[YAOI]Devil...The heart of mafia ดวงใจมาเฟีย

-

เขียนโดย WhiteWrite

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.45 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,807 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

 บทที่4

 

"วันนี้นายท่านจะไปตรวจผับตามปกติไหมครับ"เลโอถามหลังจากออกมาจากห้องประชุมแล้ว ในขณะนี้เป็นเวลาเกือบๆบ่ายโมง

 

"อืม"คริสตอฟตอบในลำคอ การประชุมวันนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างเคร่งเครียดทำให้เขาไม่ค่อยจะมีอารมณ์พูดคุยกับใครนัก

 

"จัดการเรื่องที่ประชุมกันวันนี้ให้เรียบร้อยด้วย"เสียงเข้มเอ่ยสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าไปในห้องและปิดประตูลงกลอนทันทีเป็นการบ่งบอกว่าไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ซึ่งเลโอก็รู้นิสัยเจ้านายตัวเองดีอยู่แล้วชายหนุ่มจึงเดินจากไปเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

 

"เฮ้ เลโอ"เสียงเรียกดังขึ้นเบาๆด้านข้างในขณะที่เลขาหนุ่มกำลังจัดการเอกสารมากมาย เลโอหันไปมองว่าเป็นใครและพบว่านั่นคือคู่หูของเขาเอง

 

"มีอะไร"เลโอทำงานต่อไปโดยมีแอนโทนินนั่งลงข้างๆ

 

"ฉันกะจะไปหาฟรานเชส"คำที่เพื่อนร่วมงานพูดขึ้นมาทำเอาเลโอหันมามองอีกครั้ง

 

"ไปหาทำไม"คนถามขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

 

"นายไม่เป็นห่วงเขาหรอ เมื่อเช้าเขาโทรมมากแล้วยังโดนนายท่านบังคับให้มาทำงาน"แอนโทนินว่า ไม่รู้ทำไมเขาถึงเป็นห่วงคนที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงวันนัก

 

"ก็เป็นห่วงแต่ฉันมีงานต้องทำนะ"เลโอบ่น งานที่นายท่านสั่งก็มากมายจะเอาเวลาที่ไหนไปหาคนอื่น

 

"ถ้านายว่างนักก็มาช่วยกันสิ"แอนโทนินหน้าเบ้เมื่อได้ยินคำพูดนั้น โชคดีที่ก่อนประชุมเขาได้รับมอบหมายงานให้ไปที่อื่นจึงไม่ต้องเข้าร่วมประชุม พอกลับมาหลังงานเสร็จก็เลยว่างอย่างที่เห็น

 

“ไม่ล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปหาฟรานเชสก่อนนะ”แอนโทนินกล่าวแล้วเดินจากไป ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบร้อยลงลิฟท์เพื่อไปยังชั้นที่เป้าหมายทำงานอยู่ และเมื่อแอนโทนินลงมาถึงและก้าวเข้าไปในแผนกการตลาดก็ทำเอาทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว แอนโทนินถือได้ว่าเป็นพนักงานระดับสูงของบริษัท ทุกคนรู้จักเขาในฐานะเลขาคนสนิทของท่านประธานและทุกคนจะเห็นเขาติดตามท่านประธานไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาดังนั้นมันจึงแปลกไม่น้อยเมื่อคนสนิทของท่านประธานลงมายังแผนกทั่วไปแบบนี้ แต่บางคนก็ทำหน้าราวกับเห็นผีเพราะหลายครั้งที่แอนโทนินหรือเลโอลงมามักจะมีเรื่องไล่พนักงานออกอยู่อยู่ร่ำไป

 

“คุณแอนโทนินมาหาใครหรือคะ”สาวสวยที่ยืนอยู่ใกล้ๆเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงแอนโทนินจะดูเป็นมิตรเมื่ออยู่ต่อหน้าเลโอกับฟรานเชสแต่สำหรับคนภายนอกที่ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวแอนโทนินมักจะวางตัวดีเสมอและทุกคนจะเห็นเขาเป็นคนที่น่าเกรงขามคนหนึ่งประกอบกับใบหน้าของเขาที่เมื่อไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่จะกลายเป็นคนหน้าดุไปในทันที

 

“ฟรานเชสอยู่ไหน”แอนโทนินเอ่ย ทำเอาคนในแผนกรีบหันมามองโต๊ะทำงานของคนที่ถูกเอ่ยถึงแต่ก็พบว่าไม่มีใครนั่งอยู่ เมื่อแอนโทนินเห็นว่าทุกคนมองไปที่โต๊ะๆหนึ่งที่ไม่มีคนนั่งก็พอจะเดาได้ว่านั่นคงเป็นโต๊ะของฟรานเชส แต่...แล้วฟรานเชสไปไหนล่ะ

 

“หัวหน้าเรียกเขาไปพบตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”หญิงสาวคนเดิมบอก ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆแล้วถ้ารวมเวลาที่ฟรานเชสเข้าไปในห้องหัวหน้าก็เกือบๆสี่ชั่วโมง อันที่จริงคนข้างนอกก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าฟรานเชสเข้าไปทำอะไรในห้องหัวหน้าแต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปดู

 

เมื่อได้รับคำตอบดังนั้นขายาวก็ก้าวตรงไปยังห้องหัวหน้าแผนกที่อยู่ด้านในสุดในใจก็นึกสงสัยไปด้วยว่า ฟรานเชสเข้าไปในห้องตั้งแต่เช้าแต่ตอนนี้ยังไม่ออกมา เขาเข้าไปทำอะไรกันแน่ มือของเลขาหนุ่มบิดลูกบิดและเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เขาเห็นคือโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าของหัวหน้าแผนกแต่เมื่อกวาดสายตาไปรอบห้องก็เจอเป้าหมายที่เขาอยากจะมาพบกำลังถูกป้อนข้าวโดยคนที่สมควรจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั่น แอนโทนินรีบปิดประตูทันทีเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นและจ้องไปยังสองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องเขากลับอย่างตกใจเหมือนกัน

 

“คุณแอนโทนิน”สุชาติเอ่ยอย่างตกใจ เขาไม่นึกว่าเลขาของท่านประธานบริษัทจะเปิดประตูเข้ามาในห้องตอนนี้

 

“ม..มีธุระอะไรหรือครับ”สุชาติรีบวางช้อนและจานลงบนโต๊ะเตี้ยๆด้านหน้าโซฟาและรีบเลิ่กลั่กเดินไปโค้งให้กับแอนโทนิน อย่างหวาดกลัว ทำเอาฟรานเชสที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาแปลกใจไม่น้อยกับท่าทางนั่น

 

แอนโทนินเป็นคนใหญ่โตขนาดนั้นเชียวหรือ?

 

“ฉันจะมาหาฟรานเชส”เมื่อแอนโทนินกล่าวทำให้สุชาติโล่งใจไปเปราะหนึ่ง...นึกว่าจะทำอะไรผิดจนโดนไล่ออกเสียแล้วแต่แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้คนตรงหน้าเขาพูดว่าอะไรทำเอาเขาหันไปมองหน้าฟรานเชสเหมือนเป็นเชิงถามว่าไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า

 

“มาหาผมหรือครับ?”ร่างโปร่งเอานี้ชี้ที่หน้าตัวเองอย่างงงๆ

 

“ก็ใช่น่ะสิ”แอนโทนินเดินเข้าไปหาร่างโปร่ง สุชาติเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินแต่ในใจก็ยังคงสงสัยว่าฟรานเชสกับเลขาของท่านประธานไปรู้จักกันตอนไหน

 

แอนโทนินนั่งลงตรงที่ว่างเล็กน้อยบนโซฟาด้านข้างฟรานเชสแล้วยกมือขึ้นทาบหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆและพบว่าอุณหภูมินั้นผิดปกติเล็กน้อย

 

“ฉันเป็นห่วงนาย เลโอก็ด้วยแต่เขาติดงานอยู่เลยลงมาหาไม่ได้ แล้วนี่กินยาหรือยังตัวยังรุมๆอยู่เลย”แอนโทนินว่าด้วยความเป็นห่วง สายตาที่แสดงความรู้สึกออกมาชัดเจนและน้ำเสียงที่อ่อนโยนทำเอาสุชาติถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียวเพราะเขาไม่เคยเห็นเลขาหนุ่มในด้านนี้มาก่อน

 

“ขอบคุณครับ ผมกำลังทานข้าว เสร็จแล้วก็จะทานยาครับ”ฟรานเชสบอกมองชามข้าวต้มที่วางอยู่ตรงโต๊ะ เมื่อแอนโทนินได้ยินอย่างนั้นเขาจึงหยิบชามข้าวต้มที่อีกฝ่ายกำลังมองนั้นขึ้นมา

 

“เดี๋ยวฉันป้อนให้”ว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนใจดีมีความสุข ฟรานเชสผู้ไม่เคยเห็นแอนโทนินในด้านอื่นก็ยิ้มตอบต่างจากใครบางคนที่ยืนอยู่และเหมือนจะช๊อคไปเสียแล้ว ช๊อคแรกกับคำว่าจะป้อนข้าวให้ของเลขาท่านประธานหน้าดุที่แสนจะเคร่งเครียด ช๊อคที่สองคือรอยยิ้มที่แสนจะน่าดึงดูดของฟรานเชส โชคดีที่เขายืนอยู่ด้านหลังของแอนโทนินจึงไม่เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของชายหนุ่มด้วย มิเช่นนั้นเขาคงจะเป็นลมไปแล้วจริงๆ

 

“ส่วนนายมีงานก็ไปทำ”ยังไม่ทันหายช๊อคก็เจอเสียงดุตามฉบับที่คุ้นเคยดังมาทำเอาสุชาติต้องรีบเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะทันทีแต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเหมือนเมื่อตอนเช้าทั้งๆที่ฟรานเชสก็ยังอยู่ในห้อง คงเพราะว่า..ภาพที่เขาเห็นคือความอ่อนโยนของแอนโทนินที่กำลังเป่าข้าวต้มกุ้งร้อนๆแล้วป้อนให้ฟรานเชสที่กินมันเข้าไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองคนเหมือนกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวจนลืมว่ามีเขานั่งหัวโด่อยู่ด้วย

 

“เลโอบอกว่าเมื่อคืนนายท่านให้นายนอนที่โซฟา นายปวดหลังบ้างหรือเปล่า”แอนโทนินถามขึ้นขณะกำลังป้อนข้าวต้มให้ ผ้าปิดปากของฟรานเชสถูกถอดออกไปเพราะต้องทานข้าวทำให้ชายหนุ่มได้เห็นหน้าที่แสนจะเพอร์เฟคนั่นอีกครั้ง ฟรานเชสทำหน้าครุ่นคิดถึงคำถามที่เลขาหนุ่มว่า เขาปวดหลังนิดหน่อยก็จริงแต่ก็เป็นที่ที่หัวหน้าผลักเขาชนโต๊ะเมื่อวานไม่ใช่เพราะการนอนเมื่อคืนแน่นอน แต่จะว่าไปแล้ว...เมื่อคืนเขาตื่นมาบนโซฟาหน้าห้องนอนท่านประธานแต่ทำไมตื่นเช้ามาเขากลับไปนอนบนเตียงกับท่านประธานได้ละ

 

“ไม่ครับ เมื่อคืนผมนอนที่เตียง”แล้วร่างโปร่งก็บอกออกไปตามตรง แน่นอนว่าไม่ใช่แค่แอนโทนินที่ตกใจแต่สุชาติที่แอบฟังอยู่ก็ตกใจไปด้วยเช่นกัน หัวหน้าหนุ่มรู้ว่านายท่านที่แอนโทนินพูดถึงก็คือท่านประธานของบริษัท จริงๆเขาตกใจตั้งแต่แรกแล้วที่แอนโทนินบอกว่าท่านประธานบริษัทให้ฟรานเชสนอนที่โซฟา หมายความว่านี่ฟรานเชสรู้จักไปถึงท่านประธานเลยหรือ แถมคำตอบที่ฟรานเชสตอบมาเมื่อกี้ก็ทำให้เขาตกใจหนักขึ้นไปอีก

 

“แล้วนายท่านนอนที่ไหนล่ะ”แอนโทนินถามอย่างตกใจ มือหยุดป้อนข้าวต้มโดยไม่รู้ตัวในใจคิดว่านายท่านอาจจะกลัวว่า ฟรานเชสจะขโมยของหรือเปล่าถึงให้ไปนอนที่ห้องส่วนนายท่านก็มานอนที่พื้นอะไรแบบนี้

 

“ก็นอนบนเตียงสิครับ”...แต่คำตอบไม่ได้เป็นอย่างที่คาดไว้

 

“งั้นเมื่อคืน..นายกับนายท่าน..”

 

“นอนด้วยกันครับ”ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...แอนโทนินกู่ร้องอยู่ในใจมือปล่อยจากช้อนจนตกกระทบกับชามเสียงดังดวงตามองอีกฝ่ายนิ่งค้างไปแล้วไม่ต่างจากอีกคนที่นั่งฟังอยู่ที่โต๊ะทำงาน

 

นายท่านที่เย็นชา โหดร้ายนักหนา แถมยังแสดงท่าทางไม่ไว้ใจร่างโปร่งตรงหน้าเขาเสียเต็มแก่กลับให้คนที่ตัวเองไม่ไว้ใจไปนอนบนเตียงกับตัวเองเนี่ยนะ! ผิดปกติ! นายท่านผิดปกติ!

 

"อันที่จริงผมก็ยังงงอยู่เลย ตอนกลางคืนผมนอนบนโซฟาหน้าห้องแต่ตอนเช้าทำไมผมไปตื่นบนเตียงก็ไม่รู้"ยิ่งฟรานเชสพูดคนฟังทั้งสองก็ยิ่งอยากเป็นลมโดยเฉพาะเลขาหนุ่มที่ทำงานกับท่านประธานมาเป็นเวลายาวนาน แอนโทนินรู้สึกตกใจมากกับคำพูดของฟรานเชสจริงๆ ไม่มีทางที่คนอย่างนายท่านจะพาผู้ชายที่รู้จักไม่ถึงหกชั่วโมงเข้าห้องนอนด้วยกันถ้าไม่นับรวมพวกที่นายท่านซื้อมาน่ะนะ ถึงแม้คอนโดนั่นจะเป็นที่ไว้ระบายอารมณ์ของนายท่านโดยเฉพาะและนายท่านมักจะชอบหิ้วสาวสวยหรือหนุ่มน้อยน่ารักๆเข้าไปก็ตามแต่กรณีของฟรานเชสมันต่างกัน นายท่านไม่ไว้ใจฟรานเชสจึงพาฟรานเชสกลับมาด้วยเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรลับหลังจากที่นายท่านกลับไปจากผับแต่ทำไม นายท่านถึงพาฟรานเชสไปนอนที่เตียงได้?

 

ในขณะที่แอนโทนินกำลังคิดสงสัยเกี่ยวกับตัวท่านประธานบริษัทแต่สุชาติกลับคิดไปไกลกว่านั้น แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคืนจะคิดเป็นอื่นไกลไหนไปได้นอกเสียจากว่าทั้งสองคนจะได้เสียกันแล้ว สุชาติมีแต่ความสงสัยเต็มเปี่ยมในหัวของเขา ฟรานเชสไปรู้จักกับท่านประธานบริษัทตอนไหน เพราะขนาดหัวหน้าอย่างเขายังได้เจอท่านประธานไม่บ่อยนักเนื่องจากเขายังถือว่าเป็นพนักงานระดับล่างแถมรู้จักกันถึงขั้นนอนด้วยกันแล้วยิ่งไปกันใหญ่ หรือว่าฟรานเชสจะขายให้กับท่านประธานงั้นหรือ? เพราะก็ได้ยินมาบ่อยๆเหมือนกันว่านประธานมีนิสัยชอบซื้อบริการอยู่เหมือนกัน แต่ฟรานเชสก็ดูซื่อๆไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นได้

 

“ตกใจอะไรกันหรือครับ”เมื่อทั้งห้องเงียบสนิทแถมข้าวต้มยังไม่ได้กินต่อฟรานเชสก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย เขาก็แค่พูดตามตรงมันมีอะไรน่าแปลกมากหรือ

 

“เปล่าหรอก..แล้วนายท่านไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม”แอนโทนินเริ่มถามอย่างไม่มั่นใจหากนอนด้วยกันก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเรื่องแบบบนั้นขึ้นแต่ว่าสังเกตุจากเช้านี้ฟรานเชสก็ไม่ได้มีอาการเดินแปลกอะไรก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“ไม่นิครับ”ฟรานเชสไม่ได้เข้าใจหรอกว่าที่อีกฝ่ายพูดถึงความนัยของมันคืออะไรแต่ก็ตอบไปตามความเข้าใจเพราะท่านประธานก็ไม่ได้ทำอะไรเขาซักอย่างนอกจากการพูดจากดุห้วนใส่ และเมื่อทั้งสองคนได้ยินดังนั้นก็เหมือนจะโล่งอก แอนโทนินโล่งอกเพราะนึกว่าคนตรงหน้าจะเสร็จท่านประธานไปแล้ว เขากลัวแค่ว่าฟรานเชสจะรู้สึกไม่ดีเท่านั้น อันที่จริงเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงฟรานเชสเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ทั้งๆที่รู้จักกันไม่นานแต่ฟรานเชสก็ทำตัวได้เป็นมิตรและสุภาพ ดูมีแต่ความจริงใจและใสซื่อแต่ก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่งเพราะดูเหมือนเขาจะไม่มีเพื่อนเลย ส่วนสุชาติก็รู้สึกโล่งใจว่าลูกน้องที่เริ่มทำเขาหัวใจเต้นผิดจังหวะยังบริสุทธ์อยู่

 

“แล้วคุณแอนโทนินไม่มีงานหรือครับ”ฟรานเชสถามในขณะที่อ้าปากกินข้าวต้มที่แอนโทนินป้อนให้ต่อหลังจากหายตกใจ

 

“เพิ่งทำงานเสร็จน่ะก็เลยว่าง”ร่างโปร่งพยักหน้า เคี้ยวข้าวไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอีกข้าวต้มกุ้งหมดชาม

 

“เสร็จแล้วก็กินยานะ”แอนโทนินวางชามข้าวต้มลงหยิบยาออกมาจากแผงแล้วแกะส่งให้สองเม็ดพร้อมลุกขึ้นไปรินน้ำจากเหยือกที่โต๊ะทำงานของสุชาติให้ด้วย

 

“ต้องขอบคุณหัวหน้านะครับที่อุส่าห์ไปซื้อข้าวซื้อยามาให้ผม”ฟรานเชสบอกแอนโทนินหลังจากกลืนยาทั้งสองเม็ดลงไป แต่ชายหนุ่มในชุดสูทกลับนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินประโยคนั้นเสียอย่างนั้น

 

“นายนอนต่อนะ พักผ่อนให้เต็มที่แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปส่ง”แอนโทนินดันตัวฟรานเชสให้นอนลงไปที่โซฟาเหมือนเดิม

 

“แล้วไม่ต้องไปส่งท่านประธานหรือครับ”ร่างโปร่งแปลกใจ แอนโทนินเป็นเลขาคนสนิทของท่านประธานไม่ใช่หรือ จะมาส่งเขาได้ยังไงกันหากท่านประธานรู้เข้าเดี๋ยวก็อารมณ์เสียอีกเพราะเหมือนท่านประธานจะไม่ชอบขี้หน้าเขามากอยู่ทีเดียว

 

“มีเลโออยู่นิ ฉันขอนายท่านได้นายท่านให้อยู่แล้วล่ะ”แอนโทนินยิ้มให้ ฟรานเชสจึงพยักหน้ารับเบาๆ

 

“ถ้าย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นมาหา”แอนโทนินตบไหล่ร่างโปร่งเบาๆแล้วเดินไปที่ประตูห้อง แต่ตอนที่กำลังเปิดประตูชายหนุ่มก็หันมาหาฟรานเชสอีกครั้ง

 

“แล้วก็นะ...นายน่ะเลิกใส่ผ้าปิดปากได้แล้ว นายเป็นคนหน้าตาดีมากนะนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนอื่นถึงชอบมองหน้านายไงละ”พูดเสร็จก็ปิดประตูแล้วเดินออกไปทำให้ฟรานเชสที่ได้ฟังคำพูดนั้นเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาถอดผ้าปิดปากออกไปตั้งแต่ทานข้าวและตอนนี้ยังไม่ได้ใส่คืน แต่คำพูดของแอนโทนินเมื่อกี้ก็ทำให้เขาคิดเช่นกัน เขาปิดปากตัวเองมาตลอดเพราะเข้าใจว่าหน้าตาเขามันน่าเกลียดมากจนคนอื่นทนมองไม่ไหวแต่คำที่แอนโทนินบอกมันตรงข้ามกับความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง อีกฝ่ายบอกว่าเขาหน้าตาดีมากคนเลยมอง อันที่จริงเวลาคนมองหน้าเรามันก็คิดได้สองแบบคือหน้าตาดีกับหน้าตาน่าเกลียดแต่ฟรานเชสก็ไม่ได้มั่นใจตัวเองมากพอที่จะบอกว่าตัวเองหน้าตาดีจนคนอื่นมองดังนั้นเขาจึงเชื่อในแบบที่ตรงกันข้ามมาตลอด

 

“คุณแอนโทนินพูดถูกนะฟรานเชส เลิกใส่ผ้าปิดปากได้แล้ว”และเมื่อได้รับการยืนยันเป็นครั้งที่สองก็เริ่มทำให้ฟรานเชสรู้สึกเชื่อได้

 

“จริงหรือครับ”ร่างโปร่งถาม สุชาติพยักหน้าแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

“นายเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลยล่ะ แล้วตาของนายก็สวยมากๆด้วย”สุชาติชมอย่างออกนอกหน้า ฟังดูเหมือนเป็นแค่คำเยินยอแต่นั่นก็คือความเป็นจริงที่สุชาติคิดทั้งหมด

 

“บ้าน่ะครับ”แล้วฟรานเชสก็รีบถอดแว่นแล้วหลับตาทันที ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยมีคนชมแบบนี้มาก่อนทำเอาเขินไม่น้อยเลยทีเดียว สุชาติที่เห็นหน้าขาวๆมีสีแดงระเริ่อขึ้นมาก็ใจเต้นแรงขึ้นทันที

 

ฟรานเชสนายจะน่ารักเกินไปแล้ว!

 

- - - - - - - - - - - -

 

เมื่อถึงตอนเย็นแอนโทนินก็มารับฟรานเชสอย่างที่ได้บอกไว้โดยชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาและพบว่าคนที่เขาจะมารับกำลังลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย ฟรานเชสขยี้ตาตัวเองสองสามทีแล้วสวมแว่น

 

“มาแล้วหรือครับ”ฟรานเชสเอ่ยขึ้นท่าทางเหมือนยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่นัก แอนโทนินนั่งลงข้างๆ เมินเจ้าของห้องที่กำลังเก็บข้าวของโดยสิ้นเชิง

 

“อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”ชายหนุ่มในชุดสูทอังมือทาบหน้าผากคนตรงหน้าอีกครั้งและพบว่าไข้ลดจนแทบไม่มีแล้ว

 

“ผมปวดหัว คงเพราะว่านอนทั้งวัน”ฟรานเชสบ่นเล็กน้อย อาการปวดหัวจากการนอนมากไปเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเพราะมันทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่สบายตัว

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรีบกลับไปพักที่บ้านนะ”แอนโทนินฉุดฟรานเชสให้ลุกขึ้นตาม เขาสังเกตุว่าหลังจากที่เขาพูดไปเมื่อตอนกลางวันฟรานเชสก็ไม่ได้สวมผ้าปิดปากแล้ว

 

“แล้ว...ท่านประธานไม่ว่าหรือครับ ทิ้งงานมาส่งผมเนี่ย”ฟรานเชสถามหลังจากที่ไหว้ลาหัวหน้าเขาเรียบร้อยแล้วออกมาเก็บกระเป๋าที่โต๊ะทำงานของตัวเอง โชคดีที่ตอนนี้ค่อนข้างเย็นพนักงานส่วนใหญ่จึงกลับไปหมดแล้วเลยไม่ได้มีใครเห็นภาพเลขาท่านประธานบริษัทตามติดพนักงานระดับล่างคนหนึ่งโดยไม่เหลือคราบชายหนุ่มหน้าดุที่แสนเคร่งครัด

 

“ไปแป๊บเดียวนายท่านไม่รู้หรอก”แอนโทนินยิ้มแหะๆทำให้ฟรานเชสรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้บอกท่านประธานเรื่องที่จะมาส่งเขาแน่นอน

 

“ไม่เอาครับคุณแอนโทนิน ถ้าเกิดท่านประธานรู้ทีหลังคุณจะไม่โดนหรือครับ”จริงๆแอนโทนินก็พอรู้อยู่ว่าถ้าเกิดว่าฟรานเชสรู้ว่าเขาไม่ได้บอกนายท่านว่าจะไปส่ง ฟรานเชสก็คงต้องปฏิเสธเขาแน่นอนแต่ว่าจะให้บอกได้ยังไงในเมื่อนายท่านยังคงไม่ไว้ใจฟรานเชส ยิ่งเรื่องในแก๊งตอนนี้ชักจะไม่ดีอยู่ด้วยนายท่านก็มองคนในแง่ลบไปเสียหมด

 

“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปรีบมานายท่านไม่รู้หรอก”แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นฟรานเชสก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธอยู่ดี

 

“ไม่เอาครับคุณแอนโทนิน คุณน่ะกลับไปหาท่านประธานเถอะผมกลับบ้านเองได้”ฟรานเชสว่าออกไปตามตรง ตอนนี้อาการเขาก็ดีขึ้นมากแล้วพรุ่งนี้ก็น่าจะหายเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องมาตามคอยดูแลอย่างกับเขาป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็ได้

 

“ไม่ล่ะฉันสัญญากับนายไว้แล้วว่าจะไปส่ง ไปเถอะ”แล้วชายหนุ่มในชุดสูทก็ไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น คว้ากระเป๋าให้อีกคนแล้วเดินนำลิ่วไปยังลานจอดรถ ทำให้ฟรานเชสต้องวิ่งตามไปอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อมาถึงรถโตโยต้าที่จอดอยู่ร่างโปร่งก็ถามขึ้น

 

“รถคุณหรือครับ”แอนโทนินพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูเข้าไปในรถ เมื่อทั้งสองเข้ามาเลขาหนุ่มก็พูดขึ้น

 

“นายท่านให้ไว้เวลาฉันไปทำธุระข้างนอกน่ะ ฉันกับเลโอก็ได้กันคนละคัน”ยิ่งฟังอย่างนั้นทำไมฟรานเชสยิ่งรู้สึกผิดก็ไม่รู้ รถที่เอาไว้เพื่อทำงานแต่แอนโทนินกลับเอามาส่งเขา

 

“ไม่ต้องกังวลน่าไม่มีอะไรหรอก เอ้า บอกทางไปบ้านนายให้ฉันหน่อยสิ”ชายหนุ่มยิ้มให้ สุดท้ายในเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วฟรานเชสก็ต้องบอกทางแก่แอนโทนินไป

 

     - - - - - -

“พวกคิมหันต์”เลโอตกใจเล็กน้อยที่อยู่ดีๆนายท่านของเขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในห้องทำงานของประธานบริษัท

 

“ว่าอย่างไรนะครับ”เลขาหนุ่มถามซ้ำ

 

“ฉันว่าอาจจะเป็นพวกคิมหันต์ที่กำลังก่อกวนแก๊งเราอยู่”พวกคิมหันต์ที่ว่าก็คือแก๊งทางใต้ที่มีอดิศวรเป็นหัวหน้า จริงๆแล้วทั้งสี่แก๊งหลักมีชื่อเรียกที่ต่างกันแต่โดยทั่วไปเวลาพูดกับคนนอกก็จะเรียกทิศที่แก๊งนั้นกำลังปกครองอยู่มากกว่า อย่างแก๊งของคริสตอฟคือแก๊งที่ควบคุมทางเหนือมีชื่อว่าวาเลนติโน่ ซึ่งคนที่อยู่ในแก๊งนี้จะถูกเรียกว่าพวกวาเลนตินเหมือนกับแก๊งทางตะวันออกของเฟอร์นันเด้ที่มีชื่อคือโครเชีย และคนในแก๊งเรียกว่าโครเชียนแต่จะต่างจากอีกสองแก๊งที่เหลือที่มีนวัฒน์กับอดิศวรเป็นผู้นำ ทั้งสองแก๊งนี้จะมีชื่อแก๊งและการเรียกคนในแก๊งเหมือนกันก็คือ ทางใต้ชื่อจะเรียกโดยรวมว่าพวกคิมหันต์และทางตะวันตกเรียกว่าเหมันต์

 

“ทำไมล่ะครับ”เลโอถามต่ออย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้แก๊งของเขาอยู่ในสถานะการณ์ที่ค่อนข้างแย่เนื่องจากไปจับมือทำธรุกิจกับพวกเหมันต์ทำให้พวกคิมหันต์ที่กัดกับเหมันต์มานานหลายรุ่นเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาและเริ่มหันมาตีกับวาเลนติโน่ด้วยเนื่องจากถือว่าเป็นพวกเดียวกับเหมันต์

 

“ตอนนี้เซิฟเวอร์ของบริษัทค่อนข้างรวนมากแล้วแก๊งที่มักจะเล่นวิธีทางนี้ก็มีอยู่พวกเดียวคือคิมหันต์”คิมหันต์เลื่องชื่อมากในการจ้างแฮกเกอร์เจาะระบบของแก๊งอื่นแล้วขโมยข้อมูลมาแต่โชคดีที่หลายแก๊งก็มักจะไหวตัวทันจึงไม่ค่อยเดือดร้อนมากนักประกอบกับทางคิมหันต์เองก็แค่ต้องการขู่ไม่ได้จริงจังอะไร

 

“หลังจากเหตุการณ์ตอนรุ่นอาของฉันพวกคิมหันต์คงแค้นเหมันต์ที่มาแฮกข้อมูลไปทั้งหมดเลยหันมาเอาดีทางด้านนี้จนถึงตอนนี้แม้แต่แฮกเกอร์ที่แก๊งอื่นจ้างมาก็ไม่เก่งเท่าของคิมหันต์”คริสตอฟเอ่ย จริงๆเขาค่อนข้างหนักใจกับเรื่องนี้พอสมควร แฮกเกอร์ไม่ได้หากันง่ายๆและคิมหันต์ก็มีหมากที่ดีอยู่ในมือยิ่งตอนนี้เขาเหมือนกับจับมือกับเหมันต์พวกคิมหันต์ก็ยิ่งอยากจะโจมตีเขา คริสตอฟรู้ดีว่าวาเลนติโน่ไม่มีทางสู้คิมหันต์ได้เพราะคนที่เก่งที่สุดด้านนี้ในแก๊งของเขาก็คือแอนโทนี่กับเลโอซึ่งหากว่ากันตามตรงทั้งสองก็แค่รู้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น อาจจะแก้ปัญหาได้เป็นบางครั้งบางคราวแต่ถ้าเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นมาแล้วจริงๆ ทั้งสองคนก็คงทำอะไรไม่ได้

 

“ผมว่าเราควรจะจ้างแฮกเกอร์ฝีมือดีซักคน”เลโอเอ่ย เขาก็หนักใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลขาหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองมีฝีมือแค่ไหนซึ่งนั้นไม่อาจเทียบได้กับแฮกเกอร์ตัวจริง

 

“ถ้าแฮกเกอร์มันหาง่ายก็ดี”คริสตอฟพึมพำ แฮกเกอร์ฝีมือดีที่เขารู้จักหรือที่หน่วยกลางเสนอก็มักจะโดนคิมหันต์แย่งตัวไปเสียหมด จนตอนนี้แฮกเกอร์ฝีมือดีแทบจะไม่มีเหลือแล้ว

 

...แฮกเกอร์เป็นประเด็นสำคัญจริงๆ เหมือนที่มีคนกล่าวไว้ไม่มีผิด การมีแฮกเกอร์ที่เก่งที่สุดอยู่ในมือเท่ากับแก๊งนั้นเป็นผู้นำของทุกแก๊งแล้ว...

 

“นายท่านจำเรื่องแฮกเกอร์ปิศาจได้ไหมครับ”อยู่ดีๆเลขาหนุ่มก็เอ่ยขึ้น คนฟังขมวดคิ้วแล้วตอบ

 

“จำได้ แต่เขาหายไปเป็นสิบกว่าปีแล้วและฉันก็ไม่หวังความหวังลมๆแล้งๆจากแฮกเกอร์นิรนามคนนั้นที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ส่วนไหนของโลก หรือไม่บางทีอาจจะเป็นพวกคิมหันต์ไปแล้วก็ได้”เลโอถอนหายใจเมื่อได้ฟังคำตอบ

 

“ยังไงก็ตาม เลโอนายพยายามหาแฮกเกอร์ที่ดีให้ได้เร็วที่สุด”เสียงเข้มเอ่ยสั่ง อย่างน้อยมีแฮกเกอร์ในแก๊งก็ยังดีกว่าไม่มี

 

“ครับ”เมื่อเลโอรับคำสั่ง คริสตอฟก็ปิดเอกสารทุกอย่างตรงหน้าแล้วลุกขึ้น

 

“แอนโทนินไปไหน”คราวนี้เลขาหนุ่มถึงกับสะดุ้งเพราะเขารู้ดีว่าคู่หูหายไปไหน

 

“ไป...เอ่อ..”เลขาหนุ่มอึกอักไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบนายท่านว่าอย่างไร คริสตอฟเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเลขาคนสนิทก็เสียงเข้มขึ้นมาทันที

 

“ไปไหน”เลโอผู้เป็นคนที่ซื้อสัตย์มาโดยตลอดเมื่อโดนคั้นด้วยเสียงราวกับจะฆ่าเขาสุดท้ายก็เลยต้องบอกไป

 

“ไปส่งฟรานเชสครับ”ว่าแล้วก้มหน้าจนคางแทบชิดอก คริสตอฟที่ได้ยินดังนั้นก็เดือดขึ้นมาทันที

 

“ทำไมต้องไปส่ง!!”เลโอไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร จะให้ตอบว่าเป็นห่วงมากก็เลยไปส่งก็คงจะไม่ได้ แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่านั้นจะมาตอบ และเขาก็ไม่ใช่คนขี้โกหก

 

“เอ่อ..คือ”แล้วก็อึกอักออกไป ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงยิ่งโมโหขึ้นไปอีก

 

“ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้! มันอาจจะเป็นคนจากคิมหันต์ก็ได้! พวกนายคิดอะไรกันอยู่!”ร่างสูงตวาดเสียงดัง ยิ่งนึกถึงหน้าซื่อๆของคนที่นอนบนเตียงกับเขาเมื่อวานยิ่งโมโห

 

“เขาไม่ใช่หรอกครับ!วันนี้เขาก็นอนทั้งวันไม่มีเวลามาทำเซิฟเวอร์บริษัทรวนหรอกครับ นายท่านอย่าเข้าใจเขาผิดเลย”เลโอพยายามแก้ตัวแทน แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดที่ตัวเองพูดออกไปยิ่งไปสะกิดต่อมโมโหของคริสตอฟ

 

“นอนทั้งวัน!!!? สรุปฉันจ้างพนักงานมานอนใช่ไหม!มันอยู่ไหน!พาฉันไปหามันเดี๋ยวนี้!!”อยู่ดีๆคริสตอฟก็สั่งออกมาแบบนั้นทำเอาเลโอนึกขอโทษอีกฝ่ายอยู่ในใจอละในมือต่อโทรศัพท์ไปหาคู่หูทันที

 

‘ฮัลโหลว่าไง’เมื่อแอนโทนินรับสายคริสตอฟก็จ้องและส่งสัญญาณว่าให้เปิดลำโพง

 

“อยู่ไหนน่ะ”เลโอถามอย่างสั่นๆ

 

‘เพิ่งส่งฟรานเชสเสร็จน่ะ เขาเพิ่งเข้าห้องไปมีอะไรหรือ’พอได้ยินเสียงที่แสนจะสดใสของแอนโทนินคริสตอฟก็หงุดหงิดหนักไปอีก

 

“ทำอะไรลับหลังฉันสนุกมากไหม รออยู่ที่นั่น ฉันกำลังจะไป”คริสตอฟพูดและตัดบทกดวางทันที ทำเอาปลายสายรู้สึกชะตาขาดขึ้นมาทันที

 

ซวยแล้ว...นายท่านรู้เสียแล้ว

 

ส่วนทางด้านของเลโอ เมื่อกดวางโทรศัพท์คริสตอฟก็โยนโทรศัพท์คืนให้เลขาของตัวเองแล้วออกคำสั่ง

 

“ไปหาแอนโทนิน แล้วก็โทษของการร่วมกันปิดบังครั้งนี้มันไม่น้อยแน่เลโอ”เสียงเย็นทำเอาคนเป็นลูกน้องเสียวสันหลังวาบ เลโอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินนำไปที่รถแล้วแล่นรถไปตามที่จีพีเอสว่า เนื่องจากโทรศัพท์ของลูกน้องทุกคนในแก๊งมีจีพีเอสอยู่ด้วยดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงว่าจะตามไม่เจอ

 

...ฉันขอโทษ แอนโทนิน แล้วก็ฟรานเชสด้วย...

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา