แพ้รักน้องสาว
7.3
เขียนโดย Annakan
วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.01 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,768 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 12.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ไอ้หน้าโง่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจเดนในวัยประถมเติบโตมาด้วยความรักและเอาใจใส่จากมารดาแบบสุดหัวใจ สุดาเป็นแม่ที่ดีทำหน้าที่แม่บ้านได้ยอดเยี่ยมในด้านดูแลเหย้าเรือนแต่เธอเป็นคู่ชีวิตที่เลวมากและปีเตอร์ก็ไม่ต่างกัน สองสามีภรรยาคบชู้หลับนอนกับคนอื่นไปเรื่อยแต่ปีเตอร์นี่ร้ายกาจถึงขนาดเลี้ยงกันไว้เป็นตัวเป็นตนส่วนสุดาถึงจะไม่ได้คบใครจริงจังแต่เธอก็เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าสรุปแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเลวกว่ากัน
เด็กชายในวัยสิบสองขวบเริ่มเรียนรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้นและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจเดนกลายเป็นเด็กเก็บตัว เขารู้แล้วว่าการที่มารดาของตัวเองยืนประกบหน้าและร่างกายแนบชิดกับไมเคิลมันคืออะไร บางครั้งแม่ของเขาก็นอนอยู่ใต้ร่างของช่างประปาไม่ก็ผู้ชายอาชีพต่างๆ ที่เข้ามาซ่อมแซมของภายในบ้าน เขาไม่รู้ว่าเหตุใดแม่ต้องทำแบบนั้นเท่าที่รู้การที่ผู้หญิงกับผู้ชายทำสิ่งนั้นด้วยกันเพราะต้องการมีลูกแต่ทำไมแม่ถึงอยากมีลูกกับผู้ชายพวกนั้น ทำไมมามี๊ไม่รอทำกับปาป๊าหรือว่ามามี๊มีเขากับปาป๊าแล้วจึงอยากไปมีลูกกับผู้ชายคนอื่นอีกเพื่อให้มาเป็นพี่น้องกับเขา
“อย่าบอกปาป๊านะ” สุดาบอกลูกชายหลังจากที่เจเดนบังเอิญมาเห็นเธอกำลังเริงรักกับช่างไม้ที่ห้องใต้ดิน นับตั้งแต่นั้นเจเดนจึงเรียนรู้ว่าสิ่งที่มารดาทำคือสิ่งที่ผิดแต่ด้วยความรักและความผูกพันที่เด็กน้อยมีให้แม่เขาจึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ปาป๊าฟังหรือไม่ว่าใครก็ตาม
มามี๊เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ และใบหน้าสวยหวานราวกับนางฟ้าในโบสถ์ส่วนปาป๊าเป็นผู้ชายตัวโตหน้าตาเคร่งขรึมและพักหลังๆ ปาป๊าก็ไม่ค่อยกลับมาทานข้าวที่บ้านเท่าไรนักอาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ที่ทำให้มามี๊ต้องการไปมีลูกกับผู้ชายคนอื่นเพราะปาป๊าไม่มีเวลาให้
“คิดถึงปาป๊าหรอจ๊ะ” สุดาถามลูกชายที่ตักอาหารค้างไว้ในช้อน
“ครับ”
“ปาป๊างานยุ่งจ้ะ ปาป๊าต้องทำงานเพื่อดูแลเราสองคน”
“ผมเหงาเวลาปาป๊าไม่อยู่ครับ มามี๊เหงาไหมครับ”
“เหงาจ้ะ เหงามาก” สุดาตอบไปตามความจริง ส่วนลึกในใจของเธอก็ยังโหยหาสามีอยู่ตลอดแต่เพราะความห่างเหินและปัญหาหลายๆ อย่าง จึงทำให้เขากับเธออยู่ในจุดที่ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนก่อนได้อีกแล้ว
“ผมจะดูแลมามี๊เองครับ” เด็กชายตัวน้อยเมื่อเห็นสีหน้าอันแสนเศร้าหมองของมารดาก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจากนี้ไปเขาจะทำให้มามี๊ไม่ต้องมีความเหงาอีกเขาจะเป็นเด็กดีพามามี๊เล่นเกมสนุกๆ มามี๊จะได้ลืมความเศร้า
วันนี้เป็นวันแรกที่เจเดนเข้าชั้นมัธยมศึกษาเด็กชายตื่นเต้นมากที่จะได้ไปโรงเรียนใหม่และพบเพื่อนใหม่ๆ มามี๊แต่งตัวสวยมารอส่งเขาขึ้นรถโรงเรียนด้วย
“ผมไปนะครับ” เจเดนกอดมารดาแล้ววิ่งขึ้นรถบัสไป
ชั่วโมงแรกคุณครูให้แนะนำตัวเองกับเพื่อนใหม่และเขาไม่ชอบเด็กผู้ชายที่ชื่อแฮริสเอาซะเลย เด็กคนนั้นตัวโตมากเห็นพูดกันว่าต้องซ้ำประถมอยู่สองปีเพราะเกเรจึงโดนพักการเรียน
“ไง ไอ้เปี๊ยก” แฮริสทักทายเพื่อนร่วมห้องที่ตัวเล็กกว่าเขาครึ่งนึง
“หวัดดี” เจเดนตอบกลับตามมารยาทแล้วหันไปสนใจอาหารกลางวันของตัวเอง
“แกรู้ไหมกะหรี่แปลว่าอะไร” แฮริสนั่งลงข้างๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ชวน
“แปลว่าผู้หญิงไม่ดี” เจเดนตอบและเริ่มไม่ชอบใจขึ้นทุกทีทั้งท่าทางข่มขู่และคำพูดที่ไม่รื่นหู
“พ่อฉันบอกว่าแม่แกเด็ดมาก”
“อะไรเด็ด”
“นี่ไง” แฮริสยื่นคลิปการร่วมเพศให้เพื่อนใหม่ดู คนแสดงคือพ่อของเขากับแม่ของมัน
“ใช่ แม่เราอยากมีลูกแม่เหงา” เจเดนเข้าใจแบบนั้นมาเสมอแต่วันนี้เขาจะได้รู้ความจริงว่าที่ผ่านมาที่เข้าใจทั้งหมดมันไม่ใช่
“ไอ้หน้าโง่ คนเอากันเพราะอยากเอาแม่มึงร่านนอนกับผู้ชายไปทั่วแบบนี้ไงที่เขาเรียกกะหรี่” แฮริสบอกแล้วหัวเราะดังลั่น เขาสมเพชไอ้เตี้ยนี่จริงๆ มันเข้าใจแบบนั้นไปได้ยังไงกันอายุสิบสองแล้วยังไม่รู้จักว่าการร่วมเพศคืออะไร
“อย่ามาว่าแม่ฉันนะ” เจเดนลุกขึ้นยืนแล้วผลักอกอีกฝ่าย
“กูไม่ได้ว่าแต่แม่มึงเป็นจริงๆ”
“เจเดนแม่เป็นกะหรี่เพราะกะหรี่เป็นแม่เจเดน” แฮริสร้องเป็นทำนองเพลงจนลั่นโรงอาหารแล้วก็เงียบไปหนึ่งอึดใจเพราะโดนชกเข้าที่หน้าเต็มแรง จากนั้นเด็กชายสองคนก็สวนหมัดกันไปมาจนนับไม่ถ้วนอยู่หลายนาทีจนคุณครูมาจับแยก
วันแรกของวัยมัธยมเปลี่ยนชีวิตของเจเดนจากขาวเป็นดำภายในพริบตา เขาเชื่อมาตลอดว่ามามี๊เป็นผู้หญิงที่แสนดีและใสซื่อที่มามี๊ทำแบบนั้นเพราะความเหงา
“ทำไมทำแบบนี้เจเดน” สุดาถามลูกชายแค่วันแรกของเทอมเธอก็โดนเรียกให้ไปพบครูประจำชั้นแล้ว
“มันกวนประสาท” เจเดนเลือกจะเก็บความจริงไว้กับตัวและตอนนี้เขาขยะแขยงผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน
“เจ มองหน้าแม่” สุดาจับคางลูกชายให้เงยขึ้นมา
“อย่ามาโดนตัวผม” เจเดนปัดมือของมารดาออกอย่างแรง คุณครูประจำชั้นมองด้วยความตกใจแต่ก็ไม่เท่าที่สุดารู้สึก
“เจเดนไปรอข้างนอกก่อน” ครูประจำชั้นบอกและเจเดนก็รีบเดินออกไปทันที ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อฟังแต่เพราะไม่อยากเห็นหน้าแม่ตัวเอง
คุณครูเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เด็กๆ ในโรงอาหารบอกและเธอคิดว่าที่เด็กพูดต้องเป็นเรื่องจริงเพราะสีหน้าตื่นตระหนกของผู้ปกครองมันฟ้องทุกอย่าง
“ดิฉันไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะคะแต่เจเดนเขาโตแล้วคุณควรระมัดระวังให้มากขึ้นเพราะจากนี้ไปถ้าเขาต่อต้านคุณเขาก็จะไม่ฟังคุณแม้แต่คำเดียว” เธอเองเป็นครูมาหลายปีและเด็กวัยหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้แหละที่น่ากลัวเหลือเกินถ้าดีก็ดีเลยแต่ถ้าร้ายก็ยากที่จะชักจูงให้กลับมาทางเก่า เมื่อเช้าที่แนะนำตัวกันเธอสังเกตว่าเจเดนไม่ค่อยพูดนักมันไม่ได้เกิดมาจากความอายหรือประหม่าเพราะเจเดนไม่มีแววตาหลุกหลิกสักนิดแต่เด็กชายกลับนั่งนิ่งมองไปที่นอกหน้าต่างทำตัวแปลกแยกจากทุกคน
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันไปได้รึยังคะ”
“เชิญค่ะ” สุดาแทบจะก้าวขาไม่ออก เธอไม่คิดเลยว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ก็ช่างไฟที่เธอพามาเล่นจ้ำจี้บ่อยๆ ดันเป็นพ่อของไอ้เด็กแฮริสเด็กที่เกเรและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยพบมา
“เจ ฟังมามี๊ก่อน” สุดาเรียกลูกชายที่เดินนำออกไป
“เจ”
“คุณโกหก” เจเดนเดินกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะเด็กชายที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มจ้องหน้ามารดาผู้ให้กำเนิดด้วยความเคียดแค้น ขนาดแม่แท้ๆ ของตัวเองยังโกหกหลอกลวงได้ขนาดนี้แล้วเขาจะไว้ใจใครได้อีกแล้วปาป๊าล่ะรู้ไหมว่าคนรักของตัวเองทำตัวน่าขยะแขยงแบบนี้
“เจ มามี๊มีเหตุผล” สุดาอ้อนวอนลูกชายถ้าต้องเสียลูกไปเธอก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว
“เหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นกะหรี่นะหรอ” เจเดนถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สุดาเอามือปิดปากแล้วร้องไห้โฮ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ