บันทึกปริศนา เรื่องลี้ลับของลิซ่า

7.7

เขียนโดย Jabberwocky

วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.29 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2559 23.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) เกมแห่งความตาย (บทกล่องของขวัญสีเลือด)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

จากนั้นเธอก็หมุนนาฬิกาทรายที่อยู่ด้านซ้ายมือของเธอเพื่อจับเวลาเเละซุ่มหยิบใบบอกทางขึ้นมาขณะที่ในหัวฉันคิดคำนวณอะไรหลายๆอย่างจากซ้ายไปขวาบันนี่อยู่คนแรกจากนั้นก็ตามด้วยโมโม่หญิงแมรี่หมูอักษรสารวัตรภักดิเรกสกุณาสังคมตัวฉันและอนาสตาเซียเป็นคนสุดท้าย
“เอาเด็กคนแรกไปไว้คนสุดท้ายหรอ..น่าเบื่อจังแฮะ”
แล้วเธอก็หยิบหัวของบันนี่ฉันมองบันที่ที่ถูกเอาไปไว้ด้านหลังสุดอย่างโล่งอกไปเปาะหนึ่งและก็ถึงตาฉันจั่วใพ่บอกทางบ้าง
“จั่วใพ่ขึ้นมาอีกสามใบอย่าพึ่งช่วยใครตอนนี้”นั้นทำให้ฉันต้องจั่วใพ่อีกสามใบขึ้นมาใบแรกบอกว่าเลื่อนคนตำแหน่งที่สามไปด้านหลังสองตำแหน่งใบที่สองบอกว่าเลื่อนคนที่ห้าของแถวลงมาด้านหน้าสุดและใบสุดท้ายสั่งให้ช่วยคนได้หนึ่งคนฉันเก็บใบทั้งสามเอาไว้ในมือและมองอนาสตาเซียที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรจั่วใพ่ใบหนึ่งขึ้นมา
“ช่วยคนที่อยู่ตำแหน่งที่สี่งั้นเหรอ...”ด้วยความโชคดีสุดๆหมูรอดเป็นคนแรกของเกมแห่งความตายครั้งนี้เธอหยิบหัวของหมูขึ้นมาและโยนขึ้นไปบนฟ้าแล้วร่างของเธอก็หายไปพร้อมๆกับนาฬิกาทรายที่หมดพอดี
“อะ!สองนาทีแล้วนี้นางั้นคนที่อยู่หน้าสุดต้องขึ้นแท่นประหารนะ”
เธอพูดจบเด็กหญิงที่อยู่หน้าสุดหรือโมโม่ถูกทหารคนเคราะลากตัวไปยังหน้ากิโยตินทุกๆอย่างเหมือนการประหารจริงหมด
 
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!!
สิ้นเสียงเป่าแตรของทหารเคราะมีดจากกิโยตินก็หล่นลงสับหัวของเธอเลือดสาดกระเด็นเต็มโต๊ะเกมเปื้อนมาถึงชุดของฉันต่อมาร่างและหัวของเธอถูกพวกทหารลากและโยนไปสู่ความมืดมิดที่ฉันมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างที่น่าเกลียดน่ากลัวกำลังจ้องมองฉันอย่างหิวโหยที่สุด
“คุณลิซ่ารีบเล่นต่อสิเดี๋ยวเวลาก็หมดหรอก”
“เลื่อนคนที่ห้าของแถวลงมาข้างหน้า”แล้วฉันก็หยิบภักดิเรกที่ตอนนี้อยู่คนที่ห้าพอดีลงมาอยู่เป็นที่หนึ่งแล้วอนาสตาเซียก็ยิ้มให้ฉัน
“คุณนี้เก่งจังเลยนะแต่ฉันก็แพ้ไม่ได้หรอก”แล้วเธอก็จั่วใพ่มาหนึ่งใบและสัพักก็จั่วมาอีกสามใบเธอเก็บไว้ในมืออย่างน่าสงสัยและเหล่มองมาที่ฉันตอนนี้ภักดิเรกอยู่คนแรกจากนั้นก็หญิงแมรี่อักษรสารวัตรสกุณาสังคมตัวฉันอนาสตาเซียและบันนี่ที่อยู่หลังสุด 
ฉันจะจั่วไพ่อีกหรือว่าจะใช้ไพ่อีกสองใบคือเลื่อนคนตำแหน่งที่สามไปด้านหลังสองตำแหน่งและช่วยใครก็ได้หนึ่งคน 
“เลื่อนคนที่อยู่ตำแหน่งสามออกไปสองตำแหน่ง”แล้วฉันก็หยิบอักษรไปอยู่ระหว่างสกุณาและสังคม
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเองจะรอดีมั้ยนะ...”เธอทำเป็นคิดให้ฉันลุ้นเล่นฉันมองยัยนี้และมองนาฬิกาที่จะหมดลงในรอบนี้ฉันกำลังภาวนาให้เธอรอหมดเวลา
“เอ๊ะ?หมดเวลาแล้วแฮะน่าเสียดายจังเด็กๆ”
แล้วทหารคนเคระก็ลากตัวภักดิเรกไปขึ้นแท่นประหาร
 
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!!
อีกครั้งหนึ่งที่เสียงแตรเงียบไปหัวของภักดิเรกก็ขาดทันทีเลือดของเขาสาดกระจายไปทั่วยิ่งกว่าครั้งของโมโม่ซะอีกฉันหลับตาสงบจิตใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่อนลมหายใจกับสองนาทีต่อไปตอนนี้หญิงเป็นคนแรกแล้วก็แมรี่สารวัตรอักษรสกุณาสังคมตัวฉันอนาสตาเซียและฉันเหลือแค่9คนเท่านั้น
อนาสตาเซียมองไพ่สามใบในมองของเธอแล้วจั่วไพ่อีกใบนึงขึ้นมาเธอใช้ไพบอกทางใบล่าสุดในการเล่น
“สลับตำแหน่งทั้งหมดจากซ้ายไปขวา”
“ว่ายังไงนะ!!”ฉันไม่คิดเลยว่าจะจับได้ใบนี้แล้วจากนั้นเธอก็เริ่มเคลื่อนย้ายทุกๆคนตอนนี้คนเรียงแถวเป็นบันนี้กลับมาอยู่คนแรกแล้วจากนั้นก็เป็นอนาสตาเซียฉันสังคมสกุณาอักษรสารวัตรแมรี่และหญิงเป็นคนสุดท้าย
“ถึงตาเธอแล้วนะคุณลิซ่ากลัวอย่างนั้นหรอ”
“หิๆๆๆไม่เลยดีใจต่างหากล่ะ”
“หา?”
“ฉันขอช่วยบันนี่!!”จากนั้นฉันก็หยิบตัวบันนี่ขึ้นมาแล้วโยนขึ้นฟ้าทำให้ตัวของเธอหายไปคราวนี้อนาสตาเซียมาอยู่ด้านหน้าแทน“ยังไงต่อล่ะคราวนี้อีกไม่นานก็จะหมดเวลาแล้วนะ”
“ฉันขอปรบมือให้เลยล่ะค่ะแต่ว่า...นำคนตำแหน่งที่สามมาไว้ด้านหน้าสุด”
ทันทีที่สกุณาถูกย้ายมาไว้ด้านหน้าของกิโยตินนาฬิกาทรายก็หมดเวลาเป็นรอบที่สามพอดีร่างของเธอถูกทหารคนเคระขึ้นแท่นประหารอีกครั้งนึง
 
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!!
ฉันหลับตาไม่มองสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ฉันพุ่งสมาธิมาที่ว่าจะชนะเกมนี้ได้ยังไงฉันมองไปยังแถวที่เหมือนรอการประหารนี้ที่มีอนาสตาเซียเป็นคนแรกฉันสังคมอักษรสารวัตรแมรี่และหญิงเป็นคนสุดท้ายทั้งหมดเหลือแค่7คนคราวนี้กลับมาเป็นตาของฉันและใบบอกทางในมือที่ว่าเลื่อนคนตำแหน่งที่สามไปด้านหลังสองตำแหน่งแต่ถ้าฉันอยากชนะฉันก็แค่รอให้มันจบสองนาทีก็พอ
“นี้คุณคิดจะรอให้หมดเวลารึไงคุณคิดจะโกงอย่างนั้นหรอ”ฉันเหล่มองไปยังอนาสตาเซียที่เริ่มเหงื่อตก
“ถ้าฉันไม่เดินเธอจะชิงเดินแทนรึยังไง”
“ไม่ใช่ฉันเดินแต่จะทำให้คุณเดินยังไงล่ะเอาใบนั้นมานี่!!”เธอคว้าไพ่ที่อยู่ในมือของฉันไป“เลื่อนคนตำแหน่งที่สามไปด้านหลังสองตำแหน่งสินะฮะๆๆๆๆ”
หล่อนถือวิสาศักษ์หยิบสังคมที่อยู่ตำแหน่งที่สามเคลื่อนไปอยู่หลังสารวัตรเมธีแล้วเธอก็รีบใช่ไพ่ในมือของเธอทันที
“ดูสิฉันมีไพ่อะไรเอาคนที่อยู่ตำแหน่งสองมาอยู่ด้านหน้าสุดนี้นา”แล้วเธอก็เอาตัวฉันสลับมาอยู่ด้านหน้าของแถวตอนนี้เหลือเวลาอีกนิดหน่อยฉันได้แต่หวังพึ่งการจั่วครั้งนี้ว่าจะช่วยชีวิตฉันได้มั้ย
 
“หยุดการประหารได้หนึ่งครั้ง...”
“เอ๋?ไพ่แบบนั้นมัน..”
เวลาของนาฬิกาทรายหมดลงแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันหายใจไม่ทั่วท้องขนาดนี้ฉันรู้แค่ว่าฉันแพ้ไม่ได้และเสียใครไปไม่ได้นั่นแหละสิ่งที่อยู่ในหัวของฉัน
คราวนี้แถวถูกเรียงเป็นฉันคนแรกอนาสตาเซียอักษรสารวัตรสังคมแมรี่และหญิงเป็นคนสุดท้าย
“คุณนี่โชคดีจนไม่น่าเชื่อเลยนะคะเอาล่ะค่ะมาเริ่มสองนาทีที่ห้ากันเถอะค่ะ”
แล้วอนาสตาเซียก็คว่ำนาฬิกาทรายอันนั้นอีกครังแล้วเธอก็ไม่ได้ทำท่ารีรออะไรแต่จั่วไพ่อันใหม่โดยไม่แม้แต่จะมองไพ่บอกทางที่หล่อนมีอยู่แล้วและในที่สุดหล่อนก็เลือกที่จะใช่หนึ่งในไพ่สองใบเก่านั้นแทน
“ช่วยคนที่อยู่หลังสุดฉันเบื่อไพ่แบบนี้ที่สุดเลย”แล้วหล่อนก็หยิบเด็กที่ชื่อหญิงโยนขึ้นไปบนฟ้าและฉันก็ชั่วไพ่ในสำลับที่กำลังจะหมดนั้นขึ้นมาฉันถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คนแรกย้ายไปอยู่หน้าคนตำแหน่งที่สี่”
“เอ๋!?เป็นไปได้ไงเนี้ยนี้มันเกมที่ฉันเริ่มนะ!!!”
โดยไม่ฟังคำบ่นของอนาสตาเซียฉันเอาตัวตุ๊กตาหุ่นที่เหมือนฉันไปไว้ด้านหน้าของสารวัตรแล้วแทบจะทันทีเธอรีบใช้ไพ่ในมือเธอ
“เอาตนตำแหน่งที่สามมาไว้ด้านหน้าสุดฮะๆๆๆๆๆ”
และแล้วตัวของฉันก็ถูกอนาสตาเซียย้ายกลับมาไว้ที่เดิมแล้วนาฬิกาทรายก็หมดเวลาพอดี 
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เธอหัวเราะลั่นพร้อมๆกับเหงือที่แตกเยิ้มของฉันตั้งแต่หน้าผากผ่านไปยังจมูกปากของฉันสั่นไหวพร้อมๆกับนิ้วมือที่กำแน่นฉันมองตัวแทนของฉันขึ้นแท่น
ประหารกิโยตินนั้นด้วยใจที่สั่นกลัวที่สุดเหมือนกับภาพในอดีตทั้งหมดไหลเวียนเข้ามาในม่านตาที่เปิดกว้างของฉัน
“ฉันชนะฉันชนะคุณจะได้ตายสมใจแล้วนะคะพร้อมๆกับเพื่อนๆของคุณทุกๆคนเลยฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“….”ฉันหลบตาลงอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยแรงแห่งความเชื่อและความหวังใจทั้งหมดเท่าที่ฉันจะมีฉันอ้อนวอนให้ฉันไม่จบแต่เพียงเท่านี้แต่ถ้านี่เป็นการชดใช้ต่อบาปที่ฉันได้ทำไว้ในอดีตล่ะก็...
ฉันก็คงต้องยอมรับมันแด่โดยดี....
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!!
เสียงแตรแห่งความตายดังขึ้นและมีดกิโยตินก็ถูกปล่อยลงมาที่คอของตัวแทนฉันเลือดที่ซาดกระเด็นนั้นกระทบกับใบหน้าของฉันและทันทีที่ร่างของเจ้าหุ่นกระบอกถูกโยนออกจากเกมตัวของฉันเองก็ได้หายไปจากที่ตรงนั้นด้วย
 
 
 
“ลิซ่าเดแสตรนฟอร์เดีย...ผู้วิเศษในพระผู้เป็นเจ้าผู้ต้องคำสาป”
เสียงหนึ่งเหมือนได้ปลุกฉันขึ้นมาจากการหลับไหลที่แสนยาวนานฉันกระพริบตาแล้วพยายามลุกขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีฉันไม่รู้สึกถึงตัวตนของฉันเลยเหมือนกับฉันกลายเป้นวิญญาณไปแล้ว
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที”เสียงนั้นดังก้องและยิ่งใหญ่มากแต่ฉันกลับเห็นแต่ความมืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเองด้วยซำ้ 
“ที่นี่...ที่ไหน...”
“ที่นี่ลึกกว่าพื้นสมุทรใดกว้างขวางกว่าพื้นฟ้าที่เจ้ารู้จักและอยู่สูงยิ่งกว่าเทือกเขาทั้งหมดในจักรวาล”
“ฉัน...อยู่ในนรกหรอคะไม่เหมือนที่ฉันรู้จักเลยนะคะเนี้ยฮะๆๆๆ”
“ที่นี่ไม่ใช่นรกและไม่ใช่สวรรค์ที่นี่คือความว่างเปล่า”
“ความ...ว่างเปล่า..งั้นเหรอ”
“ใช่แล้วที่นี่คือสภาพที่ละจากตัวตนกิเรสและสาระทั้งปวงที่นี่เกินกว่าที่มนุษย์หรือผู้วิเศษใดๆเช่นเจ้าจะหยั่งรู้ได้”
“คุณเป็นใคร...พระเจ้าหรือคะ”
“อาจใช่และไม่ใช่ตัวข้าไม่มีที่มาที่ไปณความว่างเปล่านี้ข้าก็เหมือนเป็นแค่สิ่งมีชีวิตนึงเช่นท่านเท่านั้น”
“สิ่งมีชีวิต...ในความว่างเปล่า”
“เมื่อท่านตายวิญญาณหรือตัวตนจริงๆของท่านจะต้องไปยังภพภูมิใหม่นั้นเป็นวัฐจักรที่ถูกกำหนดไว้หากแต่ว่าท่านไม่สามารถตายได้วัฐจักรเหล่านั้นของท่านจึงถูกทำลาย”
“ทุกๆอย่างเลยถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า..งั้นเหรอ”
“หากท่านไม่กลับไปท่านก็จะต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์เพราะคนเช่นท่านไม่มีทั้งสวรรค์หรือนรกให้ไปหรอก”
“แล้วฉัน..ไม่โดนปีศาจกัดกินอย่างนั้นเหรอ”
“พวกมันไม่อาจทำอะไรท่านได้ถึงพวกมันอยากลิ้มรสท่านแค่ไหนก็ไม่อาจเอาวิญญาณของท่านไปได้เพราะตัวตนของคุณไม่อาจตายได้...ข้าพูดได้เพียงเท่านี้”
“ฉันไม่อาจตายได้...คุณเองก็เหมือนกันใช่มั้ยคะการที่คุณพูดคุยกับฉันที่นี่ได้เพราะคุณเป็นเหมือนฉันใช่มั้ยคะ”
“อาจเหมือนและไม่เหมือนอาจใช่และไม่ใช่...”
“ฉัน...จะต้องทำยังไง”
“จงระลึกถึงมันขึ้นมาอีกครั้งตัวตนของเจ้าความคิดสติปัญญาร่างกายเลือดเนื้อทั้งหมดและทุกอย่างที่ความทรงจำของเจ้ายังมีเหลืออยู่แล้วเจ้าจะกลับไปนะที่จากมา”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพบคุณได้อีกครั้งมั้ยคะ”
“อาจได้และไม่ได้จงปล่อยให้สิ่งที่ท่านเชื่อนำพาท่านเถอะท่านผู้วิเศษ“
โดยไม่ได้บอกลาฉันหลับตาลงอีกครั้งเพื่อนึกถึงตัวตนของฉันสถานที่ที่ฉันต้องกลับไปสะสางให้เรื่องราวที่คั่งค้างเรียบร้อยฉันนำจิตและความรู้สึกทั้งหมดของฉันกลับมาที่เดิมตามคำแนะนำของเขาผู้นั้นที่ฉันไม่เห็นแม้แต่เงา 
 
 
 
และในที่สุดที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือบนโต๊ะเกมกิโยตินที่ฉันเคยพ่ายแพ้ไปแล้วฉันเหล่มองมายังหญิงที่อยู่ตรงหน้าอนาสตาเซีย...
“อะ..อะไรกันเป็นไปได้ยังไงกันคะคุณ...”
“เธอก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอฉันน่ะ...ตายไม่ได้ยังไงล่ะ”
“ไม่..ไม่ฉันไม่ยอมรับเรื่องบ้าๆแบบนี้ซามูเอล!!ซามูเอล!!ตอบฉันสิตอบฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!”
แทบทันทีที่เธอเรียกชื่อนั้นก็ปรากฎหนุ่มรูปงามคนหนึ่งขึ้นหากแต่ความรู้สึกที่แพร่มาจากเขานั้นเลวร้ายและดำมืดนัก
“ซามูเอลท่านต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันเข้าใจนะว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เจ้าก็น่าจะรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้วนะเจ้าไม่มีทางชนะได้มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“เอ๋?”
“อำนาจของแม่มดหัวหน้ากลุ่มที่ได้พลังจากซาตานที่แข็งแกร่งที่สุดน่ะเจ้าไม่เข้าใจอย่างนั้นรึว่ามันรุนแรงเพียงไหน”
“อะ..อะไร...”
“คำสาปนี้...ไม่มีแม่มดตนใดแก้ไขได้และไม่มีปีศาจตนใดที่จักทำลายได้ยกเว้นตัวผู้สาปแช่งเองแต่ก็น้อยนักที่จะสามารถแก้ไขได้”
“ไม่!!มันไม่ใช่คำสาปแล้วนี้มัน...นี่มันเป็นพรจากพระเจ้าต่างหาก!!!”
“เจ้าจะต้องเล่นต่อไปแล้วข้าจะรอรับวิญญาณของเจ้าเอง”
และแล้วปีศาจซามูเอลก็หายตัวไปปล่อยให้ฉันและอนาสตาเซียที่มัวแต่มองไปยังความมืดมิดด้วยตาค้างตึงแต่ถึงอย่างน้ันหล่อนก็กลับมาพูดจาถากถางได้เช่นเดิม
“ฆะฆ่าแกไม่ได้ไม่เป็นไรแต่อย่าลืมนะว่าเพื่อนของแกยังอยู่ฉันจะโยนมันลงนรกจะโยนลงนรกไปพร้อมๆกับฉัน!!!”
สิ้นเสียงของเธอนาฬิกาทรายก็เริ่มเดินอีกครั้งหนึ่งตอนนี้ตัวแทนของฉันได้ตายไปแล้วและจะไม่กลับมาอยู่ในขบวนอีกครั้งก็เลยเหลืออนาสตาเซียเป็นคนแรก  สังคมอักษรสารวัตรและแมรี่เท่านั้น
เธอเริ่มจั่วไพ่บอกทางก่อนคนแรกเธอหัวเราะในลำคอด้วยเหงือที่เต็มมือของเธอ
“อะ..เอาคนตำแหน่งที่สามขึ้นมาอยู่หน้าสุดฮะๆๆๆ”เธอเอื้อมมือหยิบอักษรไปไว้ด้านหน้าของตัวแทนของเธอแล้วฉันเลยจั่วไพ่ในสำลับที่เหลืออีกแค่ห้าใบขึ้นมา
“สลับคนที่อยู่ในห้าตำแหน่งแรกได้อย่างอิสระ”
“หะ..หา?!”แล้วฉันก็สลับตำแหน่งของทุกๆคนโดยเรียงจากหน้ากิโยตินลงไปคือสังคมอนาสตาเซียอักษรสารวัตรและแมรี่อยู่ที่เดิมเหมือนเดิมแล้วเวลาก็หมดไปเรื่อยๆ
อนาสตาเซียมองดูไพ่บอกทางในมือที่มีอยู่สองใบและเธอก็พยายามจั่วหยิบไพ่ขึ้นมาอีกตอนนี้ในสำลับมีแค่สี่ใบเท่านั้นแต่แล้วเธอก็ใช้ไพ่ในมือของเธอ
“อะ...อะ....เอาคนที่อยู่หลังสุดขึ้นมาอยู่ด้านหน้า!!”เธอแทบจะโยนร่างเล็กๆของแมรี่ไปด้านหน้าของแถวที่มีกันแค่ห้าคนแล้วเวลาก็หมดลงพอดี
“ฮะๆๆๆๆๆคุณช่วยเด็มไม่ได้ถึงสองคนเลยนะน่าผิดหวังจริงๆ”
“เราไม่สามารถช่วยใครให้รอดได้หมดหรอก...”
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!
เสียงแตรดังขึ้นอีกครั้งแล้วกิโยตินก็ตัดหัวของแม่รี่ขาดครึ่งเหมือนกับหลายคนที่ผ่านมาฉันมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความว่างเปล่ามองร่างกระบอกเล็กๆนั่นถูกโยนลงสู่ความมืดมิดแล้วอนาสตาเซียก็เร่งมือตั้งนาฬิกาทรายนั้นอีกครั้งฉันหยิบไพ่ที่เหลือแค่สี่ใบนั้น
“เอาคนที่สองสลับลงมากับตำแหน่งที่สาม”เสร็จแล้วฉันก็สลับตัวแทนอนาสตาเซียกับอักษรนั่นทำให้เธอหลุดขำแห้งๆออกมา
“คุณเหมือนกำลังช่วยให้ฉันได้ตายช้าลงเลยนะคะ”แต่เธอก็เหงื่อตกแล้วหยิบไพ่หนึ่งในสามใบสุดท้ายขึ้นมา
“ฮะๆๆๆนี้มันบ้าชัดๆเลย...ฉัน...ข้าม..”
นั่นทำให้ฉันต้องจั่วไพ่อีกใบขึ้นมาและฉันก็มองมันอย่างไร้อารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ช่วยชีวิตคนที่ตำแหน่งสอง”
“อย่างนั้นเหรอ....”เธอไม่ได้โวยวายอะไรเลยฉันหยิบตัวอักษรและโยนขึ้นไปบนฟ้าร่างตุ๊กตาของเขาสลายไปเช่นเดียวกับหมูและบันนี่ที่ถูกช่วยในตอนแรกแล้วเวลาก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
ทหารคนเคระแบกร่างของตุ๊ตาสังคมที่อยู่ตัวแรกสุดให้ไปยังแท่นประหารพร้อมๆกับเสียงแตรดังประกาศการประหาร
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!
และตอนนี้ก็เหลือแค่สองคนเท่านั้นคืออนาสตาเซียและสารวัตรเมธีโดยมีไพ่ในมือของเธอสามใบและไพ่ใบเดียวจากสำลับที่จะชี้ชะตาว่าสารวัตรจะรอดหรือว่าจะตายไปพร้อมกับอนาสตาเซีย
อนาสตาเซียมองไพ่ในมือของเธอแล้วถอนหายใจ
“สลับตำแหน่งกัน...”เธอไม่ได้อ่านอย่างละเอียดว่าตำแหน่งไหนยังไงเพราะตอนนี้มันเหลือแค่สองคนเพราะงั้นเพียงแค่คำพูดสั้นๆนั้นก็เข้าใจได้
เธอหยิบตัวเธอสลับการสารวัตรเสร็จแล้วฉันก็หยิบไพ่บอกทางที่เหลืออยู่ใบเดียวนั้นขึ้นมา
“ช่วยคนในตำแหน่งแรก”และในที่สุดฉันก็ชนะอย่างสมบูรณ์แบบ 
อนาสตาเซียทิ้งไพ่ในมือของเธอลงกับโต๊ะและถอนหายใจด้วยแรงทั้งหมดที่มีเธอยิ้มแล้วมองมาที่ฉัน
“คุณชนะค่ะชนะฉันแบบหมดจดเลยค่ะ...คราวนี้ในเวลาหนึ่งนาทีกว่านี้ฉันก็ต้องทำใจก่อนสินะคะ”
“คนที่ใกล้ตายแล้วมักจะมีเรื่องอยากสารภาพเธอมีอะไรจะพูดมั้ย”
“ฮะๆๆๆๆคนใกล้ตายงั้นเหรอคุณนี่โหดร้ายจนกระทั้งตอนจบเลยนะคะ...ใช่ค่ะฉันมีเรื่องจะสารภาพกับคุณค่ะ...”เธอหันหน้าไปข้างเอามือเท้ากับคาง“จริงๆแล้วฉันไม่ได้อยู่มาตั้งแต่...
ศัตวรรษที่สิบเจ็ดหรอกค่ะฉันก็แค่เด็กในยุคนี้ที่อายุแค่20กว่าเท่านั้นเอง...ที่ฉันโกหกไปก็เพราะว่าไม่อยากให้คุณดูถูกว่าฉันเป็นแค่เด็กไม่มีประสบการณ์...”
“แค่เห็นท่าทางไม่เป็นผู้ใหญ่ของเธอฉันก็รู้แล้ว”
“ฉันดีใจจริงๆนะคะที่ได้มาเจอคุณคุณเป็นไอเดลของฉันเลยค่ะเพราะฉันกำลังจะตายฉันถึงพูดได้อย่างเต็มปากถ้าฉันสามารถล้มคุณที่เป็นตำนานได้ฉันก็จะได้รับการยอมรับในฐานะคนที่ฆ่ายักษ์เลยนะคะ”
“เธอฆ่าฉันได้เธอทำสำเร็จแล้วเพียงแค่ว่าฉันไม่สามารถตายได้เพราะคำสาปนั่น”
“คุณกำลังตามหาตัวของหัวหน้าแม่มดคนนั้นอยู่สินะคะ”
“ใช่...แต่ว่ามันก็สายไปแล้วล่ะฉันไม่คิดว่าเธอจะอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว”
“หัวหน้าแม่มดของพวกเราถูกเปลี่ยนคนก็จริงแต่ว่าไม่ใช่ว่าคนก่อนจะตายไปแล้วหรอกนะคะ”
“เธอหมายความว่ายังไงบอกฉันมาอนาสตาเซียที่ว่ายังไม่ตายคืออะไร!?”
“ฉันบอกคุณไม่ได้มากนักมันเป็นกฎค่ะ”
“เธอกำลังจะตายอยู่แล้วจะสนใจกฎทำไมกันเล่า”
“Bysunlight,bymoonlight,bythestarsthatshineallnight
Lettheglowthatburnssobright,riseupdeepinside
Bythepowerofeastandwest,bythewarmthinsidemychest
Letyourheadlaydowntorest;youdon’tneedtohide…”
(ด้วยแสงแดดแสงจันทร์และแสงดาวที่สาดส่องในทุกคืน
ให้สิ่งมีชีวิตถูกแผดเผาอย่างส่องสว่างและมากขึ้นจากภายใน
ด้วยพลังแห้งทิศตะวันออกและตะวันตกด้วยความอบอุ่นในแก้มของฉัน
ให้หัวของเธอได้นอนลงเพื่อพักผ่อนเธอไม่จำเป็นต้องกลัวเลย...)”
“ดะ...เดี๋ยวสิ” 
ตัวแทนของอนาสตาเซียถูกหามไปยังแท่นประหารโดยพวกทหารคนเคระฉันพยายามจะให้เธอตอบคำถามของฉันก่อนที่กิโยตินจะล่วงลงมา
 
 
“Bythelovethatholdsyourhand,bythewind,thefire,theland
Letthestrengthofsoulexpand,leadingyouinside
Bythefriendswhokeepyoustrong,bythewilltocarryon
Letthemknowthatyoubelong,andtakelifeinyourstride”
(ด้วยรักที่โอบอุ้มอยู่ในมือของคุณด้วยลมไฟและผืนดิน
ให้ความแข็งแกร่งแห่งดวงวิญญาณเพิ่มพูนและชักนำคุณอยู่ข้างใน
ด้วยเพื่อนที่ทำให้คุณเข็มแข็งด้วยความปราถนาที่จะก้าวเดินต่อ
ให้พวกเขารู้ว่าคุณเป็นเจ้าของและใช้ชีวิตอยู่ต่อไป)
“อนาสตาเซีย!!!”
ปู้นปู้นปู่นปู้น!!
เสียงของแตรดังขึ้นเป็นรอบสุดท้ายจนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงพูดบทกลอนแห่งความตายต่อไปไม่มีท่าจะหยุดฉันเองก็ไม่สามารถไปขวางการประหารนี้หรือเธอที่พรำ่นึดถึงความตายได้เลย
“ลาก่อนค่ะ...ตุณลิซ่า”
สิ้นเสียงของเธอมีดกิโยตินก็ถูกปล่อยลงสับคอของตุ๊ตาตัวแทนและตัวตนของเธอที่อยู่ตรงหน้าฉันก็หายไปตามๆกันแล้วทุกอย่างอยู่ในความมืดที่เงียบเกินคณานับไม่รู้เพราะฉันเศร้าที่อนาสตาเซียตายหรือเพราะเธอได้บอกใบ้บางอย่างถึงหัวหน้าแม่มดดำตนนั้น
หัวหน้าแม่มดที่สาปแช่งฉันให้ทุกทรมาณต่อการมีชีวิตอยู่ต้องถูกตามล่าเจ็บปวดจากบาดแผลซำ้แล้วซำ้เล่าต้องพบเจอกับคนที่รักแล้วก็ต้องจากซำ้ไปซำ้มาความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่ฉันต้องพบเจอทั้งสอนฉันและทำลายฉันฉันไม่คิดเลยว่าฉันที่ไม่มีพระเจ้าอยู่เคียงข้างจะสารามารถมีชีวิตอยู่อีกร้อยอีกพนปีได้มั้ยแต่ว่าฉันก็อยากที่จะหยุดชีวิตบนโลกมนุษย์นี้มากเหลือเกิน
“ทุกคนคุณลิซ่าตื่นแล้วค่ะ!!”
“คุณลิซ่าครับ!!!”
เสียงของหมูและอักษรปลุกฉันให้ลืมตาขึ้นฉันมารู้สึกตัวเองอีกทีฉันก็มาฟุบหลับบนโต๊ะนักเรียนในห้องป.4/5ที่พึ่งจากมาฉันยัยตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปรอบๆมีหมูอักษรแล้วก็สารวัตรเมธี
“มันจบแล้วสินะ”ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะบิดขี้เกียจ
“ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้นี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ยครับผมนึกว่าผมจะต้องตายจริงๆแล้วซะอีกมันน่ากลัวมากจริงๆ”
“เอ๋ๆๆๆๆเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่คุณแม่มดใจร้ายนั่นช่วยหมูหรือคะ”
“เรื่องมันยาวน่ะแต่ว่าไม่เคยลุ้นแบบใจหายใจคว่ำแบบนี้มาก่อนเลยนะได้อยู่กับเธอเนี้ยมีเรื่องให้เสี่ยงตายตลอดเลย”
“สารวัตรอยู่เป็นคนสุดท้ายหรือครับเนี้ย”
“ใช่มั้ยล่ะลิซ่า”
“หยุดพูดเรื่องนั้นซะทีเถอะน่าพวกนาย”
ฉันบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดแต่ทุกคนกลับยิ้มออกมาได้อย่างกับว่ามันเป็นประสบการณ์ระทึกขวัญอย่างนึงในชีวิตเป็นมนุษย์นี่ดีจริงๆเลยนะ...
 
 
 
พวกเราออกมาจากโรงเรียนนั้นโดยทิ้งให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของตำรวจข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับกล่าวถึงภักดิเรกและสังคมฆาตกรต่อเนื่องโฉดที่ฆาตกรรมเด็กสาวและภรรยารวมแล้ว3ศพ
อุบัติเหตุรถสปอร์ตชนรถพ่วงเมื่อวันพุธก็ขึ้นเป็นข่าวเช่นกันส่วนการตายของโมโม่และพ่อของเธอก็ถูกแจ้งไปยังที่บ้านแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่อีกแล้วบ้านนั้นก็ถูกยึดเป็นของหลวงไปเพราะไม่มีญาติคนไหนของเธอกล้ารับบ้านหลังนั้นเหมือนกับบ้านของบันนี่
“หมู!!!”
“พ่อคะแม่คะ!!!”หมูที่แยกกับพวกเราก็อยู่ในฐานะผู้เคราะห์ร้ายในการฆาตรกรรมต่อเนื่องของภักดิเรกและสังคม 
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยหมู”
“หนูไม่เป็นไรค่ะเพราะพี่ๆพวกนั้นช่วยเอาไว้ค่ะ”เธอชี้นิ้วมาทางพวกเราสามคนที่อยู่ไม่ไกล
“ขอบคุณพวกคุณมากนะคะที่ช่วยลูกสาวของพวกเราไว้”
“ไม่เป็นไรครับเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ”
“แล้วคราวหน้าคราวหนังก็อย่าบ้างานจนไม่ได้กลับบ้านอีกนะคะ”
“คะคุณลิซ่าคร้าบบบบ!!!”ฉันล่ะขำท่าทางลนลานของอักษรจริงๆเลย“เออแล้วก็...สารวัตรครับ”
“อะไร”เขาหันหลังกลับมามองอักษรระหว่างที่กำลังยัดบุหรี่เข้าปาก
“พรุ่งนี้ไปโบสถ์ด้วยกันนะครับคุณภิรดาที่เป็นลูกค้าของพวกเราเขาชวนน่ะครับ”
“พรุ่งนี้หรอกี่โมง”
“ตอนเช้าครับปกติก็ประมาณแปดโมง”
“งั้นก็ขอบายละกัน”
“อะไรน่ะนัดสาวไว้รึไงยะลุง”
“ตามนั้น”
“เอ่อ..งั้นเหรอครับแล้วหมูล่ะจะมาด้วยกันมั้ยเดี๋ยวพี่มารับที่บ้าน”
“ค่ะหนูอยากไปที่นั้นดูซักครั้งค่ะหนูอยากรู้ค่ะว่าพระเจ้าของพวกพี่เป็นยังไงค่ะ”
“พระเจ้าต้อนรับทุกๆคนที่ต้องการจะเข้าพบพระองค์จะมาเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่แค่วันอาทิตย์หรอกนะ”
“ค่ะ..ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็..ค่ะ!!”รอยยิ้มเบิกบานบนหน้าของเธอทำให้ฉันรู้สึกเบิกบานไปด้วยเช่นกัน
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะคิกคักกันฉันก็ไม่สามารถเอาเรื่องหัวหน้าแม่มดออกไปจากหัวของฉันได้เลยฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เธอได้บอกฉันเอาไว้แต่ฉันก็หามันไม่เจอฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อความหมาย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อนล่ะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”สารวัตรขยี่หัวของเขาแล้วเดินตรงไปที่รถของเขาเอง
“เฮ้ย!!เดี๋ยวสิไปส่งเราที่ร้านด้วยสิ”
“ฉันเป็นคนขับรถให้พวกเธอตั้งแต่เมื่อไรกลับรถแท็กซี่ดันเองละกัน”
“นี้!!สารวัตร...เจ้าบ้าเมธี!!!!”โดยไม่ฟังเสียงเรียกของฉันเขาก็ขึ้นรถและออกไปอย่างรวดเร็วฉันร้องด้วยความหงุดหงิด
“อี๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆตาบ้านั้นก็รู้อยู่แล้วแท้ว่าฉันเกลียดกลิ่นเบาะของรถแท็กซี่น่ะหมอนั้นจงใจแกล้งฉันชัดๆเลยอ้าาาาาาาาาาา!!!”
“คะคุณลิซ่าคร้าบบบใจเย็นนะคร้าบบบ”
แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งพูดขึ้นจากด้านหลังขัดอารมณ์ของฉัน
“เอ่อขอโทษนะครับพี่สาว”
“อะไร!!!”ฉันเพลอตะคอกใส่เขา
เขาเหมือนเป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่งที่ผ่าไทมุงเข้ามาในเขตทำคดีนี้ 
“มีคนฝากดอกไม้มาให้พี่สาวน่ะครับ”
“ดอกไม้หรอ”มันคือช่อดอกลิลลี่สีขาวขนาดใหญ่มากทีเดียวที่ถูกประดับประดาด้วยดอกเดซี่สีขาวเล็กๆฉันคิดในใจเลยว่าต้องมีใครส่งดอกไม้นี้แกล่งฉันแน่ๆไม่เป็นหมอซีฮอลก็คงเป็นคนอื่นแล้วฉันก็รับมันแต่โดยดี
“ดอกไม้จากใครหรอครับ”อักษรถามฉันด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกันคงมาจากคนที่หลงเสน่ห์ฉันล่ะมั้ง”
“พูดได้นะครับ”อักษรทำหน้าเซ็งกับคำพูดเชิงหลงตัวเองของฉัน“ก็พอเข้าใจนะครับว่าผู้หญิงชอบที่ผู้ชายให้ดอกไม้ตัวเองนะครับแต่ว่า...ในสถานการณ์แบบนี้มันดู...”
“ใช่ก็อย่างที่นายคิดนั่นแหละอักษรมันดูแปลกๆที่จะมีใครให้ดอกไม้กันในสถานที่เกิดเหตุแบบนี้นายช่วยดูให้หน่อยสิว่ามันมีป้ายชื่อหรืออะไรมั้ย”
อักษรช่วยหาป่ายชื่อหรือการ์ดที่น่าจะใส่มาพร้อมกับช่อดอกไม้อันสวยงามช่อใหญ่นี้และดูเหมือนเขาจะเจอการ์ดเล็กๆการ์ดหนึ่ง
“นี่มัน..เหมือนสัญลักษร์กางเขนเลยนะครับ”
“ไหนขอฉันดูซิ”มันเป็นสัญลักษณ์เล็กๆกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกวาดด้วยมือเป็นลักษณะเหมือนตัวบวกสีแดงที่ถูกลอมรอบด้วยโล่ฉันแทบจะรู้ในทันทีว่ามันคืออะไร
“กลุ่มอัศวินเทมพลาร์...”
“อัศวินงันเหรอครับ”
“อัศวินเทมพลาร์หรือก็คือทหารผู้ยากแห่งพระคริสต์และพระวิหารแห่งโซโลมอนเป็นคณะทหารคริสตชนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดและเป็นองค์กรที่คงอยู่เกือบสองศตวรรษคือศตวรรษที่12ถึงคริสต์ศตวรรษที่14”
“ถ้าอย่างนั้นคณะนี้ก็ถูกยุบไปแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่จากในประว้ติศาสตร์บอกว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่5ได้สั่งสลายคณะในปีค.ศ.1312ชาวคณะถูกทรมานและเผาทั้งเป็นทั้งในฝรั่งเศสและยุโรปส่วนใหญ่ในฐานะพวกนอกรีตแต่ว่าต่อมาคณะนี้ก็ได้ปรากฎขึ้นมาอีกในประเทศโปรตุเกสในชื่อของOrdemMilitardeCristoหรือคณะทหารแห่งพระคริสต์นั่นแหละ”
“งั้น...คนที่ส่งดอกไม้นี้มา..”
“พวกเขามาที่นี่...อย่างนั้นหรอ”ฉันมองซ้ายขวาเพื่อหาตัวตนของคนที่น่าจะเป็นคนในคณะแต่ว่าก็ไม่มีวี่แววทุกอย่างเหมือนเป็นปริษณาที่ฉันยังต้องหาคำตอบต่อไปพวกเขากับหัวหน้าแม่มด...
“ดอกไม้นี้มีความหมายอะไรรึเปล่าครับเหมือนจะเป็น...ขอความหรืออะไรรึเปล่า”
“นายนี่เป็นช่างสงสัยขนานแท้เลยนะอักษรถ้าอยู่นั่นแหละ”
“ทะ..ทำไมล่ะครับก็ผมสงสัยจริงๆนี้นา”
“ดอกลิลลี่สีขาวกับดอกเดวี่งั้นเหรอ...”ฉันมองไปยังช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือช่อนี้ฉัยพยายามคิดถึงความหมายของมัน“แล้วนายล่ะอักษรมันทำให้เธอนึกถึงอะไร”
“ผมนึกถึงภาพวาดดอกลิลลี่บนภาพจิตรกรรมฝาผนังของชาวกรีกสมัยก่อนในสุสานของอียิปต์และงานแกะสลักของชาวแอสซีเรียนครับดอกลิลลี่เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผุดผ่องพรหมจารีและความศักดิ์สิทธิ์   เจ้าสาวชาวกรีกเองก็จะสวมช่อมงกุฏดอกลิลลี่เพื่อบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์และความอุดมสมบูรณ์ด้วย”
“และยังเป็นสัญลักษณของพระแม่มารีอีกด้วยแต่ในทางกลับกันดอกลิลลี่ก็หมายถึงความตายเหมือนกันเป็นความตายที่บริสุทธ์”
“แล้วดอกเดซี่สีขาวนี่ล่ะครับ”
“มันมีความหมายที่คล้ายๆกับดอกลิลลี่แต่ฉันก็ยังไม่เห็นจุดประสงค์ของมันอยู่ดี”
“กลายเป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบต่อไปอีกแล้วสินะครับ”
“เมื่อนายเลือกที่จะเดินตามทางของฉันแล้วทุกๆย่างก้าวของนายก็จะเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าเข้าใจและเรื่องลี่ลับเกินหยั่งถึงแต่ก็ดูเหมือนว่านายจะอยู่ในโลกของฉันเต็มตัวแล้วนะอักษร”
“นั่นสินะครับผมก็คงต้องเสี่ยงตายอีกแน่เลยสินะครับ”
“ทำตัวให้ชินเถอะครั้งหน้าอาจจะเลวร้ายกว่าครั้งนี้ก็ได้นะ”
“งั้นก็คงต้องขอรบกวนคุณลิซ่าช่วยปกป้องผมแล้วล่ะครับ”
“แน่นอนก็ฉัน...เป็นเจ้านายนี่นะ”
ฉันวางช่อดอกไม้อันใหญ่นี้วางไว้หน้าโรงเรียนธิดาวิทยาที่เพิ่งเกิดเหตุสะเทือนฝันขึ้นนั้นสำหรับโลกของบุคคลภายนอกมันก็คือโศกนาฎกรรมที่ทำโดยมนุษย์โดยไม่มีใครได้ล่วงรู้ความจริงเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆฉันมีแต่ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับโลกใบนี้ที่เดินเหมือนเส้นขนาน 
ทิ้งความผิดพลาดและความสำเร็จไว้เบื่องหลังแล้วเผชิญหน้ากับความลี้ลับที่กำลังรอคอยที่จะถูกค้นพบทั้งเรื่องราวทั้งหมดหรือเรื่องของตัวฉันเอง...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา