สะดุดรักป่วนหัวใจนายซุปเปอร์สตาร์

-

เขียนโดย yuei

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.

  6 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,306 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ความจริงที่ไม่อาจเปิดเผยได้หมด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
...ความจริงที่ไม่อาจเปิดเผยได้หมด...
คิมเฮซอง : คิมจีซู
 
“ระหว่างที่ยายนั้นไม่อยู่ฉันขอถามแกตรง ๆ ว่าแกเป็นใคร มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แล้วทำไมนามสกุลของนายเหมือนกับฉัน” จีซูตั้งคำถามทันทีที่น้ำรินเดินออกไป
“นายนี่ใจร้อนจริง ๆ ไม่เหมาะสมที่เป็นคิมจีซู ผู้ชายที่ฉันรู้จักสักนิด ถ้าบอกว่านายเป็นน้องชายฝาแฝด ฉันคงเชื่ออย่างหมดใจ” บะไอ้บ้านี่ กวนบาทาแล้วสิ สักตุ๊บ!...ดีมั้ย
“อย่ามัวมาเล่นลิ้นจะบอกมั้ย ถ้าไม่บอกนายก็ช่วยไปให้ไกลๆ ฉันกับยายนี่เสียที” ผมชี้ทางให้ไอ้ เฮซองกลับบ้านเกิดไปซะ
“ได้ฉันจะเล่าให้นายฟัง ฉันเป็นนักร้องนำของวง god warden หรือเรียกว่าเทวดาผู้คุมกฎ ซึ่งมีสมาชิกในวงอีกสองคน คือ ยูซางมิน  ลีโฮยูน  พวกเราตั้งวงดนตรีในนามบริษัท CKT กรุ๊ป เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของเกาหลีในเรื่องของนักดนตรีและนักร้องที่มีคุณภาพเพลงของพวกเราติดชาร์ทเพลงดังอันดับหนึ่งของประเทศติดต่อกันเป็นเดือน ๆ บางเพลงก็เป็นครึ่ง ๆ ปี
“ฮึ....แกนี่โม้ไปหรือเปล่า” ผมรีบขัดเพราะมันดูขัด ๆ หู
“จะฟังมั้ยจะได้เล่าต่อ” คิมเฮซองทำท่าเสียลม
“เชิญ”
“พอสองปีให้หลัง ก็มีบริษัทน้องใหม่เปิดตัวขึ้นมาเพื่อจะมาเป็นคู่แข่งของบริษัทฉันโดยเฉพาะตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะว่าเป็นบริษัทเล็ก ๆ เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่น บวกกับนักร้องในค่ายเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทนั้นมีชื่อว่า sky Black (ท้องฟ้าสีดำ)
รู้สึกคุ้น ๆ นายเฮซองท่าจะพูดจริง ผมรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อของบริษัทนี้
“บริษัทฉันเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ อีกไม่นาน sky Black ก็เปิดตัวศิลปินในสังกัดเป็นวงบอยแบนที่มีชื่อว่า sky Black เป็นชื่อเดียวกับชื่อบริษัทมีสมาชิกในวงสี่คน ทุกคนมีบุคลิกแตกต่างกัน
“นายรู้กระทั่งบุคลิกของพวกเรา”
“ใช่ฉันต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของคู่แข่ง แม้จะสำคัญหรือไม่สำคัญก็ตาม  คนแรก โซโซวอน เทพบุตรเจ้าเสน่ห์ที่มีรอยยิ้มกระชากใจสาว ๆ 
สาวคนไหนได้อยู่ใกล้ ๆ ก็ต้องยอมพีกาย ถวายใจให้
คนที่สองคุณชายผวังชินกีคือ ทายาทเจ้าของบริษัท ผวังชินวู มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเกาหลี สิ่งใดก็ตามที่เขาอยากได้แค่กระดิกนิ้วก็มีคนเอามาประเคนให้ถึงที่เพราะความเคยชินเลยทำให้เขาเบื่ออยากหาประสบการณ์ด้วยตนเองประจวบกับบริษัทของนายเป็นบริษัทที่เปิดใหม่ เขาเลยเข้าไปร่วมสร้างบริษัทและเป็นหนึ่งในนักร้อง
คนที่สามชีฮันวอล เขาคือ เทพบุตรชุดขาว ผู้ชายอบอุ่น เขาคือผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ 
และคนสุดท้ายคือนาย จีซู ผู้ชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัท เป็นคนก่อตั้งบริษัท หาศิลปิน ทำทุกตำแหน่งแม้กระทั่ง พ่อบ้าน จนถึงผู้บริหาร
“อ้าว!  นายบอกว่ามีผู้บริหารบริษัทเป็นชาวญี่ปุ่น แล้วทำไมเป็นฉันที่ทำ”
“ก็เพราะว่า คุณ นางาซะ คุโร เป็นเพียงผู้ลงทุนให้นายเท่านั้น
คุณนางาซะ คือพ่อบุญธรรมของนาย”
“พ่อบุญธรรม” ผมเริ่มจะปวดหัวแต่ก็ฟังต่อ
“เขาคือเบื้องหลังของนายเป็นพ่อที่ถือว่าดีที่สุดที่ฉันเคยพบมา”
“แล้วพ่อ-แม่จริง ๆ ของฉันละ”
“อ้อ! ...ฉันก็ไม่รู้ไปหมดทุกเรื่องของนายหลอกนะรู้เท่าที่ทุกคนรู้นั้นแหละ”
“แล้วฉัน...เป็นคนที่มีบุคลิกเป็นยังไง ฉันรู้ว่าฉันเป็นคำถามที่แปลก ๆ แต่ฉันอยากรู้จริง ๆ” นายเฮซองมองหน้าผมเพราะกลัวพูดแล้วจะโดยผมฆ่าตายมั่ง
“บอกมาเหอะนา ฉันไม่ฆ่านายหรอก”
“นายเป็นคนมีบุคลิกเงียบ ๆ สุขุม มีความคิดความสามารถเป็นเริด คิดอะไรก็ตามมีการวางแผนและแก้ปัญหาได้ทุกครั้ง น้อยมากที่ใครจะได้ยินเสียงหัวเราะจากนายแต่ฉันต้องแปลกใจที่ฉันได้ยินนายหัวเราะเมื่อกี้ และที่หน้าแปลกใจกว่านั้นฉันเห็นนายเล่นเปียโนและยังเล่นได้ ไพเราะซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวที่ คิมจีซู ทำไม่ได้ นั้นคือการเล่นดนตรี “ ทำไมมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมเป็นผมเล่นดนตรีได้ทุกชนิด แต่เรื่องร้องเพลงกับไม่ได้เรื่องไอ้นี่โม้หรือเปล่า
“นายพูดจริงเหรอเปล่าฉันว่าไม่ใช่มั่ง”
“ฉันกำลังพูดเรื่องนายรับรองว่าเป็นจริงอย่างที่ฉันพูดทุกคำ”
นายนี่น่าจะพูดจริงเพราะดูตาแล้วจับพิรุธไม่ได้ แต่ก็...เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งดีกว่า
“ทำไมนายถึงเชื่อว่าฉันเป็นคิมจีซูคนที่นายรู้จัก” ผมถามเพื่อความชัวร์
“เพราะว่า...ไม่รู้สิก็นายเป็นนายไง” ว่าแต่นายเฮอะ ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ หรือว่าเป็นแผนของนายที่จะพิชิตใจผู้หญิงคนนั้น”
นายนี่กวนแล้ว  หาว่าผมมีแผนจีบยายน้ำริน โฮะ! โฮะ! สำหรับยายน้ำเน่าไม่ต้องมีแผนก็ได้แค่อยู่เฉยๆ ก็วิ่งตามแทบไม่ทัน 
(เหรอค่ะ  (-o-*))
“ยิ้มอย่างนี้แปลว่าจริง”
“จะบ้าเหรอ ยายนี้เป็นต้นเหตุที่ฉันต้องอยู่ที่นี้และ...”
ผมจะไว้ใจ คิมเฮซองลองดูแล้วกัน นายนี่คงรู้เรื่องของผมไม่มากก็น้อยและดูเป็นมิตรดี
“และเป็นโรคความจำเสื่อม จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยยายน้ำรินนี่แหละ เป็นคนทำ” คิมเฮซองตั้งใจฟังผมเล่าอย่างมาก
“นายความจำเสื่อม แล้วนายไม่มีอะไรติดตัวมาซักอย่างหรือไง”
เฮซองถามต่อ
“ไม่มี พอตื่นมาฉันก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว และจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตัวเอง” ทำไมนะผมถึงกล้าที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้นายคิมเฮซองฟัง เหมือนเป็นเพื่อนสนิทหรือพี่น้องคลานตามกันมา
“ฉันดีใจนะที่นายไว้ใจฉันและเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฉันฟังแต่ก่อนนี้นายพูดกับฉันแค่สวัสดี โชคดีนะ อะไรประมาณนี้วันนี้คงเป็นวันที่ฉันจะจดจำไว้จนวันตาย” ผมรีบหันหน้าไปมอง และเขาก็พูดต่อ
“เป็นเพื่อนกันได้มั้ย” จะดีเหรอ
“มองหน้านายแล้ว อายุคงจะน้อยกว่าฉันสักปีสองปี เรียกฉันว่าพี่น่าจะดีกว่า” คิมเฮซองอึ้งไปชั่วขณะ
“ได้พี่จีซู” ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่เฮซองเรียกผมอย่างนั้น
“ดี น้องชาย” ผมตบไหล่เขาเบา ๆ คิมเฮซองยิ้มให้ผม
“ความจริงแล้ว ผมอยากเรียกพี่ ว่าพี่ชายมานานแล้ว อยากเรียกมาตลอด” เฮซองก้มหน้าลง
“ทำไม”
“เอ้อ.....พี่เป็น....ไอด้อของผมไง ผมชอบพี่ร้องเพลงทำให้ผมรู้สึกได้ว่าความรัก ความเศร้า ความเจ็บปวด ความสนุกสนานยังมีอยู่ในโลกนี้” ทำไม คิมเฮซอง ต้องทำหน้าเศร้าราวกับมีความทุกข์ในใจ 
“เห็นทีผมคงต้องกลับแล้ว” คิมเฮซองลุกขึ้นยืนและผมก็ยืนตาม
“แล้วเจอกันใหม่” ผมยืนมือไปแสดงไมตรี เฮซองก็ยืนมือมาจับมือผม น้ำรินวิ่งเข้ามา
             ****จบความจริงที่ไม่อาจเปิดเผยได้หมด
 
 “ดีกันแล้ว ฉันละลุ้นแทบแย้” ฉันวิ่งมาหาด้วยความดีใจ
“คิมเฮซองจะกลับแล้ว” ฉันทำหน้าสลด อย่างนี้ก็เศร้านะสิ
“อ้าว! จะกลับแล้วเหรอ”
“+ + + + + + + + + + + +” คิมเฮซองพูด ฉันหันไปมอง คิมจีซูเพื่อหาคำอธิบาย
“เขาบอกว่าเขามีธุระต้องกลับก่อนแล้วค่อยเจอกันใหม่” คิมจีซูแปล
“นายช่วยบอกเขาหน่อยว่าฉันดีใจที่ได้เจอเขา และเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ฉันชอบ” ฉันสะกิดให้คิมจีซูพูด
“บอกเองสิ” อ้าวกวนซะแล้ว
“นี่นาย” คิมจีซูทำมือไล่ คิมเฮซอง ให้กลับไปซะ คิมเฮซองโค้งตัวนิดนึง
“เขาต่างจากนายลิบลับ” ข้อเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดมาก
“ชิ ...ถ้าหากเธอยังอยากให้ฉันดีกับไอ้หมอนั้นอยู่ละก็หุบปาก”
น้ำรินทำหน้าหมุ่ย แล้วเชิดใส่
“คิมเฮซองฉันจะไปส่ง”น้ำรินวิ่งตาม คิมเฮซอง ไป ปล่อยให้คิมจีซูได้แต่ยืนมอง
…ระหว่างทางที่ไปส่งคิมเฮซอง...
ฉันอยากจะพูดกับเขาจัง แต่เขาคงจะไม่เข้าใจภาษาไทยเลย ฉันกับเขาได้แต่เดินไปด้วยกัน เขาก็ไม่รู้จะพูดกับฉันยังไงดีภาษาอังกฤษฉันก็ฟังไม่รู้เรื่อง เฮ่ย!  เหนื่อยใจรู้อย่างนี้ตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกก็ดี ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเขา ซุปเปอร์สตาร์ที่ฉันปลื้มมาเดินอยู่ข้าง ๆ เหมือนกับความฝัน เขาหล่อมาก หล่อกว่าในทีวีเสียอีก เขาเป็นผู้ชายอบอุ่นรอยยิ้มของเขาทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ ถ้าหากยายอัน-อันกับวิกิรู้ว่าฉันได้อยู่ใกล้ชิดซุปเปอร์สตาร์ที่เขาชอบ ทั้งสองคนฉันโดนฆ่าตายแน่   นี่คือความลับที่สุดฉันจะต้องปิดให้มิด
...แง้! อึดอัดจริง ๆ ฉันไปส่งคิมเฮซองที่ลานจอดรถ เขายิ้มให้ฉันแล้วโบกมือลา นับจากนั้นมาฉันตั้งปฏิญาณตัวเองว่า ฉันจะต้องเรียนภาษาเกาหลี และต้องพูดให้ได้ (*^*)
แล้วจะเรียนยังไง เรียนที่ไหน (_ _!)  เฮ่ย!
ฉันเดินกลับไปหา คิมจีซู เขายืนกอดอกรอฉันอยู่
“นึกจะไปกับไอ้หมอนั่นแล้วซะอีก” อีตาบ้านี่
“ฉันก็อยากจะไปอยู่หรอกนะ ถ้าหากไม่ติดตรงที่ว่า ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตนาย”
“รับผิดชอบ ที่ทำทุกวันนี้แค่รับผิดชอบ” เขาทวนคำพูด ในตาเขาดูว่างเปล่า ฉันพูดอะไรผิด ทุกครั้งก็พูดเล่นแบบนี้
“กลับเถอะ” เขาพูดสั้น ๆ แล้วเขาก็เดินผ่านฉันไป สายตาอย่างนี้มันอะไรนะ แล้วทำไมหัวใจฉันถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ฉันได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น จะก้าวขาตามเขาไปแต่ก้าวไม่ออก
“เฮ่ย! “ เสียงถอนหายใจดังอยู่ข้างหลังฉัน แล้วฉันก็หันไปมอง
คิมจีซูเขายังไม่ไป เขารอฉัน เขาเอือมมือมาจับข้อมือฉันแล้วดึงให้ตามเขาไป ระหว่างทางเขาเงียบเสียจนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ฉันจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
“คิมจีซูนายเป็นอะไร ทำไมนายไม่พูดกับฉันสักคำ” ฉันเริ่มพูดก่อน
“ไม่มีอะไรแค่ไม่อยากพูด” เขาตอบ แบบที่ฉันต่อคำพูดไม่ได้อีกฉันได้แต่นั่งเงียบไปตลอดทาง
พอถึงที่หอพักของเขา เขาจอดรถ
“วันนี้ฉันเหนื่อยอยากพักผ่อน แล้วตอนเย็นก็ไม่ต้องมารับนะ เดี๋ยวฉันไปเองได้” เขาหันหลังเดินขึ้นห้องไปทันที
“อ้าว! แต่” ฉันอุตส่าห์จะรอไปส่งและอยากไปฟังเขาเล่นเปียโนที่โรงแรม ผิดแผนหมด แล้วฉันจะไปไหนดีละ กลับห้องดีกว่านายจะทำอะไรก็เชิญไม่สนใจแล้ว นายคงคิดนะสิว่าฉันหมดความหมายสำหรับนายแล้ว เพราะนายรู้แล้วนิว่านายเป็นใคร ฉันคงหมดความหมายกับนายจริง ๆ 
ฉันกำลังจะขับรถกลับ 
“อ้าว! ฝนตก ทำไมมาตกเอาตอนนี้”ฉันหาที่หลบฝนประตูหอพักก็ล็อค เปียกแน่ๆ น้ำรินเอ๊ย!  ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีแต่ต้นไม้ต้นเดียวที่พอจะให้ร่มเงาพักพิงได้ แต่ก็เปียกอยู่ดี ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงเป็นไข้หวัดแน่ ๆ 
“ฮัด...ฉิว” หนาวจังเลย ตัวฉันเปียกไปหมดแล้ว สงสัยฉันจะเป็นไข้หวัด
“เก๊ก!” เสียงเปิดกุญแจประตูรั่วหน้าหอ ฉันหันไปมอง เป็นคิมจีซูเขาออกมาหาฉัน
“เข้ามาสิ” ฉันเดินตามเขาขึ้นไปข้างบนห้อง เขาโยนผ้าขนหนู เสื้อกางเกงของเขาที่ฉันพอจะนุ่งได้ลงบนเตียง
“อาบน้ำซะ” แล้วเขาก็ขึ้นนอนบนเตียงหันหน้าไปทางอื่น ฉันยิบผ้าขนหนู เสื้อและกางเกง ที่เขาเตรียมไว้ให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ฉันต้องใส่เสื้อและกางเกงของเขารู้สึกแปลก ๆ    แล้วยังต้องอาบน้ำทั้งที่เขายังอยู่ข้างในห้องถึงเขาจะนอนหลับอยู่ก็เหอะ ฉันรีบอาบน้ำให้เสร็จอย่างเร็วที่สุด แล้วฉันก็เดินออกจากห้องน้ำ เขายังนอนหลับท่าเดิม ฉันเชิดผมให้แห้งและทำให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝนยังไม่หยุดตก แต่กลับตกมากยิ่งกว่าเดิม แล้วฉันจะกลับยังไงดี บรรยากาศน่าหลับน่านอน นอนสักนิดก็คงไม่เป็นไร จะนอนกับเขาบนเตียงก็กลัวว่าจะนอนไม่หลับ นอนข้างล่างดีกว่า ฉันจัดที่นอนหมอนผ้าห่มแล้วก็นอนหลับไป ฉันกะว่าจะนอนสักชั่วโมงก็จะตื่นแล้วค่อยกลับบ้าน
เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นแต่ฉันไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นไปรับทำไมรู้สึกปวดหัวอย่างนี้นะ  หนาว...หนาวจังเลย เสียงโทรศัพท์เงียบลงฉันจึงนอนหลับไปอีกครั้ง 
ฉันสะดุ้งตื่นเมื่อมีอะไรบางอย่างเย็น ๆ ที่ข้างแก้ม มันยิ่งเพิ่มให้ฉันรู้สึกหนาวมากกว่าเดิม ฉันยกมือปัดเอาสิ่งนั้นออกไป
“นี่อยู่เฉย ๆ สิรู้หรือเปล่าว่าเธอตัวร้อนแค่ไหน” เสียงของใครบางคนดังขึ้น ฉันจำเสียงนั้นได้เป็นเสียงของเขาแต่ฉันลืมตาไม่ขึ้น ตาของฉันหนักอึ่งแม้จะพูดยังพูดไม่ออก
“ฉันจะเช็ดตัวให้นะเธอจะได้สบายตัวขึ้น” ยิ่งเช็ดยิ่งหนาวขึ้นไปอีก
“นะ..หนาว..หนาว”
“หนาวเหรอห่มผ้านะ ไม่น่าเลยฉันน่าโกธรเธอกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ฉันขอโทษ เธอจะเป็นอะไรมั้ย ไปหาหมอนะ ฉันจะพาไป”เขากำลังจะอุ้มฉันไปโรงพยาบาล
“ไม่...ไม่เป็นไรซื้อยามาทานก็หาย” ฉันไม่อยากไปที่ไหนตอนนี้ฉันอยากนอนมากกว่า
“งั้นฉันไปซื้อยานะ น้ำรินเธอขึ้นไปนอนบนเตียงนะ” เขาอุ้มฉันขึ้นบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มให้
เขาไปซื้อยาแก้หวัดมาให้ฉันทานแล้วปล่อยให้ฉันพักผ่อน เขาดูแลฉันทั้งคืน คอยเช็ดตัว เอาน้ำให้ดื่ม จนอาการไข้ลดลง พอที่ฉันจะลืมตาขึ้นมา เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ฉัน ในมือถือหนังสือนิตยสารดาราเกาหลี เขายังไม่หลับอีกเหรอ
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ฉันถาม
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วละ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ฉันถามเขาอีกครั้ง
“ตี 3 แล้วหิวมั้ย”
“ไม่ละฉันอยากกลับบ้าน” ฉันจะต้องกลับบ้าน ไม่งั้นพี่สาวฉันเป็นห่วงแย่
“ลุกก็ยังไม่ไว้เลยจะขับรถกลับบ้านได้ยังไง ไว้เช้าก่อนฉันจะไปส่งนอนพักอีกนิดเถอะ” ฉันก็ลุกไม่ไหวอย่างที่เขาพูดนั้นแหละนอนอีกนิดก็ได้
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลฉัน”
“ไม่เป็นไร เธอนอนเถอะ เดี๋ยวฉันนอนข้างล่างเอง” เขาลงไปนอนข้างล่างเตียง ที่นอนเดิมของฉัน
“แต่ผ้าห่มมีผืนเดียวนะ นายนอนบนเตียงก็ได้ อากาศหนาวอย่างนี้ นายเป็นหวัดคงแย่” ฉันเป็นห่วงเขาอย่างที่เขาก็เป็นห่วงฉันเช่นกัน
“ไม่เป็นไรฉันทนได้” เขาปฏิเสธแล้วนอนหลับตาลง
 
พอรุ่งเช้า เขาไปส่งฉันกลับบ้าน
“ขอบใจนะนายไปพักผ่อนเถอะไม่ได้นอนมาทั้งคืน”
“ไม่เป็นไรหิวมั้ยฉันจะไปซื้อข้าวต้มให้ กินอะไรร้อนๆ จะได้หายเร็ว ๆ” เขาหันหลังจะก้าวเดิน
“ไม่ละฉันไม่หิวฉันอยากพักผ่อนมากกว่า” ฉันทานอะไรตอนนี้ไม่ลงจริง ๆ เพลียไปทั้งตัว
“งั้นก็ดูแลตัวเองนะ” เขาพูดส่งท้ายก่อนจะโปกรถโดยสารกลับไปที่พักแล้วฉันก็เดินเข้าบ้าน
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันอยู่บ้านโดยไม่ออกไปไหน พี่สาวฉันโทรมาหาหลายครั้งถามฉันว่าอยู่ที่ไหน ทำไรอยู่ ทานข้าวหรือยัง พี่คงเป็นห่วงฉันมากถ้าหากวันนี้เป็นวันหยุดพี่คงดูแลฉัน(พี่สาวที่แสนดี)
พอตอนเย็นโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นคิมจีซูที่โทรมา
“เป็นยังไงบ้างหายหรือยัง” เขาถาม
“ดีขึ้นแล้วละ พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะไปหา” เขาโทรมาทำให้ฉันยิ่งอยากจะไปหาเขาซะตอนนี้เลย
“ไม่เป็นไร ไว้หายดีก่อนก็ได้ ฉันไปทำงานก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน นายเจอคิมเฮซองบ้างหรือเปล่า” เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูด
“เจอ...แล้วทำไม” เสียงและอารมณ์ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ก็ไม่ทำไมหรอก ก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะกลับเมื่อไร ฉันจะมีอะไรอยากถามเขาเรื่องของนาย นิดนึง”
“ถามเรื่องของฉัน”
“ใช่...ก็เรื่องของนาย ฉันอยากรู้ว่านายเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับคิมเฮซอง แล้วเขาพอจะหาประวัติของนาย พวกเอกสารพาสปลอดหรือบัตรอะไรก็ได้ที่สามารถยืนยันว่านายเป็นนาย “ ฉันกลัวว่าเข้าจะถูกหลอก
“อาทิตย์หน้า คิมเฮซอง เขาจะกลับเกาหลีและ....” เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“ไว้ค่อยพูดกันวันหลังฉันไปทำงานละ” เขาพูดตัดบทแล้วกดวางโทรศัพท์ เขาอยากจะพูดอะไรนะอยากรู้จังพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนไปหาเขาดีกว่า
 
ฉันไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า ทำตัวให้เป็นปกติอาจจะง่วงไปนิดเพราะทานยาแก้หวัด อัน-อันกับวิกิคอยถามฉันอยู่ตลอดว่า...เป็นไงบ้างไหวไหม...ฉันก็ต้องตอบว่ายังไหวอยู่ สู้ตายน้ำริน(*^*)!! พอเรียนเสร็จวิกิและอัน-อันชวนไปเที่ยวที่บ้าน แต่ฉันมีนัดกับคิมจีซูอยู่ จึงขอตัวกลับ
พอถึงหอพัก คิมจีซู เขาลงมารออยู่ข้างล่างเหมือนเขารู้ว่าฉันจะมา
“ทำไมมาช้าฉันรอเธอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” อารมณ์เสียอีกแล้ว
“รอนิดรอหน่อยเป็นไม่ได้ทำอารมณ์เสีย ก็อาจารย์นะสิสอนเกินเวลา”ฉันก็หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ
“หายหรือยัง” เขาลดเสียงลงเหมือนจะรู้ว่า เขากำลังทำผิดอยู่
“ก็ดีขึ้นมากแล้ววันนี้กินยาแล้วนอนก็คงหายขาด” เขายิ้ม นี่สิสิ่งที่จะทำให้ฉันหายขาดจากโรคไข้หวัดโดยไม่ต้องทานยาใด ๆ 
“ที่นายบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับฉัน” ฉันปิดประเด็นทันทีเพราะวันนี้ฉันเพลียอยากพักผ่อน
“ไปคุยกันบนห้องดีกว่าที่นี่ไม่สะดวก” ฉันเดินตามเขาไปพอถึงห้องฉันก็เริ่มถามอีกครั้ง
“ว่าไงละเล่ามาสิ” เขาเข้าไปในห้องแล้วเริ่มพูด
“อาทิตย์ หน้า คิมเฮซอง จะกลับเกาหลี”
“จริงเหรอ  ว้า! มาเที่ยวแปบเดียวเองกะว่าจะพาเขาไปเที่ยวสักหน่อย” ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ คิมเฮซอง จะกลับแล้ว
“ฉันจะบอกเขาให้ติดต่อคุณนางาซากิที่นายคิมเฮซองพูดว่าเป็นพ่อบุญธรรมของฉันแล้วก็...กลับเกาหลี” (ฯ.ฯ) เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ
“กลับเกาหลี...นายจะกลับเกาหลี”
...แล้วฉันละ นายจะทิ้งฉันไปเคยคิดว่าฉันจะอยู่ยังไง...(สิ่งที่ฉันอยากจะพูด) แต่ก็ได้แค่คิด
“เมื่อไร...นายจะไปเมื่อไร”
“ทันทีที่ คิมเฮซอง พาคุณนางาซากิมาหาฉันที่นี่” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วนายจะไปทั้งที่นายยังจำอะไรไม่ได้นี่นะ” ฉันพูดเตือนเขา
“ฉันจำเป็นต้องกลับไปเพราะที่นั้นฉันคิดว่ามีคนรอฉันอยู่หรือก็มีอะไรบ้างอย่างที่สำคัญที่รอให้ฉันกลับไปสะสางและทำให้สำเร็จ” เขานอนลงบนเตียง
“แล้วนายคิดว่า ไปที่นั้นแล้วนายจะจำอะไรได้หรือเปล่า” ฉันเป็นห่วงเขาจริง ๆ กลัวว่าเขาจะโดนหลอก แต่ก็คงไม่มั่งเพราะคิมเฮซองเขาเป็นคนดี จากการศึกษาประวัติ และเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา
“ก็มีส่วน เพราะถ้าหากเป็นจริง อาจทำให้หายจากความจำเสื่อมก็ได้” เขาหลับตาลง มันทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวใจอีกแล้ว ฉันอยากจะร้องให้แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เขาคิดถูกอยู่ที่นี่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เขาอาจจะไม่หายและจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ...ความทรงจำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมนุษย์...    แล้ว...
“แล้ว...ถ้าหากนายหายจากความจำเสื่อมจำเรื่องราวในอดีตได้ นายจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนที่นายอยู่ที่นี่หรือเปล่า” ฉันพยายามพูดอ้อมจักรวาล
“หมายถึง...ลืมเธอใช่ไหม” เขารู้ทัน
“ไม่มีทาง ถ้าหากฉันลืมเธอ ก็เหมือนฉันกำลังลืม...หัวใจตัวเอง” ประโยคสุดท้ายอ้อมแอ้มฟังไม่ชัด
“นายว่าอะไรนะ” ฉันถามให้เขาทวนคำอีกที
“ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดว่าถ้าหากลืมเธอก็ดีนะสิจะได้ ไม่ต้องชดใช้หนี้ค่ารักษาพยาบาลครั้งก่อน” นายนี่
“ฝันไปเหอะ ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ แต่นายก็ต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับฉัน”(-O-)
“ตามไปหาที่เกาหลีสิ แล้วจะให้” ฮะ-ฮะก็อีแค่เกาหลี
“อย่าท้านะ แค่เกาหลี นายนั้นแหละที่ต้องอาย” เป็นไงละเงียบเลย
“ถ้าเธอไปฉันจะดีใจด้วนซ้ำ...เพราะเธอนะเป็นยาย บื้อที่ทำให้ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้...แกล้งเธอไงละ”
“ชิ...” ฉันอุตสาห์ดีใจที่เขาจะพูดว่า...ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ...
“ถ้าเธอไปฉันคงเหงาแย่” ฉันพูดตรงกับใจตัวเอง เขาเงียบ
“ถ้านายไปแล้ว อย่าลืมติดต่อมาหากันบ้างแล้วกัน”
“อือ!” เขาตอบรับ
“วันนั้นนายกับเฮซองคุยอะไรกัน” ฉันถาม
“ก็เรื่องประวัติทั่วไปตอนที่ฉันอยู่ที่เกาหลี เขาบอกว่าเขาเป็นนักร้องของวง sky black ซึ่งเป็นคู่แข่งของวง god wadan วงของนายคิมเฮซองซุปเปอร์สตาร์ของเธอไง แล้วเขายังบอกอีกว่า...”
“อ้าว! หลับไปตั้งแต่เมื่อไร คงเพลียเรียนมาทั้งวัน” คิมเฮซองเอาผ้ามาห่มให้ฉัน แล้วก็นอนอยู่ข้างๆ เขาตั้งเวลาไว้ทุ่มหนึ่ง
ตี๊ด!..ตี๊ด!...เสียงนาฬิกาปลูกดังขึ้น ฉันลืมตาขึ้นมามองไปรอบ ๆ มีแต่ความมืด เสียงลมหายใจของใครอีกคนบ่งบอกว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ฉันนอนอยู่ข้างเขา ฉันหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้จำได้แค่เขากำลังเล่าให้ฉันฟังว่าเขาเป็นนักร้องของวง  sky black แล้วอะไรต่อฉันคงหลับไปตั้งแต่ตอนนั้น...กลับบ้านดีกว่า...ฉันพยายามลุกขึ้นให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น
“กลับก่อนนะ” ฉันกระซิบบอกเขาเบาๆ ระหว่างที่ฉันกำลังจะลุกขึ้นยืน…หมับ!..เขากอดฉันแล้วกดให้ลงนอนเหมือนเดิมฉันนอนแข็งทื่อ
อยู่อย่างนั้นจมูกเขาคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ แก้มลมหายใจอุ่นๆ ทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาดูนิ่งมากหรือว่าเขายังหลับอยู่ ฉันรวบรวมสมาธิที่เหลือน้อยนิดเต็มที่ ดึงมือที่กอดฉันอยู่ให้ออกไปจากตัวแล้วเขาก็กลิ่งกลับไปนอนที่เดิม ฉันรีบออกจากห้อง
“พรุ่งนี้ค่อยมาหาใหม่แล้วกัน” ฉันลงไปข้างหอพักแล้วขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้านไปทันที พอถึงที่บ้านพี่สาวฉันทำอาหารไว้รอ
“เป็นยังไงบ้าง  กินข้าวมาหรือยัง” วันนี้พี่สาวฉันรับบทพี่สาวที่แสนดี
“ดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ทานข้าวมาเลยหิวมาก ๆ” ฉันเห็นกับข้าวแล้วหิวขึ้นมาทันทีมีแผนงหมู ไข่พะโล้ของโปรดต้องอร่อยแน่ๆ
“หิวก็กินเลยแล้วอย่าลืมกินยาด้วยนะจะได้หายขาด” ฉันยิ้มให้พี่สาว
“ค่ะคุณพี่สาว” แล้วฉันก็เริ่มทานอาหาร พอทานเสร็จก็เข้าห้องอาบน้ำนอน ฉันพยายามข่มตาให้หลับ แต่ภาพของนาย คิมจีซู วนเวียนอยู่เต็มไปหมด เขากำลังจะจากไป เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขาจะกลับมาอีก ถ้าหากเขาไปฉันจะทำยังไง จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเขา ความเหงาที่กำลังจะเกิดขึ้นมันทำให้ฉันรู้สึกกลัว กลัวไปซะหมดทุกอย่าง ถ้าหากเขาหายจากโรคความจำเสื่อม เขาจะยังจำฉันได้หรือเปล่านะ ความทรงจำตอนที่เขาอยู่ที่นี่เขาจะลืมมันไปหรือเปล่า
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  คิมจีซู โทรมา
“นอนหรือยัง” เขาถาม
“ฉันกำลังจะนอน มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอก็เลยโทรหา”
“ฉันเห็นนายหลับอยู่ก็เลยไม่ได้ปลุก”
“งั้นก็ดีแล้ว หลับฝันดีนะ”เขาพูดส่งท้ายก่อนวางสาย
เขาเป็นห่วงฉัน ทำตัวน่ารักอย่างนี้เดี๋ยวก็รักซะเลย อิ  อิ
ง่วงแล้วฉันรู้แล้วว่าเพราะอะไรฉันถึงนอนไม่หลับ  เพราะนายนั่นเอง ขอแค่ได้พูดคุยทุกวันชีวิตฉันก็มีความสุข แต่ถ้าเขาจากไปละ (_ _!)**
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา