1'st Metter High ร้ายสร้างรัก
9.1
เขียนโดย VoiceFuL
วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.11 น.
18 chapter
0 วิจารณ์
17.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 12.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) คำขอบคุณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคำขอบคุณ
เพดานสีครีมอ่อนๆ..
นี่คือสิ่งแรกที่ฉันมองเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา..
“ทุกคน ตั้งโอ๋ฟื้นแล้วค่ะ!”
และนี่ก็คือสิ่งแรกที่ฉันได้ยิน..
“เป็นไงบ้าง” ติวาคือคนถัดมาที่เข้ามาพูดกับฉัน ไอรีนหันมองเราสองคนด้วยสายตาตั้งคำถาม หมอนี่ก็เลยกระแอมนิดหน่อยแล้วพูดต่อไปอีก “ไหนบอกว่าดูแลตัวเองได้ไง ดื้อไม่เข้าท่า”
“ถ้าช่วยแล้วซ้ำเติมแบบนี้ทีหลังก็ไม่ต้องช่วยสิ”
ฉันเถียง ..อืม บางที เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า ฉันยังขี้เกียจตอบคำถาม ‘พวกนั้น’ ในสถานการณ์แบบนี้
“ยังอีกนะ”
“พี่ติวาทำไมชอบทะเลาะกับโอ๋นักคะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นเป็นห่วงโอ๋มากกว่าใครเพื่อนเลย”
บรรยากาศดูจะเปลี่ยนไปในทันที ไอรีนที่ตั้งคำถามพาซื่อ ทำให้คนในห้องตอนนี้ อันประกอบไปด้วย พี่ไอด้า พี่คิน และพี่เวลล์ ดูจะอมยิ้มไปตามๆกัน ไม่สิ.. ไม่นับพี่คิน -_- ไม่บอกก็คงรู้ว่าพี่แกมีอยู่แค่หน้าเดียว ส่วนฉันกับติวา ก็ได้แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งห้องเลยตกอยู๋ในความเงียบ จนกระทั่งติวาทำลายมันลงได้สำเร็จ
“ด้า ฉันว่าพาน้องแกกลับบ้านไปได้แล้วไป”
“อะไร แกเป็นใครยะ กล้าดียังไงมาสั่งรองประธานนักเรียนอย่างฉัน” พี่ด้ายิ้มกวนใส่ ทำท่าทางเป็นต่อ
“ไอ้ด้า -_-”
“เออๆ กลับก็ได้ย่ะ ไว้พรุ่งนี้พี่มาใหม่นะน้องโอ๋”
“เดี๋ยวรีนมาหาใหม่นะ”
สิ้นสุดการร่ำลา ทั้งหมดก็พากันออกไปจากห้องผู้ป่วย เหลือแค่ฉันกับนายติวาสองคน ว่าแต่ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วเขามาช่วยฉันได้ยังไง แล้วอีกคำถามที่ฉันอยากรู้..
“ติวา แล้วตอนนี้ผู้หญิงคนนั้น..”
“ถูกตำรวจควบคุมตัวไปแล้วล่ะ ฉันว่าคงไม่กล้ามาทำอะไรเธออีกแล้ว”
เขาลากเก้าอี้มานั่งคุยกับฉันที่ข้างเตียง
“แล้วนายตามไปช่วยฉันได้ยังไง”
ฉันลุกขึ้นมานั่งบ้างโดยมีเขาช่วยปรับเตียงให้ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“ก็ฉันเห็นเธอถูกอุ้มขึ้นรถไปน่ะสิ แต่วิ่งเข้าไปช่วยตอนนั้นไม่ทัน เลยได้โทรหาไอ้คินแล้วขับรถตามไป ไอ้คินเองก็เลยโทรหาตำรวจ ให้มาช่วยเพราะพวกเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และมันมีกันมากแค่ไหน”
อืม..ก็จริง พวกเขานี่รอบคอบใช้ได้เลย
“แล้วนี่นายเป็นอะไรมากมั้ย บาดเจ็บรึเปล่า”
ฉันจำได้ว่าเห็นรอยฟกช้ำหลายที่ในตอนนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเขายังเจ็บตรงไหนอีกมั้ย เพราะสติที่มาๆหายๆทำให้ภาพมันเบลอไปซะหมด
“ที่ถามเนี่ย..เป็นห่วงเหรอ” เขายิ้ม
“จะไม่ตอบก็ได้นะ” ฉันค้อนกลับไป แล้วหันหน้าหนีไปอีกทางทันที
“ฮ่าๆ เจ็บสิ แต่ไม่มากหรอก ดีที่พวกนั้นมันมีกันไม่เยอะ แถมเหมือนโจรที่ถูกจ้างมาชั่วคราว ไม่ใช่พวกการ์ดมีฝีมือเลยไม่เท่าไหร่ ฉันกับไอ้คินสองคนก็อยู่ แต่ก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะกว่าตำรวจจะมา พวกฉันก็จัดการไปจนหมดแล้วล่ะ”
ฉันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง จะว่าไปในช่วงแรกๆ ฉันเคยได้ยินเรื่องความน่ากลัวของเขามามากอยู่เหมือนกัน ไม่มีใครอยากสู้กับเขา แต่ตอนนั้น ฉันกลับมองเขาเป็นพวกไม่มีน้ำยาไปซะได้ เพราะเขาไม่ยอมสู้ฉัน เขายอมแพ้ฉันทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน แล้วเขายอมแบบนี้กับคนทุกคนรึเปล่า..หรือแค่กับฉันเท่านั้น ?
“สงสัยอะไรอีกถามได้ ฉันอยากตอบ”
นี่หน้าตาฉันมันแสดงออกถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!
“เอ่อ คือ แล้วนี่..นายไม่กลับบ้านเหรอ”
“ยัง ฉันว่าจะอยู่เฝ้าเธอก่อน”
“บ้า! เฝ้าทำไม ฉันไม่ได้พิการแขนขาหัก หรือเดี้ยงจนทำอะไรไม่ได้ขนาดนั้นนะ”
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นถึงขนาดนั้นแน่ๆ” เขาตอบด้วยเสียงจริงจัง
“เอาเป็นว่านายกลับไปเถอะ ฉันอยู่ได้”
“ไม่กลับ” เสียงนั้นสวนกลับมาทันทีที่ประโยคของฉันจบลง ท่าทางเขาตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับเด็กดื้อเลยจริงๆ บอกอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ยอม ไม่ทำตามท่าเดียว
“เอ๊ะ! นายนี่มัน..”
“ไล่ให้ตายฉันก็ไม่กลับ ฉันยอมเธอได้เสมอ แต่เรื่องบางเรื่องฉันคงยอมไม่ได้”
“แต่..”
“ฉันเป็นห่วงเธอมากนะตั้งโอ๋ ขอร้องล่ะ ให้ฉันได้อยู่ดูแลเธอเถอะนะ”
“…”
“..นะ..”
น้ำเสียงและแววตาเขาในตอนนี้มันทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่ลงจริงๆ
“เออ ได้ๆ นายนี่มัน…”
ฉันแสร้งทำเป็นเบ้ปากเหมือนขัดใจ จากนั้นก็พลิกตัวนอนหันหลังให้เขาทันทีเพื่อให้พ้นสายตาเขา และเมื่อพ้นแล้ว ริมฝีปากของฉันค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา..อย่างมีความสุข
ก๊อกๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะดังสองสามครั้งก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยผู้ชายคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“พี่เซต”
เขาเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะมองสำรวจด้วยแววตาเป็นห่วง ฉันยิ้มให้เขาเพื่อต้องการจะบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก เราสื่อสารกันทางสายตาอยู่ครู่หนึ่งพี่เซตดูจะเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการสื่อสารเขาจึงค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมดังขึ้นจากคนที่อยู่นอกการสนทนาในตอนนี้ -_-; พี่เซตหันมองฉันกับเขาสลับกันไปมาอยู่สองสามครั้ง สายตาที่มองดูแปลกไป แต่..ฉันไม่สามารถตีความมันได้
“พี่ซื้อของชอบของโอ๋มาฝากด้วยนะ”
“แหม ถ้าไม่เจ็บจะใจดีขนาดนี้มั้ยนะ” ฉันพูดพลางเอื้อมมือไปจะคว้าถุงขนมนั่น แต่พี่เซตแกล้งดึงมันกลับไปซะก่อน ฉันค้อนกลับไปแบบไม่จริงจังเท่าไหร่นัก
“พูดแบบนี้ระวังจะถูกยึดของคืนนะ”
“เรื่องอะไร พี่ให้แล้วโอ๋ไม่คืนหรอก”
“คุยกันไปให้พอใจ เดี๋ยวฉันมา!”
แล้วเจ้าของประโยคเมื่อกี๊นี้ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องในทันที
“อะไรของหมอนั่นนะ -_-”
“โอ๋ พี่มีเรื่องอยากจะถาม”
“เรื่อง ?”
พี่เซตยืนยิ้มมองไปทางประตูก่อนจะหันกลับมามองทางฉันพลางตอบคำถาม
“เรื่องของผู้ชายที่เดินออกไปจากห้องเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะ”
[ Tiwa’s Part ]
ให้ตาย ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้นด้วยวะ!!!! ตอนนี้สติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นี่ถ้าผมยังอยู่ในห้องนั่นต่อไปมีหวังผมได้เดินไปชกหน้ามันแน่ๆ มันทำตัวสนิทสนมกับตั้งโอ๋มาก แถมยังทำรู้ว่ายัยนั่นชอบอะไรในขณะที่ผมไม่รู้ แถมดูสายตาสิ สายตาน่ะ!! มองกันอย่างกับอยู่กันแค่สองคนบนโลก โถ่! เกรงใจกันมั่งสิโว้ย!!!
ผมขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล เมื่อเห็นว่าปลอดคนผมจึงตะโกนระบายความโกรธที่พลุ่งพล่านในตอนนี้
“กล้าดียังไงมายุ่งกับยัยนั่นวะ!!”
“พี่ชายเป็นบ้าเหรอครับ”
“วะ ว่าไงนะ”
เสียงของเด็กผู้ชายคนนึงที่เพิ่งผลักประตูดาดฟ้าเข้ามาทำให้ผมชะงักและหันไปมอง เด็กนี่ใคร มาได้ยังไง แล้วที่มาหาว่าผมเป็นบ้าอีกนี่อะไร -__-*
“พี่ชายตะโกนเหมือนคนบ้าเลย รู้ตัวมั้ยครับ”
ไอ้เด็กคนนี้นี่มัน =_____=*
“ยังไงพี่ก็อย่าโดดลงไปนะครับ ผมยังต้องมาที่นี่อีกนาน ไม่อยากโดนผีหลอก”
“เดี๋ยวสิ พี่ไม่ได้เป็นบ้านะ”
“แล้วพี่ชายตะโกนทำไมล่ะครับ”
เด็กชายถามหน้าตาใสซื่อทำเอาผมโกรธไม่ลง -__-
“พี่แค่โมโห”
“โมโห ? เรื่องอะไรกันครับ”
“ก็…” พูดไปเด็กนี่จะเข้าใจเหรอ - -
“พี่พูดไปแล้วน้องจะเข้าใจเหรอ” ผมตอบไปตามที่คิด
“ไม่ลองพูดก่อนแล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับ” เด็กนั่นเดินมานั่งแปะอยู่ตรงหน้าผม
“งั้นพี่ถามอะไรหน่อยนะ” ผมลงไปนั่งเพื่อจะได้คุยกันได้ถนัดขึ้นแล้วพูดต่อ “ถ้าน้องชายมีของที่น้องรักมากๆ แต่จู่ๆกลับถูกใครก็ไม่รู้แย่งไป น้องชายจะโมโหมั้ย”
“ก็คงโมโหมั้งครับ”
“นั่นไง!” เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้บ้า เป็นใครใครก็ต้องโมโหทั้งนั้นนั่นแหละ แม้จะเป็นเด็กตัวเล็กๆก็เหอะ
“แต่ผมคงไม่ทำอะไรงี่เง่าแบบพี่แน่ๆ” ประโยคนี้ทำเอาความคิดผมสะดุดกึกไปอีก
“อ้าวเห้ย -*-”
“ถ้าของนั่นมันเป็นของผม ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปหรอกครับ แทนที่ผมจะมายืนตะโกนเหมือนคนบ้าแบบพี่ ผมว่าผมไปทวงของของผมคืนดีกว่า”
“นั่นสิ”
“ผมไปล่ะ พี่จะยืนตะโกนต่อก็ตามใจนะ”
“ไม่แล้ว =_= ขอบใจน้องชายมาก ห้องอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปเองได้ พี่รีบไปทวงของของพี่คืนเถอะ”
“รู้มากนักนะ” ผมมองอย่างนึกหมันไส้
“ก็ผมฉลาดไง”
ไอ้เด็กนี่โกงอายุมาแน่ๆ -___- ตัวเล็กเหมือนเด็กประถม แต่ความคิดมัน.. ช่างเหอะ เอาเป็นว่า ขอบใจมากที่ทำให้คิดได้ว่าผมควรจะทำอะไรต่อไป ผมไม่ควรจะมาบ้าอยู่แบบนี้ สิ่งที่ผมควรทำคือไปทวงผู้หญิงของผมคืนต่างหาก!
“ขอบใจนะน้องชาย”
ผมกล่าวเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะรีบวิ่งกลับไปเผชิญหน้ากับคู่แข่งของผมทันที!
[End Tiwa’s Part]
“โอ๋จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไง”
“ใช่สิ ไม่เชื่อพี่เหรอ”
ฉันมองหน้าพี่เซตสลับกับบานประตูอย่างลังเลใจ อะไรเนี่ย ทำไมต้องให้ฉันทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ด้วย
“ไม่รู้ดิ โอ๋แค่คิดว่า.. มันดูงี่เง่า =_=”
“นี่แน่ะ”
“โอ้ยย พี่รังแกคนป่วยเหรอ -*-”
หน้าผากฉันถูกดีดโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงจะไม่เจ็บมากแต่มันก็ตกใจนะเว่ย แล้วนี่คนป่วยนะ คนป่วย! ฉันค้อนพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“เอาเป็นว่าตามที่คุยกันนะ”
“พี่เองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าพี่ดูออกมาตั้งแต่แรก แล้วทำไม..”
“พี่อยากให้โอ๋เห็นกับตาตัวเองมากกว่า”
“เพื่อ ?”
“จะได้ไม่ต้องเอาแต่ปฏิเสธไปมาอยู่ไง”
พี่เซตยิ้ม ฉันยังคงลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพยักหน้าตอบรับไป แค่อึดใจ บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยคนที่ออกไปก่อนหน้านี้
“หมดเวลาเยี่ยม กลับไปได้แล้ว”
เขาพูดทันทีที่ประตูปิดลง สายตาที่มองพี่เซตนั้นดูไม่มีความเป็นมิตรเอาะเลย
“ฉันเพิ่งมาไม่นาน”
“แล้วไงวะ”
“ก็ไม่กลับไง”
“-___-^^”
ทำไมห้องมันร้อนขึ้นวะ =__= รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภาวะสงครามอะไรทำนองนั้นอีกต่างหาก ฉันมองหน้าสองคนสลับไปมา พี่เซตดูไม่ทุกข์ร้อน ติดจะแอบอมยิ้มด้วยซ้ำ ผิดกับนายติวา ที่ตอนนี้หน้าบอกบุญไม่รับมาก เหมือนโกรธเกลียดพี่ชายฉันมาสิบยี่สิบชาติได้
ฉันว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง…
“อะแฮ่ม! นี่..รู้จักกันแล้วใช่มั้ย พี่เซต นี่ติวาเพื่อนพี่ไอด้า”
“อืม รู้สิ” พี่เซตพยักหน้ารับ
“หมอนี่อายุเท่าพี่เซต แต่โอ๋ไม่ค่อยเรียกคำว่าพี่น่ะ มัน..ยังไงไม่รู้”
“นั่นมันแปลว่าฉันเป็นคนพิเศษ”
เขาสวนขึ้นมาทันที ให้ตาย.. ทำไมฉันรู้สึกว่าหมอนี่ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กคนนึงเลยนะ
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรบ่งบอกถึงความพิเศษที่ว่าเลยนะ”
พีเซตเองก็ดูจะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน สองคนนี้เริ่มก่อสงครามกันอีกครั้งทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะพยายามทำลายบรรยากาศลงไปเองนะ -*-
“ติวา นายคงจะรู้จักพี่เซตแล้วใช่มั้ย”
“รู้ รู้ว่ามันเป็นประธาน แล้วก็เป็นเพื่อนของไอด้า”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นอะไรกับตั้งโอ๋”
นั่นสินะ หมอนี่ไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ ว่าฉันกับพี่เซตเราเป็นอะไรกัน ? พี่ด้าไม่เคยบอกเลยหรือไงกัน ??
“เป็นอะไรฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้นแหละ”
“หมายความว่า..”
พี่เซตยิ้มยียวน เอาอีกแล้ว จะตีกันอีกแล้ว =___=*
“พอๆ พี่เซตกลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมโอ๋นะ”
ฉันรีบตัดบท สงบศึก จับแยก ก่อนที่ห้องนี้จะพินาศ -___- นายติวาดูจะพอใจไม่น้อยที่ฉันออกปากเชิญพี่เซตกลับไป เขาคลี่ยิ้มมุมปาก พลางสมทบประโยคของฉันเมื่อครู่ทันที
“เขาไล่แล้วก็กลับไปสิ”
เด็กมากนะนาย เด็กมาก เด็กโคตรๆเลย!
“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหานะ”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าตอบรับพลางยิ้มให้และมองตามจนพี่เซตพ้นประตูออกไป สายตาของฉันที่เลื่อนกลับมา ไปสะดุดเข้ากับนายติวา ที่ตอนนี้ยืนค้อนเป็นตุ๊ดใส่ฉันอยู่ข้างๆเตียง -*-
“มองอะไรนักเนี่ย”
“-__-^”
ฉันแกล้งไม่สนใจแล้วเอนตัวเองนอน โดยมีเขาที่รีบเขามาจัดแจงปรับเตียงให้ทันที
“เธอจะนอนเลยรึเปล่า” เขาถาม โดยที่เสียงยังเจือความหงุดหงิดอยู่บ้าง พอที่จะทำให้ฉันรู้สึกได้
“อื้ม” ฉันพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันปิดม่านให้นะ แล้วจะเฝ้าเธอตรงโซฟานี่”
“ขอบใจนะ”
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็พล็อยหลับไป ไม่รู้เหมือนกันว่านานแค่ไหน แต่เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ฉันจงใจเปิดเสียงมันเอาไว้นั้นดังขึ้นมาจนฉันตื่น
ก่อนที่จะทันได้ลุกขึ้นมา โทรศัพท์กำลังส่งเสียงร้องอยู่ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน เหลือเชื่อ! หมอนี่ลุกมาตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าอะไรเลยล่ะ -__-; ฉันหยิบมาอย่างทึ่งๆก่อนจะปรับสีหน้ากลับเป็กปกติแล้วกดรับ
“ว่าไงคะ ..พี่เซต”
ทันทีที่ชื่อของปลายสายดังขึ้นจากปากของฉัน รังสีแปลกๆชวนอึดอัดนั่นก็เริ่มแผ่กระจายอีกครั้ง
“อื้ม โอ๋ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พี่..เอ่อ กินข้าวรึยัง”
นายติวายังคงยืนอยู่ที่เดิมเป๊ะ ไม่ขยับไปไหนเลย..
“กินเยอะๆนะ เอาไว้ออกจากโรงพยาบาลแล้วโอ๋จะไปทำให้กิน ของ เอ่อ ของที่พี่ชอบไง”
ความอึดอัดเริ่มคูณสองแล้ว ไม่สิ สามเลย -_-;
“หะ!! อะ เอ่อ..คือ โอ๋ โอ๋คิดถึงพี่ มากนะ”
ทะลุล้านแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนห้องนี้จะไม่มีอากาศให้หายใจอีกแล้วนะเว้ย!
“รักเหรอ!” ฉันอุทานอย่างตกใจ พลันสายตาที่แอบมองคนข้างๆก็พบว่าเขากำมือแน่น ดูไม่พอใจอย่างมากถึงมากที่สุด ให้ตายเถอะ ฉันควรพูดมันแน่เหรอเนี่ย!
“โอ๋ คือว่าโอ๋… โอ๋ระ..”
“พอ! ฉันทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจนจบประโยค โทรศัพท์ก็ถูกคว้าไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะลอยละลิ่วไปตกอยู่บนโซฟาอย่างไร้ความปราณี -_-^ ถ้ามันพังฉันจะทำยังไงหะ! ฉันตวัดสายตาขึ้นไปมองเตรียมจะต่อว่า แต่พอไปปะทะกับสายตาของเขาที่ดูจริงจัง และน่ากลัวมากกว่าทุกๆครั้งที่เคยเจอ ฉันจึงไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ติวา นาย..”
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร -_-^” อีกครั้งที่เขาขัดไม่ให้ฉันพูดได้จนจบประโยค
“พี่เซต้า ประธานนักเรียนโรงเรียนเราไง นายไม่รู้จักเหรอ”
“รู้! ฉันหมายถึง มันเป็นอะไรกับเธอ” เสียงเขาดูหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วนายคิดว่าอะไรล่ะ”
“ตั้งโอ๋!!” เหมือนภูเขาไฟที่ระเบิด เขาดูหงุดหงิดอย่างที่สุด มือนั้นจับเข้าที่แขนฉันแล้วออกแรงบีบ ฉันตกใจและก็เจ็บเพราะบาดแผลตามตัวทำให้ร้องออกมา
“โอ๊ย! นี่ปล่อยแขนฉันก่อนสิ ฉันป่วยอยู่นะไอ้บ้า!”
เขาเหมือนได้สติ ค่อยๆปล่อยแขนฉันแล้วมองสำรวจอย่างเป็นห่วง
“ขอโทษที..ฉันคงหึงแรงไปหน่อย”
“-_-////” ทำไมตอนนี้ฉันโกรธหมอนี่ไม่ลงเลยวะ!
“ฉันไม่มีสิทธินี่นะ ลืมตัวไปน่ะ ขอโทษอีกทีนะ เจ็บมากมั้ย”
“ไม่หรอก”
เขาหยักหน้าแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆฉัน เบือนสายตาหนีไม่มองหน้าฉันเลย แถมท่าทางของเขาดูจะยังไม่หายจากความหงุดหงิดนั่นง่ายๆ บางที.. ฉันควรจะบอกเขาได้แล้วสินะ
“ติวา ฉันมีอะไรจะบอกนาย”
“อะไรเหรอ” เขายังคงไม่มองหน้าฉันเช่นเคย
“คือจริงๆเมื่อกี๊นี้ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ พี่เซต้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง”
“ไม่ใช่..คนรักเหรอ!” เขาถามเหมือนต้องการความแน่ใจอีกครั้ง
“ไม่ใช่ ญาติกันจะรักกันได้ยังไงเล่า บ้ารึไง”
“เธอไม่หลอกฉันนะ เย้!!”
ตอนนี้เขามองฉัน แล้วร้องดีใจเหมือนเด็กๆ แล้วจู่ๆก็ดึงฉันเข้าไปกอดหน้าตาเฉย
“ทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”
“ก็กอดไง เมื่อวานตอนเธอเจ็บ ฉันก็กอดเธอไว้แบบนี้นะ จำไม่ได้เหรอ”
“ดะ ได้สิ”
ใครจำไม่ได้ก็บ้าละ แต่..ให้ตายสิ ถ้าเขาเกิดเลิกกอดแล้วหันมามองหน้าฉันตอนนี้ เขาต้องเห็นแน่ๆว่าหน้าฉันแดงมากขนาดไหน
“ฉันเสียใจนะ ที่ไปช่วยเธอไว้ไม่ทัน เพราะฉันเธอเลยต้องเจ็บ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดนายน่ะ ฉันต้องขอบใจนายสิถึงจะถูกที่ไปช่วยฉัน”
“แต่ฉันก็ไปช้า”
“นี่..อย่าโทษตัวเองได้มั้ย”
ทำไมชอบพูดว่าตัวเองผิดอยู่เรื่อยเลยนะ! ฉันผละออกแล้วจ้องมองเขานิ่ง อยากให้เขารู้ว่าฉันไม่สบายใจเลยที่เห็นเขาต้องมาโทษตัวเองในเรื่องที่เขาไม่ผิดซักนิด
“นี่ อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ”
“ทำไม -_-”
“มันทำให้ฉันอยากจูบเธอน่ะ ”
ตรงไปนะ ตรงไป -__-/////////
“นาย!!!”
“เฮ้ๆ ไม่ต้องกลัวไปน่า ฉันไม่ทำหรอก ฉันไม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการหรอกนะ”
ยิ้มอ่อนโยนแบบนั้น มันทำให้ฉันเชื่อเขาได้ง่ายๆโดยไม่ต้องพูดอะไรอีกเลย แม้เขาจะดูแข็งกระด้าง ชอบเอาชนะ เลือดร้อน เป็นคนที่ฉัน ‘เคย’ เกลียดมากเป็นอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ติวาคนที่อยู่กับฉันในตอนนี้ คือคนที่จริงใจ อ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ทุกครั้งที่มีเขาอยู่ด้วย และฉันเองก็ไม่ได้เกลียดติวาคนนี้เลยซักนิดเดียว..
…ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันตลอดมา..
“ติวา”
“หืม”
ฉันโน้มคอเขาลงมาและประทับริมฝีปากลงไป เขาดูตกใจไม่น้อยกับการกระทำในครั้งนี้ ฉันรีบถอนริมฝีปากออกมา ก่อนจะก้มหนีสายตาเขา ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันกลายเป็นยัยเด็กใจแตกไปแล้วรึไงเนี่ย
“ทำไมเธอถึง..”
“ขอบคุณนะ”
“หืม”
“ฉันจูบ เพื่อขอบคุณนายน่ะ ขอบคุณมากนะ”
พูดเองก็เขินเอง ครั้งแรกในชีวิตที่จูบผู้ชายก่อน ไม่สิหมูหมากาไก่ที่ไหนฉันก็ไม่เคยจูบมันก่อนทั้งนั้น!-__-; นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำอะไรลงไป! โอ้ยย ตั้งโอ๋นะตั้งโอ๋ คิดผิดรึเปล่าเนี่ยยย!!!
“ที่ฉันทำไปทั้งหมด ฉันเต็มใจ แต่เธอรู้อะไรมั้ย..”
“อะไร ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัย เขามองฉันพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ หมอมันนี่คิดอะไรอีก ไม่น่าไว้ใจเลย -*-
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ แต่ถ้าเธออยากจูบเพื่อขอบคุณฉัน ฉันก็ยินดีจะรับไว้ แต่ว่า..ที่เธอทำเมื่อกี๊น่ะ มันไม่ถือว่าจูบหรอกนะ มันฉาบฉวยเกินไป”
“เอ่อ..” ฉันอึกอัก หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม คือฉันว่าฉันพอรู้นะว่าหมอนี่จะทำอะไร
“เธอบอกจะให้ฉันแล้ว เอาคืนตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ J”
เขาโน้มลงมามอบจูบให้กับฉัน จูบที่เรียกว่าจูบจริงๆ มันหวานและอ่อนโยน ความรู้สึกช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่ฉันได้รับมัน ฉันไม่รังเกียจ แต่กลับรู้สึกพอใจกับมันด้วยซ้ำ นี่ฉันคงกลายเป็นเด็กใจแตกแล้วจริงๆใช่มั้ย -_-;
เราสองคนจูบกันเนิ่นนาน เขาถอนจูบออกมาให้เราทั้งคู่ได้พักหายใจ แต่ไม่นานก็ประกบริมฝีปากลงไปใหม่ เขายึดครองริมฝีปากของฉันอย่างเอาแต่ใจ ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เหมือนกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขาโหยหามานาน เวลาผ่านเดินไปได้ครู่ใหญ่ เขาถึงยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ ฉันหอบเหนื่อย ไม่กล้าสบตาเขา ตอนนี้หน้าฉันร้อนจนทอดไข่ได้อยู่แล้ว
“ฉันจะลงไปซื้อของหน่อย เธออยากได้อะไรมั้ย” เขายิ้ม แล้วถามฉัน
“ไม่ล่ะ” ฉันตอบโดยไม่ยอมสบตาเขา
“เธอนี่อันตรายกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ”
“ยังไง” ฉันตวัดสายตาไปมองอย่างสงสัย หมอนี่ไม่ใช่จะด่าอะไรฉันใบรรยากาศแบบนี้หรอกใช่มั้ย -_-*
“ก็เมื่อกี๊ ฉันเกือบหยุดตัวเองไม่ได้แล้วน่ะสิ”
หยุดไม่ได้ ? ตาฉันเบิกโพล่งขึ้นเมื่อเริ่มแปลประโยคก่อนนี้ออก นะ นี่ต้องการจะสื่ออะไร ห๊า!!!!
“อะ ไอ้บ้าติวา!!”
“ฮ่าๆๆๆ ฉันทำลายเธอไม่ลงหรอกน่า ไปนะ เดี๋ยวจะรีบขึ้นมา ^___^”
ฉันมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เดินหายออกไปจากห้องแล้ว ให้ตายสิ หน้าฉัน..หน้าฉันสุกแล้วแน่ๆเลย ไอ้บ้าติวา นายเล่นของรึไงเนี่ยยย! หา!! นายทำอะไรฉันนน! ทำไม! ทำไมใจฉัน มันเต้นแรงเหมือนกับว่าจะทะลุออกมาได้อย่างนั้นแหละ นายนี่ชอบทำให้ใจฉันเต้นแปลกๆซะจริง บ้าที่สุดเลย! =_=/////
เพดานสีครีมอ่อนๆ..
นี่คือสิ่งแรกที่ฉันมองเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา..
“ทุกคน ตั้งโอ๋ฟื้นแล้วค่ะ!”
และนี่ก็คือสิ่งแรกที่ฉันได้ยิน..
“เป็นไงบ้าง” ติวาคือคนถัดมาที่เข้ามาพูดกับฉัน ไอรีนหันมองเราสองคนด้วยสายตาตั้งคำถาม หมอนี่ก็เลยกระแอมนิดหน่อยแล้วพูดต่อไปอีก “ไหนบอกว่าดูแลตัวเองได้ไง ดื้อไม่เข้าท่า”
“ถ้าช่วยแล้วซ้ำเติมแบบนี้ทีหลังก็ไม่ต้องช่วยสิ”
ฉันเถียง ..อืม บางที เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า ฉันยังขี้เกียจตอบคำถาม ‘พวกนั้น’ ในสถานการณ์แบบนี้
“ยังอีกนะ”
“พี่ติวาทำไมชอบทะเลาะกับโอ๋นักคะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นเป็นห่วงโอ๋มากกว่าใครเพื่อนเลย”
บรรยากาศดูจะเปลี่ยนไปในทันที ไอรีนที่ตั้งคำถามพาซื่อ ทำให้คนในห้องตอนนี้ อันประกอบไปด้วย พี่ไอด้า พี่คิน และพี่เวลล์ ดูจะอมยิ้มไปตามๆกัน ไม่สิ.. ไม่นับพี่คิน -_- ไม่บอกก็คงรู้ว่าพี่แกมีอยู่แค่หน้าเดียว ส่วนฉันกับติวา ก็ได้แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งห้องเลยตกอยู๋ในความเงียบ จนกระทั่งติวาทำลายมันลงได้สำเร็จ
“ด้า ฉันว่าพาน้องแกกลับบ้านไปได้แล้วไป”
“อะไร แกเป็นใครยะ กล้าดียังไงมาสั่งรองประธานนักเรียนอย่างฉัน” พี่ด้ายิ้มกวนใส่ ทำท่าทางเป็นต่อ
“ไอ้ด้า -_-”
“เออๆ กลับก็ได้ย่ะ ไว้พรุ่งนี้พี่มาใหม่นะน้องโอ๋”
“เดี๋ยวรีนมาหาใหม่นะ”
สิ้นสุดการร่ำลา ทั้งหมดก็พากันออกไปจากห้องผู้ป่วย เหลือแค่ฉันกับนายติวาสองคน ว่าแต่ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วเขามาช่วยฉันได้ยังไง แล้วอีกคำถามที่ฉันอยากรู้..
“ติวา แล้วตอนนี้ผู้หญิงคนนั้น..”
“ถูกตำรวจควบคุมตัวไปแล้วล่ะ ฉันว่าคงไม่กล้ามาทำอะไรเธออีกแล้ว”
เขาลากเก้าอี้มานั่งคุยกับฉันที่ข้างเตียง
“แล้วนายตามไปช่วยฉันได้ยังไง”
ฉันลุกขึ้นมานั่งบ้างโดยมีเขาช่วยปรับเตียงให้ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“ก็ฉันเห็นเธอถูกอุ้มขึ้นรถไปน่ะสิ แต่วิ่งเข้าไปช่วยตอนนั้นไม่ทัน เลยได้โทรหาไอ้คินแล้วขับรถตามไป ไอ้คินเองก็เลยโทรหาตำรวจ ให้มาช่วยเพราะพวกเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และมันมีกันมากแค่ไหน”
อืม..ก็จริง พวกเขานี่รอบคอบใช้ได้เลย
“แล้วนี่นายเป็นอะไรมากมั้ย บาดเจ็บรึเปล่า”
ฉันจำได้ว่าเห็นรอยฟกช้ำหลายที่ในตอนนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเขายังเจ็บตรงไหนอีกมั้ย เพราะสติที่มาๆหายๆทำให้ภาพมันเบลอไปซะหมด
“ที่ถามเนี่ย..เป็นห่วงเหรอ” เขายิ้ม
“จะไม่ตอบก็ได้นะ” ฉันค้อนกลับไป แล้วหันหน้าหนีไปอีกทางทันที
“ฮ่าๆ เจ็บสิ แต่ไม่มากหรอก ดีที่พวกนั้นมันมีกันไม่เยอะ แถมเหมือนโจรที่ถูกจ้างมาชั่วคราว ไม่ใช่พวกการ์ดมีฝีมือเลยไม่เท่าไหร่ ฉันกับไอ้คินสองคนก็อยู่ แต่ก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะกว่าตำรวจจะมา พวกฉันก็จัดการไปจนหมดแล้วล่ะ”
ฉันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง จะว่าไปในช่วงแรกๆ ฉันเคยได้ยินเรื่องความน่ากลัวของเขามามากอยู่เหมือนกัน ไม่มีใครอยากสู้กับเขา แต่ตอนนั้น ฉันกลับมองเขาเป็นพวกไม่มีน้ำยาไปซะได้ เพราะเขาไม่ยอมสู้ฉัน เขายอมแพ้ฉันทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน แล้วเขายอมแบบนี้กับคนทุกคนรึเปล่า..หรือแค่กับฉันเท่านั้น ?
“สงสัยอะไรอีกถามได้ ฉันอยากตอบ”
นี่หน้าตาฉันมันแสดงออกถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!
“เอ่อ คือ แล้วนี่..นายไม่กลับบ้านเหรอ”
“ยัง ฉันว่าจะอยู่เฝ้าเธอก่อน”
“บ้า! เฝ้าทำไม ฉันไม่ได้พิการแขนขาหัก หรือเดี้ยงจนทำอะไรไม่ได้ขนาดนั้นนะ”
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นถึงขนาดนั้นแน่ๆ” เขาตอบด้วยเสียงจริงจัง
“เอาเป็นว่านายกลับไปเถอะ ฉันอยู่ได้”
“ไม่กลับ” เสียงนั้นสวนกลับมาทันทีที่ประโยคของฉันจบลง ท่าทางเขาตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับเด็กดื้อเลยจริงๆ บอกอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ยอม ไม่ทำตามท่าเดียว
“เอ๊ะ! นายนี่มัน..”
“ไล่ให้ตายฉันก็ไม่กลับ ฉันยอมเธอได้เสมอ แต่เรื่องบางเรื่องฉันคงยอมไม่ได้”
“แต่..”
“ฉันเป็นห่วงเธอมากนะตั้งโอ๋ ขอร้องล่ะ ให้ฉันได้อยู่ดูแลเธอเถอะนะ”
“…”
“..นะ..”
น้ำเสียงและแววตาเขาในตอนนี้มันทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่ลงจริงๆ
“เออ ได้ๆ นายนี่มัน…”
ฉันแสร้งทำเป็นเบ้ปากเหมือนขัดใจ จากนั้นก็พลิกตัวนอนหันหลังให้เขาทันทีเพื่อให้พ้นสายตาเขา และเมื่อพ้นแล้ว ริมฝีปากของฉันค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา..อย่างมีความสุข
ก๊อกๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะดังสองสามครั้งก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยผู้ชายคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“พี่เซต”
เขาเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะมองสำรวจด้วยแววตาเป็นห่วง ฉันยิ้มให้เขาเพื่อต้องการจะบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก เราสื่อสารกันทางสายตาอยู่ครู่หนึ่งพี่เซตดูจะเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการสื่อสารเขาจึงค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมดังขึ้นจากคนที่อยู่นอกการสนทนาในตอนนี้ -_-; พี่เซตหันมองฉันกับเขาสลับกันไปมาอยู่สองสามครั้ง สายตาที่มองดูแปลกไป แต่..ฉันไม่สามารถตีความมันได้
“พี่ซื้อของชอบของโอ๋มาฝากด้วยนะ”
“แหม ถ้าไม่เจ็บจะใจดีขนาดนี้มั้ยนะ” ฉันพูดพลางเอื้อมมือไปจะคว้าถุงขนมนั่น แต่พี่เซตแกล้งดึงมันกลับไปซะก่อน ฉันค้อนกลับไปแบบไม่จริงจังเท่าไหร่นัก
“พูดแบบนี้ระวังจะถูกยึดของคืนนะ”
“เรื่องอะไร พี่ให้แล้วโอ๋ไม่คืนหรอก”
“คุยกันไปให้พอใจ เดี๋ยวฉันมา!”
แล้วเจ้าของประโยคเมื่อกี๊นี้ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องในทันที
“อะไรของหมอนั่นนะ -_-”
“โอ๋ พี่มีเรื่องอยากจะถาม”
“เรื่อง ?”
พี่เซตยืนยิ้มมองไปทางประตูก่อนจะหันกลับมามองทางฉันพลางตอบคำถาม
“เรื่องของผู้ชายที่เดินออกไปจากห้องเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะ”
[ Tiwa’s Part ]
ให้ตาย ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้นด้วยวะ!!!! ตอนนี้สติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นี่ถ้าผมยังอยู่ในห้องนั่นต่อไปมีหวังผมได้เดินไปชกหน้ามันแน่ๆ มันทำตัวสนิทสนมกับตั้งโอ๋มาก แถมยังทำรู้ว่ายัยนั่นชอบอะไรในขณะที่ผมไม่รู้ แถมดูสายตาสิ สายตาน่ะ!! มองกันอย่างกับอยู่กันแค่สองคนบนโลก โถ่! เกรงใจกันมั่งสิโว้ย!!!
ผมขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล เมื่อเห็นว่าปลอดคนผมจึงตะโกนระบายความโกรธที่พลุ่งพล่านในตอนนี้
“กล้าดียังไงมายุ่งกับยัยนั่นวะ!!”
“พี่ชายเป็นบ้าเหรอครับ”
“วะ ว่าไงนะ”
เสียงของเด็กผู้ชายคนนึงที่เพิ่งผลักประตูดาดฟ้าเข้ามาทำให้ผมชะงักและหันไปมอง เด็กนี่ใคร มาได้ยังไง แล้วที่มาหาว่าผมเป็นบ้าอีกนี่อะไร -__-*
“พี่ชายตะโกนเหมือนคนบ้าเลย รู้ตัวมั้ยครับ”
ไอ้เด็กคนนี้นี่มัน =_____=*
“ยังไงพี่ก็อย่าโดดลงไปนะครับ ผมยังต้องมาที่นี่อีกนาน ไม่อยากโดนผีหลอก”
“เดี๋ยวสิ พี่ไม่ได้เป็นบ้านะ”
“แล้วพี่ชายตะโกนทำไมล่ะครับ”
เด็กชายถามหน้าตาใสซื่อทำเอาผมโกรธไม่ลง -__-
“พี่แค่โมโห”
“โมโห ? เรื่องอะไรกันครับ”
“ก็…” พูดไปเด็กนี่จะเข้าใจเหรอ - -
“พี่พูดไปแล้วน้องจะเข้าใจเหรอ” ผมตอบไปตามที่คิด
“ไม่ลองพูดก่อนแล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับ” เด็กนั่นเดินมานั่งแปะอยู่ตรงหน้าผม
“งั้นพี่ถามอะไรหน่อยนะ” ผมลงไปนั่งเพื่อจะได้คุยกันได้ถนัดขึ้นแล้วพูดต่อ “ถ้าน้องชายมีของที่น้องรักมากๆ แต่จู่ๆกลับถูกใครก็ไม่รู้แย่งไป น้องชายจะโมโหมั้ย”
“ก็คงโมโหมั้งครับ”
“นั่นไง!” เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้บ้า เป็นใครใครก็ต้องโมโหทั้งนั้นนั่นแหละ แม้จะเป็นเด็กตัวเล็กๆก็เหอะ
“แต่ผมคงไม่ทำอะไรงี่เง่าแบบพี่แน่ๆ” ประโยคนี้ทำเอาความคิดผมสะดุดกึกไปอีก
“อ้าวเห้ย -*-”
“ถ้าของนั่นมันเป็นของผม ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปหรอกครับ แทนที่ผมจะมายืนตะโกนเหมือนคนบ้าแบบพี่ ผมว่าผมไปทวงของของผมคืนดีกว่า”
“นั่นสิ”
“ผมไปล่ะ พี่จะยืนตะโกนต่อก็ตามใจนะ”
“ไม่แล้ว =_= ขอบใจน้องชายมาก ห้องอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปเองได้ พี่รีบไปทวงของของพี่คืนเถอะ”
“รู้มากนักนะ” ผมมองอย่างนึกหมันไส้
“ก็ผมฉลาดไง”
ไอ้เด็กนี่โกงอายุมาแน่ๆ -___- ตัวเล็กเหมือนเด็กประถม แต่ความคิดมัน.. ช่างเหอะ เอาเป็นว่า ขอบใจมากที่ทำให้คิดได้ว่าผมควรจะทำอะไรต่อไป ผมไม่ควรจะมาบ้าอยู่แบบนี้ สิ่งที่ผมควรทำคือไปทวงผู้หญิงของผมคืนต่างหาก!
“ขอบใจนะน้องชาย”
ผมกล่าวเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะรีบวิ่งกลับไปเผชิญหน้ากับคู่แข่งของผมทันที!
[End Tiwa’s Part]
“โอ๋จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไง”
“ใช่สิ ไม่เชื่อพี่เหรอ”
ฉันมองหน้าพี่เซตสลับกับบานประตูอย่างลังเลใจ อะไรเนี่ย ทำไมต้องให้ฉันทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ด้วย
“ไม่รู้ดิ โอ๋แค่คิดว่า.. มันดูงี่เง่า =_=”
“นี่แน่ะ”
“โอ้ยย พี่รังแกคนป่วยเหรอ -*-”
หน้าผากฉันถูกดีดโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงจะไม่เจ็บมากแต่มันก็ตกใจนะเว่ย แล้วนี่คนป่วยนะ คนป่วย! ฉันค้อนพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“เอาเป็นว่าตามที่คุยกันนะ”
“พี่เองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าพี่ดูออกมาตั้งแต่แรก แล้วทำไม..”
“พี่อยากให้โอ๋เห็นกับตาตัวเองมากกว่า”
“เพื่อ ?”
“จะได้ไม่ต้องเอาแต่ปฏิเสธไปมาอยู่ไง”
พี่เซตยิ้ม ฉันยังคงลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพยักหน้าตอบรับไป แค่อึดใจ บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยคนที่ออกไปก่อนหน้านี้
“หมดเวลาเยี่ยม กลับไปได้แล้ว”
เขาพูดทันทีที่ประตูปิดลง สายตาที่มองพี่เซตนั้นดูไม่มีความเป็นมิตรเอาะเลย
“ฉันเพิ่งมาไม่นาน”
“แล้วไงวะ”
“ก็ไม่กลับไง”
“-___-^^”
ทำไมห้องมันร้อนขึ้นวะ =__= รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภาวะสงครามอะไรทำนองนั้นอีกต่างหาก ฉันมองหน้าสองคนสลับไปมา พี่เซตดูไม่ทุกข์ร้อน ติดจะแอบอมยิ้มด้วยซ้ำ ผิดกับนายติวา ที่ตอนนี้หน้าบอกบุญไม่รับมาก เหมือนโกรธเกลียดพี่ชายฉันมาสิบยี่สิบชาติได้
ฉันว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง…
“อะแฮ่ม! นี่..รู้จักกันแล้วใช่มั้ย พี่เซต นี่ติวาเพื่อนพี่ไอด้า”
“อืม รู้สิ” พี่เซตพยักหน้ารับ
“หมอนี่อายุเท่าพี่เซต แต่โอ๋ไม่ค่อยเรียกคำว่าพี่น่ะ มัน..ยังไงไม่รู้”
“นั่นมันแปลว่าฉันเป็นคนพิเศษ”
เขาสวนขึ้นมาทันที ให้ตาย.. ทำไมฉันรู้สึกว่าหมอนี่ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กคนนึงเลยนะ
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรบ่งบอกถึงความพิเศษที่ว่าเลยนะ”
พีเซตเองก็ดูจะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน สองคนนี้เริ่มก่อสงครามกันอีกครั้งทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะพยายามทำลายบรรยากาศลงไปเองนะ -*-
“ติวา นายคงจะรู้จักพี่เซตแล้วใช่มั้ย”
“รู้ รู้ว่ามันเป็นประธาน แล้วก็เป็นเพื่อนของไอด้า”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นอะไรกับตั้งโอ๋”
นั่นสินะ หมอนี่ไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ ว่าฉันกับพี่เซตเราเป็นอะไรกัน ? พี่ด้าไม่เคยบอกเลยหรือไงกัน ??
“เป็นอะไรฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้นแหละ”
“หมายความว่า..”
พี่เซตยิ้มยียวน เอาอีกแล้ว จะตีกันอีกแล้ว =___=*
“พอๆ พี่เซตกลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมโอ๋นะ”
ฉันรีบตัดบท สงบศึก จับแยก ก่อนที่ห้องนี้จะพินาศ -___- นายติวาดูจะพอใจไม่น้อยที่ฉันออกปากเชิญพี่เซตกลับไป เขาคลี่ยิ้มมุมปาก พลางสมทบประโยคของฉันเมื่อครู่ทันที
“เขาไล่แล้วก็กลับไปสิ”
เด็กมากนะนาย เด็กมาก เด็กโคตรๆเลย!
“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหานะ”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าตอบรับพลางยิ้มให้และมองตามจนพี่เซตพ้นประตูออกไป สายตาของฉันที่เลื่อนกลับมา ไปสะดุดเข้ากับนายติวา ที่ตอนนี้ยืนค้อนเป็นตุ๊ดใส่ฉันอยู่ข้างๆเตียง -*-
“มองอะไรนักเนี่ย”
“-__-^”
ฉันแกล้งไม่สนใจแล้วเอนตัวเองนอน โดยมีเขาที่รีบเขามาจัดแจงปรับเตียงให้ทันที
“เธอจะนอนเลยรึเปล่า” เขาถาม โดยที่เสียงยังเจือความหงุดหงิดอยู่บ้าง พอที่จะทำให้ฉันรู้สึกได้
“อื้ม” ฉันพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันปิดม่านให้นะ แล้วจะเฝ้าเธอตรงโซฟานี่”
“ขอบใจนะ”
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็พล็อยหลับไป ไม่รู้เหมือนกันว่านานแค่ไหน แต่เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ฉันจงใจเปิดเสียงมันเอาไว้นั้นดังขึ้นมาจนฉันตื่น
ก่อนที่จะทันได้ลุกขึ้นมา โทรศัพท์กำลังส่งเสียงร้องอยู่ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน เหลือเชื่อ! หมอนี่ลุกมาตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าอะไรเลยล่ะ -__-; ฉันหยิบมาอย่างทึ่งๆก่อนจะปรับสีหน้ากลับเป็กปกติแล้วกดรับ
“ว่าไงคะ ..พี่เซต”
ทันทีที่ชื่อของปลายสายดังขึ้นจากปากของฉัน รังสีแปลกๆชวนอึดอัดนั่นก็เริ่มแผ่กระจายอีกครั้ง
“อื้ม โอ๋ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พี่..เอ่อ กินข้าวรึยัง”
นายติวายังคงยืนอยู่ที่เดิมเป๊ะ ไม่ขยับไปไหนเลย..
“กินเยอะๆนะ เอาไว้ออกจากโรงพยาบาลแล้วโอ๋จะไปทำให้กิน ของ เอ่อ ของที่พี่ชอบไง”
ความอึดอัดเริ่มคูณสองแล้ว ไม่สิ สามเลย -_-;
“หะ!! อะ เอ่อ..คือ โอ๋ โอ๋คิดถึงพี่ มากนะ”
ทะลุล้านแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนห้องนี้จะไม่มีอากาศให้หายใจอีกแล้วนะเว้ย!
“รักเหรอ!” ฉันอุทานอย่างตกใจ พลันสายตาที่แอบมองคนข้างๆก็พบว่าเขากำมือแน่น ดูไม่พอใจอย่างมากถึงมากที่สุด ให้ตายเถอะ ฉันควรพูดมันแน่เหรอเนี่ย!
“โอ๋ คือว่าโอ๋… โอ๋ระ..”
“พอ! ฉันทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจนจบประโยค โทรศัพท์ก็ถูกคว้าไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะลอยละลิ่วไปตกอยู่บนโซฟาอย่างไร้ความปราณี -_-^ ถ้ามันพังฉันจะทำยังไงหะ! ฉันตวัดสายตาขึ้นไปมองเตรียมจะต่อว่า แต่พอไปปะทะกับสายตาของเขาที่ดูจริงจัง และน่ากลัวมากกว่าทุกๆครั้งที่เคยเจอ ฉันจึงไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ติวา นาย..”
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร -_-^” อีกครั้งที่เขาขัดไม่ให้ฉันพูดได้จนจบประโยค
“พี่เซต้า ประธานนักเรียนโรงเรียนเราไง นายไม่รู้จักเหรอ”
“รู้! ฉันหมายถึง มันเป็นอะไรกับเธอ” เสียงเขาดูหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วนายคิดว่าอะไรล่ะ”
“ตั้งโอ๋!!” เหมือนภูเขาไฟที่ระเบิด เขาดูหงุดหงิดอย่างที่สุด มือนั้นจับเข้าที่แขนฉันแล้วออกแรงบีบ ฉันตกใจและก็เจ็บเพราะบาดแผลตามตัวทำให้ร้องออกมา
“โอ๊ย! นี่ปล่อยแขนฉันก่อนสิ ฉันป่วยอยู่นะไอ้บ้า!”
เขาเหมือนได้สติ ค่อยๆปล่อยแขนฉันแล้วมองสำรวจอย่างเป็นห่วง
“ขอโทษที..ฉันคงหึงแรงไปหน่อย”
“-_-////” ทำไมตอนนี้ฉันโกรธหมอนี่ไม่ลงเลยวะ!
“ฉันไม่มีสิทธินี่นะ ลืมตัวไปน่ะ ขอโทษอีกทีนะ เจ็บมากมั้ย”
“ไม่หรอก”
เขาหยักหน้าแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆฉัน เบือนสายตาหนีไม่มองหน้าฉันเลย แถมท่าทางของเขาดูจะยังไม่หายจากความหงุดหงิดนั่นง่ายๆ บางที.. ฉันควรจะบอกเขาได้แล้วสินะ
“ติวา ฉันมีอะไรจะบอกนาย”
“อะไรเหรอ” เขายังคงไม่มองหน้าฉันเช่นเคย
“คือจริงๆเมื่อกี๊นี้ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ พี่เซต้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง”
“ไม่ใช่..คนรักเหรอ!” เขาถามเหมือนต้องการความแน่ใจอีกครั้ง
“ไม่ใช่ ญาติกันจะรักกันได้ยังไงเล่า บ้ารึไง”
“เธอไม่หลอกฉันนะ เย้!!”
ตอนนี้เขามองฉัน แล้วร้องดีใจเหมือนเด็กๆ แล้วจู่ๆก็ดึงฉันเข้าไปกอดหน้าตาเฉย
“ทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”
“ก็กอดไง เมื่อวานตอนเธอเจ็บ ฉันก็กอดเธอไว้แบบนี้นะ จำไม่ได้เหรอ”
“ดะ ได้สิ”
ใครจำไม่ได้ก็บ้าละ แต่..ให้ตายสิ ถ้าเขาเกิดเลิกกอดแล้วหันมามองหน้าฉันตอนนี้ เขาต้องเห็นแน่ๆว่าหน้าฉันแดงมากขนาดไหน
“ฉันเสียใจนะ ที่ไปช่วยเธอไว้ไม่ทัน เพราะฉันเธอเลยต้องเจ็บ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดนายน่ะ ฉันต้องขอบใจนายสิถึงจะถูกที่ไปช่วยฉัน”
“แต่ฉันก็ไปช้า”
“นี่..อย่าโทษตัวเองได้มั้ย”
ทำไมชอบพูดว่าตัวเองผิดอยู่เรื่อยเลยนะ! ฉันผละออกแล้วจ้องมองเขานิ่ง อยากให้เขารู้ว่าฉันไม่สบายใจเลยที่เห็นเขาต้องมาโทษตัวเองในเรื่องที่เขาไม่ผิดซักนิด
“นี่ อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ”
“ทำไม -_-”
“มันทำให้ฉันอยากจูบเธอน่ะ ”
ตรงไปนะ ตรงไป -__-/////////
“นาย!!!”
“เฮ้ๆ ไม่ต้องกลัวไปน่า ฉันไม่ทำหรอก ฉันไม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการหรอกนะ”
ยิ้มอ่อนโยนแบบนั้น มันทำให้ฉันเชื่อเขาได้ง่ายๆโดยไม่ต้องพูดอะไรอีกเลย แม้เขาจะดูแข็งกระด้าง ชอบเอาชนะ เลือดร้อน เป็นคนที่ฉัน ‘เคย’ เกลียดมากเป็นอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ติวาคนที่อยู่กับฉันในตอนนี้ คือคนที่จริงใจ อ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ทุกครั้งที่มีเขาอยู่ด้วย และฉันเองก็ไม่ได้เกลียดติวาคนนี้เลยซักนิดเดียว..
…ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันตลอดมา..
“ติวา”
“หืม”
ฉันโน้มคอเขาลงมาและประทับริมฝีปากลงไป เขาดูตกใจไม่น้อยกับการกระทำในครั้งนี้ ฉันรีบถอนริมฝีปากออกมา ก่อนจะก้มหนีสายตาเขา ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันกลายเป็นยัยเด็กใจแตกไปแล้วรึไงเนี่ย
“ทำไมเธอถึง..”
“ขอบคุณนะ”
“หืม”
“ฉันจูบ เพื่อขอบคุณนายน่ะ ขอบคุณมากนะ”
พูดเองก็เขินเอง ครั้งแรกในชีวิตที่จูบผู้ชายก่อน ไม่สิหมูหมากาไก่ที่ไหนฉันก็ไม่เคยจูบมันก่อนทั้งนั้น!-__-; นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำอะไรลงไป! โอ้ยย ตั้งโอ๋นะตั้งโอ๋ คิดผิดรึเปล่าเนี่ยยย!!!
“ที่ฉันทำไปทั้งหมด ฉันเต็มใจ แต่เธอรู้อะไรมั้ย..”
“อะไร ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัย เขามองฉันพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ หมอมันนี่คิดอะไรอีก ไม่น่าไว้ใจเลย -*-
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ แต่ถ้าเธออยากจูบเพื่อขอบคุณฉัน ฉันก็ยินดีจะรับไว้ แต่ว่า..ที่เธอทำเมื่อกี๊น่ะ มันไม่ถือว่าจูบหรอกนะ มันฉาบฉวยเกินไป”
“เอ่อ..” ฉันอึกอัก หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม คือฉันว่าฉันพอรู้นะว่าหมอนี่จะทำอะไร
“เธอบอกจะให้ฉันแล้ว เอาคืนตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ J”
เขาโน้มลงมามอบจูบให้กับฉัน จูบที่เรียกว่าจูบจริงๆ มันหวานและอ่อนโยน ความรู้สึกช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่ฉันได้รับมัน ฉันไม่รังเกียจ แต่กลับรู้สึกพอใจกับมันด้วยซ้ำ นี่ฉันคงกลายเป็นเด็กใจแตกแล้วจริงๆใช่มั้ย -_-;
เราสองคนจูบกันเนิ่นนาน เขาถอนจูบออกมาให้เราทั้งคู่ได้พักหายใจ แต่ไม่นานก็ประกบริมฝีปากลงไปใหม่ เขายึดครองริมฝีปากของฉันอย่างเอาแต่ใจ ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เหมือนกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขาโหยหามานาน เวลาผ่านเดินไปได้ครู่ใหญ่ เขาถึงยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ ฉันหอบเหนื่อย ไม่กล้าสบตาเขา ตอนนี้หน้าฉันร้อนจนทอดไข่ได้อยู่แล้ว
“ฉันจะลงไปซื้อของหน่อย เธออยากได้อะไรมั้ย” เขายิ้ม แล้วถามฉัน
“ไม่ล่ะ” ฉันตอบโดยไม่ยอมสบตาเขา
“เธอนี่อันตรายกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ”
“ยังไง” ฉันตวัดสายตาไปมองอย่างสงสัย หมอนี่ไม่ใช่จะด่าอะไรฉันใบรรยากาศแบบนี้หรอกใช่มั้ย -_-*
“ก็เมื่อกี๊ ฉันเกือบหยุดตัวเองไม่ได้แล้วน่ะสิ”
หยุดไม่ได้ ? ตาฉันเบิกโพล่งขึ้นเมื่อเริ่มแปลประโยคก่อนนี้ออก นะ นี่ต้องการจะสื่ออะไร ห๊า!!!!
“อะ ไอ้บ้าติวา!!”
“ฮ่าๆๆๆ ฉันทำลายเธอไม่ลงหรอกน่า ไปนะ เดี๋ยวจะรีบขึ้นมา ^___^”
ฉันมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เดินหายออกไปจากห้องแล้ว ให้ตายสิ หน้าฉัน..หน้าฉันสุกแล้วแน่ๆเลย ไอ้บ้าติวา นายเล่นของรึไงเนี่ยยย! หา!! นายทำอะไรฉันนน! ทำไม! ทำไมใจฉัน มันเต้นแรงเหมือนกับว่าจะทะลุออกมาได้อย่างนั้นแหละ นายนี่ชอบทำให้ใจฉันเต้นแปลกๆซะจริง บ้าที่สุดเลย! =_=/////
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ