The Witches II : Dark Heart
9.2
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.58 น.
9 ตอน
6 วิจารณ์
10.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 18.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ความเศร้าและสงคราม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(หนึ่งวันถัดมา)
“เจ้าจะกลับเมืองของเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ” อาเธอร์กล่าวขึ้นหลังจากที่มอร์เดร็ดพาลีอาร์มาพบกับพ่อของเค้าเพื่อจะลากลับไปยังเมืองของเธอ
“เพคะ ท่านกษัตริย์”
“เฮ้อ เด็กๆในเมืองนี้คงจะคิดถึงเจ้าแย่เลยละสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อีกอย่างสักวันข้าก็จะต้องกลับมาเยือนที่นี่อีกเป็แน่แท้เพคะ”
“เอาเถอะแล้วแต่ใจเจ้าละกัน ข้ากะว่าถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย ข้าคงจะสู่ขอเจ้าให้กับมอร์เดร็ดสักหน่อย” เมื่ออาเธอร์พูดจบเค้าจึงหันไปมองหน้าลูกชายของเค้าที่กำลังยืนหน้าแดงราวกับลูกตำลึงอยู่ข้างๆลีอาร์
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
“ฝ่าบาท!!!!!” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถงขณะที่อาเธอร์กำลังสนทนากับลีอาร์และมอร์เดร็ด
“มีอะไร” อาเธอร์หันไปถามทหารที่วิ่งเข้ามา
“เมื่อสีกครู่ทหารที่ออกไปลาดตระเวณทางแถวชายป่า ไปพบเข้ากับกองทัพของทหารฝ่ายศัตรูเข้าพะยะค่ะ!!!!”
“พวกไหนกัน?”
“ข้าพระองค์ไม่รู้เช่นกันพะยะค่ะ รู้แค่เพียงพวกมันใส่ชุดเกราะสีดำ..”
“อื้ม ชักอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองซะแล้วสิเอาเป็นว่านำเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับเซอร์เบดิเวียร์ เค้ารู้ว่าต้องทำยังไง”
“น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ!!!!”
“มอร์เดร็ดไปเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนลีอาร์ข้าจะให้ทหารส่วนหนึ่งไปคุ้มกันเจ้า..”
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อีกอย่างข้าพระองค์เองก็อยากจะเห็นกองทัพศัตรูเช่นกัน ส่วนเรื่องกลับอาณาจักรของข้าเอาไว้หลังจากจบงานนี้ก็ได้เพคะ”
“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นก็ย่อมได้” อาเธอร์รีบลุกจากบัลลังก์ของตนและเดินออกจากห้องโถงเพื่อไปเตรียมตัวทิ้งให้มอร์เดร็ดและลีอาร์ยืนอยู่บริเวณนั้นเพียงลำพัง ทันใดนั้นมอร์เดร็ดก็เดินเข้าไปใกล้ๆลีอาร์พร้อมกับดึงมือทั้งสองข้างของลีอาร์ขึ้นมากุมเอาไว้
“เป็นอะไรไปละมอร์เดร็ด”
“คือข้าแค่กังวลอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับตัวข้าเอง ลีอาร์เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้มั้ย”
“ว่ามาสิ”
“คือข้ากลัวว่าข้าจะเป็นแบบที่นิมิตของน้องสาวข้าบอก”
“นิมิตอะไร”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เอาเป็นว่าเจ้าช่วยเก็บสร้อยเส้นนี้เอาไว้” มอร์เดร็ดถอดสร้อยคอของเค้าออกและสวมมันให้กับลีอาร์
“สร้อยเส้นนี้มัน?”
“มันคือของสำคัญที่ท่านพ่อเคยเคยให้ไว้กับท่านแม่เพื่อเป็นเครื่องแทนใจและตอนนี้ข้าให้ไว้กับเจ้า เพราะเจ้าคือคนที่ข้ารักที่สุด”
“อย่ามัวแต่หยอดคำหวานอยู่เลย ไปเตรียมตัวเถอะ”
“ได้ครับ คุณผู้หญิง” เมื่อเสร็จสิ้นคำพูดมอร์เดร็ดจึงค่อยก้าวเท้าถอยหลังเพื่อจะออกไปจากห้องโถง
(หลายชั่วโมงต่อมา ณ ชายป่าทางด้านนอกเมือง)
กองทหารของอาเธอร์ได้มาถึงยังบริเวณนี้ได้สักพักใหญ่จึงกระจายกลุ่มออกเป็นส่วนๆเพื่อสอดส่องดูกองทัพของศัตรูตามที่ทหารได้รายงานเอาไว้
“ดูท่าทางจะเป็นกองกำลังที่ข้ารู้จัก” อาเธอร์กล่าวขึ้นขณะที่กำลังสอดส่องดูทหารของฝ่ายศัตรู
“ฝ่ายไหนหรือพะยะค่ะ” เซอร์เบดิเวียร์กล่าวขึ้น
“เจเนวีฟ...”
“หมายความว่าเธอควบคุมทหารทัพนี้”
“ใช่ เห็นเธอเป็นเจ้าหญิงแบบนั้นแต่ตอนนี้เธอกลายเป็นแม่ทัพที่แสนจะน่ากลัวไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะจัดการกับกองทัพของนางได้เพราะเหตุนี้ท่านพ่อของข้าจึงอยากให้ข้าแต่งงานกับตระกูลของนาง”
“เฮ้อ พอมาพูดถึงเรื่องแบบนี้แล้วมันทำให้ข้านึกถึงเซอร์ลานเซลอตถ้าเค้ายังอยู่มันจะเป็นยังไงกันนะ”
“นั่นสินะ แต่เอาเป็นว่ารีบกลับไปรวมพลและประชุมกันดีกว่าว่าจะจัดการกับศึกครั้งนี้ยังไง”
“น้อมรับบัญชา” เซอร์เบดิเวียร์โค้งตัวให้กับอาเธอร์ก่อนที่จะเดินไปตามทหารคนอื่นๆให้กลับมาประชุมแผนการ ส่วนมอร์เดร็ดกับลีอาร์ที่กำลังสอดส่องกองกำลังของศัตรูอยู่อีกที่ต่างก็พยายามวางแผนเกี่ยวกับศึกในครั้งนี้
“ทำไมทหารพวกนั้นถึงได้เยอะแบบนี้กันละ”
“เพราะว่าจะได้ถล่มเมืองของเจ้าให้ราบในคราเดียว”
“เฮ้อ ถึงจะมีเวทย์มนต์ช่วยแต่ก็คงใช้ได้ไม่มากสินะ ถ้างั้นเจ้าจะเอายังไง”
“ถ้าเป็นข้าจะหาทางรับมือดีกว่า ถ้าต้องเสียทุกสิ่งไปข้าขอแค่ปกป้องประชาชนให้รอดปลอดภัยก็พอ”
“แต่ข้าอยากให้เจ้าก็เพียงพอแล้ว” เมื่อลีอาร์ได้ยินที่มอร์เดร็ดพูดดังนั้นจึงหันไปตีที่แขนของมอร์เดร็ด
“ไม่!! เราต้องรอดทั้งคู่เข้าใจมั้ย!!”
“จ้าๆ ข้ารู้อยู่แล้วน่า” ทั้งคู่หันมาสบตาให้กันก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆมอร์เดร็ดถูกแรงอะไรบางอย่างกระชากออกมาจากลีอาร์ และร่างหญิงสาวในชุดยาวสีดำสนิท
ก็ปรากฎตัวขึ้นมาเธอมีผมสีทองเข้มและมีนัยต์ตาสีฟ้าคราม ผู้หญิงคนนี้สบัดมือของเธออกทำให้เวทย์มนต์สีดำค่อยกลืนเข้าสู่ร่างของมอร์เดร็ด ทำให้มอร์เดร็ดต้องร้องออกมาด้วยความทรมาน
“มอร์เดร็ด!!” ลีอาร์ตะโกนเรียกชื่อของมอร์เดร็ดพร้อมกับชักดาบของเธอออกมา
“โอ้ เป็นห่วงเค้าอย่างงั้นหรือเจ้าหญิง”
“เจ้าเป็นใคร!!! แล้วทำอะไรกับเค้า!!!!”
“ข้าแค่ทำให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้าควรจะเป็นและอีกอย่างชื่อของข้าถามอาเธอร์เองน่าจะรู้ดีที่สุด เอาเป็นว่างานของข้าเสร็จแล้ว ข้าคงต้องไปแล้วละ”
ผู้หญิงคนนี้หยุดร่ายคาถาและเปลี่ยนร่างของนางเป็นเหยี่ยวสีดำและบินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ลีอาร์ต้องมองมอร์เดร็ดทรมานอยู่อย่างนั้น เมื่อลีอาร์เห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหามอร์เดร็ดใกล้ๆและโอบกอดเอาไว้
“ไม่นะ..มอร์เดร็ดเธอจะไม่เป็นอะไร” ลีอาร์โอบกอดมอร์เดร็ดแน่นในขณะที่เส้นผมสีแดงทองของมอร์เดร็ดนั้นค่อยเปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิทและดวงตาสีฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงราวกับเลือด
“มอร์เดร็ด....” เมื่อลีอาร์พูดจบเธอจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและก้าวถอยหลังเพื่อให้ตัวเองออกห่างจากมอร์เดร็ดเพราะเธอรู้สึกว่ามอร์เดร็ดที่อยู่ตรงหน้าของเธอไม่ใช่มอร์เดร็ดคนเดิมอีกต่อไปแล้ว จากนั้นมอร์เดร็ดจึงค่อยๆลุกขึ้นและเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ
“เฮ้อ ทรมานเป็นบ้า!! แต่แบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบเหมือนกัน!!”
“มอร์เดร็ด....” ลีอาร์เปลี่ยนมาเป็นตั้งท่าเตรียมรับมือกับคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อมอร์เดร็ดก็รีบวิ่งเข้ามาจู่โจมลีอาร์ในทันที ลีอาร์พยายามใช้ความสามารถของเธอในการปัดป้องคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ลีอาร์เนี่ยฝีมือไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ” เมื่อลีอาร์ได้ยินดังนั้นจึงทำให้เธอพลาดท่าและถูกมอร์เดร็ดวิ่งเข้าไปกระแทกกระกับตัวเธออย่างจังจนทำให้เธอกระเด็นออกไปไกลเลยทีเดียว เมื่อเป้นดังนั้นลีอาร์จึงพยายามทรงตัวและลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งกลับไปหากลุ่มทหารที่อยู่กับอาเธอร์ ในขณะที่มอร์เดร็ดกำลังเดินตามไล่หลังของเธอมา ซึ่งตอนนี้อาเธอร์กำลังนั่งประชุมกับเหล่าทหารของเค้า
“ท่านอาเธอร์รีบหนีไป!!!!!” ลีอาร์ตะโกนขึ้นในขณะที่เธอกำลังวิ่งหนีมอร์เดร็ดทำให้อาเธอร์ที่ได้ยินดังนั้นต้องลุกขึ้นยืนเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อาเธอร์เพ่งดูลีอาร์ที่กำลังวิ่งมาทางพวกเค้าส่วนมอร์เดร็ดที่เดินตามหลังมานั้นได้ดีดนิ้วของเค้าทำให้กองทัพของฝ่ายศัตรูนั้นค่อยๆเคลื่อนทัพตามหลังมอร์เดร็ดมา ในขณะที่ท้องฟ้าที่สดใสกำลังเปลี่ยนเป็นสีทมิฬดำและเมฆฝนที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น
“พระเจ้าช่วย....” เซอร์เบดิเวียร์อุทานขึ้น
“เฮ้อ หายนะของแท้มาเยือนแล้ว เอาเป็นว่าข้าจะให้ทหารคนหนึ่งกลับไปแจ้งข่าวให้กับเมลิซ่า ส่วนพวกเราที่เหลือจะรับมืออยู่ที่นี่”
“น้อมรับบัญชา” เซอร์เบดิเวียร์หันมาพยักหน้าให้กับอาเธอร์ก่อนที่จะวิ่งออกไปเพื่อไปรับตัวลีอาร์มา เมื่อลีอาร์วิ่งมาถึงยังอาเธอร์ เธอจึงเปลี่ยนเป็นตั้งท่าตั้งรับ
“ทำอะไรลีอาร์” อาเธอร์กล่าวขึ้น
“ตอนนี้มอร์เดร็ดโดนครอบงำด้วยคาถา เข้าไม่ได้ต้องการชีวิตข้าแต่ต้องการชีวิตท่านดังนั้นให้ข้าคุ้มครองท่านเถอะ” เมื่ออาเธอร์ได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจเล็กน้อยและเดินมาข้างๆลีอาร์
“แม่สาวน้อย ชีวิตของข้าอยู่มาได้จนอายุขนาดนี้แล้ว ข้าพอใจแล้วถึงแม้ว่าข้าจะตายที่นี่ข้าก็ยินดี ข้าได้มีครอบครัวที่แสนสุข บ้านเมืองที่แสนจะอบอุ่น และภรรยาที่น่ารักแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว ส่วนศึกในครั้งนี้มันเป็นบาปของข้าเองดังนั้น ข้าจะรับผิดชอบมันเอง”
อาเธอร์ชักดาบประจำตัวของเค้าขึ้นมา มันคือดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ในตำนานและจากนั้นเมฆฝนที่ปกคลุมจึงค่อยๆโปรยฝนลงมา พร้อมกับลมแรงที่พักกระหน่ำไปทั่วบริเวณ
“แต่ว่า....”
“ไม่ต้องห่วงลีอาร์ หลังจากนี้ถ้าข้าตายไปเจ้าช่วยเก็บดาบเล่มนี้ไว้”
“ไม่...ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
“ไม่..ลีอาร์ข้าแค่ต้องการให้เจ้าใช้มันได้เป็นประโยชน์ที่สุดและเมื่อสิ้นสุดสงครามนี้ เจ้าจะทำยังไงกับมันก็ได้”
“น้อมรับบัญชาท่านกษัตริย์...” เมื่อเสร็จสิ้นประโยคลีอาร์จึงรีบเดินเข้าร่วมทัพกับทหารคนอื่นๆพร้อมกับอาเธอร์ เธอจัดการใช้ทักษะที่เธอฟาดฟันไปที่เหล่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าแบบไม่ปราณี
เธอจัดการตามจุดสำคัญต่างๆเพื่อให้จัดการได้เร็วที่สุดแต่เธอก็อดที่คิดถึงมอร์เดร็ดไม่ได้ เพียงเสี้ยววินาทีจากการโดนมนต์สะกดก็สามารถทำให้มอร์เดร็ดเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอจึงต้องจำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและฟาดฟันเหล่าศัตรูไปเรื่อยๆ ส่วนอาเธอร์เองที่ผ่านการสู้รบมานานก็จัดการเหล่าศัตรูลงได้โดยง่าย
คนแล้วคนเล่าก็ไม่สามารถทำอะไรกองทัพของอาเธอร์ได้เลย เพราะทหารที่เซอร์เบดิเวียร์คัดมานั้น ล้วนแล้วเป็นทหารฝีมือดีทั้งสิ้น ส่วนมอร์เดร็ดเองเมื่อเห็นว่ากองทัพนี้ไม่ได้การณ์ จึงทำการคืนชีพศพของทหารที่ตายไปขึ้นมาใหม่โดยทำให้เป็นแค่เพียงศพเดินได้ ไร้จิตใจสิ่งเดียวที่มันคิดได้ก็คือต้องฆ่าเท่านั้น
“นั่นมันอะไร!!!!” ลีอาร์ตะโกนขึ้น
“คนตาย!!!!” อาเธอร์ตะโกนกลับพร้อมกับใช้ดาบฟันไปที่คอของศพคืนชีพอย่างแรงจนทำให้หัวของมันหลุดออกมา
“แล้วจะจัดการมันได้ยังไง!!!”
“ตัดหัวมัน!!!!” ในขณะที่อาเธอร์และลีอาร์กำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นมอร์เดร็ดจึงใช้จังหวะนี้เพื่อจะเข้าประชิดตัวอาเธอร์และจู่โจมจัดการทันที อาเธอร์เปลี่ยนท่ามาตั้งรับการโจมตีของมอร์เดร็ด!!!
“ยังไวเหมือนเดิมนะ ไอ้แก่!!” มอร์เดร็ดพูดขึ้น
“เฮ้อ เดี๋ยวนี้พูดจากับพ่อแบบนี้เรอะ!! สามหาวจริงๆสงสัยเสร็จงานนี้แล้วคงต้องให้แม่เจ้าตีก้นสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!!!” อาเธอร์พูดจากวนเชิงหยอกล้อเพื่อยั่วยุให้มอร์เดร็ดเกิดอาการโมโห
“ข้าไม่ใช่เด็ก!!!!” มอร์เดร็ดที่เกิดอาการโมโหจึงฟาดฟันเข้าใส่อาเธอร์อย่างไม่หยุดยั้ง
“แต่เจ้าเป็นลูกของข้า...” อาเธอร์พูดกลับก่อนที่จะกลับมาเป็นฝ่ายรุกใส่มอร์เดร็ดบ้างหลังจากที่มอร์เดร็ดเสียการควบคุมอารมณ์จนทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นในการต่อสู้ ทั้งสองต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือดและต่างฝ่ายต่างไม่ยอมใคร
ส่วนลีอาร์ที่จะเข้ามาช่วยนั้นก็ถูกสกัดกั้นด้วยทหารของกองทัพศัตรู ทำให้เธอต้องฝ่ากองทัพของศัตรูเพื่อจะเข้าไปหาทั้งสองได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งฝนที่พัดกระหน่ำที่ทำให้การต่อสู้เพิ่มระดับความยากเข้าไปอีกทำให้เธอต้องรีบจัดการพวกทหารฝ่ายศัตรูให้เร็วที่สุด ส่วนเซอร์เบดิเวียร์เองก็รีบวิ่งเข้ามาสนับสนุนลีอาร์
“เราต้องรีบจัดการทางนี้ให้ไวที่สุดไม่งั้นท่านอาเธอร์แย่แน่”
“งั้นเราก็คงต้องรีบฝ่าไป!!! ลีอาร์ใช้โล่ของท่านฝ่าวงล้อมไปส่วนใครที่มาขวางข้าจะจัดการมันเอง”
“ได้ขอบคุณมาก!! งั้นไปกัน!!!” ลีอาร์ตั้งโล่ขึ้นมาด้านหน้าของเธอและรีบวิ่งฝ่าวงล้อมของศัตรูไปพร้อมกับเซอร์เบดิเวียร์ที่คอยจัดการเหล่าศัตรูที่เข้ามาขัดขวางลีอาร์ในใจของลีอาร์ในตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้มอร์เดร็ดอย่าพึ่งทำอะไรกษัตริย์อาเธอร์เลย
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการ อาเธอร์ที่รู้ตัวว่าแรงของเค้าเริ่มหมดและไม่อาจจะเรียกสติของลูกชายตนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ อาเธอร์จึงกางแขนทั้งสองข้างออกปล่อยให้มอร์เดร็ดใช้ดาบของเสียบเข้าที่กลางท้องของอาเธอร์ เมื่อลีอาร์เห็นภาพที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตาของเธอไหลอาบลงมาทั่วแก้มของเธอ
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!” ลีอาร์ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งและพยายามที่จะฝ่าวงล้อมของศัตรูหวังที่จะฆ่ามอร์เดร็ดเพื่อจะแก้แค้นให้กับอาเธอร์ แต่ก็ถูกเซอร์เบดิเวียร์ห้ามเอาไว้ และดูเหมือนว่าลีอาร์จะไม่ยอมง่ายๆเธอพยายามดิ้นรนเพื่อจะเข้าประชิดตัวมอร์เดร็ดให้ได้
เธอจึงรวบรวมแรงที่มีใช้โล่ของเธอฝ่าวงล้อมของศัตรูเข้าจนทำให้เธอสามารถประชิดตัวมอร์เดร็ดได้ พร้อมกับใช้ดาบของเธอชี้ไปที่มอร์เดร็ดที่กำลังยืนยิ้มด้วยความพึงพอใจ ส่วนลีอาร์ในตอนนี้สีหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและดวงตาที่แดงก่ำเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้านี่แหละจะเป็นคนจัดการกับเจ้า!!!”
“อย่างเจ้านะหรือจะทำอะไรข้าได้..” ยังไม่ทันที่มอร์เดร็ดจะพูดจบดีลีอาร์ก็จัดการฟาดดาบไปที่มอร์เดร็ดอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่เซอร์เบดิเวียร์เองก็รีบสั่งให้ทหารทุกคนให้เข้ามาช่วยกันคุ้มกันอาเธอร์เอาไว้ ปล่อยให้ลีอาร์สู้กับมอร์เดร็ดตามลำพัง
แต่ดูเหมือนกับว่าลีอาร์กำลังจะเสียเปรียบให้กับมอร์เดร็ด เพราะเธอเองก็โดนการโจมตีของมอร์เดร็ดไปไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนมอร์เดร็ดเองก็เริ่มอ่อนแรงลงแล้วหลังจากที่สู้กับอาเธอร์มาได้สักพักใหญ่ จนกระทั่งผู้หญิงที่มีผมสีทองเข้มคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางพวกเค้าทั้งสองและได้ใช้เวทย์มนต์เพื่อให้พวกเค้าทั้งสองคนหยุดต่อสู้
“เฮ้อ พอได้แล้วละเด็กน้อย”
“อย่ามาขวางข้า!!!!” มอร์เดร็ดตะโกนขึ้น
“ใจเย็นสิ งานของเจ้าน่ะเสร็จแล้วเรารีบถอยกลับไปเพื่อจะตั้งหลักจะดีกว่า ส่วนเจ้าแม่สาวน้อย ข้าว่าเจ้าจงรีบแจ้งข่าวไปยังราชินีของเจ้าจะดีกว่า ว่ากองทัพของข้ากำลังจะบุกไปยังคาเมรอท” เมื่อสิ้นสุดประโยคทั้งผู้หญิงคนนี้และมอร์เดร็ดก็หายไปภายชั่วพริบตา อีกทั้งกองทัพของนางก็หายไปด้วยเหลือแต่เพียง ศพของทหารที่ตายไปรวมทั้งคนของอาเธอร์ที่ยังเหลือรอด ลีอาร์ค่อยๆตั้งสติและรีบวิ่งไปดูอาการของอาเธอร์ในทันที
“เฮ้อ ข้านี่มันแย่จริงๆเผลอใจอ่อนไปจนได้” อาเธอร์กล่าวขึ้นในขณะที่กำลังนอนรอความตายอย่างช้าๆ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ท่านอาเธอร์ท่านทำดีที่สุดแล้ว” เซอร์เบดิเวียร์กล่าวขึ้น
“ถ้าภรรยาของข้าอยู่ที่นี่ข้าคงจะต้องต่อว่าแน่ๆ อีกอย่างข้าก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของคนเป็นพ่อแล้ว”
“ไม่....มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านควรจะทำเลย..” ลีอาร์กล่าวขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบทั่วแก้ม
“ไม่เอาน่าลีอาร์ข้าไม่ชอบเห็นเด็กสาวอย่างเจ้าร้องไห้เลยนะ”
“แต่ว่า...”
“หลังจากนี้ข้าขอฝากดาบเล่มนี้ไว้กับเจ้าและเมื่อเสร็จสิ้นจากศึกนี้แล้ว....เซอร์เบดิเวียร์”
“ขอรับ ท่านกษัตริย์”
“เจ้าจงนำดาบเล่มไปโยนที่ทะเลสาบแห่งมนต์ตรา”
“ได้ขอรับ”
“ส่วนเจ้าลีอาร์....ในศึกที่กำลังจะมาถึง....พามอร์เดร็ดกลับบ้านให้ได้”
“เพคะ ข้าพระองค์ยินดีน้อมรับบัญชา”
“..คำสั่งสุดท้ายของข้า...เจ้าจงคุ้มครองประชาชนทุกคนในอาณาจักรรวมครอบครัวของข้าให้รอดปลอดภัยทุกคนและ.......พาร่างของข้ากลับบ้านด้วย” เมื่อสิ้นสุดประโยคอาเธอร์ก็สิ้นลมหายใจ เหล่าทหารทุกคนที่เห็นภาพดังนั้นต่างก็พากันเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของกษัตริย์ผู้แสนเกรียงไกรและเป็นที่รักของทุกคน
เซอร์เบดิเวียร์เองก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้และสั่งให้ทหารทุกคนให้ยกร่างของอาเธอร์ขึ้นและนำร่างของอาเธอร์กลับไปยังคาเมรอท.......ส่วนลีอาร์เองก็ได้แต่นั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพราะในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องกษัตริย์อาเธอร์เอาไว้ได้
“ลุกขึ้นเถอะ เจ้าหญิง...”
“...”
“ขืนท่านยังคงร้องไห้อยู่ตรงนี้ก็คงจะช่วยอะไรท่านอาเธอร์ให้ฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างท่านอาเธอร์เองก็คงอยากจะให้ท่านเข้มแข็ง..พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้ไม่ว่าอะไรที่จะผ่านเข้ามา”
“แต่ข้าทำพลาด...”
“มันไม่ใช่ความผิดอะไรของท่านเลย สิ่งที่เกิดมันเป็นเพราะเจเนวีฟยังไงซะตอนนี้ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ กลับไปหาองค์ราชินีกับข้า องค์ราชินีเองคงจะโศกเศร้าไม่ใช่น้อยเช่นเดียวกัน” เซอร์เบดิเวียร์ยื่นมือมาทางลีอาร์ที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่
ภาพทุกอย่างที่อยู่ในหัวของเธอวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น ความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นมาพากันเข้ามารุมเร้าเธอ แต่ถึงจะมืดมนต์เพียงใดก็ยังแสงสว่างเล็กๆเกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ นั่นก็คือความรักที่เธอเคยได้รับจากมอร์เดร็ด
ลีอาร์กำสร้อยนี้แน่นก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบดาบของอาเธอร์ขึ้นมาและเดินกลับไปที่คาเมรอทพร้อมกับเซอร์เบดิเวียร์...
“เจ้าจะกลับเมืองของเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ” อาเธอร์กล่าวขึ้นหลังจากที่มอร์เดร็ดพาลีอาร์มาพบกับพ่อของเค้าเพื่อจะลากลับไปยังเมืองของเธอ
“เพคะ ท่านกษัตริย์”
“เฮ้อ เด็กๆในเมืองนี้คงจะคิดถึงเจ้าแย่เลยละสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อีกอย่างสักวันข้าก็จะต้องกลับมาเยือนที่นี่อีกเป็แน่แท้เพคะ”
“เอาเถอะแล้วแต่ใจเจ้าละกัน ข้ากะว่าถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย ข้าคงจะสู่ขอเจ้าให้กับมอร์เดร็ดสักหน่อย” เมื่ออาเธอร์พูดจบเค้าจึงหันไปมองหน้าลูกชายของเค้าที่กำลังยืนหน้าแดงราวกับลูกตำลึงอยู่ข้างๆลีอาร์
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
“ฝ่าบาท!!!!!” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถงขณะที่อาเธอร์กำลังสนทนากับลีอาร์และมอร์เดร็ด
“มีอะไร” อาเธอร์หันไปถามทหารที่วิ่งเข้ามา
“เมื่อสีกครู่ทหารที่ออกไปลาดตระเวณทางแถวชายป่า ไปพบเข้ากับกองทัพของทหารฝ่ายศัตรูเข้าพะยะค่ะ!!!!”
“พวกไหนกัน?”
“ข้าพระองค์ไม่รู้เช่นกันพะยะค่ะ รู้แค่เพียงพวกมันใส่ชุดเกราะสีดำ..”
“อื้ม ชักอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองซะแล้วสิเอาเป็นว่านำเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับเซอร์เบดิเวียร์ เค้ารู้ว่าต้องทำยังไง”
“น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ!!!!”
“มอร์เดร็ดไปเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนลีอาร์ข้าจะให้ทหารส่วนหนึ่งไปคุ้มกันเจ้า..”
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อีกอย่างข้าพระองค์เองก็อยากจะเห็นกองทัพศัตรูเช่นกัน ส่วนเรื่องกลับอาณาจักรของข้าเอาไว้หลังจากจบงานนี้ก็ได้เพคะ”
“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นก็ย่อมได้” อาเธอร์รีบลุกจากบัลลังก์ของตนและเดินออกจากห้องโถงเพื่อไปเตรียมตัวทิ้งให้มอร์เดร็ดและลีอาร์ยืนอยู่บริเวณนั้นเพียงลำพัง ทันใดนั้นมอร์เดร็ดก็เดินเข้าไปใกล้ๆลีอาร์พร้อมกับดึงมือทั้งสองข้างของลีอาร์ขึ้นมากุมเอาไว้
“เป็นอะไรไปละมอร์เดร็ด”
“คือข้าแค่กังวลอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับตัวข้าเอง ลีอาร์เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้มั้ย”
“ว่ามาสิ”
“คือข้ากลัวว่าข้าจะเป็นแบบที่นิมิตของน้องสาวข้าบอก”
“นิมิตอะไร”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เอาเป็นว่าเจ้าช่วยเก็บสร้อยเส้นนี้เอาไว้” มอร์เดร็ดถอดสร้อยคอของเค้าออกและสวมมันให้กับลีอาร์
“สร้อยเส้นนี้มัน?”
“มันคือของสำคัญที่ท่านพ่อเคยเคยให้ไว้กับท่านแม่เพื่อเป็นเครื่องแทนใจและตอนนี้ข้าให้ไว้กับเจ้า เพราะเจ้าคือคนที่ข้ารักที่สุด”
“อย่ามัวแต่หยอดคำหวานอยู่เลย ไปเตรียมตัวเถอะ”
“ได้ครับ คุณผู้หญิง” เมื่อเสร็จสิ้นคำพูดมอร์เดร็ดจึงค่อยก้าวเท้าถอยหลังเพื่อจะออกไปจากห้องโถง
(หลายชั่วโมงต่อมา ณ ชายป่าทางด้านนอกเมือง)
กองทหารของอาเธอร์ได้มาถึงยังบริเวณนี้ได้สักพักใหญ่จึงกระจายกลุ่มออกเป็นส่วนๆเพื่อสอดส่องดูกองทัพของศัตรูตามที่ทหารได้รายงานเอาไว้
“ดูท่าทางจะเป็นกองกำลังที่ข้ารู้จัก” อาเธอร์กล่าวขึ้นขณะที่กำลังสอดส่องดูทหารของฝ่ายศัตรู
“ฝ่ายไหนหรือพะยะค่ะ” เซอร์เบดิเวียร์กล่าวขึ้น
“เจเนวีฟ...”
“หมายความว่าเธอควบคุมทหารทัพนี้”
“ใช่ เห็นเธอเป็นเจ้าหญิงแบบนั้นแต่ตอนนี้เธอกลายเป็นแม่ทัพที่แสนจะน่ากลัวไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะจัดการกับกองทัพของนางได้เพราะเหตุนี้ท่านพ่อของข้าจึงอยากให้ข้าแต่งงานกับตระกูลของนาง”
“เฮ้อ พอมาพูดถึงเรื่องแบบนี้แล้วมันทำให้ข้านึกถึงเซอร์ลานเซลอตถ้าเค้ายังอยู่มันจะเป็นยังไงกันนะ”
“นั่นสินะ แต่เอาเป็นว่ารีบกลับไปรวมพลและประชุมกันดีกว่าว่าจะจัดการกับศึกครั้งนี้ยังไง”
“น้อมรับบัญชา” เซอร์เบดิเวียร์โค้งตัวให้กับอาเธอร์ก่อนที่จะเดินไปตามทหารคนอื่นๆให้กลับมาประชุมแผนการ ส่วนมอร์เดร็ดกับลีอาร์ที่กำลังสอดส่องกองกำลังของศัตรูอยู่อีกที่ต่างก็พยายามวางแผนเกี่ยวกับศึกในครั้งนี้
“ทำไมทหารพวกนั้นถึงได้เยอะแบบนี้กันละ”
“เพราะว่าจะได้ถล่มเมืองของเจ้าให้ราบในคราเดียว”
“เฮ้อ ถึงจะมีเวทย์มนต์ช่วยแต่ก็คงใช้ได้ไม่มากสินะ ถ้างั้นเจ้าจะเอายังไง”
“ถ้าเป็นข้าจะหาทางรับมือดีกว่า ถ้าต้องเสียทุกสิ่งไปข้าขอแค่ปกป้องประชาชนให้รอดปลอดภัยก็พอ”
“แต่ข้าอยากให้เจ้าก็เพียงพอแล้ว” เมื่อลีอาร์ได้ยินที่มอร์เดร็ดพูดดังนั้นจึงหันไปตีที่แขนของมอร์เดร็ด
“ไม่!! เราต้องรอดทั้งคู่เข้าใจมั้ย!!”
“จ้าๆ ข้ารู้อยู่แล้วน่า” ทั้งคู่หันมาสบตาให้กันก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆมอร์เดร็ดถูกแรงอะไรบางอย่างกระชากออกมาจากลีอาร์ และร่างหญิงสาวในชุดยาวสีดำสนิท
ก็ปรากฎตัวขึ้นมาเธอมีผมสีทองเข้มและมีนัยต์ตาสีฟ้าคราม ผู้หญิงคนนี้สบัดมือของเธออกทำให้เวทย์มนต์สีดำค่อยกลืนเข้าสู่ร่างของมอร์เดร็ด ทำให้มอร์เดร็ดต้องร้องออกมาด้วยความทรมาน
“มอร์เดร็ด!!” ลีอาร์ตะโกนเรียกชื่อของมอร์เดร็ดพร้อมกับชักดาบของเธอออกมา
“โอ้ เป็นห่วงเค้าอย่างงั้นหรือเจ้าหญิง”
“เจ้าเป็นใคร!!! แล้วทำอะไรกับเค้า!!!!”
“ข้าแค่ทำให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้าควรจะเป็นและอีกอย่างชื่อของข้าถามอาเธอร์เองน่าจะรู้ดีที่สุด เอาเป็นว่างานของข้าเสร็จแล้ว ข้าคงต้องไปแล้วละ”
ผู้หญิงคนนี้หยุดร่ายคาถาและเปลี่ยนร่างของนางเป็นเหยี่ยวสีดำและบินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ลีอาร์ต้องมองมอร์เดร็ดทรมานอยู่อย่างนั้น เมื่อลีอาร์เห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหามอร์เดร็ดใกล้ๆและโอบกอดเอาไว้
“ไม่นะ..มอร์เดร็ดเธอจะไม่เป็นอะไร” ลีอาร์โอบกอดมอร์เดร็ดแน่นในขณะที่เส้นผมสีแดงทองของมอร์เดร็ดนั้นค่อยเปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิทและดวงตาสีฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงราวกับเลือด
“มอร์เดร็ด....” เมื่อลีอาร์พูดจบเธอจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและก้าวถอยหลังเพื่อให้ตัวเองออกห่างจากมอร์เดร็ดเพราะเธอรู้สึกว่ามอร์เดร็ดที่อยู่ตรงหน้าของเธอไม่ใช่มอร์เดร็ดคนเดิมอีกต่อไปแล้ว จากนั้นมอร์เดร็ดจึงค่อยๆลุกขึ้นและเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ
“เฮ้อ ทรมานเป็นบ้า!! แต่แบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบเหมือนกัน!!”
“มอร์เดร็ด....” ลีอาร์เปลี่ยนมาเป็นตั้งท่าเตรียมรับมือกับคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อมอร์เดร็ดก็รีบวิ่งเข้ามาจู่โจมลีอาร์ในทันที ลีอาร์พยายามใช้ความสามารถของเธอในการปัดป้องคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ลีอาร์เนี่ยฝีมือไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ” เมื่อลีอาร์ได้ยินดังนั้นจึงทำให้เธอพลาดท่าและถูกมอร์เดร็ดวิ่งเข้าไปกระแทกกระกับตัวเธออย่างจังจนทำให้เธอกระเด็นออกไปไกลเลยทีเดียว เมื่อเป้นดังนั้นลีอาร์จึงพยายามทรงตัวและลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งกลับไปหากลุ่มทหารที่อยู่กับอาเธอร์ ในขณะที่มอร์เดร็ดกำลังเดินตามไล่หลังของเธอมา ซึ่งตอนนี้อาเธอร์กำลังนั่งประชุมกับเหล่าทหารของเค้า
“ท่านอาเธอร์รีบหนีไป!!!!!” ลีอาร์ตะโกนขึ้นในขณะที่เธอกำลังวิ่งหนีมอร์เดร็ดทำให้อาเธอร์ที่ได้ยินดังนั้นต้องลุกขึ้นยืนเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อาเธอร์เพ่งดูลีอาร์ที่กำลังวิ่งมาทางพวกเค้าส่วนมอร์เดร็ดที่เดินตามหลังมานั้นได้ดีดนิ้วของเค้าทำให้กองทัพของฝ่ายศัตรูนั้นค่อยๆเคลื่อนทัพตามหลังมอร์เดร็ดมา ในขณะที่ท้องฟ้าที่สดใสกำลังเปลี่ยนเป็นสีทมิฬดำและเมฆฝนที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น
“พระเจ้าช่วย....” เซอร์เบดิเวียร์อุทานขึ้น
“เฮ้อ หายนะของแท้มาเยือนแล้ว เอาเป็นว่าข้าจะให้ทหารคนหนึ่งกลับไปแจ้งข่าวให้กับเมลิซ่า ส่วนพวกเราที่เหลือจะรับมืออยู่ที่นี่”
“น้อมรับบัญชา” เซอร์เบดิเวียร์หันมาพยักหน้าให้กับอาเธอร์ก่อนที่จะวิ่งออกไปเพื่อไปรับตัวลีอาร์มา เมื่อลีอาร์วิ่งมาถึงยังอาเธอร์ เธอจึงเปลี่ยนเป็นตั้งท่าตั้งรับ
“ทำอะไรลีอาร์” อาเธอร์กล่าวขึ้น
“ตอนนี้มอร์เดร็ดโดนครอบงำด้วยคาถา เข้าไม่ได้ต้องการชีวิตข้าแต่ต้องการชีวิตท่านดังนั้นให้ข้าคุ้มครองท่านเถอะ” เมื่ออาเธอร์ได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจเล็กน้อยและเดินมาข้างๆลีอาร์
“แม่สาวน้อย ชีวิตของข้าอยู่มาได้จนอายุขนาดนี้แล้ว ข้าพอใจแล้วถึงแม้ว่าข้าจะตายที่นี่ข้าก็ยินดี ข้าได้มีครอบครัวที่แสนสุข บ้านเมืองที่แสนจะอบอุ่น และภรรยาที่น่ารักแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว ส่วนศึกในครั้งนี้มันเป็นบาปของข้าเองดังนั้น ข้าจะรับผิดชอบมันเอง”
อาเธอร์ชักดาบประจำตัวของเค้าขึ้นมา มันคือดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ในตำนานและจากนั้นเมฆฝนที่ปกคลุมจึงค่อยๆโปรยฝนลงมา พร้อมกับลมแรงที่พักกระหน่ำไปทั่วบริเวณ
“แต่ว่า....”
“ไม่ต้องห่วงลีอาร์ หลังจากนี้ถ้าข้าตายไปเจ้าช่วยเก็บดาบเล่มนี้ไว้”
“ไม่...ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
“ไม่..ลีอาร์ข้าแค่ต้องการให้เจ้าใช้มันได้เป็นประโยชน์ที่สุดและเมื่อสิ้นสุดสงครามนี้ เจ้าจะทำยังไงกับมันก็ได้”
“น้อมรับบัญชาท่านกษัตริย์...” เมื่อเสร็จสิ้นประโยคลีอาร์จึงรีบเดินเข้าร่วมทัพกับทหารคนอื่นๆพร้อมกับอาเธอร์ เธอจัดการใช้ทักษะที่เธอฟาดฟันไปที่เหล่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าแบบไม่ปราณี
เธอจัดการตามจุดสำคัญต่างๆเพื่อให้จัดการได้เร็วที่สุดแต่เธอก็อดที่คิดถึงมอร์เดร็ดไม่ได้ เพียงเสี้ยววินาทีจากการโดนมนต์สะกดก็สามารถทำให้มอร์เดร็ดเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอจึงต้องจำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและฟาดฟันเหล่าศัตรูไปเรื่อยๆ ส่วนอาเธอร์เองที่ผ่านการสู้รบมานานก็จัดการเหล่าศัตรูลงได้โดยง่าย
คนแล้วคนเล่าก็ไม่สามารถทำอะไรกองทัพของอาเธอร์ได้เลย เพราะทหารที่เซอร์เบดิเวียร์คัดมานั้น ล้วนแล้วเป็นทหารฝีมือดีทั้งสิ้น ส่วนมอร์เดร็ดเองเมื่อเห็นว่ากองทัพนี้ไม่ได้การณ์ จึงทำการคืนชีพศพของทหารที่ตายไปขึ้นมาใหม่โดยทำให้เป็นแค่เพียงศพเดินได้ ไร้จิตใจสิ่งเดียวที่มันคิดได้ก็คือต้องฆ่าเท่านั้น
“นั่นมันอะไร!!!!” ลีอาร์ตะโกนขึ้น
“คนตาย!!!!” อาเธอร์ตะโกนกลับพร้อมกับใช้ดาบฟันไปที่คอของศพคืนชีพอย่างแรงจนทำให้หัวของมันหลุดออกมา
“แล้วจะจัดการมันได้ยังไง!!!”
“ตัดหัวมัน!!!!” ในขณะที่อาเธอร์และลีอาร์กำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นมอร์เดร็ดจึงใช้จังหวะนี้เพื่อจะเข้าประชิดตัวอาเธอร์และจู่โจมจัดการทันที อาเธอร์เปลี่ยนท่ามาตั้งรับการโจมตีของมอร์เดร็ด!!!
“ยังไวเหมือนเดิมนะ ไอ้แก่!!” มอร์เดร็ดพูดขึ้น
“เฮ้อ เดี๋ยวนี้พูดจากับพ่อแบบนี้เรอะ!! สามหาวจริงๆสงสัยเสร็จงานนี้แล้วคงต้องให้แม่เจ้าตีก้นสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!!!” อาเธอร์พูดจากวนเชิงหยอกล้อเพื่อยั่วยุให้มอร์เดร็ดเกิดอาการโมโห
“ข้าไม่ใช่เด็ก!!!!” มอร์เดร็ดที่เกิดอาการโมโหจึงฟาดฟันเข้าใส่อาเธอร์อย่างไม่หยุดยั้ง
“แต่เจ้าเป็นลูกของข้า...” อาเธอร์พูดกลับก่อนที่จะกลับมาเป็นฝ่ายรุกใส่มอร์เดร็ดบ้างหลังจากที่มอร์เดร็ดเสียการควบคุมอารมณ์จนทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นในการต่อสู้ ทั้งสองต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือดและต่างฝ่ายต่างไม่ยอมใคร
ส่วนลีอาร์ที่จะเข้ามาช่วยนั้นก็ถูกสกัดกั้นด้วยทหารของกองทัพศัตรู ทำให้เธอต้องฝ่ากองทัพของศัตรูเพื่อจะเข้าไปหาทั้งสองได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งฝนที่พัดกระหน่ำที่ทำให้การต่อสู้เพิ่มระดับความยากเข้าไปอีกทำให้เธอต้องรีบจัดการพวกทหารฝ่ายศัตรูให้เร็วที่สุด ส่วนเซอร์เบดิเวียร์เองก็รีบวิ่งเข้ามาสนับสนุนลีอาร์
“เราต้องรีบจัดการทางนี้ให้ไวที่สุดไม่งั้นท่านอาเธอร์แย่แน่”
“งั้นเราก็คงต้องรีบฝ่าไป!!! ลีอาร์ใช้โล่ของท่านฝ่าวงล้อมไปส่วนใครที่มาขวางข้าจะจัดการมันเอง”
“ได้ขอบคุณมาก!! งั้นไปกัน!!!” ลีอาร์ตั้งโล่ขึ้นมาด้านหน้าของเธอและรีบวิ่งฝ่าวงล้อมของศัตรูไปพร้อมกับเซอร์เบดิเวียร์ที่คอยจัดการเหล่าศัตรูที่เข้ามาขัดขวางลีอาร์ในใจของลีอาร์ในตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้มอร์เดร็ดอย่าพึ่งทำอะไรกษัตริย์อาเธอร์เลย
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการ อาเธอร์ที่รู้ตัวว่าแรงของเค้าเริ่มหมดและไม่อาจจะเรียกสติของลูกชายตนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ อาเธอร์จึงกางแขนทั้งสองข้างออกปล่อยให้มอร์เดร็ดใช้ดาบของเสียบเข้าที่กลางท้องของอาเธอร์ เมื่อลีอาร์เห็นภาพที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตาของเธอไหลอาบลงมาทั่วแก้มของเธอ
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!” ลีอาร์ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งและพยายามที่จะฝ่าวงล้อมของศัตรูหวังที่จะฆ่ามอร์เดร็ดเพื่อจะแก้แค้นให้กับอาเธอร์ แต่ก็ถูกเซอร์เบดิเวียร์ห้ามเอาไว้ และดูเหมือนว่าลีอาร์จะไม่ยอมง่ายๆเธอพยายามดิ้นรนเพื่อจะเข้าประชิดตัวมอร์เดร็ดให้ได้
เธอจึงรวบรวมแรงที่มีใช้โล่ของเธอฝ่าวงล้อมของศัตรูเข้าจนทำให้เธอสามารถประชิดตัวมอร์เดร็ดได้ พร้อมกับใช้ดาบของเธอชี้ไปที่มอร์เดร็ดที่กำลังยืนยิ้มด้วยความพึงพอใจ ส่วนลีอาร์ในตอนนี้สีหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและดวงตาที่แดงก่ำเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้านี่แหละจะเป็นคนจัดการกับเจ้า!!!”
“อย่างเจ้านะหรือจะทำอะไรข้าได้..” ยังไม่ทันที่มอร์เดร็ดจะพูดจบดีลีอาร์ก็จัดการฟาดดาบไปที่มอร์เดร็ดอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่เซอร์เบดิเวียร์เองก็รีบสั่งให้ทหารทุกคนให้เข้ามาช่วยกันคุ้มกันอาเธอร์เอาไว้ ปล่อยให้ลีอาร์สู้กับมอร์เดร็ดตามลำพัง
แต่ดูเหมือนกับว่าลีอาร์กำลังจะเสียเปรียบให้กับมอร์เดร็ด เพราะเธอเองก็โดนการโจมตีของมอร์เดร็ดไปไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนมอร์เดร็ดเองก็เริ่มอ่อนแรงลงแล้วหลังจากที่สู้กับอาเธอร์มาได้สักพักใหญ่ จนกระทั่งผู้หญิงที่มีผมสีทองเข้มคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางพวกเค้าทั้งสองและได้ใช้เวทย์มนต์เพื่อให้พวกเค้าทั้งสองคนหยุดต่อสู้
“เฮ้อ พอได้แล้วละเด็กน้อย”
“อย่ามาขวางข้า!!!!” มอร์เดร็ดตะโกนขึ้น
“ใจเย็นสิ งานของเจ้าน่ะเสร็จแล้วเรารีบถอยกลับไปเพื่อจะตั้งหลักจะดีกว่า ส่วนเจ้าแม่สาวน้อย ข้าว่าเจ้าจงรีบแจ้งข่าวไปยังราชินีของเจ้าจะดีกว่า ว่ากองทัพของข้ากำลังจะบุกไปยังคาเมรอท” เมื่อสิ้นสุดประโยคทั้งผู้หญิงคนนี้และมอร์เดร็ดก็หายไปภายชั่วพริบตา อีกทั้งกองทัพของนางก็หายไปด้วยเหลือแต่เพียง ศพของทหารที่ตายไปรวมทั้งคนของอาเธอร์ที่ยังเหลือรอด ลีอาร์ค่อยๆตั้งสติและรีบวิ่งไปดูอาการของอาเธอร์ในทันที
“เฮ้อ ข้านี่มันแย่จริงๆเผลอใจอ่อนไปจนได้” อาเธอร์กล่าวขึ้นในขณะที่กำลังนอนรอความตายอย่างช้าๆ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ท่านอาเธอร์ท่านทำดีที่สุดแล้ว” เซอร์เบดิเวียร์กล่าวขึ้น
“ถ้าภรรยาของข้าอยู่ที่นี่ข้าคงจะต้องต่อว่าแน่ๆ อีกอย่างข้าก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของคนเป็นพ่อแล้ว”
“ไม่....มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านควรจะทำเลย..” ลีอาร์กล่าวขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบทั่วแก้ม
“ไม่เอาน่าลีอาร์ข้าไม่ชอบเห็นเด็กสาวอย่างเจ้าร้องไห้เลยนะ”
“แต่ว่า...”
“หลังจากนี้ข้าขอฝากดาบเล่มนี้ไว้กับเจ้าและเมื่อเสร็จสิ้นจากศึกนี้แล้ว....เซอร์เบดิเวียร์”
“ขอรับ ท่านกษัตริย์”
“เจ้าจงนำดาบเล่มไปโยนที่ทะเลสาบแห่งมนต์ตรา”
“ได้ขอรับ”
“ส่วนเจ้าลีอาร์....ในศึกที่กำลังจะมาถึง....พามอร์เดร็ดกลับบ้านให้ได้”
“เพคะ ข้าพระองค์ยินดีน้อมรับบัญชา”
“..คำสั่งสุดท้ายของข้า...เจ้าจงคุ้มครองประชาชนทุกคนในอาณาจักรรวมครอบครัวของข้าให้รอดปลอดภัยทุกคนและ.......พาร่างของข้ากลับบ้านด้วย” เมื่อสิ้นสุดประโยคอาเธอร์ก็สิ้นลมหายใจ เหล่าทหารทุกคนที่เห็นภาพดังนั้นต่างก็พากันเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของกษัตริย์ผู้แสนเกรียงไกรและเป็นที่รักของทุกคน
เซอร์เบดิเวียร์เองก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้และสั่งให้ทหารทุกคนให้ยกร่างของอาเธอร์ขึ้นและนำร่างของอาเธอร์กลับไปยังคาเมรอท.......ส่วนลีอาร์เองก็ได้แต่นั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพราะในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องกษัตริย์อาเธอร์เอาไว้ได้
“ลุกขึ้นเถอะ เจ้าหญิง...”
“...”
“ขืนท่านยังคงร้องไห้อยู่ตรงนี้ก็คงจะช่วยอะไรท่านอาเธอร์ให้ฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างท่านอาเธอร์เองก็คงอยากจะให้ท่านเข้มแข็ง..พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้ไม่ว่าอะไรที่จะผ่านเข้ามา”
“แต่ข้าทำพลาด...”
“มันไม่ใช่ความผิดอะไรของท่านเลย สิ่งที่เกิดมันเป็นเพราะเจเนวีฟยังไงซะตอนนี้ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ กลับไปหาองค์ราชินีกับข้า องค์ราชินีเองคงจะโศกเศร้าไม่ใช่น้อยเช่นเดียวกัน” เซอร์เบดิเวียร์ยื่นมือมาทางลีอาร์ที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่
ภาพทุกอย่างที่อยู่ในหัวของเธอวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น ความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นมาพากันเข้ามารุมเร้าเธอ แต่ถึงจะมืดมนต์เพียงใดก็ยังแสงสว่างเล็กๆเกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ นั่นก็คือความรักที่เธอเคยได้รับจากมอร์เดร็ด
ลีอาร์กำสร้อยนี้แน่นก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบดาบของอาเธอร์ขึ้นมาและเดินกลับไปที่คาเมรอทพร้อมกับเซอร์เบดิเวียร์...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ