นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
42.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตอนที่ 4 รายงานตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความค่ายยุวชนทหาร เวลา 09.40 น.
หวงฉี่ชุนขับรถเข้ามาในบริเวณเขตของทหารแล้ว ซึ่งทหารทุกนายมีตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไปใส่นักรบสีดำทั้งตัวถืออาวุธปืนบ้าง บางนายก็ถืออาวุธประเภทอื่นอีกด้วย รถแล่นผ่านไปอาชิงและอาถิงก็เห็นเด็กรุ่นเดียวกับเขากำลังต่อแถวตรวจร่างกายถัดไปอีกจะเป็นที่วางกระเป๋าของเด็กๆโดยมีทหารคอยดูแลไม่ให้หาย อาถิงแสดงท่าทีกังวลเล็กน้อยจนอาชินที่นั่งข้างๆสังเกตได้ หวงฉี่ชุนวนรถมาจอดตรงที่ใกล้ๆกับมุมวางกระเป๋าและเมื่อจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เด็กชายทั้งสองต่างก็รีบวิ่งลงจากรถทันทีโดยหวงฉี่ชุนยกกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากท้ายรถซึ่งไม่นานนักก็มีทหารชุดดำเดินมาหาหวงฉี่ชุน ทั้งสองทำความเคารพหวงฉี่ชุนทำเอาเด็กชายทั้งสองพากันสงสัยว่าทหารสองนายนี้คือใคร
"น้าครับ น้าญวนยอมให้เด็กๆมาแล้วเหรอครับ" เซียงผางพูดเชิงหยอกล้อน้าชายของเขา
"รู้ได้ไงว่ารถฉันจะจอดที่นี้" หวงฉี่ชุนถาม บูรพา พัฒนา ทหารอีกนายก็ช่วยยกกระเป๋าของเด็กๆไปไว้ตรงที่ตรวจกระเป๋า ก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม เขากับเซียงผางใส่ชุดทหารรบสีดำสนิทและใส่หมวกแก๊ปสีดำ ในความคิดของอาชิงถ้าเขาได้สวมเครื่องแบบนี้คงจะเท่น่าดู เซียงผางก้มมามองหน้าอาชินเขาจึงก้มตัวลงมามองเด็กชายให้เห็นหน้าชัดๆ ผมของอาชินเป็นสีดำเหมือนกับพ่อแต่ดวงตาสีฟ้าคงจะได้มาจากแม่ เซียนผางลูบหัวอาชินอย่างเอ็นดู
"ผมจำรถครูได้ รถของครูนะคลาสสิกจะตาย" บูรพาตอบ
"ลูกชายแกอยู่ไหนละ ที่เป็นแฝดนะ" หวงฉี่ชุนถาม
"เข้าแถวรายงานตัวไปแล้วครับ ผมว่าหลานครูก็ควรเตรียมตัวได้แล้วเหมือนกัน" หวงฉี่ชุนเห็นด้วยจึงหันไปสั่งการกับหลานชายทั้งสองทันที
"ไปเข้าแถวรายงานตัวได้แล้ว อย่าลืมที่เราคุยกันในรถละ เข้าใจไหม”
"ครับผม" อาชินและอาถิงขานรับพร้อมกัน
"ฝากด้วยนะเซียงผาง" พูดจบ หวงฉี่ชุนก็เดินผ่านเด็กๆไปอีกตึกหนึ่ง ซึ่งเหล่าทหารพากันทำความเคารพหวงฉี่ชุนทั้งสิ้น ไม่รู้ทำไมอาชินถึงมีความรู้สึกอยากเป็นแบบนั้นบ้าง
"ไปเข้าแถวได้แล้วเดียวอาพาไป" เซียงผางพูดจบก็จูงมืออาชินกับอาถิงทันที
เซียงผางนำทางเด็กชายทั้งสองมาที่โต๊ะลงทะเบียนซึ่งมีทหารหญิงสองนายกำลังบันทึกชื่อลงสายรัดข้อมือ ทหารหญิงเงยหน้ามองอาชินเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ข้างๆของทหารหญิงเป็นทหารหญิงเหมือนกันแต่ลักษณะออกไปทางผู้ชายมากกว่า กำลังคีย์ข้อมูลลงรายรัดข้อมือเหล็กอยู่
"ชื่ออะไรจ๊ะ" ทหารหญิงคนนั้นถามอย่างเป็นมิตร ทำให้อาชินผ่อนคลายอย่างมาก
"หวงจือชินครับ" อาชินตอบ ทหารหญิงที่ท่าทางขึงขังเหมือนผู้ชายก็เหมือนจะบันทึกข้อมูล ลงสายรัดข้อมือซึ่งนั้นคงเป็นสายรัดข้อมือของเขาแน่นอน
"เกิดวันที่เท่าไหร่ และพี่ขอชื่อพ่อกับแม่ด้วยนะ" ทหารหญิงที่สอบถามข้อมูลจากเด็กชายเอ๋ยอย่างนุ่มนวล
"ผมเกิดวันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 23 ที่ 61 ครับ" จู่ๆอาชินก็เงียบไปทำเอาทหารหญิงแปลกใจ
"ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ชื่ออะไร ใช้ชื่อปู่กับย่าได้ไหมครับ" เด็กชายพูดเสียงเบาๆ
"ได้สิจ๊ะงั้นปู่กับย่าชื่ออะไรจ๊ะ" ทหารหญิงถาม
"หวงฉี่ชุนกับหม่าญวนครับผม" อาชินตอบ
ทหารหญิงที่อยู่ข้างหลังก็คีย์ข้อมูลเสร็จก็หยิบมันยื่นให้ทหารหญิงที่สอบถามอาชิน โดยทหารหญิงนายนั้นก็เอามาสวมที่ข้อมือซ้ายของอาชิน พอหลังสวมเสร็จเด็กชายก็สำรวจสายรัดข้อมือ ก็มีโฮโลแกรมโผล่ออกมาก่อนจะหายไปและตอนแรกสายรัดยังเป็นสีขาวต่อมาก็กลายเป็นสีดำซึ่งเป็นสีที่เขาชอบมาก เด็กชายทำหน้ามึนงงอย่างมากซึ่งทหารหญิงนายนั้นก็พอดูออก
"สายรัดข้อมืออันนี้จะคำนวณระบบความคิดของหนูนะจ๊ะ มันรู้ว่าหนูชอบสีนี้เลยเปลี่ยนสภาพไงจ๊ะ... ตอนนี้หนูควรไปทางนั้นเพื่อตรวจร่างกายนะจ๊ะ" พูดจบเซียนผางก็พาอาชินไปต่อแถวที่ถัดไปอีกซึ่งเด็กตรงหน้าเขาค่อนข้างจะสูงกว่าเขาเล็กน้อย แถวตรงนี้เด็กทุกคนต้องถอดเสื้อออก และแน่นอนว่าเขากับอาถิงที่ตามหลังเขามาติดๆก็ต้องถอดเสื้อออก ซึ่งเสื้อผ้าของพวกเขาจะถูกทหารชายสองนายเอาไปกองไว้กับเสื้อผ้าชุดอื่น ในสายตาของอาชินมันไม่ต่างอะไรกับกองขยะเลย
เมื่อถึงคิวของอาชินแล้วเขาต้องเจอกับหมอคนหนึ่งเขาสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ใส่เสื้อกาวน์สีขาวและแขวนหูฟังแพทย์ที่คอซึ่งหมอคนนี้ก็ยิ้มให้กับเด็กชายอย่างเป็นมิตรเหมือนกับทหารหญิงคนแรก อาชินนั่งบนเก้าอี้ที่สูงพอสมควรเพื่อให้อยู่ในระดับพอดีกับสายตาของหมอ
"อย่าขยับตานะ" พูดจบหมอก็คว้าไฟฉายอันเล็กสำหรับแพทย์โดยเฉพาะส่องตาอาชินทั้งสองข้าง จากนั้นหมอก็เอาไม้ไอติมออกมา
"อ้าปากนะ" อาชินก็อ้าปากตามที่หมอบอก โดยหมอเอาไม้ไอติมกดลิ้นเขาเบาๆและใช้ไฟฉายกระบอกเดิมส่อง ก่อนจะเอาไม้ไอติมอันนั้นทิ้งลงถังขยะ และเอาสายหูฟังที่คอมาทาบหน้าอกของเด็กชายเพื่อฟังเสียงหัวใจสัก 5 นาทีหมอก็เอาสายวัดความดันออกมารัดแขนขวาพร้อมกับกดปุ่มสีฟ้า ผ้าที่รัดแขนขวาของอาชินก็ค่อยๆพองตัวพร้อมๆกับความรู้สึกว่ามันก็รัดแขนเขาเรื่อยๆ สัก 4 นาทีมันก็หดตัวลงแล้วหมอก็ดึงผ้าวัดความดันออก แล้วจดบันทึกบางอย่างลงในกระดานแผ่นเล็ก
"เสร็จแล้ว ไปเข้าแถวตรงนั้นได้เลยนะ"
อาชินลงจากเก้าอี้เดินตามเซียงผางไปเข้าคิวตามที่หมอบอก ซึ่งตรงนี้จะเป็นการวัดความสูงและน้ำหนักของเด็กแต่ละคนซึ่งจะได้รับเสื้อใหม่คนละชุด อาถิงตามมาติดๆ ดูท่าทางจะขวัญผวาพอสมควรเพราะทหารที่คุมพวกเขาดูดุดัน หน้ากลัวทั้งนั้น คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ราวกับกลัวว่าจะหลบหนีกัน เมื่อถึงคิวของเขาทหารชายที่คุมเขาก็จ้องหน้าแบบขึงขังผิดกับสองคนแรกที่เด็กชายเจอทำเอาเขาเกร็งตัวเหมือนกัน
"ชื่อ-นามสกุลอะไร" ทหารนายนั้นถามเสียงดัง
"หะ หะ หวงจือชินครับ" อาชินตอบแบบกล้าๆกลัวๆ นายทหารสำรวจเด็กชายตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ตระกูลหวงสินะ มาชั่งน้ำหนัก" นายทหารออกคำสั่ง อาชินจึงเดินมาที่เครื่องชั่งน้ำหนัก เป็นเหมือนแผ่นเหล็กที่มีรูปรอยเท้าเมื่อเด็กชายเดินมาเหยียบที่แผ่นนี้ก็มีแสงไฟปรากฎขึ้น และทำการสแกนฝ่าเท้าเขาก่อนที่จะหายไป และที่คอมพิวเตอร์ก็เกิดเสียงเตือนขึ้นทหารอีกนายเอาสายรัดข้อมือสีดำของเขา ไปสแกนที่คอมพิวเตอร์เพื่อทำการบันทึกข้อมูลเมื่อทำการบันทึกเสร็จสิ้น สายรัดก็มีโฮโลแกรมปรากฏเป็นตัวอักษรกับตัวเลขว่า "น้ำหนัก 19 กิโลกรัม" ก่อนจะหายไปอีกครั้ง
"ไปวัดความสูง" อาชินก็รีบไปที่วัดความสูงภาคสนามทันที ซึ่งถึงคิวเขาพอดีเลยทหารที่วัดความสูงเขาจับแขนเขาแรงมากให้มายืนตรงที่แผ่นอลูมิเนียมแล้วอาชินก็ยืนชิดกับแผ่นนั้น ก็มีแสงสีขาวมาสแกนตัวเขาหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงดังขึ้นในคอมพิวเตอร์เช่นกันและทหารที่วัดความสูงอาชินก็เอาข้อมือซ้ายที่มีสายรัด ไปวางบนแผ่นวางมือจากนั้นก็มีเสียงดังหนึ่งครั้งโฮโลแกรมปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า "ความสูง 102 เซนติเมตร" แล้วหายไปอีกรอบแล้วทหารอีกนายก็เอาเสื้อตัวสีดำมาให้กับเขา
"เข้าไปข้างในได้แล้ว ไป!!!" ทหารนายนั้นพูดเสียงดุ จนอาชินรีบวิ่งไปข้างหน้าจนเกือบชนเด็กที่อยู่ก่อนหน้าเขา เซียงผางที่คอยดูเด็กชายห่างๆก็เดินเข้ามา ทหารแถวนั้นทำความเคารพอย่างรวดเร็วซึ่งมันบ่งบอกว่ายศของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อยๆ อาถิงที่เดินตามหลังมาน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วบ่งบอกถึงความกลัวซึ่งอาชินเข้าใจตรงนี้ดี
"อย่าร้องอาถิง ชายชาติทหารต้องไม่ร้องนะ รู้ไหม" เซียนผางพูดเชิงตำหนิแต่ก็ลูบหัวอาถิงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาทางอาชินที่ไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ก็มีความหวาดกลัวเหมือนกัน บางทีเซียนผางก็อดคิดถึงช่วงเวลาในวัยเด็กของตัวเองเหมือนกันเพราะตอนที่เขาต้องมารายงานตัวนั้นตัวเขาก็กลัวไม่แพ้เด็กสองคนนี้ ดังนั้นเซียนผางไม่ตำหนิมาก
"ผมอยากกลับบ้านไปหาย่า" อาถิงพูด
"อาถิงอดทนหน่อยนะเดียวมันก็เสร็จแล้ว หลานอยู่ที่นี้จะมีเพื่อนเยอะเลยเชื่ออาสิ" เซียนผางพูดและเห็นทหารสองนายที่อยู่หน้าเต็นท์ทหารเต็นท์ใหญ่มองหน้าเขาอยู่
"ฟังนะพวกหลานต้องเข้าไปข้างในกันแล้ว ซึ่งจากนี้อาคงตามเข้าไปไม่ได้... เข้มแข็งเข้าไว้ พวกหลานคือคนของตระกูลหวงต้องไม่อ่อนแอเด็ดขาดเข้าใจไหม" เซียนผางพูดเสียงอย่างคาดหวังและจับมือหลานชายทั้งสองแน่น ก่อนจะพาไปหาทหารสองนายหน้าเต็นท์และเดินจากไปโดยไม่หันมามองหลานชายทั้งสองเลย
"เข้าไปข้างในได้แล้ว" ทหารข้างขวาสั่งเสียงเข้ม อาชินจึงคว้ามืออาถิงที่อยู่ในท่าทีหวาดกลัวลากเข้าไปข้างในแทนเมื่อเข่้ามาในเต็นท์นั้นมันแบ่งตามซุ้มต่างๆ เพื่อทำให้มันรวดเร็วในการตรวจเด็กที่เข้ามาแล้วซึ่งพอดีมีทหารหญิงนายหนึ่งท่าทางเหมือนผู้ชายเดินมาทางเด็กชายทั้งสองเมื่อเห็นพวกเขา
"คนที่เข้ามาใหม่ มาทางนี้เร็วๆด้วย" ทหารหญิงนายนั้นก็เสียงดุไม่แพ้กับทหารชายเลย อาชินก็จูงมืออาถิงตามทหารหญิงนายนั้นซึ่งมีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ และบนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์กับกระดาษแผ่นเล็กสี่เหลี่ยมสีขาววางอยู่ ทหารหญิงนายนั้นเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วมองหน้าอาชินที่ดันเป็นคิวแรกโดยทหารหญิงได้เอากระดาษยื่นให้อาชิน เด็กชายก็รับมาแบบงงๆ
"ตั้งสมาธิพุ่งตรงไปที่กระดาษที่นายถืออย่างเดียว ไม่ต้องไปสนใจสิ่งรอบข้างทำชะ" ทหารหญิงนายนั้นพูดเชิงออกคำสั่ง
อาชินจ้องมองกระดาษที่อยู่ในมือของเขา ในใจเด็กชายเขายังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะทำอย่างไรกับมัน สุดท้ายอาชินก็ทำตามที่ทหารหญิงนายนั้นบอก เขาหลับตาทำสมาธิเหมือนที่ฉี่ชุนปู่ของเขาเคยสอนไว้ เด็กชายกำกระดาษแน่นมากจิตใจเขาเริ่มนิ่งและไม่สนใจสิ่งรอบข้างทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความสงบ อาชินไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากสายลมแผ่วเบาเท่านั้น อาถิงที่อยู่ข้างหลังก็มีสีหน้าที่ฉงนว่าญาติของเขาทำอะไรอยู่ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นอาถิงก็ได้คำตอบเพราะกระดาษในมือของอาชิน ก็เกิดไฟปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วทำเอาเด็กๆที่อยู่ข้างหลังอาชินพากันตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดคือตัวของอาชินเอง และด้วยความตกใจนี้มือที่กำกระดาษก็ปล่อยเศษกระดาษที่ตอนนี้กลายเป็นผงธุรีสีดำไหม้ไปแล้ว ทหารหญิงนายนั้นเห็นดังนั้นก็จดอะไรบางอย่างในแท็บเล็ต
"เอาสายรัดข้อมือของนายมา" ทหารหญิงนายนั้นกล่าว อาชินยื่นข้อมือซ้ายให้ซึ่งอีกฝ่ายก็เอาสายรัดมาวางที่แผ่นวางมือ แสงที่แผ่นก็ทำการสแกนสายรัดสองรอบก่อนจะหายไป แสงโฮโลแกรมปรากฎขึ้นเป็นตัวอักษรขึ้นว่า "ไฟธาตุอัคคี" แล้วตัวอักษรก็หายไป แต่สิ่งที่เด็กชายสนใจไม่ใช่ตัวอักษรกลับเป็นมือของเขาเอง มือของอาชินไม่มีร่องรอยอะไรเลยเหมือนกับว่าไฟไม่ได้ทำอะไรกับมือของเขาสักนิด
"เอาล่ะนายหมดธุระแล้วออกไปข้างนอกเต๊นท์ ไปรายงานตัวกับครูฝึกได้เลย" ทหารหญิงกล่าว
อาชินก็เดินออกมาจากตรงนั้นซึ่งมีทหารชายอีกนายเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับกระเป๋าทหารแบบเด็กหนึ่งใบอยู่ในมือและเดินตรงมาทางเด็กชาย ทหารนายนั้นยื่นกระเป๋าเป้ทหารให้กับเขา พร้อมส่งสัญญาณให้ไปทางด้านหลังซึ่งเขายังไม่ทันจะเดินอาถิงก็ตามมาทันพอดีพร้อมรับกระเป๋าเช่นกัน
"ทำไมนายเร็วจัง" อาชินถามด้วยความสงสัย ขณะที่พากันเดินออกนอกเต็นท์
"ไม่รู้เหมือนกันแค่ทำตามที่เขาบอกอ่ะ" อาถิงพูด
"กระดาษในมือนายเป็นยังไง" อาชินถามด้วยความอยากรู้
"ตอนฉันทำสมาธิเหมือนที่ปู่สอน กระดาษมันก็เรืองแสงสีทองอ่ะ" อาถิงตอบ
"ตัวอักษรที่ออกมาจากสายรัดฉันเขียนว่า "ไฟธาตุอัคคี" มันมีความหมายไหมของนายเป็นอะไร" อาชินถามขึ้น
ทั้งสองแบกเป้ทหารออกมาก็พบกับกองทัพเด็กรุ่นเดียวกับเขาหลายร้อยคนนั่งกับพื้นต่อแถว เพื่อรอรถโดยสารที่อาชินก็ไม่รู้ว่ามันจะพาเขาไปที่ไหน รอบๆแถวเด็กมีทหารชายและทหารหญิงคอยคุมดูแลไม่ให้แตกแถวหรือส่งเสียงดังมาก เด็กชายคิดว่าคงเป็นการเข้าแถวเพื่อขึ้นรถเขาตัดสินใจพาอาถิงที่ยังยืนงง ไปเข้าแถวที่ใกล้ที่สุดเพื่อไม่ให้ทหารนายอื่นเข้ามาดุว่าทั้งสองได้ เท่าที่เขาสำรวจดูทหารที่มาดูแลพวกเขาอายุยังไม่แก่มาก น่าจะราวๆ 15-16 ปีได้ เด็กคนอื่นๆก้มหน้าก้มตากันเกือบหมดอาจคงเพราะกลัวหรือกำลังคิดถึงคนที่บ้าน
"อาถิง นายยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าของนายได้อะไร ที่ทดสอบเมื่อกี้" อาชินหันมาถามอาถิงอีกรอบ
"มันเขียนว่า "ไฟธาตุอรุณ" ไม่รู้หรอกว่ามีความหมายไหม" อาถิงตอบแล้วก้มหน้าต่อ
รถหลายคันรับเด็กขึ้นรถแล้วแล่นออกไปเรื่อยๆจนมาถึงคิวของอาชินกับอาถิงซึ่ง เจอกับทหารชายนายหนึ่งยืนหน้าประตูรถเมื่อเห็นหน้าอาชินก็เอาสายรัดข้อมือมาสแกนก่อนจะดันให้เด็กชายขึ้นรถ โดยอาชินตัดสินใจย้ายไปนั่งตรงริมหน้าต่างซึ่งไม่ห่างจากประตูมากนักเผื่อถึงที่หมายจะได้เดินลงง่ายและอาถิงก็มานั่งข้างเขา ถัดจากเด็กที่ขึ้นมาอีก 2-3 คน เด็กผู้ชายคนหนึ่งน่าจะสูงเท่าอาชิน ผมสีบลอน์จาง ผิวขาวมาก มีดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองแบบไม่ค่อยเป็นมิตรมาที่อาชิน ก่อนจะเดินเลยเขาไปเด็กชายสงสัยว่าทำไมเด็กชายคนนั้นมองหน้าเขาแบบนั้น เมื่อเด็กๆขึ้นรถมาครบแล้วก็มีทหารชุดดำชายขึ้นมาดูจากหน้าตาอายุน่าจะ 24 -25 ปี
"สวัสดียุวชนหทารรุ่นใหม่ทุกคน ฉันชื่อ ร้อยโทเกลน เทอร์ทูโร จะเป็นคนพาพวกนายทุกคนไปยังค่ายฝึก ที่นั้นจะเป็นทั้งที่ฝึกขัดเกลาพวกนายและที่กินที่นอนจนกว่า พวกนายจะเป็นทหารเต็มตัวเหมือนฉัน" ร้อยโทเกลนกล่าว เท่าที่อาชินสำรวจดูร้อยโทเกลนคนนี้เป็นชายค่อนข้างสูง ผมสีบลอนด์ทองอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อน รูปร่างรูปไข่และบุคคลิกที่ท่าทางจะเป็นมิตรของเขาทำให้เด็กในรถผ่อนคลายอย่างมาก
ระหว่างที่รถยังแล่นต่อไปเรื่อยๆนั้นอาชินกับอาถิงก็เห็นวิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกไฮเทคต่างๆยานรบที่เพิ่งบินข้ามหัวไปและป่าไม้ ทะเลสีคราม ชมวิวไปเรื่อยๆใจของตัวอาชินก็เริ่มร่องลอยไปกับภาพที่รถแล่นผ่านช้าๆ ค่ายที่เขากับอาถิงต้องไปอยู่นั้นมันจะเป็นแบบไหนกันนะ ไม่ช้ารถก็มาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นค่ายที่พวกเขาต้องมาฝึกมันมีหลายตึกที่สูงสง่ามากมาย รถมาถึงหน้าประตูทหารยามที่เฝ้าอยู่ก็ทำวันทยหัตถ์กับร้อยโทเกลน โดยอีกฝ่ายก็ยื่นสายรัดข้อมือให้ทหารยามสแกนหนึ่งครั้งและทหารยามก็ทำวันทยาหัตถ์ก่อนที่รถจะแล่นเข้าไปในค่ายต่อ เมื่อเข้ามาข้างในแล้วอาชินจะเห็นเหล่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงในชุดทหารกำลังฝึกกันอยู่มีทั้งฝึกภาคแบบปกติและฝึกแบบใช้อาวุธต่างๆ
เมื่อรถแล่นเข้าที่จอดแล้วคนขับก็เปิดประตูรถออกโดยการกดปุ่มสีเขียว และพอประตูเปิดออกก็มีทหารอีกนายเดินขึ้นมาที่รถ ร้อยโทเกลนทำวันทยหัตถ์กับทหารนายนั้นซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยศของทหารนายนี้
น่าจะสูงกว่าร้อยโทเกลนลักษณะของทหารนายคนนี้เป็นชายร่างสูงกว่าร้อยโทเกลน ผมสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำตาล ผิวเหลืองใหม้เหมือนโดนแดดเผาและอาชินสังเกตเห็นแผลเป็นเหมือนโดนของมีคมบาดอยู่ที่แขนซ้ายของทหารผู้นี้
"สวัสดียุวชนทหารทุกคนฉันชื่อ นาวาตรีเอกสิทธิ์ เป็นครูฝึกของค่ายฝึกยุวชนทหารที่นี้ ขอให้ทุกคนคว้ากระเป๋าแล้วลงมาจากรถมาต่อแถวกันเดียวนี้" นาวาตรีเอกสิทธิ์กล่าวจบก็เดินลงไป พร้อมกับเป่านักหวีดดังขึ้น
สัญชาตญาณของอาชินกับอาถิงบอกให้ทั้งสองคว้ากระเป๋าเป้รีบเดินลงมาจากรถทันที ซึ่งนาวาตรีเอกสิทธิ์นั้นยืนรออยู่ทำให้เด็กชายทั้งสองวิ่งมาต่อแถวแรกและมีเด็กที่อยู่ในรถตามมาต่อแถวเขา ร้อยโทเกลนให้มีการจัดแถวสองแถวเพื่อความเรียบร้อยซึ่งอาชิงต้องเจอกับเด็กชายสีบลอน์จางซึ่งมายืนแถวหน้าตรงข้างเขาพอดี เมื่ออีกฝ่ายเห็นหน้าเขาก็แสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นเดิมเพิ่มเติมคือมีความดูถูกเหยียดหยามใส่เขามาด้วยก่อนจะหันไปทางอื่น
"หมอนี้เป็นใครทำไมมองนายแบบนั้น" อาถิงที่สังเกตเห็นก็ถาม
"ฉันไม่รู้เหมือนกันมองแบบนี้ตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว" อาชินตอบ
นาวาตรีเอกสิทธิ์เห็นว่าเด็กต่อแถวครบแล้วจึงเดินนำพวกเขาตรงไปยังตึกเล็กๆคล้ายๆโกดัง ซึ่งพอเข้ามาข้างในก็พบว่ามันคือเตียงนอนสองชั้นวางเรียงกัน และอาชิงกับอาถิงได้เตียงที่อยู่ประมาณกลางๆเท่าที่เด็กชายสำรวจดูภายในโกดังค่อนข้างกว้างมากซึ่งน่าจะรองรับคนได้มากกว่าพันคน ร้อยโทเกลนเดินมาที่ตรงพื้นกลางพื้นแล้วอยู่ดีๆพื้นดินก็ยกตัวเขาสูงขึ้นกว่าพื้นเล็กน้อยทำเอาเด็กๆพากันตกตะลึง
"ที่นี้จะเป็นที่นอน อาบน้ำ ของพวกนายนับจากนี้ จนกว่าพวกนายทุกคนจะอายุครบ 7 ปีพวกนายถึงจะถูกย้ายไปที่โกดังนอนที่อื่นและตอนนี้ฉันจะให้เวลาพวกนายอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปรายงานตัวข้างนอกสำหรับคนที่เสร็จแล้ว" พูดจบพิ้นดินที่ยกตัวสูงก็หดตัวกลับลงที่เดิมแล้วร้อยโทเกลนก็เดินออกไป อาชิงจึงเปิดประเป๋าออกมาเป็นชุดทหารชะส่วนมากเลยเกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วเสื้อผ้าของเขากับอาถิงอยู่ไหนละ ไม่นานนักก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายในชุดทหารพากันเดินเข้ามาซึ่งเมื่อเห็นเด็กใหม่ ก็พากันมองหน้ากันแบบข่มใส่กันเพราะพวกเขามาก่อน แต่สิ่งที่อาถิงหวาดกลัวไม่ใช่ตรงนั้นแต่เด็กผู้ชายตัวสูงกว่าเขาในชุดทหารกำลังเดินมาทางเขา อาชินรู้จักดีเพราะคนนั้นคือ หวงฉางเฉิน พี่ชายแท้ๆของอาถิงนั้นเอง
++++++++++++++++++++++++++++
หวงฉี่ชุนขับรถเข้ามาในบริเวณเขตของทหารแล้ว ซึ่งทหารทุกนายมีตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไปใส่นักรบสีดำทั้งตัวถืออาวุธปืนบ้าง บางนายก็ถืออาวุธประเภทอื่นอีกด้วย รถแล่นผ่านไปอาชิงและอาถิงก็เห็นเด็กรุ่นเดียวกับเขากำลังต่อแถวตรวจร่างกายถัดไปอีกจะเป็นที่วางกระเป๋าของเด็กๆโดยมีทหารคอยดูแลไม่ให้หาย อาถิงแสดงท่าทีกังวลเล็กน้อยจนอาชินที่นั่งข้างๆสังเกตได้ หวงฉี่ชุนวนรถมาจอดตรงที่ใกล้ๆกับมุมวางกระเป๋าและเมื่อจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เด็กชายทั้งสองต่างก็รีบวิ่งลงจากรถทันทีโดยหวงฉี่ชุนยกกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากท้ายรถซึ่งไม่นานนักก็มีทหารชุดดำเดินมาหาหวงฉี่ชุน ทั้งสองทำความเคารพหวงฉี่ชุนทำเอาเด็กชายทั้งสองพากันสงสัยว่าทหารสองนายนี้คือใคร
"น้าครับ น้าญวนยอมให้เด็กๆมาแล้วเหรอครับ" เซียงผางพูดเชิงหยอกล้อน้าชายของเขา
"รู้ได้ไงว่ารถฉันจะจอดที่นี้" หวงฉี่ชุนถาม บูรพา พัฒนา ทหารอีกนายก็ช่วยยกกระเป๋าของเด็กๆไปไว้ตรงที่ตรวจกระเป๋า ก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม เขากับเซียงผางใส่ชุดทหารรบสีดำสนิทและใส่หมวกแก๊ปสีดำ ในความคิดของอาชิงถ้าเขาได้สวมเครื่องแบบนี้คงจะเท่น่าดู เซียงผางก้มมามองหน้าอาชินเขาจึงก้มตัวลงมามองเด็กชายให้เห็นหน้าชัดๆ ผมของอาชินเป็นสีดำเหมือนกับพ่อแต่ดวงตาสีฟ้าคงจะได้มาจากแม่ เซียนผางลูบหัวอาชินอย่างเอ็นดู
"ผมจำรถครูได้ รถของครูนะคลาสสิกจะตาย" บูรพาตอบ
"ลูกชายแกอยู่ไหนละ ที่เป็นแฝดนะ" หวงฉี่ชุนถาม
"เข้าแถวรายงานตัวไปแล้วครับ ผมว่าหลานครูก็ควรเตรียมตัวได้แล้วเหมือนกัน" หวงฉี่ชุนเห็นด้วยจึงหันไปสั่งการกับหลานชายทั้งสองทันที
"ไปเข้าแถวรายงานตัวได้แล้ว อย่าลืมที่เราคุยกันในรถละ เข้าใจไหม”
"ครับผม" อาชินและอาถิงขานรับพร้อมกัน
"ฝากด้วยนะเซียงผาง" พูดจบ หวงฉี่ชุนก็เดินผ่านเด็กๆไปอีกตึกหนึ่ง ซึ่งเหล่าทหารพากันทำความเคารพหวงฉี่ชุนทั้งสิ้น ไม่รู้ทำไมอาชินถึงมีความรู้สึกอยากเป็นแบบนั้นบ้าง
"ไปเข้าแถวได้แล้วเดียวอาพาไป" เซียงผางพูดจบก็จูงมืออาชินกับอาถิงทันที
เซียงผางนำทางเด็กชายทั้งสองมาที่โต๊ะลงทะเบียนซึ่งมีทหารหญิงสองนายกำลังบันทึกชื่อลงสายรัดข้อมือ ทหารหญิงเงยหน้ามองอาชินเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ข้างๆของทหารหญิงเป็นทหารหญิงเหมือนกันแต่ลักษณะออกไปทางผู้ชายมากกว่า กำลังคีย์ข้อมูลลงรายรัดข้อมือเหล็กอยู่
"ชื่ออะไรจ๊ะ" ทหารหญิงคนนั้นถามอย่างเป็นมิตร ทำให้อาชินผ่อนคลายอย่างมาก
"หวงจือชินครับ" อาชินตอบ ทหารหญิงที่ท่าทางขึงขังเหมือนผู้ชายก็เหมือนจะบันทึกข้อมูล ลงสายรัดข้อมือซึ่งนั้นคงเป็นสายรัดข้อมือของเขาแน่นอน
"เกิดวันที่เท่าไหร่ และพี่ขอชื่อพ่อกับแม่ด้วยนะ" ทหารหญิงที่สอบถามข้อมูลจากเด็กชายเอ๋ยอย่างนุ่มนวล
"ผมเกิดวันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 23 ที่ 61 ครับ" จู่ๆอาชินก็เงียบไปทำเอาทหารหญิงแปลกใจ
"ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ชื่ออะไร ใช้ชื่อปู่กับย่าได้ไหมครับ" เด็กชายพูดเสียงเบาๆ
"ได้สิจ๊ะงั้นปู่กับย่าชื่ออะไรจ๊ะ" ทหารหญิงถาม
"หวงฉี่ชุนกับหม่าญวนครับผม" อาชินตอบ
ทหารหญิงที่อยู่ข้างหลังก็คีย์ข้อมูลเสร็จก็หยิบมันยื่นให้ทหารหญิงที่สอบถามอาชิน โดยทหารหญิงนายนั้นก็เอามาสวมที่ข้อมือซ้ายของอาชิน พอหลังสวมเสร็จเด็กชายก็สำรวจสายรัดข้อมือ ก็มีโฮโลแกรมโผล่ออกมาก่อนจะหายไปและตอนแรกสายรัดยังเป็นสีขาวต่อมาก็กลายเป็นสีดำซึ่งเป็นสีที่เขาชอบมาก เด็กชายทำหน้ามึนงงอย่างมากซึ่งทหารหญิงนายนั้นก็พอดูออก
"สายรัดข้อมืออันนี้จะคำนวณระบบความคิดของหนูนะจ๊ะ มันรู้ว่าหนูชอบสีนี้เลยเปลี่ยนสภาพไงจ๊ะ... ตอนนี้หนูควรไปทางนั้นเพื่อตรวจร่างกายนะจ๊ะ" พูดจบเซียนผางก็พาอาชินไปต่อแถวที่ถัดไปอีกซึ่งเด็กตรงหน้าเขาค่อนข้างจะสูงกว่าเขาเล็กน้อย แถวตรงนี้เด็กทุกคนต้องถอดเสื้อออก และแน่นอนว่าเขากับอาถิงที่ตามหลังเขามาติดๆก็ต้องถอดเสื้อออก ซึ่งเสื้อผ้าของพวกเขาจะถูกทหารชายสองนายเอาไปกองไว้กับเสื้อผ้าชุดอื่น ในสายตาของอาชินมันไม่ต่างอะไรกับกองขยะเลย
เมื่อถึงคิวของอาชินแล้วเขาต้องเจอกับหมอคนหนึ่งเขาสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ใส่เสื้อกาวน์สีขาวและแขวนหูฟังแพทย์ที่คอซึ่งหมอคนนี้ก็ยิ้มให้กับเด็กชายอย่างเป็นมิตรเหมือนกับทหารหญิงคนแรก อาชินนั่งบนเก้าอี้ที่สูงพอสมควรเพื่อให้อยู่ในระดับพอดีกับสายตาของหมอ
"อย่าขยับตานะ" พูดจบหมอก็คว้าไฟฉายอันเล็กสำหรับแพทย์โดยเฉพาะส่องตาอาชินทั้งสองข้าง จากนั้นหมอก็เอาไม้ไอติมออกมา
"อ้าปากนะ" อาชินก็อ้าปากตามที่หมอบอก โดยหมอเอาไม้ไอติมกดลิ้นเขาเบาๆและใช้ไฟฉายกระบอกเดิมส่อง ก่อนจะเอาไม้ไอติมอันนั้นทิ้งลงถังขยะ และเอาสายหูฟังที่คอมาทาบหน้าอกของเด็กชายเพื่อฟังเสียงหัวใจสัก 5 นาทีหมอก็เอาสายวัดความดันออกมารัดแขนขวาพร้อมกับกดปุ่มสีฟ้า ผ้าที่รัดแขนขวาของอาชินก็ค่อยๆพองตัวพร้อมๆกับความรู้สึกว่ามันก็รัดแขนเขาเรื่อยๆ สัก 4 นาทีมันก็หดตัวลงแล้วหมอก็ดึงผ้าวัดความดันออก แล้วจดบันทึกบางอย่างลงในกระดานแผ่นเล็ก
"เสร็จแล้ว ไปเข้าแถวตรงนั้นได้เลยนะ"
อาชินลงจากเก้าอี้เดินตามเซียงผางไปเข้าคิวตามที่หมอบอก ซึ่งตรงนี้จะเป็นการวัดความสูงและน้ำหนักของเด็กแต่ละคนซึ่งจะได้รับเสื้อใหม่คนละชุด อาถิงตามมาติดๆ ดูท่าทางจะขวัญผวาพอสมควรเพราะทหารที่คุมพวกเขาดูดุดัน หน้ากลัวทั้งนั้น คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ราวกับกลัวว่าจะหลบหนีกัน เมื่อถึงคิวของเขาทหารชายที่คุมเขาก็จ้องหน้าแบบขึงขังผิดกับสองคนแรกที่เด็กชายเจอทำเอาเขาเกร็งตัวเหมือนกัน
"ชื่อ-นามสกุลอะไร" ทหารนายนั้นถามเสียงดัง
"หะ หะ หวงจือชินครับ" อาชินตอบแบบกล้าๆกลัวๆ นายทหารสำรวจเด็กชายตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ตระกูลหวงสินะ มาชั่งน้ำหนัก" นายทหารออกคำสั่ง อาชินจึงเดินมาที่เครื่องชั่งน้ำหนัก เป็นเหมือนแผ่นเหล็กที่มีรูปรอยเท้าเมื่อเด็กชายเดินมาเหยียบที่แผ่นนี้ก็มีแสงไฟปรากฎขึ้น และทำการสแกนฝ่าเท้าเขาก่อนที่จะหายไป และที่คอมพิวเตอร์ก็เกิดเสียงเตือนขึ้นทหารอีกนายเอาสายรัดข้อมือสีดำของเขา ไปสแกนที่คอมพิวเตอร์เพื่อทำการบันทึกข้อมูลเมื่อทำการบันทึกเสร็จสิ้น สายรัดก็มีโฮโลแกรมปรากฏเป็นตัวอักษรกับตัวเลขว่า "น้ำหนัก 19 กิโลกรัม" ก่อนจะหายไปอีกครั้ง
"ไปวัดความสูง" อาชินก็รีบไปที่วัดความสูงภาคสนามทันที ซึ่งถึงคิวเขาพอดีเลยทหารที่วัดความสูงเขาจับแขนเขาแรงมากให้มายืนตรงที่แผ่นอลูมิเนียมแล้วอาชินก็ยืนชิดกับแผ่นนั้น ก็มีแสงสีขาวมาสแกนตัวเขาหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงดังขึ้นในคอมพิวเตอร์เช่นกันและทหารที่วัดความสูงอาชินก็เอาข้อมือซ้ายที่มีสายรัด ไปวางบนแผ่นวางมือจากนั้นก็มีเสียงดังหนึ่งครั้งโฮโลแกรมปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า "ความสูง 102 เซนติเมตร" แล้วหายไปอีกรอบแล้วทหารอีกนายก็เอาเสื้อตัวสีดำมาให้กับเขา
"เข้าไปข้างในได้แล้ว ไป!!!" ทหารนายนั้นพูดเสียงดุ จนอาชินรีบวิ่งไปข้างหน้าจนเกือบชนเด็กที่อยู่ก่อนหน้าเขา เซียงผางที่คอยดูเด็กชายห่างๆก็เดินเข้ามา ทหารแถวนั้นทำความเคารพอย่างรวดเร็วซึ่งมันบ่งบอกว่ายศของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อยๆ อาถิงที่เดินตามหลังมาน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วบ่งบอกถึงความกลัวซึ่งอาชินเข้าใจตรงนี้ดี
"อย่าร้องอาถิง ชายชาติทหารต้องไม่ร้องนะ รู้ไหม" เซียนผางพูดเชิงตำหนิแต่ก็ลูบหัวอาถิงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาทางอาชินที่ไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ก็มีความหวาดกลัวเหมือนกัน บางทีเซียนผางก็อดคิดถึงช่วงเวลาในวัยเด็กของตัวเองเหมือนกันเพราะตอนที่เขาต้องมารายงานตัวนั้นตัวเขาก็กลัวไม่แพ้เด็กสองคนนี้ ดังนั้นเซียนผางไม่ตำหนิมาก
"ผมอยากกลับบ้านไปหาย่า" อาถิงพูด
"อาถิงอดทนหน่อยนะเดียวมันก็เสร็จแล้ว หลานอยู่ที่นี้จะมีเพื่อนเยอะเลยเชื่ออาสิ" เซียนผางพูดและเห็นทหารสองนายที่อยู่หน้าเต็นท์ทหารเต็นท์ใหญ่มองหน้าเขาอยู่
"ฟังนะพวกหลานต้องเข้าไปข้างในกันแล้ว ซึ่งจากนี้อาคงตามเข้าไปไม่ได้... เข้มแข็งเข้าไว้ พวกหลานคือคนของตระกูลหวงต้องไม่อ่อนแอเด็ดขาดเข้าใจไหม" เซียนผางพูดเสียงอย่างคาดหวังและจับมือหลานชายทั้งสองแน่น ก่อนจะพาไปหาทหารสองนายหน้าเต็นท์และเดินจากไปโดยไม่หันมามองหลานชายทั้งสองเลย
"เข้าไปข้างในได้แล้ว" ทหารข้างขวาสั่งเสียงเข้ม อาชินจึงคว้ามืออาถิงที่อยู่ในท่าทีหวาดกลัวลากเข้าไปข้างในแทนเมื่อเข่้ามาในเต็นท์นั้นมันแบ่งตามซุ้มต่างๆ เพื่อทำให้มันรวดเร็วในการตรวจเด็กที่เข้ามาแล้วซึ่งพอดีมีทหารหญิงนายหนึ่งท่าทางเหมือนผู้ชายเดินมาทางเด็กชายทั้งสองเมื่อเห็นพวกเขา
"คนที่เข้ามาใหม่ มาทางนี้เร็วๆด้วย" ทหารหญิงนายนั้นก็เสียงดุไม่แพ้กับทหารชายเลย อาชินก็จูงมืออาถิงตามทหารหญิงนายนั้นซึ่งมีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ และบนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์กับกระดาษแผ่นเล็กสี่เหลี่ยมสีขาววางอยู่ ทหารหญิงนายนั้นเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วมองหน้าอาชินที่ดันเป็นคิวแรกโดยทหารหญิงได้เอากระดาษยื่นให้อาชิน เด็กชายก็รับมาแบบงงๆ
"ตั้งสมาธิพุ่งตรงไปที่กระดาษที่นายถืออย่างเดียว ไม่ต้องไปสนใจสิ่งรอบข้างทำชะ" ทหารหญิงนายนั้นพูดเชิงออกคำสั่ง
อาชินจ้องมองกระดาษที่อยู่ในมือของเขา ในใจเด็กชายเขายังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะทำอย่างไรกับมัน สุดท้ายอาชินก็ทำตามที่ทหารหญิงนายนั้นบอก เขาหลับตาทำสมาธิเหมือนที่ฉี่ชุนปู่ของเขาเคยสอนไว้ เด็กชายกำกระดาษแน่นมากจิตใจเขาเริ่มนิ่งและไม่สนใจสิ่งรอบข้างทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความสงบ อาชินไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากสายลมแผ่วเบาเท่านั้น อาถิงที่อยู่ข้างหลังก็มีสีหน้าที่ฉงนว่าญาติของเขาทำอะไรอยู่ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นอาถิงก็ได้คำตอบเพราะกระดาษในมือของอาชิน ก็เกิดไฟปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วทำเอาเด็กๆที่อยู่ข้างหลังอาชินพากันตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดคือตัวของอาชินเอง และด้วยความตกใจนี้มือที่กำกระดาษก็ปล่อยเศษกระดาษที่ตอนนี้กลายเป็นผงธุรีสีดำไหม้ไปแล้ว ทหารหญิงนายนั้นเห็นดังนั้นก็จดอะไรบางอย่างในแท็บเล็ต
"เอาสายรัดข้อมือของนายมา" ทหารหญิงนายนั้นกล่าว อาชินยื่นข้อมือซ้ายให้ซึ่งอีกฝ่ายก็เอาสายรัดมาวางที่แผ่นวางมือ แสงที่แผ่นก็ทำการสแกนสายรัดสองรอบก่อนจะหายไป แสงโฮโลแกรมปรากฎขึ้นเป็นตัวอักษรขึ้นว่า "ไฟธาตุอัคคี" แล้วตัวอักษรก็หายไป แต่สิ่งที่เด็กชายสนใจไม่ใช่ตัวอักษรกลับเป็นมือของเขาเอง มือของอาชินไม่มีร่องรอยอะไรเลยเหมือนกับว่าไฟไม่ได้ทำอะไรกับมือของเขาสักนิด
"เอาล่ะนายหมดธุระแล้วออกไปข้างนอกเต๊นท์ ไปรายงานตัวกับครูฝึกได้เลย" ทหารหญิงกล่าว
อาชินก็เดินออกมาจากตรงนั้นซึ่งมีทหารชายอีกนายเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับกระเป๋าทหารแบบเด็กหนึ่งใบอยู่ในมือและเดินตรงมาทางเด็กชาย ทหารนายนั้นยื่นกระเป๋าเป้ทหารให้กับเขา พร้อมส่งสัญญาณให้ไปทางด้านหลังซึ่งเขายังไม่ทันจะเดินอาถิงก็ตามมาทันพอดีพร้อมรับกระเป๋าเช่นกัน
"ทำไมนายเร็วจัง" อาชินถามด้วยความสงสัย ขณะที่พากันเดินออกนอกเต็นท์
"ไม่รู้เหมือนกันแค่ทำตามที่เขาบอกอ่ะ" อาถิงพูด
"กระดาษในมือนายเป็นยังไง" อาชินถามด้วยความอยากรู้
"ตอนฉันทำสมาธิเหมือนที่ปู่สอน กระดาษมันก็เรืองแสงสีทองอ่ะ" อาถิงตอบ
"ตัวอักษรที่ออกมาจากสายรัดฉันเขียนว่า "ไฟธาตุอัคคี" มันมีความหมายไหมของนายเป็นอะไร" อาชินถามขึ้น
ทั้งสองแบกเป้ทหารออกมาก็พบกับกองทัพเด็กรุ่นเดียวกับเขาหลายร้อยคนนั่งกับพื้นต่อแถว เพื่อรอรถโดยสารที่อาชินก็ไม่รู้ว่ามันจะพาเขาไปที่ไหน รอบๆแถวเด็กมีทหารชายและทหารหญิงคอยคุมดูแลไม่ให้แตกแถวหรือส่งเสียงดังมาก เด็กชายคิดว่าคงเป็นการเข้าแถวเพื่อขึ้นรถเขาตัดสินใจพาอาถิงที่ยังยืนงง ไปเข้าแถวที่ใกล้ที่สุดเพื่อไม่ให้ทหารนายอื่นเข้ามาดุว่าทั้งสองได้ เท่าที่เขาสำรวจดูทหารที่มาดูแลพวกเขาอายุยังไม่แก่มาก น่าจะราวๆ 15-16 ปีได้ เด็กคนอื่นๆก้มหน้าก้มตากันเกือบหมดอาจคงเพราะกลัวหรือกำลังคิดถึงคนที่บ้าน
"อาถิง นายยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าของนายได้อะไร ที่ทดสอบเมื่อกี้" อาชินหันมาถามอาถิงอีกรอบ
"มันเขียนว่า "ไฟธาตุอรุณ" ไม่รู้หรอกว่ามีความหมายไหม" อาถิงตอบแล้วก้มหน้าต่อ
รถหลายคันรับเด็กขึ้นรถแล้วแล่นออกไปเรื่อยๆจนมาถึงคิวของอาชินกับอาถิงซึ่ง เจอกับทหารชายนายหนึ่งยืนหน้าประตูรถเมื่อเห็นหน้าอาชินก็เอาสายรัดข้อมือมาสแกนก่อนจะดันให้เด็กชายขึ้นรถ โดยอาชินตัดสินใจย้ายไปนั่งตรงริมหน้าต่างซึ่งไม่ห่างจากประตูมากนักเผื่อถึงที่หมายจะได้เดินลงง่ายและอาถิงก็มานั่งข้างเขา ถัดจากเด็กที่ขึ้นมาอีก 2-3 คน เด็กผู้ชายคนหนึ่งน่าจะสูงเท่าอาชิน ผมสีบลอน์จาง ผิวขาวมาก มีดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองแบบไม่ค่อยเป็นมิตรมาที่อาชิน ก่อนจะเดินเลยเขาไปเด็กชายสงสัยว่าทำไมเด็กชายคนนั้นมองหน้าเขาแบบนั้น เมื่อเด็กๆขึ้นรถมาครบแล้วก็มีทหารชุดดำชายขึ้นมาดูจากหน้าตาอายุน่าจะ 24 -25 ปี
"สวัสดียุวชนหทารรุ่นใหม่ทุกคน ฉันชื่อ ร้อยโทเกลน เทอร์ทูโร จะเป็นคนพาพวกนายทุกคนไปยังค่ายฝึก ที่นั้นจะเป็นทั้งที่ฝึกขัดเกลาพวกนายและที่กินที่นอนจนกว่า พวกนายจะเป็นทหารเต็มตัวเหมือนฉัน" ร้อยโทเกลนกล่าว เท่าที่อาชินสำรวจดูร้อยโทเกลนคนนี้เป็นชายค่อนข้างสูง ผมสีบลอนด์ทองอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อน รูปร่างรูปไข่และบุคคลิกที่ท่าทางจะเป็นมิตรของเขาทำให้เด็กในรถผ่อนคลายอย่างมาก
ระหว่างที่รถยังแล่นต่อไปเรื่อยๆนั้นอาชินกับอาถิงก็เห็นวิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกไฮเทคต่างๆยานรบที่เพิ่งบินข้ามหัวไปและป่าไม้ ทะเลสีคราม ชมวิวไปเรื่อยๆใจของตัวอาชินก็เริ่มร่องลอยไปกับภาพที่รถแล่นผ่านช้าๆ ค่ายที่เขากับอาถิงต้องไปอยู่นั้นมันจะเป็นแบบไหนกันนะ ไม่ช้ารถก็มาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นค่ายที่พวกเขาต้องมาฝึกมันมีหลายตึกที่สูงสง่ามากมาย รถมาถึงหน้าประตูทหารยามที่เฝ้าอยู่ก็ทำวันทยหัตถ์กับร้อยโทเกลน โดยอีกฝ่ายก็ยื่นสายรัดข้อมือให้ทหารยามสแกนหนึ่งครั้งและทหารยามก็ทำวันทยาหัตถ์ก่อนที่รถจะแล่นเข้าไปในค่ายต่อ เมื่อเข้ามาข้างในแล้วอาชินจะเห็นเหล่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงในชุดทหารกำลังฝึกกันอยู่มีทั้งฝึกภาคแบบปกติและฝึกแบบใช้อาวุธต่างๆ
เมื่อรถแล่นเข้าที่จอดแล้วคนขับก็เปิดประตูรถออกโดยการกดปุ่มสีเขียว และพอประตูเปิดออกก็มีทหารอีกนายเดินขึ้นมาที่รถ ร้อยโทเกลนทำวันทยหัตถ์กับทหารนายนั้นซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยศของทหารนายนี้
น่าจะสูงกว่าร้อยโทเกลนลักษณะของทหารนายคนนี้เป็นชายร่างสูงกว่าร้อยโทเกลน ผมสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำตาล ผิวเหลืองใหม้เหมือนโดนแดดเผาและอาชินสังเกตเห็นแผลเป็นเหมือนโดนของมีคมบาดอยู่ที่แขนซ้ายของทหารผู้นี้
"สวัสดียุวชนทหารทุกคนฉันชื่อ นาวาตรีเอกสิทธิ์ เป็นครูฝึกของค่ายฝึกยุวชนทหารที่นี้ ขอให้ทุกคนคว้ากระเป๋าแล้วลงมาจากรถมาต่อแถวกันเดียวนี้" นาวาตรีเอกสิทธิ์กล่าวจบก็เดินลงไป พร้อมกับเป่านักหวีดดังขึ้น
สัญชาตญาณของอาชินกับอาถิงบอกให้ทั้งสองคว้ากระเป๋าเป้รีบเดินลงมาจากรถทันที ซึ่งนาวาตรีเอกสิทธิ์นั้นยืนรออยู่ทำให้เด็กชายทั้งสองวิ่งมาต่อแถวแรกและมีเด็กที่อยู่ในรถตามมาต่อแถวเขา ร้อยโทเกลนให้มีการจัดแถวสองแถวเพื่อความเรียบร้อยซึ่งอาชิงต้องเจอกับเด็กชายสีบลอน์จางซึ่งมายืนแถวหน้าตรงข้างเขาพอดี เมื่ออีกฝ่ายเห็นหน้าเขาก็แสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นเดิมเพิ่มเติมคือมีความดูถูกเหยียดหยามใส่เขามาด้วยก่อนจะหันไปทางอื่น
"หมอนี้เป็นใครทำไมมองนายแบบนั้น" อาถิงที่สังเกตเห็นก็ถาม
"ฉันไม่รู้เหมือนกันมองแบบนี้ตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว" อาชินตอบ
นาวาตรีเอกสิทธิ์เห็นว่าเด็กต่อแถวครบแล้วจึงเดินนำพวกเขาตรงไปยังตึกเล็กๆคล้ายๆโกดัง ซึ่งพอเข้ามาข้างในก็พบว่ามันคือเตียงนอนสองชั้นวางเรียงกัน และอาชิงกับอาถิงได้เตียงที่อยู่ประมาณกลางๆเท่าที่เด็กชายสำรวจดูภายในโกดังค่อนข้างกว้างมากซึ่งน่าจะรองรับคนได้มากกว่าพันคน ร้อยโทเกลนเดินมาที่ตรงพื้นกลางพื้นแล้วอยู่ดีๆพื้นดินก็ยกตัวเขาสูงขึ้นกว่าพื้นเล็กน้อยทำเอาเด็กๆพากันตกตะลึง
"ที่นี้จะเป็นที่นอน อาบน้ำ ของพวกนายนับจากนี้ จนกว่าพวกนายทุกคนจะอายุครบ 7 ปีพวกนายถึงจะถูกย้ายไปที่โกดังนอนที่อื่นและตอนนี้ฉันจะให้เวลาพวกนายอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปรายงานตัวข้างนอกสำหรับคนที่เสร็จแล้ว" พูดจบพิ้นดินที่ยกตัวสูงก็หดตัวกลับลงที่เดิมแล้วร้อยโทเกลนก็เดินออกไป อาชิงจึงเปิดประเป๋าออกมาเป็นชุดทหารชะส่วนมากเลยเกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วเสื้อผ้าของเขากับอาถิงอยู่ไหนละ ไม่นานนักก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายในชุดทหารพากันเดินเข้ามาซึ่งเมื่อเห็นเด็กใหม่ ก็พากันมองหน้ากันแบบข่มใส่กันเพราะพวกเขามาก่อน แต่สิ่งที่อาถิงหวาดกลัวไม่ใช่ตรงนั้นแต่เด็กผู้ชายตัวสูงกว่าเขาในชุดทหารกำลังเดินมาทางเขา อาชินรู้จักดีเพราะคนนั้นคือ หวงฉางเฉิน พี่ชายแท้ๆของอาถิงนั้นเอง
++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ