แพ้รักน้องสาว
เขียนโดย Annakan
วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.01 น.
แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 12.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เปลือกหอยแทนคำสัญญา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปีเตอร์พาครอบครัวมาเมืองไทยปีละครั้งแต่คราวนี้เป็นการเดินทางที่ไม่ค่อยน่ายินดีเท่าไรนักเพราะต้องมาร่วมงานศพของเพื่อนสนิทที่ประสบอุบัติเหตุจากไปพร้อมกับภรรยา
“ผมเสียใจด้วยนะครับ” ชายหนุ่มบอกกับญาติของผู้ตาย เพื่อนของเขาคือภูดิตเคยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันส่วนภรรยาชื่อวรกานต์ทั้งคู่มีลูกสองคน คนโตอายุไล่ๆ กับเจเดน
“เสียใจด้วยนะน้องอร” เจเดน เข้าไปกอดอรปรีญาลูกสาวของผู้ตาย
“เสียใจด้วยนะรุจ เสียใจจริงๆ” อนิรุจไม่พูดอะไรนอกจากกอดเพื่อนชาวต่างชาติไว้
เจเดนจะมาเมืองไทยปีละครั้งและเด็กทั้งสามคนก็ตั้งตารอที่จะได้เจอกันทุกปี เมื่อก่อนสองครอบครัวจะพาลูกๆ ไปพักผ่อนด้วยกันเสมอแต่ปีนี้ช่างน่าเศร้านักที่ต้องเปลี่ยนมาเป็นงานศพแทน
ปีเตอร์กับภูดิตเรียนจบจากที่เดียวกันและถึงแม้จะแยกย้ายกันไปความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทั้งคู่ยังติดต่อกันอยู่เสมอและลูกๆ ของพวกเขาก็สนิทสนมกันดี
“ฮือๆๆ” อรปรีญาหนีมานั่งเงียบๆ คนเดียว เด็กหญิงตัวน้อยเสียใจจนไม่รู้จะระบายมันออกมาทางไหนเธอจึงเอาแต่ร้องไห้แบบนี้มาสองวันแล้ว
“น้องอร” เจเดนเดินตามน้องสาวออกมา
“คะ” เธอขานรับสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรถ้าจะมาบอกให้เลิกร้องไห้ไม่ต้องเสียใจเธอจะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลยเพราะผู้ใหญ่ทุกคนเอาแต่พูดแบบนั้น
“ร้องเยอะๆ ร้องออกมาให้หมด” เจเดนบอกแล้วจับให้น้องสาวซบหน้ามาที่ไหล่ของตัวเอง
“ป้าบอกว่า ว่าอรกับพี่รุจต้องแยกกันอยู่ อร อรจะอยู่ยังไงพี่เจ” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นพูดออกไปด้วยความเสียใจ ลำพังต้องมาเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมกันก็แย่พอแล้วเธอจะต้องโดนแยกกับพี่ชายอีกหรือ
“ทำไมเขาจะทำแบบนั้น” เจเดนถามด้วยความประหลาดใจ
“เขาบอกว่าภาระอะไรไม่รู้ อรก็ไม่ ไม่เข้าใจ ฮือๆๆ”
“อรมากับพี่” เจเดนฉุดให้น้องสาวเดินตามมา
“ปาป๊า มามี๊ครับ น้องอรบอกว่าจะต้องอยู่แยกกับรุจทำไมครับพี่น้องก็ต้องอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอครับ” เจเดนจับมือน้องสาวไว้แน่นและถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“มันเป็นเรื่องของครอบครัวเขาเจเดน เราไปยุ่งไม่ได้” ปีเตอร์ตอบลูกชาย
“แต่พี่น้องต้องอยู่ด้วยกันครอบครัวต้องอยู่ด้วยกันปาป๊าเป็นคนพูดเองผมไม่ยอมให้น้องอรอยู่แยกกับรุจ เขาเป็นพี่เขาต้องดูแลน้องไม่ใช่หรอครับปาป๊า” เจเดนเสียงดังขึ้นจนคนรอบๆ หันมามองมากขึ้นเรื่อยๆ
อนิรุจและเจเดนอายุสิบสองขวบและทั้งคู่รู้ความพอๆ กับผู้ใหญ่ อนิรุจรู้ดีว่าตอนนี้เขากับน้องสาวเป็นภาระของญาติๆ พวกนั้นเกี่ยงกันอยู่ว่าใครจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบเด็กกำพร้าสองคน เท่าที่ฟังมาคือเขาต้องไปอยู่กับพี่สาวแม่และน้องอรน้องสาวของพ่อจะมารับไป เขาไม่ชอบสักนิดที่ต้องแยกกับน้องแต่เด็กแบบเขาจะมีใครมาสนใจฟังคำพูดหรือความคิดเห็น
“โอเค ปาป๊าจะลองไปพูดให้” ปีเตอร์จูงมือเด็กทั้งสองคนไปหารือกับญาติๆ หลังจากอ้อนวอนและอธิบายเหตุผลอยู่พักใหญ่พี่สาวของภูดิตก็ยอมรับเด็กทั้งคู่ให้ไปอยู่บ้านเดียวกัน
“ผมจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจนทั้งคู่เรียนจบชั้นมัธยม” ปีเตอร์บอกและทุกฝ่ายก็เห็นด้วย
“ขอบคุณครับปาป๊า” เจเดนกอดปาป๊าด้วยความภูมิใจ พ่อของเขาเก่งที่สุดในโลกเลย
หลังจบจากงานศพปีเตอร์กับสุดาก็ขอพาเด็กทั้งสองคนไปเที่ยวทะเลอนิรุจและอรปรีญาเศร้าโศกมาพอแล้ว เด็กๆ ควรจะได้ไปพักผ่อนและวิ่งเล่นให้ลืมความปวดร้าวบ้าง
“ตอนนี้หนูสามคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วนะแต่เป็นพี่น้องกันจริงๆ” สุดาบอกกับทั้งสามคนระหว่างที่ก่อปราสาททราย คุณภูดิตกับสามีเธอเรียกว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้เธอจึงไม่แปลกใจที่สามีออกปากสนับสนุนค่าเรียนให้เด็กทั้งสองคน
“ระหว่างที่เราอยู่อังกฤษ รุจต้องดูแลน้องอรให้ดีนะ” เจเดนสั่งอนิรุจด้วยหน้าตาเคร่งขรึม
“แน่นอนอยู่แล้วเรามีน้องอยู่คนเดียวแล้วเราก็รักน้องที่สุด” อนิรุจคว้ามือน้องสาวมาจับไว้
“มามี๊ครับแต่ผมกับน้องอรไม่ใช่พี่น้องเลือดเดียวกัน”
“สายเลือดเดียวกันจ้ะ” สุดาแก้คำให้ลูก
“ผมกับน้องอรไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่งงานกันได้ใช่ไหมครับ” เจเดนถามมารดา
“ได้จ้ะ ถ้าลูกต้องการและหนูอรตกลง”
“ถ้าโตขึ้นน้องอรไม่มีใคร พี่จะแต่งงานแล้วก็ดูแลน้องอรเอง” เจเดนหยิบเปลือกหอยเล็กๆ ส่งให้อรปรีญาแทนคำสัญญา
การแต่งงานที่เจเดนเข้าใจคือคนสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันผู้ชายมีหน้าที่ทำงานนอกบ้านส่วนผู้หญิงเป็นแม่บ้านเหมือนที่มามี๊ของเขาทำ เขาอยากมีน้องสาวมาตลอดและพอได้มารู้จักกับน้องอรความฝันก็เป็นจริงขึ้นมา
“สัญญาแล้วห้ามคืนคำนะ” อนิรุจขอคำมั่นอีกครั้ง
“สัญญา” เมื่อเจเดนตอบ อนิรุจจึงจับนิ้วก้อยเล็กๆ ของน้องสาวไปเกี่ยวไว้กับเพื่อนของตัวเอง ตั้งแต่นาทีนั้นอรปรีญาก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากพี่เจของเธอ
เมื่อวันเปิดเทอมใกล้เข้ามาเจเดนและครอบครัวก็ต้องกลับประเทศอังกฤษ เด็กทั้งสามคนเสียใจมากและกอดกันอยู่นานสองนานกว่าจะยอมแยกกันได้
“ดูแลน้องอรดีๆ นะ” เจเดนยังไม่วายจะย้ำกับอนิรุจ
“น้องอร ปีหน้าพี่จะเอาตุ๊กตาแก้มแดงผมสีทองมาฝาก” เจเดนหมายถึงตุ๊กตาผ้าที่เขาเห็นในตลาดขายของทำมือมันเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสีชมพู พวงแก้มแดงแจ๋และผมเป็นสีทองเปล่งประกายสดใสที่เขาบอกว่าต้องรอคราวหน้าเพราะยังเก็บเงินไม่ครบ ความจริงมามี๊จะซื้อให้แต่เขาปฏิเสธเสียงแข็งเขาอยากใช้เงินของตัวเอง
“จริงๆ นะคะพี่เจ”
“จริงสิ แต่น้องอรต้องสัญญากับพี่ว่าจะไม่แอบร้องไห้ตอนกลางคืน”
“เอ่อ คือ” อรปรีญาอึกอักไม่กล้าตกลงเพราะเธอไม่เคยโกหกใคร
“ถ้าน้องอรร้องไห้พี่ก็จะไม่สบายใจรวมถึงพี่รุจแล้วก็ปาป๊าและก็มามี๊ของพี่ด้วยและที่สำคัญพ่อกับแม่ของน้องอรบนสวรรค์ต้องเสียใจมากแน่ๆ”
“ใช่แล้ว น้องอรแอบร้องไห้บ่อยๆ พ่อกับแม่ของเราจะไม่สบายใจนะ” อนิรุจรู้ดีว่าน้องสาวเป็นคนจิตใจอ่อนไหวและอ่อนแอเหลือเกิน น้องอรเติบโตมาด้วยความรักและความทะนุถนอมสุดหัวใจจากพ่อแม่และพี่ชายเมื่อมาเจอเรื่องสะเทือนใจเธอจึงผ่านมันไปได้ยากเย็นกว่าคนอื่นๆ
“จริงหรอคะพี่รุจ พ่อกับแม่จะไม่สบายใจจริงๆ หรอคะ” อรปรีญาถามด้วยความตกใจก็ทั้งคู่ตายไปแล้วจะมารับรู้อะไรได้อีก
“จริงสิ พ่อกับแม่มองดูเราสองคนอยู่บนสวรรค์ ถ้าน้องอรร้องไห้บ่อยๆ แปลว่าพี่เป็นพี่ชายที่แย่ทำให้น้องเสียใจดูแลน้องสาวคนเดียวไม่ได้”
“อรสัญญาค่ะ อรจะไม่แอบร้องไห้อีกแต่ร้องต่อหน้าพี่รุจได้ไหม”
“ได้ พี่จะปลอบน้องเอง” อนิรุจบอกแล้วโอบไหล่น้องสาวไว้
“น้องอรเก่งมากเลย พี่เจไปก่อนนะครับ” เจเดนกอดลาทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินจากไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ