ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ
-
เขียนโดย Richa
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
13.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) อุบัติเหตุ (1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในค่ำคืนที่มืดมิดบนเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวอ้อมขุนเขาสูงนับสิบ ๆ ลูก รถทัวร์โดยสารขนาดใหญ่ได้บรรทุกผู้โดยสารร่วมครึ่งร้อยแล่นมาอย่างไม่มั่นคง ข้างกายของเขามีหญิงสาวผู้ไร้ซึ่งใบหน้า มีเพียงแค่แววตาสีแดงเพลิงและส่องประกายไฟสว่างจ้าออกมาจากเบ้าตาของหญิงผู้นั้น ผมยาวหยิกเป็นลอนถูกปล่อยไปทางด้านหลังอย่างยุ่งเหยิง เธอคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้น ...ที่นั่งข้างคนขับ ในมือของเธอผู้นั้นถือมีดใบใหญ่คล้ายมันคืออาวุธประจำกายของเธอ
เอี๊ยด!!!! เสียงเบรกของรถทัวร์ดังยาวเหยียด ผู้โดยสารที่กำลังหลับใหลต่างสะดุ้งตูนพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ
โครม!! เสียงของรถยนต์พุ่งต้นไม้ใหญ่และกลิ้งขลุกขลักลงไปลงสู่เหวเบื้องล่างอย่างทุลักทุเล เสียงหัวเราะลั่นอย่างยินดีปรีดาของปีศาจไร้หน้าผสมปนเปไปกับเสียงกรีดร้องขอชีวิตของมนุษย์นับครึ่งร้อย เสียงอันน่าสยดสยองนั้นได้ดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่ป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้หามีใครได้ยินไม่ นอกจากบุรุษผู้หนึ่ง
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง มีดใบใหญ่กวัดแกว่งไปมาทีละร่าง มันคือปีศาจร้ายผู้กระชากดวงวิญญาณของมนุษย์ให้ลงสู่อเวจี มันหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้ต้องถูกกระชากวิญญาณเป็นดวงสุดท้าย มีดใบใหญ่ถูกเงื้อมขึ้นและก่อนที่มันจะฟันลงมายังดวงวิญญาณอันแสนบริสุทธิ์ ร่างอันใหญ่โตมหึมาก็ปรากฏขึ้นและพ่นไฟออกมา เปลวไฟอันร้อนแรงได้แผดเผานางปีศาจร้ายให้มลายหายไปในพริบตา
สัตว์ใหญ่มหึมาผู้มีชีวิตโลดแล่นในตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนานได้กระโดดลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่างจนน้ำกระเด็กกระดอนไปทั่วบริเวณ ร่างกายอันใหญ่โตนั้นหายสาบสูญไปกลับสายน้ำและกลับกลายเป็นมนุษย์ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ช่วงลำตัวอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวกายสีน้ำผึ้งผุดผ่องสดใส ใบหน้าของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่คมเข้ม ในอ้อมแขนของชายหนุ่มคือเด็กน้อยวัยแรกเกิดที่กำลังร้องไห้จ้า
“เราคือสมันตราพญานาคราช ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตมนุษย์ได้ ร้องขอชีวิตจากเราซิ แล้วเราจะให้ชีวิตกับเจ้า” สมันตราเดินตรงเข้ามายังร่างที่เกือบจะไร้วิญญาณของหญิงสาว เขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางซากศพและร่างผู้บาดเจ็บเกือบครึ่งร้อย ร่างกายของเขาแม้จะอยู่ในร่างมนุษย์จำแลงแต่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้เขาเหมือนเทพบุตรผู้ลงมาจากฟากฟ้าเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์
“ช่วยด้วย!! ช่วยชีวิตฉันด้วย ฉันจะตายไม่ได้ ฉันต้องไปดูใจพ่อก่อน” หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องขอชีวิต เธอดั้นด้นเดินทางไกลกลับมายังภูมิลำเนาเดิมเพื่อข่าวร้ายที่ได้รับจากครอบครัว บิดาผู้ให้กำเนิดกำลังจะตายในอีกไม่ช้า เธอต้องรีบกลับมาพวกร่ำลาผู้มีพระคุณ
“แต่เรามีข้อแลกเปลี่ยน จงเป็นมารดาและเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ให้กับเรา รักนางให้เหมือนลูกในไส้ของเจ้าเอง เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องยอมตายเพื่อนางได้ สัญญาซิ แล้วเราจะคืนชีวิตให้กับเจ้า เราจะให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อจนกว่าเด็กน้อยผู้นี้จะครบ 18 ปีบริบูรณ์”
“เราให้สัญญา” น้ำเสียงที่หาบพล่าจนแทบจะมีเสียงของหญิงสาวเปล่งออกมา
“ดีมาก ลุกขึ้น! เราจะให้ชีวิตที่ดีกับเจ้า เราจะตอบแทนเจ้าด้วยสิ่งดีงามที่มนุษย์ผู้ใดไม่เคยได้” สิ้นเสียงของเขาร่างกายที่สะบักสะบอมจนแทบจะคลานก็ไม่ได้กลับลุกขึ้นเดินไหว หญิงสาวพยุงร่างที่แทบจะล้มทั้งยืนเดินตามชายหนุ่มไป
************************* 18 ปีต่อมา **************************
ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ช่วงลำตัวอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวกายสีน้ำผึ้งผุดผ่องสดใส ใบหน้าของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่คมเข้มและดูอ่อนเยาว์เกินกว่าจะเป็นชายวัย 45 ปี นัยน์ตาของเขานั้นช่างดูดุดันและดื้อดึงเหมือนกับคนที่จะไม่ยอมก้มหัวกับใคร
เขากำลังขะมักเขม้นอยู่กับการจัดเรียงข้าวของมากมายที่วางกองอยู่กับพื้นขึ้นไปบนรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวคันโปรดของเขา แม้เขาจะขะมักเขม้นกับงานที่กำลังทำอยู่โดยไม่ได้เหลียวมองดูสิ่งแวดล้อมรอบกาย แต่เขาก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มันซ่อนเร้นอยู่ในกายของเขา ณ ห้องนอนของบุตรสาว สายตาคู่หนึ่งจากหญิงวัย 42 ปี จ้องมองลงมาที่เขาอย่างชื่นชม เธอคู่ชีวิตที่อยู่กินกับเขามายาวนานถึง 18 ปีเต็ม
“สงสัยเสื้อที่แม่เตรียมไว้ให้พ่อมันจะตัวเล็กเกินไป” หญิงวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่งและบอบบาง เธอมีผิวขาวเนียนผุดผ่องและใบหน้าสดใสตามวัยของเธอ เส้นผมที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีดำสนิทเพียงแต่กาลเวลามักชอบทำร้ายหญิงสาวทุกคน เส้นผมที่เคยสีดำสนิทของเธอจึงมีหงอกขาวแซมขึ้นมาเป็นหย่อม ๆ จนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
“กล้ามเนื้อของพ่อโตทะลุเสื้อตะหากล่ะคะ” หญิงสาวผู้เป็นดั่งตาดวงใจตอบผู้เป็นแม่ พลางหันไปจ้องมองใบหน้าของตัวเธอเองบนกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
สิ่งที่เธอมองเห็นในกระจกนั้นคือใบหน้าเรียวยาวและดูสดใส จมูกโด่งเป็นสันได้รูปดูโดดเด่นสะดุดตา ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างน่าเสน่หา ดวงตากลมโตคู่นั้นมีสีน้ำตาลเข้ม เธอคือหญิงสาวสวยสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะสรรค์สร้างมาได้ เธอส่งยิ้มอย่างมีความสุขผ่านกระจกใสให้ผู้เป็นแม่
“วันนี้เป็นวันที่ลูกสาวของแม่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ น้ำของแม่โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ ลูกสาวของแม่สวยเหลือเกิน” หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังมัดเปียที่ถักเสร็จแล้วให้หญิงสาวผู้นั่งอยู่ตรงหน้า เธอจ้องมองเข้าไปในกระจกและเห็นหญิงสาวสวยวัยแรกรุ่นนั่งอยู่ เธอลูบไล้เพียงแผ่วเบาตามใบหน้าและเส้นผมของบุตรสาวอย่างทะนุถนอมและรักใคร่
“แม่ขอให้ลูกสาวของแม่มีความสุขมาก ๆ แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทุกสิ่งอย่าง หลังจากวันนี้ไป ลูกของแม่จะมีชีวิตใหม่ ลูกจะไม่ใช่ลูกน้อยที่มีแม่ดูแลอีกต่อไป” ผู้เป็นแม่พูดขึ้น
“แม่พูดเหมือนจะไม่อยากดูแลน้ำอีกต่อไปแล้วอย่างงั้นล่ะ” หญิงสาวทำทีไม่พอใจอย่างหยอกเย้ากับผู้เป็นมารดา
“แม่อยากอยู่ดูแลน้ำไปตลอดชีวิตของน้ำเลย แต่เวลาของแม่หมดลงแล้ว ลูกของแม่กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนี่ แม่จะตามไปดูแลได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย” ผู้แม่หยอกเย้ากลับอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ยังแอบแฝงความโศกเศร้าซ่อนอยู่ หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นหันหลังให้กระจก เธอยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมและโผล่เข้ากอดผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ พร้อมซุกหน้าลงไปบนพุงน้อย ๆ นุ่ม ๆ ของมารดา
“น้ำ ชอบผมเปียที่แม่ถักให้จังเลยค่ะ วันนี้น้ำต้องไปเดินทางไปเข้าเรียนมหาลัยวิทยาลัยแล้ว ไปอยู่ที่โน่นแล้วใครจะคอยถักเปียให้น้ำล่ะคะ?” สาวน้อยวัยใสพูดจาออดอ้อนผู้เป็นแม่
‘น้ำ’ สาวน้อยวัย 18 ปี เธอเพิ่งได้รับอนุญาตจากผู้เป็นแม่ให้แต่งหน้าได้อย่างเต็มรูปแบบเป็นวันแรก ในช่วงชีวิตปกติของเธอ เธอมักจะถูกห้ามปรามเรื่องการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้ายกเว้นกรณีพิเศษ เช่นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว หรือแต่งหน้าเพื่อออกงานแสดงต่าง ๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นเท่านั้น แต่วันนี้จัดเป็นกรณีพิเศษ คิ้วที่เคยดกดำไร้การจัดแต่งทรงจนรกรุงรังของหญิงสาวถูกกันออกให้ได้รูปจนดูสวยงาม ริมฝีปากเรียวอวบอิ่มก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน พวงแก้มก็แต่งแต้มสีสันให้ดูสวยงามสดใสตามวัย
หญิงสาวพร้อมจะออกเดินทางในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนสีเข้ม เธอเรียกสิ่งนี้ว่า ‘เสื้อทีม’ ในทุกครั้งของการเดินทางพร้อมกันทั้งครอบครัว ทุกคนจะต้องสวมใส่เสื้อทีมในแบบที่เธอได้คัดสรรมา เสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนสีเข้มคือเสื้อทีมของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งเป็นจัดว่าการเดินทางเพื่อสองภารกิจ ภารกิจแรกคือเดินทางท่องเที่ยวประจำปีของครอบครัวและภารกิจที่สองคือส่งเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
“สุขสันต์วันเกิด ลูกสาวคนสวยของพ่อ” ผู้เป็นพ่ออ้าแขนรับ เมื่อบุตรสาววิ่งตรงเข้ามากอดอย่างรักใคร่
“ปีนี้พ่อจะให้พรอะไรน้ำคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“แล้วน้ำอยากได้อะไรล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามบ้าง
“น้ำอยากให้ปีนี้เป็นปีที่มหัศจรรย์ที่สุด อยากให้เป็นปีที่น้ำได้เดินทางไปไกลที่สุด ผจญภัยมากที่สุด และเจอสิ่งที่หัวใจปรารถนามากที่สุด”
“ขอเยอะจริง โลภมากกว่าใครเพื่อนนะลูกคนนี้” ผู้เป็นพ่อตำหนิอย่างหยอกเย้า
“ก็คำอวยพรจากพ่อมันจะเป็นจริงทุกประการนี่คะ เหมือนพ่อของน้ำสร้างปาฏิหาริย์ได้เลยค่ะ” หญิงสาวยังคงซุกตัวอยู่โอบกอดผู้เป็นพ่ออย่างรักใคร่ ทุกคำร้องขอของเธอมันมักจะเป็นจริงเสมออย่างที่เธอได้เคยบอกไว้
“ก็พ่อสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ” ผู้เป็นพ่อยืนยัน แม้จะพูดจาในท่าทีหยอกเย้าแต่ก็ยังมีวี่แววของความเป็นจริงซ่อนอยู่
“คร่า” หญิงสาวลากเสียงยาว “น้ำเชื่อว่าพ่อของน้ำทำได้ทุกอย่าง ไม่มีปาฏิหาริย์ใดในโลกนี้ที่พ่อของน้ำเนรมิตมันขึ้นมาไม่ได้” หญิงสาวโอบกอดผู้เป็นพ่ออีกครั้งอย่างชื่นชม เธอเป็นดั่งแก้วตาและดวงใจของเขา ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอปรารถนาเขาจะสรรหามันมาให้เธอโดยไม่อิดออดหรือลังเลใจ
แม้ว่าหญิงสาวจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีพ่อที่เข้มแข็ง มีแม่ที่อบอุ่นใจดี และน้องชายจอมเกเรที่ชอบสร้างปัญหา ถึงกระนั้นมันก็ยังจัดว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ส่วนลึกในใจเธอยังมีแรงปรารถนาอันแรงกล้าบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ มันคือความโหยหาในสิ่งที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด เธอยังคงเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ยังเติบไม่เคยเต็ม
“ทริปนี้ พ่อจะขับรถเลียบริมโขงและแวะเที่ยวรายทาง น้ำอยากแวะที่ไหนก็บอกพ่อนะลูก” ผู้เป็นพ่อหันไปพูดคุยกับบุตรสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู
“คุณเองก็ด้วยนะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย? กับ ทริปนี้?”
“ไม่มีจ้ะ วันนี้ ... เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดเลยจ้ะพี่ ให้ตายตอนนี้ ฉันก็นอนตายตาหลับ” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นพลางยิ้มอย่างมีความสุข มันคือยิ้มที่ออกมาจากหัวใจแม้เธอมักจะชอบทำเหมือนกับว่าทุกวัน จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเธอ
“แม่คะ! ใครเขาให้พูดเรื่องตายตอนจะออกเดินทางกันล่ะคะ” หญิงสาวท้วงติงผู้เป็นแม่ แววตาอันแสนอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ยังคงจ้องมองบุตรสาวอย่างรักใคร่ผูกพัน ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นทำได้เพียงแต่เมินหน้าหนีเหมือนเขาพยายามจะหลบหลีกหรือปกปิดอะไรบางอย่างไว้
เอี๊ยด!!!! เสียงเบรกของรถทัวร์ดังยาวเหยียด ผู้โดยสารที่กำลังหลับใหลต่างสะดุ้งตูนพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ
โครม!! เสียงของรถยนต์พุ่งต้นไม้ใหญ่และกลิ้งขลุกขลักลงไปลงสู่เหวเบื้องล่างอย่างทุลักทุเล เสียงหัวเราะลั่นอย่างยินดีปรีดาของปีศาจไร้หน้าผสมปนเปไปกับเสียงกรีดร้องขอชีวิตของมนุษย์นับครึ่งร้อย เสียงอันน่าสยดสยองนั้นได้ดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่ป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้หามีใครได้ยินไม่ นอกจากบุรุษผู้หนึ่ง
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง มีดใบใหญ่กวัดแกว่งไปมาทีละร่าง มันคือปีศาจร้ายผู้กระชากดวงวิญญาณของมนุษย์ให้ลงสู่อเวจี มันหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้ต้องถูกกระชากวิญญาณเป็นดวงสุดท้าย มีดใบใหญ่ถูกเงื้อมขึ้นและก่อนที่มันจะฟันลงมายังดวงวิญญาณอันแสนบริสุทธิ์ ร่างอันใหญ่โตมหึมาก็ปรากฏขึ้นและพ่นไฟออกมา เปลวไฟอันร้อนแรงได้แผดเผานางปีศาจร้ายให้มลายหายไปในพริบตา
สัตว์ใหญ่มหึมาผู้มีชีวิตโลดแล่นในตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนานได้กระโดดลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่างจนน้ำกระเด็กกระดอนไปทั่วบริเวณ ร่างกายอันใหญ่โตนั้นหายสาบสูญไปกลับสายน้ำและกลับกลายเป็นมนุษย์ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ช่วงลำตัวอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวกายสีน้ำผึ้งผุดผ่องสดใส ใบหน้าของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่คมเข้ม ในอ้อมแขนของชายหนุ่มคือเด็กน้อยวัยแรกเกิดที่กำลังร้องไห้จ้า
“เราคือสมันตราพญานาคราช ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตมนุษย์ได้ ร้องขอชีวิตจากเราซิ แล้วเราจะให้ชีวิตกับเจ้า” สมันตราเดินตรงเข้ามายังร่างที่เกือบจะไร้วิญญาณของหญิงสาว เขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางซากศพและร่างผู้บาดเจ็บเกือบครึ่งร้อย ร่างกายของเขาแม้จะอยู่ในร่างมนุษย์จำแลงแต่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้เขาเหมือนเทพบุตรผู้ลงมาจากฟากฟ้าเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์
“ช่วยด้วย!! ช่วยชีวิตฉันด้วย ฉันจะตายไม่ได้ ฉันต้องไปดูใจพ่อก่อน” หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องขอชีวิต เธอดั้นด้นเดินทางไกลกลับมายังภูมิลำเนาเดิมเพื่อข่าวร้ายที่ได้รับจากครอบครัว บิดาผู้ให้กำเนิดกำลังจะตายในอีกไม่ช้า เธอต้องรีบกลับมาพวกร่ำลาผู้มีพระคุณ
“แต่เรามีข้อแลกเปลี่ยน จงเป็นมารดาและเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ให้กับเรา รักนางให้เหมือนลูกในไส้ของเจ้าเอง เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องยอมตายเพื่อนางได้ สัญญาซิ แล้วเราจะคืนชีวิตให้กับเจ้า เราจะให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อจนกว่าเด็กน้อยผู้นี้จะครบ 18 ปีบริบูรณ์”
“เราให้สัญญา” น้ำเสียงที่หาบพล่าจนแทบจะมีเสียงของหญิงสาวเปล่งออกมา
“ดีมาก ลุกขึ้น! เราจะให้ชีวิตที่ดีกับเจ้า เราจะตอบแทนเจ้าด้วยสิ่งดีงามที่มนุษย์ผู้ใดไม่เคยได้” สิ้นเสียงของเขาร่างกายที่สะบักสะบอมจนแทบจะคลานก็ไม่ได้กลับลุกขึ้นเดินไหว หญิงสาวพยุงร่างที่แทบจะล้มทั้งยืนเดินตามชายหนุ่มไป
************************* 18 ปีต่อมา **************************
ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ช่วงลำตัวอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวกายสีน้ำผึ้งผุดผ่องสดใส ใบหน้าของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่คมเข้มและดูอ่อนเยาว์เกินกว่าจะเป็นชายวัย 45 ปี นัยน์ตาของเขานั้นช่างดูดุดันและดื้อดึงเหมือนกับคนที่จะไม่ยอมก้มหัวกับใคร
เขากำลังขะมักเขม้นอยู่กับการจัดเรียงข้าวของมากมายที่วางกองอยู่กับพื้นขึ้นไปบนรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวคันโปรดของเขา แม้เขาจะขะมักเขม้นกับงานที่กำลังทำอยู่โดยไม่ได้เหลียวมองดูสิ่งแวดล้อมรอบกาย แต่เขาก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มันซ่อนเร้นอยู่ในกายของเขา ณ ห้องนอนของบุตรสาว สายตาคู่หนึ่งจากหญิงวัย 42 ปี จ้องมองลงมาที่เขาอย่างชื่นชม เธอคู่ชีวิตที่อยู่กินกับเขามายาวนานถึง 18 ปีเต็ม
“สงสัยเสื้อที่แม่เตรียมไว้ให้พ่อมันจะตัวเล็กเกินไป” หญิงวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่งและบอบบาง เธอมีผิวขาวเนียนผุดผ่องและใบหน้าสดใสตามวัยของเธอ เส้นผมที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีดำสนิทเพียงแต่กาลเวลามักชอบทำร้ายหญิงสาวทุกคน เส้นผมที่เคยสีดำสนิทของเธอจึงมีหงอกขาวแซมขึ้นมาเป็นหย่อม ๆ จนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
“กล้ามเนื้อของพ่อโตทะลุเสื้อตะหากล่ะคะ” หญิงสาวผู้เป็นดั่งตาดวงใจตอบผู้เป็นแม่ พลางหันไปจ้องมองใบหน้าของตัวเธอเองบนกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
สิ่งที่เธอมองเห็นในกระจกนั้นคือใบหน้าเรียวยาวและดูสดใส จมูกโด่งเป็นสันได้รูปดูโดดเด่นสะดุดตา ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างน่าเสน่หา ดวงตากลมโตคู่นั้นมีสีน้ำตาลเข้ม เธอคือหญิงสาวสวยสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะสรรค์สร้างมาได้ เธอส่งยิ้มอย่างมีความสุขผ่านกระจกใสให้ผู้เป็นแม่
“วันนี้เป็นวันที่ลูกสาวของแม่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ น้ำของแม่โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ ลูกสาวของแม่สวยเหลือเกิน” หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังมัดเปียที่ถักเสร็จแล้วให้หญิงสาวผู้นั่งอยู่ตรงหน้า เธอจ้องมองเข้าไปในกระจกและเห็นหญิงสาวสวยวัยแรกรุ่นนั่งอยู่ เธอลูบไล้เพียงแผ่วเบาตามใบหน้าและเส้นผมของบุตรสาวอย่างทะนุถนอมและรักใคร่
“แม่ขอให้ลูกสาวของแม่มีความสุขมาก ๆ แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทุกสิ่งอย่าง หลังจากวันนี้ไป ลูกของแม่จะมีชีวิตใหม่ ลูกจะไม่ใช่ลูกน้อยที่มีแม่ดูแลอีกต่อไป” ผู้เป็นแม่พูดขึ้น
“แม่พูดเหมือนจะไม่อยากดูแลน้ำอีกต่อไปแล้วอย่างงั้นล่ะ” หญิงสาวทำทีไม่พอใจอย่างหยอกเย้ากับผู้เป็นมารดา
“แม่อยากอยู่ดูแลน้ำไปตลอดชีวิตของน้ำเลย แต่เวลาของแม่หมดลงแล้ว ลูกของแม่กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนี่ แม่จะตามไปดูแลได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย” ผู้แม่หยอกเย้ากลับอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ยังแอบแฝงความโศกเศร้าซ่อนอยู่ หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นหันหลังให้กระจก เธอยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมและโผล่เข้ากอดผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ พร้อมซุกหน้าลงไปบนพุงน้อย ๆ นุ่ม ๆ ของมารดา
“น้ำ ชอบผมเปียที่แม่ถักให้จังเลยค่ะ วันนี้น้ำต้องไปเดินทางไปเข้าเรียนมหาลัยวิทยาลัยแล้ว ไปอยู่ที่โน่นแล้วใครจะคอยถักเปียให้น้ำล่ะคะ?” สาวน้อยวัยใสพูดจาออดอ้อนผู้เป็นแม่
‘น้ำ’ สาวน้อยวัย 18 ปี เธอเพิ่งได้รับอนุญาตจากผู้เป็นแม่ให้แต่งหน้าได้อย่างเต็มรูปแบบเป็นวันแรก ในช่วงชีวิตปกติของเธอ เธอมักจะถูกห้ามปรามเรื่องการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้ายกเว้นกรณีพิเศษ เช่นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว หรือแต่งหน้าเพื่อออกงานแสดงต่าง ๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นเท่านั้น แต่วันนี้จัดเป็นกรณีพิเศษ คิ้วที่เคยดกดำไร้การจัดแต่งทรงจนรกรุงรังของหญิงสาวถูกกันออกให้ได้รูปจนดูสวยงาม ริมฝีปากเรียวอวบอิ่มก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน พวงแก้มก็แต่งแต้มสีสันให้ดูสวยงามสดใสตามวัย
หญิงสาวพร้อมจะออกเดินทางในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนสีเข้ม เธอเรียกสิ่งนี้ว่า ‘เสื้อทีม’ ในทุกครั้งของการเดินทางพร้อมกันทั้งครอบครัว ทุกคนจะต้องสวมใส่เสื้อทีมในแบบที่เธอได้คัดสรรมา เสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนสีเข้มคือเสื้อทีมของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งเป็นจัดว่าการเดินทางเพื่อสองภารกิจ ภารกิจแรกคือเดินทางท่องเที่ยวประจำปีของครอบครัวและภารกิจที่สองคือส่งเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
“สุขสันต์วันเกิด ลูกสาวคนสวยของพ่อ” ผู้เป็นพ่ออ้าแขนรับ เมื่อบุตรสาววิ่งตรงเข้ามากอดอย่างรักใคร่
“ปีนี้พ่อจะให้พรอะไรน้ำคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“แล้วน้ำอยากได้อะไรล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามบ้าง
“น้ำอยากให้ปีนี้เป็นปีที่มหัศจรรย์ที่สุด อยากให้เป็นปีที่น้ำได้เดินทางไปไกลที่สุด ผจญภัยมากที่สุด และเจอสิ่งที่หัวใจปรารถนามากที่สุด”
“ขอเยอะจริง โลภมากกว่าใครเพื่อนนะลูกคนนี้” ผู้เป็นพ่อตำหนิอย่างหยอกเย้า
“ก็คำอวยพรจากพ่อมันจะเป็นจริงทุกประการนี่คะ เหมือนพ่อของน้ำสร้างปาฏิหาริย์ได้เลยค่ะ” หญิงสาวยังคงซุกตัวอยู่โอบกอดผู้เป็นพ่ออย่างรักใคร่ ทุกคำร้องขอของเธอมันมักจะเป็นจริงเสมออย่างที่เธอได้เคยบอกไว้
“ก็พ่อสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ” ผู้เป็นพ่อยืนยัน แม้จะพูดจาในท่าทีหยอกเย้าแต่ก็ยังมีวี่แววของความเป็นจริงซ่อนอยู่
“คร่า” หญิงสาวลากเสียงยาว “น้ำเชื่อว่าพ่อของน้ำทำได้ทุกอย่าง ไม่มีปาฏิหาริย์ใดในโลกนี้ที่พ่อของน้ำเนรมิตมันขึ้นมาไม่ได้” หญิงสาวโอบกอดผู้เป็นพ่ออีกครั้งอย่างชื่นชม เธอเป็นดั่งแก้วตาและดวงใจของเขา ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอปรารถนาเขาจะสรรหามันมาให้เธอโดยไม่อิดออดหรือลังเลใจ
แม้ว่าหญิงสาวจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีพ่อที่เข้มแข็ง มีแม่ที่อบอุ่นใจดี และน้องชายจอมเกเรที่ชอบสร้างปัญหา ถึงกระนั้นมันก็ยังจัดว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ส่วนลึกในใจเธอยังมีแรงปรารถนาอันแรงกล้าบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ มันคือความโหยหาในสิ่งที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด เธอยังคงเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ยังเติบไม่เคยเต็ม
“ทริปนี้ พ่อจะขับรถเลียบริมโขงและแวะเที่ยวรายทาง น้ำอยากแวะที่ไหนก็บอกพ่อนะลูก” ผู้เป็นพ่อหันไปพูดคุยกับบุตรสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู
“คุณเองก็ด้วยนะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย? กับ ทริปนี้?”
“ไม่มีจ้ะ วันนี้ ... เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดเลยจ้ะพี่ ให้ตายตอนนี้ ฉันก็นอนตายตาหลับ” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นพลางยิ้มอย่างมีความสุข มันคือยิ้มที่ออกมาจากหัวใจแม้เธอมักจะชอบทำเหมือนกับว่าทุกวัน จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเธอ
“แม่คะ! ใครเขาให้พูดเรื่องตายตอนจะออกเดินทางกันล่ะคะ” หญิงสาวท้วงติงผู้เป็นแม่ แววตาอันแสนอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ยังคงจ้องมองบุตรสาวอย่างรักใคร่ผูกพัน ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นทำได้เพียงแต่เมินหน้าหนีเหมือนเขาพยายามจะหลบหลีกหรือปกปิดอะไรบางอย่างไว้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ