ปริศนาราณี

5.8

เขียนโดย Richa

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.

  14 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) พิษรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

อารียาแอบย่องลงมาด้านล่างอย่างช้า ๆ ตาบังอาจกับเพื่อนชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งก๊กเหล้ากันอยู่บนแคร่ไม้อย่างสนุกสนาน ความสุขเล็ก ๆ ของชายชราผู้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายคือสุรา การมีเพื่อนนั่งดื่มนั้นไม่ได้ทำให้ตาบังอาจสุขมากขึ้น แต่มันทำให้ความเหงาและว้าเหว่ลดน้อยลงไปเท่านั้น

“หลานสาวตาอาจนี่ สวยอย่างการเทพธิดาลงมาจุติ” เพื่อนขี้เหล้าคนหนึ่งพูดขึ้น และต้องตีลังกาหงายหลังผึ่งลงไปกองอยู่กับพื้นในทันทีเพราะบาทาของตาบังอาจนั่นเอง

“มึงอย่า ... อย่าริอาจแม้แต่ชายตามองหลานสาวกู กูรักของกู รักยิ่งกว่าชีวิตและจิตใจกู ใครทำหลานกู กูจะเอามันถึงตาย” ตาบังอาจที่ปกติก็มักจะเป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน แต่อย่าพูดถึงหลานสาวสุดที่รักเชียว แกรักของแกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ให้แลกด้วยชีวิตแกก็ยอมได้

“แหมม ตาอาจ ฉันก็ไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับน้องเขาเสียหน่อย แค่ชมว่าสวยเท่านั้น” คนถูกถีบลงไปกองกับพื้นคลานขึ้นมาใหม่พร้อมกับหาข้อแก้ตัว

“ชมก็ไม่ได้ กูไม่ให้ชม กูหวงของกู” ตาบังอาจยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกรอบ

“จ้ะ จ้ะ ไม่ชมก็ไม่ชม” คนขี้เมารีบยุติข้อพิพาท

ความมึนเมาจากฤทธิ์สุราทำให้ตาบังอาจไม่ทันสังเกตเห็นหลานสาวสุดที่รักดอดลงไปเล่นน้ำอีกครั้ง เขานึกว่าหลานสาวคนสวยแอบหลับไปตั้งแต่หัวค่ำเสียแล้ว เขาจึงไม่กังวลนัก ก๊กเหล้ากับเหล่าขี้เมาอย่างสนุกสนานอยู่บนแคร่นอกบ้านอย่างไม่กระวนกระจายใจอีกต่อไป 

เสียงเพลงพิณดังแว่วมาแต่ไกล เรือแจวลำน้อยลอยลำอยู่กลางน้ำโขง อารียาไม่รอช้าถอดผ้าคลุมอาบน้ำออกแล้วย่องลงไปสู่อ้อมกอดของสายน้ำ เธอหันกลับขึ้นมามองบนฝั่งอย่างหวาดหวั่นว่าจะมีใครเห็นอีก แต่ทุกอย่างมีแต่ความมืดมิด ตาบังอาจยังคงสนุกสนานกับเพื่อนขี้เมา เพียงแต่บ้านหลังถัดไปนั้น ใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ด้วยแววตาที่แหลมคมโดยที่อารียาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน

อารียาลอยคอเข้าไปหาเรือแจวลำนั้น ครั้งนี้เธอจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมละสายตาราวกับว่าถ้าเธอกะพริบตาแล้วเรือแจวลำนั้นจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยอีก เสียงพิณเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เรือแจวลำน้อยเริ่มปกคลุมไปด้วยไอหมอกที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ

“ไอริชชชช” เสียงเรียกอันน่าสยดสยองดังก้องมาจากใต้ผืนน้ำ อารียาต้องเลือกว่าเธอต้องการรู้สิ่งใด ระหว่างเรือแจวลำนั้น กับใต้ผืนน้ำอันลี้ลับ

“ไอริชชชช” เสียงเรียกหาจากใต้ผืนน้ำดังซ้ำมาอีกครั้ง เพลงพิณก็ดังชัดเจนขึ้นอยู่ไม่ไกล แต่ใต้ผืนน้ำนั้นช่างดูลึกลับและน่าค้นหามากกว่าเรือแจวลำนั้น อารียาจึงตัดสินดำดิ่งลงสู่วังน้ำวน คลื่นใต้น้ำโหมกระหน่ำและดูดดึงร่างของเธอลงไปสู่สะดือของแม่น้ำโขง ประตูกลแห่งกาลเวลาได้เปิดรับเธอแล้ว

หญิงสาวผู้หนึ่งเกล้าผมขึ้นเป็นมวย หน้าอกคาดไว้ด้วยผ้าแค่ผืนเดียวและนุ่งผ้าซิ่นแบบโบราณ กุลีกุจอนั่งทำอาหารอย่างขะมักเขม้นอยู่ในห้องครัวขนาดเล็กของบ้านไม้หลังเก่าที่ยกสูงจากพื้นดินเพียงแค่ห้าหรือหกขั้นบันไดเท่านั้น เสียงดังโป้กเป้กนั้นไม่อาจจะปลุกสมาชิกอื่นในบ้านให้ตื่นขึ้นมาได้เลย อากาศขณะนี้กำลังเย็นสบายเพราะมีสายฝนปรอย ๆ ลงมาแต่เช้ามืด บรรยากาศอันน่าหลับนอนเช่นนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ยอมตื่นขึ้นมาเพื่อทำอาหารสำหรับเช้าวันใหม่

ในที่สุดอาหารคาวหวานก็ถูกจัดวางลงถ้วยสังคโลกบ้าง ห่อใบตองบ้างอย่างประณีตสวยงาม เมื่อข้าวปลาอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าห้องของเธอไปเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากผ้าซิ่นผืนเก่า ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นผ้าซิ่นผืนใหม่ลวดลายสวยงาม ผ้าคาดอกผืนเก่าก็ถูกถอดออกจากกายเปลี่ยนเป็นผ้าผืนใหม่สีสันสดสวย คลุมไหล่ด้วยสไบอีกที ผมยาวสลวยของหญิงสวยก็ถูกสางและเกล้าขึ้นใหม่เป็นมวยอยู่บนศีรษะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

"มณี ฝนยังตกอยู่เลย จะรีบไปไหน" เสียงตะโกนทักด้วยภาษาพื้นเมืองจากชายวัยไล่เลี่ยกัน เมื่อเขาเปิดหน้าต่างห้องนอนออกมาเพื่อสังเกตการณ์สภาพอากาศภายนอก

"วันนี้พระคุณเจ้าจะออกไปธุดงค์แล้ว ณีต้องรีบไป" หญิงสาวตะโกนตอบชายที่มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกันด้วยภาษาพื้นเมือง 

"เดี๋ยวก่อน รออ้ายด้วย อ้ายไปด้วย" พี่ชายตะโกนออกมาจากหน้าต่างห้องนอน แต่ดูเหมือนน้องสาวจะมิสนใจไยดี หญิงสาวยังคงมีท่าทีรีบร้อนที่จะออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หวั่นเกรงสายฝนที่ยังตกอยู่

"ไม่รอ อ้ายมาณพชักช้า เดี๋ยวพระธุดงค์ท่านก็ออกเดินทางก่อนพอดี" น้องสาวคนสวยตะโกนตอบพี่ชายกลับมาพร้อมห่อชายผ้าขาวม้าที่ห่อข้าวปลาอาหารพาดไว้บนบ่าและหอบดอกไม้ออกวิ่งฝ่าสายฝนไป

"โธ่เอ๊ย รอแป๊บเดียวก็ไม่ได้" พี่ชายบ่นอุบอิบเมื่อเห็นน้องสาววิ่งแจ้นไปจนลับสายตา

"น้องมณี เขารีบก็ปล่อยน้องเขาไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยขี่ควายตามไปก็ได้ เดี๋ยวก็ทันกัน" เสียงหญิงสาวผิวสีเข้มที่นอนบิดขี้เกียจอยู่บนพื้นบ้านเอ่ยขึ้น

"โอ้ย กำลังท้องกำลังไส้ ใครเขาจะปล่อยให้เมียไปขี่ควายกัน ปล่อยมณีมันไปคนเดียวเถอะ บรรยากาศหน้านอนแบบนี้ อ้ายอยากนอนกอดเมียมากกว่า" เสียงออดอ้อนของชายวัยยี่สิบต้น ๆ กระเซ้าเย้าหยอกกับเมียรักอยู่บนพื้นบ้านไม้

หญิงสาวรีบวิ่งแจ้นออกจากบ้านตรงไปยังวัดป่าที่อยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านออกไปอย่างรีบเร่ง ผ้าขาวม้าที่มัดพาดไว้บนบ่าของเธอนั้นคือห่อถ้วยสังคโลกและใบตองที่บรรจุข้าวปลาอาหารเพื่อนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ มือข้างหนึ่งถือดอกไม้ป่าสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนมืออีกข้างนั้นก็ถือก้านกล้วยเพื่อบังฝนวิ่งตรงไปอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคจากดินฟ้า

"ว้าย!!!" หญิงสาวตะโกนก้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเธอเหยียบลงไปบนตัวอะไรบางอย่างที่เหนียว ๆ ลื่น ๆ จนเธอลื่นล้มลงไปกองกับพื้นดินที่ชื้นแฉะ

อสรพิษร้ายตัวใหญ่มหึมาชูคอแผ่แม่เบี้ยอย่างดุร้ายอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว ดอกไม้และสัมภาระที่เธอพกพามาก็ตกกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง หญิงสาวนั่งแน่นิ่งอย่างไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกาย เพราะแววตาที่ดุร้ายคู่นั้นบ่งบอกได้ว่ามันพร้อมที่จะฉกกัดลงมาในทันที เพียงแต่ว่ามันหยุดชะงักด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง  

ใบหน้างามของหญิงสาวจ้องมองไปยังดวงตาของอสรพิษร้ายขนาดใหญ่ยักษ์ แววตาคู่นั้นของอสรพิษร้ายก็จ้องมองมายังหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราดที่บังอาจไปเหยียบกลางลำตัวของมัน

"หากแม้เรามิได้มีเวรมีกรรมต่อกันมาก่อน ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะ เรารีบร้อนจะไปถวายภัตตาหารแก่พระธุดงค์จึงไม่ทันได้ระวังและเหยียบท่านเข้า" หญิงสาวพนมมือขึ้นพร้อมอธิษฐานจิต

"แต่หากแม้เราสองเคยมีเวรกรรมร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ขอท่านโปรดปล่อยให้เราได้มีโอกาสถวายภัตตาหารที่ได้เตรียมมานี้แก่พระคุณเจ้าก่อน เมื่อนั้นท่านค่อยมาเอาชีวิตเราจะได้หรือไม่? ท่านพญางูจ้าว" หญิงสาวนั่งพับเพียบลงกับพื้นโคลนและพนมมืออยู่ระหว่างอก ดอกไม้ที่เธอได้เตรียมมาเพื่อถวายพระ ถูกคว้ามาได้อย่างไม่ตั้งใจ บัดนี้ดอกไม้ป่าที่งดงามช่อนั้นได้วางแนบอยู่ระหว่างอกด้วยความตกใจ 

ดอกไม้ป่าช่องามนั้นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อบูชาพญางูจ้าวอย่างไม่ตั้งใจเธอมิได้เสียดายชีวิตหากจะต้องตายเพราะพิษงู แต่สิ่งเดียวที่เธอเสียดายที่สุดคือการไม่ได้นำอาหารที่เธอตระเตรียมและปรุงรสด้วยมือเธอเองไปถวายพระธุดงค์ที่เธอเคารพรักและศรัทธา 

อสรพิษร้ายคล้ายจะรับรู้ได้ถึงการตั้งจิตอธิษฐานของหญิงสาว มันลดระดับศีรษะลงจนแผ่ราบลงกับพื้นดินแล้วเลื้อยตรงเข้ามาหาหญิงสาว ศีรษะอันใหญ่โตมหึมาของพญางูใหญ่ได้ชูคอขึ้นอีกครั้งในระดับสายตาของหญิงสาว แววตาดุร้ายคู่นั้นจ้องมองเธออย่างไม่วางสายตา สายตาของอสรพิษร้ายประสานกับสายตาของหญิงงามบ้านป่า  

ในนาทีนั้นเอง ... แววตาแห่งความดุร้ายก็ได้จืดจางหายไป หลงเหลือไว้เพียงแววตาแห่งความรักใคร่และเสน่หาเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว คล้ายลึกเข้าไปพงป่าข้างทางนั้นมีกามเทพจอมซนซ่อนกายอยู่ แล้วยิงศรรักมาปักลงตรงกลางหัวใจของพญาอสรพิษร้าย

เขาคือ งูจ้าวหรือพญางูใหญ่ ในสายตาของเธอ แต่เธอคือนางในดวงใจในสายตาของเขา เขาหลงรักใบหน้างามนี้เข้าอย่างจัง สาวงามที่เคยพานพบมาแล้วทั่วสารทิศ ทั้งโลกมนุษย์ โลกบาดาล แม้แต่บนสวรรค์ชั้นฟ้าหรือว่านรกภูมิที่ผู้มีอิทธิฤทธิ์อย่างเขาได้เคยย่างกรายผ่าน ก็มิอาจจะกระชากหัวใจของเขาให้หลุดลอยออกจากร่างกายได้เช่นนางมนุษย์ผู้นี้ 

ความงามแห่งใบหน้าและเรือนกายของนางมนุษย์ผู้นี้นั้นก็มิได้แตกต่างจากความงามของเหล่านางฟ้า นางสวรรค์ นางอัปสร หรือนางในวรรณคดีใด ๆ แต่เหตุไฉนเขาถึงได้หลงรักนางตั้งแต่ในนาทีแรกที่พบเจอ หรือนี่คือพรหมลิขิต สิ่งที่สวรรค์บันดาลมาให้จากการประพฤติปฏิบัติดีเสมอมา

"ท่านกามเทพ! ท่านซุ่มตัวซ่อนกายอยู่ยังที่แห่งใด ไฉนบังอาจมาปักศรรักตรงกลางใจข้าเช่นนี้ อย่าให้เจอเชียวนะ เจอเมื่อไหร่ ข้าจะพ่นไฟเผาร่าง เผาธนู เผาศรรักของท่านให้ดับสูญ" สมันตราพญานาคราชรำพึงรำพันด้วยภาษางู

หากแม้ชาติปางก่อนได้เคยสร้างกรรมร่วมกับนางมนุษย์ผู้นี้มา เขาก็มีความยินดีปรีดาที่จะสร้างกรรมร่วมกับนางต่อในชาติภพนี้ หากแม้มิเคยมีเวรมีกรรมต่อกันมาก่อนเลยสักภพสักชาติ เขาก็จะเป็นคนสร้างเวรสร้างกรรมนั้นขึ้นมา ณ บัดเดี๋ยวนี้ ขอเพียงแค่ได้นางมนุษย์ผู้นี้มาแนบชิดเคียงกาย

นางมนุษย์บ้านป่าหลับตาสนิทเมื่ออสรพิษร้ายยื่นศีรษะเข้าใกล้ใบหน้าของนางอย่างเชื่องช้า ในใจนึกภาวนาหากเกิดใหม่ในภพชาติหน้า ขอให้นาง ...

จุมพิตเบา ๆ สัมผัสลงไปที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มของนางมนุษย์ เขาเลื้อยผ่านซอกคอและไรผมของนาง ตวัดหางอันใหญ่มหึมาโอบรัดรอบกายนางคล้ายแสดงความเป็นเจ้าของ กลิ่นกายของนางช่างหอมรัญจวนใจเสียเหลือเกิน เขาชูศีรษะขึ้นลงอย่างแผ่วเบาตามซอกคอของนางเพื่อสูดกลิ่นกายของสาวบ้านป่า เขี้ยวงูนั้นเขาว่ามีพิษร้ายนัก แต่ ณ นาทีนี้เขาเจอพิษที่ร้ายกาจกว่า นั่นคือ พิษรัก!

สมันตราพญานาคราชแอบคิดแอบเสน่หานางมนุษย์อยู่ในจิตส่วนลึกของห้วงหัวใจ หากนางเป็นงูยักษ์หรือนาคี สัตว์ชาติเดรัจฉานผู้มีอิทธิฤทธิ์และสร้างปาฏิหาริย์ได้เช่นเขา ร่างกายของเขาคงพันเกี่ยวกับร่างกายอันยาวเหยียดของนาง ร่างกายของนางคงคดเคี้ยวบิดเบี้ยวพลิ้วไหวไปตามเรือนกายของเขา ด้วยแรงรักแรงปรารถนาแห่งกามารมณ์ซึ่งกันและกัน แต่เพราะนางคือมนุษย์และลมหายใจของนางเริ่มแผ่วเบาคล้ายนางกำลังจะหมดเรี่ยวแรง

ร่างของนางมนุษย์ได้ร่วงลงสู่อ้อมกอดของพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่ เขาทำให้นางหวาดกลัวจนต้องกลั้นลมหายใจ นางหมดสติไปแล้วในอ้อมกอดของเขา นางยังตั้งจิตอธิษฐานไม่ทันจะจบเสียด้วยซ้ำ หากภพชาติหน้าที่นางปรารถนาถึง นางจะขอสิ่งใดกันเล่า ริมฝีปากนั้นเผยยิ้มละไมอย่างมีความสุขเมื่อได้สัมผัสลงไปบนริมฝีปากนางมนุษย์อีกครั้งอย่างเสน่หา

นางมนุษย์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ ในอ้อมกอดของชายหนุ่มรูปงาม ร่างกายสูงใหญ่กำยำ อกเปลือยของเขานั้นมีมัดกล้ามเนื้อเด่นชัดกว่าชายฉกรรจ์ทั่วไป ผิวกายของเขาเป็นสีน้ำผึ้ง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลดำ ใบหน้านั้นหล่อเหลาคมเข้มและยังดูเยาว์วัย

หญิงสาวผละออกจากอ้อมกอดของชายแปลกหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน ภาพของงูจ้าวที่เลื้อยไปตามเรือนร่างของนางยังคงน่าสยดสยองอยู่ในความรู้สึก

"งู!!! ข้อยเจองูยักษ์ มันคืองูจ้าว ตัวมันใหญ่มาก มันเลื้อยออกมาจากพงหญ้าตัดหน้าข้อยไป ข้อยไม่เห็นมันเลยเหยียบมันเข้ากลางลำตัว มันโกรธมาก มันเลยจะกินข้อย" หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างตื่นตระหนก นางยังจดจำรูปพรรณสัณฐานของพญางูยักษ์ตัวนั้นได้เป็นอย่างดี ลักษณะภายนอกคล้ายงูจงอางขนาดใหญ่ แต่ลำตัวของมันเป็นสีดำนิล

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มละไมให้กับท่าทีแปลกประหลาดและตื่นกลัวของหญิงสาว "ข้อยไล่มันไปแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ มันไม่ทำร้ายเจ้าหรอก"

“มันไปแล้วเหรอ ข้อยนึกว่ามันจะกินข้อยเสียแล้ว”

“ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน ถ้าข้อยมาไม่ทัน มันคงกลืนกินเจ้าไปแล้วทั้งตัว” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มที่ยังแปดเปื้อนอยู่บนใบหน้า

นางมนุษย์ผู้นี้งดงามนัก จิตใจก็แสนประเสริฐ นางเป็นลูกสาวบ้านใดกันจะได้ไปสู่ขอมาทำเมีย แต่พ่อและแม่นางจะยกลูกสาวให้กับงูจ้าวอย่างเขาหรือ เขาจะพานางลงสู่นครใต้บาดาลและแต่งตั้งนางให้เป็นนางพญานาคิณีของเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งสุขใจ สุขใดเล่าจะเท่าได้นางเป็นเมีย

หญิงสาวรีบคว้าหาสัมภาระที่ตกหล่น นางจับผ้าขาวม้ามัดพาดไว้บนไหล่อย่างรีบร้อน “ข้อยต้องรีบไปแล้ว พระคุณเจ้าท่านจะออกธุดงค์ ต้องรีบนำอาหารไปถวาย” และอย่างไม่รอช้า นางมนุษย์ก็ผละจากไปอย่างรีบเร่งโดยทิ้งดอกไม้ป่าที่เคยบูชางูจ้าวเอาไว้ข้างทางนั้น แต่นางคงไม่รู้ตัวหรอก ว่าสิ่งที่นางกระชากติดมือไปแทนดอกไม้ช่องามนั้นคือหัวใจของพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่

ดอกไม้ริมทางสีขาวช่อนั้น มันยังคงสวยสดใสอยู่ในมือของสมันตราพญานาคราช นางมนุษย์ผู้งดงามได้ยกขึ้นมาบูชาแก่เขาเพื่อขอชีวิต เขาสัมผัสและดอมดมมันอย่างทะนุถนอม กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ไร้ค่ายังคงอบอวลและตราตรึงอยู่ในหัวใจของพญานาคผู้ยิ่งใหญ่   

สามเดือนที่พญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่ระดับผู้ครองนครนาคราชอย่างเขาจำศีลอยู่ยังถ้ำแห่งนาคราช ณ ฝั่งซ้ายของลุ่มแม่น้ำโขง จิตใจอันแสนสงบและเยือกเย็นมายาวนานได้ถูกแทนที่ด้วยความร้อนรุ่มดั่งไฟสุมทรวง เขาปล่อยให้กิเลส ตัณหาและไฟราคะพุ่งทะยานเข้าสู่ขั้วหัวใจ  เขาพ่ายแพ้แล้วแก่ศึกรักให้นางมนุษย์ผู้จิตใจงดงาม

เขาคือพญานาคราชผู้มีพิษร้ายยิ่งกว่าอสรพิษใดในโลกหล้า ไฉนนาทีนี้เขาแทบจะดิ้นตายเพราะนางมนุษย์ตัวน้อยได้ปล่อย "พิษรัก" เข้าสู่กลางหัวใจ 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา