It's Up To You School โรงเรียนแบบนี้ก็มีด้วย

8.0

เขียนโดย Bluesalvia

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.01 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,052 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ความมืดมิดและแสงสว่าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เมื่ออดีตนานมาแล้ว มีนักบวชผู้ได้รับพลังแห่งพระเจ้าเล่าว่า โลกของเรานี้ ก่อกำเนิดจากน้ำพุศักดิ์สิทธิทางเหนือ น้ำพุเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำทั้ง 11 สาย 7 สายไหลผ่านฝั่งตะวันออกนี้ คือ ความรัก ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ ความสมบูรณ์ โชคลาภ ผู้ปกป้อง และญาณหยั่งรู้ อีก 4 สายไหลผ่านฝั่งตะวันตก คือ ความกลัว ความมืดมิด อำนาจ และความปรารถนา เพราะเหตุนี้ฝั่งตะวันตกนั้นจึงมีแต่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์ ว่ากันว่าที่นั่น เป็นที่อยู่ของปีศาจที่น่ากลัว คนแคระ พวกยักษ์ และพวกเอลล์

               “โห เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเลยนะฮะน้าไอน่า ตาลุงแก่นั่นไม่เคยเห็นเคยเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟังมั้งเลย แม่น้ำ 7 สายที่ว่า ไหลผ่านอาณาจักรไหนบ้างละ แต่อาณาจักรฝั่งตะวันออกนี่มีตั้ง 11 อาณาจักรไม่ใช่หรอฮะน้าไอน่า”

     เด็กหนุ่มตาสีน้ำตาล ตอนนี้เงยหน้าจากจานข้าวหน้าเนื้อ(ที่กินหมดไปเป็นจานที่สาม) เพราะเรื่องที่พึ่งได้ยินน่าสนใจมากกว่า

               “ใช่แล้วล่ะ อาณาจักรฝั่งตะวันออกของเรามีทั้งหมด 11 อาณาจักร แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่น้ำสายไหนไหลผ่านอาณาจักรใดบ้าง แต่น้าว่านะ ญาณหยั่งรู้ต้องไหลผ่านอาณาจักรออสเวิร์ล เมืองที่มีสมาคมนักบวชนั่นอยู่แน่ๆแลย ไม่งั้นนักบวชที่มีญาณหยั่งรู้จะมาทำนายเป็นตุ๊เป็นตะแบบนี้ได้ไงว่าไหม”

               “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ใช่แล้วฮะน้าไอน่า น้านี่ทั้งสวยทั้งฉลาดจริงๆ”

               “ชมน้านี่หวังอะไรรึเปล่าจ๊ะ ถึงไม่ชมน้าก็ให้เติมได้ไม่อั้นอยู่แล้วจ้ะ” ว่าพลางหยิบจานเปล่าของเด็กหนุ่ม เพื่อไปเติมข้าวมาให้เป็นจานที่ 4

               “แหะ แหะ” ไบรอันแสร้งหัวเราะแก้เขิน ให้กับคนรู้ทัน

               “แต่ว่านะ น้าไอน่า อาณาจักรเซเรนท์เนี้ย คงเป็นแม่น้ำสายโชคลาภไหลผ่านแน่เลย ฉันถึงได้มีโชคมาเจอคนดีๆแบบน้าไง ทั้งสวย ทั้งใจดี ให้กินข้าวฟรีได้ไม่อั้นด้วย”

     ไบรอันพูดด้วยหน้าเปื้อนยิ้มอย่างจริงใจ เขาคิดยังงั้นจริงๆนะ ก็ตั้งแต่จำความได้ เขาเพิ่งเคยเจอคนดีๆแบบนี้ สงสัยเพราะแม่น้ำนั่นศักดิ์สิทธิ์จริง ..แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะสีหน้าของน้าไอน่าดูหมองเศร้าเมื่อได้ยินเขาพูด

               “น้าว่าคงไม่ใช่หรอกจ๊ะ ถ้าเป็นเมืองที่แม่น้ำแห่งโชคลาภไหลผ่านจริง คงไม่มีคำพยากรณ์ที่เลวร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นในอาณาจักรที่มีแต่ความสุขนี้หรอก”

     ไอน่าพูดด้วยเสียงที่แหบพร่า แววตาเหม่อลอย ราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องบางอย่าง

               “คำพยากรณ์อะไรนะฮะน้าไอน่า” ไบรอันถามขึ้นด้วยความสงสัยประกอบกับไม่มั่นใจว่าได้ยินถูกต้องหรือเปล่า

               “อ่อ เปล่าจ้า ไม่มีอะไรหรอกไบรอัน อย่าใส่ใจเลย “ ไอน่าเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะเพิ่งรุ้ตัวว่าหลุดพูดเรื่องที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงมาสิบปีแล้วออกไป

               “ว่าแต่ลุงไซรัสของเรานี่ช้ามากเลยนะ จะไปไหนก็ไม่บอก” “ไม่เป็นไรหรอกฮะน้า ฉันชินแล้ว เดี๋ยวฉันว่าจะออกไปเดินเล่นในเมืองหน่อยดีกว่า เห็นมีงานเทศกาล พวกแม่ค้าขายของแปลกๆเต็มไปหมด มีพวกคราวมาแสดงโชว์ด้วย ”

               “ดีเลยไบรอัน นี่เราอายุ17ปีแล้วไม่ใช่หรอ พอดีเลยนี่ใบปลิวโรงเรียนจ๊ะ อายุเราถึงเกณฑ์ที่ต้องเข้าสมัครทดสอบความสามารถแล้วนะ”

               “โรงเรียนอะไรฮะ ทดสอบความสามารถอะไร”

               “นี่ไซรัสสอนอะไรนอกจากเล่นดนตรีบ้างหรือเปล่าเนี้ย น้าชักสงสัย “

               “โรงเรียน อัพ ทู ยู สคูล แห่งเรเซนท์ไงจ๊ะ” น้าไอน่าเว้นวรรค จ้องไบรอันที่กำลังทำตาแป๋ว

               “ไม่ต้องทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ อัพ ทู ยู สคูล ชื่อนี้จริงๆ ก็โรงเรียนเนี้ย เขารับพวกนักเรียนที่เป็นมือสมัครเล่น หรือที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร เพื่อช่วยค้นหาสิ่งที่เหล่าคนรุ่นใหม่อยากจะเป็นไงจ๊ะ”

               “ฉันก็เป็นนักดนตรีแล้วนี่ฮะน้า ฉันจะเข้าไปเรียนอีกทำไม”

               “อย่างเราน่ะ เค้าเรียกมือสมัครเล่นจ๊ะ พ่อนักดนตรีเถื่อน ไหนละใบรับรองจากสมาคมนักดนตรีแห่งฟรอนเทีย”

     น้าไอน่าถาม ไบรอันยิ้มหน้าเจื่อน ก็ไอคำว่านักดนตรีเถื่อน มันจี้ใจดำเขาแปลกๆ

               “ไม่มีใช่ไหมล่ะ เนี้ยแหละเหตุผล... ถ้าเราน่ะเข้าไปเรียนในโรงเรียนนี้นะไบรอัน มาสเตอร์เขาจะช่วยสอนทักษะที่เธอจะสามารถนำไปใช้ในการยื่นขอเป็นนักดนตรีแห่งฟรอนเทียไงจ๊ะ แล้วพอเธอได้รับการรับรอง เธอก็ไม่ต้องเร่ร่อนอยุ่แบบนี้ จะเป็นนักดนตรีอาชีพก็ได้ แถมยังสามารถรับทำภารกิจต่างๆของอาณาจักรต่างๆได้อย่างถูกกฏหมาย แล้วบอกไว้ก่อนนะ ค่าตอบแทนการทำภารกิจใช่ย่อยเลยล่ะ เป็นไงทีนี้เริ่มสนใจหรือยัง” ไบรอันเริ่มหูผึ่ง

               “ฟังดูดีนะน้าไอน่า งั้นฉันขอใบปลิวนี้ไปด้วยนะขอบคุณสำหรับข้าวแสนอร่อยนะฮะน้าไอน่า ”

     พูดพลางหยิบใบปลิวแล้ววิ่งออกจากบาร์ไปอย่างหน้าละลื่น ไอน่าอมยิ้ม แล้วส่ายหัวให้กับเด็กหนุ่มน่ารัก แสนทะเล้นคนนี้ แม้ไม่ใช่สายเลือดโดยชาติกำเนิด แต่เหมือนคุณจริงๆไซรัส

     อย่างที่น้าไอน่าบอกจริงๆ วันนี้มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเดินทางมาที่เมืองนี่เยอะเลย จะมีใครอยากเป็นนักดนตรีแบบเขาไหมนะ คงไม่มีหรอกมั้ง ก็ไอ่อาชีพนักดนตรีเนี้ยกระจอกจะตายหาเช้ากินค่ำ บางทีหาจนค่ำก็ยังไม่ได้กิน ว่าแต่ในโรงเรียนนี่จะให้อยู่ฟรีกินฟรีรึเปล่านะ ไบรอันเดินกินไอครีมพลางคิดไปตามทางเดินมุ่งสู่ อัพ ทู ยู สคูล

     ปึ้ก !

     เสียงวัตถุในมือของไบรอันกระทบอะไรบางอย่าง เมื่อหันไปมอง เขาก็ต้องเบิกตากว้าง ไอศครีมมรสวนิลาที่เขาเพิ่งซื้อมาจากคุณพี่สาวแม่ค้าที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเมื่อกี้ ตอนนี้มันอยู่บนผมสีม่วงสดใสของผู้หญิงตัวเล็กคนนึงข้างหน้าเขา

               “นี่ นาย !!” เสียงหวีดสูงจากเธอหญิงสาวผมสีม่วง หน้าตาจิ้มลิ้ม ผู้เคราะห์ร้าย

               “เดินยังไงของนายถึงไม่ดูคนสะบ้าง อีตาบ้านี่”

               “ใจเย็นๆนะชาลล์ เค้าคงไม่ได้ตั้งใจหรอกใช่ไหม ? นาย รีบขอโทษสิ” เด็กผู้หญิงผมสีทองอีกคนที่ยืนถัดไปรีบหยิบผ้าออกจากกระเป๋าของเธอออกมาเช็ดผมให้เพื่อน แล้วหันมา เตือนไบรอันที่ตกใจกับเหตุที่เกิดจนสติหลุดไปแล้ว

               “เย็นไหวหรอ ฟามีร์ดูสิผมฉัน ไม่นะ! เหนียวติดกันไปหมดเลย อีตานี่!!” สีหน้าของเด็กสาวผมม่วงที่น่ารักสดใสเปลี่ยนเป็นนางมารในพริบตา และอยู่ๆชายเสื้อของไบรอันก็มีประกายไฟเล็กๆ และฟรึบ

               “โอ้ยยย ร้อน ร้อน ร้อน ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไฟไหม้ ใครก็ได้ ช่วยดับไฟที” ไบรอันร้องลั่น พร้อมกับเริ่มวิ่งหาน้ำไปรอบๆ

               “นี่ชาลล์ เกินไปแล้วมั้ง สงสารเค้านะ เกิดเจ็บตัวขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง ”เด็กผู้หญิงผมทองที่ชื่อฟามีร์ ตำหนิเพื่อนสาว พร้อมกับรื้อค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าใบเดิมที่เธอเอาผ้าออกมา สักพักเธอก็ควักขวดแก้วสีขาวออกมา แล้วปาใส่เสื้อไบรอันเต็มแรง

     เพล้ง !!

               “อ๊ากกก” ไบรอันร้องเสียงดังกว่าเดิม ชีวิตนักดนตรีพเนจรร่อนเร่ของเขา ช่างอาภัพเสียนี่กระไร โดนเด็กสาวน่ารักคนนึงจุดไฟเผาทั้งเป็น ส่วนผู้หญิงน่ารักอีกคนเอาขวดแก้ว ย้ำ ! ว่าขวดแก้วปาใส่เขาเต็มแรง แม่คู้ณณ จิตใจพวกเธอทำด้วยอะไร

     ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่า แม่น้ำสายโชคลาภไม่ได้ไหลผ่านเมืองนี้จริงๆ พอสถานการณ์เริ่มสงบ ไบรอันจึงตั้งสติได้รีบสำรวจร่างกายตัวเอง

               “ทำไมไม่เจ็บ ไม่มีแผลพุพอง ไม่มีเลือด ไม่เป็นอะไรเลย?” เด็กสาวผมม่วงคู่กรณียังทำหน้าปั้นปึง ส่วนเด็กสาวผมทองที่ดูท่าจะพูดคุยด้วยง่ายกว่า กลับยิ้มส่งมาให้แทนคำตอบ

               “เธอฟามีร์ ใช่ไหม ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตฉันไว้ แต่ว่าเธอทำได้ไงอ่ะ” ไบรอันถามเด็กสาวผมสีทองด้วยความตื่นเต้น

               “นี่นาย เดี๋ยวก่อน ก่อนที่นายจะถามว่าทำได้ไง นายลืมอะไรบางอย่างหรือเปล่าย่ะ”เด็กสาวผมม่วงที่ชื่อชาลล์ ท้วงขึ้นมาด้วยเสียงบ่งบอกความหงุดหงิดใจ

               “ขอโทษนะชาลล์ แต่ฉันว่าไอศกรีมรสวนิลาสีเหลืองนวล ก็เข้ากับสีผมเธอดี... ”

     ไบรอันหันไปพูดกับชาลล์ ด้วยใบหน้ายียวน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขอโทษหล่อนหรอกนะ เขารู้สึกผิดจริงๆที่เอาไอศครีมไปวางไว้บนหัวหล่อน แต่ดูเจ้าหล่อนสิ เอาแต่ใจชะมัด นิสัยตรงข้ามกะน่าตาที่น่ารัก อ่อนหวานนั่นเลย

               “ตาบ้านี่ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่ต้องการคำขอโทษของนาย”

     ชาลล์พูดพร้อมกับเดินสะบัดๆออกไป แต่ความโกรธคงลดน้อยลงมากแล้วเพราะฟังจากน้ำเสียงที่อ่อนลง ไบรอันกับฟามีร์มองหน้ากันแล้วแอบอมยิ้มให้กับคนที่เพิ่งเดินออกไป

               “เมื่อกี้ที่ฉันปาใส่นายคือ ยาสมานแผลไบรอัน มันช่วยสมานแผลได้ทันที ถึงแม้แก้วจะแตกบาดนายแต่ฤทธิ์ของน้ำยาในขวดก็จะสมานแผลนายทันที ฉันถึงได้ปาใส่ไง เพราะถ้าจะค่อยๆมาเปิดขวดแล้วเท ฉันคงวิ่งจับนายไม่ทันหรอก”

     ฟาร์มีอธิบายถึงเหตุผลที่เธอได้ทำสิ่งโหดร้ายกับเขา แต่ถึงยังงั้นก็เหอะ วิธีของเธอก็โหดเป็นบ้า                “สะดวกดีนะ งี้ก็ดีเลยสิ เวลาได้แผลก็เอาน้ำยานี่ออกมาใช้ ใช้ปุบ หายปับ”

               “ไอสะดวกมันก็สะดวกนะไบรอัน แต่มันไม่ได้มีเยอะแยะมากมายแบบนั้น น้ำยานั่นแพงมากเลยนะ ต้องรอพวกนักพืชพรรณนำมาขาย หาซื้อทั่วๆไปไม่ได้หรอก”

               “แล้วทำไมเธอถึงมีได้ล่ะ?”

               “อ่อ.. เพราะฉันเป็นแม่ค้าฝึกหัดไงล่ะ เรื่องหาของพวกนี้ จิ๊บๆมากสำหรับฉัน ส่วนชาลล์ คนที่จุดเผานายเมื่อกี้ เป็นนักเวทย์ฝึกหัด ชาลล์ถนัดใช้เวทย์ไฟน่ะ”

               “อืม ฉันไม่แปลกใจเลย ชาลล์ใช้ไฟได้ดีมากเลยล่ะ” ไบรอันแอบเหน็บขำๆ คนที่ใช้ไฟได้ดีได้ยินเข้าก็ฟึดฟัดอีกหน

               “ไปเถอะฟามีร์ เสียเวลาคุยกับคนบ้าทำไม ตั้งนานเนี้ย เดี๋ยวไปสมัครเข้าเรียนไม่ทัน ฉันไม่รอละนะ”

               “จ้าๆ ไปก่อนนะไบรอัน มีโอกาสคงได้พบกันอีก”

     ไบรอันโบกมือลาเด็กสาวทั้งสอง สงสัย อัพ ทู ยู สคูล นี่จะดังจริงแหะ แต่สำหรับตัวเขาคงไม่จำเป็นหรอกมั้ง เดินทางเร่ร่อนไปกับลุงก็สนุกดี ตัวเขาไม่เคยคิดถึงชีวิตที่ต้องไปอยู่ในรั้วโรงเรียนโดยไม่มีตาลุงแกพุงพลุ้ยของเขาสักที มันคงโหวงๆพิลึก

 

               “ห๊ะ อะไรนะลุง !!”

               “จะให้ไปเรียนใน อัพ ทู ยู สคูลนั่นเร๊อะ” ไบรอันถามอีกครั้งเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า

               “ก็เออสิว่ะ แกก็ได้ยินที่ไอน่าเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่หรอ เข้าๆไปเถอะ แล้วก็ไปทดสอบขอใบรับรองจากสมาคมนักดนตรีแห่งฟรอนเทียสะ แกจะได้เลิกเกาะติดฉันสักที”

               “อะไรกันลุง ฉันเป็นนักดนตรีพเนจรกับลุงแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ เราก็เดินทางด้วยกันมาเป็นสิบปีแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไรเลยลุง”

               “แกสิไม่เป็น ไอข้ามันแก่แล้วนะเว้ยไบรอัน เดินทางร่อนแร่ไปกับเด็ก เฮี้ยว เฮี้ยวแบบแกไม่ค่อยจะไหวแล้วล่ะ ฉันว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพัก ระหว่างนี้แกก็ไปเรียนในอัพ ทู ยู สคูลสะ”

     นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ อัพ ทู ยู สคูล แกกับฉันจะเข้ากันได้ดีไหมนะ

 

 

     ณ อัพ ทู ยู สคูล              

                “วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ อย่างที่รู้ รู้กันนะ ว่าจุดประสงค์ที่ อัพ ทู ยู สคูลนี่เปิดขึ้นมาก็เพื่อ แนะแนวทาง ฝึกฝน และวัดระดับความสามารถของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนประกอบอาชีพอย่างถูกกฎหมาย”

     เสียงดังมาจากมาสเตอร์ บอริส คูเรียร์ ผู้อำนวยการของโรงเรียน ผู้ดูสุขุม น่าเกรงขาม ทำให้ทั้งห้องที่เคยเสียงดังไปด้วยการพูดคุยกันของเด็กอายุ17 ไม่ต่ำกว่า100 คน เงียบไปทันทีเมื่อมาสเตอร์เริ่มพูดขึ้น ทั้งที่เรื่องที่พูดเป็นเรื่องซ้ำๆที่น่าเบื่อ แต่ทุกคนก็ตั้งใจฟัง

               “อาชีพที่ถูกขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย ด้วยข้อตกลงทั้ง11อาณาจักร มีทั้งหมด 10 อาชีพ ซึ่งแต่ละอาชีพก็ต้องไปทำการทดสอบและขอใบรับรอง แต่ละเมืองไม่เหมือนกัน แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ทุกคนต้องผ่านการอบรม สั่งสอน วัดความสามารถ จากอัพ ทู ยู สคูลสะก่อน แต่ถ้าคิดจะลองไปทดสอบดู ก็เชิญได้ตามสบาย แต่บอกไว้เลยว่าเสียเวลาเปล่า เพราะไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน”

     เสียงมาสเตอร์ บอริส พูดต่อมาอีก ทำให้ทั้งห้องเงียบยิ่งกว่าเดิมอีก แม้แต่เสียงกลืนน้ำลายเอื้อกของเขา ก็ดังราวกับต่อลำโพงขยายเสียง

               “เอาล่ะข่มขวัญกันมากพอแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอาชีพอะไร มีอะไรสงสัยก็ถามขึ้นมาได้นะ”

     มาสเตอร์ บอริส ทำให้บรรยากาศในห้องผ่อนคลายลง แล้วก็มีหน่อยกล้าตาย ยกมือขึ้น เป็นเด็กหนุ่ม ผมสีแดงหนาตาดูมุ่งมั่น

               “แล้วอาชีพไหนที่คนอยากเป็นมากที่สุดละ” เจ้าคนผมแดงนั่น ถามด้วยเสียงห้วนๆ ใจกล้าชะมัด

               “เป็นคำถามที่ดีนะ เจ้าชายอาเธอร์ เลเวอร์ แห่งร็อกซานน่า” เจ้าชาย ! มิน่าเจ้านั่นถึงกล้าพูดจาห้วนๆกับมาสเตอร์คนนั่นไบรอันคิดในใจ ยิ่งทะนงสมศักดิ์ศรีเจ้าชายสิน่ะ

               “นักรบอยู่แล้วล่ะ ใครๆก็อยากเป็นฮีโร่จริงไหม?”เสียงมาสเตอร์ตอบคำถาม ทั้งห้องก็ดูฮือฮาน่าดู น่าจะมีคนสนใจเป็นนักรบเยอะจริงๆแหะ

               “แต่ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนก็มีความสำคัญไม่แพ้กันหรอกนะ อย่างอาชีพนักพืชพรรณ ฟังเหมือนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าหาสมุนไพรไปวันๆใช่ไหม แต่ถ้าไม่มีพวกเขา แม้แต่ยาและอาหาร พวกเราก็คงไม่มีกินมีใช้ แล้วก็อาชีพพ่อค้าแม่ค้า ดูไม่เท่ห์ไม่น่าสนใจ แต่พวกเขาคือพวกที่กุมเศรษฐกิจของอาณาจักรต่างๆไว้นะ อาณาจักรไหนไร้ซึ่งพ่อค้าแม่ค้า เศณษฐกิจจะย่ำแย่ เลวร้ายถึงที่สุดอาจถึงขั้นล่มสลาย แล้วพวกเธอจะรู้ว่าอำนาจของเงิน ทำอะไรได้บ้าง”

     มาสเตอร์ บอริส พูดยิ้มๆ แต่ประโยคที่พูด ฟังมันตรึงเครียดสุดๆ ไบรอันเพิ่งรู้ว่านักพืชพรรณกับพ่อค้าแม่ค้า สำคัญขนาดนี้ หรือเขาจะลองเป็นพ่อค้าแม่ค้าดูบ้างนะ กุมเศรษฐกิจของอาณาจักรต่างๆเลยนะไบรอันเงินทั้งนั้น เขาพูดกับตัวเอง

               “แล้วอาชีพไหนที่สาวๆ กรี๊ดบ้างละฮะมาสเตอร์”

     เด็กหนุ่มจอมทะเล้น นามไบรอันถามขึ้นบ้าง พวกผู้ชายในห้องเริ่มฮือฮา วิ๊ดวิ๊ว คงจะเป็นคำถามตรงใจใครหลายคนเพียงแต่ไม่มีใครกล้าบ้าบิ่นเหมือนอย่างเขา ส่วนพวกสาวๆตอนนี้นะหรอพากันหน้าแดง มีเพียงคนเดียวที่ส่งสายตาดุๆมาคือ ชาลล์ แม่ตัวแสบที่จุดไฟเผาเขา

               “อืม..ที่สาวๆชอบมาสเตอร์ไม่ทราบนะ แต่ที่เท่ห์ในแบบผู้ชาย กาเดี้ยน ก็ดูเท่ห์ นักฆ่าก็ดูมีเสน่ นักเวทย์ก็ไม่เบา”มาสเตอร์เริ่มพูดติดตลก คงเพราะเริ่มคุ้นเคยกับเด็กๆแล้ว

               “ห๊ะ?.. นักฆ่าเนี้ยนะดูเท่ห์ มันบ้าตั้งแต่มีอาชีพนักฆ่าอย่างถูกกฏหมายแล้ว นายว่าม่ะ”ไบรอันหันไปกระซิบกระซาบกับคนข้างๆตัวเขา เด็กหนุ่มผมสีดำเทา นัยน์ตาสีเขียวชวนให้มอง แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยปริศนา

               “มีสิ แล้วก็สามารถฆ่าคนได้อย่างเสรีด้วย” เด็กหนุ่มคนนั้นตอบมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย                “ฆ่าใครก็ได้ อย่างเสรี?? แม้แต่พระราชา หรือราชินีของอาณาจักรต่างๆนะหรอ?”ไบรอันถาม เพราะคิดว่าเรื่องนี้มันผิดกันไปหมดแล้ว

               “ใช่ ไม่มีกฎข้อไหนห้าม”

               “เฮ้ย.. แล้วใครจะไปกล้าฆ่า แล้วใครจะอยากเป็นอาชีพเลือดเย็นแบบนั้น”ไบรอันชักหวาดๆ

               “การฆ่า ทำให้เราได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรานั้น มาอย่างถาวร แน่นอนคนตายคงไม่มีวันฟื้นขึ้นมาทวงคืนได้ ไม่มีวัน..”

     เด็กหนุ่มผมสีดำเทาคนเดิมตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากที่แค่หวาดๆ กลายเป็นขนลุก เฮ้อ.. เจ้านี่ก็อีกคน พูดแต่เรื่องน่าปวดหัว ไบรอันครุ่นคิด

               “ส่วนนักดนตรี นักบวช หัวขโมย แล้วก็คราว ก็มีความสำคัญพอๆกันอย่างที่ได้อธิบายไป”

     เสียงมาสเตอร์บาริส ดังขึ้นมาอีก เขามัวแต่พูดคุยอยุ่กับเจ้าคนข้างๆที่ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย จนทำให้พลาดความสำคัญของอาชีพที่เหลือที่มาสเตอร์ บอริส อธิบายไป แต่อาชีพนักดีนตรีของเขาคงไม่มีใครอยากเป็นหรอกมั้ง ดีแล้วละจะได้ไม่มีคนแย่งงานเยอะแค่นี้งานก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว

               “เอาละ วันนี้คงไม่ค่อยมีอะไรแล้ว บทเรียนของจริงจะเริ่มพรุ่งนี้ ให้นักศึกษาทุกคนไปดูรายชื่อตัวเองที่บอร์ดจะมีประกาศรายชื่อห้องว่าตัวเองอยู่ห้องไหน เนื่องจากปีนี้มีนักศึกษาเยอะพอสมควร จึงแบ่งให้พักห้องละ3คน ให้นักศึกษาคอยช่วยเหลือกัน ดีกันไว้ละ”

     มาสเตอร์ บอริสพูดทิ้งท้าย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา