[YAOI]Devil...The heart of mafia ดวงใจมาเฟีย

-

เขียนโดย WhiteWrite

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.45 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,805 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

บทที่5

 

เมื่อรถเบนซ์คันหรูมาถึงหน้าหอพักเก่าๆแห่งหนึ่งชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก็ก้าวเข้ามาหาลูกน้องตัวเองที่ยืนรออยู่แล้วทันที

 

"แอนโทนิน อธิบายมา"คริสตอฟมองหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างดุดันทำเอาความร่าเริงของแอนโทนินหายเกลี้ยง

 

"ผมมาส่งฟรานเชสครับ เขาไม่ค่อยสบาย"ตอบไปก็ไม่มั่นใจนักว่าจะโดนว่าหรือเปล่าที่ละทิ้งหน้าที่มาดูแลพนักงานระดับล่างของบริษัทคนหนึ่ง

 

"ไม่สบายไม่ได้เป็นง่อย"คำที่นายท่านตอกกลับมาทำเอาแอนโทนินหน้าเจื่อน เขาจะบอกได้อย่างไรว่าเขาแค่ไม่อยากให้ฟรานเชสกลับบ้านคนเดียวเพราะเป็นห่วง

 

"ผมขอโทษครับที่ไม่ได้บอกนายท่าน ผมสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองครับ"เลขาหนุ่มโค้งสุดต้ว นายท่านของเขากำลังดูโกรธมากและอารมณ์แบบนี้ของนายท่านนี่แหละที่ไม่น่าไปต่อล้อต่อเถียงด้วยเพราะอาจจะได้กินลูกตะกั่วเป็นรางวัล

 

"ฉันไม่เข้าใจว่าพวกนายเป็นอะไรกัน นายก็ด้วยเลโอ พวกนายไว้ใจหมอนั่นได้ยังไง! มันทำตัวแปลกๆเมื่อวานและมันก็ดูใสซื่อจนไม่น่าเป็นไปได้! พวกนายเป็นคนระวังตัวอยู่เสมอนะแต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้!!"คริสตอฟตวาดเสียงดัง เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าไอ้หนุ่มคนนั้นมันทำยังไงให้เลขาที่แสนจะระแวดระวังตัวของเขาทั้งสองคนไว้ใจได้ภายในชั่วข้ามคืน แววตาของมันใสซื่อบริสุทธิ์จนน่าโมโหและเขาคิดว่าคงไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะมีแววตาแบบนั้นได้ถ้ามันไม่เสแสร้งทำ!

 

"ฟรานเชสไม่ได้เป็นไส้ศึกจริงๆนะครับผมยืนยันได้ เขาออกจะซื่อๆเสียด้วยซ้ำ"แอนโทนินพยายามอธิบายแต่มันก็ไม่ได้ผลในยามนี้กับนายท่านของเขาเลย

 

"ฉันจะไม่เสียเวลามาเถียงกับพวกนาย พาฉันขึ้นไปหามันหน่อยสิแอนโทนิน!ฉันจะไปคาดคั้นคำตอบจากมันเองว่ามันเป็นหรือไม่เป็น!"คริสตอฟตัดบทสนทนากับลูกน้องแล้วเอ่ยถามถึงใครบางคนที่เขากำลังสงสัยอยู่ ร่างสูงตัดสินใจแล้วว่าเป็นไงเป็นกันจะไปเค้นคอถามเลยว่าเป็นไส้ศึกหรือไม่ ถ้าเป็นก็เก็บทิ้งถ้าไม่เป็นก็ปล่อยไป เขาไม่อยากจะต้องมานั่งประสาทเสียทุกวันเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นไส้ศึกในแก๊ง ถ้ามันมีทางเลือกที่จะตัดช้อยออกได้ก็ควรจะทำให้เด็ดขาด

 

"แถมได้ข่าวว่าวันนี้นอนทั้งวัน ชีวิตพนักงานมันจะสบายเกินไปหน่อยแล้ว!"

 

"นายท่านใจเย็นก่อนครับ ฟรานเชสเขาไม่สบายผมก็เลยให้เขานอนพัก"แอนโทนินพยายามห้ามปราม เขาบอกไปว่าเขาเป็นคนบอกให้ฟรานเชสนอนพักทั้งๆที่เขารู้ว่าคนบอกคงเป็นสุชาติแต่ถ้าหากพูดออกไป สุชาติก็คงได้ไปหางานใหม่แน่นอน

 

"ฉันไม่สนว่าใครเป็นคนให้นอนฉันอยากเจอมัน"อยู่ดีๆคริสตอฟก็ปรับโหมดเสียงให้สงบนิ่งจนน่าขนลุก แอนโทนินไม่ชอบโหมดนี้ของนายท่านของเขาที่สุดเพราะเป็นโหมดที่รับมือยากและไม่น่ารับมือด้วย

 

"ครับ"แอนโทนินโค้งให้และนำทางไปห้องที่ตัวเองเพิ่งจากมาอย่างจำใจ 

 

...ขอโทษนะฟรานเชส เพราะฉันแท้ๆนายเลยซวยไปด้วย...

 

เมื่อมาถึงหน้าห้องพักหนึ่งบนชั้นสองแอนโทนินก็เคาะประตูเพื่อเรียกคนด้านในออกมา รอไม่นานนักเจ้าของห้องก็เปิดประตูด้วยสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงแสล็ค คาดว่าพอเขากลับออกไปฟรานเชสก็คงจะถอดเสื้อเชิ้ตออกทันทีเพราะอากาศค่อนข้างร้อนและจากที่สังเกตุ ในห้องก็ไม่มีเครื่องปรับอากาศอีกด้วย มีแค่พัดลมตัวเล็กๆอยู่ตรงที่นอนที่ปูอยู่ที่พื้น

 

"ท่านประธาน"ร่างโปร่งโค้งให้อย่างงงๆไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านประธานถึงมาปรากฏตัวอย่างกระทันหันที่หน้าประตูห้องเขาได้ แต่พอมองเลยไปด้านหลังเห็นสีหน้าซีดๆของแอนโทนินก็พอเดาได้ว่าความคงแตกเรื่องที่แอบมาส่งเขา

 

"นอนทั้งวันสบายไหม?"น้ำเสียงเย้ยหยันกล่าวทักทายทำเอาฟรานเชสหน้าเสีย เขาไม่ได้ตั้งใจจะอู้งานแต่ร่างกายเขาก็ไม่ค่อยไหวจริงๆ พอหัวหน้าอนุญาติให้เขานอนได้มันก็เผลอหลับยาวไม่รู้เรื่อง

 

"ผมขอโทษครับท่าน ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"ฟรานเชสก้มหัวให้อีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เงยหน้าขึ้นมาเขาก็รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงจนหลังกระแทกกำแพง ตามมาด้วยแรงกดมหาศาลที่หัวไหล่ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้

 

"โอ้ย!/นายท่าน!!!"เลโอและแอนโทนินร้องเสียงหลง ปกตินายท่านเป็นคนใจเย็นก็จริงแต่ถ้าหากโมโหขึ้นมาต่อให้เอาอะไรมาฉุดก็คงไม่อยู่ และเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของฟรานเชสก็เดาได้ว่าแรงเหวี่ยงนั้นคงไม่น้อยเลยทีเดียว

 

"เรามาสรุปเรื่องนี่กันดีกว่า ฉันเบื่อจะต้องประสาทเสียเพราะคนแบบแกแล้ว!!"คริสตอฟกระแทกไหล่มนกับพนังอีกรอบทำเอาฟรานเชสนิ่วหน้าหนัก

 

"ผมไม่เคยทำอะไรให้ท่านเลยนะครับ"ร่างโปร่งเอ่ยเบาๆ ดวงตาสีฟ้าสวยเริ่มมีน้ำตาคลอเล็กๆจากความเจ็บ

 

"แล้วเมื่อคืนวานทำไมต้องอยู่บริษัทดึก! แถมยังตามไปถึงผับของฉัน!"มือใหญ่บีบไหล่ในมือตัวเองแน่น เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงหงุดหงิดนักทั้งๆที่เขาเป็นคนใจเย็นแท้ๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะหน้าซื่อๆของคนตรงหน้าก็เป็นได้

 

"ผมแค่รอเพื่อนมารับจริงๆครับ แล้วเขาก็พาผมไปเที่ยวที่ผับของท่าน ผมก็เพิ่งมาทราบตอนหลังครับว่าเป็นผับของท่าน"ฟรานเชสอธิบาย ในใจสงสัยว่าทำไมท่านประธานต้องโกรธเขาถึงขนาดนี้ด้วย เมื่อร่างสูงได้ยินที่อีกฝ่ายพูดด้วยหน้าตาใสซื่อแบบไม่มีอะไรปิดบังก็ไม่สามารถจะหาอะไรมาเถียงได้ อันที่จริงเขายังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนใจเย็นมากแท้ๆแต่แค่เรื่องพนักงานบริษัทที่อยู่ดึกแค่คืนเดียวคนหนึ่งกลับทำให้เขาโมโหเหมือนเป็นบ้าและเขาแม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

 

"ผมยืนยันได้นะครับนายท่าน"แอนโทนินออกตัวปกป้อง

 

"คิมหันต์"อยู่ดีๆคริสตอฟก็พูดขึ้นมาและแน่นอนว่ามันทำให้คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการมาเฟียเกิดอาการงง

 

"อะไรนะครับ"ฟรานเชสถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาไม่รู้ว่าคริสตอฟจะทำอะไรรุนแรงอีกหรือเปล่า

 

"รู้จักไหม คิมหันต์"พูดจบตาคมก็มองสบกับดวงตาสีฟ้าใสตรงๆ คริสตอฟกำลังจับอาการโกหกของคนตรงหน้าอยู่นั่นเอง

 

"ไม่รู้จักครับ"และไม่มีความผิดปกติใดๆ บ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังพูดความจริง คริสตอฟปล่อยมือจากไหล่ของอีกคน เขาหาข้อกล่าวหาให้ฟรานเชสไม่ได้เลย อีกฝ่ายทำอะไรก็ดูซื่อไปเสียหมดจนดูไม่มีพิษภัย หรือนี่เขาจะบ้าไปเองคนเดียวนะ คริสตอฟยอมรับตัวเองว่าตั้งแต่เขารู้ว่ามีไส้ศึกในบริษัทในแก๊ง การควบคุมอารมณ์เขาก็ต่ำลงมากจนบางทีกลายเป็นคนขี้โมโหไปเลยทีเดียว

 

แอนโทนินและเลโอเริ่มเบาใจเมื่อเห็นนายท่านสงบลง เลโอรีบเดินเข้าไปดูอาการฟรานเชสทันทีแต่เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก

 

"นายท่านครับ เขาไม่ได้เป็นหรอกครับ"เลโอกล่าวย้ำ คริสตอฟเหมือนทำท่าหงุดหงิดกับตัวเองเล็กน้อยแล้วจึงหันหลังเดินออกประตูไป

 

"คราวนี้เรื่องนอนที่บริษัทฉันยกให้แต่ถ้ามีคราวหน้าก็มายื่นซองขาวได้เลย"ว่าจบร่างสูงก็ก้าวจากไปทันทีทำเอาลูกน้องที่มาด้วนตามอารมณ์แทบไม่ทัน

 

"ฉันขอโทษนะฟรานเชส แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะนายท่านคงไม่มายุ่งกับนายแล้ว ฉันไปก่อนนะ"แอนโทนินกล่าวรีบๆแล้ววิ่งจากไปพร้อมกับเลโอ ฟรานเชสรู้สึกหมดแรงขึ้นมาดื้อๆเมื่อแขกของเขากลับไปหมด มือเรียวเอื้อมไปปิดประตูเบาๆแล้วนั่งลงที่เตียง อันที่จริงก็ไม่เรียกว่าเตียงเท่าไหร่หรอกมันก็เป็นแค่บริเวณที่มีผ้าปูที่พื้นเอาไว้นอนก็เท่านั้นเอง สองวันนี้มีเรื่องเข้ามาจนเขาแทบตามไม่ทัน การพบเจอแบบปุ้บปั๊บกับท่านบริษัทและเลขาหนุ่มทั้งสองเหมือนจะทั้งดีและไม่ดี ร่างโปร่งเอนหลังลงและเอามือนวดที่ขยับทั้งสองข้างของตน

 

ปวดหัว..

 

นั่นเป็นอาการเดียวที่บอกได้ตอนนี้ เขายังปวดหัวตั้งแต่ตื่นนอนที่บริษัทแถมพอมาเจอเรื่องก็ทำเอาปวดหนักขึ้นไปอีก มือเรียวหยิบยาสองเม็ดที่วางอยู่ตรงหัวนั้นและรีบดื่มน้ำกินเข้าไป

 

หวังว่าตื่นมาเรื่องยุ่งๆทั้งหมดนี้มันจะหายไปซักที...

 

------------

 

เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่โดนอัดกระแทกกำแพงที่ห้องตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจออีกเลยทั้งท่านประธานและเลขาทั้งสอง จริงๆก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะก่อนหน้านั้นทำงานที่นี่มาสองปีก็ไม่เคยเจอพวกเขาเหมือนกัน ชีวิตของฟรานเชสดำเนินไปเหมือนเดิมทุกประการอาจจะแตกต่างออกไปหน่อยตรงที่ว่าเขาเลิกที่จะใส่ผ้าปิดปากตามคำแนะนำของแอนโทนินและหัวหน้ารวมถึงเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ทำให้เพื่อนร่วมงานก็มีท่าทีต่อเขาแปลกไปด้วย 

 

พวกเพื่อนร่วมงานผู้ชายอยู่ดีๆก็หันมาสุภาพกับเขาเฉย ไม่มีใครเรียกเขาว่าไอ้เอ๋ออีกและทุกคนก็เหมือนจะยอมรับเขาแล้ว นั่นทำเอาฟรานเชสงงไปเลยแต่ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ ส่วนพวกเพื่อนร่วมงานผู้หญิงเมื่อก่อนทำท่ารังเกียจเขายิ่งกว่าอะไรดีตอนนี้กลับมาตีสนิทด้วยเสียอย่างนั้น พวกหล่อนพยายามแข่งกันทำอาหารกลางวันมาให้เขากินทุกวันทำเอาเขาประหยัดค่าอาหารกลางวันได้เยอะเลยทีเดียว 

 

โดยการเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดนี้ฟรานเชสคิดว่าคงเพราะการที่เขายอมเปิดเผยหน้าตาไม่ปิดบังอะไรอีกเพื่อนร่วมงานก็คงมีความรู้สึกว่าเขาเปิดใจเลยหันหน้ามาคุยด้วยแต่อันที่จริงแล้วเพื่อนร่วมงานผู้ชายหันมาสุภาพเพราะคำบอกเล่าของหัวหน้าแผนกเกี่ยวกับวันที่เลขาท่านประธานป้อนข้าวป้อนน้ำให้อย่างดีทำเอาทุกคนเกรงกลัวว่าถ้าแกล้งร่างโปร่งไปมากกว่านี้ อาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้ส่วนเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่พวกเธอทั้งหลายพยายามตีสนิทก็เพราะว่าใบหน้าของชายหนุ่มนั้นหล่อราวเทพบุตร เขาเป็นคนที่มีผมสีดำสนิทแต่ตากลับเป็นสีฟ้าดูแปลกตา เหมือนเป็นชาวเอเชียผสมยุโรปแต่โดยรวมหน้าตาก็ไม่ได้ค่อนมาทางเอเชียเลยแม้แต่น้อย

 

แต่ถึงจะว่าแบบนั้นเพื่อนผู้ชายบางคนเปลี่ยนจากความเย้ยหยันเป็นความอิจฉาริษยาเมื่อสาวๆในแผนกเอาแต่ไปรุมสนใจคนที่เคยเป็นไอ้เอ๋อมาก่อนโดยเฉพาะสี่คนที่เคยทิ้งเขาไว้ที่ผับเมื่อสองเดือนที่แล้ว

 

"ไอ้ฟรานเชส"โจพูดขึ้นเรียกให้ดวงตาสีฟ้าหันมาสบ

 

“ครับ?”ฟรานเชสขานรับหหมุนเก้าอี้ให้หันไปหาเพื่อนร่วมงาน

 

“โน้ตบุ๊คฉันเหมือนจะติดไวรัสว่ะ แกเอาไปให้พวกฝ่ายไอทีให้หน่อยสิ”ว่าแล้วเพื่อนร่วมงานก็ถอดสายชาร์ตออกจากตัวเครื่องและพับหน้าจอส่งให้ชายหนุ่มร่างโปร่ง

 

“คุณก็เอาไปให้เองสิครับ”ฟรานเชสบอก มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเสียหน่อยที่จะต้องเอาโน้ตบุ๊คไปซ่อมให้

 

“ฉันติดงานด่วนแกไม่เห็นหรอวะ ช่วยเพื่อนแค่นี้ไม่ได้หรอ”โจว่าพลางหันหน้าก้มลงไปทำงานเอกสารต่ออย่างเร่งรีบทำให้ฟรานเชสไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรต้องจำใจรับโน้ตบุ๊คนั้นมา

 

“ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ”ฟรานเชสว่าแล้วลุกออกจากโต๊ะทำงานเพื่อลงลิฟท์ไปยังชั้นล่างที่ฝ่ายไอทีทำงานอยู่

 

เมื่อลงมาถึงชั้นทำงานของแผนกไอทีฟรานเชสก็เดินเข้าไปเพื่อที่จะหาคนแก้ไวรัสในคอมให้โจแต่เขากลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากห้องข้างๆเขาเสียก่อน

 

“มันเก่งเกินไป เราต้านมันไม่ไหวหรอก”เสียงนั้นฟังครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของเลโอ ฟรานเชสหยุดเท้าและเดินไปพิงผนังหน้าประตูพร้อมทั้งแอบมองเข้าไปด้านในผ่านทางช่องประตูที่ถูกแง้มเอาไว้ เขามองเห็นเลโอกับแอนโทนินกำลังทำอะไรบางอย่างกับโน้ตบุ๊คโดยที่โน้ตบุ๊คนั้นมีสายต่อเข้าไปกับตัวเซิฟเวอร์ของบริษัท ใบหน้าของทั้งสองเคร่งเครียดอย่างหนัก ในมือแอนโทนินกำลังถือโทรศัพท์อยู่ด้วย

 

“นายท่านครับ แฮกเกอร์ของพวกมันเก่งเกินไป ผมกับเลโอท่าจะเอาไม่อยู่ครับ”แอนโทนินว่ากับคนในโทรศัพท์ซึ่งก็คือคริสตอฟ ปลายสายนิ่งเงียบไปซักพักแล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

 

‘พยายามทำให้ดีที่สุด เราคงต้านอะไรไม่ได้’

 

“ครับ”แอนโทนินรับคำในขณะที่มือของเลโอยังเป็นระวิงกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้า พวกเขารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับพวกแฮกเกอร์แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆเลขาหนุ่มทั้งสองก็ไม่อยากจะทำตัวไร้ประโยชน์ในเมื่อเลโอยังไม่สามารถหาตัวแฮกเกอร์ที่มีความสามารถมากให้กับวาเลนติโน่ได้ ฟรานเชสที่แอบมองอยู่ก็พอจะเข้าใจขึ้นมา อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รับรู้เรื่องราวโลกภายนอก เขารู้ดีว่าท่านประธานบริษัทคือหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของทางเหนือหรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียก็ได้ ดังนั้นการมีเรื่องมีราวกับแก๊งมาเฟียอื่นก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาแต่เขาแค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีการโจมตีผ่านทางนี้ด้วยเท่านั้น ดวงตาสีฟ้ายังคงมองไปยังชายหนุ่มสองคนที่เหมือนกำลังจะเป็นบ้า ใบหน้าของทั้งสองคนเหมือนอยากจะฆ่าใครให้ตาย

 

‘ถ้ามันแฮกได้ มันจะเอาอะไรไปได้บ้าง’เสียงในโทรศัพท์ดังขึ้น

 

“ข้อมูลของบริษัทเราทั้งหมดครับ ทั้งบัญชีแล้วก็เอกสารทางกฏหมายรวมถึงสัญญาต่างๆ แล้วก็ถ้าเข้าได้ทั้งหมดรวมถึงคอมพิวเคอร์ของนายท่านมันก็จะได้ข้อมูลของวาเลนติโน่ด้วยครับ”เลโอเป็นคนตอบ ตอนนี้เขาผลัดเปลี่ยนให้แอนโทนินมาทำหน้าที่บ้าง ฝ่ายคริสตอฟที่ได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ควรจะเก็บอะไรไว้ในคอมพิวเตอร์เลยจริงๆแต่มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่างจะมานึกเอาได้ป่านนี้มันก็สายไปเสียแล้ว

 

“ถ้ามันได้ไป...วาเลนติโน่ก็ต้องตกอยู่ในกำมือมันแน่นอนครับ”เลโอเอ่ยต่อ ทั้งสามคนรู้อยู่ในใจดีว่าพวกที่ทำเรื่องนี้ก็มีอยู่แก๊งเดียวคือคิมหันต์ แต่แล้วก็มีเสียงเอ่ยแว่วเข้ามาในโทรศัพท์ที่ทำเอาทั้งแอนโทนินและเลโอถึงกับชะงัก

 

‘ท่านประธานคะ คุณอดิศวรมาขอพบค่ะ’

 

แอนโทนินและเลโอต่างก็คิดในใจเหมือนกันว่าที่อดิศวรมาก็เพื่อมาเยาะเย้ยในเมื่อเขากำลังจะตกเป็นลูกไก่ในกำมือของชายคนนั้น เลขาหนุ่มทั้สองได้ยินเสียงนายท่านของตนตอบรับและสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

 

“เราทำได้แค่นี้ล่ะ เลโอ”แอนโทนินบอก การต่อสู้กับแฮกเกอร์นั้นมันเหนือชั้นเกินไป พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีความรู้พื้นฐานทางด้านนี้เสียด้วยซ้ำการที่พวกเขาสามารถยื้อมาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว ทั้งสองคนได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆและเฝ้ามองแฮกเกอร์ของคิมหันต์เจาะข้อมูลไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่ามีคนแอบฟังมาตั้งแต่เมื่อครู่และตอนนี้คนแอบฟังคนนั้นก็หายไปจากหน้าห้องแล้ว...

 

ฟรานเชสรีบวิ่งลงมาชั้นล่างและเข้าไปในห้องเซิฟเวอร์อีกห้องหนึ่งของบริษัท เขาออกมาจากตรงนั้นตั้งแต่ได้ยินว่าฝ่ายนั้นจะได้อะไรไปบ้างถ้าแฮกระบบเข้ามาได้ มือเรียวรีบเปิดโน้ตบุ้คของโจจัดการกำจัดไวรัสให้อย่างง่ายดายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีแล้วต่อสายเข้าเซิฟเวอร์บริษัทและพบว่ามีคอมพิวเตอร์นิรนามกำลังพยายามแฮกข้อมูลเข้ามา นิ้วเรียวกดไปตามแป้นพิมพ์ด้วยความชำนาญ ดูจากรูปแบบการแฮกแล้วมันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว จริงอยู่ว่าการแฮกนี้พวกที่ไม่ได้มีความรู้อย่างแอนโทนินและเลโอคงไม่สามารถป้องกันได้ แต่สำหรับคนที่คลุกคลีกับคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็กอย่างเขาเรื่องแค่นี้มันสบายมาก ฟรานเชสจัดการการแฮกนั้นภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีและสวนคืนโดยการเจาะระบบเข้าไปและทำลายข้อมูลของฝ่ายนั้น และเมื่อฝ่ายนั้นรู้ตัวว่ากำลังโดนเล่นกลับก็พยายามที่จะป้องกัน ชายหนุ่มร่างโปร่งแย้มยิ้มขึ้นที่มุมปากด้วยความสนุก เขาไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว...

 

“คิดจะเล่นกับฉันหรือ”เสียงของฟรานเชสพูดกับตัวเองสมองของเขากำลังโลดแล่นและมือของเขาก็ไม่สามารถหยุดอยู่ ยิ่งต้อนฝ่ายนั้นได้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากเท่านั้นทั้งๆที่ตอนแรกแค่ตั้งใจว่าจะป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายแฮกเข้าไม่ได้เท่านั้นเอง

 

..คงเพราะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว..

 

แต่แล้วก็เหมือนจะเตือนสติตัวเองได้ฟรานเชสรีบหยุดมือหลังจากพบว่าตัวเองทำลายข้อมูลอีกฝ่ายไปเกือบครึ่งภายในเวลาอันสั้น มือเรียวกดออกมาจากระบบและพับฝาโน้ตบุ๊คลง เป็นเวลาแป๊บเดียวจริงๆที่เขาเข้ามาและจัดการแฮกเกอร์คนนั้น ฟรานเชสรู้ว่าการทำแบบนี้มันง่ายมากสำหรับเขาราวกับว่าระบบคอมพิวเตอร์มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและจิตใจไปแล้ว แต่เขาก็ต้องหยุดเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันจะส่งผลอะไรต่อแก๊งของท่านประธานหรือเปล่า ร่างโปร่งส่ายหัวนึกโทษตัวเองในใจที่ทำไปโดยไม่ได้ยั้งคิดเพียงเพราะเจอเรื่องสนุก ฟรานเชสลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องพร้อมกับโน้ตบุ๊คของโจ ร่างโปร่งเดินไปที่ลิฟท์และตัดสินใจลงไปยังชั้นหนึ่งเพื่อไปหากาแฟดื่มซักแก้วดับความพลุ่งพล่านของเขาถึงแม้ว่านี่จะเป็นเวลางานก็ตาม

 

- - - - - - - -  -

 

“เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”อดิศวรนั่งมองคนที่อยู่ตรงข้ามเขาด้วยท่าทีสบายๆผิดกับเจ้าของห้องที่ในใจกำลังร้อนรุ่มไปหมด

 

“แกต้องการอะไรอดิศวร”คริสตอฟเอ่ยถาม เขามั่นใจว่าการมาครั้งนี้ของหัวหน้าแก๊งคิมหันต์ไม่ได้มาเพื่อทักทายถามสารทุกข์สุขดิบแน่นอน

 

“ก็แค่จะมาดูหน้าคนโง่เท่านั่นล่ะ”อดิศวรตอบแล้วฉีกยิ้มกวน เขายกขาขึ้นไขว่ห้างข้างหนึ่งโดยไม่คำนึงถึงมารยาท

 

“แกนี่มันโง่จริงๆคริสตอฟ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่สามารถสู้คิมหันต์ได้แต่ก็ยังไปจับมือกับพวกเหมันต์ ต้องการท้าทายอำนาจฉันอย่างนั้นหรือ?”อดิศวรเอ่ยยิ้มๆ เขากำลังมีความสุขเพราะเขากำลังรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าและเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบเขาจึงพูดต่อ

 

“วาเลนติโน่กำลังจะเป็นลูกไก่ในกำมือของฉันและฉันก็มาที่นี่เพื่อบอกให้แกรู้ว่าใครเหนือกว่า”อดิศวรหัวเราะ คริสตอฟมองคนตรงหน้าด้วยสายตาโหดเหี้ยมแต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้คนอย่างอดิศวรกลัวอยู่แล้ว กลับกันอีกฝ่ายยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่เพราะถึงแม้คริสตอฟจะโมโหขนาดไหนอีกฝ่ายก็ไม่มีทางทำอะไรได้

 

“แสดงว่าแฮกเกอร์ที่เจาะระบบฉันอยู่ตอนนี้ก็คือคนของแกสินะคิมหันต์”คริสตอฟเอ่ยเสียงเย็น อดิศวรเพียงมองหน้าเขาเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ

 

“แน่นอน แกคิดว่าจะมีแก๊งไหนเก่งเรื่องนี้ไปมากกว่าคิมหันต์อีกหรือ”คริสตอฟได้แต่กัดฟันกรอด เขายอมรับโดยดุษฎีว่าตอนนี้เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้แล้ว เกิดมายังไม่เคยโดนหยามหน้าเท่านี้มาก่อน มันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่รอบคอบ ไม่ยอมหาแฮกเกอร์มาประจำแก๊งแต่แรกและยังไปท้าทายพวกคิมหันต์ด้วยการจับมือกับพวกเหมันต์ อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะหาเรื่องคิมหันต์ เขาดำเนินทุกอย่างไปแบบนักธุรกิจ เขาร่วมลงทุนกับเหมันต์เพราะมันมีประโยชน์คุ้มค่ามากกว่าโดยที่ลืมไปว่ามันยังมีเรื่องเบื้องหลังพวกนี้อยู่

 

“ฉันมาจัดการกับแกก่อนเพื่อขู่ไอ้พวกเหมันต์ว่ามันไม่มีทางที่จะเหนือไปกว่าฉันได้ถึงแม้ว่ามันจะไปจับมือกับใครก็ตาม เพราะทุกคนจะถูกกำจัดโดยฉัน แกเข้าใจไหมคริสตอฟ ฉันยิ่งใหญ่ที่สุด! และฉันจะเป็นคนควบคุมกำหนดชะตาชีวิตพวกแกทั้งหมด!!”เสียงหัวเราะลั่นของอดิศวรบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวสะใจและถูกใจกับเรื่องนี้มากขนาดไหนซึ่งถึงแม้ว่าคริสตอฟจะไม่ชอบเสียงนั่นและอยากจะกำจัดคนตรงหน้าทิ้งแต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะตกเป็นเบี้ยล่างพวกคิมหันต์โดยสมบูรณ์ ...เขาพลาดจริงๆ... เขาเป็นหัวหน้าแก๊งที่แย่ที่สุด...

 

ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกระทันหันโดยฝีมือของลูกน้องอดิศวร ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับหัวหน้าของตนแล้วดวงตาของอดิศวรก็เบิกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลูกน้องพูดจบอดิศวรก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางโกรธจัดมือหนาทุบลงกับโต๊ะอย่างแรงแล้วตะคอกถามคนตรงหน้า

 

“แกเล่นอะไรไอ้คริสตอฟ!!!!!!!!!!!”คริสตอฟงงไปชั่วขณะหนึ่งเขาไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้อดิศวรยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนตัวเองได้ครองโลกแต่ทำไมตอนนี้ทำท่าเหมือนตัวร้ายที่กำลังผิดหวังกับอะไรบางอย่างที่คาดหวังไว้สูงแล้วแสดงออกมาในรูปของการกราดเกรี้ยว แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งวาเลนติโน่ก็ดังขึ้น คริสตอฟไม่รอช้ากดรับทันทีเมื่อเบอร์ที่ขึ้นโชว์ว่าเป็นของเลขาคนสนิท

 

‘นายท่านครับ!อยู่ดีๆแฮกเกอร์นั่นก็หายไปเลยครับ!!”แอนโทนินตะโกนผ่านออกมาทางโทรศัพท์ คริสตอฟไม่เข้าใจนักกับคำพูดของอีกฝ่ายจึงถามต่อ

 

“หมายความว่ายังไง”เสียงทุ้มเอ่ยเครียดเหลือบมองอดิศวรที่ยังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนตรงหน้าเขา

 

‘ผมกับเลโอไม่ได้ต้านแฮกเกอร์นั่นเพราะเราไม่มีความสามารถพอ พวกเราเลยได้แต่นั่งรอดูมันแฮกข้อมูลเรา แต่อยู่ดีๆในตอนที่มันกำลังจะเจาะเข้ามาได้มันก็หายไปเลยครับ!ราวกับว่าอยู่ดีๆพวกนั้นก็เลิกแฮกเราซะอย่างนั้น’คำอธิบายของแอนโทนินทำให้คริสตอฟขมวดคิ้วหนัก

 

“เป็นไปไม่ได้”ชายหนุ่มตอบ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าพวกนั้นเลิกแฮกไปอดิศวรจะมาแสดงท่าทางอย่างนี้กับเขาหรือ

 

‘ใช่ครับนายท่าน แต่ถ้ามันไม่ได้เลิกแฮกเรางั้นก็แสดงว่า มีคนมาช่วยเราหรือครับ?’คราวนี้เป็นเสียงของเลโอเอ่ยขึ้นมาบ้าง คริสตอฟอึ้งไปกับคำพูดนั้น คนมาช่วยหรือ?...

 

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”ว่าแล้วก็กดวางสาย เรื่องใครมาช่วยนั้นเอาไว้ที่หลังแต่ตอนนี้เขารู้เหตุผลแล้วว่าทำไมอดิศวรถึงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ก็เพราะว่า...ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามแผนน่ะสิ

 

“ขอโทษทีนะ แต่ว่ารู้สึกว่านายจะทำอะไรฉันไม่ได้นะ”คริสตอฟเอ่ยขึ้นยิ้มๆร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้และยืนเผชิญหน้ากับอดิศวร

 

“แก!!!!”อดิศวรทำท่าเหมือนจะเข้ามาชกแต่ก็ยับยั้งตัวเองไว้ได้ทัน

 

“อย่านึกว่าตัวเองจะมีแฮกเกอร์อยู่ฝ่ายเดียวสิอดิศวร เรื่องแบบนี้ใครๆก็มีได้ รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่เรื่องหักมุมแบบนี้”คริสตอฟว่าไปก็ยิ้มมุมปากไปด้วย หน้าตาเจ้าเล่ห์ของคริสตอฟทำให้อดิศวรโมโหมากขึ้นไม่น้อย เรื่องนี้เขาวางแผนมาอย่างดีและมันควรจะเป็นไปตามแผน แฮกเกอร์ของเขาเก่งในระดับแนวหน้าของประเทศไม่ควรจะมีใครมาหยุดได้เสียด้วยซ้ำ! อดิศวรคิดอยู่ในใจ ตอนนี้เขาทำอะไรคริสตอฟไม่ได้เพราะเรื่องมันพลิกไปหมด ดังนั้นสิ่งที่เขาควรจะทำตอนนี้คือกลับไปตั้งหลักก่อน

 

“มันจะไม่เกิดแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่ แกก็แค่โชคดีเท่านั้น ไอ้คริสตอฟ”ว่าเสียงเย็นเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์แล้วก็รีบกระแทกประตูเดินออกไปจากห้องอย่างไม่มีคำเอ่ยลา เมื่ออดิศวรออกไปแอนโทนินกับเลโอที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกก็เข้าไป

 

“นายท่าน”

 

“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง”คริสตอฟเอ่ยถามทันที เรื่องบังเอิญแบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นใครจะมาช่วยในเวลาขับขันแบบนี้ได้

 

“ผมไม่ทราบครับ นายท่านคิดว่ามีคนมาช่วยเราหรือครับ”เลโอเอ่ยถาม

 

“แน่นอน อดิศวรหัวเสียมาก บอกได้ว่าเขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น”คริสตอฟบอก ทั้งแอนโทนินและเลโอต่างก็คิดเหมือนกับคริสตอฟว่าใครจะมาช่วยในเวลาที่ขับขันแบบนี้ได้ทันพอดี

 

“แต่ถ้ามาช่วยเราได้ทันเวลาแบบนี้ก็ต้องเป็นคนของบริษัท”แอนโทนินเอ่ย ทำเอาเลโอและคริสตอฟหันไปมอง

 

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นี่ อีกอย่างคนที่จะทำได้ก็มีแต่พวกไอทีเท่านั้น แต่พวกไอทีก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แถมห้องเซิฟเวอร์ก็ไม่มีคนเข้ามาด้วย”เลโอว่า คนที่จะต้านการแฮกนี้ได้ก็มีแต่พวกไอทีเท่านั้นแต่พวกเขาก็ไม่เคยบอกปัญหานี้กับใครอีกอย่างตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องเซิฟเวอร์ก็ไม่มีใครเข้ามาด้วย ว่ากันตามตรงพวกไอทีที่ทำงานอยู่ตรงนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเข้าในในห้องเซิฟเวอร์

 

“แต่ว่าชั้นล่างก็มีห้องเซิฟเวอร์”แอนโทนินเอ่ยขึ้นซึ่งนั่นก็ทำเอาทั้งสามคนคิดอะไรได้ทันที

 

“เลโอ แอนโทนิน ไปเช็คที่กล้องวงจรปิดว่าใครเข้าไปในห้องเซิฟเวอร์เวลานั้นแล้วรีบรายงานฉันด่วน!”คริสตอฟเอ่ยสั่งทันที

 

“ครับ!”

 

- - - - - - - - - - -

 

อดิศวรเดินออกมาจากลิฟท์ด้วยความโมโห ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมดและมันทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรง ร่างสูงเดินอย่างเร่งรีบเพื่อกลับไปที่รถของตนที่มาจอดรออยู่ด้านหน้าตึกแล้วตามคำสั่งของเขาแต่เนื่องด้วยความรีบและไม่ทันมองจึงชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินดูดน้ำอยู่อย่างแรง

 

ผลั่ก!

 

แรงชนนั้นทำเอาคนถูกชนล้มลงไปกับพื้น ฝาแก้วน้ำเปิดออกและของเหลวด้านในก็หกรดตัวคนถือจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว อดิศวรมองคนที่เดินชนเขาอย่างขัดใจและกำลังคิดจะต่อว่าแต่พอเห็นดวงตาสีฟ้าสวยที่กำลังมองเสื้อตัวเองที่เปียกจนเห็นรอยเสื้อกล้ามด้านในก็ทำเอาเขาชะงักปากทันที อารมณ์โมโหเมื่อกี้ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วชายหนุ่มนั่งยองๆลงไปแล้วเอ่ยถาม

 

“เป็นอะไรมากไหม”และเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเพื่อจะตอบคำถามก็ทำเอาเขาชะงักไปอีกรอบหนึ่ง ทั้งตาจมูกและปากลงตัวอย่างไร้ที่ติ ผิวขาวๆนวลๆนั่นก็น่ากัดให้เป็นรอย คนตรงหน้าเขา...ถูกเสป็คเขาจริงๆ

 

“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษครับ”ฟรานเชสบอก เขารีบวางโน้ตบุ๊คของเพื่อนให้ไกลจากตัวเพื่อจะได้ไม่เปียก เขาผิดเองเพราะเมื่อกี้มัวแต่ก้มมองแก้วน้ำในมือจนไม่เห็นคนที่เดินมา

 

“ลุกขึ้นเถอะ”อดิศวรเอ่ยจับมือของฟรานเชสอย่างถือวิสาสะแล้วฉุดให้ลุดขึ้น

 

“เปียกหมดเลยฉันขอโทษนะ”อดิศวรว่าอย่างสำนึกผิดแต่ฟรานเชสกลับส่ายหน้า

 

“ผมเดินไม่ได้ดูทางเองครับ”ร่างโปร่งบอก เขาเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาเมื่อมองเลยไปทางด้านหลังแล้วเห็นชายในชุดสูทดำยืนอยู่เต็มไปหมด ถ้าให้เดาคนๆนี้ก็คงจะมีระดับเท่าๆกับท่านประธานบริษัท

 

“ฉันผิดเอง เสื้อนายเปียกขนาดนี้เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่นะ”อดิศวรบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นานๆจะเจอคนถูกเสป็คทั้งทีก็ต้องอ่อนโยนกันบ้าง

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวนั่งไปเรื่อยๆมันก็แห้ง”ฟรานเชสปฏิเสธ

 

“ได้ไง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกทำแบบนั้น ไปเถอะซื้อเสื้อกับฉันเถอะแล้วเดี๋ยวฉันพามาส่งให้ถึงบริษัทเลย”อดิศวรพูดรวบรัดตัดความแล้วคว้าข้อมือขาวไปด้วยทันที

 

“ผมต้องทำงานนะครับ!”ฟรานเชสขืนตัวไว้ จะให้เขาออกไปได้ยังไงนี่มันยังเวลางานอยู่เลย

 

“รีบไปรีบกลับไม่มีใครรู้หรอก”ว่าแล้วก็ใช้แรงลากคนที่ถูกใจขึ้นรถไปด้วยทันที

 

- - - - - - - - -

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา