The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) ความรักของเนติ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

แม้ออยจะผลักไสแต่จุ๊ยก็ยืนยันว่าจะไปส่งเธอที่ห้องพัก

ระหว่างทางนั่งรถแท็กซี่มาด้วยกัน  ทั้งสองนั่งเงียบกันมาตลอดทางจนกระทั้งถึงอาคารชุดที่พักของออย

จุ๊ย จะขึ้นไปส่งถึงห้อง  แต่ออยปฏิเสธบอกว่าอยากอยู่คนเดียว  จุ๊ยเองก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะง้อหรือจะตามไป เขาก็เลยบอกลาแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น

ที่จริงเขามีคำถามมากมาย  แต่กลับไม่สามารถเอ่ยออกมาได้สักคำ  เพราะความรู้สึกที่สับสนไปหมด

เขา อยากจะโทรหาใครสักคน  แต่ฮ้อยก็ไม่รับสาย  มันคงจะลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องแล้วลงไปซื้อข้าวกิน  เพราะมันชอบเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายของมัน  โทรหาอ๊อดก็กลายเป็นเมืองฟ้ามารับแล้วบอกว่าอ๊อดอาบน้ำอยู่ ก็เลยหมดอารมณ์จะคุยต่อ โทรหาเดฟ ก็กลายเป็นอัศวะรับ บอกว่าเดฟอยู่บนเวที  ตัวอัศวะเองก็ไม่ว่างจะคุย  เขาก็เลยเดินไปเรื่อยๆแล้วก็เหนื่อยจนนั่งพักอยู่ที่ป้ายรถเมล์

แล้ว โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่จุ๊ยคิดจะโทรเป็นหมายเลขแรกเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับเปลี่ยนใจ เพราะไม่รู้ว่าควรจะคุยกับเจ้าของเลขหมายว่าอะไร และเพราะอะไร

“อาราอิ... มารับฉันหน่อยสิ” จุ๊ยไม่ได้กล่าวคำทักทายเลยด้วยซ้ำ

 

จุ๊ย รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรเล่าเรื่องนี้ เพราะมันหมายถึงการประจานออย  แต่ตอนนื้เขาอยากให้มีใครสักคนรับรู้ความรู้สึกของเขา  จุ๊ยจึงพรั่งพรูออกมาเสียตั้งแต่เจอหน้ากัน

พอเล่าจบ ทั้งคู่ก็ยังอยู่บนถนนเพราะรถติดมากเพราะเป็นเวลาย่ำเย็น คนกำลังเลิกงานกลับบ้าน

อา ราอิมีสีหน้าพิศวงมาก กับเรื่องทั้งหมด  แต่พอจุ๊ยเล่าจบ  เขากลับไม่ถามอะไรสักคำ  ขับรถอย่างเงียบๆไปตามจังหวะการเคลื่อนตัวของการจราจร

จุ๊ยก็เงียบไปเหมือนกัน  เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป  แต่สักครู่

จุ๊ยเองก็กล่าวออกมาเอง

“ถ้าเป็นนาย เป็นนามิจัง  นายจะทำยังไง”

อาราอิหันมามอง  ยกคันเบรกมือขึ้น

“ฉันถึงได้เข้าใจนายไง  เพราะฉันรู้ดีว่าเป็นฉันก็คงสับสนมาก”

คำตอบนั้นฟังได้หลายแง่  เหมือนให้กำลังใจ เข้าใจจริงๆ หรือแม้แต่ตัดบท

แต่จุ๊ยกลับรู้สึกอบอุ่นใจกับคำพูดนั้น  และยิ่งเมื่ออาราอิเอามือมาจับที่หัวไหล่จุ๊ย

“ตอน นี้เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า  ลืมเรื่องนี้ไปก่อน  เพราะนายก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว  จากนั้นนายอิ่มนายสบายใจขึ้นแล้วเราค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงกับ สถานการณ์นี้”

 

อาราอิจิบน้ำชาเขียวร้อนช้าๆ เหลือบมองจุ๊ยที่กินเอากินเอา

“นี่นายระบายออกด้วยการกินเหรอ”

จุ๊ยชะงักมือมองหน้าก่อนจะโยนปลาทอดครึ่งชิ้นเข้าปากเคี้ยวๆแล้วกลืนก่อนจะตอบ

“ไม่ใช่  แต่ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่สายๆ  เพราะมัวแต่ทำโน่นทำนี่  แล้วยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก มันเลยหิวเป็นพิเศษ”

สีหน้าจุ๊ยดีขึ้นมาเยอะแล้ว  คงเพราะได้ระบาย

 

พอกินอิ่มก็พากันเดินมาตามถนนสุขุมวิทยามค่ำเพื่อจะกลับไปยังอาคารที่อาราอิจอดรถเอาไว้

“ตกลงนายคิดตกหรือยังว่าจะจัดการกับเรื่องนั้นยังไง” อาราอิถามเพราะเห็นจุ๊ยเริ่มคุยและหัวเราะได้แล้ว

“ก็..”เขาลากเสียงแล้วก็หยุดเท้ามองไปรอบๆตัว

“ก็ คงต้องให้วันพรุ่งนี้ตัดสินไง  แม่ของเราบอกว่า  ถ้าอะไรที่มันทำอะไรไม่ได้  บางทีเราก็ต้องทำใจแล้วปล่อยมันไปตามครรลอง  ตอนนี้เราก็ทำดีที่สุดแล้วนี่”

แล้วทั้งคู่ก็เดินคู่กันไป

“พูดไปมันก็เศร้านะ  จริงๆฉันก็เข้าใจหรอกว่าเพราะอะไร  แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องเป็นฉัน  ฉันมีอะไรที่ทำให้ออยถึงขนาดต้องทุ่มทั้งตัวขนาดนั้น  แล้วก็เกือบจะสำเร็จด้วย  ถ้าไม่ปรากฏว่าฉันเป็นหมันเสีย” จุ๊ยกล่าวขึ้นตอนเดินมาถึงรถพอดี

อาราอิมองหน้าจุ๊ย  เขาหยิบกุญแจรถออกมากปุ่มเพื่อเปิดประตู  ตอนนี้ลานจอดรถว่างเปล่าแล้วเพราะเป็นลานจอดรถของตึกสำนักงาน  แถมวันนี้ก็เป็นวันศุกร์

“ก็เพราะนายคือนายไงล่ะจุ๊ย  ไม่เห็นต้องสงสัย  แต่ละคนก็มีความดีในตัวเองไม่เหมือนกัน  นายดีในแบบของนาย  แล้วก็ไปโดนใจคนอย่างออย อย่างหลิว อย่างเดฟเข้า   มันก็แค่นั้น”

“แล้วโดนใจนายรีเปล่า” จุ๊ยถามออกไป 

ในวินาทีนั้นเขาไม่รู้ตัว  แต่ถามไปเพราะอยู่ดีๆใจมันคิดจะถาม มันเลยถามไปโดยไม่ได้ยั้งคิด

อาราอินิ่งเงียบไป 

จุ๊ยรู้ตัวตอนนั้นเองที่เห็นสีหน้าของอาราอิ

“เอ่อ” จุ๊ยคิดจะแก้คำพูดเป็นว่า จะถามว่าอาราอิคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

“ก็โดนใจฉันเหมือนกันยังไงล่ะ  นายคงไม่รู้สินะตั้งแต่ฉันเจอกันครั้งแรก  ฉันก็ไม่เคยลืมรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของนายได้เลย  ฉันถึงได้มาจากญี่ปุ่น  เพื่อตามหานาย”

ตอนนี้ลานจอดรถมีเสียงเล็กน้อยๆ ดังอยู่เรื่อยๆ  แต่สำหรับจุ๊ยและอาราอิความเงียบครอบครองอยู่ระหว่างคนทั้งคู่

โดยไม่อาจถอนสายตาทั้งสองสบตาอยู่อย่างนั้น  แม้อาราอิจะขยับเข้ามาใกล้จนชิด

ความสูงทำให้จุ๊ยต้องเงยหน้าตามดวงตาคู่นั้นขึ้นไปเรื่อยๆตามระยะที่กระชับเข้ามาใกล้

“แต่พอมาเจอกันอีกครั้ง  นายมีมิติที่มากมายจนทำให้ฉันยิ่งสับสน  แต่ยิ่งสับสนฉันก็ยิ่งอยากใกล้ชิดนาย”

อาราอิเอามือมาจับที่แก้มของจุ๊ยข้างหนึ่ง อีกข้างก็รวบเอวเขาไว้

จุ๊ยเหมือนโดนเสกด้วยมนตรา  ขยับไม่ได้  แม้แต่หายใจยังไม่กล้า 

อาราอิค่อยก้มหน้าลงมาอย่างช้าๆ  เหมือนกลัวร่างของจุ๊ยจะหายไปกับตา

แต่ จุ๊ยไม่อาจหนี ไม่อาจขยับ  หัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  ยิ่งหน้าของอาราอิใกล้เข้ามา  เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเสียให้ได้

แค่นิดเดียวปากของอาราอิก็จะประกบกับจุ๊ยแล้ว  จุ๊ยจึงทำได้เพียงหลับตาลง

แต่พลัน

เสียงเรียกเข้าทำให้จุ๊ยสะดุ้ง  อาราอิเองก็เช่นกัน

“ขอโทษ” เขากล่าวแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมามือไม้สั่น 

อาราอิก็ไม่แพ้กัน  เขาต้องซุกมือลงในกระเป๋าแล้วหันหนีไปทางอื่น

“เออว่าไง...” จุ๊ยตอบสาย

แล้วเขาก็เงียบไปจนผิดสังเกต

อาราอิจึงหันมาด้วยความแปลกใจ

“โอเค ฉันจะรีบไปเดี่ยวนี้” จุ๊ยตอบแล้วกดตัดสัญญาณโทรศัพท์

 

ออยนั่งอยู่ตรงขอบกั่นของดาดฟ้าตึกมานานแล้วแต่เหมือนพึ่งจะมีคนรู้แค่ไม่ถึง สามสิบนาที  ข้างล่างมีคนมามุงกันโกลาหล  ตำรวจกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พึ่งมา 

เดี่ยวจุ๊ยก็คงมา ออยแน่ใจ  ในคอนโดมินเนี่ยมนี้มีเพื่อนร่วมคณะของจุ๊ยอยู่ด้วยสองคน  ป่านนี้จุ๊ยคงจะรู้แล้วและเดินทางมา

แต่จะมาเพื่ออะไร  ในเมื่อออยละอายแก่ใจจนเกินจะพบหน้าเขาได้

เธอจะโทษใครได้อีก  เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอเลือกทำเองทั้งหมด

ตอน แรกก็ฮาร์ท  ที่เธอเจอเขาตอนไปค่ายเตรียมสอบ  และเป็นเธอเองที่หยอดน้ำตาลล่อมดให้ตามจีบเธอและก็เธอเองที่ยอมพลีกายให้ ฮาร์ทเพราะความหล่อเหลาและความเข้มแข็งของนักกีฬาโรงเรียน

แต่ ฮาร์ทก็นอกใจเธอ  ฮาร์ทมีผู้หญิงอีกคนทีเป็นเคยเพื่อนร่วมโรงเรียน  กระนั้นฮาร์ทก็ดูอาลัยอาวรณ์กับออยมาก  เพราะเขาไม่ยอมเลิกราแต่โดยดี  เป็นเธอเองต่างหากที่คอยวิ่งหนีเขา

ส่วน จุ๊ยเป็นรักแรกที่เธอฝังใจมาโดยตลอด  และเธอก็สบโอกาสเมื่อได้พบกันอีกครั้งโดยไม่มีหลิวมาขวางตรงกลาง  เธอเกือบจะได้เขามาครอบครองแล้ว  แต่อุปสรรคกลับกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวเธอเองอีก  คือเด็กในท้องที่ตอนแรกเธอคิดโง่ๆว่าจะใช้เขาเป็นเครื่องมือผูกมัดจุ๊ยไว้  แต่กลับเป็นพี่ชายของจุ๊ยที่แทรกเข้ามาเปิดโปง  ทำให้เธอต้องกลับมาเผชิญความจริง

ความ จริงแล้วในวันที่เธอกำลังเหงาเพราะพึ่งเลิกรากับฮาร์ทได้แค่ไม่กี่วัน  เธอได้เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มคนหนึ่ง เข้ามาหาเธอถึงห้อง  เนติ...

เด็ก หนุ่มขี้อาย  ที่แค่เธอยิ้มก็ทำให้เขาเขินได้  เวลาเขินก็ดูน่ารักไม่น้อย  เธอจึงให้โอกาสเขามาดามพ์หัวใจให้ชั่วคราว  และแม้เธอจะพบว่าเธอกับเขาคงไปด้วยกันไม่ได้  เพราะเธอลืมสัมผัสอันร้อนแรงของฮาร์ทไม่ได้  และความรู้สึกที่เธอมีต่อจุ๊ยก็ยิ่งทวีขึ้นเมื่อเขาและเธอได้มีสัมพันธ์กัน  จึงบอกกับเขาถึงการเลิกรา

เนติก็เดินออกไปเงียบๆ ไม่ทักไม่ท้วงดังกับที่เขาสัญญาเอาไว้แต่แรกว่าหากออยไม่ต้องการเขาแล้วก็ให้บอก แล้วเขาจะไปโดยดี

เสียงประตูดาดฟ้าเปิดออก

เธอไม่คาดหวังว่าจะเป็นจุ๊ย  แต่คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือตำรวจ

แต่ปรากฏว่าคนที่นั่งลงข้างเธอกลับเป็นเนติ

“ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนนะ” เนติกล่าว

แล้วเขามองลงไป

“สูงเนอะ ตกลงไปเจ็บมากแน่ๆเลย”

ออยมองลงไปบ้าง  ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะนี่มันชั้นยี่สิบ

“นายจะมากล่อมฉันเหรอ  คงไม่สำเร็จหรอกนะ  เพราะฉันตัดสินใจแล้ว  แต่แค่รอเห็นหน้าจุ๊ยอีกครั้งเท่านั้น  พอเขามาฉันจะกระโดดลงไป”

“ใครว่า  ผมจะมากระโดดพร้อมออยต่างหากหล่ะ”

คำตอบทำให้ออยหันมามองหน้าเนติ

เนติขยับแว่นตา

“ผม มันอ่อนแอออย  ผมรักออยแต่กลับปกป้องออยไม่ได้  และผมก็ไม่มีปัญญาดูแลออยได้เหมือนจุ๊ย  แต่ผมก็รักออยมาก  ถ้าหากออยตายไป ผมก็ไม่รู้ว่าโลกของผมจะเหลืออะไรอีก”

แล้วเขาก็หันมามองหน้าออย

“พอออยกระโดด ผมก็จะกระโดดตามลงไปด้วย  ออยไม่ต้องกลัวนะ  ถ้าเราตายเป็นวิญญาณเฝ้าตึกนี้  ผมก็จะเฝ้าเป็นเพื่อนออย”

“ทำไมนายทำอย่างนี้” ออยถาม น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง  ทั้งที่คิดว่าเธอร้องไห้จนน้ำตาแห้งไปแล้ว

“นายทำเพื่ออะไร  นายรู้ไหมตอนนี้ออยท้อง... ออยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออยท้องกับใครกันแน่  ออยเป็นผู้หญิงเลวนะเน”

เนติหันไปมองภาพทิวทัศน์ยามราตรี

“แต่ ผมเป็นผู้ชายโง่ออย  ผมมันโง่เกินกว่าจะเลิกรักออยได้  ผมไม่อยากรู้หรอกว่าออยผ่านผุ้ชายกี่คน  ผมรู้แต่ว่าคืนนั้นที่ผมกอดออยไว้คือคืนที่ผมมีความสุขที่สุดในโลก”

แล้วเขาก็ยิ้มออกมา  ดวงตาของเขาผ่านแว่นมันวาวด้วยความสุขอย่างที่ว่าจริงๆ

“ถ้า เด็กไม่ใช่ลูกฮาร์ท ไม่ใช่ลูกจุ๊ย  ผมก็อาจเป็นพ่อก็ได้ใช่ไหมหล่ะ  ผมว่าดีออก ถ้าเราสามคนตายไปพร้อมๆกัน  เราสามคนจะได้อยู่ด้วยกัน  ออยก็จะหนีผมไปไหนไม่ได้  ผมจะดูแลออย และดูแลลูกของเราด้วย  ผมสัญญา”

เนติไม่ได้มองหน้าออยในตอนนั้น  กระทั้งออยซบลงมาบนไหล่ของเขา

“ฉันขอโทษนะเน”

ออยปล่อยน้ำตาเปียกไหล่ของเขา  เนติก็โอบเธอไว้อย่างอ่อนโยน

 

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพึ่งจะเสร็จจากการขอกำลังเสริม  แต่พอหันกลับมากลายเป็นว่าสองคนนั้นหายไปแล้ว  และตนที่มุงอยู่ข้างล่างปรบมือกันเกรียวกราว  เขาจึงได้เข้าใจหันกลับไปบอกทางวิทยุ

“ว.หนึ่งเรียกศูนย์ครับ  ไม่ต้องส่งกำลังมาแล้วนะครับ  เหตุการณ์คลี่คลายแล้วครับ”

จุ๊ยมาถึงตึกด้วยการวิ่งเพราะรถของอาราอิที่ติดอยู่ในระยะไกลเพราะเจ้าหน้าที่ ปิดการจราจร  แต่สิ่งที่จุ๊ยได้เห็นทำให้ความร้อนใจของเขามลายไป

แม้ว่าจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด  แต่ก็โล่งใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี

อาราอิเดินเข้ามายืนเคียงข้างเขาทั้งสองมองหน้ากัน  แล้วจุ๊ยก็ยิ้มออกมากล่าวว่า

“กลับกันเหอะ  สงสัยเขาคงไม่ต้องการจุ๊ยแล้วหล่ะ”

 

จุ๊ยเปิดตู้หยิบเอาเทรนเนอร์แซคออกมา  เขาสุ่มเพลงจากแฟ้มชาร์ต  ได้เป็นเพลง What a Wonderful World - Louis Armstrong

จุ๊ยสูดลมหายใจ  แล้วจรดริมผีปาก  แตรของแซกโซโฟนเทนเนอร์ก็ส่งเสียงต่ำที่สร้างแรงสะเทือนสัมผัสใจ  ครั้งถึงเสียงสูงก็นุ่มนวลอย่างยิ่ง 

จุ๊ยนึกไปถึงนาทีสั้นๆที่เขารู้สึกว่ามันนานเนิ่น  กลิ่นกายและสัมผัสยังคงค้างอยู่ในห้วงคำนึง...

ในลานจอดรถที่ร้างผู้คนนั้น  ที่เขากับอาราอิเกือบจะจุมพิตกัน

 

ตี้ที่จะมาถามความเป็นไปจากจุ๊ย  ก็หยุดหน้าประตูเมื่อเขาได้ยินเสียงเพลงแว่วออกมา  เขาเอาหูแนบประตู  จึงได้ยินอย่างชัดเจน

เขาคิดไปเองหรือเปล่า เสียงแซกโซโฟนของน้องชายนั้น  หวานหูมากกว่าทุกวัน...

พอเพลงจบ ตี้จะเคาะประตู  เพลงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง..

จำไม่ผิดนี้คือ What a wonderful world

คนที่พึ่งจะพ้นเหตุการณ์วุ่นวายมาอย่างจุ๊ย  เล่นเพลงนี้...  แถมเล่นอย่างไพเราะกว่าปกติเสียอีก

ตี้ยักไหล่แล้วก็เดินกลับไป เหมือนจุ๊ยจะไม่ได้อยากได้คำปลอบใจจากเขาแล้ว

 

 

อาราอิยืนจิบเบียร์กระป๋องอยู่ที่ระเบียงห้องของตัวเอง  เขาทอดสายตาไปในสวนของบ้านตระกูลฉัตรอัครที่เงียบสงบในเงาของราตรี

เขาอมยิ้มให้ภาพในห้วงความทรงจำ  ใบหน้าของจุ๊ย  ดวงตาที่หลับพริ้มลงอย่างไม่ขัดขืน  อาการเกรงตัวจนแม้เขาก็ยังสัมผัสได้ชัดเจน..

แล้วหูของเขาคล้ายจะได้ยินเพลงจากที่ไหนสักแห่ง...

What a wonderful world...

 

จุ๊ยไม่เจอออยอีกเลยนับจากวันนั้น  ได้ยินมาว่าเธอลาออกไปแล้ว  แต่เมื่อได้พบเนติโดยบังเอิญระหว่างเขากำลังเดินอยู่ก็เลยอดจะถามไม่ได้

“ตกลงก็คือนายคือพ่อของเด็ก” จุ๊ยถามย้ำ

เนติพยักหน้า  แต่ก็ตอบว่า

“แค่เป็นไปได้  แต่ก็คงแค่ผมกับฮาร์ทสองคนนี่หละ”

จุ๊ยงง

“ฮาร์ทคือแฟนของออย ก่อนจะเลิกรากันไปเพราะฮาร์ทไปแอบมีกิ๊ก ประมาณเดือนหนึ่งก่อนมาคบกับจุ๊ย  ส่วนผมก็แทรกระหว่างช่วงของจุ๊ยกับฮาร์ท” เนติเล่าโดยดี

“ตอนนี้พ่อแม่ผมกำลังไปสู่ขอออยตามประเพณี  ดูเหมือนทางผู้ใหญ่จะไม่มีใครรู้เรื่องของจุ๊ยกับออยนะ เพราะเหมือนออยจะไม่ได้บอกกับที่บ้านเรื่องของจุ๊ย”

“ก็ อาจจะนะ  เพราะจริงๆผมกับออยเป็นญาติกัน  ถ้ารู้แล้วผมคงโดนพ่อเรียกไปด่านานแล้วหล่ะ  แต่นี่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร” จุ๊ยพยักหน้าเห็นด้วย

เขามองหน้าเนตินิดหนึ่งก่อนจะกล่าว

“ผมขอโทษนะ  ที่ทำให้คุณต้องเป็นทุกข์อยู่ตั้งสองเดือน”

เนติถอนหายใจ

“ช่างเถอะครับ  เอาเป็นว่าเราสองคนก็เป็นเพื่อนนะครับ” แล้วเนติก็ยื่นมือออกมา

จุ๊ยสัมผัสด้วยและตบบ่าไปสักที

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกเลยนะ  ผมยินดี” จุ๊ยยิ้ม

เนติเดินไปแล้วแต่จุ๊ยยังมองตามไป  เขารู้สึกมั่นใจอย่างไรบอกไม่ถูกว่าเนติจะต้องดูแลออยได้ดีกว่าเขาแน่นอน

“อันนี้กูเรียก Happy Endingได้ไหมวะ”  ฮ้อยที่ถอยออกไปก่อนหน้านี้ เดินมากลับกอดคอจุ๊ย

“ก็ได้  อย่างน้อยเขาก็มีความสุข”  จุ๊ยตอบ

“แล้วเอ็งหล่ะ” อ๊อดที่เดินเข้ามายืนอีกข้างของจุ๊ยถาม

“ไม่เศร้าหน่อยเหรอ”

จุ๊ยมองหน้าเพื่อนสองคน

กระโดดกอดคอทั้งคู่

“จะเศร้าทำไมก็กูมีเมียอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน”

“มั่วละ... ใครเมียมึง” ฮ้อยแย้งแต่ก็เดินไปตามทางในลักษณะนั้น

“กูเป็นผัวได้ไหมวะจุ๊ย” อ๊อดว่า

“เฮ้ยอันนี้มันต้องแล้วแต่ใครพลิกได้ก่อน”

“โอ้ย.. อย่างงั้นกูสบายประสบการณ์พลิกกูคล่องมาก”

“ประสบการณ์  มึงไปพลิกไปกดใครมาวะถึงได้ชำนาญ”

“อ้อ เปล่า... ก็แค่พูดเฉยๆ”

“เฮ้ยแต่หมู่นี่มันพลิกยากเอาการนะเว้ยเพื่อนฮ้อย เพื่อนอ๊อด...”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา