ศึกมารสะท้านยุทธภพ
8.0
เขียนโดย Nj4566
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.16 น.
17 ตอน
0 วิจารณ์
18.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 21.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ศึกมารสะท้านยุทธภพ ตอนที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหมู่บ้านรอบๆบริเวณเขาพิรุณสวรรค์นั้นเป็นที่พักอาศัยของบรรดาสาวก รวมทั้งฮันโซด้วย ประมุขฉู่ได้มอบเรือนหลังเล็กๆที่สะดวกสบายและสวยงามให้แก่นางหลังหนึ่ง ช่วงสายของวันต่อมา ฮันโซมาที่เชิงเขาพิรุณสวรรค์ก่อนกำหนด ในตึกคู่ฟ้า ซึ่งเป็นส่วนของบรรดาศิษย์ส่วนล่าง ตึกคู่ฟ้านี้เป็นชั้นแรกของพรรคพิรุณสวรรค์ ที่อยู่บริเวณเชิงเขา มีความงดงามยิ่งนัก ผนังส่วนใหญ่ประกอบด้วยสีแดงเลือดนก สีน้ำตาล และสีทองเป็นหลัก เพดานสูง โอ่อ่า สง่างาม อีกทั้งเครื่องประดับตกแต่งก็เต็มไปด้วยเครื่องเรือนหรูหรา ราคาแพงระยับ
ทุกคนที่อยู่ส่วนของตึกคู่ฟ้า จะเริ่มทำกิจกรรมต่างๆในพรรคเวลาสาย ไปจนถึงค่ำ ส่วนช่วงเย็น เมื่อพระอาทิตย์จวนลับขอบฟ้า ประตูของตึกระฟ้า ตึกที่ตั้งอยู่บนเขาชั้นที่ 2 ของพิรุณสวรรค์จึงจะเปิด ส่วนนี้เป็นส่วนของศิษย์ส่วนบน ซึ่งจะเริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆกันตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกไปจนถึงยามสาม หรือบางทีก็จนรุ่งสาง
กล่าวได้ว่าศิษย์ส่วนล่างและศิษย์ส่วนบนนั้นแทบไม่ค่อยได้สัมพันธ์กันเท่าใด เนื่องจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่ก็จะพบมีช่วงที่บรรจบกันบ้าง คือช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ ก่อนที่ศิษย์ส่วนล่างจะกลับไปพักผ่อน และศิษย์ส่วนบนกำลังจะเริ่มทำกิจการต่างๆ
สาวกและศิษย์ในพรรคพิรุณสวรรค์ต่างก็เห็นนาง แต่หาได้มีผู้ใดกล้าเข้ามาพูดจา เพียงแต่มองอย่างกล้าๆกลัวๆห่างๆ ฮันโซจึงเดินเข้าไปเรื่อยๆ จากลานกว้าง สู่โถงใหญ่ จนถึงห้องปรุงโอสถ ฮันโซเห็นสาวกพรรคพิรุณสวรรค์ยืนรายล้อมชายคนหนึ่งอยู่ เขามีท่าทางองอาจ สง่าผ่าเผย ดังมีรัศมีบางอย่างรอบตัว อายุของเขาราว 30 ปลายๆ ใกล้ๆ 40 ปี แลดูเข้มงวด ดุดัน และท่าทีของสาวกรอบๆแม้นจะดูสนิทสนม แต่ก็แฝงด้วยความยำเกรง ชายผู้นี้กำลังปรุงยาต่างๆด้วยท่าทีชำนาญนัก ดูท่าผู้นี้แลคือกงจั่วมิผิดแน่ แต่ที่ได้ยินมากงจั่วคือผู้เฒ่าในพรรค คราแรกฮันโซคิดในใจว่าอายุคงราวสัก 60 ปี ไม่นึกว่าจะยังหนุ่มถึงเพียงนี้
ฮันโซพินิจอย่างละเอียดแล้วมั่นใจว่าคือท่าน ประมุขฉู่กล่าวแก่นางเมื่อวานว่า ให้มาคาราวะท่านกงจั่ว และจงให้ความเคารพแก่เขาให้มาก เพราะกงจั่วผู้นี้เป็นกุนซือที่แม้นแต่เสวียจื่อยังเกรงใจ
คิดได้ดังนั้นฮันโซจึงเดินเข้าไปคาราวะ
กงจั่วเพียงแต่มองหน้านาง จะยิ้มให้ก็ไม่เชิง สายตาเขานั้นยากแก่การอธิบาย มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยโจทย์ปัญหาและดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังวิเคราะห์ฮันโซด้วยเช่นกัน แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นแก่ฮันโซว่า
กงจั่ว : ข้าเห็นเจ้าแล้ว
...เห็นแล้ว แล้วอย่างไรเล่า? ชายผู้นี้ช่างดูน่ากลัว แต่จะเอาอย่างไรก็จงแถลงไขมา ฮันโซคิดด้วยใจท้าทาย มิได้ครั่นคร้าม จึงได้กล่าวออกไปว่า
ฮันโซ : ท่านกงจั่วกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ ตัวข้านั้นมารบกวนท่านหรือไม่?
กงจั่ว : ข้ากำลังสอนวิธีปรุงยาแก่เด็กเหล่านี้ ทั้งยาพิษและยาแก้ เจ้ามิได้รบกวนข้าอันใดนักดอก แต่ขอจงรอสักครู่ ให้ข้าเสร็จกิจตรงนี้แล้วข้าจะตามไปคุยกับเจ้า
ฮันโซ : ...หากท่านกำลังสอนคนเหล่านี้อยู่ เช่นนั้นแล้วตัวข้าจักสามารถขอเรียนรู้ด้วยได้หรือไม่เล่า? เสร็จแล้วเราจึงค่อยไปคุยกัน
กงจั่วและบรรดาศิษย์ต่างมองฮันโซด้วยความฉงน
กงจั่ว : ย่อมได้สิ เชิญเจ้ามาที่นี่
แล้วกงจั่วกับบรรดาศิษย์ก็ต้อนรับฮันโซเป็นอย่างดี กงจั่วแนะนำฮันโซให้รู้จักแก่บุคคลต่างๆ ผู้ที่กำลังยืนรายล้อมกงจั่วและฮันโซอยู่นั้น คือบรรดาหัวหน้าหน่วยต่างๆของพรรคพิรุณสวรรค์ส่วนล่าง มีทั้งหมด 7 คน ในนั้นมีหญิงเพียง 2 คน และเป็นสาวกหญิงเพียง 2 คนในพรรค ซึ่งบัดนี้รวมฮันโซเข้าด้วย พรรคพิรุณสวรรค์จึงมีหญิงทั้งสิ้น 3 คน ในบรรดาสาวก 30 คน และศิษย์ทั้งหมดอีก 30,000 คน
บรรยากาศการเรียนปรุงยาเต็มไปด้วยความสนุก กงจั่วนั้นแม้จะเข้มงวดแต่ก็มีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่ตลอดเวลา ฮันโซแม้จะยังไม่ค่อยมีความรู้ในด้านนี้แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ยากเท่าใดนัก
และต่อหน้าเขาฮันโซรู้สึกเหมือนกลายเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ฮันโซเผลอมองเขาด้วยความประทับใจ ชายผู้นี้หรือ ที่คนเขาร่ำลือว่าเก่งกาจนัก เป็นกุนซือที่รู้ฟ้ารู้ลม ทำนายสิ่งใดมิผิดพลาด
ในขณะที่ฮันโซกำลังหัดปรุงยาสูตรง่ายๆด้วยตนเองอยู่ กงจั่วก็เข้ามาใกล้ โอบนางจากข้างหลัง เพื่อคอยจับมือนางให้วางอย่างถูกต้อง กงจั่วกล่าวแก่นางว่า
กงจั่ว : เจ้ารู้หรือไม่ ประมุขฉู่ก็เคยมาขอเรียนปรุงยากับข้าเช่นเจ้านี้
ฮันโซ : แล้วเป็นอย่างไร? ท่านได้สอนสิ่งใดแก่เขาบ้าง?
กงจั่ว : มิได้สอนสิ่งใดเลย (ว่าพลางจับข้อศอกฮันโซให้ตั้งถูกวิธี)
ฮันโซ : (รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย แลถามออกไป) เหตุใดเป็นเช่นนั้น?
กงจั่ว : ให้ข้าสอนคนเยี่ยงมัน ชั้นเรียนข้าคงมิไปไหน เพราะต้องคอยตอบคำถามไร้สาระของมัน แล้วเจ้าเห็นมันเคยอยู่ที่นี่บ้างไหมเล่า? วันๆมันเอาแต่ออกไปไหนต่อไหน
กงจั่วกล่าวจบ สาวกต่างก็หัวเราะด้วยความขบขัน ...ลับหลังประมุขฉู่ คนเหล่านี้มีทีท่าไม่ชอบเขาถึงเพียงนี้เชียว แลดูท่ากงจั่วนั้นถืออำนาจมากกว่าประมุขฉู่นัก
เมื่อเรียนปรุงยาเสร็จ ก่อนทุกคนแยกย้ายก็เป็นเวลาเที่ยงวัน กงจั่วจึงกล่าวแก่นาง
กงจั่ว : เจ้ากินอะไรหรือยัง จะอยู่กินข้าวกับข้าไหม ข้าจะได้ให้ศิษย์จัดเตรียม
ฮันโซ : (ยิ้ม) ด้วยความยินดียิ่ง กินที่ใดกันเล่า?
กงจั่ว : (ยิ้มตอบพลางหยั่งเชิง) กินข้างหลังโรงครัวกับบรรดาศิษย์เล็กๆ อาหารพื้นๆ เจ้ากินได้หรือไม่
ฮันโซ : 5555 ข้านั้นมิใช่ประมุขฉู่ ข้ารบทัพจับศึก นอนกลางดิน กินกลางทราย มีสิ่งใดให้กินก็กิน เพียงอิ่มก็พอแล้ว ท่านมิต้องกังวลดอก ข้านั้นกินได้ทุกสิ่ง
กงจั่วหัวเราะอย่างพอใจ สตรีนางนี้ ช่างแก่นแก้วห้าวหาญต่างจากสตรีนางอื่นนัก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าผู้ชาย ร่างเล็กแต่ทะมัดทะแมง เดินเร็ว ทำการสิ่งใดรวดเร็วดุจพายุ ใบหน้าไร้การแต่งแต้มแต่ใสดังหยก กงจั่วพอใจฮันโซผู้นี้มาก
ทุกคนที่อยู่ส่วนของตึกคู่ฟ้า จะเริ่มทำกิจกรรมต่างๆในพรรคเวลาสาย ไปจนถึงค่ำ ส่วนช่วงเย็น เมื่อพระอาทิตย์จวนลับขอบฟ้า ประตูของตึกระฟ้า ตึกที่ตั้งอยู่บนเขาชั้นที่ 2 ของพิรุณสวรรค์จึงจะเปิด ส่วนนี้เป็นส่วนของศิษย์ส่วนบน ซึ่งจะเริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆกันตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกไปจนถึงยามสาม หรือบางทีก็จนรุ่งสาง
กล่าวได้ว่าศิษย์ส่วนล่างและศิษย์ส่วนบนนั้นแทบไม่ค่อยได้สัมพันธ์กันเท่าใด เนื่องจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่ก็จะพบมีช่วงที่บรรจบกันบ้าง คือช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ ก่อนที่ศิษย์ส่วนล่างจะกลับไปพักผ่อน และศิษย์ส่วนบนกำลังจะเริ่มทำกิจการต่างๆ
สาวกและศิษย์ในพรรคพิรุณสวรรค์ต่างก็เห็นนาง แต่หาได้มีผู้ใดกล้าเข้ามาพูดจา เพียงแต่มองอย่างกล้าๆกลัวๆห่างๆ ฮันโซจึงเดินเข้าไปเรื่อยๆ จากลานกว้าง สู่โถงใหญ่ จนถึงห้องปรุงโอสถ ฮันโซเห็นสาวกพรรคพิรุณสวรรค์ยืนรายล้อมชายคนหนึ่งอยู่ เขามีท่าทางองอาจ สง่าผ่าเผย ดังมีรัศมีบางอย่างรอบตัว อายุของเขาราว 30 ปลายๆ ใกล้ๆ 40 ปี แลดูเข้มงวด ดุดัน และท่าทีของสาวกรอบๆแม้นจะดูสนิทสนม แต่ก็แฝงด้วยความยำเกรง ชายผู้นี้กำลังปรุงยาต่างๆด้วยท่าทีชำนาญนัก ดูท่าผู้นี้แลคือกงจั่วมิผิดแน่ แต่ที่ได้ยินมากงจั่วคือผู้เฒ่าในพรรค คราแรกฮันโซคิดในใจว่าอายุคงราวสัก 60 ปี ไม่นึกว่าจะยังหนุ่มถึงเพียงนี้
ฮันโซพินิจอย่างละเอียดแล้วมั่นใจว่าคือท่าน ประมุขฉู่กล่าวแก่นางเมื่อวานว่า ให้มาคาราวะท่านกงจั่ว และจงให้ความเคารพแก่เขาให้มาก เพราะกงจั่วผู้นี้เป็นกุนซือที่แม้นแต่เสวียจื่อยังเกรงใจ
คิดได้ดังนั้นฮันโซจึงเดินเข้าไปคาราวะ
กงจั่วเพียงแต่มองหน้านาง จะยิ้มให้ก็ไม่เชิง สายตาเขานั้นยากแก่การอธิบาย มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยโจทย์ปัญหาและดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังวิเคราะห์ฮันโซด้วยเช่นกัน แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นแก่ฮันโซว่า
กงจั่ว : ข้าเห็นเจ้าแล้ว
...เห็นแล้ว แล้วอย่างไรเล่า? ชายผู้นี้ช่างดูน่ากลัว แต่จะเอาอย่างไรก็จงแถลงไขมา ฮันโซคิดด้วยใจท้าทาย มิได้ครั่นคร้าม จึงได้กล่าวออกไปว่า
ฮันโซ : ท่านกงจั่วกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ ตัวข้านั้นมารบกวนท่านหรือไม่?
กงจั่ว : ข้ากำลังสอนวิธีปรุงยาแก่เด็กเหล่านี้ ทั้งยาพิษและยาแก้ เจ้ามิได้รบกวนข้าอันใดนักดอก แต่ขอจงรอสักครู่ ให้ข้าเสร็จกิจตรงนี้แล้วข้าจะตามไปคุยกับเจ้า
ฮันโซ : ...หากท่านกำลังสอนคนเหล่านี้อยู่ เช่นนั้นแล้วตัวข้าจักสามารถขอเรียนรู้ด้วยได้หรือไม่เล่า? เสร็จแล้วเราจึงค่อยไปคุยกัน
กงจั่วและบรรดาศิษย์ต่างมองฮันโซด้วยความฉงน
กงจั่ว : ย่อมได้สิ เชิญเจ้ามาที่นี่
แล้วกงจั่วกับบรรดาศิษย์ก็ต้อนรับฮันโซเป็นอย่างดี กงจั่วแนะนำฮันโซให้รู้จักแก่บุคคลต่างๆ ผู้ที่กำลังยืนรายล้อมกงจั่วและฮันโซอยู่นั้น คือบรรดาหัวหน้าหน่วยต่างๆของพรรคพิรุณสวรรค์ส่วนล่าง มีทั้งหมด 7 คน ในนั้นมีหญิงเพียง 2 คน และเป็นสาวกหญิงเพียง 2 คนในพรรค ซึ่งบัดนี้รวมฮันโซเข้าด้วย พรรคพิรุณสวรรค์จึงมีหญิงทั้งสิ้น 3 คน ในบรรดาสาวก 30 คน และศิษย์ทั้งหมดอีก 30,000 คน
บรรยากาศการเรียนปรุงยาเต็มไปด้วยความสนุก กงจั่วนั้นแม้จะเข้มงวดแต่ก็มีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่ตลอดเวลา ฮันโซแม้จะยังไม่ค่อยมีความรู้ในด้านนี้แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ยากเท่าใดนัก
และต่อหน้าเขาฮันโซรู้สึกเหมือนกลายเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ฮันโซเผลอมองเขาด้วยความประทับใจ ชายผู้นี้หรือ ที่คนเขาร่ำลือว่าเก่งกาจนัก เป็นกุนซือที่รู้ฟ้ารู้ลม ทำนายสิ่งใดมิผิดพลาด
ในขณะที่ฮันโซกำลังหัดปรุงยาสูตรง่ายๆด้วยตนเองอยู่ กงจั่วก็เข้ามาใกล้ โอบนางจากข้างหลัง เพื่อคอยจับมือนางให้วางอย่างถูกต้อง กงจั่วกล่าวแก่นางว่า
กงจั่ว : เจ้ารู้หรือไม่ ประมุขฉู่ก็เคยมาขอเรียนปรุงยากับข้าเช่นเจ้านี้
ฮันโซ : แล้วเป็นอย่างไร? ท่านได้สอนสิ่งใดแก่เขาบ้าง?
กงจั่ว : มิได้สอนสิ่งใดเลย (ว่าพลางจับข้อศอกฮันโซให้ตั้งถูกวิธี)
ฮันโซ : (รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย แลถามออกไป) เหตุใดเป็นเช่นนั้น?
กงจั่ว : ให้ข้าสอนคนเยี่ยงมัน ชั้นเรียนข้าคงมิไปไหน เพราะต้องคอยตอบคำถามไร้สาระของมัน แล้วเจ้าเห็นมันเคยอยู่ที่นี่บ้างไหมเล่า? วันๆมันเอาแต่ออกไปไหนต่อไหน
กงจั่วกล่าวจบ สาวกต่างก็หัวเราะด้วยความขบขัน ...ลับหลังประมุขฉู่ คนเหล่านี้มีทีท่าไม่ชอบเขาถึงเพียงนี้เชียว แลดูท่ากงจั่วนั้นถืออำนาจมากกว่าประมุขฉู่นัก
เมื่อเรียนปรุงยาเสร็จ ก่อนทุกคนแยกย้ายก็เป็นเวลาเที่ยงวัน กงจั่วจึงกล่าวแก่นาง
กงจั่ว : เจ้ากินอะไรหรือยัง จะอยู่กินข้าวกับข้าไหม ข้าจะได้ให้ศิษย์จัดเตรียม
ฮันโซ : (ยิ้ม) ด้วยความยินดียิ่ง กินที่ใดกันเล่า?
กงจั่ว : (ยิ้มตอบพลางหยั่งเชิง) กินข้างหลังโรงครัวกับบรรดาศิษย์เล็กๆ อาหารพื้นๆ เจ้ากินได้หรือไม่
ฮันโซ : 5555 ข้านั้นมิใช่ประมุขฉู่ ข้ารบทัพจับศึก นอนกลางดิน กินกลางทราย มีสิ่งใดให้กินก็กิน เพียงอิ่มก็พอแล้ว ท่านมิต้องกังวลดอก ข้านั้นกินได้ทุกสิ่ง
กงจั่วหัวเราะอย่างพอใจ สตรีนางนี้ ช่างแก่นแก้วห้าวหาญต่างจากสตรีนางอื่นนัก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าผู้ชาย ร่างเล็กแต่ทะมัดทะแมง เดินเร็ว ทำการสิ่งใดรวดเร็วดุจพายุ ใบหน้าไร้การแต่งแต้มแต่ใสดังหยก กงจั่วพอใจฮันโซผู้นี้มาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ