Practical Lover ขอโทษครับ...นักรักมือใหม่

6.0

เขียนโดย BeautifulworlD

วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.27 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,304 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) แรกพบ...แรกร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ขาของเธอเหมือนไร้เรี่ยวแรงร่างกายสั่นไหวไปกับชายหนุ่มตรงหน้าผู้ที่เธอเรียกว่าเป็นพี่ชาย
“พี่ริชคะพอเถอะค่ะ” เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวที่อ้อนวอนบอกกับลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม
ซึ่งกำลังใช้นิ้ววนเวียนอยู่ที่หน้าอกอวบอิ่มและผิวขาวเนียนอมชมพูของเธอ
หยุดพูดเถอะเก็จแก้ว เธอบอกว่าให้หยุดแต่ร่างกายเธอยอมหยุดหรอ
เธอผิดเองนะเก็จแก้วที่ยั่วยวนฉันแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
เลิศวริศ หรือ ริช ชายหนุ่มที่แสนสมบูรณ์แบบอย่างเขาจะมาตกหลุมเด็กสาวผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องแบบนี้ ชายหนุ่มผลักหญิงสาวไปที่กำแพงตรึงมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นเพื่อไม่ให้น้องแก้ว หรือเก็จแก้วดิ้นหนี หญิงสาววัย19ปี ผิวขาวอมชมพูเนื่องจากเธอเป็นสาวเหนือที่จากบ้านเพื่อมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยชื่อดังที่สอบได้เธอสูงประมาณ158ซ.ม.รูปร่างบอบบางเหมือนตุ๊กตาแต่กลับมีหน้าอกที่อวบอิ่มเกินตัว ผมดำสนิท ดวงตากลมโต ทุกอย่างที่เป็นเก็จแก้ว ทำให้เลิศวริศแทบคลั่งเขาเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งฐานะและหน้าที่การงานแต่กลับเหมือนโดนปั่นหัวเมื่อเจอเธอ
เลิศวริศจบปริญญาตรีจากวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังและปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจจากต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาช่วยบริหารกิจการที่บ้านทำธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เขาเป็นผู้ชายเย็นชาที่มักจะหักอกสาวๆมานักต่อนักทำให้คุณหญิงนันนภัสผู้เป็นแม่เหนื่อยใจเรื่องการมีคู่ครองของเขา จนเมื่อได้พบเก็จแก้วลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของคุณหญิงนันนภัสที่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังที่กรุงเทพ ซึ่งนันนภัสสงสารหลานสาวจึงรับเก็จแก้วมาอยู่ด้วย เนื่องจากห่วงเด็กสาวเพราะเก็จแก้วเป็นสาวสวยที่อ่อนต่อโลก บ้านของเธอมีฐานะปานกลางเมื่อเทียบกับที่บ้านของเลิศวริศ พ่อของเก็จแก้วเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ส่วนแม่ของเธอเป็นแม่บ้าน เลิศวริศเคยพบกับเก็จแก้วเมื่อตอนเป็นเด็กทุกๆปีในวันสงกรานต์นันนภัสจะพาเลิศวริศไปพบกับคุณยายที่เชียงราย
เก็จแก้วในวัยเด็กเป็นคู่ปรับตัวร้ายของเลิศวริศ เธอมักชอบแย่งขนมเขากิน ดื้อรั้น อ้วน ดำ และเอาแต่ใจ เขาไม่ชอบเด็กสาวอย่างเก็จแก้วสักนิดจนเมื่อคุณหญิงนันนภัสมาบอกว่าจะรับเก็จแก้วมาอยู่ที่บ้านเนื่องจากน้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพได้เขาคิดสภาพของเด็กสาวในวัยเด็กว่า คงจะ อ้วน เตี้ย ดำ กินจุ แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเขาได้พบเธอครั้งแรกตอนที่ไปรับเธอที่สนามบินมันผิดคาด “แม่ไม่บอกผมเลยว่าเก็จแก้วหน้าตายังไง” น้องก็น่ารักเหมือนตอนสมัยเด็กนะแหละลูก นันนภัสตอบลูกชายทางโทรศัพท์ แต่แค่ผอมลงนิดหน่อยแม่มีรูปน้องนะให้แม่ส่งไปให้ไหม “อย่าดีกว่าครับแม่ ผมไม่อยากเห็นยัยเด็กปอนๆนั่นหรอก” ริชตอบอย่างมั่นใจ อ้วนดำแบบนั้นทำไมเขาจะจำหล่อนไม่ได้ แค่นึกถึงก็สยองแล้วยัยเด็กเก็จแก้วคือฝันร้ายในวัยเด็กของเขาชัดๆ
 ณ สนามบินในประเทศ เก็จแก้ว กอดพ่อกับแม่ก่อนเตรียมเช็คอินขึ้นเครื่อง “พ่อจ๋าแม่จ๋าแก้วไม่ไปเรียนที่กรุงเทพก็ได้นะแก้วไม่อยากห่างพ่อกับแม่” หญิงสาวพูดพลางน้ำตาจะไหล เก็จแก้วไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลๆ เนื่องจากคุณไตรภพพ่อของเธอนั้นหวงลูกสาวมากไม่เคยยอมให้เก็จแก้วมีเพื่อนชายนอกจาก ศรัณย์ หรือซินดี้ เพื่อนสาวที่เรียนมัธยมต้นด้วยกัน
ครั้งนี้การไปเรียนที่กรุงเทพสำหรับเธอคือการก้าวออกจากกรงที่มีพ่อแม่คอยปกป้องหญิงสาวไม่รู้เลยว่าทางข้างหน้าจะมีอะไรรอเธออยู่ เมื่อลงจากเครื่องเก็จแก้วก็ไปรอรับกระเป๋า คุณหญิงนันนภัสบอกว่าจะมารับเธอเองซึ่งตอนแรกเธอก็เกรงใจถึงแม้เธอจะเป็นหลานสาวแต่ก็นับว่าไม่ได้สนิทกับฝั่งทางบ้านคุณหญิงนักตอนเด็กๆเธอเคยไปมีเรื่องกับลูกชายอย่างเลิศวริศ ที่มักจะทำท่ารังเกียจเธอเพราะเธออ้วน ดำ เวลาเลิศวริศล้อเลียนเธอว่ายัยอ้วนดำ เก็จแก้วทนไม่ได้ต้องกระโดดกัดแขนเลิศวริศทุกครั้งไป
ขณะที่เก็จแก้วกำลังยืนเหม่ออยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณหญิงป้า” เก็จแก้วรับโทรศัพท์พลางลากกระเป๋าเดินออกมา
“หนูแก้วจ้ะป้ามีธุระด่วนมารับหนูไม่ได้เลยให้พี่ริชมารับหนูแก้วแทนนะลูก”
นันนภัสบอกกับหลานสาว เก็จแก้วอึ้งไป เลิศวริศ นะหรอจะเป็นคนมารับเธอ
“จริงๆแก้วนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ค่ะคุณหญิงป้าเกรงใจพี่ริชเขา”
นันนภัสรีบบอก
 “โอ๊ยไม่ต้องเกรงใจหรอกหนูแก้วอีกอย่างตาริชออกไปแต่เช้าตอนนี้น่าจะถึงสนามบินละมั้งกลับกับพี่เขานะลูก”
“ได้ค่ะคุณหญิงป้า” เก็จแก้วรับคำอย่างเต็มใจ
 “ไว้เจอกันอนเย็นนะจ้ะป้าสั่งแม่ครัวทำอาหารเตรียมต้อนรับหนูด้วย ป้าขอตัวไปทำธุระก่อนนะจ้ะ”
“ค่ะคุณหญิงป้าขอบพระคุณมากค่ะ”
เก็จแก้วเริ่มสำรวจตัวเองวันนี้เลิศวริศจะมารับเธอ “มั่นใจเข้าไว้แก้ว” เธอบอกกับตัวเองตอนนี้แกไม่ใช่ ยัยอ้วน เตี้ยดำแล้วนะ อย่าไปกลัวสิ ก็แค่พี่ริช ถึงแม้เธอไม่ได้พบเขาหลายปีแต่ก็ยังเห็นภาพเขาตามหนังสือพิมพ์ และนิตยสารสังคมเลิศวริศ วรปรีดาโชติ เป็นไฮโซ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่กำลังเป็นที่จับตามอง เนื่องจากเขามารับช่วงต่อจากคุณ วรากร วรปรีดาโชติ ซึ่งเป็นบิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เขาเพิ่งเรียนจบ
เลิศวริศสามารถพลิกวิกฤติจากการล้มละลายและกอบกู้บริษัทของบิดาปัจจุบันรวมทั้งขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆในเอเชียด้วยวัยเพียง 26ปีด้วยความสามารถ ฐานะ รวมถึงหน้าตา ทำให้ เลิศวริศ วรปรีดาโชติ เป็นชายหนุ่มที่หาตัวจับยาก
เขาไม่เคยเป็นข่าวกับผู้หญิงคนไหนจนได้ฉายาว่าจ้าชายน้ำแข็งหญิงสาวสองคนที่เขารักคือคุณหญิงนันนภัสและคุณยายอรุณไร
เก็จแก้วเกิดอาการประหม่าหญิงสาวจึงทิ้งกระเป๋าเดินทางและเดินไปเข้าห้องน้ำวันนี้เธอสวมชุดเดรสสีชมพูพริ้วบางและสวมเสื้อกันหนาวและรองเท้าผ้าใบ เก็จแก้วมองตัวเองที่ตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนเดินออกมาซึ่งเธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มทั่วไปด้วยความที่ผมยาวสีดำผิวขาวจัด อมชมพู ดวงตากลมโต รูปร่างแบบบาง จนเพื่อนๆเธอไม่เชื่อว่าเธอไม่ได้ไปทำศัลยกรรม ในสมัยเด็กๆที่เธอตัวดำนั้นเป็นเพราะชอบออกไปเล่นกลางแจ้งและชอบว่ายน้ำด้วยความที่ยังเด็กจึงไม่เคยสนใจเรื่องผิวพรรณหรือความสวยความงามเนื่องจากเก็จแก้วอาศัยอยู่ที่ไร่ของมารดาและเรียนโรงเรียนบนดอยเพราะอรพินต้องการให้เธอเติบโตมาอย่างคนธรรมดาและอยู่อย่างสงบ
เลิศวริศยืนรอที่ประตูผู้โดยสารขาออกเขามารอรับเก็จแก้วเป็นชั่วโมงแล้วสายตาของเขาคอยมองหาแต่ผู้หญิง
ที่ เตี้ยๆ อ้วนๆ ดำๆ ที่เดินออกมาแต่ก็ไม่พบหญิงสาวเลย เขาหงุดหงิดมากจนต้องกดโทรศัพท์หามารดาอีกหน
“ว่าไงจ้ะลูกเจอน้องรึยัง”
 นันนภัสรับสายลูกชายหล่อนรู้ดีว่าเลิศวริศไม่มีทางหาเก็จแก้วพบ
“ยังเลยครับแม่ผมมองหาอ้วนๆเตี้ยๆดำๆไม่เห็นมีเดินออกมาสักที จะมีก็แต่…………….”
แต่อะไรลูกจู่ๆเลิศวริศก็เงียบไปเมื่อเห็นหญิงสาวผมดำ ผิวขาวจัดดวงตากลมโต สเป็คของเขาทุกอย่างเดินออกมาแถมเจ้าหล่อนยังเดินมาทางเขาและส่งยิ้มให้
 “ริช …ว่าไงลูกอยู่ไหม” เลิศวริศเพิ่งได้สติ
 “เอางี้ละกันนะลูกเดี๋ยวแม่ส่งรูปของน้องให้ลูกทางไลน์นะ”
“ครับได้ครับแม่”
 เลิศวริศตอบกลับมารดาแต่สายตาของเขาจ้องไปยังสาวชุดเดรสสีชมพูพริ้วแม้ว่าจะสวมเสื้อกันหนาวทับก็ยังแอบเห็นทรวดทรงของหญิงสาวอย่างชัดเจน
 “พี่ริชสวัสดีค่ะ”
เสียงของหญิงสาวชุดชมพูทักพร้อมยิ้มให้เลิศวริศงงตัวเขาเองพบเจอผู้หญิงสวยเซ็กซี่มามากมายแต่ผู้หญิงตรงหน้าทำไมเขาต้องมีอาการประหม่าถึงเพียงนี้ด้วยความงงงวยทำให้ตอบไปแค่คำว่า “ครับ”
เขานึกโมโหตัวเองในใจว่าทำไมเขาต้องเกิดอาการประหลาดแบบนี้ด้วย  
ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักจึงถามกลับไปว่า
“เก็จแก้วนี่เธอหรอ” เลิศวริศมองผู้หญิงตรงหน้าที่ทักทายเขา
 นี่มันบ้าไปแล้วไหงยัยอ้วนดำในวันนั้นถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
 เขาตัดสินใจส่งยิ้มให้หญิงสาวและพูดออกไปว่า
"คงจะเป็นเรื่องจริงที่การศัลยกรรมเปลี่ยนผีให้กลายเป็นคนได้ขนาดนี้”
เก็จแก้วเหวอไปอีกที นี่เป็นคำทักทายของพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมานานหรอเธอจึงตอบชายหนุ่มกลับไปว่า
 “พี่ริชก็ยังปากร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะคะน่าจะลองไปศัลยกรรมปากดูมั่งจะได้ถอนเอาของเสียออกมา”
ชายหนุ่มหงุดหงิดกับการยอกย้อนของเก็จแก้ว
แม้ว่าตอนนี้เธอจะดูสวยน่ารักแต่นิสัยเธอต่อให้ไปทำศัลยกรรมมาจริงก็คงแก้ไม่หาย
"พอไปได้ละ จะกลับไม่กลับ" ชายหนุ่มพูดและเดินนำหน้าปล่อยให้เก็จแก้วลากกระเป๋าเดินตามพลางคิดในใจว่า
พี่ริชของเธอนี่โครตจะแมนเลย อุส่าห์เจอกันครั้งแรกแทนที่จะหน้าประทับใจกลับกลายมาเป็นโดนจิกกัด (ซึ่งเธอก็กัดตอบ)ชายหนุ่มหยุดเดินละหันมามองเก็จแก้วรีบหลบตาทันทีจากนั้นเขาก็ฉวยกระเป๋าเดินทางสีชมพูลายคิตตี้ใบโตของเธอไปถือ 
"มองอะไร"
"เร็วๆสิยัยเตี้ย...ฉันหิวนะ"
เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าทำในหญิงสาวที่ยังงัวเงียอยู่ใต้ผ้าห่มตื่นขึ้น เก็จแก้วเข้ามาอยู่ในบ้านวรปรีดาโชติได้เกือบอาทิตย์แล้วคุณหญิงนันนภัสและคนในบ้านต้อนรับเธอเป็นอย่างดียกเว้นเพียงแต่เลิศวริศเธอไม่ได้พบเขาตั้งแต่วันที่เขาไปรับเธอที่สนามบิน เธอตั้งใจจะไปเรียนเองเพราะพอรู้เส้นทางมาบ้างและเธอเกรงใจคุณหญิงนันนภัสที่ให้กะทิคนขับรถไปรับส่ง เก็จแก้วนัดกับซินดี้หรือศรัณย์เพื่อนสนิทของเธอหลังเลิกเรียน ซินดี้มาเรียนที่กรุงเทพมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละสาขา เก็จแก้วไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในสมัยเด็กมากนักก็มีแต่ซินดีเป็นเพื่อนสาวคอยให้คำปรึกษาและแนะนำเรื่องต่างๆให้กับเธอ
 “แกยัยแก้ว….ฉันเห็นผู้(ชาย)มองแกอีกละชั้นไม่อยากจะยืนข้างหล่อนเลยจับใครไม่เคยได้แห้วหมด”
“ฉันเซ็งจะตายอยู่แล้วนะ เบื่อชะนี” ซินดี้บ่นพลางดึงแขนเพื่อนสาว
 “แกก็ออกจะเนื้อหอมกับสาวๆนี่นาแม่ศรัณย์” เก็จแก้วแซวเพื่อนกลับ
“เรียกว่าซินดี้ค่ะ โน ศรัณย์”
“ว่าแต่ ลูกพี่ลูกน้องสุดหล่อของแกเป็นไงมั่งอ่ะฉันเห็นนะยะ…วันที่เขามารับแกที่สนามบินนะ หล่อมาก หล่อลากไส้ ไปถึงตับชั้นเลยอ่ะ”
 “น้อยๆหน่อยเถอะแก รายนั้นเย็นชายังกับน้ำแข็งในตู้เย็น”
เก็จแก้วเปรียบเปรยลูกพี่ลูกน้องของเธอให้เพื่อนฟัง
 “แสดงว่าเขาไม่แพ้ความขาว สวย หมวย อึ๋มของแกหรอ” เพื่อนสาวยังไม่จบ
 “เขาไม่สนหรอก”
ว่าแต่ทำไมเธอต้องรู้สึกเสียใจเพียงเพราะเลิศวริศไม่สนใจเธอด้วยนะ
 “นี่ๆเห็นร้านนั้นไหมเปิดใหม่อาหารญี่ปุ่นแกมาเองนิกินไหมเดี๋ยวกินเสร็จฉันแวะไปส่งที่บ้านไม่ได้ให้คนขับรถมารับนี่นา” “อื้ม……แวะก็ได้แต่ไม่เกิน 2ทุ่มนะ”
  "ย่ะแม่กุลสตรีไทย ชั้นจะส่งให้ถึงที่เลย"
 
หลังจากผ่านการประชุมที่ยาวนานเลิศวริศไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วเขาเลือกที่จะอยู่ที่แมนชั่นหรูใกล้กับที่ทำงานแทนแต่วันนี้เขาคงต้องกลับไปที่บ้านเนื่องจากคุณหญิงนันนภัสผู้เป็นแม่ยื่นคำขาดให้ลูกชายกลับมากินข้าวที่บ้านให้ได้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ณ เวลานั้น เขาเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงทางเข้าบ้านมองจากในรถก็พบว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ในรถฝ่ายหญิงก้มหัวลงไปตรงเบาะที่นั่งคนขับ "ทำอะไรไม่เลือกสถานที่เลยคนพวกนี้" เขาบ่น แต่ยังคงมองต่อพอผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเขาผงะ นั่นมันยัยเตี้ยเก็จแก้วนี่นา กล้าทำอะไรน่าเกลียดบนรถผู้ชายที่จอดหน้าบ้านเขา เลิศวริศรู้สึกโมโหมากจากนั้นก็บีบแตรรถ จนคนทั้งคู่ผลักออกจากกัน และหันมามองเขา เขาทำไม่สนใจและขับรถเข้าบ้านไป
เก็จแก้วตกใจกับเสียงแตรรถเมื่อครู่ นั่นมันรถของพี่ริชนี่นา ทำไมต้องบีบแตรเสียงดังด้วย
"นี่นังชะนี...หล่อนเป็นอะไรของหล่อน"
ซินดี้ถามเพื่อนสาวซึ่งตอนนี้หน้าซีดมากแม้ในความมืดก็ยังมองเห็น
 "แก...ซินดี้ .....พี่ริชต้องเขาใจผิดฉันแน่เลย"
เธอพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
"จะเข้าใจผิดอะไร....แกทำตุ้มหูหล่นก็ช่วยกันก้มหาไง"
 นั่นสิพี่ริชเขาเย็นชาเขาคงไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไร้สาระของเธอหรอก หญิงสาวคิดพลันก้าวเท้าลงจากรถเข้าบ้าน
"ริชชี่"
“กินข้าวรึยังลูก” คุณหญิงนันนภัสถามลูกชายที่ดูฉุนเฉียวขณะเดินเข้าบ้าน
 "คุณแม่กินไปก่อนเลยครับผมไม่หิว"
 เลิศวริศเดินขึ้นห้องไปทันที นันนภัสแปลกใจกับท่าทีของลูกชายแต่ก็ไม่ว่าอะไร
"อ้าวหนูแก้ว ...กลับมาละหรอจ้ะ" เก็จแก้วพนมมือไหว้คุณหญิงนันนภัส
 "กินข้าวกับป้าไหมลูก"
 "ขอโทษนะคะคุณป้าพอดีหนูแวะทานกับเพื่อนมาแล้วค่ะ"
"เอ๋...เพื่อนที่ไหนจ้ะ .....เพื่อนหรือแฟน วันนี้กะทิบอกป้าว่าหนูไปมหาวิทยาลัยเอง"
คุณหญิงนันนภัสถามด้วยความสงสัย ยังไงตอนนี้ เธอก็เหมือนเป็นผู้ปกครองของเก็จแก้ว
“เพื่อนสนิทค่ะคุณหญิงป้า เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมต้น”
นันนภัสค่อยโล่งใจเธอรู้ว่าเก็จแก้วเป็นเด็กดีไม่มีเรื่องเสียหายเรื่องผู้ชายแน่นอน
 “อ๋อ…เขามาส่งที่บ้านหรอลูก วันหน้าก็ชวนเขามานั่งกินข้าวที่บ้านนะป้าอยากรู้จัก”
“ได้ค่ะคุณป้า….ซินดี้เป็นคนตลกคุณป้าต้องชอบเขาแน่ๆค่ะ”
 “ได้ยินแบบนี้ป้าค่อยเบาใจหน่อย …เอาละไปพักผ่อนเถอะลูก”
 เก็จแก้วเดินขึ้นห้องขณะที่จะปิดประตูร่างบางก็ถูกเหวี่ยงไปที่กำแพงพร้อมกับใครบางคนที่ปิดประตูทันทีตรึงมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอขยับหนีภายในห้องมืดมิดเก็จแก้วตกใจกรีดร้องออกมา
“เพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็มีผู้ชายละหรอใจแตกจังนะเรา” ชายหนุ่มตรงหน้าพูด
“แก้วจะทำอะไรละมันเกี่ยวอะไรกับพี่ริชหรือคะ?”
“งั้นมาลองกับพี่อีกคนไหม”
พูดจบร่างสูงก็ก้มลงมาจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นติเมตรผมตื่นเต้นมากตอนนี้และตรึงเก็จแก้วติไว้ที่กำแพงผมสารภาพเลยว่าผมไม่รู้จะทำยังไงต่อกับสถานการณ์ตอนนี้ผมก้มลงไปจูบเธอเลยดีไหมปากเธอหน้าจูบจัง….ไม่ได้ๆผมเป็นพี่ชายเธอนิ แต่เก็จแก้วน่ารักมากจนผมอดใจไม่ไหว ใครจะคิดว่าเลิศวริศคนนี้ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงขนาดนี้มาก่อนพ่อผมเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจตั้งแต่ยังเรียนพอจบมาก็รับช่วงกอบกู้ธุรกิจของครอบครัวจนผ่านวิกฤติมาได้ ผมไม่เคยคบใครไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตผมบ่อยๆ แต่ผมไม่รู้จะคุยกับพวกเธอยังไงเลยนิ่งๆกลับกลายเป็นว่าผมเป็นคนเย็นชาอีก แต่ตอนนี้ผมนึกอะไรไม่ออกแล้วผมทั้งโกรธและโมโหไม่คิดว่าเด็กสาวในวัยเด็กจะเปลี่ยนไปขนาดนี้
รูปร่างบอบบางเหมือนตุ๊กตาแต่กลับมีหน้าอกอวบอิ่มที่เกินตัว ผมดำสนิท ดวงตากลมโต ทุกอย่างที่เป็นเก็จแก้วทำให้เลิศวริศแทบคลั่ง "พอกันทีเก็จแก้วเธอยั่วฉันก่อนนะ" เลิศวริศจับมือทั้งสองข้างของเธอตรึงติดกับกำแพง และก้มลงจูบอย่างกระหาย จนเก็จแก้วเคลิ้มและจูบตอบ มือของเขาซุกซนอยู่ที่หน้าอกของเธอ พลางดึงเสื้อนักศึกษาสีขาวออกจนกระดุมนักศึกษาฉีกขาด ขาของเธอเหมือนไร้เรี่ยวแรงร่างกายสั่นไหวไปกับชายหนุ่มตรงหน้าผู้ที่เธอเรียกว่าเป็นพี่ชาย
 “พี่ริชคะพอเถอะค่ะ”
เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวที่อ้อนวอนบอกกับลูกพี่ลูกน้องหนุ่มซึ่งกำลังใช้นิ้ววนเวียนอยู่ที่หน้าอกอวบอิ่มและผิวขาวเนียนอมชมพูของเธอ
“หยุดนะคะ..แก้วขอร้อง”
 “เธอบอกว่าให้หยุดแต่ร่างกายเธอยอมหยุดหรอ….เธอผิดเองนะเก็จแก้วที่ยั่วยวนฉันแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม”
ภาพทุกอย่างทำให้ฉันรู้สึกตกอยู่ในพายุหมุนขณะที่พี่ริชก้มลงจูบซ้ำๆพร้อมทั้งขยับปากและลิ้น มือของเขาไล่ไปที่ซอกคอจนถึงหน้าอกขาของฉันไร้เรี่ยวแรงโชคดีที่พี่ริชประคองฉันเอาไว้ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับการกระทำของเขาแต่นี่มันผิด เราเป็นญาติกันฉันทำแบบนี้กับเขาไม่ได้แต่จะห้ามได้ยังไงในเมื่อตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืนจึงปล่อยให้เขาทำตามใจอยู่แบบนี้…….
ก๊อกๆ… “หนูแก้วอยู่ไหมจ้ะนี่ป้าเอง”
นันนภัสเคาะประตู้ห้องหลานสาว เลิศวริศนิ่งไปทันที ก๊อกๆ
 “หนูแก้วลูก”
 เก็จแก้วที่กำลังตกใจอยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขา
“ตอบไปสิ” เลิศวริศบอกกับเก็จแก้ว
“แต่…เออ ” 
 “ถ้าเธอไม่ตอบฉันจะปิดปากเธออีกนะ”
"รับรองว่าเธอจะไม่ได้พูดอีกแน่"
 “ ค่ะ....คุณป้า” พอดีหนูกำลังแต่งตัวอยู่นะค่ะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“อ๋องั้นป้าวางนมกับขนมไว้ตรงนี้นะจ้ะ”
 เดี๋ยวป้าเอานมกับขนมไปให้พี่ริชก่อน รายนั้นยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย     
 เลิศวริศตกใจรีบวิ่งไปที่ระเบียงเพื่อจะข้ามฝั่งไปยังห้องของตัวเอง
ก๊อกๆ “ริชชี่ลูกรักนอนรึยัง”
 นันนภัสเคาะประตู้ห้องลูกชายสักพักเธอก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับเลิศวริศที่เปิดประตูออกมาเหงื่อชุ่ม
“ตายละลูกไม่สบายรึเปล่าเหงื่อออกเต็มเลย”
นันนภัสถามด้วยความสงสัยและห่วงใยลูกชาย
"เปล่าครับแม่พอดีเมื่อกี้ผมออกกำลังกายนิดหน่อย"
“อ๋อ…นี่แม่เอานมกับขนมมาให้เห็นลูกไม่ได้กินอะไร”
เลิศวริศรับถาดจากแม่ “ขอบคุณครับแม่”
“จ้ะแม่ไปนอนก่อนนะลูก”
ผมนอนไม่หลับพยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทำไมถึงได้ทำแบบนั้นลงไปกับเก็จแก้ว
จากนั้นผมก็กดเปิดแชทไลน์ที่แม่ ส่งรูปเก็จแก้วมาให้ดู และกดเซฟรูปไว้ ต้องขอบคุณแม่ที่รับยัยนั่นมาอยู่ที่นี่ละผมจะยิ้มทำไมผมไม่ ได้ชอบยัยเตี้ยนั่นสักหน่อย แต่ก็จูบเธอไปแล้วยัยนั่นจะรู้ไหมว่าตัวเธอเป็นfirst kiss ของผม 
ตอนนี้ผมพยายามข่มตานอนแม้ว่าในหัวจะมีแต่ผิวขาวๆเนียนๆของยัยเตี้ยนั่นสงสัยผมเป็นพวกตาเฒ่าหัวงูรึเปล่าเห็นสาวๆละเกิดอาการอดใจไม่ไหว
เลิศวริศตื่นแต่เช้าลงมาดื่มกาแฟในห้องอาหาร เขารู้สึกเพลียอย่างบอกไม่ถูกเพราะเมื่อคืนเขาแทบจะข่มตานอนไม่หลับ
 “ตาริชยังอยู่หรอลูก”
คุณหญิงนันนภัสเดินมาที่ห้องอาหาร พร้อมนั่งลงข้างลูกชาย
“อาทิตย์หน้าจะมีงานเลี้ยงการกุศลของคุณหญิงถนัดศรี แม่อยากให้ลูกและหนูแก้วไปร่วมงาน”
“ได้ครับแม่ว่าแต่ปีนี้จะมีกิจกรรมอะไรหรอครับ”
“เห็นว่าจะเป็นการเดินแบบและประมูลช่อดอกไม้จ้ะ”
 “แม่คงต้องเตรียมชุดสวยๆให้หนูแก้วด้วย” คุณหญิงนันนภัสพูดอย่างตื่นเต้น
 “ลูกจำหนูดลลยาทายาทของเจียโปกรุ๊ปได้ไหมน้องเขากลับมาเมืองไทยตอนนี้กำลังเปิดห้องเสื้อเขามาขอร้องแม่ติดต่อลูกให้ออกแบบพร้อมติดตั้งไฟฟ้าที่ร้านน้องนะจ้ะ”
 “แค่นั้นจริงๆหรอครับแม่..แม่คงไม่คิดจะจับคู่ให้ผมนะ”    ชายหนุ่มถามด้วยความระแวง
 “ลูกจ๋า…ถึงแม้ว่าแม่อยากให้ลูกมีครอบครัวแต่แม่ก็ไม่บังคับลูกเหมือนบรรดาแม่ๆในละครทีวีหรอกนะ”
ขณะนั้นเองหญิงสาวคนที่ทำให้เขาต้องข่มตานอนก็เดินลงมา
 “อรุณสวัสดิ์ ค่ะคุณหญิงป้า” หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะอาหารดวงเดือนยกข้าวต้มกับน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เธอ เลิศวริศที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองเธอแต่เก็จแก้วกลับเลือกที่จะหลบตาเขาแทน
“ตาริชกำลังจะออกไปทำงานนิ ให้น้องติดรถไปด้วยได้ไหม” เก็จแก้วแทบจะสำลักน้ำส้มที่ดื่ม
 “อย่าเลยค่ะคุณหญิงป้า พี่ริชคงรีบไปทำงานแก้วไปเองได้ค่ะ”
 แต่ชายหนุ่มกลับตอบกลับในทันที
“ได้ครับ เดี๋ยวผมแวะไปส่งแก้วที่มหาวิทยาลัยเอง”
รถสปอร์ตสุดหรูขับมาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยเก็จแก้วรีบลงจากรถแต่กลับถูกมือหนาของคนในรถคว้าไว้
 “เย็นนี้มารอที่นี่นะ…ฉันจะมารับ”
“ยัยแก้ว”เสียงตะโกนของซินดี้จากฝั่งตรงข้ามพร้อมเดินมาหาเพื่อนสาว
 “ใครมาส่งแกนะ?”
“อ๋อพี่ริชนะ” เก็จแก้วตอบแบบเซ็งๆ
 “แกเป็นอะไรวันนี้ดูหมองๆนะมีSomething wrongอะไรรึเปล่า?ฉันละอิจฉาแกจังพักอยู่กับลูกพี่ลูกน้องหนุ่มหล่อขนาดนี้”
เก็จแก้วหน้าหงิก
“อิจฉากับผีสิแก พี่ริชเหมือนไบโพล่าร์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฉันตามอารมณ์เขาไม่ทัน”
 ซินดี้ไม่สนใจพลางพูดต่อ
 “นี่แกฉันมีเรื่องอัพเดท อาจารย์พิกุลที่สอนการเขียนลาคลอดจะมีอาจารย์ใหม่มาสอนแทนเห็นว่าเพิ่งจบ ดร.อายุไม่ถึง30ด้วยนะแกชื่ออาจารย์พีรดนย์ว่ากันว่าหล่อมากๆๆฉันละอยากเห็นจริงๆ"
“น้อยๆหน่อยแกนอออกแล้ว"
เก็จแก้วแซวเพื่อนสาว
 "ฉันเป็นกระเทยย่ะไม่ใช่แรด" ซินดี้เถียง
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา