นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์
-
40) ตอนที่ 40 มาพบหน้าครอบครัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขตชุมชนพ่อค้า เวลา 20.23 น.
เขตนี้ไม่ค่อยจะห่างไกลเมืองเพราะมันเป็นแหล่งขนส่ง สินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ต่างๆ แต่ส่วนมากจะเน้นพวกเนื้อสดชะมากกว่า ซึ่งหน้าที่ของพ่อค้าจะทำการคัดเลือกเนื้อหมู ไก่ และปลาชั้นดี พวกเนื้อหมูชั้นดีอย่างเนื้อหมูป่าสามเขา จะถูกส่งขายออกหรือตามร้านอาหารในโรงแรมที่พวกคนรวยได้กิน แน่นอนว่าเนื้อดีย่อมมีราคาที่ค่อนข้างแพงและสร้างกำไรให้กับพ่อค้าอย่างมาก ในตลาดสดนั้นจะมีกะเช้ากับกะกลางคืน
สำหรับครอบครัวของ แม่แต้ม นั้นตอนนี้ นายสิน ลูกชายอยู่กะกลางคืนต้องไปทำการคัดเลือกเนื้อตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อที่จะแข่งขันพวกพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นและนำรายได้เข้าบ้าน เมื่อเสาหลักของบ้านออกไปทำงานก็คงเหลือเพียงเธอกับ แม่จำปา ลูกสะใภ้เท่านั้นสำหรับคนมีอายุอย่างแม่แต้มนั้น บ้านนั้นค่อนเงียบเหงายิ่งนักโดยเฉพาะหลังจากที่ เธอต้องสูญเสียหลานชายเพียงคนเดียวของบ้านไป ซึ่งไม่เพียงแค่นั้นคนทั้งชุมชนต่างพากัน ชุบชิบนินทาทั้งเธอ ลูกชาย และลูกสะใภ้เลี้ยงลูกหลานยังไง ถึงได้ทำเรื่องชั่วร้ายได้ขนาดนั้นและแน่นอนคือ ไม่มีใครเห็นใจครอบครัวที่ต้องสูญเสียเลย
ในช่วงแรกยังมีคนมาแสดงความเห็นใจกับแม่แต้มและแม่จำปาอยู่ แต่คนเหล่านั้นจะถูกคนในชุมชนต่อต้านและแบนหลายๆอย่าง จนอยู่ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องถอยห่างจากครอบครัวของแม่แต้ม ไม่เพียงแค่นั้นหลังจากที่หลานชายเสียไปนั้น มันได้สร้างผลกระทบต่อกิจการเนื้อหมูของนายสินอีกด้วย เพราะไม่มีพ่อค้าคนกลางเจ้าไหนรับซื้อเลยซึ่งมันทำให้ขาดทุน จนนายสินเกือบจะปิดกิจการเลยแต่ยังโชคดีที่ได้ คิตะ พ่อค้าคนกลางที่ใครๆต่างก็ยำเกรง มาช่วยเอาไว้ทำให้กิจการของบ้านยังคงอยู่ และกลายเป็นว่ามีแค่ชายคนนี้คนเดียวที่รับซื้อเนื้อของนายสิน
แม่แต้มนั่งพัดไล่ยุงสักพักก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเข้าห้องนอน ซึ่งเธอนั้นเดินขึ้นบันไดมาก็เจอแม่จำปากำลังนั่งเหม่อ ซึ่งแม่แต้มสังเกตว่าอีกฝ่ายมีน้ำใสๆไหลอาบน้ำ เมื่อแม่แต้มเงยหน้ามองก็รู้ว่าแม่จำปาคงคิดถึงลูกชาย ไม่แพ้กับตนเองหรอกดีไม่ดีใจสลายมากกว่าที่เห็นตอนนี้เสียด้วยซ้ำ สำหรับแม่จำปานั้นภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ที่โดนที่แขวนเนื้อหมูเสียบคอและยังโดนประจานด้วย คนเป็นแม่ใครจะรับได้กันทุกวันนี้เธอแทบจะนับน้ำตาที่ไหลได้เลย
"จำปา ยังไม่นอนอีกเหรอ" เสียงทักของแม่แต้มนั้นทำให้แม่จำปาต้องรีบเช็ดน้ำตา เพื่อไม่ให้แม่สามีต้องกังวลและหันมายิ้มอย่างอ่อนโยน
"หนูว่าจะนอนแล้วจ๊ะ แม่ก็ควรไปนอนได้แล้วนะจ๊ะแม่ยิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่" แม่จำปาพูดอย่างเป็นห่วงอย่างมาก
"แม่นอนไม่หลับหรอกลูก ขออยู่ตรงนี้ดีกว่า"
แม่แต้มเดินมานั่งบนเก้าอี้ไม้ข้างๆที่แม่จำปานั่งอยู่ พร้อมกับมองรูปหน้าหลานชายผู้ล่วงลับไปแล้ว แม่แต้มได้แต่คิดว่าหลานชายจะรู้ไหมเน้อว่า คนทางนี้คิดถึงมากแค่ไหนโดยเฉพาะแม่จำปาผู้เป็นแม่ สักพักอยู่ดีๆทั้งสองก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินขึ้นมา บนบ้านซึ่งแม่แต้มรู้ดีว่าไม่ใช่นายสินลูกชายแน่นอน เธอจึงเดินไปคว้าปืนลูกซองแฝดของลูกชายออกมา โดยแม่จำปาหลบอยู่ข้างหลังภายในมุมมืดนั้น ทั้งสองเห็นเงาคนที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แต่เงาปริศนานั้นไม่ได้ฟังคำขู่ของแม่แต้มแม้แต่น้อย กลับยังเดินมาหาทั้งสองอย่างช้าจนกระทั่ง ร่างนั้นต้องแสงจันทร์สาดส่องลงมาที่หน้าต่าง เผยให้เห็นร่างของเงาปริศนานั้นอย่างชัดเจน ทั้งแม่แต้มและแม่จำปาอ้างปากค้างอึ้งกับภาพที่เห็น เพราะบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือ นายบึ๊ก หลานชายผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นเอง แม่แต้มอยากหยิกแก้มตัวเองว่าฝันไปรึเปล่า ที่เห็นหลานชายอยู่ตรงหน้าแต่แม่จำปานั้น เมื่อได้เห็นลูกชายแล้วก็วิ่งเข้าไปโผกอดลูกชายทันที
"บึ๊ก ใช่ลูกใช่ไหม แม่ไม่ได้ฝันไปเองใช่ไหมลูก" แม่จำปาพูดอย่างตื่นตันพร้อมกับลูบหัวนายบึ๊ก ซึ่งนายบึ๊กนั้นก้มตัวลงเอามือลูบเท้าแม่ผู้บังเกิดเกล้า เขารับรู้ได้ถึงความทุกข์ระทมของแม่หลังจากที่เขาตายไป ร่วมถึงย่าของเขาด้วยเช่นกัน
"ผมเองครับ บึ๊กลูกของแม่เองครับ ผมกลับมาหาแม่แล้ว" นายบึ๊กกล่าวพร้อมกับกอดแม่ด้วยความคิดถึง
"จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อหลานตายไปแล้วนี่" แม่แต้มพูดขึ้นเพราะเธอมีสติมากกว่าแม่จำปาอยู่แล้ว นายบึ๊กรู้ดีว่าย่าคงไม่เชื่อใจว่านี้คือหลานชายแท้ๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาผู้เป็นย่าซึ่งแน่นอนว่า แม่แต้มยังไม่ยอมลดปืนลูกซองในมือ
"ใช่ ผมตายไปแล้วคือเรื่องจริง แต่ที่คุณย่าเห็นตอนนี้ก็คือผมหลานของคุณย่าไงครับ"
เมื่อแม่แต้มสบตากับนายบึ๊กอยู่พักหนึ่งด้วยสายใยหรือความผูกพันไม่รู้ แต่ที่แน่ๆสิ่งนั้นมันทำให้แม่แต้มรับรู้ได้ทันทีว่านี้คือ นายบึ๊กหลานชายตัวจริงทำให้เธอยอมลดปืนลง และนายบึ๊กก็ก้มลงเอามือลูบเท้าแม่แต้มเหมือนที่ทำกับแม่จำปา แล้วแม่แต้มก็เอามือลูบหัวหลานชายตนเอง ในหัวของเธอนั้นมีแต่คำถามเต็มไปหมด
"แม่ไม่เข้าใจ ในเมื่อลูกตายไปแล้วทำไมลูกถึงอยู่ที่นี้ได้ละ" แม่จำปาถามด้วยความสงสัย
"ผมได้รับโอกาสไงแม่โอกาส ที่ผมจะได้กลับมาอยู่กับแม่ กับย่า แล้วก็พ่อไงครับ" นายบึ๊กตอบ แม่จำปาปลาบปลื้มที่เหมือนกับไม่ได้ฝันไปที่ลูกชายกลับมา แต่แม่แต้มกลับคิดต่างออกไป
"ย้ายบ้าน ! ย้ายไปไหนกันที่นี้คือบ้านเรานะย่า แล้วกิจการของพ่อละพ่อจะไม่ทำต่อแล้วเหรอ แล้วย้ายไปแล้วจะทำมาหากินอะไร"
"พ่อหลานคงไม่ทำแล้วละที่นี้ไม่มีใครญาติดีกับบ้านเราแล้วหลานเอ๋ย กิจการของพ่อหลานก็ขายไม่ดีไม่มีคนซื้อจะมีก็มีแค่เจ้าเดียว แต่ถึงจะเลี้ยงท้องได้แต่ย่ากับแม่หลานอึดอัดใจมาก เลยตัดสินใจว่าจะย้าย"
คำตอบของแม่แต้มนั้นทำให้นายนั้นแทบคลั่ง เพราะตนรู้ดีว่าผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ครอบครัวต้องตกที่นั่งลำบากคือ แม่ติ่ม ซึ่งเป็นแม่ค้าผักและปลาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายบึ๊ก ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์และมักพยายามใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องที่บางครั้ง นายบึ๊กไม่ได้ก่อเสียด้วยช้ำไปก่อนหน้าที่ตนจะตัดสินใจ มาหาคนในครอบครัวนายบึ๊กใช้อันเดธในสังกัดไปสืบ ก็ได้รู้ว่าแม่ติ่มนั้นใส่สีตีไข่ให้คนในชุมชนฟัง และข่าวเรื่องที่ตึกร้างนั้นด้วยทำให้ทุกคนในชุมชน รุมรังเกียจครอบครัวของนายบึ๊กกันหมด
"ย่า แม่ จากไปไม่ต้องกังวลนะผมอยู่ที่นี้แล้ว จะไม่มีใครมาทำอะไรบ้านเราได้อีก ผมสัญญานะ" นายบึ๊กพูดและกุมมือแม่แต้มกับแม่จำปาเอาไว้
"ลูกจะทำอะไร" แม่จำปาถามด้วยความสงสัย
ยังไม่ทันที่นายบึ๊กจะตอบคำถามผู้เป็นแม่อยู่ๆ นายบึ๊กก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมา ตรงบริเวณรอบๆบ้านของตนซึ่งแน่นอนว่า นายบึ๊กจะไม่ขอเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตน ต่อหน้าแม่และย่าเด็ดขาดวันนี้ตนจะขอถอยไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดบัญชีกับคนที่ทำกับครอบครัวตน โดยเฉพาะแม่ติ่ม
"เอาเป็นว่าถึงตอนนั้นแม่จะรู้เอง ผมต้องไปก่อนแล้วจะกลับมาใหม่" พูดจบนายบึ๊กก็ลุกเดินหายเข้าไปในความมืด ปล่อยให้แม่แต้มกับแม่จำปานั่งมึนงงอยู่ตรงนั้น และเฝ้าถามกันเองผ่านสายตาว่าทั้งสองฝันไปรึเปล่า
ณ บริเวณหน้าบ้านของนายบึ๊กนั้นมีเงาคนหนึ่งเฝ้ามองอยู่ ไม่ห่างมากนักซึ่งอีกฝ่ายมาพร้อมอาวุธเคียวสองเล่ม และเมื่อเดินออกมายืนใกล้ๆกับแสงบนเสาไฟ ซึ่งเจ้าของอาวุธยมทูตก็คือ หยางเสี่ยวฟง นั้นเองชายหนุ่มนั้นตามกลิ่นอันเดธ มาจนถึงที่นี้ซึ่งเขาเชื่อว่าอันเดธตนนี้คงจะผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเป็นคนในครอบครัวของอันเดธตนนั้น ในสมัยยังเป็นมนุษย์อยู่แต่ทว่าตอนนี้มันได้หลบหนีไปแล้ว คงเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังของยมทูตในตัวของหยางเสี่ยวฟง จึงได้ตัดสินใจหลีกเลี่ยงที่จะประทะด้วย
"หึ ! เรื่องหนีเนี่ยไวยิ่งกว่าหมาอีกนะ" หยางเสี่ยวฟงพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะหายไปในความมืด
+++++++++++++++++++++++++++++
เขตนี้ไม่ค่อยจะห่างไกลเมืองเพราะมันเป็นแหล่งขนส่ง สินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ต่างๆ แต่ส่วนมากจะเน้นพวกเนื้อสดชะมากกว่า ซึ่งหน้าที่ของพ่อค้าจะทำการคัดเลือกเนื้อหมู ไก่ และปลาชั้นดี พวกเนื้อหมูชั้นดีอย่างเนื้อหมูป่าสามเขา จะถูกส่งขายออกหรือตามร้านอาหารในโรงแรมที่พวกคนรวยได้กิน แน่นอนว่าเนื้อดีย่อมมีราคาที่ค่อนข้างแพงและสร้างกำไรให้กับพ่อค้าอย่างมาก ในตลาดสดนั้นจะมีกะเช้ากับกะกลางคืน
สำหรับครอบครัวของ แม่แต้ม นั้นตอนนี้ นายสิน ลูกชายอยู่กะกลางคืนต้องไปทำการคัดเลือกเนื้อตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อที่จะแข่งขันพวกพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นและนำรายได้เข้าบ้าน เมื่อเสาหลักของบ้านออกไปทำงานก็คงเหลือเพียงเธอกับ แม่จำปา ลูกสะใภ้เท่านั้นสำหรับคนมีอายุอย่างแม่แต้มนั้น บ้านนั้นค่อนเงียบเหงายิ่งนักโดยเฉพาะหลังจากที่ เธอต้องสูญเสียหลานชายเพียงคนเดียวของบ้านไป ซึ่งไม่เพียงแค่นั้นคนทั้งชุมชนต่างพากัน ชุบชิบนินทาทั้งเธอ ลูกชาย และลูกสะใภ้เลี้ยงลูกหลานยังไง ถึงได้ทำเรื่องชั่วร้ายได้ขนาดนั้นและแน่นอนคือ ไม่มีใครเห็นใจครอบครัวที่ต้องสูญเสียเลย
ในช่วงแรกยังมีคนมาแสดงความเห็นใจกับแม่แต้มและแม่จำปาอยู่ แต่คนเหล่านั้นจะถูกคนในชุมชนต่อต้านและแบนหลายๆอย่าง จนอยู่ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องถอยห่างจากครอบครัวของแม่แต้ม ไม่เพียงแค่นั้นหลังจากที่หลานชายเสียไปนั้น มันได้สร้างผลกระทบต่อกิจการเนื้อหมูของนายสินอีกด้วย เพราะไม่มีพ่อค้าคนกลางเจ้าไหนรับซื้อเลยซึ่งมันทำให้ขาดทุน จนนายสินเกือบจะปิดกิจการเลยแต่ยังโชคดีที่ได้ คิตะ พ่อค้าคนกลางที่ใครๆต่างก็ยำเกรง มาช่วยเอาไว้ทำให้กิจการของบ้านยังคงอยู่ และกลายเป็นว่ามีแค่ชายคนนี้คนเดียวที่รับซื้อเนื้อของนายสิน
แม่แต้มนั่งพัดไล่ยุงสักพักก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเข้าห้องนอน ซึ่งเธอนั้นเดินขึ้นบันไดมาก็เจอแม่จำปากำลังนั่งเหม่อ ซึ่งแม่แต้มสังเกตว่าอีกฝ่ายมีน้ำใสๆไหลอาบน้ำ เมื่อแม่แต้มเงยหน้ามองก็รู้ว่าแม่จำปาคงคิดถึงลูกชาย ไม่แพ้กับตนเองหรอกดีไม่ดีใจสลายมากกว่าที่เห็นตอนนี้เสียด้วยซ้ำ สำหรับแม่จำปานั้นภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ที่โดนที่แขวนเนื้อหมูเสียบคอและยังโดนประจานด้วย คนเป็นแม่ใครจะรับได้กันทุกวันนี้เธอแทบจะนับน้ำตาที่ไหลได้เลย
"จำปา ยังไม่นอนอีกเหรอ" เสียงทักของแม่แต้มนั้นทำให้แม่จำปาต้องรีบเช็ดน้ำตา เพื่อไม่ให้แม่สามีต้องกังวลและหันมายิ้มอย่างอ่อนโยน
"หนูว่าจะนอนแล้วจ๊ะ แม่ก็ควรไปนอนได้แล้วนะจ๊ะแม่ยิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่" แม่จำปาพูดอย่างเป็นห่วงอย่างมาก
"แม่นอนไม่หลับหรอกลูก ขออยู่ตรงนี้ดีกว่า"
แม่แต้มเดินมานั่งบนเก้าอี้ไม้ข้างๆที่แม่จำปานั่งอยู่ พร้อมกับมองรูปหน้าหลานชายผู้ล่วงลับไปแล้ว แม่แต้มได้แต่คิดว่าหลานชายจะรู้ไหมเน้อว่า คนทางนี้คิดถึงมากแค่ไหนโดยเฉพาะแม่จำปาผู้เป็นแม่ สักพักอยู่ดีๆทั้งสองก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินขึ้นมา บนบ้านซึ่งแม่แต้มรู้ดีว่าไม่ใช่นายสินลูกชายแน่นอน เธอจึงเดินไปคว้าปืนลูกซองแฝดของลูกชายออกมา โดยแม่จำปาหลบอยู่ข้างหลังภายในมุมมืดนั้น ทั้งสองเห็นเงาคนที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แต่เงาปริศนานั้นไม่ได้ฟังคำขู่ของแม่แต้มแม้แต่น้อย กลับยังเดินมาหาทั้งสองอย่างช้าจนกระทั่ง ร่างนั้นต้องแสงจันทร์สาดส่องลงมาที่หน้าต่าง เผยให้เห็นร่างของเงาปริศนานั้นอย่างชัดเจน ทั้งแม่แต้มและแม่จำปาอ้างปากค้างอึ้งกับภาพที่เห็น เพราะบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือ นายบึ๊ก หลานชายผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นเอง แม่แต้มอยากหยิกแก้มตัวเองว่าฝันไปรึเปล่า ที่เห็นหลานชายอยู่ตรงหน้าแต่แม่จำปานั้น เมื่อได้เห็นลูกชายแล้วก็วิ่งเข้าไปโผกอดลูกชายทันที
"บึ๊ก ใช่ลูกใช่ไหม แม่ไม่ได้ฝันไปเองใช่ไหมลูก" แม่จำปาพูดอย่างตื่นตันพร้อมกับลูบหัวนายบึ๊ก ซึ่งนายบึ๊กนั้นก้มตัวลงเอามือลูบเท้าแม่ผู้บังเกิดเกล้า เขารับรู้ได้ถึงความทุกข์ระทมของแม่หลังจากที่เขาตายไป ร่วมถึงย่าของเขาด้วยเช่นกัน
"ผมเองครับ บึ๊กลูกของแม่เองครับ ผมกลับมาหาแม่แล้ว" นายบึ๊กกล่าวพร้อมกับกอดแม่ด้วยความคิดถึง
"จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อหลานตายไปแล้วนี่" แม่แต้มพูดขึ้นเพราะเธอมีสติมากกว่าแม่จำปาอยู่แล้ว นายบึ๊กรู้ดีว่าย่าคงไม่เชื่อใจว่านี้คือหลานชายแท้ๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาผู้เป็นย่าซึ่งแน่นอนว่า แม่แต้มยังไม่ยอมลดปืนลูกซองในมือ
"ใช่ ผมตายไปแล้วคือเรื่องจริง แต่ที่คุณย่าเห็นตอนนี้ก็คือผมหลานของคุณย่าไงครับ"
เมื่อแม่แต้มสบตากับนายบึ๊กอยู่พักหนึ่งด้วยสายใยหรือความผูกพันไม่รู้ แต่ที่แน่ๆสิ่งนั้นมันทำให้แม่แต้มรับรู้ได้ทันทีว่านี้คือ นายบึ๊กหลานชายตัวจริงทำให้เธอยอมลดปืนลง และนายบึ๊กก็ก้มลงเอามือลูบเท้าแม่แต้มเหมือนที่ทำกับแม่จำปา แล้วแม่แต้มก็เอามือลูบหัวหลานชายตนเอง ในหัวของเธอนั้นมีแต่คำถามเต็มไปหมด
"แม่ไม่เข้าใจ ในเมื่อลูกตายไปแล้วทำไมลูกถึงอยู่ที่นี้ได้ละ" แม่จำปาถามด้วยความสงสัย
"ผมได้รับโอกาสไงแม่โอกาส ที่ผมจะได้กลับมาอยู่กับแม่ กับย่า แล้วก็พ่อไงครับ" นายบึ๊กตอบ แม่จำปาปลาบปลื้มที่เหมือนกับไม่ได้ฝันไปที่ลูกชายกลับมา แต่แม่แต้มกลับคิดต่างออกไป
"ย้ายบ้าน ! ย้ายไปไหนกันที่นี้คือบ้านเรานะย่า แล้วกิจการของพ่อละพ่อจะไม่ทำต่อแล้วเหรอ แล้วย้ายไปแล้วจะทำมาหากินอะไร"
"พ่อหลานคงไม่ทำแล้วละที่นี้ไม่มีใครญาติดีกับบ้านเราแล้วหลานเอ๋ย กิจการของพ่อหลานก็ขายไม่ดีไม่มีคนซื้อจะมีก็มีแค่เจ้าเดียว แต่ถึงจะเลี้ยงท้องได้แต่ย่ากับแม่หลานอึดอัดใจมาก เลยตัดสินใจว่าจะย้าย"
คำตอบของแม่แต้มนั้นทำให้นายนั้นแทบคลั่ง เพราะตนรู้ดีว่าผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ครอบครัวต้องตกที่นั่งลำบากคือ แม่ติ่ม ซึ่งเป็นแม่ค้าผักและปลาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายบึ๊ก ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์และมักพยายามใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องที่บางครั้ง นายบึ๊กไม่ได้ก่อเสียด้วยช้ำไปก่อนหน้าที่ตนจะตัดสินใจ มาหาคนในครอบครัวนายบึ๊กใช้อันเดธในสังกัดไปสืบ ก็ได้รู้ว่าแม่ติ่มนั้นใส่สีตีไข่ให้คนในชุมชนฟัง และข่าวเรื่องที่ตึกร้างนั้นด้วยทำให้ทุกคนในชุมชน รุมรังเกียจครอบครัวของนายบึ๊กกันหมด
"ย่า แม่ จากไปไม่ต้องกังวลนะผมอยู่ที่นี้แล้ว จะไม่มีใครมาทำอะไรบ้านเราได้อีก ผมสัญญานะ" นายบึ๊กพูดและกุมมือแม่แต้มกับแม่จำปาเอาไว้
"ลูกจะทำอะไร" แม่จำปาถามด้วยความสงสัย
ยังไม่ทันที่นายบึ๊กจะตอบคำถามผู้เป็นแม่อยู่ๆ นายบึ๊กก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมา ตรงบริเวณรอบๆบ้านของตนซึ่งแน่นอนว่า นายบึ๊กจะไม่ขอเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตน ต่อหน้าแม่และย่าเด็ดขาดวันนี้ตนจะขอถอยไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดบัญชีกับคนที่ทำกับครอบครัวตน โดยเฉพาะแม่ติ่ม
"เอาเป็นว่าถึงตอนนั้นแม่จะรู้เอง ผมต้องไปก่อนแล้วจะกลับมาใหม่" พูดจบนายบึ๊กก็ลุกเดินหายเข้าไปในความมืด ปล่อยให้แม่แต้มกับแม่จำปานั่งมึนงงอยู่ตรงนั้น และเฝ้าถามกันเองผ่านสายตาว่าทั้งสองฝันไปรึเปล่า
ณ บริเวณหน้าบ้านของนายบึ๊กนั้นมีเงาคนหนึ่งเฝ้ามองอยู่ ไม่ห่างมากนักซึ่งอีกฝ่ายมาพร้อมอาวุธเคียวสองเล่ม และเมื่อเดินออกมายืนใกล้ๆกับแสงบนเสาไฟ ซึ่งเจ้าของอาวุธยมทูตก็คือ หยางเสี่ยวฟง นั้นเองชายหนุ่มนั้นตามกลิ่นอันเดธ มาจนถึงที่นี้ซึ่งเขาเชื่อว่าอันเดธตนนี้คงจะผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเป็นคนในครอบครัวของอันเดธตนนั้น ในสมัยยังเป็นมนุษย์อยู่แต่ทว่าตอนนี้มันได้หลบหนีไปแล้ว คงเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังของยมทูตในตัวของหยางเสี่ยวฟง จึงได้ตัดสินใจหลีกเลี่ยงที่จะประทะด้วย
"หึ ! เรื่องหนีเนี่ยไวยิ่งกว่าหมาอีกนะ" หยางเสี่ยวฟงพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะหายไปในความมืด
+++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ