นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 8 ตระกูลแรคคลิฟฟ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านตระกูลแรคคลิฟฟ์ เวลา 09.20 น.
ทอร์ฟิน แรคคลิฟฟ์ ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในสวนหน้าคฤหาสน์หลังงามของเขา ทอร์นฟินเป็นชายร่างสูงผิวขาวและมีสีผมบลอนด์จาง ดวงตาสีเขียวมรกตใส่ชุดสูทสีขาวสลับเทาเสื้อทับในสีดำผูกเนคไทสีขาวสลับดำ ข้างกายเขามีไม้เท้ารูปหัวกริฟฟ่อนสำหรับเขาแล้วอากาศวันนี้กำลังดีและยังทำให้ชายวัยฉกรรจ์คนนี้รู้สึกปลอดโปร่งมาก ทั้งที่เขาพึ่งส่งตัวลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองไปเข้าเกณฑ์ทหารเมื่อวานนี้เอง ไม่นานนัก วิลเบอร์ พ่อบ้านประจำตระกูลแรคคลิฟฟ์ได้เดินเข้ามากระซิบข้างหูทอร์นฟินซึ่งมันทำให้สีหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไปเหมือนคนแปลกใจ
"บอกท่านว่าฉันจะไปพบที่ห้องรับแขก" ทอร์ฟินกล่าวสั้นๆ วิลเบอร์พยักหน้ารับแล้วเดินจากไป
ทอร์นฟินนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของเขา บริเวณภายในตกแต่งแบบสไตร์แบบอังกฤตผู้ดีและมีแม่บ้านคอยทำความสะอาด และเมื่อเห็นทอร์นฟินเดินมาทุกคนต่างพากันก้มหัวกันหมดแสดงถึงอำนาจของตัวเขาที่เป็นผู้นำและเจ้านายอย่างดี เขาเดินมาที่ห้องนั่งเล่นซึ่งมีโซฟายาวสี่ตัวหันหน้าเข้าหากันโดยมีโต๊ะเล็กยาวอยู่ตรงกลาง และทอร์ฟินก็เห็นชายคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่และกำลังดื่มด่ำกับน้ำชาที่แม่บ้านเสิร์ฟให้ ที่สำคัญแขกคนนี้ยังรู้ว่าทอร์ฟินมาถึงห้องรับแขกแล้ว
"ฉันชอบชานมถ้วยนี้นะรสชาติมันกลมกล่อมดี" แขกคนนั้นกล่าว ซึ่งทอร์ฟินเดินมานั่งประจัญหน้ากับอีกฝ่ายซึ่งแขกที่ว่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ ท่านทูตอากิระ นั้นเองซึ่งมาในชุดสูทสีดำผสมเทาติดกระดุมตรงกลางท้องไม่มีเนคไท ตอนนี้กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามกับทอร์ฟินอยู่เหล่าคนใช้ที่อยู่ใกล้ๆพากันรู้สึกอึดอัดเพราะรับรู้ท่าทางที่เคร่งเครียดของผู้เป็นนายได้ การมาของอัครราชทูตที่มีตำแหน่งใหญ่ในประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่เพราะเขาจำได้จาก อลัน แรคคลิฟฟ์ ปู่ของเขาว่าท่านทูตอากิระมีฌาณมองเหนสิ่งต่างๆมากมายและกล่าวกันว่ามีชีวิตอยู่ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศฟรอนร์เทียร์เลย
"ไม่ต้องเกร็งก็ได้ เราไม่ได้อยู่ที่ทำงานนี่ผ่อนคลายก็ได้" ท่านทูตอากิระกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง พร้อมกับมองซ้ายกับขวาเหมือนกันมองหาอะไรสักอย่างที่ตัวของทอร์ฟินก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
"เมียนายหายไปไหนชะล่ะ ออกไปข้างนอกเหรอ" ท่านทูตอากิระถามด้วยความสงสัย
"ไปเที่ยวนอกเมืองกับครอบครัวครับ คงจะกลับมาวันพุ่งนี้" ทอร์ฟินตอบสั้นๆ ในใจของเขารู้สึกหวั่นเกรงมากที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายถามหา เกอร์ตี้ แม็คแทกเก็ต ภรรยาของเขาที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ และเขาสังเกตว่าภรรยานั้นมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอีกด้วยแต่เขาก็ไม่อยากคิดมากเท่าไหร่
"งั้นเหรอโอเค เข้าเรื่องเลยละกันนะที่ฉันมาวันนี้จะมาขอพูดเรื่องพฤติกรรมของลูกชายนาย" สิ้นคำของท่านทูตอากิระ ทำเอาทอร์ฟินมีสะดุ้งพอสมควรว่า แดเนียลลูกชายของเขานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องยังไงแต่ที่แน่ๆไม่ใช่เรื่องดีแน่แต่ก็ยังเก็บอาการอยู่ ส่วนท่านทูตอากิระวางถ้วยชาลงกับโต๊ะพร้อมกับจ้องมองทอร์ฟินอย่างจริงจัง แต่ทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีเลย
"นายรู้ใช่ไหมว่าสาเหตุที่หวงอี้หลงติดคุกที่ฮรีซอสนั้นมันสำคัญแค่ไหน" ท่านทูตอากิระถาม
"เรื่องนั้นผมทราบดีครับมันเป็นความมั่นคงระดับชาติ" ทอร์ฟินกล่าวสั้นๆ ท่านทูตอากิระเอนตัวไปพิงกับโซฟาพร้อมเปลี่ยนท่าเป็นกอดอกกับนั่งไขว่ห้าง
"เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีนะแต่... ทำไมฉันกลับรู้สึกไม่มั่นใจในตัวนายขึ้นมาชะอย่างนั้นละทอร์ฟิน" ทอร์ฟินรู้สึกเหงื่อซึมหลังคอทั้งที่ในบ้านเขาก็เปิดเครื่องปรับอากาศอย่างดี
"ท่านครับผมสาบานได้ว่าไม่เคยคิดจะแพร่งพรายความลับราชการแม้แต่น้อย" ทอร์ฟินพูดอย่างมุ่งมั่นแม้จะเกร็งกลัวในตัวท่านทูตอากิระก็ตาม ซึ่งอีกฝ่ายท่านทูตอากิระมองว่าทอร์ฟินไม่ได้โกหกแน่นอนเขาหันไปมองเหล่าคนใช้ของทอร์ฟิน ทั้งหมดไม่มีใครกล้าสบตากับตนหรือแม้แต่กับเจ้านายของพวกเขาเลย ส่วนมากพวกคนใช้หรือพ่อบ้านแม่บ้านที่มาทำงานในบ้านของพวกทหารยศสูงๆหรือในบ้านของตัวเขาเองจะเป็นพลเรือนที่ต้องการหาเงินเยอะไปเลี้ยงครอบครัว บางคนโชคดีหน่อยได้แต่งงานอยู่สุขสบายพร้อมๆกับครอบครัว
"ทอร์ฟินฉันมักได้ยินเพื่อนร่วมงานนายบ่นประจำเรื่องพฤติกรรมแย่ๆของนาย แต่ถึงอย่างนั้นนายก็ดันเป็นคนที่เก่งทำงานดีและภักดีต่อประเทศชาติ" ท่านทูตอากิระพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ทอร์ฟินกลับรู้สึกหน้าชามาก
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเลี้ยงลูกนายยังไงและไม่อยากจะรู้ด้วย แต่ไอ้ความปากเปราะของลูกนายมันอาจนำความเสียหายมาสู่ประเทศได้" ท่านทูตอากิระกล่าวขึ้น ทอร์ฟินนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร
"เป็นเด็กแล้วนายคิดว่าไม่สามารถสร้างเรื่องได้ นายคิดผิดแล้วละ" ท่านทูตอากิระพูดตัดบท
เหงื่อเริ่มท่วมตัวของทอร์ฟินมากขึ้นเขาเริ่มใจคอไม่ดีเลย ไม่คิดว่าวันแรกของการเข้าค่ายลูกชายของเขาจะก่อเรื่องได้ขนาดนี้ที่สำคัญ ใครเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้เด็กชายฟังซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตัวเขาแน่นอน อากัปกิริยาของทอร์ฟินนั้นอยู่ในสายตาของท่านทูตอากิระทั้งหมดและเขานั้นเริ่มหันไปมองเหล่าคนใช้ที่แสดงท่าทางผิดปกติตั้งแต่เขาพูดเรื่องหวงอี้หลงแล้ว แค่นี้ก็พอจะเดาออกแล้วว่าต้นหมายปลายเหตุคืออะไรแต่จะเอามือเข้าไปยุ่งคงจะไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องที่ทอร์ฟินต้องลงมือเอง ในขณะที่ตัวของทอร์ฟินมีความกังวลอย่างมากและอยากรู้ว่าลูกชายตัวดีของตนนั้น สร้างความเสียหายมากแค่ไหน
"ลูกชายผมเขาบอกอะไรไปบ้างครับ" ทอร์ฟินใจดีสู้เสือที่จะถาม
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่พูดเรื่องสาเหตุการติดคุกของหวงอี้หลง และการเผยฐานะ "เจ้าชาย" ของฮรีซอส" ท่านทูตอากิระพูดเสียงปกติแต่สวนทางกับเรื่องที่พึ่งกล่าวไป ทำเอาทอร์ฟินแทบหัวใจวายเรื่องที่แบบนี้มันเป็นความลับที่หากแพร่งพรายละก็อาจเกิดความโกลาหลสองประเทศเพราะปากเด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะทางความคิดมากพอ และหากทหารระดับสูงรู้ว่าสาเหตุมาจากลูกชายเขาละก็บทบาทในราชการตำแหน่งงาน ร่วมไปถึงภาพลักษณ์ของตระกูลที่สร้างมานานจะพังทลายลงได้
"นอกจากจะพูดต่อหน้าเจ้าตัวแล้วลูกชายนายยังพูดต่อหน้าสาธารณะฝูงคนชะด้วย" ท่านทูตอากิระยังพูดเสริมต่อทำเอาทอร์ฟินแทบอยากหยุดหายใจตรงนั้นไปเลย วิลเบอร์หันไปมองเหล่าคนใช้ที่มีลักษณะนิสัยชอบซุบซิบแบบสนุกปาก แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าในหมู่คนใช้นี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้นายน้อยของเขาได้ยิน และกระทำเรื่องน่าละอายอย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้ได้
"มันยังไม่ถึงเวลาที่เด็กคนนั้นจะรู้มันเร็วเกินไป แต่ไม่น่าเชื่อว่านายจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ท่านทูตอากิระพูดอย่างตำหนิ
"ผมขออภัยครับท่านที่หละหลวมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ครับ" ทอร์ฟินกล่าวพร้อมลุกขึ้นโค้งคำนับต่อหน้าท่านทูตอากิระซึ่งอีกฝ่ายแสดงท่าทีนิ่งเฉยมาก ทอร์ฟินรู้แล้วว่ามันไม่ได้ผลแน่นอน
"ไม่มีใครเอาผิดเด็กหรอก แต่นายต้องรับผิดชอบแทนลูกชายนาย" ท่านทูตอากิระกล่าวพร้อมยกถ้วยชานมขึ้นมาดื่ม
"ผมจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดครับท่าน ยังไงอย่าพึ่งรายงานเบื้องบนนะครับ" ทอร์ฟินกล่าวอย่างกังวลมาก
"ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องลงโทษนายตามกฏอยู่ดี... ฉันจะไม่ลดตำแหน่งนายแต่นายต้องโดนพักงานเป็นระยะเวลา 5 เดือนจนกว่านายจะจัดการปัญหาที่ลูกชายนายก่อไว้ตามนี้นะ" ท่านทูตอากิระสรุปเนื้อหาทั้งหมด แต่ทอร์ฟินแทบทรุดเพราะคนในวงศ์ตระกูลเขาไม่เคยถูกพักงานราชการมากก่อนมีเขาที่เป็นคนแรก นับเป็นความอัปยศอยากมากจากความเครียดกลายเป็นไฟแห่งโทสะเขาอยากรู้มากว่าใครเป็นคนพูดให้ลูกชายของเขาได้ยิน
"ฉันรบกวนนายมามากพอแล้ว จดหมายพักงานของนายคงมาถึงตอนเที่ยงนี้" ท่านทูตอากิระพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ซึ่งทอร์ฟินลุกขึ้นไปส่งท่านทูตอากิระในฐานะเจ้าบ้าน ซึ่งเมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านมีรถคลาสสิคสีเทาอ่อนจอดรอพอดีทอร์ฟินหันไปมองวิลเบอร์ซึ่งพ่อบ้านก็รีบเดินมาเปิดประตูให้กับท่านทูตอากิระขึ้นรถ ซึ่งก่อนจะขึ้นรถก็หันมามองทอร์ฟิน
"ฉันจะไม่พูดเยอะนะจัดการกับคนของนายให้สงบปากสงบคำหน่อยก็ดีนะ" พูดจบก็เดินขึ้นรถไป
เมื่อรถแล่นผ่านออกจากคฤหาสน์ทิ้งให้ทอร์ฟินกับวิลเบอร์ยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง และทันทีที่รถของท่านทูตอากิระแล่นพ้นประตูรั้วของคฤหาสน์ไปสีหน้าของทอร์ฟินแปรเปลี่ยนกลายเป็นคนอารมณ์ดุดันทันที เขาหันกลับไปในบ้านโดยมีวิลเบอร์เดินติดตามมาข้างหลังเมื่อทอร์ฟินเข้ามาในห้องรับแขกเหล่าคนใช้พากันหวาดกลัว ทอร์ฟินปลดเข็มขัดสีดำออกจากเอวซึ่งยิ่งทำให้คนใช้ที่อายุยังน้อยหวาดกลัวหนักขึ้นไปอีก แววตาของเขาที่จ้องมองข้าบริวารนั้นมีแต่ความโกรธและเกรี้ยวกราด
"ใครเป็นคนที่พูดเรื่องนี้ให้ลูกชายฉันได้ยิน สารภาพมา" ทอร์ฟินตวาดลั่นห้องรับแขก
เหล่าคนใช้ทั้งชายและหญิงไม่มีใครกล้าสบตากับเขาแม้แต่น้อย ซึ่งวิลเบอร์เองก็พยายามที่จะอ่านพฤติกรรมของลูกน้องใต้บังคับบัญชาของตนเพื่อหาคนผิดในครั้งนี้ สำหรับทอร์ฟินแล้วเมื่อไม่มีใครรับผิดชอบก็ถึงเวลาที่จะใช้มาตราการเด็ดขาด เขาไปจิกผมของคนใช้หญิงสาวผิวสีแทนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้มากที่สุด เธอร้องเสียงหลงด้วยความกลัวปนเจ็บที่ถูกจิกผมซึ่งทอร์ฟินลากตัวเธอไปที่กลางห้องใหญ่ของคฤหาสน์โดยมีเหล่าคนใช้เดินตามมา ทุกคนอยากเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะโดนลูกหลง
"ฉันจะไม่พูดซ้ำ สารภาพมาเดียวนี้" ทอร์ฟินพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดและวางอำนาจอย่างมาก
ทั้งที่เพื่อนร่วมชะตากำลังจะขึ้นเขียงก็ยังไม่มีใครที่จะยอมสารภาพความผิดนี้ ทอร์ฟินเห็นว่าไม่มีใครยอมรับผิดจึงหันไปมองวิลเบอร์ทางสายตาซึ่งด้วยความที่ว่ารับใช้มานานจนแทบจะรู้ใจทุกอย่าง วิลเบอร์เดินหายไปสักพักก่อนที่จะกลับมาอีกรอบซึ่งไม่ได้มามือเปล่าเพราะวิลเบอร์ได้เอากุญแจมือกับแส้ขนาดยาว ทำเอาพวกคนใช้อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกันโดยเฉพาะหญิงคนใช้ผิวสีแทนที่ทอร์ฟินกำลังใช้แบบ "เชือดไก่ให้ลิงดู" และก็อย่างที่ทุกคนคิดทอร์ฟินได้สั่งให้สิ่งที่น่ากลัวมาก
"วิลเบอร์จับนางนี่มัดไว้ที่ต้นเสาเดียวนี้" ทอร์ฟินกล่าวดุดัน แต่หญิงคนใช้ผิวสีแทนหน้าหวาดกลัวมาก
วิลเบอร์ได้ยินคำสั่งจึงเดินเข้ามาหาหญิงสาวซึ่งอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาที่อ้อนวอนขอความเมตตา เห็นแบบนี้ใช่ว่าวิลเบอร์จะเป็นใจไม้ไส้ระกำเขาก็เห็นใจอีกฝ่ายแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งผู้เป็นนายได้ วิลเบอร์จำใจต้องเอากุญแจล็อกเธอไว้ที่เสาโดยเธอนั้นหันหน้าให้กับต้นเสาและหันแผ่นหลังให้กับทอร์ฟิน แววตาของเขาตอนนี้ไม่ได้มีจิตเมตตาเลยแม้เแต่น้อยทอร์ฟินยื่นมือมาทางวิลเบอร์เพื่อขอแส้ซึ่งพ่อบ้านผู้นี้จำใจต้องมอบแส้ยาวนี้ใส่มือเจ้านาย
"พอกันที" สิ้นคำของทอร์ฟินปลายแส้ก็กระทบแผ่นหลังของหญิงสาวคนใช้ทันที เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่นเศษผ้าของเธอนั้นมันกระจัดกระจายไปทั่วพื้นพร้อมกับเศษเลือดกับเนื้อ หญิงสาวได้แต่อดกลั่นความเจ็บปวดนี้และจ้องมองเหล่าเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันอย่างเจ็บแค้นที่พวกเขาเอาตัวรอดกัน เธอไม่ยอมร้องสักเอะซึ่งวิลเบอร์นั้นตัดสินใจที่จะไม่มองภาพตรงหน้าซึ่งทอร์ฟินไม่ได้หวดแส้แค่ครั้งเดียว เขาสะบัดข้อมือเต็มแรงเป็นระรอบที่สองซึ่งคราวนี้เลือดกระเซ็นไปทั่วพื้น หญิงสาวรู้สึกแสบทรมานจนเกินคำบรรยายและเจ้านายก็ฟาดแส้ลงที่หนังของเธอครั้งที่สาม วิลเบอร์เห็นว่าอีกฝ่ายที่ตอนแรกยืนอยู่ตอนนี้ทรุดลงกับพื้นไปเรียบร้อยแล้วซึ่งมันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
"พอเถอะครับท่านถ้าเกิดเธอตายขึ้นมา มันจะเป็นปัญหาใหญ่นะครับ" วิลเบอร์ร้องห้าม
"ฉันไม่สน พวกนี้ทำให้ฉันกลายเป็นสิ่งอัปยศของตระกูล มันต้องชดใช้" ทอร์ฟินตวาดกลับและกำลังจะหวดแส้ครั้งที่สี่ และจังหวะนั้นเองก็มีบุคคลหนึ่งยอมปรากฎตัวออกมา เป็นเด็กผู้ชายอายุราวคราวเดียวกับลูกชายของทอร์ฟิน และเขาจำได้ว่าเด็กคนนี้คือ แซม ซึ่งเป็นลูกของ เทเรซ่า แม่บ้านที่รับใช้พ่อของเขามานานมากที่สำคัญที่เขารับเข้ามาในบ้านเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแดเนียลลูกชายของเขาได้
"ผมเองครับ ผมนี่แหละตัวต้นเหตุ พี่ลิลี่ไม่ได้ทำครับอย่าทำพี่เขาเลย" แซมพูดทั้งน้ำตาและเกาะแขนของทอร์ฟินไว้ ซึ่งสีหน้าของทอร์ฟินเรียบเฉยมาก และทอร์ฟินจิกผมแซมให้มองหน้าชัดๆแววตาที่เกรี้ยวกราดนั้นทำให้เด็กชายหวาดกลัวอย่างมากเห็นได้ชัดว่าแม้จะเป็นเด็กถ้าทำผิดกฎก็ต้องถูกลงโทษ เหล่าคนใช้พากันอดเป็นห่วงชะตากรรมของเด็กชายอย่างมาก วิลเบอร์เดินไปปลดกุญแจให้หญิงสาวใช้ผิวสีแทนแล้วทำสัญญาณมือให้คนใช้คนอื่นพากันอุ้มร่างหญิงสาวออกไป
"เล่ามาแกรู้ได้ยังไง" ทอร์ฟินถาม
"วันนั้นผมเล่นวิ่งไล่จับกับนายน้อย..แล้วบังเอิญได้ยินนายท่านพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่..." แซมพูดยังไม่ทันจบ ฝ่ามือใหญ่ๆก็แทกเข้ากับใบหน้าของแซม เด็กชายร่วงลงไปกับพื้นและมีเลือดกบปากไหลออกมาแม้เขาเจ็บแต่ยังไม่ยอมร้อง เหล่าคนใช้ที่เหลือรู้สึกได้ว่าเจ้านายคนนี้เวลาโมโหนั้นไม่เคยระเว้นใครแม้เป็นเด็กก็ตาม ทอร์ฟินถอดเสื้อสูทออกเหลือแค่เสื้อทับในสีดำพร้อมปลดเนคไทออก
"ไอ้เด็กเวรเพราะแกทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ ไม่สำนึกบุญคุณที่รับแกมาในบ้าน" ทอร์ฟินกล่าวเสียงดุดัน
"ผมขอโทษครับนายท่าน ผมผิดไปแล้วอย่าทำโทษผมเลยครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว" แซมพูดขอความเมตตา
ทอร์ฟินจิกผมของแซมขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวตอนนี้เขาโกรธไปหมด ไม่คิดว่างานการของตนจะมาพังเพราะลูกชายกับเด็กคนใช้ในบ้านตัวเองซึ่งทั้งสองยังเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแต่กลับมาทำให้เขาถูกพักงาน แค่คิดก็ยิ่งโมโหในเมื่อก่อเรื่องก็ขอเอามาเป็นที่ระบายอารมณ์ละกัน วิลเบอร์รู้สึกใจคอไม่ดีได้แต่ภาวนาว่าอย่าทำอะไรรุนแรงกับเด็กเลย
"ฉันไม่ตีแกก็ได้แต่แกต้องอยู่ในห้องมืดเป็นเวลา 3 วัน" สิ้นคำของผู้เป็นนาย ทำเอาเด็กชายหวาดกลัวสุดขีดเพราะเขากลัวความมืดอย่างมาก แซมยอมโดนตบตีดีกว่าไปอยู่ในห้องมืดแบบนั้น
"ไม่เอาผมไม่ไปห้องมืดนั้น นายท่านตีผมเถอะครับผมไม่ไป ผมกลัวความมืด" แซมอ้อนวอนผู้เป็นนาย
"แกไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง" ทอร์ฟินพูดจบก็จับตัวแซมลากไปจากตรงกลางห้องโถงของคฤหาสน์ สร้างความตกตะลึงในความไร้ปราณีของผู้เป็นนาย แม้แต่วิลเบอร์เองก็คาดไม่ถึงว่าเจ้านายคนใหม่จะไร้เมตตาขนาดนี้แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเดินตามหลังทอร์ฟินมาเท่านั้น ทอร์ฟินพาร่างเล็กๆของแซมลงที่ใต้บันไดชั้นสองซึ่งมีบันไดลงข้างล่างและมีห้องหนึ่งอยู่ แซมนั้นรู้ดีว่านั้นคือห้องมืดที่เจ้านายของเขาใช้ทำโทษคนใช้ที่เป็นเด็กแบบเขาโดยเฉพาะ ทอร์ฟินมองหน้าวิลเบอร์เชิงออกคำสั่งซึ่งพ่อบ้านนั้นใช้กุญแจไขประตูออกพบว่าในห้องนั้นมันมืด แถบไม่มีแสงไฟอะไรให้มองเห็นข้างในห้องเลยสำหรับเด็กแล้วมันคือนรกดีๆนี้เอง
"แกไปอยู่ในนั้นชะอีกสามวันค่อยออกมา" ทอร์ฟินเหวี้ยงร่างของแซมเข้าไปในห้องมืดเหมือนเขาขว้างลูกบอล แซมนั้นกระเด็นไถลไปกับพื้นก่อนที่เด็กชายพยายามจะรีบวิ่งมาที่หน้าประตู แต่สายไปเสียแล้วเพราะทอร์ฟินปิดประตูทันทีที่เขาโยนแซมเข้าไปในห้องนั้นและยังเป็นคนลงมือปิดล็อกห้องด้วยตัวเอง แซมที่ถูกขังทั้งร้องและทุบประตูด้วยความหวาดกลัวในนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทอร์ฟินคนนี้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อยทำให้คนใช้ที่อยู่ข้างหลังสะเทือนใจอย่างมาก ทอร์ฟินหันมามองเหล่าคนใช้โดยไม่สนใจไยดีเสียงของแซมที่อยู่ข้างหลัง
"นี้คือตัวอย่างว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกฉันจะไม่ละเว้นใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็ก" ทอร์ฟินกล่าวเสียงลั่นแต่ทำให้เหล่าคนใช้ขวัญผวาและก้มหัวกันหมด เสียงร้องและเสียงทุบประตูของแซมยังดังไม่หยุดจนเขาเริ่มรู้สึกรำคาญจึงเอาศอกกระแทกประตูจนมันยุบไปหน่อยหนึ่งยิ่งทำให้คนใช้ตกตะลึง แต่กับวิลเบอร์นั้นเขาไม่แปลกใจเพราะสมัยก่อนทอร์ฟินก็เป็นทหารออกรบผ่านสรภูมิรบและสังเวียนเลือดมามากแค่ไหน
"หนวกหูเงียบปากไปชะยังไงแกก็ต้องอยู่ในห้องนี้ 3 วันแล้วใครก็ตามที่แอบเปิดประตูให้มัน...รู้นะว่าจะโดนยังไง"
ทอร์ฟินพูดจบก็เดินฝ่าฝูงชนเหล่าคนใช้ทันทีด้วยท่าทีที่หงุดหงิดอย่างมาก ไม่นานนักในห้องมืดก็ปรากฎเสียงของเด็กชายที่ถูกขังอยู่ในห้องนั้นเป็นเสียงร้องไห้ที่กำลังหวาดกลัวความมืดในห้องนั้น เหล่าคนใช้ที่อยู่ข้างนอกรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อายและมองไปทางวิลเบอร์ที่น่าจะเป็นความหวังได้ ซึ่งวิลเบอร์ไม่แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น
"คุณวิลเบอร์ได้โปรดช่วยแซมด้วยเห็นแก่เทเรซ่าด้วยเถอะ" แม่บ้านที่น่าจะอายุคราวเดียวกับวิลเบอร์กล่าว
"มันโหดร้ายเกินไปแล้วอีกฝ่ายยังเด็กอยู่แท้ๆ.." วิลเบอร์หันขวับทันทีทำเอาคนพูดเงียบทันที
"ระวังคำพูดหน่อยถ้านายท่านได้ยิน นายอาจโดนหนักกว่าลิลี่กับแซม" วิลเบอร์กล่าวตักเตือน
"คุณวิลเบอร์มีทางที่จะช่วยแซมได้ไหมค่ะ" หญิงสาวคนใช้ร่างอวบถามและหันไปทางห้องมืดที่ขังแซมอย่างเป็นห่วงอย่างมาก ทางพ่อบ้านที่ดูน่าเคารพที่สุดในหมู่คนใช้ได้แต่นิ่งเงียบพล่างถอนหายใจยาว
"นายท่านกำลังโมโหมากให้ฉันไปขอร้องตอนนี้มันก็ไม่มีผลหรอก อีกอย่างแซมสร้างความเสียหายใหญ่กว่าแค่การที่นายท่านโดนพักงานเท่านั้นเพราะงั้นแค่โดนขังในห้องมืดมันก็ดีแค่ไหนแล้ว" วิลเบอร์กล่าว
"แต่แซมยังเด็ก..."
"พอแล้วฉันไม่อยากโต้เถียงอะไรทั้งนั้น ไปทำงานกันได้แล้วครบสามวันค่อยว่ากัน" พูดจบเขาก็เดินจากไป ทำให้เหล่าคนใช้พากันทำตัวไม่ถูกและยังมีบางกลุ่มเริ่มหมดความเชื่อถือและผิดหวังในตัววิลเบอร์ ไม่คาดคิดว่าคนที่พวกตนเคารพจะนิ่งเฉยไม่ยอมทำอะไรเลยเพื่อช่วยเด็กคนหนึ่งกลับว่าเลยตามเลยตามเจ้านาย
"ใจดำที่สุดเลยนึกว่าคุณวิลเบอร์จะเป็นคนดีกว่านี้ ที่แท้ก็แค่คนกลัวหัวหดพอๆกับพวกเรานั้นแหละ" ชายหนุ่มผิวเข้มกล่าวอย่างเจ็บแค้นและกำมือแน่น ชายหนุ่มผิดหวังในตนเองที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เพราะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อย ได้แต่มองไปที่ประตูห้องมืดที่ขังเด็กน้อยอย่างน่าสงสารเท่านั้น
"ทำใจเถอะเพื่อน นายพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆยังไม่รู้อะไร คุณวิลเบอร์รับใช้บ้านนี้ตั้งแต่รุ่นนายท่านอลันจนถึงรุ่นของนายท่านทอร์ฟินเลยนะ ไม่แปลกใจหรอกถ้าคุณวิลเบอร์จะไม่กล้าขัดใจคนในตระกูลนี้”
เพื่อนร่วมอาชีพตบไหล่ชายหนุ่มเพื่อให้กำลังใจกันแต่หญิงสาวผิวขาวเหลืองมองแผ่นหลังของวิลเบอร์ที่เดินห่างไประยะหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจหันมาจับเข่านินทาเจ้านายตัวเองอย่างไม่เกรงใจ
"ฉันว่าคุณวิลเบอร์ไม่ได้กลัวหัวหดแบบพวกเราหรอก รับใช้ติดตามตระกูลนี้ยาวนานขนาดนั้นฉันว่าสันดานก็ไม่ต่างกันนักหรอก" หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบาจนถูกหญิงวัยกลางคนสะกิดตัวพร้อมมองหน้าเชิงตำหนิซึ่งทำเอาอีกฝ่ายหน้าถอดสีทันที
"นี่หล่อนก็เหมือนกันว่างมากนักเหรอเที่ยวนินทาคนอื่นนะ เดียวก็โดนอีกคนหรอก"
ระหว่างที่เหล่าคนใช้กำลังเดินไปพูดคุยกันนั้น วิลเบอร์ที่เดินออกมาจากคฤหาสน์เพื่อทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านประจำเหมือนทุกครั้งแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ใบหน้าของพ่อบ้านที่ใครๆต่างคิดว่าไม่มีหัวใจนั้นได้ปรากฏน้ำตาใสๆครอบดวงตาของวิลเบอร์ไว้มันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเขานั้นหาใช่คนไร้หัวใจแต่อย่างใด
+++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ