นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
42.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) ตอนที่ 22 บ้านต้นไม้ของเฟรม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านตระกูลแคเบล เวลา 09.10. น.
เฟรมนอนเล่นที่เตียงโดยมีคู่มือเกี่ยวกับคาราเต้กางหน้าทิ้งไว้ นับแต่กลับบ้านมาเขาไม่อยากพบหน้าใครมากโดยเฉพาะบรรดาพี่ๆของตน ที่วันๆจ้องแต่จะกลั่นแกล้งเขาที่ตัวเล็กกว่าซึ่งกับคริสตอฟนั้น เฟรมรู้ดีว่าพี่ชายคนนี้อิจฉาปนหมั่นไส้เขาที่อิลซ่าผู้เป็นแม่นั้นรักเขามากกว่าพี่คนอื่น โดยอิลซ่าให้เหตุผลว่าเฟรมคือน้องคนเล็กสุดของบ้าน แน่นอนว่าเหตุผลแบบนี้มันฟังไม่ขึ้นเขารู้สึกแย่มากๆจนอยากกลับค่ายตอนนี้เลยดีกว่า และเหนือสิ่งอื่นใดเขาคิดถึงเพื่อนสนิทสองคนที่ค่ายมาก ไม่นานนักประตูห้องของเขามีเสียงเคาะดังสามครั้งก่อนจะเปิดประตูออกมา เฟรมรีบนอนตะแคงหันหลังเพราะนั้นคือแม่เขาเอง
"เฟเดอริก มากินข้าวเถอะพ่อกับพี่ๆรออยู่" อิลซ่าพูดเสียงอ่อนโยนกับลูกชาย
"ผมยังไม่หิว แม่ไปกินกับพวกเขาเลย" เฟรมกล่าวสั้นๆแต่ไม่มองแม่ตนเอง
"เป็นอะไรลูกบอกแม่มาสิ" อิลซ่าถามด้วยความห่วงใย
"ถ้าผมบอกแม่แล้ว... แม่จะเลิกอุ้มชูผมต่อหน้าพวกพี่เขาไหม" เฟรมหันมามองหน้าอิลซ่าตรงๆ
เมื่ออิลซ่าได้สบตากับลูกชายคนนี้ของเธอนั้น ก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของแม่ว่าตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนไป ไม่ใช่ลูกน้อยคนเดิมที่เธอรู้จักมันเป็นแววตาที่เหมือนกันหมด เด็กที่ไปเกณฑ์เป็นยุวชนทหารจะมีแววตาแบบนี้หมด เธอใจหายไม่น้อยที่ตอนนี้เฟรมก็รับผลกระทบนี้ไม่ต่างจากลูกคนอื่นๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอเลือกแต่งงานกับชาวฟรอนร์เทียร์แล้ว ก็ต้องรับกฎหมายของประเทศให้ได้
"ทำไมลูกพูดแบบนี้ละ แม่แค่เป็นห่วงลูกเท่านั้น"
"แม่รู้ไหมทำไมพี่คริสตอฟเขาถึงเกลียดผม... เพราะแม่ทำแบบนี้ไง" เฟรมตัดบท
"อย่าคิดแบบนั้นแม่รักลูกเท่ากันหมด อีกอย่างคริสตอฟเขาไม่ได้เกลียดลูกหรอกเขารักลูกแต่ไม่แสดงออก" อิลซ่าพูด
"พี่เขาบอกหรือแม่คิดไปเองครับเอาเถอะครับ เอาที่แม่สบายใจละกันถ้าอยากให้ผมไปกินมาก...ผมก็จะไปให้"
พูดจบเฟรมลุกพรวดพรากออกไปจากห้องทันทีโดยไม่สนอิลซ่าเลย เขาเดินลงบันไดมายังห้องกินข้าวที่อยู่ด้านขวาของบ้าน ห้องกินอาหารอาจไม่ใหญ่มากนัก โต๊ะเป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้าไม้ยาวคนที่นั่งรออยู่คือ เบดเดอร์ส มิร่า ลูอิส คริสตอฟ และทริสทันขาดไปคนหนึ่งซึ่งนั้นก็คือ ฟาร์เรน แคเบลพี่สาวคนโตสุดของบ้าน ซึ่งตอนนี้ยอมเดินลงมาจากห้องคงเพราะอิลซ่าไปตามให้กินข้าว ฟาร์เรนเป็นสาวผมแดง ดวงตาสีน้ำตาลผิวขาวรูปรางสูงบางและตอนนี้เธอดูหงุดหงิดเล็กน้อย ที่โดนแม่มาตามให้กินข้าวด้วย
"แม่จะมาปลุกหนูทำไมคนจะหลับจะนอน รู้ไหมว่าที่ค่ายนะหนูแทบไม่ได้นอนแบบนี้นะ" ฟาร์เรนพูดอย่างไม่พอใจอย่างมาก
"มันสายแล้วอย่างน้อยๆกินข้าวกันหน่อยสิลูก ไม่ได้กินพร้อมหน้ากันนานแล้ว" อิลซ่าพูดอย่างอ่อนโยน
ฟาร์เรนไม่ตอบอะไรนอกจากเดินไปนั่งข้างๆมิร่า ซึ่งเฟรมสังเกตอากัปกิริยาได้ว่ามิร่ากับฟาร์เรนก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน อิลซ่าหยิบไส้กรอก เนื้อไก่ชิ้นปานกลาง ไข่ดาวลงจานของแต่ละคน ส่วนของเบดเดอร์สนั้นอิลซ่ารินเครื่องดื่มไวน์ใส่แก้วให้ ก่อนจะมานั่งจัดการกับจานอาหารของตนเอง ทุกคนนั่งกินอาหารบนจานโดยไม่พูดคุยกันเลยมันทำให้เฟรมรู้สึกหว่าเว้ มีคิดถึงเพื่อนสองคนของเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
"นานแล้วนะที่ผมไม่ได้กินอาหารของแม่ อยู่ที่ค่ายได้กินแค่ข้าวกับซุปเห็ดหอมเท่านั้นเอง" ลูอิสพูดขึ้น
"พูดมากอยู่ได้จะอยู่ค่ายหรือบ้าน ไอ้ที่เรากินๆอยู่นะมันก็อาหารกินๆไปเถอะ" คริสตอฟพูดเสียงกร้าวขึ้น
"นายเป็นหมารึไงกัดคนอื่นไปทั่วนะ" ทริสทันพูดเสียบเรียบขึ้นทำให้คริสตอฟมองหน้าไม่พอใจมาก
"พอได้แล้วทะเลาะกันทำไม แม่อุตส่าห์ทำให้กินพวกลูกตอบแทนแม่แบบนี้เหรอ" เบดเดอร์สพูดเสียงดุขึ้น
ทุกคนพากันเงียบกริบหมดแน่นอนว่าหากเบดเดอร์สที่เงียบๆ เริ่มพูดเมื่อไหร่แปลว่าเขาหมดความอดทนจริงๆ เฟรมตอนนี้กินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เด็กชายหันไปมองแม่ ซึ่งเธอได้แต่ก้มหน้าเหมือนลึกๆแล้วเธอก็กลัวสามีเช่นเดียวกับลูกๆของเธอ แต่อาจมียกเว้นคนหนึ่งนั้นคือ ฟาร์เรน ที่ดูเหมือนอยากท้าทายพ่อมาก ไม่รู้ว่ามันสืบเนื่องจากการที่เธออายุได้ 15 ขึ้น 16 เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อหรือจะเรียกว่าวัยต่อต้านกันแน่ แต่ที่แน่ๆเบดเดอร์สไม่พอใจกิริยานี้ของลูกคนนี้มาก
"ผมอิ่มแล้วนะครับ" เฟรมพูดขึ้นก่อนจะนำจานไปไว้อ่าง
"ลูกจะไปไหน" อิลซ่าถาม
"บ้านต้นไม้ครับ" เฟรมกล่าวสั้นๆ
"แม่จะถามทำไมอีกละถ้าไม่อยู่ในห้อง ก็สิงอยู่ในบ้านต้นไม้นั้นแหละ" คริสตอฟพูดไม่นาน แต่ก็สงบคำเมื่อเห็นสายตาตำหนิของแม่มองมา
เฟรมไม่สนใจคนที่อยู่ในบ้านแล้วเขาสนแค่อย่างเดียวว่า จะออกจากบ้านไปยังต้นไม้ต้นใหญ่พอสมควรอยู่ไม่ห่างจากบ้าน เท่าที่จำความได้ต้นไม้ตนนี้อยู่คู่บ้านตระกูลแคเบลมายาวนานมาก แต่ไฮไลอยู่ที่บ้านต้นไม้ที่ทำจากไม้อย่างดีมีบันได ที่เรียวม้วนลงมาสำรหรับเดินขึ้นบนบ้านโดยเฉพาะ สำหรับเด็กชายแล้วบ้านต้นไม้หลังนี้คือหลบภัยชั้นดีของเขา ที่ไม่ต้องเจอหน้าพวกคริสตอฟหรือบรรยากาศที่จะทำให้เขารู้สึกแยก
เด็กชายก็วิ่งขึ้นบันไดเพื่อไปที่ประตูบ้านและทำการเปิดเข้าไป ภายในบ้านต้นไม้นั้นไม่ค่อยต่างจากห้องนอนเขาเท่าไหร่ มันมีโต๊ะเก้าอี้ไม้เคียงคู่ด้วยโคมไฟ และมีเตียงนอนเดี่ยวที่มีหมอนกับผ้าห่มสีฟ้าวางอยู่ นอกจากนั้นก็จะเป็นของเล่นที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นัก ของเล่นส่วนใหญ่ที่เขาชอบจะเน้นที่รถถังเป็นพิเศษ เพราะเขามีความฝันว่าอยากเป็นทหารรถถังที่เก่ง ดังนั้นเวลาที่เฟรมเห็นของเล่นพวกรถถังเขาจึงชอบมาก ระหว่างที่เขาเล่นจับวางรถถังตามจุดยุทธศาสตร์สงครามแบบรถถัง แล้วใช้จินตนาการอยู่นั้นปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของเด็กผู้ชายสองคนที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
"เฟรม ! อยู่ป้าวเพื่อนส่งเสียงหน่อย" อาถิงตะโกนจากข้างล่าง เด็กชายตัดสินใจเปิดต่างออกมาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขาเห็นอาชินและอาถิงยืนข้างล่างโดยมีจักรยานสองคัน จอดอยู่ข้างๆทำให้เขาเดาออกว่าเพื่อนทั้งสองเดินทางมายังไง
"นายสองคนรู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ไหน" เฟรมถามอย่างแปลกใจ
"เสิร์ชหาตำแหน่งบ้านนายจากสายรัดนะ โคตรไกลชะมัดทำเอาฉันกับอาชินเหงื่อท่วมเลย" อาถิงบอก
"งั้นขึ้นมาสิเพื่อน" เฟรมกล่าวชักชวน ซึ่งทั้งสองไม่รอช้าต่างก็รีบวิ่งขึ้นไปที่บ้านต้นไม้ตามคำชักชวนของเพื่อน
อาชินกับอาถิงเข้ามาในบ้านต้นไม้แล้วนั้น เฟรมทำการปิดประตูให้สนิทก่อนจะมาทำการเปิดแอร์ เหงื่อของอาชินกับอาถิงนั้นทำให้สีเสื้อของพวกเขาดูเข้มมาก ซึ่งเฟรมคงพอจะเข้าใจว่าทั้งสองคงเดินทางมาไกลมาก อาชินค้นกระเป๋าแล้วเอากระติกน้ำสีดำขึ้นมาดื่ม อาถิงเห็นของเล่นรถถังหลายคันของเฟรมแล้วทำให้เขาอยากเล่นขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้สึกร้อนเท่าที่ควรนอกจากทิ้ง กระเป๋าแล้วมานั่งตรงกระดานจุดยุทธศาสตร์สงครามรถถัง
โดยร่วมแล้วของเล่นของเด็กฟรอนร์เทียร์นั้นค่อนข้างจะกำจัดมาก หากเทียบกับของเล่นของเด็กพลเรือนที่จะมี ความหลากหลายมากกว่าซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ของเล่นยอดฮิตของเด็กอย่างพวกอาชินจะเป็นดาบกับปืน พวกรถถัง เครื่องบินและเรือรบจะรองลงมาส่วนผู้หญิงจะเน้นยิงธนูหรือของเล่นที่พัฒนาสมองเช่น รูบิค เป็นต้น
"ของเล่นนายมีแต่รถถังทั้งนั้นเลยนี่" อาถิงพูดขึ้น
"ใช่ ฉันชอบรถถังมากเลย" เฟรมตอบ
"ของฉันก็มีนะแต่... ฉันชอบเรือรบมากกว่า" อาถิงพูดเสร็จ ก็คว้ารถถังสีลายพรางสีดำซึ่งมีปากกระบอกตั้ง 4 กระบอก จากนั้นเขาถึงจะดึงเรือรบลำใหญ่ออกมา
"จือชินของนายละ" เฟรมหันมาถาม
"ฉันไม่ชอบพวกรถถังนะ แต่เล่นด้วยได้" อาชินตอบ
และแล้วทั้งสามคนก็พากันนั่งลงที่แผ่นกระดานจุดยุทธศาสตร์สงครามรถถัง ในความรู้สึกของเฟรมตอนนี้เขาดีใจมากๆ ที่ได้เจอเพื่อนทั้งสอง แม้จะไม่ได้อยู่ในค่ายเขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากอีกแล้ว ในระหว่างที่พวกเขาเล่นสงครามรถถังกันอยู่บนบ้านต้นไม้นั้น ทริสทันแอบมายืนดูใต้บ้านต้นไม้อย่างเงียบๆในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่นอกจากตัวเขาเอง
+++++++++++++++++++
เฟรมนอนเล่นที่เตียงโดยมีคู่มือเกี่ยวกับคาราเต้กางหน้าทิ้งไว้ นับแต่กลับบ้านมาเขาไม่อยากพบหน้าใครมากโดยเฉพาะบรรดาพี่ๆของตน ที่วันๆจ้องแต่จะกลั่นแกล้งเขาที่ตัวเล็กกว่าซึ่งกับคริสตอฟนั้น เฟรมรู้ดีว่าพี่ชายคนนี้อิจฉาปนหมั่นไส้เขาที่อิลซ่าผู้เป็นแม่นั้นรักเขามากกว่าพี่คนอื่น โดยอิลซ่าให้เหตุผลว่าเฟรมคือน้องคนเล็กสุดของบ้าน แน่นอนว่าเหตุผลแบบนี้มันฟังไม่ขึ้นเขารู้สึกแย่มากๆจนอยากกลับค่ายตอนนี้เลยดีกว่า และเหนือสิ่งอื่นใดเขาคิดถึงเพื่อนสนิทสองคนที่ค่ายมาก ไม่นานนักประตูห้องของเขามีเสียงเคาะดังสามครั้งก่อนจะเปิดประตูออกมา เฟรมรีบนอนตะแคงหันหลังเพราะนั้นคือแม่เขาเอง
"เฟเดอริก มากินข้าวเถอะพ่อกับพี่ๆรออยู่" อิลซ่าพูดเสียงอ่อนโยนกับลูกชาย
"ผมยังไม่หิว แม่ไปกินกับพวกเขาเลย" เฟรมกล่าวสั้นๆแต่ไม่มองแม่ตนเอง
"เป็นอะไรลูกบอกแม่มาสิ" อิลซ่าถามด้วยความห่วงใย
"ถ้าผมบอกแม่แล้ว... แม่จะเลิกอุ้มชูผมต่อหน้าพวกพี่เขาไหม" เฟรมหันมามองหน้าอิลซ่าตรงๆ
เมื่ออิลซ่าได้สบตากับลูกชายคนนี้ของเธอนั้น ก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของแม่ว่าตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนไป ไม่ใช่ลูกน้อยคนเดิมที่เธอรู้จักมันเป็นแววตาที่เหมือนกันหมด เด็กที่ไปเกณฑ์เป็นยุวชนทหารจะมีแววตาแบบนี้หมด เธอใจหายไม่น้อยที่ตอนนี้เฟรมก็รับผลกระทบนี้ไม่ต่างจากลูกคนอื่นๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอเลือกแต่งงานกับชาวฟรอนร์เทียร์แล้ว ก็ต้องรับกฎหมายของประเทศให้ได้
"ทำไมลูกพูดแบบนี้ละ แม่แค่เป็นห่วงลูกเท่านั้น"
"แม่รู้ไหมทำไมพี่คริสตอฟเขาถึงเกลียดผม... เพราะแม่ทำแบบนี้ไง" เฟรมตัดบท
"อย่าคิดแบบนั้นแม่รักลูกเท่ากันหมด อีกอย่างคริสตอฟเขาไม่ได้เกลียดลูกหรอกเขารักลูกแต่ไม่แสดงออก" อิลซ่าพูด
"พี่เขาบอกหรือแม่คิดไปเองครับเอาเถอะครับ เอาที่แม่สบายใจละกันถ้าอยากให้ผมไปกินมาก...ผมก็จะไปให้"
พูดจบเฟรมลุกพรวดพรากออกไปจากห้องทันทีโดยไม่สนอิลซ่าเลย เขาเดินลงบันไดมายังห้องกินข้าวที่อยู่ด้านขวาของบ้าน ห้องกินอาหารอาจไม่ใหญ่มากนัก โต๊ะเป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้าไม้ยาวคนที่นั่งรออยู่คือ เบดเดอร์ส มิร่า ลูอิส คริสตอฟ และทริสทันขาดไปคนหนึ่งซึ่งนั้นก็คือ ฟาร์เรน แคเบลพี่สาวคนโตสุดของบ้าน ซึ่งตอนนี้ยอมเดินลงมาจากห้องคงเพราะอิลซ่าไปตามให้กินข้าว ฟาร์เรนเป็นสาวผมแดง ดวงตาสีน้ำตาลผิวขาวรูปรางสูงบางและตอนนี้เธอดูหงุดหงิดเล็กน้อย ที่โดนแม่มาตามให้กินข้าวด้วย
"แม่จะมาปลุกหนูทำไมคนจะหลับจะนอน รู้ไหมว่าที่ค่ายนะหนูแทบไม่ได้นอนแบบนี้นะ" ฟาร์เรนพูดอย่างไม่พอใจอย่างมาก
"มันสายแล้วอย่างน้อยๆกินข้าวกันหน่อยสิลูก ไม่ได้กินพร้อมหน้ากันนานแล้ว" อิลซ่าพูดอย่างอ่อนโยน
ฟาร์เรนไม่ตอบอะไรนอกจากเดินไปนั่งข้างๆมิร่า ซึ่งเฟรมสังเกตอากัปกิริยาได้ว่ามิร่ากับฟาร์เรนก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน อิลซ่าหยิบไส้กรอก เนื้อไก่ชิ้นปานกลาง ไข่ดาวลงจานของแต่ละคน ส่วนของเบดเดอร์สนั้นอิลซ่ารินเครื่องดื่มไวน์ใส่แก้วให้ ก่อนจะมานั่งจัดการกับจานอาหารของตนเอง ทุกคนนั่งกินอาหารบนจานโดยไม่พูดคุยกันเลยมันทำให้เฟรมรู้สึกหว่าเว้ มีคิดถึงเพื่อนสองคนของเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
"นานแล้วนะที่ผมไม่ได้กินอาหารของแม่ อยู่ที่ค่ายได้กินแค่ข้าวกับซุปเห็ดหอมเท่านั้นเอง" ลูอิสพูดขึ้น
"พูดมากอยู่ได้จะอยู่ค่ายหรือบ้าน ไอ้ที่เรากินๆอยู่นะมันก็อาหารกินๆไปเถอะ" คริสตอฟพูดเสียงกร้าวขึ้น
"นายเป็นหมารึไงกัดคนอื่นไปทั่วนะ" ทริสทันพูดเสียบเรียบขึ้นทำให้คริสตอฟมองหน้าไม่พอใจมาก
"พอได้แล้วทะเลาะกันทำไม แม่อุตส่าห์ทำให้กินพวกลูกตอบแทนแม่แบบนี้เหรอ" เบดเดอร์สพูดเสียงดุขึ้น
ทุกคนพากันเงียบกริบหมดแน่นอนว่าหากเบดเดอร์สที่เงียบๆ เริ่มพูดเมื่อไหร่แปลว่าเขาหมดความอดทนจริงๆ เฟรมตอนนี้กินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เด็กชายหันไปมองแม่ ซึ่งเธอได้แต่ก้มหน้าเหมือนลึกๆแล้วเธอก็กลัวสามีเช่นเดียวกับลูกๆของเธอ แต่อาจมียกเว้นคนหนึ่งนั้นคือ ฟาร์เรน ที่ดูเหมือนอยากท้าทายพ่อมาก ไม่รู้ว่ามันสืบเนื่องจากการที่เธออายุได้ 15 ขึ้น 16 เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อหรือจะเรียกว่าวัยต่อต้านกันแน่ แต่ที่แน่ๆเบดเดอร์สไม่พอใจกิริยานี้ของลูกคนนี้มาก
"ผมอิ่มแล้วนะครับ" เฟรมพูดขึ้นก่อนจะนำจานไปไว้อ่าง
"ลูกจะไปไหน" อิลซ่าถาม
"บ้านต้นไม้ครับ" เฟรมกล่าวสั้นๆ
"แม่จะถามทำไมอีกละถ้าไม่อยู่ในห้อง ก็สิงอยู่ในบ้านต้นไม้นั้นแหละ" คริสตอฟพูดไม่นาน แต่ก็สงบคำเมื่อเห็นสายตาตำหนิของแม่มองมา
เฟรมไม่สนใจคนที่อยู่ในบ้านแล้วเขาสนแค่อย่างเดียวว่า จะออกจากบ้านไปยังต้นไม้ต้นใหญ่พอสมควรอยู่ไม่ห่างจากบ้าน เท่าที่จำความได้ต้นไม้ตนนี้อยู่คู่บ้านตระกูลแคเบลมายาวนานมาก แต่ไฮไลอยู่ที่บ้านต้นไม้ที่ทำจากไม้อย่างดีมีบันได ที่เรียวม้วนลงมาสำรหรับเดินขึ้นบนบ้านโดยเฉพาะ สำหรับเด็กชายแล้วบ้านต้นไม้หลังนี้คือหลบภัยชั้นดีของเขา ที่ไม่ต้องเจอหน้าพวกคริสตอฟหรือบรรยากาศที่จะทำให้เขารู้สึกแยก
เด็กชายก็วิ่งขึ้นบันไดเพื่อไปที่ประตูบ้านและทำการเปิดเข้าไป ภายในบ้านต้นไม้นั้นไม่ค่อยต่างจากห้องนอนเขาเท่าไหร่ มันมีโต๊ะเก้าอี้ไม้เคียงคู่ด้วยโคมไฟ และมีเตียงนอนเดี่ยวที่มีหมอนกับผ้าห่มสีฟ้าวางอยู่ นอกจากนั้นก็จะเป็นของเล่นที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นัก ของเล่นส่วนใหญ่ที่เขาชอบจะเน้นที่รถถังเป็นพิเศษ เพราะเขามีความฝันว่าอยากเป็นทหารรถถังที่เก่ง ดังนั้นเวลาที่เฟรมเห็นของเล่นพวกรถถังเขาจึงชอบมาก ระหว่างที่เขาเล่นจับวางรถถังตามจุดยุทธศาสตร์สงครามแบบรถถัง แล้วใช้จินตนาการอยู่นั้นปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของเด็กผู้ชายสองคนที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
"เฟรม ! อยู่ป้าวเพื่อนส่งเสียงหน่อย" อาถิงตะโกนจากข้างล่าง เด็กชายตัดสินใจเปิดต่างออกมาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขาเห็นอาชินและอาถิงยืนข้างล่างโดยมีจักรยานสองคัน จอดอยู่ข้างๆทำให้เขาเดาออกว่าเพื่อนทั้งสองเดินทางมายังไง
"นายสองคนรู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ไหน" เฟรมถามอย่างแปลกใจ
"เสิร์ชหาตำแหน่งบ้านนายจากสายรัดนะ โคตรไกลชะมัดทำเอาฉันกับอาชินเหงื่อท่วมเลย" อาถิงบอก
"งั้นขึ้นมาสิเพื่อน" เฟรมกล่าวชักชวน ซึ่งทั้งสองไม่รอช้าต่างก็รีบวิ่งขึ้นไปที่บ้านต้นไม้ตามคำชักชวนของเพื่อน
อาชินกับอาถิงเข้ามาในบ้านต้นไม้แล้วนั้น เฟรมทำการปิดประตูให้สนิทก่อนจะมาทำการเปิดแอร์ เหงื่อของอาชินกับอาถิงนั้นทำให้สีเสื้อของพวกเขาดูเข้มมาก ซึ่งเฟรมคงพอจะเข้าใจว่าทั้งสองคงเดินทางมาไกลมาก อาชินค้นกระเป๋าแล้วเอากระติกน้ำสีดำขึ้นมาดื่ม อาถิงเห็นของเล่นรถถังหลายคันของเฟรมแล้วทำให้เขาอยากเล่นขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้สึกร้อนเท่าที่ควรนอกจากทิ้ง กระเป๋าแล้วมานั่งตรงกระดานจุดยุทธศาสตร์สงครามรถถัง
โดยร่วมแล้วของเล่นของเด็กฟรอนร์เทียร์นั้นค่อนข้างจะกำจัดมาก หากเทียบกับของเล่นของเด็กพลเรือนที่จะมี ความหลากหลายมากกว่าซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ของเล่นยอดฮิตของเด็กอย่างพวกอาชินจะเป็นดาบกับปืน พวกรถถัง เครื่องบินและเรือรบจะรองลงมาส่วนผู้หญิงจะเน้นยิงธนูหรือของเล่นที่พัฒนาสมองเช่น รูบิค เป็นต้น
"ของเล่นนายมีแต่รถถังทั้งนั้นเลยนี่" อาถิงพูดขึ้น
"ใช่ ฉันชอบรถถังมากเลย" เฟรมตอบ
"ของฉันก็มีนะแต่... ฉันชอบเรือรบมากกว่า" อาถิงพูดเสร็จ ก็คว้ารถถังสีลายพรางสีดำซึ่งมีปากกระบอกตั้ง 4 กระบอก จากนั้นเขาถึงจะดึงเรือรบลำใหญ่ออกมา
"จือชินของนายละ" เฟรมหันมาถาม
"ฉันไม่ชอบพวกรถถังนะ แต่เล่นด้วยได้" อาชินตอบ
และแล้วทั้งสามคนก็พากันนั่งลงที่แผ่นกระดานจุดยุทธศาสตร์สงครามรถถัง ในความรู้สึกของเฟรมตอนนี้เขาดีใจมากๆ ที่ได้เจอเพื่อนทั้งสอง แม้จะไม่ได้อยู่ในค่ายเขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากอีกแล้ว ในระหว่างที่พวกเขาเล่นสงครามรถถังกันอยู่บนบ้านต้นไม้นั้น ทริสทันแอบมายืนดูใต้บ้านต้นไม้อย่างเงียบๆในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่นอกจากตัวเขาเอง
+++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ