สายสืบสุดอึด
-
9) บทที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรับคำขรึมๆ ก่อนที่จะถามต่อเนื่อง
“พวกแกสองคนพร้อมสำหรับรับงานใหม่นี้หรือยัง?”
“แล้วถ้าพวกเราจะบอกไม่พร้อมล่ะจะทำได้ด้วยเหรอท่านหัวหน้า?”
โอบกิจย้อนถามกลับตรงๆทำนองประชดประชัน
“ที่แกตั้งคำถามอย่างนี้ จะบอกว่าที่ผ่านมาฉันมอบหมายงานให้ทำส่วนมากจะเป็นการบังคับใช่ไหม?”
ถิรนัยหน้าขรึมย้อนถามกลับ
“ก็ส่วนมากมันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือครับคุณหัวหน้า ท่านมักจะสั่งๆแล้วก็ให้พวกเราไปทำเสมอมาน่ะสิ...ไม่เคยเลยจะมาถามความสมัครใจของพวกเราก่อนว่าพร้อมหรือพอใจสำหรับงานที่มอบให้ไปทำรึเปล่าโดยตลอดมาก็ว่าได้?”
“ที่ผ่านมาเอ็งไม่พอใจหรือวะโอบกิจ...?”
แม้น้ำเสียงจะออกมาอย่างจริงจัง แต่ทว่าหัวหน้าหน่วยงานที่ 2 หนุ่มต่างวัยสังกัดอยู่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรมากนัก ออกจะเป็นในทางเป็นกันเองด้วยซ้ำไป ก่อนที่จะว่าต่อเนื่อง
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจเกี่ยวกับงานที่มอบให้ทำก็บอกกันตรงๆในนะเพื่อน เอ็งกะข้ายังไงพวกเราก็เข้าทำงานในหน่วยงานสายสืบพิเศษนี่พร้อมๆกันอยู่แล้ว ถึงแม้ข้าจะเป็นหัวหน้างานของเอ็งก็จริง แต่ข้าก็ถือว่าเอ็งเป็นเพื่อนของข้าเสมอนะเว้ยอย่าลืม”
“ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่ก็อยากจะให้...”
เสียงของโอบกิจซึ่งทีแรกออกจะแข็งขืนก็เริ่มอ่อนลง ก่อนที่จะว่าออกมาต่ออย่างตรงๆจนได้
“เพียงแต่บางทีข้าก็น้อยใจเหมือนกันที่มีความรู้สึกเอ็งมอบงานให้ข้ากับเจ้าโด่งทำมันไม่ค่อยจะสลักสำคัญพอที่จะเป็นผลงานโชว์ให้คนอื่นๆเขาได้เห็นกันบ้างเลย”
“พวกเราจะไปเริ่มงานอย่างไรหรือครับหัวหน้า?”
โด่งระบือถามบ้าง โดยพยายามพูดแบบไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นสถานการณ์ภายในห้องทำงานของหัวหน้าในตอนนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะไม่ตรึงเครียดเสียแล้ว
“เอาอย่างนี้โอบกิจ ก่อนที่จะเริ่มสั่งงานอะไรใหม่ๆให้พวกเอ็งสองคนทำ ข้าขอเปิดอกคุยกับเอ็งอย่างลูกผู้ชายเลยก็แล้วกันวะ”
“ไม่เป็นไรครับหัวหน้า ผมกับน้าโอบกิจก็ทำหน้าที่ทำงานกันอย่างเดิมนั่นแหละครับ...ผมว่าที่น้าเขาพูดอย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะแกเครียดก็เลยพูดออกมาในลักษณะงอแงอย่างนี้ ความจริงแล้วคู่หูผมก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทุกครั้งอย่างเต็มที่แหละครับ”
โด่งระบือพยายามว่าไกล่เกลี่ยเพื่อไม่ให้ดูเป็นการหัวแข็งหรือแข็งข้อระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องจนเกินไปนัก แต่หัวหน้าถิรนัยของเขายกมือห้ามพร้อมเสียงเรียบๆอย่างขอความเห็น
“ผมเข้าใจคุณดีนะโด่งระบือว่าอยากให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ร่วมงาน...แต่ว่าครั้งนี้ผมขอเปิดโอกาสให้โอบกิจพูดได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจอะไร ถ้าเกิดไม่พอใจอะไรก็ว่ามาได้ตรงๆเลย ผมยินดีรับฟังเพื่อจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจยังไงล่ะ...คุณเห็นว่าเป็นยังไงล่ะ โอเครึเปล่า?”
“ถ้าเห็นว่าน่าจะเหมาะควร ผมก็แล้วแต่หัวหน้าเถอะครับ?”
หนุ่มฉกรรจ์เห็นด้วยพลางขยับนั่งตัวตรงกอดอก
ขณะที่ถิรนัยซึ่งเป็นหน้างานของพวกเขา ได้หันหน้าไปทางโอบกิจผายมือพร้อมเสียงอนุญาต
“เอาเลยเพื่อนเอ็งจะมีอะไรว่ากล่าวตัวข้าก็ขอให้ว่ามาได้อย่างตรงไปตรงมาเลย ไม่ต้องเกรงใจอะไรตอนนี้ไม่ต้องถือว่าข้าเป็นหัวหน้างานของเอ็ง ให้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อตอนที่พวกเรามาเริ่มเข้าทำงานใหม่ๆก็ได้”
โอบกิจทำหน้าจริงจังนั่งตัวตรง ก่อนที่จะว่าเสียงเข้มตามมา
“ถิรนัย ก็อย่างที่ข้าบอกเอ็งไปเมื่อกี้นี้น่ะ ว่าพวกข้าสองคนต้องการได้ทำงานที่มีมันสามารถที่จะแสดงผลงานออกมาได้ให้คนอื่นๆเห็นบ้าง หวังใจว่าเอ็งคงเข้าใจนะ?”
หัวหน้าในหน้าที่การงานของโอบกิจมองหน้า ของลูกน้องในหน้าที่การงานและเพื่อนร่วมงานเก่าก่อนที่จะว่าออกมา
“งานใหม่นี้ยังไงล่ะที่จะสร้างผลงานให้กับเอ็งเจ้าโด่งระบือได้ แต่ว่าปัญหาของมันก็คือมันค่อนข้างจะเสี่ยงและเป็นความลับไม่สามารถที่จะเปิดเผยให้ใครที่รู้จักรับรู้ได้...”
“แต่ทุกงานที่หัวหน้ามอบหมายให้พวกเราปฏิบัติการกระทำที่ผ่านมาก็เป็นความลับอยู่แล้วทุกครั้งนะครับ...?”
โด่งวิบากซึ่งเงียบไปครู่หนึ่งว่าให้ความเห็นขึ้นบ้าง
“แต่ครั้งนี้ต้องถือโหดกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา มันอาจจะหมายถึงชีวิตของพวกคุณทั้งคู่ด้วยก็ได้ใครจะรู้...และที่สำคัญทุกอย่างต้องเป็นความลับอย่างสุดยอดจะบอกให้ใครไม่ได้โดยเด็ดขาด แม้แต่คนใกล้ตัว”
หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมท่าทางก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันด้วย
“งานนี้ข้าจะไม่บังคับให้พวกแกทั้งคู่อย่างไรทั้งสิ้น เอาเป็นว่าข้าขอถามคำยินยอมจากปากของพวกแกตรงๆว่าจะรับงานนี้หรือไม่...ถ้าไม่ข้าก็จะมอบให้คู่อื่นไปทำแทน?”
เสียงจริงจังเน้นถาม
“รับสิวะไอ้ห่าก็เอ็งบอกเองไม่ใช่หรือว่างานนี้มันสามารถที่จะเป็นผลงานสร้างชื่อกันเลยไม่ใช่หรือไงกัน...?”
รับคำพร้อมกับย้อนถามกลับ
“ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่มันก็อย่างที่ว่าคือต้องแลกกับชีวิตส่วนตัวของพวกเอ็งทั้งคู่ที่จะต้องเสียไปเป็นอย่างมาก และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าภารกิจที่ข้าจะมอบให้พวกแกทำนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ด้วย...หวังใจว่าพวกเอ็งคงจะเข้าใจที่บอกไปนะ”
“เออข้าเข้าใจ...”
โอบกิจรับคำ
“ผมเข้าใจครับหัวหน้า”
โด่งระบือก็รับคำหนักแน่นเช่นกัน
“ดี ถ้าอย่างนั้น ก็มาว่าถึงงานที่จะมอบหมายให้ไปทำเลยก็แล้วกัน...”
ถิรนัยว่าอย่างเป็นงานการ
ซึ่ง 2 คู่หูต่างวัยก็ตั้งอกตั้งใจฟังรับงานใหม่อย่างเต็มที่เช่นกัน
“งานก็คือคุณเจตน์ที่มาดูพวกแกเมื่อครู่ที่ผ่านมาต้องการให้มีคนปลอมตัวเป็นจรัสพงศ์บุตรชายของเขา เพราะเขาสืบรู้มาว่ามีคนต้องการจะปองร้ายลูกชายของเขานั่นเอง...ซึ่งงานของแกนะเจ้าโด่งก็คือการไปเป็นคุณจรัสพงศ์แทนตัวจริงเขา และก็คอยสอดส่องสืบมาให้ได้ว่ากำลังจะปองร้ายเขา ถ้าเป็นไปได้ก็รีบรายงานมาให้ฉันได้รับรู้ แต่ถ้าจวนตัวจริงๆจะจัดการอย่างไรก็เห็นสมควรก็แล้วกันเพราะข้าก็รู้ๆอยู่ว่าพวกวายร้ายที่มันจะคิดการอย่างนี้ไม่มีวันปราณีปราศรัยอะไรเป็นแน่ ฉะนั้นถ้าเพื่อต้องการป้องกันตัวเองแล้วก็ให้จัดการได้อย่างเต็มที่ไปเลย...”
“ได้ครับหัวหน้า”
โด่งระบือเสียงเข้มรับคำ
“แล้วฉันล่ะเจ้าหัวหน้า...จะให้ไปกับเจ้าโด่งมันในหน้าที่อะไรกัน?”
โอบกิจถามบ้าง
“อะไรก็ได้ คอยสอดส่องช่วยกันดูกับเจ้าโด่งมันและถ้าเป็นไปได้ก็คอยคุ้มครองเจ้าโด่งมันด้วยก็แล้วกัน เพราะตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าโด่งที่สวมบทบาทอยู่ อาจจะไม่ทันได้ระมัดระวังตัวอะไรถ้าเกิดมีใครคิดจะลอบทำร้ายมันเอาได้...เอ็งทำได้ใช่ไหมโอบกิจ?”
ย้อนถามกลับเสียงจริงจัง
“ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนครับท่านหัวหน้าถิรนัย...รับรองได้ผมจะดูแลเจ้าโด่งมันอย่างเต็มที่ไปเลยไม่ยอมให้ใครมาเล่นงานมันง่ายอย่างแน่นอน...ท่านหัวหน้าไว้ใจผมได้เลย...”
“งานนี้ได้เกิดล่ะกู...”
โอบกิจคิดในใจอย่างลิงโลดขณะที่รับปากกับหัวหน้างานไปด้วยอยู่นั้น...
(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่ ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด ทักเข้ามานะ...)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ