ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก
-
เขียนโดย เจ้าหนอน
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.
19 ตอน
1 วิจารณ์
17.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ตอนที่ 14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ 3 เดือนผ่านไป ฉันนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานที่หอสภาฯ ทำไมงานวันนี้มันเยอะจังเลยนะ หลังจากที่ฉันกลับมาถึงโรงเรียนงานทุกอย่างก็พร้อมใจส่งมาให้ฉันจัดการ ทั้งเรื่องนักเรียนที่ขาด ย้าย หรือลาออก ไหนจะเรื่องงานเทศกาลอีก อะไรจะเยอะขนาดน้านนนนนน!!!! T^T “เฮ้อ~ แล้วอย่างนี้มันจะเสร็จมั้ยเนี่ย!!” ฉันบ่น งานที่ฉันกำลังปวดหัวอยู่ตอนนี้คือแผนงานงานเทศกาลของโรงเรียน ซึ่งฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเป็นแบบไหนดี ระหว่างแบบสากลหรือแบบประจำชาติ ก็มันน่าสนใจทั้งสองแบบนี่นา ก็เลยเลือกไม่ถูกว่าจะเอาแบบไหน “ฉันช่วยมั้ย?” แต่เสียงหนึ่งก็ดังขัดจังหวะการตัดสินใจของฉัน แม่จะฆ่าให้ตายเลย!!! “คุณ!!!” ฉันลุกพรวดทันที เขาคนนั้น!! “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอซะหน่อย” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!! “คุณออกไปเลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก คุณไม่ได้ยินหรือไง!!” ฉันแผดเสียง ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เขา ฉันไม่ต้องการเจอเขาอีก แต่เขาก็ยัง…..!! “ก็ฉันอยากจะยุ่งกับเธอหนิ แล้วเธอจะทำไม?” เขายักคิ้วกวนประสาทฉัน หนอย~อย่าอยู่เลย!!! หมับ! เมื่อฉันปล่อยหมัดออกไปเขาก็สามารถรับไว้ได้อย่างเชี่ยวชาญ พลางรวบตัวฉันเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว แถมกอดฉันแน่นอีกต่างหาก!! “ปล่อยฉันนะ!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย! อุ้บ!!” ฉันดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เมื่อเขาเอื้อมมือมาปิดปากฉันเอาไว้ พลางรวบมือฉันไปไว้ด้านหลัง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่านะ เหมือนกับว่าเขาเอาอะไรมามัดมือฉันเอาไว้เลย เขาทำอะไรน่ะ!! “อยู่นิ่งๆซะโนริ ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธ” เขาพูดชิดใบหูทำเอาฉันขนลุกซู่ รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างช่วยไม่ได้ ความจริงฉันก็ไม่อยากทำนะ แต่ถ้าไม่หยุดล่ะก็…… ดาบที่จ่ออยู่ที่คอมันต้องได้ทำหน้าที่ของมันแน่!คนบ้า! ขี้โกง!! “อย่าเล่นบ้าๆนะ!” ฉันมองดาบสีเงินที่จ่ออยู่ที่คออย่างไม่สบอารมณ์ หมอนี่มันขี้นโกงนี่นา ไอ้พวกชอบใช้กำลังมากกว่าสมอง!! “ฉันไม่ได้เล่น ถ้าเธอยังไม่ยอมอยู่นิ่งๆล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนละกัน” เขาพูดเสียงเย็น หมอนี่มันมีมากกว่าหนึ่งบุคลิกใช่มั้ย? ทำไมอารมณ์ของหมอนี่ไม่เคยอยู่กับที่เลยล่ะ “จะเอาอะไรกับฉันกันแน่ แล้วมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไม” ฉันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ อีกอย่างฉันมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นเลยว่าหมอนี่ไม่ใช่คนธรรมดา คนธรรมดาที่ไหนเขาจะพกดาบในโรงเรียนล่ะเออ หรือถ้าพกจริงๆก็ต้องมีคนเห็นสิ แต่นี่อะไร ตอนหมอนี่เข้ามาฉันยังไม่เห็นดาบนั่นเลย จู่ๆมันโผล่มาได้ไงล่ะ เป็นใครเขาก็ไม่คิดว่าหมอนี่เป็นคนธรรมดาหรอกนะ “ยุ่งวุ่นวายหรอ? พูดอะไรอย่างนั้น ฉันอยากช่วยเธอนะ เห็นเธอนั่งทำงานทั้งวัน ฉันในฐานะที่เป็นโจ๊กเกอร์ของสภาฯ ฉันก็อยากจะช่วย” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี นั่นไงเปลี่ยนอารมณ์เร็วชะมัด ว่าแต่….โจ๊กเกอร์งั้นหรอ? “คุณกำลังจะบอกว่า คุณเป็นสมาชิกสภาฯงั้นหรอ!! O.O!” ฉันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขสิ!ใครเป็นคนเอาหมอนี่เข้าสภาฯ!! ฉันจะฆ่ามัน!!! “ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนพาฉันเข้าสภาฯ คำตอบคือ เธอนั่นแหละ” เขาพูดอย่างเหนือกว่า ว่าไงนะ!! ฉันเนี่ยนะเอาเขาเข้าสภาฯ เป็นไปม่ายด้ายยยยยย!!!!!!!!! “มันเป็นไปแล้ว เธอเป็นคนพาฉันเข้าสภาฯเอง แถมเป็นคนพูดกรอกหูฉันให้ลงสมัครคิง แล้วสร้างผลงานให้ตัวเองน่ะ” เขาพูดในขณะที่ปล่อยฉันเป็นอิสระ หมายความว่ายังไงกันแน่? “เอาน่าๆงานแค่นี้ไม่เห็นต้องกลัวเลย แล้วอีกอย่างถ้านายมีหลักฐานจับคนร้าย ตำแหน่งคิงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ^^” “ข่าวว่าฉันไม่อยากเป็นนะ -_-^^” “นายอยากรู้หรือเปล่า ว่าทำไมฉันถึงอยากให้นายเป็นคิง” “ไม่อ่ะ” “แต่ฉันอยากบอก” คำพูดบางคำค่อยๆไหลเข้ามาในหัว ถึงแม้จะไม่อยากเชื่อแต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าคำพูดทั้งหมดมันฟังหูคุ้นหูเหลือเกิน เหมือนกับว่าฉันเป็นคนพูดมันเองอย่างนั้นแหละ ไม่จริงน่า ฉันพูดมันตอนไหนกัน! “เราลืมอะไรไปบางอย่าง” “เรื่องหลักฐานทั้งหมด พร้อมทั้งการจับตัวคนร้าย สืบหาข้อมูลเรื่องคดี ทุกอย่างที่ดิฉันนำมาพูดในที่ประชุมในวันนี้ เป็นฝีมือคุณไอระค่ะ ^^” “หมายความว่ายังไง คุณเอรินะ?” “อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะทุกท่าน คุณไอระเป็นคนจัดการหาหลักฐานทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง ทั้งสะกดรอยตามคนร้าย แอบถ่ายภาพ ทุกอย่างคือฝีมือคุณไอระ” “คุณเป็นคนทำจริงๆหรอเนี่ย!!” “นี่แหละ ว่าที่คิงในอนาคต” “โอ๊ยยยยย!!!” ฉันกุมศีรษะเมื่อรู้สึกปวดหัวเหมือนหัวมันจะระเบิด จนสุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหวทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างสูงที่เคยยืนสบายอารมณ์ถึงกับปรี่เข้ามาดูอาการฉันด้วยสายตาที่เป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า ไม่ไหว ฉันทนไม่ไหวแล้ว!!!!
ฉันกระพริบตาสองสามทีเพื่อเรียกสติตัวเอง หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองหมดสติไป แต่ก่อนที่ฉันจะหมดสติไปเหมือนกับว่าความทรงจำที่ขาดหายไปบางส่วนมันค่อยๆกลับมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าความทรงจำที่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น ฉันลืมเขาไปจริงๆงั้นหรอ? ทำไมฉันถึงลืมเขาล่ะ มันต้องมีเหตุผลสิ “ฟื้นแล้วหรอ?” เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ฉันต้องเลิกนวดขมับตัวเอง แล้วหันไปมองต้นเสียง เขาคนนั้นเอามือเท้าคางนั่งมองฉันที่ข้างเตียง เขาอยู่เฝ้าฉันหรอ? “นี่ฉันหลับไปนานขนาดไหนน่ะ?” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีร่างสูงคอยช่วย ก่อนจะนั่งพิงหัวเตียง “เกือบวันเลยล่ะ ฉันเลยพากลับมาที่คอนโดฯของฉันก่อน” เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่าไงนะ!! คอนโดฯของเขางั้นหรอ!!! “คุณว่าไงนะ!! ที่นี่คือคอนโดฯของคุณ? แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม!?” ฉันแผดเสียงถามเขาเป็นชุด หมอนี่มันเป็นพวกลักหลับหรือเปล่าเนี่ย!!! “ขนาดความทรงจำกลับมาบ้างแล้ว เธอยังไม่เลิกเรียกฉันแบบนี้อีกหรอ?” “คุณรู้?” ฉันถามอย่างแปลกใจ เขารู้ได้ไงว่าฉันลืมเขา แถมยังรู้อีกด้วยว่าความทรงจำบางส่วนของฉันกลับมาแล้ว “คุณรู้ได้ไงว่าความทรงจำของฉันเกี่ยวกับคุณมันกลับมาแล้วน่ะ” “ไม่บอก” เขาลอยหน้าลอยตาตอบ หมั่นไส้!!! “มันต้องมีเหตุผลสิว่าทำไมฉันถึงลืมคุณ แล้วปฏิกิริยาของฉันเวลาเจอคุณด้วย ฉันต่อต้านคุณมากเลยนะ เพราะอะไรกัน” ฉันถามขึ้น ฉันสงสัยจริงๆนะ ทั้งที่ฉันมั่นใจว่าฉันเพิ่งรู้จักเขา แต่ทำไมฉันถึงต่อต้านเขานัก เหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเขาทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยหรือว่าทำให้ฉันเสียใจอะไรทำนองนั้น จนจิตใจของฉันลืมเรื่องเขาไปจนหมด แล้วต่อต้านเขาอย่างรุนแรงอีกต่างหาก “มันอาจจะเป็นอย่างที่เธอคิดก็ได้ ฉันทำให้เธอเสียใจอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันทำให้เธอเสียน้ำตาเพราะเรื่องในอดีตของตัวเอง ชอบทำรุนแรงกับเธอ เอาแต่ใจ จนเธอทนไม่ได้แล้วลืมฉัน….” เขาเอ่ยท่ามกลางความเงียบ งั้นหรอ? ฉันลืมเขาจริงๆสินะ “นั่นก็หมายความว่าฉันไม่ต้องการจดจำคุณอีกต่อไป แค่นี้มันก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่งกับฉัน ไม่ต้องการโดนคุณทำร้ายจิตใจอีก เพราะฉะนั้นคุณก็น่าจะปล่อยฉันไป….” “ไม่มีทาง!!!” เขาพูดแทรกก่อนที่ฉันจะพูดจบ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่อยากให้ฉันลืมเขา มันมีแต่ความเจ็บปวด ห่วงหา แต่ฉันกลับลืมมันไปแล้ว เราปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมรอบตัว ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลยให้ตายสิ อึดอัดชะมัด ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหมือนเป็นการตัดบทสนทนา ส่วนฉันเองก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เหนื่อยจังเลยแฮะ ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาไม่หยุดเลย จนฉันชักจะไม่ไหวแล้วนะ เป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าฉันจะได้กลับบ้าน เพราะเขาไม่ยอมให้ฉันกลับสักที แต่สุดท้ายเขาก็พามาส่งที่บ้านจนได้ แต่ว่านะ……. “ทำไมเราต้องกลับด้วยการบินล่ะ กลับแบบปกติไม่ได้หรอ?” ฉันถามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง ก็ดูเขาสิ ฉันก็พอรู้อยู่หรอก ว่าเขาไม่ใช่คนปกติ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะเป็นเทพสวรรค์เหมือนฉันด้วย แถมเวลาพามาส่งเขาบินมาส่งหนำซ้ำยังอุ้มฉันเอาไว้อีก ไม่เหนื่อยหรือไงนะ? “เลิกถามได้แล้วน่า จะถึงบ้านอยู่แล้วนะ” ส่วนเขาก็พูดแบบนี้เป็นครั้งที่ร้อยเหมือนกันมั้ง ก็แหม~ อยู่กับเขานานๆแล้วมันรู้สึกแปลกๆนี่นา “ถ้าจะพากลับด้วยวิธีนี้ฉันกลับเองก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมาส่งเลย” ฉันบ่นอย่างเอือมๆแต่ถ้าไม่ให้เขามาส่งฉันก็ไม่มีทางได้ออกมาคอนโดฯเขาแน่ เชื่อเถอะ + + คฤหาสน์เอนาริ + + เมื่อมาถึงบ้านแทนที่เขาจะกลับไปเลย แต่เขากลับมีหน้าเดินไปทักทายท่านพ่อกับท่านแม่อีก แถมท่านพ่อกับท่านแม่ก็เอ็นดูเขาอีกด้วย เคยรู้บ้างมั้ยว่าเขาเป็นตัวอันตราย แล้วที่เขาเข้ามาบ้านนี้ก็ไม่ได้เข้ามาทางประตูด้วย -_-^^ “แหม~ลูกชายของท่านนายพลหล่อสมคำล่ำลือจริงๆ ว่ามั้ยคะคุณ?” ท่านแม่เอ่ยปากชมก่อนจะหันไปถามความเห็นจากคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆเอาเข้าไปแม่ฉัน -_-^^ “อืม ผมก็ว่าอย่างนั้น” ส่วนท่านพ่อก็ดันบ้าจี้ไปกับท่านแม่ซะงั้น เชื่อเลย “ไม่ ขนาดนั้นหรอกครับ คุณอาก็ชมเกินไป” ส่วนเขาก็พูดแบบถ่อมตัวสุดๆ สร้างภาพอ่ะดิ ฉันนั่งดูบทสนทนาพวกนั้นผ่านกล้องที่ติดไว้ที่ห้องรับแขก ไม่อยากลงไปขัดคอพวกเขาสักเท่าไหร่หรอก อีกอย่างฉันล่ะหมั่นไส้เขาเต็มทน ขืนลงไปมีหวังวีนแตกแน่ “ว่าแต่ ไอระคุงยังไม่มีคนรักอีกหรอลูก อาว่าน่าจะมีได้แล้วนะ” จู่ๆท่านพ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยๆ คนรักหรอ? อย่างเขาหาคนรักเป็นตัวเป็นตนไม่ได้หรอกเชื่อสิ “ไม่ล่ะครับ ผมยังอยากทำหน้าที่ลูกที่ดีให้มากกว่านี้ก่อน อีกอย่างมันไม่สะดวกต่อการเรียนเท่าไหร่ถ้าผมจะมีแฟนตอนนี้” บอกได้คำเดียวว่าตอบได้สร้างภาพสุดๆ อย่างเขาเนี่ยนะยังไม่อยากมีแฟน กลัวเรตติ้งตัวเองตกก็ว่ามาเถอะหรือไม่ก็อาจจะหวงคานมากน่าจะดีกว่าตอบแบบนั้นนะ “ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้ คุณแม่ปลื้มที่สุด ^O^!” ท่านแม่ออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ชอบขนาดนั้นก็จับฉันแต่งงานกับเขาเลยสิ เฮ้ยๆ!! คิดไปได้ยังไงเนี่ย!! “คุณคิดเหมือนผมมั้ย? ว่าเราควรจะให้ลูกสาวที่น่ารักของเราดูตัวกับไอระคุง แล้วทำเรื่องหมั้นให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย” ตาฉันแทบทะลุออกมานอกเบ้า ท่านพ่อคิดอะไรกันเนี่ย!!! ไม่มีทาง!! “ปรึกษากับทางญาติผู้ใหญ่ของไอระคุงก่อนไม่ดีกว่าหรอคะคุณ? แถมไอระคุงเขาบอกแล้วว่ายังไม่อยากมีแฟนตอนนี้” โชคยังดีที่ท่านแม่เอ่ยปากขัดก่อน ใช่ๆฉันเองก็ไม่อยากมีคู่หมั้นอย่างเขาเหมือนกัน!! “ไอระคุงคิดว่าไง?” อ้าวๆไปถามเขาแบบนั้นได้ไง เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าการดูตัวมันเป็นแบบนี้ ฉันนึกว่าต่างคนต่างไม่รู้จักกัน แล้วถูกจับให้ดูตัวซะอีก ความจริงถ้าเราสองคนรู้จักกันแล้ว ก็น่าจะให้หมั้นเลยจะได้จบๆไม่ต้องวุ่นวานดูตัวซะให้ยาก ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากหมั้นกับหมอนั่น!! (คิดเองโกรธเองเป็นด้วยคนเรา : ผู้เขียนจอมวีน) “ทางผู้ใหญ่ว่ายังไงผมก็ว่ายังงั้นแหละครับ” ส่วนเขาก็ตอบแบบไร้ความรับผิดชอบสุดๆ ได้ไงอ่ะ!! “เอาเป็นว่าอา ไม่สิ พ่อจะคุยเรื่องนี้กับทางผู้ใหญ่ของไอระคุงอีกที เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ ว่าที่ลูกเขยในอนาคต” ถามความเห็นฉันบ้างเซ่!! “ฝากตัวด้วยนะครับคุณพ่อ คุณแม่ ^^” เอาเข้าไป นี่เท่ากับว่าเป็นการจองตัวเลยน่ะสิ!! ไม่ต้องไปแล้วไอ้เรื่องดูตัวน่ะ เลิกไปเลยถ้าจะทำแบบนี้น่ะ!! ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเขารู้กันแน่ว่าฉันแอบติดกล้องไว้ที่ห้องรับแขก ถึงได้หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ฉันเหมือนรู้ว่าฉันดูอยู่ ไม่มีทาง!เรื่องหมั้นอะไรแบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก!! ฉันปิดโน๊ตบุ้คลงอย่างไม่สบอารมณ์ งานนี้ท่านพ่อกับท่านแม่เอาจริงแน่ ฉันลืมบอกไปใช่มั้ยว่าฉันเคยล้มงานดูตัวที่ทั้งสองท่านจัดขึ้นจนเละไม่เป็นท่า แสดงว่ายังไม่เข็ดสินะ ดี! ฉันจะล้มงานนี้ให้เละไม่เป็นท่าเหมือนกัน ^^!! “คิดว่าทำได้หรอ?” แต่เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้ง เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย!!! “คุณ!! กรี๊ดดดดดดด!!เข้ามาได้ไงเนี่ย!!!” ฉันแผดเสียงทันที ตกใจนะที่มีคนเข้ามาในห้องโดยที่ฉันไม่รู้ตัวน่ะ “ร้องไปเถอะ กรี๊ดไปเถอะ ไม่มีใครเขาได้ยินเธอหรอก เพราะฉันร่ายเวทย์ดูดกลืนเสียงเอาไว้แล้ว ^^” “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเครียดสะสมหรือเพราะว่าฉันโกรธเขากันแน่ ฉันถึงได้กรี๊ดปานโลกแตกขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆฉันชักปรี๊ดแล้ว “พอใจยัง?” หลังจากที่ระบายอารมณ์จนพอใจร่างสูงที่เอามืออุดหูเอาไว้ออกก็ถามขึ้น ใครใช้ให้มาฟังฉันกรี๊ดล่ะ “ยัง!” ฉันพูดพลางทำท่าจะกรี๊ดอีกรอบ แต่ช้าไปเพราะร่างสูงปรี่เข้ามาปิดปากฉันก่อน และด้วยความที่เขาทำทุกอย่างเร็วเกินไป เราสองคนเลยเสียหลักล้มลงบนตียง “อ่อยอะ!! อัก!!” ฉันร้องประท้วงในลำคอเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจากปากฉันซะที แล้วทำไมต้องล้มทับฉันด้วยเนี่ย!! ถ้าเขาตัวเท่าวาโตรุฉันจะไม่บ่นเลยนะ แต่นี่…… เอ๊ะ!! สายตาแบบนั้นมัน…. ด้วยความที่เราอยู่ใกล้กันมากเกินไป เราเลยสบตากันโดยบังเอิญ สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เหมือนกับว่าฉันสำคัญกับเขามาก ฉันเคยเห็นแววตาแบบนี้จากใครกันนะ? “โอ๊ยยยย!!” ฉันกุมขมับเมื่อรู้สึกปวดหัวตุ้บๆ ความทรงบางอย่างค่อยๆแทรกเข้ามาในหัวอะไรกันน่ะ!? “เทสึ เหนื่อยมากมั้ย” “ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ก็เธอเป็น(เพื่อน)คนสำคัญนี่นา” “ขอบใจนะ ^^” ภาพที่ฉันเห็นคือภาพที่ฉันกำลังกอดผู้ชายคนหนึ่ง ฉันรู้สึกเป็นห่วงเขามาก เขากำลังจะลงแข่งบาสเพื่อช่วยฉัน เขาคนนั้น…… “สุขสันต์วันเกิดนะ ^^” “นี่มัน…O.O!” “ฉันแกะเลยได้มั้ย?” “ตามใจสิ ฉันให้นายแล้วหนิ” ภาพวันเกิดของเขาคนนั้น เขามองของขวัญที่ฉันซื้อให้ด้วยแววตาที่มีความสุขจนคนมองอย่างฉันก็มีความสุขไปด้วย เขาอีกแล้ว…. “ไลค์ สตาร์ O.O!!” “ฉันเอง” “ปล่อยฉันนะ อีตาบ้า!!” “พูดใหม่อีกทีสิ” “ก็บอกให้ปล่อยไงเล่า!!! ปล่อยๆๆๆ!!” “อย่ามากวนประสาทฉันนะยัยบ้า!” “อย่ามาเรียกฉันว่ายัยบ้านะ! อีตาเทพขี้เก๊ก!!” ภาพวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากงานที่ทำจนต้องกลับร่างเทพเพื่อไปหาที่สงบๆอยู่ แต่ก็เจอกับใครบางคน เขาอีกแล้ว…. “โนริ ได้ยินฉันมั้ย?” เสียงจากร่างสูงที่คร่อมฉันอยู่เรียกสติฉันให้กลับคืนมา เขากับคนที่อยู่ในภาพ…เขาเป็นคนๆเดียวกันงั้นหรอ? ทำไมเขาสองคนถึงได้เหมือนกันจัง “ได้ยิน” ฉันตอบรับเสียงของเขา เหมือนกันจริงๆนั่นแหละ เขาเป็นคนคนเดียวกันจริงๆหรอ? “เธอเงียบไปนานเลยนะ คิดอะไรอยู่?” เขาถามดวงตาสีมรกตจ้องเข้ามาในดวงตาฉันเหมือนต้องการคำตอบ ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ เพียงแต่…. “เปล่าหรอก แค่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้น่ะ เกี่ยวกับ…คุณ” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ร่างสูงอมยิ้มนิดหน่อยก่อนจะผละออกจากฉัน ฉันเลยลุกจากเตียงแล้วถอยห่างจากเขา “ฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นเลยให้ตาย มันทั้งเจ็บปวด ทรมาน สับสน นี่มันเรื่องอะไรกันนะ” ฉันพึมพำอยู่คนเดียวแต่ดูเหมือนเขาจะได้ยินถึงได้หันมามองฉัน “ไม่อยากจดจำเรื่องพวกนั้นมากเลยหรอ? มันเจ็บปวดทรมานมากเลยหรอ? เธอถึงอยากลืมมัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเศร้าอย่างน่าใจหาย ก็เพราะมันไม่น่าจดจำไม่ใช่หรอ ฉันถึงได้ลืมน่ะ “ฉัน…ไม่รู้” ถึงแม้คำตอบที่ตอบออกมาจะไม่ได้ฟังดูดีแต่มันก็น่าจะดีกว่าตอบว่า ‘ฉันไม่อยากจำมัน’ “แล้วเรื่องหมั้นล่ะ? เธอจะเอายังไง บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่ สาบานได้” เขาถามถึงอีกเรื่องที่ฉันไม่อยากรับรู้ ไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆงั้นหรอ? อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรั้งฉันไว้ได้นานแค่ไหน “ฉันไม่อยากหมั้นกับคุณ” ฉันพูดความจริงออกไป ฉันไม่อยากหมั้นกับเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉันกลัวว่าความเจ็บปวดจะตามมาถ้าฉันยังยุ่งกับเขา “ทำไม? ฉันไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ?” “ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันกลัวว่าความผิดหวัง ความเจ็บปวดจะตามมาถ้ายังยุ่งกับคุณ ขอร้องล่ะ ล้มเลิกเรื่องงานหมั้นได้มั้ย?” ฉันขอร้องเขา ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม “เสียใจด้วยนะโนริ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอไป เตรียมใจเอาไว้ให้ดี” จบคำพูดที่เหมือนคำขู่ ร่างสูงก็หายไปจากตรงนั้น เตรียมใจเอาไว้ให้ดีงั้นหรอ? ฉันจะไม่มีทางหนีเขาพ้นอย่างนั้นสินะ แต่ฉันซะอย่าง ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับท่องราตรี มันต้องมีเพื่อน ไม่สิคู่ควงถึงจะเวิร์ค ฉันเดินไปที่ห้องของพี่เซนฯก่อนจะเคาะประตูห้องเป็นเชิงของอนุญาต พี่เขาจะช่วยฉันมั้ยหว่า? “ใคร?” น้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ของเจ้าของห้องถูกส่งมา ซวยแล้วไงไม่น่ามาเคาะห้องพี่เขาเลย “อะ เอ่อ โนริเองค่ะ” ฉันตอบเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เซนฯเปิดประตูออกมาพอดี “ดึกแล้วจะไปไหน?” พี่เซนฯถามเมื่อเจอฉันที่อยู่ในชุดเดรสคล้องคอสีแดงเพลิง พี่เขาเองก็ไม่ต่างกันหรอก เสื้อเชิ้ตสีดำเปิดกระดุมสามเม็ดบน การเกงยีนที่มีโซ่ห้อยตามกระแส เท่อ่ะ >///<! “แล้วพี่ล่ะ?” ฉันถามกลับ แต่งตัวแบบนี้ใครคิดว่าอยู่บ้านก็แปลกแล้ว “เห็นๆกันอยู่ คงไม่ได้คิดที่จะทำเหมือนฉันหรอกนะ” พี่เซนฯพูดดักคอ รู้ทันซะงั้น “ประมาณนั้นค่ะ ก็เลยมาชวน” ฉันตอบ พี่เซนฯหัวเราะในลำคอหึๆ เป็นไปได้ยังไง!! พี่เขาแสดงอารมณ์ต่อหน้าฉัน!! ก็ปกติพี่เซนฯมักจะทำหน้านิ่งๆหรือไม่ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ซะมากกว่า “ชวนไปเป็นคู่ควงหรือไง” อ้าวเฮ้ย! อะไรจะรู้ทันขนาดนั้น!! “รู้มากขนาดนี้ไม่ต้องบอกแล้วมั้งคะ แล้วพี่จะไปมั้ย?” ฉันเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่เขาจะด่าฉันมั้ยอ่ะ เครียดจริงๆนะเนี่ย T^T “เอ๊ะ!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อพี่เซนฯจู่ๆก็ดึงมือฉันเข้ามาในห้องอะไรของเขาเนี่ย!! “ถ้าจะไปก็เปลี่ยนชุดใหม่ซะ ไม่งั้นเธอไม่รอดกลับมาแน่” พี่เซนฯยื่นชุดเดรสสีฟ้าเปิดไหล่ที่ยาวเหนือเข่ามาให้ ไปเที่ยวผับนะพี่ไม่ใช่เที่ยวสวนสนุก ถึงจะได้ให้ใส่ชุดแบบนี่น่ะ แต่ถึงอยากจะพูดแบบนั้นก็พูดไม่ได้เมื่อสายตาของฉันไปสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่มองมาอย่างข่มขู่เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่ฉันต้องเปลี่ยนชุดนี้แต่ต้องเป็นเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ด้วย!! ฉันคว้าชุดที่อยู่ในมือพี่เซนฯก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พลางเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมาหาพี่เซนฯที่นั่งรออยู่ที่โซฟา “ค่อยดีขึ้นหน่อย” พี่เซนฯเอ่ยขึ้นพลางมองฉันอย่างพึงพอใจ โหย~ไม่ต้องไปมันแล้วล่ะถ้าจะให้ไปในสภาพนี้น่ะ “ทำไมต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ ชุดเมื่อกี้ก็ดูดีออก” ฉันเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ เปลี่ยนทำไมอ่ะ? “เห็นฉันแบบนี้ฉันก็หวงน้องสาวตัวเองนะ” คำพูดของพี่เซนฯทำให้ฉันอึ้งไปเลย พี่เขาหวงฉันด้วยหรอ? “หมายความว่าไงคะ พี่ไม่ชอบโนริไม่ใช่หรอ?” ฉันถาม พี่เขาป่วยหรือเปล่า? “ไม่ใช่สักหน่อย มันเป็นนิสัยของฉันเธอเองก็น่าจะรู้นี่ ว่าฉันไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร ถ้าใครเข้าใกล้ฉันก็มักจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ หรือไม่ก็พูดจาไม่ดี” พี่เซนฯพูดขึ้น มันก็จริงเหมือนที่พี่เขาพูด พี่เซนฯไม่ชอบยุ่งกับใคร ชอบใช้ชีวิตแบบสันโดดมากกว่าอยู่กับคนหมู่มาก แต่เขาก็จริงใจกับคนอื่น นี่แสดงว่าที่ผ่านมาฉันคิดไปเองงั้นหรอเนี่ย! “พี่ขอโทษที่พี่ชอบทำแบบนั้น ก็พี่แสดงอารมณ์ในทางบวกเป็นซะที่ไหน” พี่เซนฯพูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พี่เขาต้องเขินแน่ๆ นี่แหละพี่ชายที่ฉันใฝ่ฝันอยากมีมาตลอด ^^ หมับ! “รักพี่ที่สุดเลย ^O^!” ฉันกระโดดกอดพี่เซนฯทันที พี่เขาชะงักไปนิดนึงก่อนจะกอดตอบ ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันได้กอดพี่ชายตัวเองแล้ว ^^ “พี่ก็รักเราเหมือนกัน” พี่เซนฯลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน พลางโยกตัวไปมา อย่ามากล่อมให้ง่วงสิพี่บ้า!! “อย่ามากล่อมให้ง่วงซะให้ยาก ไปเที่ยวกันเถอะ” ฉันผละออกจากพี่เซนฯเพราะพี่เขาไม่ยอมปล่อยฉันสักที “จ้าๆ” พี่เซนฯรับคำก่อนที่เราจะออกมาจากห้องพี่เซนฯแล้วตรงดิ่งไปที่โรงจอดรถก่อนจะมุ่งหน้าสู่ JH Pub + + JH Pub + + ในที่สุดก็มาถึงจนได้ นึกว่าจะไม่ได้มาซะแล้ว เมื่อพี่ชายสุดหล่อของฉันก้าวลงจากรถ ออร่าความหล่อกระเด็นเข้าตาทันทีกรี๊ดดดด!! พี่ชายฉันหล่อชะมัด >//< “มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง” แล้วก็หลงตัวเองอีกต่างหาก “เคย แต่ไม่เคยเห็นคนหลงตัวเอง ฮะ ฮ่าๆๆ ^O^” ฉันหัวเราะกับท่าทางของพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะฉันแซว น่ารักจังเลยพี่ใครหว่า “ไปเถอะพี่นัดเพื่อนเอาไว้ แต่อย่ามองหน้าใครเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้พี่ฆ่ามัน” พี่เซนฯขู่เอาไว้พลางจูงมือฉันเข้าไปในผับ แล้วอย่างนี้ฉันจะได้เที่ยวสมใจมั้ยเนี่ย!!รู้งี้ไม่ไปชวนซะดีกว่า เซ็ง! พี่เซนฯพาฉันมาที่โซน VIP แล้วพามาที่โต๊ะๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยเพื่อนๆของพี่เขา หล่อกันหมดเลยอ่ะ >///<!! “วันนี้พาสาวที่ไหนมาว่ะ น่ารักชะมัด พี่ชื่อนารุนะครับ น้องชื่ออะไรเอ่ย?” และแทบจะทันทีเมื่อฉันนั่งลง เพื่อนคนหนึ่งของพี่เซนฯก็ขายขนมจีบทันที จนพี่เซนฯหันไปทำตาขว้างใส่ “อย่ามายุ่งวุ่นวายกับยัยนี่เป็นอันขาดถ้าแกไม่อยากตาย” พี่เซนฯหันไปพูดกับพี่นารุด้วยน้ำเสียงเย็นๆ น่ากลัว T^T “อะไรว่ะไอ้เซน พาสาวมาแต่ไม่คิดที่จะแนะนำให้รู้จักหน่อยหรอว่ะ” ผู้ชายหัวแดงพูดขึ้นพลางมองมาที่ฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ส่วนฉันก็ยิ้มมุมปากไปให้ อย่างนายไม่มีทางที่จะจีบฉันติดหรอก “น้องสาวฉันเอง โนริ” สาบานได้ว่าพี่เซนฯกัดฟันพูด “น้องสาว!! นี่แกมีน้องสาวด้วยหรอว่ะ!?” ปฏิกิริยาของแต่ละคนไม่ต่างกันมากนัก แปลกใจ ตกใจ ประหลาดใจ นี่พี่เซนฯไม่ได้เล่าให้เพื่อนเขาฟังหรอว่าเขามีน้องสาว “ก็มีสิ แต่ไม่ได้เล่าให้ฟัง เดี๋ยวพวกแกจะคะยั้นคะยอให้ฉันพามา” พี่เซนฯพูดอย่างเอือมๆ ไม่เคยเล่าให้ฟังแต่พามาเปิดตัวเลยเนี่ยนะ!! คิดไปได้ -_-^^ ฉันกว้างสายตาไปรอบๆร้านเพราะรู้สึกแปลกๆเหมือนกับว่ามีคนจ้องอยู่ แล้วก็มีจริงๆนั่นแหละ เป็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งน่าจะประมาณสี่ห้าคน ดูจากสายตาแล้วน่าจะอายุพอๆกับพี่เซนฯสายตาที่พวกเธอมองมาไม่ค่อยเป็นมิตรไม่สิ มองฉันเหมือนเป็นศัตรูเลยล่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงผมสีทอง คงเป็นคนฝรั่งเศส มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่หลากอารมณ์ เกลียด ชิงชัง ดูท่าว่าเร็วๆนี้นรกคงมีคนไปเป็นสมาชิกเพิ่มนะ ^^
ฉันกระพริบตาสองสามทีเพื่อเรียกสติตัวเอง หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองหมดสติไป แต่ก่อนที่ฉันจะหมดสติไปเหมือนกับว่าความทรงจำที่ขาดหายไปบางส่วนมันค่อยๆกลับมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าความทรงจำที่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น ฉันลืมเขาไปจริงๆงั้นหรอ? ทำไมฉันถึงลืมเขาล่ะ มันต้องมีเหตุผลสิ “ฟื้นแล้วหรอ?” เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ฉันต้องเลิกนวดขมับตัวเอง แล้วหันไปมองต้นเสียง เขาคนนั้นเอามือเท้าคางนั่งมองฉันที่ข้างเตียง เขาอยู่เฝ้าฉันหรอ? “นี่ฉันหลับไปนานขนาดไหนน่ะ?” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีร่างสูงคอยช่วย ก่อนจะนั่งพิงหัวเตียง “เกือบวันเลยล่ะ ฉันเลยพากลับมาที่คอนโดฯของฉันก่อน” เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่าไงนะ!! คอนโดฯของเขางั้นหรอ!!! “คุณว่าไงนะ!! ที่นี่คือคอนโดฯของคุณ? แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม!?” ฉันแผดเสียงถามเขาเป็นชุด หมอนี่มันเป็นพวกลักหลับหรือเปล่าเนี่ย!!! “ขนาดความทรงจำกลับมาบ้างแล้ว เธอยังไม่เลิกเรียกฉันแบบนี้อีกหรอ?” “คุณรู้?” ฉันถามอย่างแปลกใจ เขารู้ได้ไงว่าฉันลืมเขา แถมยังรู้อีกด้วยว่าความทรงจำบางส่วนของฉันกลับมาแล้ว “คุณรู้ได้ไงว่าความทรงจำของฉันเกี่ยวกับคุณมันกลับมาแล้วน่ะ” “ไม่บอก” เขาลอยหน้าลอยตาตอบ หมั่นไส้!!! “มันต้องมีเหตุผลสิว่าทำไมฉันถึงลืมคุณ แล้วปฏิกิริยาของฉันเวลาเจอคุณด้วย ฉันต่อต้านคุณมากเลยนะ เพราะอะไรกัน” ฉันถามขึ้น ฉันสงสัยจริงๆนะ ทั้งที่ฉันมั่นใจว่าฉันเพิ่งรู้จักเขา แต่ทำไมฉันถึงต่อต้านเขานัก เหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเขาทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยหรือว่าทำให้ฉันเสียใจอะไรทำนองนั้น จนจิตใจของฉันลืมเรื่องเขาไปจนหมด แล้วต่อต้านเขาอย่างรุนแรงอีกต่างหาก “มันอาจจะเป็นอย่างที่เธอคิดก็ได้ ฉันทำให้เธอเสียใจอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันทำให้เธอเสียน้ำตาเพราะเรื่องในอดีตของตัวเอง ชอบทำรุนแรงกับเธอ เอาแต่ใจ จนเธอทนไม่ได้แล้วลืมฉัน….” เขาเอ่ยท่ามกลางความเงียบ งั้นหรอ? ฉันลืมเขาจริงๆสินะ “นั่นก็หมายความว่าฉันไม่ต้องการจดจำคุณอีกต่อไป แค่นี้มันก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่งกับฉัน ไม่ต้องการโดนคุณทำร้ายจิตใจอีก เพราะฉะนั้นคุณก็น่าจะปล่อยฉันไป….” “ไม่มีทาง!!!” เขาพูดแทรกก่อนที่ฉันจะพูดจบ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่อยากให้ฉันลืมเขา มันมีแต่ความเจ็บปวด ห่วงหา แต่ฉันกลับลืมมันไปแล้ว เราปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมรอบตัว ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลยให้ตายสิ อึดอัดชะมัด ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหมือนเป็นการตัดบทสนทนา ส่วนฉันเองก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เหนื่อยจังเลยแฮะ ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาไม่หยุดเลย จนฉันชักจะไม่ไหวแล้วนะ เป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าฉันจะได้กลับบ้าน เพราะเขาไม่ยอมให้ฉันกลับสักที แต่สุดท้ายเขาก็พามาส่งที่บ้านจนได้ แต่ว่านะ……. “ทำไมเราต้องกลับด้วยการบินล่ะ กลับแบบปกติไม่ได้หรอ?” ฉันถามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง ก็ดูเขาสิ ฉันก็พอรู้อยู่หรอก ว่าเขาไม่ใช่คนปกติ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะเป็นเทพสวรรค์เหมือนฉันด้วย แถมเวลาพามาส่งเขาบินมาส่งหนำซ้ำยังอุ้มฉันเอาไว้อีก ไม่เหนื่อยหรือไงนะ? “เลิกถามได้แล้วน่า จะถึงบ้านอยู่แล้วนะ” ส่วนเขาก็พูดแบบนี้เป็นครั้งที่ร้อยเหมือนกันมั้ง ก็แหม~ อยู่กับเขานานๆแล้วมันรู้สึกแปลกๆนี่นา “ถ้าจะพากลับด้วยวิธีนี้ฉันกลับเองก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมาส่งเลย” ฉันบ่นอย่างเอือมๆแต่ถ้าไม่ให้เขามาส่งฉันก็ไม่มีทางได้ออกมาคอนโดฯเขาแน่ เชื่อเถอะ + + คฤหาสน์เอนาริ + + เมื่อมาถึงบ้านแทนที่เขาจะกลับไปเลย แต่เขากลับมีหน้าเดินไปทักทายท่านพ่อกับท่านแม่อีก แถมท่านพ่อกับท่านแม่ก็เอ็นดูเขาอีกด้วย เคยรู้บ้างมั้ยว่าเขาเป็นตัวอันตราย แล้วที่เขาเข้ามาบ้านนี้ก็ไม่ได้เข้ามาทางประตูด้วย -_-^^ “แหม~ลูกชายของท่านนายพลหล่อสมคำล่ำลือจริงๆ ว่ามั้ยคะคุณ?” ท่านแม่เอ่ยปากชมก่อนจะหันไปถามความเห็นจากคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆเอาเข้าไปแม่ฉัน -_-^^ “อืม ผมก็ว่าอย่างนั้น” ส่วนท่านพ่อก็ดันบ้าจี้ไปกับท่านแม่ซะงั้น เชื่อเลย “ไม่ ขนาดนั้นหรอกครับ คุณอาก็ชมเกินไป” ส่วนเขาก็พูดแบบถ่อมตัวสุดๆ สร้างภาพอ่ะดิ ฉันนั่งดูบทสนทนาพวกนั้นผ่านกล้องที่ติดไว้ที่ห้องรับแขก ไม่อยากลงไปขัดคอพวกเขาสักเท่าไหร่หรอก อีกอย่างฉันล่ะหมั่นไส้เขาเต็มทน ขืนลงไปมีหวังวีนแตกแน่ “ว่าแต่ ไอระคุงยังไม่มีคนรักอีกหรอลูก อาว่าน่าจะมีได้แล้วนะ” จู่ๆท่านพ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยๆ คนรักหรอ? อย่างเขาหาคนรักเป็นตัวเป็นตนไม่ได้หรอกเชื่อสิ “ไม่ล่ะครับ ผมยังอยากทำหน้าที่ลูกที่ดีให้มากกว่านี้ก่อน อีกอย่างมันไม่สะดวกต่อการเรียนเท่าไหร่ถ้าผมจะมีแฟนตอนนี้” บอกได้คำเดียวว่าตอบได้สร้างภาพสุดๆ อย่างเขาเนี่ยนะยังไม่อยากมีแฟน กลัวเรตติ้งตัวเองตกก็ว่ามาเถอะหรือไม่ก็อาจจะหวงคานมากน่าจะดีกว่าตอบแบบนั้นนะ “ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้ คุณแม่ปลื้มที่สุด ^O^!” ท่านแม่ออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ชอบขนาดนั้นก็จับฉันแต่งงานกับเขาเลยสิ เฮ้ยๆ!! คิดไปได้ยังไงเนี่ย!! “คุณคิดเหมือนผมมั้ย? ว่าเราควรจะให้ลูกสาวที่น่ารักของเราดูตัวกับไอระคุง แล้วทำเรื่องหมั้นให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย” ตาฉันแทบทะลุออกมานอกเบ้า ท่านพ่อคิดอะไรกันเนี่ย!!! ไม่มีทาง!! “ปรึกษากับทางญาติผู้ใหญ่ของไอระคุงก่อนไม่ดีกว่าหรอคะคุณ? แถมไอระคุงเขาบอกแล้วว่ายังไม่อยากมีแฟนตอนนี้” โชคยังดีที่ท่านแม่เอ่ยปากขัดก่อน ใช่ๆฉันเองก็ไม่อยากมีคู่หมั้นอย่างเขาเหมือนกัน!! “ไอระคุงคิดว่าไง?” อ้าวๆไปถามเขาแบบนั้นได้ไง เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าการดูตัวมันเป็นแบบนี้ ฉันนึกว่าต่างคนต่างไม่รู้จักกัน แล้วถูกจับให้ดูตัวซะอีก ความจริงถ้าเราสองคนรู้จักกันแล้ว ก็น่าจะให้หมั้นเลยจะได้จบๆไม่ต้องวุ่นวานดูตัวซะให้ยาก ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากหมั้นกับหมอนั่น!! (คิดเองโกรธเองเป็นด้วยคนเรา : ผู้เขียนจอมวีน) “ทางผู้ใหญ่ว่ายังไงผมก็ว่ายังงั้นแหละครับ” ส่วนเขาก็ตอบแบบไร้ความรับผิดชอบสุดๆ ได้ไงอ่ะ!! “เอาเป็นว่าอา ไม่สิ พ่อจะคุยเรื่องนี้กับทางผู้ใหญ่ของไอระคุงอีกที เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ ว่าที่ลูกเขยในอนาคต” ถามความเห็นฉันบ้างเซ่!! “ฝากตัวด้วยนะครับคุณพ่อ คุณแม่ ^^” เอาเข้าไป นี่เท่ากับว่าเป็นการจองตัวเลยน่ะสิ!! ไม่ต้องไปแล้วไอ้เรื่องดูตัวน่ะ เลิกไปเลยถ้าจะทำแบบนี้น่ะ!! ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเขารู้กันแน่ว่าฉันแอบติดกล้องไว้ที่ห้องรับแขก ถึงได้หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ฉันเหมือนรู้ว่าฉันดูอยู่ ไม่มีทาง!เรื่องหมั้นอะไรแบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก!! ฉันปิดโน๊ตบุ้คลงอย่างไม่สบอารมณ์ งานนี้ท่านพ่อกับท่านแม่เอาจริงแน่ ฉันลืมบอกไปใช่มั้ยว่าฉันเคยล้มงานดูตัวที่ทั้งสองท่านจัดขึ้นจนเละไม่เป็นท่า แสดงว่ายังไม่เข็ดสินะ ดี! ฉันจะล้มงานนี้ให้เละไม่เป็นท่าเหมือนกัน ^^!! “คิดว่าทำได้หรอ?” แต่เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้ง เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย!!! “คุณ!! กรี๊ดดดดดดด!!เข้ามาได้ไงเนี่ย!!!” ฉันแผดเสียงทันที ตกใจนะที่มีคนเข้ามาในห้องโดยที่ฉันไม่รู้ตัวน่ะ “ร้องไปเถอะ กรี๊ดไปเถอะ ไม่มีใครเขาได้ยินเธอหรอก เพราะฉันร่ายเวทย์ดูดกลืนเสียงเอาไว้แล้ว ^^” “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเครียดสะสมหรือเพราะว่าฉันโกรธเขากันแน่ ฉันถึงได้กรี๊ดปานโลกแตกขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆฉันชักปรี๊ดแล้ว “พอใจยัง?” หลังจากที่ระบายอารมณ์จนพอใจร่างสูงที่เอามืออุดหูเอาไว้ออกก็ถามขึ้น ใครใช้ให้มาฟังฉันกรี๊ดล่ะ “ยัง!” ฉันพูดพลางทำท่าจะกรี๊ดอีกรอบ แต่ช้าไปเพราะร่างสูงปรี่เข้ามาปิดปากฉันก่อน และด้วยความที่เขาทำทุกอย่างเร็วเกินไป เราสองคนเลยเสียหลักล้มลงบนตียง “อ่อยอะ!! อัก!!” ฉันร้องประท้วงในลำคอเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจากปากฉันซะที แล้วทำไมต้องล้มทับฉันด้วยเนี่ย!! ถ้าเขาตัวเท่าวาโตรุฉันจะไม่บ่นเลยนะ แต่นี่…… เอ๊ะ!! สายตาแบบนั้นมัน…. ด้วยความที่เราอยู่ใกล้กันมากเกินไป เราเลยสบตากันโดยบังเอิญ สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เหมือนกับว่าฉันสำคัญกับเขามาก ฉันเคยเห็นแววตาแบบนี้จากใครกันนะ? “โอ๊ยยยย!!” ฉันกุมขมับเมื่อรู้สึกปวดหัวตุ้บๆ ความทรงบางอย่างค่อยๆแทรกเข้ามาในหัวอะไรกันน่ะ!? “เทสึ เหนื่อยมากมั้ย” “ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ก็เธอเป็น(เพื่อน)คนสำคัญนี่นา” “ขอบใจนะ ^^” ภาพที่ฉันเห็นคือภาพที่ฉันกำลังกอดผู้ชายคนหนึ่ง ฉันรู้สึกเป็นห่วงเขามาก เขากำลังจะลงแข่งบาสเพื่อช่วยฉัน เขาคนนั้น…… “สุขสันต์วันเกิดนะ ^^” “นี่มัน…O.O!” “ฉันแกะเลยได้มั้ย?” “ตามใจสิ ฉันให้นายแล้วหนิ” ภาพวันเกิดของเขาคนนั้น เขามองของขวัญที่ฉันซื้อให้ด้วยแววตาที่มีความสุขจนคนมองอย่างฉันก็มีความสุขไปด้วย เขาอีกแล้ว…. “ไลค์ สตาร์ O.O!!” “ฉันเอง” “ปล่อยฉันนะ อีตาบ้า!!” “พูดใหม่อีกทีสิ” “ก็บอกให้ปล่อยไงเล่า!!! ปล่อยๆๆๆ!!” “อย่ามากวนประสาทฉันนะยัยบ้า!” “อย่ามาเรียกฉันว่ายัยบ้านะ! อีตาเทพขี้เก๊ก!!” ภาพวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากงานที่ทำจนต้องกลับร่างเทพเพื่อไปหาที่สงบๆอยู่ แต่ก็เจอกับใครบางคน เขาอีกแล้ว…. “โนริ ได้ยินฉันมั้ย?” เสียงจากร่างสูงที่คร่อมฉันอยู่เรียกสติฉันให้กลับคืนมา เขากับคนที่อยู่ในภาพ…เขาเป็นคนๆเดียวกันงั้นหรอ? ทำไมเขาสองคนถึงได้เหมือนกันจัง “ได้ยิน” ฉันตอบรับเสียงของเขา เหมือนกันจริงๆนั่นแหละ เขาเป็นคนคนเดียวกันจริงๆหรอ? “เธอเงียบไปนานเลยนะ คิดอะไรอยู่?” เขาถามดวงตาสีมรกตจ้องเข้ามาในดวงตาฉันเหมือนต้องการคำตอบ ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ เพียงแต่…. “เปล่าหรอก แค่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้น่ะ เกี่ยวกับ…คุณ” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ร่างสูงอมยิ้มนิดหน่อยก่อนจะผละออกจากฉัน ฉันเลยลุกจากเตียงแล้วถอยห่างจากเขา “ฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นเลยให้ตาย มันทั้งเจ็บปวด ทรมาน สับสน นี่มันเรื่องอะไรกันนะ” ฉันพึมพำอยู่คนเดียวแต่ดูเหมือนเขาจะได้ยินถึงได้หันมามองฉัน “ไม่อยากจดจำเรื่องพวกนั้นมากเลยหรอ? มันเจ็บปวดทรมานมากเลยหรอ? เธอถึงอยากลืมมัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเศร้าอย่างน่าใจหาย ก็เพราะมันไม่น่าจดจำไม่ใช่หรอ ฉันถึงได้ลืมน่ะ “ฉัน…ไม่รู้” ถึงแม้คำตอบที่ตอบออกมาจะไม่ได้ฟังดูดีแต่มันก็น่าจะดีกว่าตอบว่า ‘ฉันไม่อยากจำมัน’ “แล้วเรื่องหมั้นล่ะ? เธอจะเอายังไง บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่ สาบานได้” เขาถามถึงอีกเรื่องที่ฉันไม่อยากรับรู้ ไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆงั้นหรอ? อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรั้งฉันไว้ได้นานแค่ไหน “ฉันไม่อยากหมั้นกับคุณ” ฉันพูดความจริงออกไป ฉันไม่อยากหมั้นกับเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉันกลัวว่าความเจ็บปวดจะตามมาถ้าฉันยังยุ่งกับเขา “ทำไม? ฉันไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ?” “ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันกลัวว่าความผิดหวัง ความเจ็บปวดจะตามมาถ้ายังยุ่งกับคุณ ขอร้องล่ะ ล้มเลิกเรื่องงานหมั้นได้มั้ย?” ฉันขอร้องเขา ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม “เสียใจด้วยนะโนริ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอไป เตรียมใจเอาไว้ให้ดี” จบคำพูดที่เหมือนคำขู่ ร่างสูงก็หายไปจากตรงนั้น เตรียมใจเอาไว้ให้ดีงั้นหรอ? ฉันจะไม่มีทางหนีเขาพ้นอย่างนั้นสินะ แต่ฉันซะอย่าง ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับท่องราตรี มันต้องมีเพื่อน ไม่สิคู่ควงถึงจะเวิร์ค ฉันเดินไปที่ห้องของพี่เซนฯก่อนจะเคาะประตูห้องเป็นเชิงของอนุญาต พี่เขาจะช่วยฉันมั้ยหว่า? “ใคร?” น้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ของเจ้าของห้องถูกส่งมา ซวยแล้วไงไม่น่ามาเคาะห้องพี่เขาเลย “อะ เอ่อ โนริเองค่ะ” ฉันตอบเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เซนฯเปิดประตูออกมาพอดี “ดึกแล้วจะไปไหน?” พี่เซนฯถามเมื่อเจอฉันที่อยู่ในชุดเดรสคล้องคอสีแดงเพลิง พี่เขาเองก็ไม่ต่างกันหรอก เสื้อเชิ้ตสีดำเปิดกระดุมสามเม็ดบน การเกงยีนที่มีโซ่ห้อยตามกระแส เท่อ่ะ >///<! “แล้วพี่ล่ะ?” ฉันถามกลับ แต่งตัวแบบนี้ใครคิดว่าอยู่บ้านก็แปลกแล้ว “เห็นๆกันอยู่ คงไม่ได้คิดที่จะทำเหมือนฉันหรอกนะ” พี่เซนฯพูดดักคอ รู้ทันซะงั้น “ประมาณนั้นค่ะ ก็เลยมาชวน” ฉันตอบ พี่เซนฯหัวเราะในลำคอหึๆ เป็นไปได้ยังไง!! พี่เขาแสดงอารมณ์ต่อหน้าฉัน!! ก็ปกติพี่เซนฯมักจะทำหน้านิ่งๆหรือไม่ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ซะมากกว่า “ชวนไปเป็นคู่ควงหรือไง” อ้าวเฮ้ย! อะไรจะรู้ทันขนาดนั้น!! “รู้มากขนาดนี้ไม่ต้องบอกแล้วมั้งคะ แล้วพี่จะไปมั้ย?” ฉันเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่เขาจะด่าฉันมั้ยอ่ะ เครียดจริงๆนะเนี่ย T^T “เอ๊ะ!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อพี่เซนฯจู่ๆก็ดึงมือฉันเข้ามาในห้องอะไรของเขาเนี่ย!! “ถ้าจะไปก็เปลี่ยนชุดใหม่ซะ ไม่งั้นเธอไม่รอดกลับมาแน่” พี่เซนฯยื่นชุดเดรสสีฟ้าเปิดไหล่ที่ยาวเหนือเข่ามาให้ ไปเที่ยวผับนะพี่ไม่ใช่เที่ยวสวนสนุก ถึงจะได้ให้ใส่ชุดแบบนี่น่ะ แต่ถึงอยากจะพูดแบบนั้นก็พูดไม่ได้เมื่อสายตาของฉันไปสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่มองมาอย่างข่มขู่เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่ฉันต้องเปลี่ยนชุดนี้แต่ต้องเป็นเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ด้วย!! ฉันคว้าชุดที่อยู่ในมือพี่เซนฯก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พลางเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมาหาพี่เซนฯที่นั่งรออยู่ที่โซฟา “ค่อยดีขึ้นหน่อย” พี่เซนฯเอ่ยขึ้นพลางมองฉันอย่างพึงพอใจ โหย~ไม่ต้องไปมันแล้วล่ะถ้าจะให้ไปในสภาพนี้น่ะ “ทำไมต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ ชุดเมื่อกี้ก็ดูดีออก” ฉันเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ เปลี่ยนทำไมอ่ะ? “เห็นฉันแบบนี้ฉันก็หวงน้องสาวตัวเองนะ” คำพูดของพี่เซนฯทำให้ฉันอึ้งไปเลย พี่เขาหวงฉันด้วยหรอ? “หมายความว่าไงคะ พี่ไม่ชอบโนริไม่ใช่หรอ?” ฉันถาม พี่เขาป่วยหรือเปล่า? “ไม่ใช่สักหน่อย มันเป็นนิสัยของฉันเธอเองก็น่าจะรู้นี่ ว่าฉันไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร ถ้าใครเข้าใกล้ฉันก็มักจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ หรือไม่ก็พูดจาไม่ดี” พี่เซนฯพูดขึ้น มันก็จริงเหมือนที่พี่เขาพูด พี่เซนฯไม่ชอบยุ่งกับใคร ชอบใช้ชีวิตแบบสันโดดมากกว่าอยู่กับคนหมู่มาก แต่เขาก็จริงใจกับคนอื่น นี่แสดงว่าที่ผ่านมาฉันคิดไปเองงั้นหรอเนี่ย! “พี่ขอโทษที่พี่ชอบทำแบบนั้น ก็พี่แสดงอารมณ์ในทางบวกเป็นซะที่ไหน” พี่เซนฯพูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พี่เขาต้องเขินแน่ๆ นี่แหละพี่ชายที่ฉันใฝ่ฝันอยากมีมาตลอด ^^ หมับ! “รักพี่ที่สุดเลย ^O^!” ฉันกระโดดกอดพี่เซนฯทันที พี่เขาชะงักไปนิดนึงก่อนจะกอดตอบ ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันได้กอดพี่ชายตัวเองแล้ว ^^ “พี่ก็รักเราเหมือนกัน” พี่เซนฯลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน พลางโยกตัวไปมา อย่ามากล่อมให้ง่วงสิพี่บ้า!! “อย่ามากล่อมให้ง่วงซะให้ยาก ไปเที่ยวกันเถอะ” ฉันผละออกจากพี่เซนฯเพราะพี่เขาไม่ยอมปล่อยฉันสักที “จ้าๆ” พี่เซนฯรับคำก่อนที่เราจะออกมาจากห้องพี่เซนฯแล้วตรงดิ่งไปที่โรงจอดรถก่อนจะมุ่งหน้าสู่ JH Pub + + JH Pub + + ในที่สุดก็มาถึงจนได้ นึกว่าจะไม่ได้มาซะแล้ว เมื่อพี่ชายสุดหล่อของฉันก้าวลงจากรถ ออร่าความหล่อกระเด็นเข้าตาทันทีกรี๊ดดดด!! พี่ชายฉันหล่อชะมัด >//< “มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง” แล้วก็หลงตัวเองอีกต่างหาก “เคย แต่ไม่เคยเห็นคนหลงตัวเอง ฮะ ฮ่าๆๆ ^O^” ฉันหัวเราะกับท่าทางของพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะฉันแซว น่ารักจังเลยพี่ใครหว่า “ไปเถอะพี่นัดเพื่อนเอาไว้ แต่อย่ามองหน้าใครเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้พี่ฆ่ามัน” พี่เซนฯขู่เอาไว้พลางจูงมือฉันเข้าไปในผับ แล้วอย่างนี้ฉันจะได้เที่ยวสมใจมั้ยเนี่ย!!รู้งี้ไม่ไปชวนซะดีกว่า เซ็ง! พี่เซนฯพาฉันมาที่โซน VIP แล้วพามาที่โต๊ะๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยเพื่อนๆของพี่เขา หล่อกันหมดเลยอ่ะ >///<!! “วันนี้พาสาวที่ไหนมาว่ะ น่ารักชะมัด พี่ชื่อนารุนะครับ น้องชื่ออะไรเอ่ย?” และแทบจะทันทีเมื่อฉันนั่งลง เพื่อนคนหนึ่งของพี่เซนฯก็ขายขนมจีบทันที จนพี่เซนฯหันไปทำตาขว้างใส่ “อย่ามายุ่งวุ่นวายกับยัยนี่เป็นอันขาดถ้าแกไม่อยากตาย” พี่เซนฯหันไปพูดกับพี่นารุด้วยน้ำเสียงเย็นๆ น่ากลัว T^T “อะไรว่ะไอ้เซน พาสาวมาแต่ไม่คิดที่จะแนะนำให้รู้จักหน่อยหรอว่ะ” ผู้ชายหัวแดงพูดขึ้นพลางมองมาที่ฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ส่วนฉันก็ยิ้มมุมปากไปให้ อย่างนายไม่มีทางที่จะจีบฉันติดหรอก “น้องสาวฉันเอง โนริ” สาบานได้ว่าพี่เซนฯกัดฟันพูด “น้องสาว!! นี่แกมีน้องสาวด้วยหรอว่ะ!?” ปฏิกิริยาของแต่ละคนไม่ต่างกันมากนัก แปลกใจ ตกใจ ประหลาดใจ นี่พี่เซนฯไม่ได้เล่าให้เพื่อนเขาฟังหรอว่าเขามีน้องสาว “ก็มีสิ แต่ไม่ได้เล่าให้ฟัง เดี๋ยวพวกแกจะคะยั้นคะยอให้ฉันพามา” พี่เซนฯพูดอย่างเอือมๆ ไม่เคยเล่าให้ฟังแต่พามาเปิดตัวเลยเนี่ยนะ!! คิดไปได้ -_-^^ ฉันกว้างสายตาไปรอบๆร้านเพราะรู้สึกแปลกๆเหมือนกับว่ามีคนจ้องอยู่ แล้วก็มีจริงๆนั่นแหละ เป็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งน่าจะประมาณสี่ห้าคน ดูจากสายตาแล้วน่าจะอายุพอๆกับพี่เซนฯสายตาที่พวกเธอมองมาไม่ค่อยเป็นมิตรไม่สิ มองฉันเหมือนเป็นศัตรูเลยล่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงผมสีทอง คงเป็นคนฝรั่งเศส มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่หลากอารมณ์ เกลียด ชิงชัง ดูท่าว่าเร็วๆนี้นรกคงมีคนไปเป็นสมาชิกเพิ่มนะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ