The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

54) ไปสู่ท้องนภาอันกว้างไกล จุ๊ยกับอาราอิ ต่างคนต่างไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

บรรดาครอบครัวและเพื่อนของจุ๊ยรออยุ่ด้านนอก  เพื่อรอให้จุ๊ยออกมาจากหอประชุม

พอจุ๊ยเดินออกมาเขาก็ยิ้ม  แสดงว่าผลการทดสอบออกมาดี

“ได้ใช่ไหม” ฮ้อยถามด้วยความตื่นเต้น

“อืม.. มันแน่อยู่แล้วก็กูเก่ง” จุ๊ยแกล้งคุยอวด

เพื่อนก็เฮกันลั่นด้วยความดีใจ 

คนที่ยิ้มไม่หุบอีกคนตั้งแต่ในตอนที่มีคนลุกขึ้นปรบมือให้จุ๊ยคือป๊า

“ดีแล้วดีแล้ว” ป๊าพูดซ้ำๆตอนที่จุ๊ยมาบอกใกล้ๆ

“อาม๊าลื้อต้องดีใจมากแน่นอนเลย”

“หลิวรู้อยู่แล้วว่าต้องได้” หลิวกล่าว

จุ๊ยก็ตอบด้วยรอยยิ้ม

ระหว่างเดินๆไปที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัย จุ๊ยก็หันไปหันมาตลอด  ซัวสังเกตเห็น

จึงเดินเข้ามาประกบ

“หาเฮียอาราอิใช่ไหม แกกลับไปแล้ว มาทักทายป๊าแล้วก็กลับไปเลย”

จุ๊ยหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าแทบทันที

แต่เดี่ยววาทิตก็เดินเข้ามาใกล้

“เฮียครับ  พี่โยชิฝากนี่ไว้ให้เฮียครับ  เขาบอกว่าเป็นรางวัลที่ได้รับทุน  แล้วก็ยินดีด้วย” เขาบอก

“ผมก็กลัวพี่สาวคนนั้นจะเห็นก็เลยไม่กล้าให้”

สิ่งวาทิตส่งให้เขาคือกระเป๋าใส่แซกโซโฟนโซบราโน่ไม่ผิดแน่

 

ค่ำคืนนี้ช่างเงียบงันแม้ดาวบนฟ้าก็ยังไม่สดใส  อาราอิถอนหายใจแล้วเดินกลับเข้ามาภายในห้อง ปิดประตูแล้วหันไปเปิดเครื่องปรับอากาศ

เขาเอาโทรศัพท์มากดดูภาพที่ถ่ายไว้กับจุ๊ย

ไม่มีสักรูปที่จุ๊ยจะไม่ทำท่าทางทะลึ่ง ทะเล้น  ทำไมหนอผู้ชายหน้าตาธรรมดา ตลก คะนองคนนี้ทำให้เขายิ้มได้แม้แต่แค่ภาพถ่าย

แต่ระหว่างนั้น โทรศัพท์ก็เปลี่ยนหน้าจอ เป็นหน้าสายเรียกเข้า

“ไฮท์นามิจัง” อาราอิกรอกเสียงพยายามให้สดใสที่สุด

แต่ทว่าเสียงที่ตอบมานั้นช่างเศร้าสร้อย  นามิจังเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่ทำให้อาราอิต้องนั่งฟังเงียบๆโดยไม่ได้ตอบโต้ใดๆ

 

เนื่องจากใกล้จะปีใหม่ เธอจึงชวนจุ๊ยไปไหว้พระ และทำบุญ  จากนั้นก็พากันมานั่งพักในสวนแห่งหนึ่งกลางกรุง

หลิว นั่งมองเด็กหลายๆคนวิ่งเล่นกันในสนามเด็กเล่น  หลิวยิ้มออกมาตอนที่เห็นเด็กสามคน  หนึ่งชายสองหญิงกำลังเล่นกัน เดี่ยวหนึ่งเด็กหญิงคนหนึ่งก็ล้มแล้วร้องไห้จ้า เด็กชายก็รีบเข้ามาปลอบโยน  เด็กหญิงอีกคนก็ช่วยกันปลอบ  แต่ก็ดันร้องไห้ออกมาบ้าง เด็กชายเลยต้องปลอบทั้งสองคน

“เห็น แล้วนึกถึงตอนเราเป็นเด็ก  แต่ก่อนเราสามคน หลิว จุ๊ย แล้วก็ออยเคยเล่นกันแบบนี้เหมือนกัน” หลิวกล่าว เธอยิ้มให้กับเงาสะท้อนของอดีตกาล

จุ๊ยสะดุ้งนิดหน่อยกับชื่อของออย

หลิวยังไม่ได้หันมา เธอยังมองเด็กทั้งสามที่สองเด็กหญิงหยุดร้องไห้แล้ว เด็กชายจึงพาเดินออกไปจากสนามเด็กเล่น

“หลิวรู้แล้วหละจุ๊ย เรื่องของออยน่ะ”

จุ๊ยตกใจ  แต่ยังรักษาอาการมองหน้าเธอเงียบๆ

“หลิวรู้จากเพื่อนที่เรียนที่เดียวกับจุ๊ย และออยนั้นล่ะ  แต่ไม่นานออยก็โทรมาเคลียร์กับหลิวเอง  สารภาพตามตรงกับหลิว  แล้วเขาก็บอกว่าตอนนี้เขาเลิกกับจุ๊ยไปแล้ว” เธอกล่าวต่อไป

“ตอน นั้นหลิวบอกตามตรง ว่าโมโหจุ๊ยมากเลย  แต่พอออยอธิบายเรื่องทั้งหมด  กลับรู้สึกว่าจุ๊ยเป็นคนจิตใจดีมาก  ขนาดออยยังบอกว่าเธอเสียดายที่ลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของจุ๊ย  เพราะจุ๊ยดีกับเธอเหลือเกิน  แต่เธอก็รักคนที่เธออยู่ด้วยปัจจุบันนะ”

แล้วหลิวก็หยิบโทรศัพท์มาเข้าโปรแกรมไลน์ ซึ่งแสดงรูปของออย อุ้มเด็กน้อยวัยราวๆขวบเอาไว้ โดยมิเนติกอดประคองอยู่ข้าง

จะว่าไป  จุ๊ยก็ไม่เจอออยเลยตั้งแต่วันทีแยกกันหน้าคอนโดมิเนียมของเธอ 

“ออยยังบอกว่าที่จุ๊ยยอมคบกับเธอตอนแรกเพราะออยเอาหลิวมาขู่  ซึ่งตรงนี้หลิวดีใจมากเลยนะ “ หลิวหันมายิ้ม

จุ๊ยมองรอยยิ้มของเธอแล้วรู้สึกดี ทว่าเธอกลับหันไป เงียบไปนานก่อนจะกล่าว

“จุ๊ยจะไม่เล่าเรื่องของโยชิให้หลิวฟังจริงๆเหรอ”

จุ๊ยนึกอยู่แล้วว่าเธอต้องรู้ เพราะถ้าเธอรู้เรื่องของออยได้  ทำไมจะรู้เรื่องของอาราอิไม่ได้

“แล้วที่หลิวได้ยินมา มันเป็นยังไงล่ะ”

หลิวถอนหายใจแล้วมองไปไกลๆ

“จุ๊ยควรจะบอกหลิวด้วยตัวเองมากกว่า  เพราะหลิวอยากได้ยินจากปากจุ๊ย”

จุ๊ยถอนหายใจ

“ก่อนจะฟังเรื่องอาราอิ  หลิวควรจะรู้เรื่องของพี่ไตรก่อน  เพราะจริงเรื่องของพี่ไตรนั้นล่ะที่ทำให้จุ๊ยรู้ว่าจุ๊ยไม่ได้เหมือนผู้ชาย คนอื่นๆ  จุ๊ยชอบผู้ชายด้วยกัน”

หลิวหันมามองหน้าจุ๊ย  เธอยิ้มแต่มันขมขื่นอย่างไรชอบกล

“ก็รู้นั้นล่ะ  จุ๊ย.. หลิวไม่ได้โง่หรอกจะ  แต่หลิวพยายามคิดในแง่บวกเหมือนที่จุ๊ยเคยสอนหลิวเสมอ  แต่มันก็อดคิดไม่ไหวหรอก  เพราะตอนนั้นจุ๊ยกับพี่ไตรสนิทกันเกินเพือนจริงๆ  สายตาตอนที่จุ๊ยมองพี่ไตร มันลึกซึ้งมาก” หลิวบอกตามตรง

“แต่หลิวตอนนั้นก็ชอบจุ๊ยมาเสียจนไม่กล้าพูดอะไร  แล้วพอพี่ไตรตายจุ๊ยก็กลับมาเป็นปกติ หลิวก็เลยคิดว่าจุ๊ยน่าจะหาย”

จุ๊ยหัวเราะเบาๆกับคำว่าหาย

“จุ๊ยไม่เป็นโรคนะหลิว  จุ๊ยเป็นเกย์  มันหายกันไม่ได้หรอก มันมีแต่เก็บเอาไว้ได้  แต่ก็ไม่ได้ตลอด.. เพราะที่สุดจุ๊ยก็มีอาราอิอีก  เพราะอย่างนี้จุ๊ยถึงไม่กล้ารับเป็นแฟนกับหลิวไงหล่ะ”

หลิวถอนหายใจ

“แล้วถ้าไม่มีพี่ไตร ไม่มีอาราอิ  จุ๊ยจะรักหลิวไหม”

จุ๊ยหันมองหน้าเธอ แล้วก็หันไปมองเด็กๆวิ่งเล่น

“หลิว.. บอกตามตรง  ถ้าจุ๊ยไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน จุ๊ยก็จะชอบหลิวนะ  เพราะหลิวเป็นคนน่ารักมาก  รอยยิ้มของหลิวทำให้โลกสวยงามมากจริงๆ  แต่ปัญหาคือจุ๊ยเป็นเกย์  ต่อให้จุ๊ยเก็บกดไว้แล้วคบกับหลิวไป  สุดท้ายก็อาจมีสักวันที่จุ๊ยทำให้หลิวเสียใจ  ซึ่งจุ๊ยทำไมได้จริงๆ” เขาเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป

“สำหรับ จุ๊ย  หลิวคือคนที่จุ๊ยห่วงใย  หลิวมีความสำคัญกับจุ๊ย  จนจุ๊ยไม่อยากทำให้หลิวเสียใจ  ดังนั้นในเมื่อเลือกไม่ได้  จุ๊ยก็ต้องขอเป็นแค่เพื่อนกับหลิวเท่านั้น”

หลิวเงียบไปชั่วระยะ แล้วก็พยักหน้าช้า

“ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยจุ๊ยก็ยังชอบหลิว  แล้วก็แคร์ความรู้สึกของหลิว แค่นี้ก็พอแล้วล่ะจุ๊ย  แค่นี้เองที่หลิวต้องการ”

แล้วทั้งคู่ก็เงียบไป

“โยชินี่เขาเป็นคนน่ารักเนอะ  นี่เขาจะเป็นยังไงบ้างหนอ  ที่หลิวเอาแฟนเขามาควงอยู่ตั้งหลายวัน” หลิวกล่าวออกมา

“มิน่าหละจุ๊ยถึงรักเขา  เพราะเขาเป็นคนน่ารักแบบนี้นี่เอง”

จุ๊ยไม่ได้ตอบ แต่หลิวก็รู้ดีว่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้จุ๊ยเสียใจ

เธอจึงกล่าวต่อไป

“ในเมื่อจุ๊ยสารภาพแล้ว ตาหลิวสารภาพบ้างนะ” แล้วเธอก็เอาโทรศัพท์ รูปหนุ่มหน้ามนใส่แว่นตาให้ดู

“พี่วิน  เขามาจีบหลิวตอนที่อยู่ที่โน่น  พี่เขาเป็นคนน่ารักแล้วก็เรียนเก่งมาก  ช่วยเหลือหลิวทุกอย่างและดูแลหลิวตลอดเลย”

จุ๊ยมองเห็นแววตาที่หลิวกล่าวถึงพี่วินที่ว่า แล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเธอถึงได้ทำใจกับเรื่องนี้ได้ง่ายนัก

“สรุปว่าเราหายกันนะ  หลิวนอกใจจุ๊ย  จุ๊ยนอกใจหลิว  สรุปเราก็เป็นเพื่อนกันต่อไป  เป็นเพื่อนกันตลอดกาล” หลิวยิ้มออกมา

แล้วเธอลุกขึ้นแล้วก็บิดตัวไปซ้ายไปขวา

“สบายใจจังได้คุยกับจุ๊ยแบบเปิดอกแล้ว เรากับบ้านกันเถอะเพื่อน”

“โอเคเพื่อน” จุ๊ยตอบแล้วลุกขึ้น ก่อนจะเดินคู่กันไปกับหลิวในแสงแดดยามเย็น..

 

จุ๊ยกดโทรศัพท์หาอาราอิมาหลายครั้งจนเหนื่อยใจ  เขาอยากจะบอกเรื่องราวที่ได้คุยกับหลิวในวันนี้  แต่ทำไมอาราอิไม่ยอมรับสาย

เขาก็เลยส่งข้อความไปแต่ระหว่างการพิมพ์ข้อความนั้นอาราอิก็โทรกลับมา

“ทำอะไรอยู่น่ะ ฉันโทรทั้งนาน”

“คุยกับนามิจังอยู่” อาราอิตอบ เสียงนั้นมีอารมณ์แปลกๆแฝงมาด้วย

จุ๊ยนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะกล่าว

“ฉันคุยกับหลิวเรียบร้อยแล้วนะวันนี้ ตอนนี้..”

“จุ๊ย..ฉันขอโทษ  แต่นายช่วยฟังเรื่องของฉันก่อนจะได้ไหม” อาราอิย้อนตอบกลับมา

“ฉันขอโทษ  แต่ฉันกับนามิจัง..”

จุ๊ยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับตอนที่ฟังเรื่องราวของอาราอิ  เขาวางสายโดยไม่ได้ไปโดยไม่ได้เล่าอะไรให้อาราอิฟัง  เขาหันไปมองโซปราโนแซกโซโฟนที่ยังไม่ประกอบทดสอบเลยด้วยซ้ำ..

มันควรจะเป็นอย่างนี้จริงเหรอ อาราอิ  จุ๊ยอยากจะถามอย่างนั้น

 

บนเครื่องบินที่กำลังจะออกเดินทางไปสู่สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น  อาราอิหันไปมองข้างตัว  ไม่ใช่จุ๊ยที่นั่งข้างๆแต่เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น

อาราอิถอนหายใจเบาๆออกมาแล้วก้มมองกล่องแซกโซโฟนที่เขาได้รับคืนมา  หัวใจของเขากำลังร่ำร้องอย่างรุนแรงจนเขาต้องปลอบมันด้วยการหลับตาลง

“มัน จำเป็นนะจุ๊ย  แต่ฉันก็อยากจะบอกนายว่า ฉันรักนายที่สุด รักมากจริงๆ ถึงนายจะคิดยังไงก็ตาม  ฉันรักนาย..” อาราอิยังจำคำพูดตัวเองได้ดี.. นั้นคือคำพูดที่เขาพูดกับจุ๊ยเมื่อคืน

 

ผ่านมาหนึ่งเดือนจุ๊ยมัวแต่หัวหมุนกับการทำโน่นทำนี่  ทั้งเรื่องเอกสาร เรื่องวีซ่า และยังต้องเตรียมจัดหาเสื้อผ้าอีก 

เพื่อนๆก็แห่กันเอาข้าวของมาให้  โดยเฉพาะเดฟขนซื้อเสื้อหนาวมาหลายตัวล้วนแล้วแต่ราคาแพง  ส่วนคนอื่นก็หุนกันซื้อข้าวของเครื่องใช้จนสัมภาระของจุ๊ยแพ็คออกมาแล้วกลาย เป็นว่าเกินน้ำหนักจนต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม แล้วยังจะแซกโซโฟนสองตัวอีกต่าง

พอเช็คอินเรียบร้อย  จุ๊ยก็ออกมาหาครอบครัวและเพื่อนๆ ซึ่งก็รวมพ๊งหัวและพี่สาวต่างมารดาของเขาด้วย

“รักษาสุขภาพให้ดี  อย่าหักโหมจนเสียสุขภาพรู้ไหม” ไฮ้จุ๊งกล่าวแก่ลูกชาย

“เฮ้ย ไอ้จุ๊ง อั๊วกำลังจะพูดพอดี” พ๊งหัวขัดขึ้น  แล้วขยับเข้ามา

“ไปแล้วก็อย่าลืมเขียนจดหมายมาบ้างนะ  ไม่ใช่หายไปเลย”

“ป๊า ค่ะ เดี่ยวนี้ไม่ต้องเขียนจดหมายแล้วค่ะ โทรศัพท์ก็มี  โทรมาก็ได้  โซเชียลก็มี เดี่ยวหนูเปิดแอ็คเคาร์ทให้ป๊าคุยกับจุ๊ย” แหวนท้วง

“เออใช่ ลื้อนี่มันโง่จริงๆ” ไฮจุ๊งได้ทีซ้ำเติม

พ๊งหัวหันมองหน้าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้

จุ๊ยส่ายหัวก่อนจะหันไปหาน้องชาย

“ดูแลป๊าให้ดีนะเว้ย  อย่าทำตัวเหลวไหล  มีอะไรก็ปรึกษากันก่อนอย่าทำอะไรโดยพละการอีก” จุ๊ยลูบหัวซัว 

ซัวยิ้ม

“ผมไม่กล้าแล้วเฮีย “ เขาตอบแล้วก็กอดพี่ชาย

“ผมต้องคิดถึงเฮียมากๆแน่เลย”

“กูก็เหมือนกัน” จุ๊ยกอดตอบ 

ตี้เห็นดังนั้นเลยเข้ามาโอบน้องทั้งสองเอาไว้

นั้น ทำให้บิดาทั้งสองของจุ๊ยมองด้วยความปิติ  แม้จะไม่ใช่พี่น้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ความรักของสามพี่น้องนั้นร้อยเปอร์เซนต์อย่างแน่นอนที่สุด

พออำลาครอบครัว จุ๊ยก็หันมาหาเหล่าเพื่อน

เขากับพวกเพื่อนไปเลี้ยงส่งกันมาแล้วคำพูดก็เลยไม่มากมาย  นอกจากกอดกันที่ละคน  แต่เดฟกอดนานสุดจนอัศวะต้องดึงแขน

“อะไรเล่า” เดฟทำหน้าไม่พอใจ ตอนปล่อยจุ๊ย

“อย่านาน อย่านาน ฉันหึง” อัศวะบอกแล้วควงแขนเดฟแนบแน่น

จุ๊ยหันไปส่งสัญญาญอย่างรู้กันกับฮ้อยและอ๊อด

ก่อนจุ๊ยจะหันไปหาวาทิต

เอามือวางบนไหล่วาทิต

“ตั้งใจฝึกนะ  วาก็เป็นคนมีความสามารถ  เฮียเชื่อว่าวาต้องมีโอกาสดีๆเหมือนเฮีย”

วาทิตยิ้มตอบ

“แล้วผมละ” อู๊ดท้วง

จุ๊ยก็เลยหันมากอดอกมองหน้ามัน

มันก็ทำหน้ายียวนกลับ

แต่จุ๊ยดึงมันเข้ามากอด

“มึง เป็นศิษย์เอกกูไอ้อู๊ด  แต่มึงอย่าลำพองเวลาเล่น  มึงต้องรู้จักผ่อนไปตามเพลง  ไม่อยากนั้นมึงจะทำเพลงเสียเพราะเพลงบางเพลงมันจะต้องใช้ความอ่อนโยน เข้าใจไหม”

อู๊ดน้ำตาซึม

“ครับ อาจารย์  ผมจะทำตามที่พี่สอน และจะทำให้ทุกคนเห็นว่าผมก็เก่งไม่แพ้ใคร เพราะผมเป็นศิษย์ของพี่จุ๊ย”

จุ๊ยปล่อยตัวอู๊ดแล้วเอามือเช็ดน้ำตาออกให้

“เฮ้ยขี้แยว่ะ  มึงนี่”

จุ๊ยหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าได้เวลาแล้ว ก็หันไปยกมือไหว้พ่อทั้งสองคน แล้วก็โบกมือลาเพื่อนๆ

แล้วเขาก็เข็นสัมภาระเดินไปสู่ประตูผู้โดยสารขาออก

“เฮ้ยจุ๊ย” ฮ้อยวิ่งตามมาก่อนจุ๊ยจะพ้นประตูไป

ฮ้อยมองหน้าจุ๊ย

“นี่มึงกับอาราอิจะจบกันอย่างนี้จริงๆเหรอ”

จุ๊ยถอนหายใจ

“มันดีแล้วหละ  เขากับฉันก็จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ส่วนอนาคตก็ปล่อยเป็นเรื่องของอนาคต”

“มันดีแล้วจริงเหรอจุ๊ย” ฮ้อยถามเพื่อย้ำ

จุ๊ยพยักหน้า

“นี่หละดีแล้ว ดีสำหรับกู ดีสำหรับอาราอิ แล้วก็ดีสำหรับทุกคน”

 

 อากาศยานทะยานออกไปตามทางวิ่ง

จุ๊ยอยากจะได้มือของอาราอิมากุมมือเขาไว้ในตอนนี้  แต่ก็ทำได้แค่บีบมือตัวเองไว้  เมื่อเครื่องบินเริ่มยกตัวขึ้น

แอร์บัส A380 ทะยานสู่ฝากฟ้าเหมือนกับที่มันทำในทุกเที่ยวบิน  ทว่ามันจะรู้หรือว่ามันกำลังเป็นพาหนะที่นำพาหนุ่มที่จะกลายเป็นตำนานบทต่อไปของโลกแห่งดนตรีไปสู่ท้องนภาอันกว้างไกล

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา