรน''ฮาโอพูดพร้อมกับอุ้มคิรันในร่างปีศาจจิ้งจอกไปให้เรน ส่วนโลกิก็อุ้มร่างคิสึรันที่กลายสภาพแบบเดียวกับคิรันเช่นกันไปให้เกียร์

                 ''อื้ม!''เรนและเกียร์ตอบตกลงแล้วเดินอุ้มคิรันกับคิสึรันในร่างปีศาจจิ้งจอกไปยังห้องพักของเรน

                 ''แหม่ๆ~ ไม่ได้มาตั้งนานแลดูครึกครืนดีเหมือนเดิมเลยนะ''เสียงของคิระที่เดินเอามือล้างกระเป๋ากางเกงมาทางพวกฮาโอ โลกิและเอเลนที่ยืนอยู่หน้าห้องรักษา

                 ''หมอนั้นเป็นใครนะฮาโอ โลกิ?''เอเลนหันไปถามฮาโอด้วยความสงสัยเล็กน้อย

                 ''ท่านผู้นี้คือคิระเป็นพ่อของคุณหนูพลูเทีย ท่านคิระครับนี้เอเลนเป็นเพื่อนของคุณหนูพลูเทียครับ

                 ''ยินดีที่ได้รู้จักนะเอเลน''คิระพูดพร้อมกับเดินไปหาเอเลนแล้วยื่นมือไปหาเอเลนแล้วยิ้มให้

                 ''ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคุณคิระ''เอเลนจับมือกับคิระแล้วมอง

                 ''แล้วตอนนี้ลูกสาวข้าเป็นยังไงบ้างละฮาโอ''

                 ''ตอนนั้มนุษย์ที่ชื่อคุณเอมี่กับวิญญาณที่มีตัวตนที่ชื่อแมร์รี่กำลังช่วยกันปฐมพยาบาลพวกคุณหนูอยู่นะครับ''ฮาโอพูดพลางหันไปมองประตูของห้องรักษาตัวที่พวกเขายืนอยู่ด้านหน้า

                 ''คูณหนู!!!! คุณหนูอยู่ไหนขอรับ!!!!''เสียงของอัลทีมิสที่ตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับรีบวิ่งตามหาพลูเทียไปทั่วบ้านจนมาเจอพวกฮาโอ โลกิ เอเลนและคิระยืนอยู่

                 ''นี้เงียบๆหน่อยสิย่ะพวกนาย=_= พวกคุณพลูเทียกำลังนอนพักผ่อนอยู่นะ''เอมี่เดินออกมาจากห้องรักษาตัวแล้วพูดห้าม

                 ''นี้นะหรอมนุษย์เพื่อนของลูกสาวข้าที่ชื่อเอมี่นะ ข้าเป็นพ่อของพลูเทียชื่อคิระฝากตัวด้วยนะ''คิระเดินไปทักทายเอมี่พร้อมกับยิ้มให้เอมี่

                 ''คุณหนูละ คุณหนูพลูเทียอยู่ไหนQ^Q''อัลทีมิสรีบเดินไปหาเอมี่แล้วถามถึงพลุเทีย

                 ''ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะคุณคิระ ก็ฉันบอกอยู่นี้ไงค่ะว่าคุณพวกพลูเทียเขากำลังหลับพักผ่อนอยู่นะ=_= อาการของคุณคุโระกับไกอาร์ไม่หน้าห่วงเท่าไร แต่ว่าอากรของคุณพลูเทียนี้สินะหน้าเป็นห่วงสุดๆเลยละ''

                 ''งะ งั้นหรอครับ แต่ก็ดีแล้วที่คุณหนูยังไม่ตาย''อัลทีมิสพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย

                 ''ฮ่าๆ เจ้านี้นะยังเป็นห่วงลูกสาวแบบเอาเป็นเอาตายอยู่เหมือนเดิมเลยนะอัลทีมิส''คิระพูดพร้อมกับแอบขำอัลทีมิสเล็กน้อย

                 ''ก็แหม่-3- คุณคิระก็รู้นี้ขอรับว่าหมอหวงคุณหนูมากพอๆเหมือนกับคุณนั้นแหละ''

                 ''อะไร~ ข้าก็แค่เป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักของข้าแบบสุดๆต่างหาก อุ๊บ!เพลอพูดไปซะแล้ว''

                 ''อะเฮ๊อะๆ เห็นไหมผมบอกแล้ว~''

                 ''หุบปากเลยนะอัลทีมิส^^+''

                 ''ไม่ครับ^^+''

                    ทั้ง2คนก็ยืนเถียงกันไปเรื่อยๆโดยที่เอเลนกับเอมี่ไม่รุ้ว่าจะเข้าไปห้ามยังไงดี

*ขอโทษนะที่ลงตอนที่32ช้ามากกกกกเลยนะTwT*

 

                 

 

                 

                 

                 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา