ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  17.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                และแล้วการแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงครึ่งหลัง ซึ่งทำให้ฉันลุ้นแทบบ้า ฉันเชื่อใจเทสึนะว่าเขาจะชนะ แต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี                 พลั่กกก!!                 มาคัสพุ่งเข้าใส่เทสึอย่างแรงเพื่อแย่งลูก ถ้าฉันตาไม่ฝาด มาคัสต่อยเทสึนี่หว่า เอาไว้ไม่ได้แล้ว!                 ตุ้บ!!                 มาคัสที่วิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ล้มก้นจ้ำเบ้า เพราะฉันร่ายเวทย์ให้เขาล้ม สมน้ำหน้า!!                 เทสึสามารถไปแย่งลูกกลับมาได้ แล้วชูตทำคะแนนไปอย่างสวยงาม ฉันกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจจนออกนอกหน้า ก็คนมันดีใจนี่หว่า                 ปรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!                 เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นอันบอกว่าสิ้นสุดการแข่งขัน คนในห้องเฮลั่นเพราะความดีใจ ส่วนฉันก็วิ่งไปกอดเทสึทันที                 “ฉันชนะแล้วนะ ยัยสาหร่าย ^^” เทสึพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี ว่าแต่ ทำไมเขาเอามือซ่อนไว้ข้างหลังล่ะ?                 “เทสึ ขอมือ” ฉันแบมือเพื่อให้เขาวางมือลงบนมือฉัน(หมอนี่ไม่ใช่หมานะเออ) ทีแรกเทสึก็ไม่ยอมหรอก แต่ฉันบีบบังคับเขาเลยยอมยื่นมือมาให้                 ข้อมือข้างขวาของเขาบวมแดงน่ากลัวมากเลย ฉันลูบมันเบาๆก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มเงียบๆ                 “เฮ้ย! ร้องไห้ทำไมน่ะ ไม่ร้องนะไม่ร้อง” เทสึดึงฉันไปกอดพลางลูบผมเพื่อปลอบฉัน เพราะฉันแท้ๆเขาถึงเจ็บตัซ                 “ฉันขอโทษ เพราะฉันแท้ๆนายถึงต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้ ฮื่อๆ” ฉันปล่อยโฮแบบไม่อายใคร รอบตัวเงียบสงัด แต่ฉันไม่สน ฉันสนแค่ว่า เทสึจะเจ็บมากมั้ย เขาจะเหนื่อยมากหรือเปล่า แค่นั้นเอง….                 “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เจ็บแค่นี้ไกลหัวใจ ไม่ร้องๆ” เทสึพูดปลอบฉันที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก จะมีสักกี่คนกันนะ ที่เทสึจะกอดปลอบ แล้วก็ทำทุกอย่างให้แบบนี้ นอกจากฉันแล้ว จะมีคนอื่นอีกมั้ยนะ….                 “คนมองหมดแล้ว ไม่อายหรือไง” เทสึพูดขำๆเมื่อฉันเอาแต่กอดเขาอยู่แบบนั้น ก็คนมันห่วงนี่หว่า                 ฉันผละออกจากเขาก่อนจะเช็ดน้ำตาที่นานๆทีมันจะไหลออกมาอย่างแผ่วเบา  ฉันเป็นคนอ่อนแอเสมอเมื่ออยู่กับหมอนี่                 “ตามสัญญา นายต้องเลิกยุ่งกับโนริ เป็นการถาวร” เทสึหันไปทวงสัญญากับมาคัสที่ไม่พอใจในผลการแข่ง ก่อนที่เขาจะหันมามองเราสองคนสายตาไม่สบอารมณ์ปนอาฆาต น่ากลัว T^T                 “ฉันไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่!!” จบคำมาคัสก็เดินตึงตังออกไปจากโรงยิม ไม่หยุดอยู่แค่นี้งั้นหรอ อย่าบอกนะว่าเขาจะตามจองล้างจองผลาญฉันต่อ ซวยแน่ฉันT^T                 “ช่างมาคัสเถอะ ฉันว่าฉันทำแผลให้นายดีกว่า” ฉันบอกก่อนจะจูงมือเทสึมานั่งที่สแตนเชียร์ แล้วรับกล่องยาที่คาเอเดะยื่นมาให้ แล้วเริ่มทำแผลให้เทสึ                 พวกผู้หญิงต่างส่งสายตาอิจฉาและอาฆาตมาให้ แต่ฉันไม่กลัว โฮะๆ ^O^!                 จุ๊บ!                 ฉันจูบไปที่มือเขาเบาๆ มันเป็นการรักษาแผลในแบบฉบับของเทพผู้หญิงน่ะ โดยจะใช้วิธีการจูบแทนการรักษาด้วยมือตามปกติ  ก็คนมันชอบแบบนี้นี่หว่า  ใครจะทำไม?                 “สักสองวันก็หายแล้วล่ะ อย่าขยับข้อมือบ่อยนักนะ” ฉันเอ่ยขึ้นพลางพันแผลให้เขา เทสึพยักรับหงึกหงัก ก่อนที่ฉันจะปล่อยมือเขาเป็นอิสระ                 “แล้วแม่คู่ควงคนใหม่ของนายไปไหนซะล่ะ ฉันยังไม่เห็นเลยนะ” ฉันมองหามีนาที่คิดว่าน่าจะอยู่แถวนี้ ก็อยู่จริงๆนั่นแหละ ข้างหลังฉันเอง                 “ไม่ใช่คู่ควง แต่เป็นแฟนย่ะ!” มีนาเดินมาแทรกกลางระหว่างฉันกับเทสึ แล้วควงแขนเทสึอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เดี๋ยวหมอนั่นก็โกรธเอาหรอกที่หล่อนมาทำตัวไม่มีมารยาทกับฉันน่ะ                 “อย่ามาทำตัวแบบนี้กับโนรินะมีนา ฉันไม่ชอบ” เทสึพูดเสียงเรียบ หมอนี่มันหวงฉันมากเลยนะ ดูแลดีชนิดมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ยุ่งเลยล่ะ  ทั้งๆที่ฉันไม่ใช่แฟนมันซะหน่อย                 “ขอโทษค่ะ” ส่วนยัยมีนาก็ได้แต่หน้าจ๋อย สมน้ำหน้า                 “ ไม่เอาน่า อย่าดุมีนาสิ” ส่วนฉันก็ทำเนียนแกล้งเป็นนางเอกแสนดีเข้าช่วย เทสึมองฉันด้วยสายตารู้ทันว่าฉันกำลังเล่นละคร เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร                 เมื่อหมดชั่วโมง พวกเราทั้งหมดก็กลับห้อง โดยวิชานี้คือวิชาศิลปะที่ฉันโคตรจะชอบเลย ^^!                 “โจทย์ในชั่วโมงนี้คือ ภาพเหมือน ต้องส่งในชั่วโมงด้วยนะจ๊ะ” จบคำนักเรียนก็จองตัวเพื่อนตัวเองเพื่อวาดภาพเหมือน ซึ่งฉันเองก็โดนลากไปเหมือนกัน โดยคนที่ลากฉันไม่ใช่ใครที่ไหน อีตาเทสึนั่นเอง                 เทสึจัดการจับฉันโพสท่าต่างๆโดยที่มันวาดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ภายในสิบนาที สมุดวาดภาพของมันก็เต็มไปด้วยภาพฉันนับสิบภาพ เขาให้วาดภาพเหมือนนะโว้ย! ไม่ใช่การ์ตูน จะได้วาดภาพล่ะหนึ่งนาทีน่ะ                  “สุดยอดเลยไอระคุง!! วาดได้ไงเนี่ย แกดูสิโนริ เหมือนแกยังกับถอดแบบออกมาเลย^^” ยัยคาเอเดะยื่นสมุดวาดภาพเล่มสีดำซึ่งเป็นของเทสึมาให้ฉันดู นั่นทำเอาฉันตาค้างไปเลย                 เส้นของดินสอสเก็ตภาพ ดูอ่อนโยน นุ่มนวล โดยเฉพาะใบหน้าที่ดูเหมือนคนวาดจะลงรายละเอียดเป็นพิเศษ มันดูสวยมากๆเลยนะ  ฉันไม่ได้ชมตัวเองนะ หมายถึงภาพต่างหากเล่า!                 “เป็นไง เจ๋งป่ะล่ะ ฉันวาดให้สวยกว่าตัวจริงเลยนะเนี่ย^^” คำพูดของเทสึมันทำให้เท้าฉันคันยุกยิกชอบกล แกอยากตายใช่มั้ย อีตาเทสึ!!                 “-_-^^!” ส่วนฉันก็ทำหน้าเซ็งๆใส่มัน ฉันเกลียดแกโว้ย!! ไอ้เพื่อนบ้า!                 “อย่าทำหน้างั้นดิ ปกติก็ไม่สวยอยู่แล้ว ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งดูไม่ได้ว่ะ ฮะ ฮ่าๆๆๆ!” เทสึพูดก่อนจะหัวเราะชอบใจที่สามารถทำให้หน้าตาฉันบูดเบี้ยวไปอีก ไปลงนรกซะ!!
                 Tetsu’s talk                 หลังจากที่เล่นบาสเสร็จ ผมก็ต้องมาเหนื่อยอีกรอบ เพราะต้องวิ่งหนียัยสาหร่ายที่จะเอาผมไปทำต้มยำทำแกง เพราะผมดันไปบอกว่ายัยนี่ไม่สวยซะงั้น ทั้งๆที่ผมรู้ว่ายัยนี่ห่วงเรื่องหน้าตาตัวเองแค่ไหน                 เมื่อคิดว่ายัยสาหร่ายไม่น่าจะตามมาทัน ผมก็ไปหลบบนตันซากุระที่แผ่กิ่งก้านใหญ่โต น่าจะบังผมได้อยู่นะ                 เมื่อกระโดดขึ้นไปได้ผมก็ไปนั่งชมวิวสบายอารมณ์ อย่างยัยนั่นไม่น่าจะคิดออกว่าผมจะมาอยู่ที่นี่                 วูบ!!                 จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนว่ามีกระแสน้ำพัดผ่านตัวผมไป เป็นกระแสน้ำที่อบอุ่น แต่มันก็ออกจะร้อนอยู่นิดหน่อย แต่… มันจะเป็นไปได้ไง อีกอย่างตัวผมก็ไม่เปียกเลยนะ คิดมากไปเองมากกว่า สงสัยผมจะวิ่งจนร้อนจัดล่ะมั้งเลยอยากเล่นน้ฎ                 “อยู่ไหนนะ ถ้าจับตำแหน่งไม่ผิด หมอนั่นก็อยู่แถวนี้นี่น่า หรือว่ากระแสน้ำมันไม่ถึง” เสียงบ่นพึมพำจากข้างล่างทำให้ผมต้องก้มลงไปมอง ยัยสาหร่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!                 ว่าแต่ จับตำแหน่งงั้นหรอ? กระแสน้ำ? เรื่องอะไรว่ะ?                 ยัยสาหร่ายมาหยุดอยู่ใต้ต้นซากุระที่ผมซ่อนตัวอยู่ แต่ยัยนั่นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ยัยนั่นแค่หลับตาลง เท่านั้นแหละลมก็มาจากไหนไม่รู้พัดกระหน่ำจนผมเกือบตกจากตันไม้ แต่โชคยังดีที่ผมคว้ากิ่งไม้เอาไว้ก่อน                 ยัยสาหร่ายทำอะไรน่ะ ยัยนั่นมีเวทมนตร์หรือไง! ผมว่าผมเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ จะมีมนุษย์ธรรมดาที่ไหนมีเวทมนตร์ได้เล่า นอกจาก……                 “ลงมาได้แล้ว อย่าให้ต้องขึ้นไปลากตัวลงมานะย่ะ!” เสียงยัยสาหร่ายเรียกสติผมให้กลับคืนมาจากความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ของตัวเอง ก่อนที่ผมจะก้มลงไปมอง                 “เธอหาฉันเจอได้ไง?” ผมถามอย่างงงๆก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้ แต่ดูเหมือนจะลงผิดที่ไปหน่อย เพราะผมดันล้มทับยัยสาหร่ายน่ะสิ!!                 “หนักนะย่ะ! ลุกออกไปได้แล้ว!”  ยัยสาหร่ายโวยวาย ทีแรกผมกะจะลุกออกไปแล้วนะ แต่เมื่อสายตาไปสบเข้ากับดวงตาสีน้ำทะเลของคนร่างเล็ก มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนต้องมนตร์อย่างน่าประหลาด                 ใบหน้าสวยหวาน ที่เข้ากับดวงตาสีน้ำทะเลกลมโต เรือนผมสีดำเหลือบม่วงยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่น ริมฝีปากอวบอิ่มราวกลีบกุหลาบที่ผมเคยลิ้มลองมาถึงสองครั้ง  เพิ่งรู้ว่าเพื่อนตัวเองสวยก็วันนี้แหละ                 จู่ๆผมก็ทำบ้าๆโดยการโน้มตัวเองไปจูบยัยสาหร่ายที่เบิกตากว้างเพราะผมจู่โจมอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กที่กำลังโดนผมจู่โจมดิ้นพล่านพร้อมทั้งพยายามผลักผมออก ผมจึงรวบมือเธอเอาไว้เหนือหัวแล้วเริ่มระดมจูบไปที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มนั่นทันที                 นานหลายนาทีก่อนที่ผมจะถอนปากออก ไม่น่าเชื่อว่ายัยนี่จะปากหวานขนาดนี้ทั้งๆที่ผมจูบผู้หญิงมาตั้งมากมาย แต่ถ้าให้ผมเทียบแล้ว คนตรงหน้าคือผู้หญิงที่ปากหวานที่สุดเท่าที่ผมเคยลองมาเลยมันทำให้ผมรู้สึกว่า การจูบเธอแค่ครั้งสองครั้งมันไม่เพียงพอสำหรับผมหรอก!                 เราสองคนหอบหายใจนิดหน่อยและดูเหมือนคนตรงหน้าจะเมาจูบอยู่ด้วย เพราะเธอสะบัดหน้าไปมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นใบหน้าเหยเกเหมือนกับว่าเธอกำลังเจ็บปวดอยู่                 “เป็นอะไรไป?” ผมถามอย่างเป็นห่วงก่อนที่จะพยุงเธอลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเธอเอาไว้                 “ปวดหัว” ยัยสาหร่ายนวดขมับตัวเองเบาๆ นั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป                  ผมสารภาพความจริงเลยนะ  ผม…..ไม่ใช่มนุษย์ พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก ผมไม่ใช่คน ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีในโลก นั่นก็คือ เทพ                 ชื่อของผมที่อยู่ในฐานะเทพสวรรค์ก็คือ ไลค์ สตาร์เทพแห่งแสงที่หล่อที่สุดในบรรดาเทพทั้งมวล (อันนี้ผมไม่ได้พูด พวกเทพเขาพูดกันต่างหาก)                 ท่านพ่อของผมชอบบ่นว่า ผมเจ้าชู้หลายใจ ท่านเลยสาปให้ผมจูบผู้หญิงได้แค่วันละหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งวันนี้ผมจูบไปแล้วสองคน โดยคนแรกคือคู่ควงของผมเอง ส่วนคนที่สอง ก็คือคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ไง                 และถ้าผมฝืนกฎ คนที่ผมจูบเป็นคนที่สองจะเจ็บปวด และทรมานสุดท้ายก็ป่วยแล้วตายในที่สุด                 ซึ่งผมกำลังฆ่าเพื่อนตัวเองเพราะความสุขส่วนตัว!! ให้ตาย! ถ้าผมควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น!!                 “ไหวมั้ย?” ผมถามออกไปอีกครั้ง ซึ่งผลที่ได้กลับมาคือความเงียบ อย่าบอกนะว่า……                 “ยัยสาหร่าย!! เธอเป็นอะไรน่ะ!!!” ผมเขย่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างบ้าคลั่ง ได้โปรดอย่าทิ้งเพื่อนคนนี้ไปเลยนะ                 “เป็นบ้าอะไรของนาย ฉันแค่ปวดหัว อย่าทำหน้าเหมือนฉันจะตายได้มั้ยย่ะ!!” แต่สิ่งได้กลับมาทำให้ผมยิ้มกว้าง ยัยนี่ยังโอเค ยัยนี่ยังไม่ตาย ว่าแต่…..เพราะอะไรล่ะ?                 “ฉันนึกว่าเธอจะตายน่ะสิ!” ผมพูดออกไป ใจหายใจคว่ำหมด                 “ฉันไม่ตายง่ายขนาดนั้นหรอกย่ะ” ยัยนั่นแห้วกลับ ก่อนที่จะหลับตาลง                 “ห้ามกวน ฉันจะนอน” ขนาดจะนอนยังไม่วายลืมตาขึ้นมาสั่งผมอีก เชื่อเขาเลย -_-^^                 “คร้าบ คุณผู้หญิง -_-^^” ผมรับคำ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมเราสองคน                 จะว่าไปจนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้เจอยัยนั่นเลยนะ วอลต์ สเทลลาสน่ะ  ตั้งแต่วันนั้นที่ผมสัมผัสพลังเวทย์ของเทพนรกได้ ผมก็เปลี่ยนร่างตัวเองก่อนจะไปที่สวนสนุก เป็นจังหวะเดียวกับที่ยัยนั่นดิ่งลงมาพร้อมๆกับเทพนรกตนหนึ่งที่กำลังจะตวัดเคียวเพื่อฆ่ายัยนั่น แต่โชคยังดีที่ผมเร็วกว่าเลยคว้ายัยนั่นหลบได้ทัน ก่อนจะพาหนีมาที่บ้านของผมที่อยู่บนสวรรค์                 สภาพยัยนั่นผมไม่คิดว่าจะรอดนะ แต่ใครจะไปรู้เพราะจู่ๆเธอก็ฟื้นขึ้นมาเฉย ไม่แค่นั้นยังเอาโทรศัพท์ติดตัวอีกต่างหาก ทำไปได้ไงว่ะ ขนาดเป็นเทพยังไม่วายพกโทรศัพท์อีก                 ผมตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆยัยนั่นก็จับหน้าผมให้หันไปหาเธอ แล้วเอาแต่จ้องผมอยู่แบบนั้น แล้วบ่นพึมพำว่าเหมือนคนๆเดียวกันอะไรนี้แหละ  แล้วจู่ๆเธอก็โพล่งขึ้นมาว่าเทสึซะงั้น นั่นทำเอาผมตกใจนิดหน่อยเพราะไม่มีเทพองค์ใดรู้จักร่างมนุษย์ของผมเลย นอกจากคนในครอบครัว แล้วก็เธอคนนั้นที่…..ตายไปแล้ว                 และเพราะว่าเธอเรียกชื่อผม มันเลยทำให้ผมสงสัยว่าร่างมนุษย์ของยัยนี่เป็นใคร ทำไมถึงเรียกผมซะสนิทขนาดนั้น ซึ่งคิดไปคิดมา มันก็ทำให้ผมนึกออกว่าใครกันที่เรียกผมแบบนี้ แต่ผลปรากฏว่า คนๆนั้นคือยัยสาหร่ายน่ะสิ  แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ยัยนี่จะเป็นเทพ แต่พอดูอีกทีมันก็…..                 ผมมองคนร่างเล็กที่นอนหนุนตักผมซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย นั่นทำให้ผมสามารถสำรวจเธอได้ใกล้ๆ ชนิดได้ยินแม้กระทั่งลมหายเลยล่ะ                 ถ้ายัยสาหร่ายเปลี่ยนสีผมจากดำเหลือบม่วงเป็นสีฟ้าดัดลอน แล้วสวมชุดที่เหมือนกับที่วอลต์ สเทลลาสใส่ ถือคฑาคริสตัล ดวงตาสีน้ำทะเลล่ะก็…..                 ทีแรกผมแค่สันนิฐานมั่วๆแต่มันกลับเหมือนจริงมาก ซึ่งผมไม่มั่นใจเลยร่างเวทย์แปลงโฉมใส่ยัยสาหร่ายซึ่งผลที่ออกมาก็ทำให้ผมต้องขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองน่าจะตาฝาด แต่มันไม่ใช่ คนที่นอนหนุนตักผมตอนนี้คือ…                 วอลต์ สเทลลาส! ถึงแม้จะเป็นแค่เวทย์แปลงโฉม แต่ถ้ามันเป็นคนละคนมันก็ไม่น่าจะเหมือนกันขนาดนี้ แต่ว่ายัยสาหร่ายใช้เวทมนตร์ไม่ได้นี่น่า เอ๊ะ! หรือว่าใช้                 ตอนที่ยัยนี่จูบที่ข้อมือผม อาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนหายเป็นปกติ แล้วตอนที่ยัยนี่ตามหาผมล่ะ                 “อยู่ไหนนะ ถ้าจับตำแหน่งไม่ผิด หมอนั่นก็อยู่แถวนี้นี่น่า หรือว่ากระแสน้ำมันไม่ถึง”                 คำพูดที่ผมไม่เข้าใจในตอนแรกได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง กระแสน้ำไปไม่ถึงงั้นหรอ? ถ้ายัยนี่เป็นเทพจริงๆก็ต้องเป็นเทพแห่งน้ำซึ่งเทพแห่งน้ำที่อายุเท่าผมมีแค่ วอลต์ สเทลลาสคนเดียวเท่านั้น!!                 “เธอไม่ใช่เทพหรอก ใช่มั้ยโนริ เธอเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่เผอิญหน้าตาคล้ายเทพแห่งน้ำเท่านั้น”  ผมพูดปลอบใจตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันแค่เรื่องบังเอิญ แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น!
                 “เมื่อไหร่นายจะเลิกจ้องฉันซะที พวกผู้หญิงจะเข้ามาตบฉันแล้วนะ T^T” ยัยสาหร่ายทำหน้าเหมือนเบื่อโลกเต็มทนที่ผมเอาแต่จ้องหน้ายัยนี่ตลอดเวลา                 หลังจากเมื่อวานที่ผมไปส่งยัยสาหร่ายที่บ้าน ผมก็มาคิดทบทวนดูว่ายัยนี่จะเป็นเทพหรือเปล่าโดยหาข้อมูลมารวมกัน ส่วนมากมันเป็นไปได้ แต่ผมพยายามที่จะไม่เชื่อเพราะถ้าเธอเป็นเทพจริงๆสงครามระหว่างเทพนรกฝ่ายขาวและฝ่ายดำโดยมีเทพสวรรค์เป็นกองหนุนเทพนรกฝ่ายขาวที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเธอก็ต้องเข้าร่วมด้วย ซึ่งผมไม่ยอมแน่ๆ                 หลังจากที่เธอคนนั้นตายไป ผมก็สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลยัยสาหร่ายให้ดีที่สุดเพราะยัยนี่เป็นคนที่เข้าใจผมที่สุด เป็นคนที่คอยห่วงใยผม เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไปเด็ดขาด!!                 “เทสึ เครียดอะไรน่ะ” ยัยสาหร่ายถามขึ้นอย่างเป็นห่วงพลางเอานิ้วมาจิ้มที่คิ้วของผมเพราะมันกำลังจะผูกเป็นโบว์อยู่ร่อมร่อ                 “เปล่าหรอก เออนี่ยัยสาหร่าย” ผมเรียกคนตรงหน้าที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ผมเรียกเธอแบบนั้น                 “สมมุติว่าถ้าเธอได้เป็นเทพอะไรทำนองนี้ เธอจะรู้สึกยังไงหรอ?” ผมถามคำถามบ้าๆออกไป ยัยนี่ต้องสงสัยแน่เลยว่าวันนี้ผมเป็นบ้าอะไรถึงถามเธอแปลกๆ                 “พวกที่มีพลังวิเศษแล้วก็บินได้น่ะหรอ ก็นะคงดีน่าดูเลย แล้วก็นะถ้ามีเวทมนตร์ฉันคงมีความสุขไม่น้อย จะแกล้งพวกผู้หญิงของนายให้สนุกไปเลย! โฮะๆ ^O^!!”  ยัยนี่ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นเทพเลยสักนิด -_-^^!                 “ว่าแต่ นายถามทำไม?” ยัยสาหร่ายมองผมด้วยสายตาจับผิด ผมเลยรีบปฏิเสธทันที                 “ปะ เปล่า ฉันแค่ถามดู”                 ผมทำหน้าเอือมเมื่อมิสะเดินกระดี๊กระด๊าเข้ามาหายัยสาหร่ายที่มองเพื่อนด้วยสายตาสงสัย เรื่องผู้ชายล่ะสิท่า                 “ผีเข้าหรือไงว่ะ ยิ้มหน้าบานกว่าหน้าเทสึมันอีก” นี่แหละยัยสาหร่ายตัวจริง ทุกคนดูเอาไว้เลย -_-^^                 “มีเด็กใหม่สองคนย้ายเข้ามาว่ะ อีกคนก็หล่อ อีกคนก็น่ารัก กรี๊ดดด! นายตกกระป๋องแน่ไอระคุง ฮะ ฮ่าๆ ^O^” มิสะพูดอย่างอารมณ์ดี อย่าได้แคร์เพราะผมไม่สนใจเรื่องเรตติ้งของตัวเองอยู่แล้ว ไม่งั้นผมจะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าหรอ                 “ย้ายมาอยู่ห้องเราหรือไง เธอถึงได้ยิ้มกว้างปานจะกลืนกินโลกขนาดนี้น่ะ” ผมสวนกลับทันทีซึ่งทำเอามิสะหุบยิ้มแทบไม่ทัน                 “เปล่าหรอกย่ะ เขาย้ายมาอยู่ปีสองห้องเอ น่าเสียดายอ่ะ T^T”                 “ดีแล้วล่ะ ไม่งั้นเทสึคลั่งตายแน่ๆที่มีคนหล่อกว่ามัน 5555++” ยัยสาหร่ายหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ฉีกหน้าผมได้ ร้ายจริงๆ                 “อย่างกับตัวเองสวยตายล่ะ” ผมเอาคืน ยัยสาหร่ายหันมาทำตาขว้างใส่ผม ไม่กลัว^^                 “เราไปดูกันหน่อยดีกว่า ว่าจะหล่ออย่างที่ยัยมิสะมันพูดหรือเปล่า” ยัยสาหร่ายหันมาชวนผม                 “จัดไป”                 ห้องเรียนของปีสองห้องเอ ค่อนข้างที่จะมีครึกครื้นมากกว่าปกติเพราะมีเด็กใหม่เข้ามา แต่สุดท้ายทุกคนก็เปิดทางให้ผมและยัยสาหร่าย                 “คุณไอระแล้วก็ควีนนี่! พวกเขามาทำอะไรที่นี่?” เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเมื่อผมที่เป็นผู้ลงสมัครคิงกับยัยสาหร่ายที่เป็นถึงควีนของโรงเรียนปรากฏตัว                 “ทุกคนหลีกทางให้ควีนของเราหน่อย!!” เด็กปีสองคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนที่คนจำนวนมากจะถึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งตรงกลางคือทางเดินโดยที่ทุกคนต่างก็โค้งให้ระหว่างที่เราเดินผ่าน                 ถ้าคนนอกมาเห็นคงเข้าใจว่าที่นี่คือพระราชวังแทนโรงเรียนแน่ๆผมว่า -_-^^                 เมื่อเข้ามาในห้องก็เจอผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆหน้าต่าง ก่อนที่จะหันมามองเราสองคนที่เป็นผู้มาใหม่                 “พวกคุณคือนักเรียนใหม่สินะคะ ต้องขอโทษด้วยที่มาขัดจังหวะการพูดคุยของพวกคุณ” ยัยสาหร่ายเอ่ยขึ้นก่อนที่จะโค้งให้เป็นการขอโทษ                 “ไม่เป็นไรครับ ควีน^^” ผู้ชายผมสีช็อคโกแลตพูดขึ้นก่อนจะส่งยิ้มมาให้ ส่วนยัยสาหร่ายก็ส่งยิ้มหวานกลับ หมั่นไส้!!                 “ผมชื่อคาราโมชิ โกเซนนะครับ ส่วนนี่โมงามิ โชตะเพื่อนสนิทผมเอง” ผู้ชายคนเดิมแนะนำตัวก่อนที่จะหันไปแนะนำเพื่อนอีกคนให้รู้จัก                 “ฉันเอนาริ เลมอนค่ะ จะเรียกโนริก็ได้ ส่วนนี้ไอระ เทคกะเพื่อนสนิทฉันเองค่ะ” ยัยสาหร่ายทำการแนะนำตัวเองและผมก่อนที่คาราโมชิ โกเซนจะตอบมา                  “ครับ ผมรู้จักคุณสองคน คุณเอนาริคือควีนของโรงเรียน ส่วนคุณไอระคือผู้สมัครคิงที่มีคะแนนสูงที่สุดในตอนนี้ เป็นเกียรติมากเลยนะครับที่คุณสองคนมาหาพวกเราถึงห้อง”                 “คุณสองคนเป็นถึงนักเรียนใหม่ ฉันก็ต้องมาต้อนรับหน่อยสิคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับพวกคุณตั้งแต่มาถึง” จะมาทำไมล่ะ มันใช่ธุระของเธอหรือไง                 อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ  ผมรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ชั่วร้ายในขณะเดียวกันก็มีพลังที่สูงส่งราวเทพสวรรค์รวมอยู่ด้วยเมื่อก้าวเข้ามาในห้องเรียนนี้ ผมว่ามันชักยังไงๆแล้วล่ะ                 “เทสึ เทสึ!! เฮ้! อีตาเทสึ!! นายเหม่ออะไรอยู่ย่ะ!” เสียงเรียกของคนข้างตัวทำให้สติที่หลุดลอยไปไกลย้อนกลับเข้าร่างอีกครั้ง ท่าจะเป็นเอามากเลยแฮะผม ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ                 “แล้วเรียกทำไมอ่ะ?” ผมถามกลับ เรียกซะดังเลย โลกจะแตกหรือไง?                 “ฉันชวนกลับจะกลับมั้ยย่ะ” ที่แท้ก็ชวนกลับ ไอ้เรานึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีก                 “กลับสิกลับ ป่ะ!” จบคำผมก็คว้าเข้าที่ข้อมือเล็กๆของยัยสาหร่าย ก่อนจะพาออกมานอกห้องที่มีคนมุงดูกันเยอะยิ่งกว่ามีคนตายซะอีก-_-^^
                 เมื่อกลับมาถึงห้อง ผมก็แทบจะฆ่ายัยสาหร่ายกลางห้อง ก็ดูยัยนี่ทำสิ!                “น่านะเทสึ ตอนเย็นพาไปเที่ยวหน่อย นะๆ น่านะเทสึ” ยัยสาหร่ายออดอ้อนผมโดยการทำหน้าตาน่ารักแล้วมาคลอเคลียที่แขนเหมือนลูกแมว                 “ไม่! เธอต้องพักผ่อน” ผมยังคงปฏิเสธ ก็ดูยัยนี่สิ ออกจะหน้าตาน่ารักแถมสวยไม่เกรงใจใครแบบนี้ มันดูแลง่ายที่ไหนล่ะ                 “เที่ยวก็พักผ่อนเหมือนกันนี่น่า นะๆ” ยัยสาหร่ายยื่นหน้าเข้ามาอีกจนแทบจะจูบกับผมอยู่แล้ว นั่นทำให้พวกผู้ชายในห้องแทบลงแดงตายที่ยัยสาหร่ายใกล้ชิดกับผมมากเกินไป                 “แล้วถ้าฉันพาไป ฉันจะได้อะไร” ผมถาม ยัยนั่นคิดหนักเลยล่ะก่อนจะตอบมาว่า                 “นายอยากได้อะไร นายเอาไปเลย!” ใจป้ำจริงนะแม่คุณ แล้วเธอจะคิดผิดที่พูดแบบนี้^^                 “งั้นก็ได้” ผมตอบตกลงก่อนที่ยัยสาหร่ายจะกระโดดโลดเต้นดีใจจนหมดคราบควีนสาวสวยซะสนิท                 + + +พักเที่ยง ณ โรงอาหาร + + +                 ผมยังคงอยู่กับยัยสาหร่ายจนถึงเที่ยง เพราะยัยนี่ชอบทำหน้าตาน่ารักให้ผู้ชายตกหลุมรักเล่น จนผมอดเป็นห่วงไม่ได้                 “เธอจะทานอะไรล่ะ?” ผมถามออกมาเพราะยัยนี่ยังไม่มีท่าว่าจะเลือกร้านไหนเลย                 “ไม่หิวอ่ะ นายล่ะ?” แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้เป็นห่วงอยู่ได้                 “ฉันไม่หิว” ผมบอก ผมไม่กินอะไรเลยผมก็อิ่ม                 สุดท้ายเราสองคนเลยตัดสินใจออกมานั่งพักผ่อนที่ใต้ต้นซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น ก่อนที่ผมจะนั่งลงแล้วเอาหลังอิงต้นซากุระ                 “มันสกปรกนะ นั่งไปได้ไง” ยัยสาหร่ายบ่นแถมไม่ยอมนั่งลงอีกต่างหาก เรื่องมากจริง                 “จะนั่งไม่นั่ง” ผมถามเสียงเรียบ ก่อนที่ยัยสาหร่ายจะนั่งลงแต่โดยดี                 สายลมพัดผ่านเราสองคนไปเบาๆ อากาศเย็นสบาย ชวนให้นอนหลับพักผ่อนจริงๆ                 “อ๊ะ!!” ยัยสาหร่ายร้องขึ้นเมื่อผมจับเธอมานอนหนุนตัก                 “คนเขาอยากให้นอนสบายๆหรอกน่า” ผมบอก คนเขาหวังดีหรอก                 “ไม่ใช่ว่าคิดอะไรอยู่หรอกนะ” ยัยสาหร่ายชี้หน้าคาดโทษผมเอาไว้ เธอต่างหากล่ะที่คิด ยัยเตี้ย!                 สักพักคนร่างเล็กก็เงียบเสียงลง ทำให้ผมสงสัยนิดหน่อยว่าเธอจะเป็นหรือเปล่า  แต่พอหันไปมองมันก็ทำให้ผมถอนหายใจนิดหน่อย ที่แท้ก็แค่หลับไปนี่เอง                 ปิ๊ง!                 เสื้อโค้ทแสนสวยปรากฏขึ้นในมือผม ก่อนที่ผมจะเอาไปห่มให้ยัยสาหร่ายที่หลับเป็นตาย ไปเล่นซนจนหมดแรงล่ะสิ                 “พี่คะ” เสียงใครบางคนดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากยัยสาหร่ายไปหาผู้มาเยือนคนใหม่                 “มีอะไรหรอมีนา?” ผมถามผู้มาให้ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ จะโผล่มาทำไมว่ะ                 “พี่มาอยู่กับควีนทั้งๆที่คบกับมีนาอยู่ พี่ว่ามันดูดีแล้วหรอคะ!” มีนาเริ่มขึ้นเสียง แค่คู่ควงจะมาเซ้าซี้อะไรนักหนา                 “มันเรื่องของฉัน ผมตอบเสียงเรียบก่อนจะช้อนร่างเล็กของยัยสาหร่ายมาไว้ในอ้อมกอด                 “นี่พี่นอกใจมีนาอย่างนั้นหรอ!!”                 “ก็ในเมื่อฉันไม่ได้มีใจให้เธอ แล้วฉันจะนอกใจเธอทำไม”  ผมตอบเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ก็ผมไม่สนใครจะทำไม                 “พี่หลอกมีนางั้นหรอ กรี๊ดดดดดด!!!” มีนากรีดร้องทันที ช่างเป็นผู้หญิงที่ชอบใช้เสียงมากกว่าสมองจริงๆ                 “ใครๆก็รู้ว่าฉันมีนิสัยยังไง จะบอกอะไรให้นะว่าฉันนี่แหละคาสโนว่าตัวจริงเสียงจริงเลย” ผมยักคิ้วให้มีนาที่โกรธจัดเพราะโดนผมหลอก ไม่มีใครโง่เท่าพวกผู้หญิงบนโลกอีกแล้ว (เว้นยัยสาหร่ายสักคนก็ได้)                 “ฉันไม่จบแค่นี้แน่!!” มีนาตะโกนไล่หลังเมื่อผมอุ้มยัยสาหร่ายเดินออกมาใกล้แล้ว ไม่จบแค่นี้แน่อย่างนั้นหรอ? เหมือนที่ไอ้มาคัสพูดหลังแข่งบาสจบเลย                 ผมไม่สนใจคนนอกที่กำลังโวยวายอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย พลางอุ้มยัยสาหร่ายไปที่ห้องพยาบาลเพราะยัยนี่หลับเป็นตาย เลยไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ไหนดี (คนนะโว้ย!ไม่สิ่งของ)                 เมื่อมาถึงห้องพยาบาลก็พบว่าไม่มีใครเลย อาจารย์ไปไหนว่ะ?                 ผมวางยัยสาหร่ายลงที่เตียงนอนสีขาวก่อนจะห่มผ้าให้ แม้แต่เวลาหลับยัยนี่ยังสวยเลย ไม่น่าแปลกที่ยัยนี่จะเป็นควีนถึงสามปีซ้อน                  ‘ไลค์ สตาร์ ลูกได้ยินพ่อมั้ย’  เสียงท่านพ่อดังขึ้นในหัว โทร.เข้ามือถือดีกว่ามั้ยครับท่านพ่อ-_-^^                 “ท่านพ่อ ลูกได้ยินพะยะค่ะ” ผมพูดขึ้นจนลืมไปว่าต้องพูดในจิตใจเท่านั้น                 ‘คลาวดี้และโคลว์ปรากฏตัวแล้วนะลูก จับตาดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี’  แล้วมันคนไหนล่ะครับท่านพ่อ                 ‘แล้วคนไหนล่ะพะยะค่ะท่านพ่อ ลูกไม่รู้หรอกนะ’  ผมตอบกลับไป จะให้จับตาดูเขาแล้วเขาหน้าตาเป็นไงอ่ะ?                 ‘ลูกฟังดีๆนะ ไลค์ สตาร์ นอกจากลูกต้องจับตาดูคลาวดี้กับโคลว์แล้ว พ่อวานอะไรลูกหน่อย’ นอกจากจะไม่ตอบคำถามผมแล้ว ท่านพ่อยังหางานใหม่มาให้ผมอีก                 ‘เรื่องอะไรพะยะค่ะท่านพ่อ’                  ‘ดูแลวอลต์ สเทลลาส อย่าให้นางต้องอยู่เพียงลำพังเป็นอันขาด’  คำไหว้วานของท่านพ่อทำให้ผมงงนิดหน่อย ทำไมต้องดูแลยัยนั่นด้วยหว่า?                 ‘ทำไมต้องดูแลนางล่ะพะยะค่ะท่านพ่อ นางไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย’ ผมถามกลับ                 เพราะนางกำลังโดนเทพนรกฝ่ายดำตามล่า เพราะนางไปขัดขวางแผนการของแอเรสที่จะเอาวิญญาณของพวกเด็กๆไปกินเป็นอาหาร พ่อเลยอยากให้ลูกคุ้มครองนาง’  คำพูดต่อมาทำให้ผมหายสงสัย แสดงว่าวันนั้นยัยนั่นไปขัดขวางแผนของแอเรสสินะ ถึงได้โดนเล่นงานปานตายขนาดนั้น                 ‘พะยะค่ะท่านพ่อ ลูกจะดูแลนางตามคำไหว้วานของท่านพ่อ ว่าแต่ ท่านพ่อจะตอบลูกได้หรือยังว่าใครคือคลาวดี้และโคลว์ ’  ผมกลับเข้าเรื่องหลังจากที่ออกทะเลไปไกล                 ‘พ่อลืมไปเลย คลาสดี้กับโคลว์ในร่างมนุษย์นั้น พวกเขาชื่อ……..’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา