The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) สามเสือแห่งวงโย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        

“มาแล้วมาแล้ว” ปอร้องเมื่อเห็นจุ๊ยเดินมา

เขาวางกระเป๋าลงข้าง หันมา

ปรากฏว่าเพื่อนกำลังรวมตัวเป็นกระจุกมองหน้าเขาด้วยอาการแปลกประหลาด

“เป็นเหี้ยอะไร “

เพื่อนๆมองหน้ากัน ก่อนจะส่งอ๊อดเป็นตัวแทน เขากอดคอจุ๊ยแล้วพาหันไปหาโต๊ะของกลุ่มเกย์สาว พวกนั้นแสดงอาการคล้ายกัน

“เฮ้ยจุ๊ย  มึงไม่สังเกตหรือวะว่าคนทั้งโรงเรียนมองมึงเหมือนพวกกูทั้งนั้น”

จุ๊ย ไม่ได้สนใจอะไรตอนเดินมา เพราะเมื่อกี้เดินมาเขาก็มัวแต่คิดเรื่องการประกวดวงโยธวาทิตวันพรุ่งนี้  แต่พอมองไปรอบๆ ก็เห็นสายตาหลายคู่มองมาจริงๆ

“เออ มองทำไม” แล้วจุ๊ยก็เริ่มสำรวจตัวเอง  โดยเฉพาซิบกางเกงว่ารูดรึเปล่า

“ไม่ใช่ๆ” ก้องภพเอาโทรศัพท์ของเขามากดให้จุ๊ยดู

“จงอธิบายภาพนี้อย่างถูกต้องและเหมาะสม.. สิบคะแนน”

ก็คือภาพเดียวกับที่เดฟส่งให้จุ๊ยดูเมื่อคืน

“เฮ้ยไอ้เดฟมันแชร์ไปทั่วเลยเหรอวะ” จุ๊ยร้อง

“ไอ้เดฟมึงตาย” เขาทำท่าจะเดินไป

“เดี่ยวๆ ไม่ต้องๆ ใครๆเขาก็มีรูปนี้จุ๊ย ตอนนี้เผลอๆไม่ใช่แค่โรงเรียน  กูว่าแฟนคลับของไอ้โยชิทั่วประเทศก็อยากจะถามแบบนี้กับมึง” ก้องภพเข้ามาขวางเขาด้วยการดันอก

แล้วทั้งอ็อดและก้องภพก็ดันเขาให้นั่งลง  ก่อนทุกคนจะล้อมกรอบมา

“จุ๊ยมึงสารภาพมา  มึงไปสนิทกับเขาตอนไหน” อ๊อดถามเสียงเข้ม

“แล้วมึงไปทำอะไรกันมา” ก้องภพคำราม

“นี่กระเป๋าใหม่  เขาซื้อให้มึงใช่ไหม” ปอเอากระเป๋าจุ๊ยมาแสดงด้วย

“มึงกับมันเป็นอะไรกันแน่” อัศวะจ้องตาเขา

“คุณต้องการอะไรจากสังคม”ตั้มเค้นเสียงถาม

เงียบกริบ..

“ไอ้เหี้ยไม่เข้าพวก” อ๊อตตบหัวตั้มทีนึง

“มึงเป็นเฮียสรหรือไงวะ” 

แล้วรุมกันเหมือนเดิม

จุ๊ยมองหน้าเพื่อนที่ละคน  ก่อนจะลุกพรวด

“ไอ้หอก... เป็นเพื่อนกัน  มึงจะบ้าเหรอ กูกับมันเจอกันแค่สามสี่ครั้ง พวกมึงจะให้กูมันเป็นอะไรกันเล่า”

เสียงจุ๊ยค่อนข้างดัง จึงได้ยินไปถึงแก็งค์เกย์สาว พวกนั้นเริ่มสุมหัวกัน

“พวกมึงนี่ท่าจะบ้า  ถ้ามันไม่ใช่ดารามึงจะสนใจกันอย่างนี้ไหม  ทีกูกับไอ้อ๊อดนอนด้วยกัน  ไอ้ฮ้อยอาบน้ำห้องเดียวกับกู  ไอ้อัสไปเที่ยวเชียงใหม่กับกูสองคน  ไอ้ปอกระโดดจูบกูกลางสนามบอลพวกมึงไม่เห็นสนใจกันบ้างวะ”

“เออวะ” ก้องภพถอยออกมานั่ง

“แม่งก็ไม่เห็นจะมีอะไร  ก็แค่ยืนใกล้กันรีเปล่าวะ”

อ๊อดก็นั่งลงข้างๆ

“เปล่ากูก็ไม่ได้สงสัยอะไร  แค่ทำตามกระแส กูโดนถามตั้งแต่เมื่อคืน”

“ใครถามมึง” จุ๊ยย้อน

อ๊อดถึงกับสะอึก

“ก็เพื่อนไง เพื่อนที่อยู่หอเดียวกับกู เขาถามกันหมดหล่ะ”

“เฮ้ยมึงจะหงุดหงิดไม่ได้นะ  ถ้าเป็นกูกับคนอื่นต่อให้มีรูปไปกระโดดกอดคอมันก็คงไม่มีใครสงสัย  แต่มึงป็อปไอ้จุ๊ย  ใครๆก็อยากจะรู้เรื่องของมึง” ปอกอดคอแล้วพานั่งลง

“ป๊อปตรงไหน” จุ๊ยส่ายหัว

อัศวะมองหน้า

“นี่มึงไม่รู้ตัว  ตอนนี้ใครก็สนใจมึง  โดยเฉพาะสาวๆแก็งค์โน้น  ว่างๆมีงไปไลค์เพจนี้นะ  แซคเสียงหวาน  มึงจะได้รู้ว่าวันๆมีคนคอยแอบถ่ายรูปมึงอยู่ทุกวัน อัพทุกวัน มีคนไปไลค์จะหมื่นแล้ว  ทั้งโรงเรียนเรา ทั้งโรงเรียนแฟนมึง แล้วยังจะโรงเรียนที่มึงเคยไปแสดง ไปแข่ง” อัศวะเอาโทรศัพท์ของตัวเองมากดให้ดู

“ห่า... นี่มันอะไรวะ  กูไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย” จุ๊ยเอามาดู  ก็จริงอย่างว่า  เป็นภาพเขาตอนเล่นเพลงชาติ  ตอนเดินตรงระเบียง  แม้แต่ตอนกำลังเอ็ดรุ่นน้องในวงที่มีแค็ปชั่นว่า  ดุมากเลยวันนี้  แต่ก็ยังน่ารัก

“ก็มึงพี่งจะมีเฟสไม่ใช่เหรอ ดีนะมึงตั้งไพรเวทไว้สูง  ไม่อย่างนั้นมึงเชื่อกูไหม  คนมาขอแอดเฟรนมีงเป็นพัน” ก้องภพว่า เขาก็อยู่หน้าเพจเดียวกัน

“นี่ล่าสุดเลย... เมื่อกี้นี้เลย”

จุ๊ยเลื่อนขึ้นไปดู

เป็นภาพเขายืนอยู่กับพวกเพื่อนๆ

“กูว่ามึงมีสโตรกเกอร์วะ  ใครสักคนนี่หล่ะรอบตัวเรา”  ปอว่า

“หรือว่าไอ้เดฟ” ก้องภพเสนอทฤษฏ๊

“ไม่น่านะ  เพราะไอ้เดฟมันไม่เห็นต้องแอบถ่ายรูป มันมาแนวลวนลามมากกว่า” ปอส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับก้องภพ

“อีกอย่าง  มันไม่อยู่ไปดูละครเวที กับพวกชมรมละครกับชมรมดนตรีไทย” อ๊อตกล่าวสนับสนุน

แต่จุ๊ยหันมามองหน้า

“มึงรู้ได้ไง”

“ก็กู..” อ๊อดเหมือนจะพูดไม่ออก 

“ก็เห็นป้ายประกาศหน้าห้องอำนายการ”

จุ๊ยยังสงสัย

“อ๊อดพักนี้มึงแปลกๆรีเปล่าวะ  กูว่ามึงชอบหายไปเวลาเช้าๆ กับเที่ยง  ไม่ค่อยไปกินข้าวกับพวกกู”

อ๊อดอึ้ง  กำลังหาคำตอบแก้ตัว

“จุ๊ย อ๊อด” ฮ้อยเดินหน้าเครียดเข้ามา

“มึงสองคนมานี่หน่อย  มีเรื่องด่วน”

จุ๊ยเดาไว้ว่าเป็นเรื่องของวงโยธวาทิตแน่นอน เพราะมีแค่สิ่งนี้ที่จุ๊ย ฮอยและอ็อดต้องรับผิดชอบร่วมกัน

“สปอร์นเซอร์เขาส่งหนังสือมาขอโทษ  ว่าเขาจะต้องถอนตัว เพราะเขาล้มละลาย” อาจารย์อติบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีไม่แพ้ลูกศิษย์

“แปลว่าถึงพรุ่งนี้เราจะชนะ เราก็อาจไม่ได้ไปแข่งที่ต่างประเทศ” อ๊อตกล่าวแบบสรุป

ทุกคนหันมามอง

“ใช่ เพราะเงินทุนมันจะไม่พอ โรงเรียนก็เอางบไปสนับสนุนชมรมอื่นหมดแล้ว เพราะตอนนี้ชมรมละครก็มีผลงานดี จากหนังสั้นที่ได้รางวัล แล้วกำลังจะได้ไปฉายที่ต่างประเทศ  ชมรมวิทย์ก็พึ่งชนะประกวดโครงการจะได้ไปญี่ปุ่น  ยังจะพวกชมรมกีฬาที่ได้เขารอบลึกๆ  คือตอนนี้เหมือนทุกชมรมของโรงเรียนจะมีผลงานกันหมดเลย” อาจารย์อติเคาะนิ้วพลางกล่าว

“ส่วนเรามีสปอร์นเซอร์รายนี้สนับสนุนมาหลายปี  เขาก็ไม่เคยมีปัญหาการเงิน  ไม่นึกว่ามีทีเดียวจะถึงขนาดล้ม “

“แถมล้มตอนที่เราก็คงหามาแทนยากด้วย เพราะเวลาจำกัด” ฮ้อยกอดอก

“แล้วเราจะเอาไงกันดี”

“ครูจะไปบอกพวกน้องๆให้ทำใจล่วงหน้า  แต่ก็ยังพอมีทาง  เพราะยังไงก็ยังพอมีเวลานะ” อาจารย์อติเสนอตัวในสิ่งที่ยากลำบากที่สุด

ทุกคนหันมาหาจุ๊ย  เพราะจุ๊ยยังไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรก

“ไม่ครับ” จุ๊ยตอบออกมา

ดวงตามักจะแจ่มใสขี้เล่นกลับฉายแววมุ่งมั่นออกมาอย่างแรงกล้า  เป็นสายตาเดียวกับเวลาที่จุ๊ยมองขึ้นไปบนสแตนเวลาเป็นผู้นำในการแสดง

“ผมจะทำทุกอย่างให้น้องๆได้ไป  ผมต้องการให้เขาได้สัมผัสกับประสบการณ์นั้น  ผมอยากเห็นเขาเติบโตในเส้นทางดนตรีที่พวกเขาใฝ่ฝัน “

จุ๊ยมองหน้าอาจารย์

“ผมไม่อยากเสียใครสักคนไปเพราะความผิดหวัง เพราะนี่อาจหมายถึงการที่เขาอาจเลิกเล่นไปเลย  ผมไม่อยากให้ดนตรีที่ทำให้ทุกคนรวมตัวกันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”

“แต่” อติประสานมือแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า

“จุ๊ยก็เคยพูดบ่อยๆเวลารอผลตัดสิน ว่าคนเราหลีกเลี่ยงจากความผิดหวังไม่ได้  โดยเฉพาะเวลาที่การตัดสินใจอยู่กับคนอื่น”

“ครับผมเข้าใจ”  จุ๊ยตอบกลับ  แล้วเขาก็ยิ้มออกมา

“แต่เรายังไม่ได้พยายามกันถึงที่สุดนี่ครับ  เรายังพอมีทาง  ครูก็พูดเองเมื่อครู่”

“แม้ทางที่ว่าจะยากหรือแคบ  แต่ผมจะต้องทำให้สำเร็จ ผมขออย่างเดียวอย่าให้พวกน้องรู้ พวกเขายังต้องซ้อม ยังต้องฝึกอีกมาก  ไม่ใช่แค่พรุ่งนี้  แต่จนกว่าจะได้แสดงที่ต่างประเทศ”

อติรู้สึกสองอย่างใจตอนนี้ คือ รู้สึกทึ่งในความตั้งใจและกำลังใจของลูกศิษย์คนโปรด  แต่เขาก็อายตัวเองที่ไม่สามารถคิดบวกได้อย่างจุ๊ย

อ็อดเอื้อมมือมากอดคอจุ๊ย

“ผมก็เหมือนกัน  ผมจะสู้จนกว่าจะนาทีสุดท้าย”

ฮ้อยก็โอบก็เช่นกัน

“ครับเราจะทำให้น้องๆไปอย่างที่เราเคยมีโอกาส และทำให้เราเติบโตในเส้นทางสายนี้”

อติอยากจะลุกขึ้นไปร่วมกอดคอกับสามสหายแห่งวงโยธวาทิต ก็สมแล้วที่เขาฝากความไว้วางใจทั้งหมดให้สามคนนี้ดูแล  นี่คือสิ่งที่บอกว่าเขาคิดไม่ผิด

“ตกลง  ครูเชื่อใจพวกเธอ”

ที่นอกห้องวาทิตยืนกำหมัดแน่น  เขาต้องใช้มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาที่เกิดจากความซาบซึ้งใจออก  แล้วเขาก็เดินไป

“ผมก็จะช่วยพี่ๆเหมือนกัน”

 

“ว่าแต่เราจะทำยังไง” สามคนมาสุมหัวกันหลังในช่วงเที่ยง พวกเขาไม่บอกคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเพราะกลัวช่าวจะรั่วไปถึงหูน้องๆ

“พูดไปอย่างนั้น  แต่คิดไม่ออกว่าจะเอาเงินสองสามล้านมาจากไหนได้” อ็อดกอดเขามองลงไปในบ่อน้ำเล็กของสวนหย่อม

ปลานิลตัวโตก็มองกลับขึ้นมาด้วยความหวังจะได้อะไรกิน

“ถ้ากูบอกอีพ่อกู  ก็อาจได้มาสักสองแสน  แต่มากกว่านั้นคงไม่ได้” ฮ้อยกล่าว  เขาเป็นลูกอดีตตระกูลนายฮ้อยที่ต้อนวัวควายไปขายตามถิ่นต่างๆ  ปัจจุบันประกอบธุรกิจค้าเนื้อสัตว์

“กูจะแดกยังต้องคิด  เงินที่ใช้อยู่ทุกวันก็เบี้ยเลี้ยงวงโย  คงไม่มีปัญญา” อ๊อดกล่าว

จุ๊ยตบบ่าอ๊อตเบาเชิงบอกว่าเข้าใจ

“คงต้องแสดงเปิดหมวกหล่ะวะ” จุ๊ยตอบหนทางสุดท้าย 

“เราสามคนก็คงต้องไปแสดงเปิดหมวก  แต่ต้องเลือกที่เลือกเวลา เพราะไม่อย่างนั้นไอ้น้องเรามันไปเจอมันจะสงสัย”

“ก็เอาวันที่พวกมันต้องซ้อมกันไง  กูหรือไม่ก็ไอ้อ็อดอยู่คุมวง  ส่วนมึงแน่นอนต้องเป็นคนไปเล่น  เพราะคงต้องอาศัยความสามารถมึงแล้วล่ะ  ไม่อย่างนั้นคงจะทำให้คนเขาเชื่อไม่ได้ว่าวงเราฝีมือดี” ฮอยเสนอ

“ก็ตามนั้น”  จุ๊ยผงกหัว แล้วก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตัวเอง

“ถ้าไม่พอกูจะไปยืนแอ่นแถววังสราญรมภ์  ขายน้ำขายตูดแม่งเลย”

ฮ้อยหัวเราะหึๆ

“ก็คงได้หรอก  ตูดขาวๆ ไข่ขาวๆ คงพอได้ราคา”

“กูขาวพอใช้ เดี่ยวกูไปด้วย” อ็อดว่าแล้วนอนลงบนตักจุ๊ยเงยมองหน้าเพื่อน

“สองคนคนละหลายๆน้ำคงได้หลายอยู่”

จุ๊ยมองหน้าอ๊อดก่อนไสหัวมันออก

“มึงจะทดสอบสินค้าก่อนหรือไง  นอนหนุนของกูเนี่ย  ประเดี่ยวก็ถอดให้อมเลย”

“เอออ ก็ดีนะ สร้างความคุ้นเคยก่อนไง” อ็อดที่ร่วงไปบนพื้นลุกมาคุกเข่าท่าหมาจ่อหน้าตรงเป้าจุ๊ย

“ดีงั้นตอนนี้เลย  ของกำลังขึ้นพอดี” แล้วจุ๊ยก็กดหน้าอ๊อดใส่เป้าตัวเอง แต่กดแบบเต็มแรงกะให้ตายคามือ

อ็อดดิ้นขลุกขลักก่อนจะหลุดไปได้  ลงไปนั้งพับเพียบส่งสายตาหวานเยิ้ม

“โอยๆ เบาสิค่ะเฮีย หนูหายใจไม่ออก”

ฮอยหัวเราะจนเกือบตกบ่อปลา 

วรรณารู้สึกอายแทนกับการเล่นกันลามกของลูกศิษย์  แต่เธอก็รู้สึกดีที่ได้เห็นสามคนยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยม

เธอรู้เรื่องจากอาจารย์อติเมื่อตอนสายๆ  คิดจะมาคุยกับเด็กๆเพื่อให้กำลังใจ

เห็นอย่างนี้แล้วคงไม่ต้อง  ดังนั้นเธอจึงบอกตัวเองว่าสิ่งที่ต้องทำยังมีอีกมากเพื่อช่วยเหลือพวกเขาจึงเดินจากออกมาเงียบๆ แต่กำหมัดเรียกกำลังใจตัวเอง

อติยืนอยู่ในอีกด้านเห็นวรรณาเดินไป เขาก็กอดอกมองตาม  แล้วก็กลับหลังหัน

“เราก็เหมือนกันอติ” เขาบอกกับตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา