7Swords

9.6

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.

  31 chapter
  3 วิจารณ์
  24.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) Apple

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 21 Apple
 
ผ่านไปเกือบหนึ่งวันเต็มๆ เมื่อพวกเอเคลเซธสามารถล่องเรือมาถึงฝั่งได้ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าฝั่งนั่นคือที่ไหน แต่พวกไวท์ฟอร์ทที่เหลืออยู่ก็ขยับร่างกายลงมาเหยียบพื้นดินที่มั่นคงอีกครั้งก่อนจะนอนพักหมดแรงเรี่ยรายบนชายหาด ชายหนุ่มเห็นด้วยกับพวกทหารส่วนใหญ่ที่บอกว่าเกลียดเสียงลั่นของไม้ และเบื่อหน่ายเสียงคลื่นเต็มที นั่นไม่นับการโคลงเคลงของเรือที่ทำเอาพวกเขารู้สึกอยากคายของเก่า พวกเขาทั้งอ่อนเพลียและหิวกระหาย การอยู่บนเรือที่ไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่ได้กินแม้แต่น้ำมาหนึ่งวันเต็มๆทำให้พวกทหารไวท์ฟอร์ทหลายต่อหลายคนยอมตักน้ำทะเลขึ้นมาดื่มและนอนหมดแรงที่ชายหาดนั้น
เอเคลเซธรู้สึกว่าเขาต้องทำตัวให้เข็มแข็งกว่าคนอื่น เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มีอาการคลื่นเหียนรุนแรงเหมือนคนอื่นๆ เขาตัดสินใจชวนพ่อของเขาออกไปเดินดูรอบๆบริเวณนั้น เพื่อดูว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและหาอาหารไปด้วย เอริคยินดีเดินตามลูกชายของเขามาเพราะรู้สึกว่าขาของเขาจะเป็นง่อยอยู่แล้วกับการยืนรากงอกอยู่บนเรือนั่น
พวกเขาเดินตามชายหาดที่ลมโชยเพื่อเข้าไปในป่าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อสองพ่อลูกอยู่กันตามลำพังอีกครั้ง เอเคลเซธก็ตัดสินใจถามถึงจดหมายของลอร์ดเบโอวูล์ฟทันที
“เจ้าแกล้งทำเป็นไม่รู้” เอริคตอบเรียบๆ ตัวเขาเริ่มสั่นด้วยอาการอยากเหล้า
“ข้าน่ะหรือจะไม่รู้?” เอเคลเซธเอ่ยเสียงสั่นเหมือนกัน แต่เป็นเพราะเขาหิวและอ่อนระโหยโรยแรง “แต่ข้าไม่เข้าใจต่างหากว่า ลอร์ดเบโอวูล์ฟต้องการอะไรกันแน่?”
“การที่เขาบอกให้เรากลายเป็นหมาป่าน่ะหรือ?” เอริคหันมามองลูกชายของเขาตรงๆ แบบที่เขาไม่เคยมองมาก่อนเลย “เจ้าคิดว่าเขาหมายความว่าอะไรล่ะ?”
เอเคลเซธอึกอัก เขาไม่อยากพูด แต่ในเมื่อเขาต้องสันนิษฐาน.... -- “เป็นไปได้หรือ... ว่าไวท์ฟอร์ทล่มแล้ว?”
“เป็นไปได้” เอริคเอ่ยก้าวเดินฉับๆและมองซ้ายขวาเพื่อหาอะไรกิน “หรือลอร์ดเบโอวูล์ฟก็คาดการณ์ในแง่ที่ร้ายกาจที่สุด -- ”
“เราต้องหาเรเวน” เอเคลเซธเอ่ยอย่างร้อนใจ “แล้วเราก็ต้องตามหาลีโอไนดัสด้วย!!”
“ประสบการณ์ที่พ่อปล่อยให้เจ้าทำไม่ได้สอนอะไรเจ้าเลยหรือ?” เอริคหยุดเดินและหันมาคุยกับเอเคลเซธตรงๆ เขาเงยหน้ามองลูกชายที่สูงกว่า “ความใจร้อน -- ความร้อนรนของเจ้า ความที่ขาดประสบการณ์ของเจ้านำพาให้เจ้ามาถึงจุดๆนี้ มีการแก้ไขสถานการณ์ที่ดีกว่านี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ข้าไม่พูดไม่ทำอะไร...... เจ้ารู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?”
“เพราะอะไรกันล่ะ?” เอเคลเซธเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประชด
“เพราะเจ้าคือผู้นำของเรา” เอริคตอบและเดินต่อ “ลอร์ดเบโอวูล์ฟมอบหมายหน้าที่นี้ให้เจ้ากับข้า และข้าก็เห็นว่าความล้มเหลวจำเป็นสำหรับเจ้า -- ”
“อ้อ..... พ่อคงสะใจที่เห็นข้าล้มเหลวงั้นสิ?”
*“None of teacher better than failure” เอริคเอ่ย “และก็ใช่ -- พ่อแอบสะใจนิดๆ” พ่อของเขายักคิ้วให้และยิ้มให้กำลังใจขณะพูดล้อเล่นกับลูกชาย
“ตลกตายล่ะ พ่อ......” เอเคลเซธพ่นลมหายใจออก “ท่านไม่ใช่สิงโตนะ ที่จะสอนลูกของมันโดยการผลักให้ตกหน้าผา.... เราพ่อลูกเป็นจิ้งจอกนะ”
“อาฮะ.....” เอริคเอ่ยช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆเช่นกัน “ใช่แล้ว.....”
“ท่านพ่อ.... ฟังนะ..... ข้าเสียใจ” เอเคลเซธพูดและก้มหน้าลงขณะย่ำเท้าตามขาสั้นๆของพ่อเขาไป “ข้าเพิ่งเข้าใจว่าจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของข้าคือการตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้า.... ข้าเก่งแต่เรื่องที่ต้องใช้เวลาและการวางแผนที่รอบคอบรัดกุม ถ้าให้ท่านพ่อเป็นผู้นำในครั้งนี้เราก็คงไม่สูญเสียมากถึงขนาดนี้.....”
“เสียใจที่ต้องบอกว่าพ่อไม่มีความเป็นผู้นำ และไม่เคยคิดอยากเป็นผู้นำเลยลูกชายเอ๋ย” พ่อของเขาบอกก่อนจะเจอต้นแอปเปิ้ลที่มีผลอยู่เต็มต้น เอริคย่อตัวลงและทำตัวเป็นฐานให้ เอเคลเซธเหยียบขึ้นไปเพื่อเด็ดแอปเปิ้ลบนต้น “จะมีทหารคนไหนอยากจะติดตามตาแก่ขี้เมาบ้าง? พวกเขาต้องการผู้นำที่หนุ่มแน่น ชาญฉลาด และกล้าหาญ นะลูกชาย -- ”
“ที่พ่อพูดนั่นก็ไม่ใช่ตัวข้าเลย” เอเคลเซธเอ่ยก่อนจะเหยียบเข่า มือและไหล่ของพ่อเขาเพื่อไต่ขึ้นไปบนกิ่งไม้ลงใช้มืออันสั่นเทาเนื่องจากความหิวปลดแอปเปิ้ลส่งให้พ่อของเขาซึ่งกัดกินลูกแรกหมดไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที “ท่านกำลังพูดถึงลอร์ดเบโอวูล์ฟสมัยหนุ่มๆต่างหาก”
“แล้วตอนนี้ ลองค่อยๆคิดและบอกมาซิว่าแผนการขั้นต่อไปเจ้าจะทำอะไร?” เอริคเอ่ยและถอดเสื้อคลุมออกมาและเก็บแอปเปิ้ลที่เอเคลเซธโยนลงมาใส่ให้มากที่สุด
“ท่านต้องบอกข้ามาก่อน” เอเคลเซธเอ่ยพลางชะเง้อมองหาแอปเปิ้ลลูกต่อไปที่เหมือนจะไกลเอื้อมมือ “ว่าจดหมายของลอร์ดเบโอวูล์ฟมีความเป็นไปได้อีกอย่าง”
เอริคแสยะยิ้ม เขาพอใจที่ลูกชายใจเย็นลงบ้างแล้ว “หมาป่าตัวผู้น่ะนะ.... เมื่ออายุพอสมควรแล้วจะแยกตัวออกจากฝูงไปอยู่ด้วยตัวเอง หมาป่าที่อยู่ตัวเดียวมาก่อนจะแข็งแกร่งและดุร้ายกว่าพวกที่อยู่กันเป็นฝูง มันจะสร้างอาณาเขตและฝูงของมันเองในภายหลัง......”
เอเคลเซธเข้าใจความหมายของพ่อเขาว่ามันหมายความว่าอะไร...... --
“แต่พวกเราเป็นจิ้งจอก -- ”
“คำสั่งของลอร์ดเบโอวูล์ฟคือ จงกลายเป็นหมาป่า” เอริคก้มหน้าก้มตาเก็บแอปเปิ้ลต่อจนแทบจะล้นผ้าคลุม ในขณะที่เอเคลเซธโหนตัวกระโดดลงจากต้นแอปเปิ้ล “เจ้าเติบโตเกินกว่าจะอยู่ในฝูงที่ไวท์ฟอร์ทได้แล้ว..... และทั้งหมดนั่นคือเหตุผลที่พ่อต้องปล่อยให้ลูกเผชิญหน้าปัญหาทั้งหมดตามลำพัง..... ”
“ข้าไม่เข้าใจ..... ท่านพ่อ......” เอเคลเซธคิ้วขมวด
“พ่อจะไม่บอกว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจหรอกนะ.... มันน้ำเน่าเกินไป” เอริคพูดพลางมัดผ้าคลุมให้กลายเป็นถุงบรรจุแอปเปิ้ลก่อนจะยื่นมาให้ลูกชายแบก “เอาเป็นว่าค่อยๆทำความเข้าใจไปก็แล้วกัน”
เอเคลเซธจ้องหน้าพ่อของเขา และรับถุงมาแบกไว้ ก่อนจะปัดฝุ่นดินที่ไหล่ของพ่อเขาออกไป เอริคเก็บแอปเปิ้ลที่กลิ้งอยู่อีกสองสามลูกขึ้นมาแทะกินก่อนจะเดินนำเอเคลเซธกลับ โดยที่เก็บกิ่งไม้แห้งไปด้วย
 
เมื่อพวกเขากลับมาถึงก็มืดมากแล้ว เอเคลเซธพบว่าทหารยังคงนอนกลิ้งกันอยู่มีอยู่แค่ไม่กี่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อน เอเคลเซธวางถุงแอปเปิ้ลและร้องเรียกว่า อาหารมาแล้ว -- ทว่าไม่มีใครลุกมาเลย
ชายหนุ่มนึกสงสัยก่อนจะตะโกนเสียงดังกว่าเดิมแหวกสายลมว่า อาหารมาแล้ว
มีเพียงทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ทหารคนนั้นร้องไห้ปากคอสั่น
“เกิดอะไรขึ้น!!” เอเคลเซธร้องถามอย่างตกใจ
“พวก..... พวกเขา.....” ทหารชี้ไปยังเพื่อนๆของเขาที่นอนอยู่ “ทุก..... ทุกคน..... ตายหมดแล้วครับ..... -- ”
“อะไร...... ทำไมกัน.....?” เอริคเอ่ยอย่างตกใจเช่นกัน เขาเผลอปล่อยให้แอปเปิ้ลหลุดออกจากมือร่วงลงพื้นทราย
“พะ... พวกที่ดื่มน้ำทะเล...... ตายกันหมดเลยขอรับ” ทหารคนนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น
 
เอเคลเซธ เอริคกับทหารที่ยังคงรอดชีวิตอีกแปดคนยืนมองร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งกว่าเจ็ดสิบนายที่พวกเขาช่วยกันจัดศพให้นอนเรียงรายกัน แต่ละศพนั้นเอามือประสานกันและมีแอปเปิ้ลวางอยู่บนอกของทุกคน
“เราจัดพิธีศพให้พวกเขาไม่ได้...... เราไม่มีนักบวช” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขาเองก็ถือแอปเปิ้ลอยู่ แม้ท้องจะร้องคร่ำครวญแต่เขาก็ไม่กัดกิน “วิญญาณของพวกเขาจะวนเวียนอยู่ที่หาดแห่งนี้ตลอดไปไม่ได้..... เซอร์คาร์ลดีเซน -- เราต้องเชิญนักบวชมาทำพิธีให้กับพี่น้องของเรานะขอรับ......”
ในใจของเอเคลเซธทั้งสับสนและสิ้นหวัง
การออกเดินทางครั้งนี้มีแต่เรื่องเหนือความคาดหมายทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอัศวินที่มีดาบนั่น พวกพ็อตเทอร์รี่ที่ไล่ฆ่าพวกเขา..... เขาไม่รู้เลยว่าไวท์ฟอร์ทจะมีชะตากรรมอย่างไร เช่นเดียวกับชะตากรรมของลีโอไนดัส.....
เขาถูกบอกไม่ให้กลับไปที่บ้านเกิด ทหารที่รอดมาได้ไม่ถึงครึ่งก็ต้องมาตายเพราะแค่กินน้ำทะเล แถมพวกเขาก็ทำศพไม่ได้เพราะไม่มีนักบวช......
ตอนนี้ เหลือเพียงทหารแค่แปดคนจากสองร้อย เอริค และกัปตันแวนที่ยังคงไม่ได้สติ.....
ไร้กำลัง ไร้อำนาจ ไร้ทรัพย์.....
สิ่งเดียวที่เขามีอยู่คือ แอปเปิ้ลที่อยู่ในมือ
เอเคลเซธกัดกินผลแอปเปิ้ลนั้นเงียบๆ ทุกคนก็กินตาม
เอเคลเซธแนะนำให้ฝังศพของพวกทหารไว้ที่ชายหาดและตั้งป้ายใจความว่า
Our FRIENDS who invited to have a meal, Could not take the Last Apple…. They sleep quietly and calmly left us only the sorrow until the Sanctuary’s men will relief our sadness for FRIENDS’ Soul.
(เพื่อนแห่งเราผู้ซึ่งได้รับเชิญร่วมโต๊ะ มิสามารถรับแอปเปิ้ลเป็นคราสุดท้าย.... พวกเขาหลับลงอย่างเงียบสงบทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าแก่เรา จนกว่าผู้มาจากแซงจัวรี่จักปลดปล่อยความเศร้าของเราและปวงวิญญาแห่งเพื่อนเรา) 
เอเคลเซธมองป้ายด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ เขาไม่อาจบอกว่าเพื่อนที่นอนอยู่ภายใต้หลุมศพนั้นคือใคร และไม่อาจลงชื่อผู้จารึกถ้อยคำหน้าหลุมศพ..... เพราะหากมีคนรู้ว่าศพเหล่านี้เป็นทหารของไวท์ฟอร์ท พวกเขาอาจโดนรบกวนได้.....
เขาได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง.... จะมีนักบวชสักคนที่ผ่านมาและกรุณาทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเพื่อนๆของเขา..... ชายหนุ่มวางแอปเปิ้ลที่เหลือลงที่หน้าหลุมศพและถอยอออกมา.....
โดยที่เขาไม่อาจรู้เลยว่า ในอีกสามวัน ไวท์ฟอร์ทจะโดนบุกโจมตี..... --
 
*“None of teacher better than failure” Aric’s Quote: “ไม่มีครูใดที่ดีไปกว่าความล้มเหลว”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา