[My Love Is Idol] แฟนฉันเป็นไอดอล

10.0

เขียนโดย BettyLittle

วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.49 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,777 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 23.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตีตี้น้อย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

     [เอลิออส]


 


     "พี่จะบอกว่าการแสดงของผมมันห่วยใช่มั้ย"


 


     "เปล่านะ..พี่แค่อยากให้ตี้เสรืมทักษะพิเศษให้มันปัง!ปัง!ปัง!มากกว่านี้ไง"เสียงผู้จัดการผู้ประจบประแจงเก่งระดับเอสคะยั้นคะยอให้ผมมาเรียนเสริมแสดงอารมณ์


 


     "อย่ามาเรียกผมว่าตี้นะ...ถ้าไม่ใช่แฟนคลับจริงๆก็อย่าเรียก"ชื่อนี้ผมหวงมากเพราะแม่ตั้งให้และผมก็ไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ผมเลยหวงทุกอย่างที่มาจากแม่แต่แฟนคลับผมดันไปสืบมาจากแหล่งข่าวไหนก็ไม่รู้เลยเรียกผมว่าตีตี้กันเยอะมากซึ่งตามหน้าที่คือผมต้องยินดีกับทุกเรื่องของแฟนคลับ


 


     "เอาเถอะ...ไฟลท์บินวันนี้ตอนห้าโมงเย็นนะ"


 


     "พี่ไม่ไปด้วยจริงหรอ...ปกติผู้จัดการต้องตามตลอดไม่ใช่หรอ"ผมถามแกมประชดประชัน


 


     "ไม่ไปจ้ะเพราะถึงพี่จะไม่ไปตี้น้อยก็ไม่มีเวลาว่างพอจะไปเถลไถลที่ไหนได้อยู่แล้วล่ะ"


 


     "พี่หมายความว่ายังไงครับ"


 


     "ก็ตารางฝึกแน่นเอี๊ยดของตี้ไง ทางบริษัทเค้าส่งมาให้แล้วนี่นา...ยังไม่ได้หรอ"ผมทำงงและรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูในแชทกาโกวผมปิดแจ้งเตือนไว้เพราะเวลาผมถ่ายงานมันจะรบกวนสมาธิและพบว่ามีตารางที่ส่งตรงมาจากบริษัทที่ไทยจริงๆเป็นตารางที่ไม่ว่าจะซูมด้วยกล้องชนิดที่เลนส์ซูมดีที่สุดก็หาช่องว่างไม่เจอ ผมไม่เข้าใจว่าการที่เรียนเสริมทักษะการแสดงอารมณ์มันจะต้องฝึกหนักกว่าการร้องการเต้นยังไงแต่ผมก็ต้องอดทนเพราะผมรักงานนี้และผมก็รักแฟนๆของผมอีกด้วยทีทำได้ตอนนี้ก็คงจะเป็นการนอนเพราะผมต้องการการพักผ่อนก่อนจะต้องไปเจอกับออะไรมากมายข้างหน้า


 


     "พี่กลับไปก่อนเถอะ ผมขอนอนพักสักหน่อยแล้วตอนเย็นจะรีบเตรียมตัวออกไปที่สนามบิน" ผู้จัดการผู้อ้อนแอ้นของผมยิ้มแห้งๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผมมีผู้จัดการเป็นผู้ชายใจเป็นหญิงก็มีดีหลายอย่างเพราะเค้าก็เข้าใจความเป็นผู้ชายและเป้นอะไรที่อ้อนง่ายมากเพราะเค้าชอบผู้ชายโดยเฉพาะน่าตาดี 


     ตอนนี้ผู้จัดการของผมก็ได้ออกไปอย่างว่าง่ายและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกเพลียผมเปิดทีวีในห้องและกดเปลี่ยนไปช่องที่ซีรี่ส์ของผมกำลังออนแอร์เพิ่งออนแอร์ไปแค่2ตอนเรทติ้งก็พุ่งสูงถึง20เปอร์เซ็นต์ ผมนอนคว่ำลงบนเตียงนุ่มๆสีขาวและถ่ายรูปตัวเองให้มุมกล้องถ่ายติดกับทีวีเพื่อที่จะอัพเว่ยและอัพทวีทตี้ผมอัพลงแค่ไม่กี่นาทีก็มีแฟนคลับมาคอมเม้นท์มากมายบางคนก็บอกว่ากำลังดูบางคนก็ว่ารักผมบ้างบางคนก็ถ่ายรูปทีวีที่กำลังฉายซีรี่ส์ของผมเพื่อเม้นท์ให้ดู ไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้แบบผมมั้ยแต่ผมรู้สึกดีมากๆเวลามีแฟนคลับมาใส่ใจตลอดทำให้ไม่เหงา แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับยังต้องการใครสักคนที่สามารถเข้าใจผมได้โดยที่ผมไม่ต้องแสร้งทำเป็นมีความสุขตลอดเวลา และไม่นานความเงียบก็ทำให้ผมหลับไป


 


     [ไอริน]


 


     เอลิออส เอลิออส เอลิออส เอลิออส ตอนนี้ในหัวของฉันมีแต่ชื่อๆนี้ลอยไปลอยมาจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเหมือนชาวบ้านเค้า ฉันต้องทำรายงานฝึกประสบการณ์ครูเลยให้เข้ามาส่งรายงานแค่ตอนนอกเวลางานนั่นหมายความว่าฉันมีเวลาอยู่กับเอลิออสอย่างเต็มที่ ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้เรียนฉันจึงต้องอยู่ที่คอนโดทั้งวัน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาฉันต้องเตรียมทริคต่างๆในการสอนไม่สิต้องใช้คำว่าเทรนเอลิออสแทนสินะ ฉันต้องทำให้เขากลายเป้นักที่แสดงที่สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างเทพเจ้าเหมือนแค่ดีดนิ้วน้ำตาก็ไหล โฮะ! โฮะ! โฮะ!เป็นการหัวเราะในใจที่น่าเกลียดจริงๆ ติ๊ง! เสียงแชทในเฟสบั๊คของฉันดังขึ้นเป็นข้อความมาจากเพื่อนสุดที่รักของฉัน


 


     {ไอริน ตอนไหนแฟนมโนฉันจะมาถึง} ไอรินทักมาถามเรื่องผู้ชายทั้งวัน เธอเล่นทักฉันมาตั้งแต่ตีห้า ตอนหกโมงก็ทัก เจ็ดโมงเช้าก็ทัก ทักมาถามทุกๆชั่วโมงและฉันก็คงจะตอบได้แค่อย่างเดียวทั้งวัน


 


     {ไม่รู้...แกจะถามทั้งวันเลยว่างั้น}


 


     {ก็ฉันอยากไปรับเค้าที่สนามบินนี่นา แค่ไม่อยากไปรอเป็นชั่วโมงเหมือนคนอื่น}


 


     {มีคนไปรอเค้าที่สนามบินด้วยหรอ}


 


     {เอ้า...แกไม่รู้อะไรซะแล้วแฟนคลับเค้าก็อยากไปรับกันทั้งนั้นแหละย่ะ บางคนยิ่งไปรอตั้งแต่ตีสองเพื่อเจอหน้าเค้าสองวิก็มีนะแก} แบบนี้ก็มีหรอเนี่ยนี่ฉันต้องเป็นแบบนั้นรึเปล่าเนี่ย แค่คิดก็ตาลอยไว้รอแล้ว


 


    {ฉันจะไปรู้หรอแก ไม่ต้องทักมากวนแล้วนะฉันจะนอน}


 


     {งื้อออ แกใจร้ายอ่ะ...ถ้าแกรู้แล้วบอกฉันเลยนะตมนี้ บาย~}


     


     วาเลนเซียก็คือวาเลนเซียสินะ ไม่ว่าจะยังไงก็คือคนที่อยากได้ก็ต้องได้ ฉันทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่เตียงข้างๆหมอนของฉันแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงทันที ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงโทรศัพท์ฉันแจ้เตือนอีกครั้งคงจะเป็นยัยวาเลนเซียแน่ๆเลย


 


     {A/D X U เพิ่มคุณจากหมายเลขโทรศัพท์แล้ว} หือ ใครแอดฉันมาในกาโกวกันล่ะเนี่ย จำได้ว่าฉันไม่เคยแจกเบอร์ให้ใครเลยนะ


 


     {สวัสดีครับคุณไอรินใช่ไหมครับ} เหมือนเขาจะรู้จักฉันนะ แล้วชื่อเขาอ่านว่าอะไรล่ะเนี่ย ดีดีวิทยู ตีตีหรืออะไร ช่างเถอะอ่านไม่ออกก็ไม่ต้องอ่านมันหรอก


 


     {ใช่ค่ะ แล้วคุณ...}ฉันเว้นจุดไวเพราะอยากให้เขาบอกชื่อตัวเอง


 


     {ผมเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งครับ ไไม่ใช่โรคจิตนะ ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นนักศึกษาคณะเกี่ยวกับการแสดงอะไรประมาณนี้ใช่ไหมครับ} พิมพ์าได้สุภาพมากปกติวัยรุ่นสมัยนี้จะชอบพิมพ์สั้นๆอ่านออกแปลยากประมาณนั้นแต่เขามาแปลกจัง


 


     {ก็ใช่ค่ะ คุณเอาเบอร์ฉันมาจากไหนคะ} เรื่องนี้สิสำคัญ


 


     {มีคนที่บริษัทเอเจนซี่สาขาใหญ่ให้มาครับ บอกว่าคุณน่าจะสามารถช่วยเหลือผมที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับวงการได้ครับ}


 


     {อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นสบายมากค่ะ ถึงฉันจะไม่ใช่มืออาชีพแต่ประสบการณ์ของฉันก็มีไม่น้อยเลย}


 


     {ครับ คุณดูใจดีจังนะครับ สวยด้วย} มนุษย์ลึกลับคนนี้มาแปลกชมฉันจากรูปโปรไฟล์ทั้งๆที่มันอาจจะผ่านมาหลายแอพพลิเคชั่นก็ได้


 


     {ขอบคุณที่ชมค่ะ ว่าแต่มีปัญหาอะไรให้ฉันช่วยคะ}


 


     {ผมมีปัญหาคือผมต้องยิ้มตลอดเวลาถึงแม้จะลำบากหรือเสียใจก็ต้องยิ้มเพื่อทำให้คนอื่นมีความสุข นั่นคือปัญหาของผมครับ} จากข้อความที่ส่งมาฉันพอจะเดาได้แล้วว่าทำไมเขาถึงบอกชื่อกับฉันไม่ได้ เพราะเขาคือคนดังคนหนึ่งยังไงล่ะ 


 


     {ถ้าคุณไม่ยิ้มมันจะเป็นอะไรคะ} คน้รารู้สึกยังไงก็ต้องแสดงออกอย่างนั้นสิ ไม่งั้นจะเก็บไว้ไประบายกับใคร


 


     {ถ้าผมไม่ยิ้ม ทุกคนที่รอผมอยู่ก็จะเศร้าและจะพยายามขุดคุ้ยเรื่องผมจนกว่าจะรู้ว่าทำไมผมไม่ยิ้ม} โจทย์ยากแล้วสิ


 


     {บางทีการที่คุณต้องทำอะไรขัดกับความรู้สึกมันก็คงจะยากเกินไป แต่ว่าคุณก็ต้องเข้าใจนะคะว่าคนเราไม่ใช่ว่าจะได้อะไรที่ตนอยากได้เสมอไป} จะว่าไปฉันก็ตอบได้มีภูมิปัญญาดีเหมือนกันนะเนี่ย


 


     {...} และเขาก็แจกจุดให้ฉันกิน {ผมลองคิดดูแล้วว่าสิ่งที่คุณพูดมันก็จริง และอีกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ผมเลือกให้เป็นแบบนี้เอง}


 


     {มีอะไรก็มาเล่ามาระบายให็ฟังได้ตลอดเลยนะ ถ้าฉันว่างจะตอบคุณเองค่ะ} ฟังดูเหมือนอ่อยเค้าเลยอ่ะ นี่ฉันมันเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย เขาอ่านข้อความของฉันแล้วไม่ตอบกลับมาแต่ดันขึ้นว่าใช้งานเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว ช่างเถอะ ฉันเหลือบไปเห็นนาฬิกาและมันได้บอกเวลาว่าบ่ายสามโมงแล้ว ฉันส่งข้อความแค่ไม่กี่ข้อความนี่มันนานขนาดนั้นเลยหรอ คนที่ฉันไม่รู้จักทำไมฉันถึงได้รู้สึกถูกชะตาจังเลยนะ 


 


  ~ซารางงึล แฮซตา อูรีกามันนา~ ริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นแต่หน้าจอนี่ยังดำสนิท สงสัยเงินเดือนออกจะออกซื้อใหม่แล้วล่ะ คนที่โทรมาเป็นคนที่ฉันไท่คิดว่าจะโทรมาหาฉัในวันนี้ รองประธานคนหล่อ


 


     [ฮัลโหลค่ะ]


 


     [วันนี้เอลิออสจะเดินทางมาตอนห้าโมงเย็นนะ เดินทางมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง คุณไอรินจะไปรับเขากับทีมงานเราไหมครับ] หือ (O.O) ทำไมหัวใจมันพองโตทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเธอ~~เพลงในจินตณาการที่ดัดแปลงมาจากคำพูด


 


     [ไปแน่นอนค่ะ]


 


     [ผมนึกว่าคุณจะปฏิเสธ งั้นเดี๋ยวผมจะให้คนขับรถแวะรับคุณที่คอนโดและตรงไปที่สนามบินเลยนะครับ ประมานทุ่มสี่สิบเราจะออกไปเพื่อให้การ์ดกันคนและสแตนบายเตรียมรับเอลิออสเวลาก็เป๊ะพอดี]


 


     [ค่ะ] ปลายสายตัดไป ฉันต้องไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมขัดผิวให้วิ้งออร่าเพื่อเตรียมไปรับเอลิออสแล้วสิ แค่คิดคงไม่เสร็จฉันเริ่มขบวนการแปลงโฉมอิเพิ้งให้เป็นสาวใสทันทีถึงแม้ว่าจะนานกว่าปกติแต่ฉันคิดว่มันต้องคุ้มแหละ เริ่ม


 


      [เอลิออส]


 


     หึ! เพราะการนอนยังไงก็ไม่หลับทำให้ผมอยากรู้ว่าเทรนเนอร์ของผมจะปลวกแค่ไหนเพราะใบเรซูเม่ของเธอไม่มีรูปติดผมจึงคิดว่าเธอคนนี้น่าจะน่าตาไม่ผ่านระบบของผมทางบริษัทเอเจนซี่จึงไม่เอารูปติดมาด้วย ผมแอดกาโกวเธอจากเบอร์โทรศัพท์ซึ่งมันผิดคลาดเพราะรูปโปรไฟล์ที่ผมเห็นเป็นรูปผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษาผมดัดลอนยาวสีดำธรรมชาติหน้าใสคิ้วเข้มปากกระจับสีชมพูอ่อน คงต้องบอกว่าสวยมากกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไปแน่นอน ผมลองทำตัวเป็นวัยรุ่นวุ่นวายถามเรื่องเกี่ยวกับสารทุกข์สุขดิบของตัวเองแต่สิ่งที่เธอตอบมาทำให้ผมคิดว่าตัวเองเลือกทางเดินนี้ก็ต้องยอมรับมัน และผมก็เป็นมืออาชีพพอที่จะทำให้เธอไม่รู้ว่าผมเป็นเซเล็ป หึ! เรานี่มันอัจฉริยะตัวพ่อจริงๆ ไม่นานก็ใกล้เวลาที่ต้องบินแล้ว ผมพยายามลุกขึ้นจากเตียงด้วยความขี้เกียจและเดินไปค้นหาเสื้อแขนยาวและหน้ากากใยไผ่ที่ดาราชอบใส่เพราะมันบำรุงผิวหน้า ผมลากกระเป๋าออกมาจากห้องและรีบลากไปที่หน้าลิฟต์ต่อเพราะไม่อยากให้แฟนคลับเห้นไม่งั้นผมไม่ทันแน่นอน ผมลงลิฟต์มาถึงและไปที่ล็อบบี้ผู้จัดการส่วนตัวของผมมารอรับผมอยู่แล้วเลยสะดวกที่จะเดินมากขึ้น ผมขึ้นรถผู้จัดการและเราก็รีบซิ่งไปที่สนามบินทันที 


     


     "ตี้จ๋า อย่าลืมซื้อของฝากที่ไทยมาฝากพี่นะ"


 


     "ผมจะเอาชุดไทยมาฝากพี่แล้วกัน พี่ใส่แล้วน่าจะดูเรียบร้อยมากกว่านี้หน่อย"


 


     "นี่ยังไม่ไปก็กัดกันซะและ"


 


     "..." ผมนั่งยิ้มเงียบๆไม่ตอบอะไร ไม่นานเราก็มาถึงสนามบินซึ่งแน่นอนว่าแฟนคลับที่เกาหลีของผมก็ล้นหลามเหมือนกัน 


 


     "เอลิออสจะไปอยู่ที่ไทยนานมั้ยคะ"สาวๆร้องถามเสียงใส ผมได้แค่หันไปโค้งและยิ้มให้ก่อนจะเอาหน้ากากมาใส่ไว้ ที่นี่มีการ์ดเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้วเหลือที่สำคัญเลยคือคนค้นตัวที่เป็นหญิงวัยรุ่น เธอชอบค้นตัวผมโดยการกอดนานๆแล้วค่อยสแกน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกกลัวในบางครั้ง


 


     "เดินทางปลอดภัยนะตีตี้" ผมหันไปมองผู้จัดการที่โบกไม้โบกมือส่งผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมทำเป็นไม่สนใจและรีบเดินขึ้นเครื่องไปนั่งที่ตัวเองให้เรียบร้อย เพราะผมต้องการความสงบ แอร์โฮสเตสที่นี่สวยมากและผมเดินทางบ่อยทำให้พวกเขารู้ว่าผมต้องการไม่ต้องการอะไร ผมอยู่ชั้นเฟิร์สคลาสซึ่งเป็นชั้นที่เหงาหงอยและส่วนตัวมาก ผมชอบที่สุดก้คือการนอนอยู่เงียบๆในนี้จนกว่าจะถึงจุดหมาย ใช่ ตอนนี้ผมง่วงสุดๆเลยปิดโทรศัพท์แล้วนอนนอนยาวไปเลย


 


     "คุณเอลิออสคะ ถึงแล้วค่ะ"ด้วยความงัวเงียผมพยายามลืมตาตัวเองขึ้นมาและเห็นแอร์ฯคนสวยกำลังพยายามปลุกผม ในที่สุดผมก็ถึงประเทศไทยแล้ว และที่นี่คือที่ๆผมรักรองลงมาจากที่จีนและเกาหลี ผมลงมารอรับกระเป๋าพร้อมกับการ์ดสองสามคนพร้อมกับขบวนแฟนคลับที่เดินตามมาถ่ายคลิปเวลาพูดด้วย


 


      "เอลิออสจะมาอยู่ที่นี่นานมั้ยคะ"มีสาววัยกำลังสดใสคนหนึ่งถามผมขณะที่อัดคลิปอยู่ ผมถอดหน้ากากออกโชว์ผิใพรรณอันดีงามและตอบเค้าไวา


 


     "ไม่แน่ใจครับ มันก็แล้วแต่สถานการณ์ว่าจะมีงานด่วนเข้ามาหรือเปล่า...แล้วพากันมานานหรือยังครับ"ผมถามตอบกลับไปด้วยภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วเพราะเคยอยู่ที่นี่4ปีและได้พูดแต่ภาษาไทยสำเนียงไทย ผมเรียนรู้เร็วเลยทำให้พูดไทยได้ชัดเจน


 


     "เรามากันตั้งแต่ตีสอง เพราะไม่รู้ว่าเอลิออสจะขึ้นเครื่องมาเมื่อไหร่"นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้ผมต้องน้ำตาคลอและอึ่งไปตามๆกัน


 


     "ห้ามร้องสิ ถ้าร้องพวกเราก็จะร้องนะ"มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้น"ทำให้ผมต้องฝืนอารมณ์เปลี่ยนมาเป็นยิ้มแทน ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำเพื่อคนอย่างผมขนาดนี้ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่มันเป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกรักและต้องการอยู่ตลอด


 


     "ขอบคุณที่อดทนเพื่อที่จะได้เจอผมแค่ไม่กี่นาที พี่ไม่ต้องกันครับ...คนไทยน่ารักอยู่แล้ว" ใช่แล้วสิ่งที่ผมพูดทำให้มั้งสนามบินต้องสั่นสะเทือนเพราะเสียงกรี๊ดอันล้นหลามจากแฟนคลับของผม ผมไม่อยากให้การ์ดมากันจริงๆนะเพราะมันเหมือนเป็นกำแพงบางๆที่สร้างระยะห่างให้ผมกับแฟนคลับ พวกเขากำลังจะเลิกกั้นการ์ดแต่ก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจเพราะคนของบริษัทเอเจนซี่กำลังเดินตรงมาทางผมพร้อมการ์ดอีกเป็นสิบๆคน คือมารับซุปตาร์หรือมารับเจ้าพ่อมาเฟียผมถามจริงๆ แต่สิ่งที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยคือเทรนเนอร์คนสวยของผมนั่นเอง


 


     "ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ พวกเรารีบไปกันเถอะ" ผมยังไม่ได้ทำอะไรก็มีการ์ดเดินมาลากเอากระเป๋าไปและรีบเดินไปที่หน้าสนามบินอย่างรวดเร็ว 


 


     "ไฮ~" เทรนเนอร์ตัวน้อยโบกมือทักทายผมด้วยหน้ายิ้มร่าแต่ตอนนี้ผมเริ่มอารมณ์ไม่ดีเพราะผมยังอยากคุยกับแฟนคลับต่อเลยได้แต่มองเธอด้วยหน้านิ่งแกมอารมณ์เสียหน่อยๆ


 


     "..." เธอทำหน้าหงอยและรีบเดินต่อไป มีรถมาจอดรอที่นี่สามคันซึ่งไม่ต้องคิดอะไรก็รู้ว่าอีกสองคันเป็นรถที่เอาไว้ให้การ์ดขึ้นมา เรารีบขึ้นรถและออกตัวอย่างรวดเร็วเหมือนผมกำลังดูหนังอยู่ดีๆแล้วมีคนกลอหนังเร็วขึ้นสองเท่า 


 


     "..."


 


     "..."เราทุกคนนั่งรถมาเงียบๆโดยมีเทรนเนอร์ของผมที่ตอนนี้เหมือนเธอจะเกร็งเป็นพิเศษ


 


     "ตื่นเต้นที่เห็นฉันหรือปวดฉี่ ทำไมต้องเกร็งด้วย"เทรนเนอร์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตารัวๆและตอบคำถามผม


 


     "ปะ เปล่า...ค่ะ แค่รู้สึกว่าคุณคงต้องการความเงียบฉันเลยเกร็งๆไปหน่อยค่ะ"


 


     "ฉันก็นึกว่าเธออยากเข้าห้องน้ำซะอีก ว่าแต่ทำไมเทรนเนอร์ถึงต้องเป็นคนมารับฉันเองด้วยล่ะ"ปกติผมไม่เคยเห็นเทรนเนอร์มาสนใจใยดีเรื่องการมาการไปของผม แต่เท่าที่ผมมองดูตอนนี้เธอเด็กตัวมาแนวจะไปเดตประมาณนั้นและยังฉีดน้ำหอมมาด้วยแบบนี้อาจจะเป็นเพราะเธอเองก็เป็นแฟนคลับของผมเหมือนกันก็เลยแต่งตัวมาซะสวยเพื่อมารับผม


 


     "ก็ทางบริษัทอยากให้เราทำความรู้จักและสนิทสนมกันไว้ ฉันเลยต้องออกมารับนายเองไง"เธอตอบด้วยท่าทางเขินและไม่ยอมมองหน้าผมเลย


 


     "แล้วทำไมต้องแต่งมาจัดเต็มด้วยล่ะ"ผมถามแหย่เธอเล่น


 


     "ฉันก็แค่อยากลองชุดใหม่ก็แค่นั้นเอง"


 


     "ไม่แต่งเหมือนปรไฟล์ก็สวยจะตายอยู่แล้วยัยบ๊อง"ผมหันหน้าไปมองนอกกระจกรถและพูดเบาๆคนเดียว


 


     "อะไรนะ ฉันไม่ค่อยได้ยิน"


 


     "ฉันบอกว่าเมืองไทยร้อนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก"


 


     "..." เทรนเนอร์ของผมได้แต่ทำหน้างงแบ๊วๆซึ่งมันน่ารักจริงๆน่ารักแบบธรรมชาติ และแล้วสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ายุงก็คลืบคลานเข้ามา ความเงียบทำให้ทุกอย่างเกร็งไปหมด ทำให้ตอนนี้อะไรก็ตามที่อยู่ข้างถนนสวยไปหมดเพราะต้องจ้องมันแก้เบื่อ


 


     ไม่นานเราก็มาถึงบริษัท ผมชอบที่นี่เพราะห้องพักเป็นอะไรที่Privateมากทำให้ผมคิดว่าการมาที่นี่คือการมาพักร้อนดีๆนี่เอง ผมให้การ์ดและคนอื่นๆแยกย้ายเหลือแค่เทรนเนอร์ตัวน้อยคนเดียวกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกหนึ่งใบ


 


      "ช่วยลากมันขึ้นมาที่ห้องให้ฉันหน่อยนะ เธอเป็นเทรนเนอร์ทำได้ไม่ยากหรอกเนาะ" ผมรู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องปฏิเสธอยู่แล้ว ผมแค่แกล้งแหย่เธอเล่นๆเท่านั้น


 


      "ได้สิ สบายมาก" นั่นเป็นคำตอบที่ผิดคลาดอีกเช่นเคย ผู้หญิงต้องหาข้ออ้างแสดงด้านอ่อนแอให้ผู้ชายเห็นสิ แต่เธอดันรีบลกกระเป่าผมไปที่ล็อบบี้เพื่อเอาคีย์การ์ดห้องผมและก็เดินลากกระเป๋าหนักอึ้งของผมเดินตรงไปขึ้นลิฟต์ทันที


 


     "เธอไม่หนักเหรอ"ผมถามเธอด้วยความแปลกใจ


 


     "ไม่นะ ฉันชินกับของหนักๆแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนที่ฉันยังไม่ได้มาสมัครฝึกงานที่นี่ฉันก็เคยผ่านงานพาร์ทไทม์หนักๆมาเยอะเลยล่ะ เพราะฉะนั้นกระเป๋าใบแค่นี้ของนายไม่ระคายมือฉันเลยล่ะ"


 


     "..."ผมได้แต่อึ้งและเงียบ ตอนนี้เราขึ้นลิฟต์มากันสองคนเงียบๆ แล้วเธอก็ยื่นคีย์การ์ดมาให้ผม


 


     "อ่ะนี่ คีย์การ์ดห้องนาย" ผมรับไว้ไม่ขัด  ห้องผมอยู่ที่ชั้น12ห้อง20 หมายเลขห้องเลยตรงกับวันเกิดผมพอดี 1220 เอาใจกันจังเลยนะบริษัทนี้


 


     "ยังไงวันนี้เธอก็ยอมมาลำบากเพราะฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง" เทรนเนอร์ของผมหันมามองในตาประกายเป็นวาวนั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังมองลูกหมาอยู่ เราขึ้นมาถึงชั้นที่20และรีบไปที่ห้องทันที ที่นี่จัดห้องได้เรียบหรูมากโมเดิร์นสุดอะไรสุดสมกับเป็นสำนักงานใหญ่มาก เราเข้าไปในห้องเพื่อจัดของ  ผมให้เทรนเนอร์นั่งรอผมที่ห้องรับแขกก่อนเพราะผมต้องจัดการตัวเองที่เหนียวเหนอะหน่ะ "เธอรอก่อนนะ ฉันต้องอาบน้ำก่อนเพราะตอนนี้อึดอัดมาก"


 


     "ได้สิ แต่ว่าเร็วๆด้วยล่ะ นี่มันก็ค่ำแล้วด้วย"


 


     "..."ผมเงียบและเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปแล้วรีบเตรียมของเพื่ออาบน้ำ ห้องน้ำที่นี่สะอาดมากและกว้างมากๆ ฝักบัวเป็นสีทองห้องน้ำตกแต่งเน้นสีโทนสบายตา ผมไม่รอช้ารีบอาบน้ำสระผมแต่งตัวด้วยความเร็วแสง เอาตรงๆคือทุกอย่างรวมกันแล้วเร็วสุดได้ที่ครึ่งชั่วโมง แต่ผมใช้เวลาอาบน้ำแค่สิบห้านาทีและเอาผ้าขนหนู้คาดเอวไว้เดินออกมาจากห้องน้ำและตรงไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม เหมือนผมจะลืมว่าที่นี่มีคนด้วย ผมหันไปมองเทรนเนอร์ที่ตอนนี้กำลังหลับตาปี๋เพราะความเซ็กซี่ของผม"เห้ย ฉันขอโทษนะ คือ...มันชินเลยคิดว่าอยู่คนเดียว" เทรนเนอร์เอามือขึ้นมาปิดตาตัวเองไว้นั่นมันทำให้ผมอยากแกล้งเธอ


 


     "ไม่เป็นไร นายก็รีบไปใส่เสื้อผ้าเถอะ" เทรนเนอร์บอกปัดแบบที่ตัวเองไม่เห็นอะไรเลย ผมดื่มน้ำเสร็จก็รีบเดินไปยืนตรงหน้าเธอและดึงมือของเธอออกทั้งสองข้าง"ทำไมนายแต่งตัวเสร็จเร็วจัง" เทรนเนอร์ของผมพูดจบแล้วเริ่มลืมตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะเหลือบไปมองทางอื่น


 


     "เธอไม่เคยเห็นของพ่อตัวเองรึไง ไม่ต้องกลัวขนาดนะนั้นหรอก"ผมพูดแซวเธอทำให้เธอหน้า


 


     "ฉันว่านายน่าจะรีบไปใส่เสื่้อผ้าได้แล้วนะ"


 


     "เธอรังเกียจฉันงั้นสินะ งั้นฉันไปก็ได้" ผมพูดพร้อมกับพยายามทองดูสีหน้าเธอก่อนจะหันหลังไป


 


     "เปล่านะ ฉัน ฉัน แค่เขินนะ....."เทรนเนอร์ของผมพูดพร้อมโบกมือไปมาทำให้มือของเธอสาวมาโดนผ้าขนหนูผืนน้อยผืนเดียวที่มีในตัวโดนกระชากทำให้ผมล้มไปทับที่เทรนเนอร์ตัวน้อยพร้อมกับการหลุดลุ่ยที่น่าอับอาย


 


     "ยัยโรคจิต!!!!!!/กรี๊ด!!!!!!" ด้วยความตกใจผมจึงตะโกนใส่ดทรนเนอร์ไปอย่างดังและส่วนเทรนเนอร์เองก็ตกใจกับการเซ็กซี่ขั้นสุดของผมทำให้เธอกรี๊ดออกมาด้วยเสียงที่ดังมากๆ ไม่นะ ตีตี้น้อยของพ่อต้องมาโชว์ครั้งแรกให้กับยัยบ๊องไม่ได้นะ ม้ายยยยยย~~~~

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา