เวททายาทกับตราอักขระรักแท้
-
เขียนโดย JJEiJiSama
วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.55 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
1,956 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 พ่อบ้านคนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากที่เฟลิเซีย แม่บ้าน เมอริสได้กลับมายังคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เหล่าแม่บ้านคนอื่นๆต่างรีบมารับตัวคุณหนูและแม่บ้านที่ได้รับบาดเจ็บไป ต่างวิตกกังวลแตกตื่นเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ได้ถูกลือไปทั่วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
‘‘คุณหนู ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?’’ แม่บ้านคนที่1 ถามด้วยความลน
‘‘โอ ไม่นะ ชุดของคุณหนูมีรอยเลือดสกปรกแล้วนะคะ ขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดดีกว่านะคะ’’ แม่บ้านคนที่ 2 กล่าวด้วยความวิตกกังวล
‘‘ว่าแต่คนนั้นเป็นใครหรอคะ?’’ แม่บ้านอีกคนนึงถาม สายตามองไปที่เมอริสที่กำลังปีนออกจากท้ายรถ
หลังจากที่เมอริสออกจากท้ายรถ เขาเลือกที่จะอยู่นิ่ง เขายืนห่างจากประตูบ้านประมาณ 5เมตร เขามองคุณหนูและแม่บ้านคนที่บาดเจ็บอยู่ เขาอยากเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล แต่เนื่องจากที่ลักษณะภายนอกของเขาดูสกปรกและโทรมรวมถึงมีกลิ่นเลือดที่แรงมากเกาะตามเสื้อผ้าและเลือนร่างของเขา ทำให้แม่บ้านเหล่านั้นต่างมองเขาด้วยสายตาอันเหยียดหยาม รวมถึงจะไม่อนุญาตให้คนแบบนี้ย่างกายเข้ามาในคฤหาสน์แบบนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
‘‘คุณหนูคะ คุณหนูพาใครมาที่นี่หรอคะ คนๆนี้มันดูแล้วน่ากลัวเกินไปนะคะ’’ แม่บ้านถามด้วยความระแวงไม่ไว้ใจ
‘‘เดี๋ยวหนูค่อยเล่าให้ฟังนะ’’ เฟลิเซียตอบ
จากนั้น เฟลิเซียจึงไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนชุดใหม่ ส่วนแม่บ้านคนที่บาดเจ็บอยู่นั้นได้รับการปฐมพยาบาลช่วยเหลือและนอนพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เฟลิเซียได้ใช้เวลาทำการเล่าเรื่องทุกอย่างให้เหล่าแม่บ้านทั้งหมดฟัง และในระหว่างนั้นเองเมอริสได้ทำการหาทางเข้าคฤหาสน์ทางประตูหลังซึ่งเป็นประตูที่เปิดอยู่ แล้วมีทางผ่านเป็นห้องเก็บของ ห้องเก็บอุปกรณ์งานทำสวน และมีประตูบานอื่นที่เชื่อมไปยังห้องอื่นๆในตัวคฤหาสน์ชั้นล่าง จากนั้นเขาจึงได้ลงไปยังชั้นใต้ดินเพื่อที่จะหนีสายตาจากเหล่าแม่บ้าน เขาเกรงว่าหากแม่บ้านคนใดคนนึงเข้ามาเห็นล่ะก็ เขาจะต้องถูกไล่ออกไปแน่ๆ
‘‘เอ๊ะ ห้องนี้มัน ห้องพักคนงานหรอกหรอ?’’ เมอริสเห็นประตูห้องๆหนึ่งเปิดแง้มอยู่
เขาลองเข้าไปสำรวจห้องๆนั้น ภายในห้องนั้นมีขนาดค่อนข้างแคบมากๆเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีกลิ่นอับ ห้องสกปรกเหมือนไมได้ทำความสะอาดมานานมากแล้ว มีเศษฝุ่นติดตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ พื้น และฝาผนัง ในห้องมีเพียงแค่โต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็ก ตู้เสื้อผ้าไม้ และเตียงนอน 3.5 ฟุต เขาได้ทำการเปิดตู้เสื้อผ้าเผื่อว่าอาจจะเจอเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วพอที่จะนำมาใส่ได้ เพราะสภาพเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ปัจจุบันนี้มีรอยขาด แปดเปื้อนเต็มไปด้วยคราบเลือดและสกปรกเอามากๆ เขาได้เจอกับเสื้อสูทตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ในตู้ เป็นเสื้อสูทสีดำที่มีหางยาวด้านหลัง มีเนคไท เสื้อเชิ้ตสีขาว เข็มขัด และรองเท้าหนังเก่า
‘‘อืมมม ฉันคิดว่าเปลี่ยนเป็นชุดนี้ก็ดูไม่เลว อย่างน้อยก็อาจจะทำให้ฉันไปเจอคุณหนูเฟลิเซียและเหล่าแม่บ้านได้’’ เมอริสกล่าวในใจ ‘‘ฉันคิดว่าฉันควรหาที่อาบน้ำด้วยล่ะ มันน่าจะอยู่บริเวณนี้แหละ’’
ห้องอาบน้ำอยู่ข้างๆห้องพักคนงานนี้เอง เป็นห้องอาบน้ำขนาดเล็ก มีเพียงแค่ส้วม อ่างล้างหน้า และฝักบัวขนาดเล็ก ถึงจะมีเพียงเท่านี้แต่ก็เพียงพอต่อเมอริสที่จะใช้งานได้ เขาได้ทำการอาบน้ำสระผมชำระสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายหมดจด เขารู้สึกสดชื่นมาก เขาจำไมได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ได้อาบน้ำนี่คือเมื่อไหร่กันนะ น้ำอุ่นๆ ฟองสบู่ลอยไปมานี่มันดีต่อเขาในตอนนี้ซะจริงๆ
จากนั้นเขาได้กลับห้องมาแต่งตัว เขาได้เปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะใช้กระจกบานเล็กๆที่ติดอยู่กับประตูตู้ในการเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง
‘’อืม… ก็ไม่แย่’’ เขาพูดกับตัวเองในกระจกและยิ้มอ่อน
ในขณะที่เขากำลังเช็คความเรียบร้อยอยู่นั้น มือข้างซ้ายของเขาได้สัมผัสกับวัตถุสิ่งหนึ่งตรงหน้าอกด้านขวาของเขา วัตถุนั้นมีขอบสีเงิน ลักษณะรูปทรงเหมือนโล่ มีสีนิล มีตรารูปไม้กางเขนตรงกลาง มันคือ ‘เข็มกลัดประจำตระกูล’นั่นเอง
‘‘เป็นฉันแต่ก่อนคงขโมยมันและหนีออกไปเงียบๆแล้ว’’ เขาก้มมองไปที่เข็มกลัดอย่างจริงจัง แต่เนื่องจากว่าเขานึกถึงคุณหนูเฟลิเซียขึ้นมา เขาจึงเลือกไม่ทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นเขาได้ปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆในชั้นใต้ดินที่เขาอยู่ทำความสะอาดห้องๆนั้นอย่างรวดเร็ว
‘‘เอาเถอะ เสร็จเรียบร้อย ไปหาเฟลิเซียดีกว่า’’ เขาพูดพลาง เก็บของทุกอย่างเข้าที่พลาง และปิดประตูห้องเดินไปชั้นบนไปยังห้องโถงกลางคฤหาสน์
ณ ห้องโถงกลางคฤหาสน์
ในขณะที่เมอริสเพิ่งเดินมาถึงห้องโถงนั้น เขาได้พบกับเฟลิเซียโดยบังเอิญซึ่งเธอเพิ่งเดินออกจากห้องหนังสือได้ไม่นานนี้เอง เขายิ้มให้เธอ และพยายามทักทายเธอ
‘‘คุณหนู’’ เขาทักทายอย่างสุภาพ
‘‘เมอริส ช ชุดนี้.. มัน..’’ เฟลิเซียอุทานขึ้น ครั้นที่เธอได้เห็นชุดที่เมอริสสวมใส่อยู่นั้น มันคือชุดอดีตหัวหน้าพ่อบ้านคนเก่านี่เอง เขาได้จากไปตั้งแต่ตอนที่เฟลิเซียมีอายุ 7 ขวบ เขาเป็นคนใส่ใจ ทำงานดี มีความรับผิดชอบสมกับตำแหน่งมาก และเขาเป็นคนที่เอ็นดูเฟลิเซียมากที่สุด
‘‘ค… คุณ พ่อ บ้าน …ฮืออ…ออออ’’ เธอสะอื้นร้องไห้ ชุดนั้นทำให้เธอนึกถึงอดีตที่เธอได้ใช้ชีวิตกับเขาเป็นอย่างมาก
‘‘คุณพ่อบ้าน น่ะ หรอครับ?’’ เมอริสถามด้วยความสงสัย
‘‘เขาคือบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันด้วยน่ะ’’ เฟลิเซียตอบ ‘‘เขาดูแลฉันทุกอย่าง สอนฉัน และเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวที่คอยคุ้มกันฉันตลอดเวลาน่ะ’’
‘‘เขาคงเป็นคนสำคัญของคุณหนูมากสินะครับ’’ เมอริสถามด้วยความเห็นอกเห็นใจ
‘‘อือออ’’ เฟลิเซียตอบพลางเช็ดน้ำตาอาบแก้ม
จังหวะนั้นเอง เหล่าแม่บ้านได้เดินผ่านห้างโถง เห็นเฟลิเซียและเมอริสกำลังคุยกันอยู่ พวกหล่อนต่างก็ซุบซิบนินทา รวมถึงมีความรู้สึกไม่พอใจที่ได้เห็นเมอริสสวมใส่ชุดหัวหน้าพ่อบ้านอันสูงส่งและอยากจะหาทางไล่เมอริสออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ให้จงได้
พวกหล่อนไม่รีรอ จึงพร้อมหน้าพร้อมตา 3 คนเดินตรงมายังเฟลิเซียและเมอริส
‘‘คุณควรจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้!!’’ แม่บ้านคนที่1 ตะคอกขึ้นนำ
‘‘คนชั้นต่ำอย่างคุณ ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับชุดอันสูงส่งแบบนี้เลยสักนิด!!’’ แม่บ้านคนที่2 แย้งตาม
‘‘ด เดี๋ยวก่อนสิทุกคน ใจเย็นกันก่อน’’ เฟลิเซียพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บรรยากาศมันแย่ลงไปว่านี้
‘‘ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นคนพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเองว่าคนอย่างผมทำทุกอย่างได้ ผมทำความสะอาด ทำอาหาร ทำงานสวนได้นะครับ’’ เมอริสก้มหน้าตอบ
‘‘เฮ่อะ น้ำหน้าอย่างเธอน่ะหรอ จะทำอะไรได้ ที่นี่ไม่มีงานสบายๆเลยนะ’’ แม่บ้านคนที่ 3 กล่าวดูถูก
สีหน้าของเมอริสหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแม่บ้านถึง 3 คนนั้นเปลี่ยนไป จากครั้งแรกที่ยิ้มมุมปากให้กับเฟลิเซีย รอยยิ้มของเขานั้นได้จางหายไป ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม แต่ในใจเขานั้น เขารู้สึกเศร้าเหมือนว่าคำพูดแต่ละคนมันช่างแทงใจเหลือเกิน เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีประวัติไม่ดีเลย ชีวิตดูมืดมนตกต่ำราวกับสีดำมาตลอด
‘‘ฉันว่า ฉันควรจะให้เขาลองทำดูก่อนนะ ดีมั้ยทุกคน?’’ เฟลิเซียลองให้โอกาสเขา เนื่องจากว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอจากตลาดในเช้าวันนี้นี่เอง เธอคิดว่าหากเธอไล่เขาออกจากคฤหาสน์ไป มันอาจจะดูใจร้ายเกินไป ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา
‘‘ก็ได้ค่ะคุณหนู งั้นวันพรุ่งนี้พวกเราจะไม่ทำอะไรเลยนะคะ’’ แม่บ้านคนที่ 3 กล่าว
‘‘วางใจได้ครับคุณหนู ผมจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง’’ เมอริสตอบรับคำท้า
‘‘งั้นพวกเราจะรอดูนะ!!’’ แม่บ้านกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่พวกหล่อนจะเดินจากไป
‘‘วางใจได้ครับคุณหนู ผมไม่เป็นอะไรหรอกนะ’’ เมอริสกลับมายิ้มอีกครั้ง
‘‘อื้อ ฝากด้วยนะ’’ เฟลิเซียตอบส่งท้ายให้กำลังใจ
ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักของเฟลิเซีย ทำให้เมอริสจากที่มีอาการรู้สึกหดหู่ตกต่ำกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแบบนี้ แต่จะอยู่กับเขาได้กี่นานเชียวนะ…
ตกดึก
หลังจากที่ทุกคนในคฤหาสน์ได้เข้านอนกันหมดแล้ว เมอริสนอนก่ายหน้าผาก ตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน
‘‘คอยดูเถอะนะ ฉันจะเอาชนะคำสบประมาทของพวกหล่อนไปให้ได้’’ เขาพูดกับตัวเองก่อนที่จะหลับตาลง เขาไม่กดดันตัวเองแล้ว เป็นเพราะรอยยิ้มของคุณหนูเฟลิเซีย ทำให้เขาลืมอาการอันโศกเศร้าและอดีตอันแสนโหดร้ายไปเลยทันที
เขาได้ฝันถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ รวมถึงไม่คิดว่าวันนี้เขาจะมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้จะในฐานะของ ‘พ่อบ้าน’ ก็เถอะนะ แต่ก็ดีกว่าเป็นโจรไร้บ้านไปวันๆแบบแต่ก่อนก็แล้วกัน…
เช้าวันถัดมา
เมอริสตื่นเช้าตรู่ เขาอาบน้ำ แต่งตัว ใส่ยูนิฟอร์มสูทหัวหน้าพ่อบ้าน เก็บที่นอน และเดินขึ้นจากชั้นใต้ดินไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า เขาเปิดตู้เย็น หยิบผักและผลไม้ เบค่อน นมสด และอื่นๆ เปิดตู้เก็บขนมปังหยิบขนมปังนานานชนิดมาใช้ประกอบ
‘‘เอาล่ะ อาหารเช้าวันนี้จะต้องทำให้คุณหนูประทับใจอย่างแน่นอน’’ เมอริสพูดกับตัวเองเหมือนฮึดมีพลัง
เขาบรรจงหยิบอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ มีทั้งเครื่องปิ้งขนมปังวางข้างเคาน์เตอร์เปิดวอร์มไว้ เปิดหม้อต้มน้ำ ตั้งกระทะให้อุ่น และทำอาหารอย่างสนุกสนาน เขาเพลิดเพลิน ใส่ใจรายละเอียด และใส่ความรู้สึกทุกการกระทำลงไปในอาหารด้วย อาหารเช้าวันนี้เป็นเมนูชุดใหญ่ มีขนมปังสโคน ซุปฟักทอง สลัดอโวคาโด้ ไข่เบเนดิก เบค่อนแฮม พลาสต้า ขนมปังเนยน้ำผึ้ง นมสด พุดดิ้งนมสด และชาเอิร์ลเกรย์ เขาไม่ได้ทำอาหารเช้าแค่สำหรับเฟลิเซียเท่านั้น แต่เขายังทำอาหารเช้าเผื่อแม่บ้านทั้ง4 และรวมถึงตัวเขาเองด้วย สำหรับแม่บ้านที่ป่วยอยู่นั้น เขาทำเมนูข้าวต้มธัญพืชให้ เนื่องจากรอยฟกช้ำที่บริเวณท้องของแม่บ้านคนนั้นยังไม่หายดี เธอจึงทานได้แค่อาหารอ่อนๆเท่านั้น
‘‘เอาล่ะ ไปเคาะประตูเรียกทุกคนมาทานด้วยกันดีกว่า’’ เมอริสยิ้มแย้ม ตื่นตาตื่นใจหวังที่จะให้ทุกคนได้มาทานอาหารเช้าฝีมือของเขา เขานำข้าวต้มใส่ในรถเข็น ครอบฝาไว้ไม่ให้หายอุ่น และนำรถเข็นไปจอดหน้าห้องพักของแม่บ้านคนที่ยังป่วยอยู่ ส่วนคนอื่นที่เหลือ เขาเดินไปเคาะแต่ละห้องตามลำดับ
‘‘อาหารเช้าพร้อมแล้วขอรับ’’ เขาเคาะประตูห้องและเอ่ยเช่นนี้ตามห้องแม่บ้านแต่ละคน
‘‘อาหารเช้าพร้อมแล้วนะขอรับ คุณหนู’’ เขาเคาะประตูห้องและเอ่ยแบบนี้หน้าห้องนอนของเฟลิเซีย
ทุกคนออกมาจากห้องของตัวเอง เดินไปยังห้องรับประทานด้วยกัน ในห้องนั้นตกแต่งไปด้วยโทนสีน้ำตาล มีรูปปั้นและแจกันโบราณวางตามมุมห้อง โคมไฟทั้งขนาดใหญ่และเล็กสีขาวมุกระยิบระยับห้อยอยู่ข้างบน หน้าต่างกว้างที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติได้ทุกด้านพร้อมผ้าม่านสีแดงเข้ม โต๊ะอาหารมีขนาดยาวที่สามารถนั่งได้ถึง 12 ที่ บนโต๊ะอาหารมีเชิงเทียน ผ้าปูโต๊ะที่มีลายถักอันประณีต และแจกันดอกไม้ที่มีทั้งดอกช่อใหญ่และช่อเล็ก อีกทั้งผ้าเช็ดปากสีครีมที่พับเป็นรูปกาบหอยอย่างสวยงาม เมอริสได้จัดวางอาหารและอุปกรณ์เครื่องเงินอย่างถูกต้องตามลำดับไม่มีที่ติ ทำให้ทุกคน ณ ตอนนั้นต่างเซอร์ไพร้กับสิ่งที่เขาทำมากๆ เพราะไม่มีใครคาดถึงได้ว่าเขาจะรู้ธรรมเนียมประเพณีของผู้ดีขนาดนี้
‘‘เชิญครับ ทุกคน’’ เขาเปิดประตูเพื่อให้ทุกคนต่อคิวเข้าห้องทานอาหาร
‘‘อรุณสวัสดิ์จ้ะ เมอริส .. ไม่สิ .. คุณพ่อบ้าน’’ เฟลิเซียยิ้มทักทาย
รอยยิ้มนางฟ้าตัวน้อยอันสดใสของเฟลิเซียทำให้เมอริสถึงกลับหน้าแดงเลยทีเดียว
‘‘อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนูเฟลิเซีย’’ เขาทักทายกลับอย่างสุภาพ
แม่บ้านอีก 3 คนที่เหลือมองว่าช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน พวกหล่อนเดินเชิ่ดผ่านหน้าเมอริสไปโดยไม่มีทักทายใดๆเลยทั้งสิ้น แต่เมอริสเขาไม่ได้ถือสาเลยแม้แต่น้อย
จากนั้น ทุกคนนั่งประจำที่ และเริ่มทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา
‘‘อ อร่อยจัง!!’’ เฟลิเซียอุทานด้วยความประหลาดใจ ‘‘ฉันไม่ได้ทานอะไรอร่อยๆแบบนี้มานานมากแล้วล่ะ’’
‘‘ค คุณหนู พูดจริงหรอครับ?’’ เมอริสถามกลับ ในใจมีความรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
‘‘ก็จริงน่ะสิ จะโกหกทำไมล่ะ รสชาติอาหารของแม่บ้านของฉันไม่ผ่านเลยสักคน ฉันทนกับการกินอาหารไม่อร่อยแบบนี้มานานจนเบื่อแล้วน่ะสิ’’ คุณหนูเป็นคนพูดตามตรงเสมอ ไม่สนใจความรู้สึกของเหล่าแม่บ้านถึงแม้ว่าทุกคนในห้องนี้จะได้ยินกันหมด
‘‘ฉันว่า มัน.. ไม่เห็นจะอร่อยเลย’’ แม่บ้านคนที่1 เริ่มจงใจติ
‘’งั้นๆเนอะ ว่ามั้ย?’’ แม่บ้านคนที่ 2 คล้อยตามด้วย พร้อมกับหันหน้าส่งซิกไปหาแม่บ้านคนถัดไปข้างๆหล่อน
‘‘ของแค่นี้ฉันก็ทำได้ล่ะน่า’’ แม่บ้านคนที่ 3 ประชดประชันไม่ให้เสียหน้าฝีมือตัวเอง
แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้แม่บ้านทั้ง 3 คนนี้จะพูดในทางแง่ลบ แต่พวกหล่อนก็เผลอทานอาหารจนหมดจานอย่างเพลิดเพลินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความที่มันอร่อยจนหยุดทานไมได้เลย แผนที่พวกหล่อนพยายามตั้งใจยุยงให้เมอริสเสียความรู้สึกนั้นได้พังทลายลงไปเสียแล้ว พวกหล่อนรู้สึกอับอายขายหน้ามาก
‘‘ถึงแม้จะบอกว่ามันไม่อร่อย แต่ก็ทานจนหมดทุกคนเลยนะครับ ผมหวังว่าทุกคนจะชอบอาหารของผมนะครับ ใช่มั้ยครับ คุณหนู?’’ เมอริสยิ้มสดใสเบิกบานอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเขาได้ และมองมายังเฟลิเซีย
‘‘อื้อ จากนี้ไป ขอให้เมอริสทำอาหารให้กินทุกๆมื้อเลยนะคะ รวมถึงน้ำชายามบ่ายของฉันด้วย ฉันว่าไม่ต้องทดสอบอย่างอื่นอีกแล้วล่ะ คุณพิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นแล้วนี่ จากนี้เป็นต้นไป คุณคือหัวหน้าพ่อบ้านอย่างเป็นทางการของพวกเราแล้ว คุณมีสิทธิ์ในการสั่ง รวมถึงกำกับงานบ้านทุกอย่างของบ้านหลังนี้’’ คุณหนูกล่าวอย่างปลื้มปิติยินดี ‘‘พวกเธอจะต้องช่วยเขาด้วยนะ คุณแม่บ้าน’’
‘‘ค ค่ะ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ คุณหนูเฟลิเซีย’’ แม่บ้านทั้ง 3 ยืนตรง ทำท่าโค้งคำนับให้กับเมอริส
‘‘จากนี้เป็นต้นไป กระผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะขอรับ’’ เมอริสยิ้มอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าเขาได้พบกับชีวิตใหม่ที่เขาต้องการแล้ว เขาไม่ต้องเร่ร่อนนอนกลางดินกินกลางทรายข้างถนน อยู่อย่างยากลำบาก และขโมยอาหารอีกต่อไป รวมถึงเขารู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้งในน้ำใจการให้โอกาสจากคุณหนูเฟลิเซียเป็นที่สุด
‘ผมจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวังแน่นอนครับ’ คำนี้ได้ลั่นในหัวของเขาอีกครั้ง
‘‘คุณหนู ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?’’ แม่บ้านคนที่1 ถามด้วยความลน
‘‘โอ ไม่นะ ชุดของคุณหนูมีรอยเลือดสกปรกแล้วนะคะ ขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดดีกว่านะคะ’’ แม่บ้านคนที่ 2 กล่าวด้วยความวิตกกังวล
‘‘ว่าแต่คนนั้นเป็นใครหรอคะ?’’ แม่บ้านอีกคนนึงถาม สายตามองไปที่เมอริสที่กำลังปีนออกจากท้ายรถ
หลังจากที่เมอริสออกจากท้ายรถ เขาเลือกที่จะอยู่นิ่ง เขายืนห่างจากประตูบ้านประมาณ 5เมตร เขามองคุณหนูและแม่บ้านคนที่บาดเจ็บอยู่ เขาอยากเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล แต่เนื่องจากที่ลักษณะภายนอกของเขาดูสกปรกและโทรมรวมถึงมีกลิ่นเลือดที่แรงมากเกาะตามเสื้อผ้าและเลือนร่างของเขา ทำให้แม่บ้านเหล่านั้นต่างมองเขาด้วยสายตาอันเหยียดหยาม รวมถึงจะไม่อนุญาตให้คนแบบนี้ย่างกายเข้ามาในคฤหาสน์แบบนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
‘‘คุณหนูคะ คุณหนูพาใครมาที่นี่หรอคะ คนๆนี้มันดูแล้วน่ากลัวเกินไปนะคะ’’ แม่บ้านถามด้วยความระแวงไม่ไว้ใจ
‘‘เดี๋ยวหนูค่อยเล่าให้ฟังนะ’’ เฟลิเซียตอบ
จากนั้น เฟลิเซียจึงไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนชุดใหม่ ส่วนแม่บ้านคนที่บาดเจ็บอยู่นั้นได้รับการปฐมพยาบาลช่วยเหลือและนอนพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เฟลิเซียได้ใช้เวลาทำการเล่าเรื่องทุกอย่างให้เหล่าแม่บ้านทั้งหมดฟัง และในระหว่างนั้นเองเมอริสได้ทำการหาทางเข้าคฤหาสน์ทางประตูหลังซึ่งเป็นประตูที่เปิดอยู่ แล้วมีทางผ่านเป็นห้องเก็บของ ห้องเก็บอุปกรณ์งานทำสวน และมีประตูบานอื่นที่เชื่อมไปยังห้องอื่นๆในตัวคฤหาสน์ชั้นล่าง จากนั้นเขาจึงได้ลงไปยังชั้นใต้ดินเพื่อที่จะหนีสายตาจากเหล่าแม่บ้าน เขาเกรงว่าหากแม่บ้านคนใดคนนึงเข้ามาเห็นล่ะก็ เขาจะต้องถูกไล่ออกไปแน่ๆ
‘‘เอ๊ะ ห้องนี้มัน ห้องพักคนงานหรอกหรอ?’’ เมอริสเห็นประตูห้องๆหนึ่งเปิดแง้มอยู่
เขาลองเข้าไปสำรวจห้องๆนั้น ภายในห้องนั้นมีขนาดค่อนข้างแคบมากๆเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีกลิ่นอับ ห้องสกปรกเหมือนไมได้ทำความสะอาดมานานมากแล้ว มีเศษฝุ่นติดตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ พื้น และฝาผนัง ในห้องมีเพียงแค่โต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็ก ตู้เสื้อผ้าไม้ และเตียงนอน 3.5 ฟุต เขาได้ทำการเปิดตู้เสื้อผ้าเผื่อว่าอาจจะเจอเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วพอที่จะนำมาใส่ได้ เพราะสภาพเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ปัจจุบันนี้มีรอยขาด แปดเปื้อนเต็มไปด้วยคราบเลือดและสกปรกเอามากๆ เขาได้เจอกับเสื้อสูทตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ในตู้ เป็นเสื้อสูทสีดำที่มีหางยาวด้านหลัง มีเนคไท เสื้อเชิ้ตสีขาว เข็มขัด และรองเท้าหนังเก่า
‘‘อืมมม ฉันคิดว่าเปลี่ยนเป็นชุดนี้ก็ดูไม่เลว อย่างน้อยก็อาจจะทำให้ฉันไปเจอคุณหนูเฟลิเซียและเหล่าแม่บ้านได้’’ เมอริสกล่าวในใจ ‘‘ฉันคิดว่าฉันควรหาที่อาบน้ำด้วยล่ะ มันน่าจะอยู่บริเวณนี้แหละ’’
ห้องอาบน้ำอยู่ข้างๆห้องพักคนงานนี้เอง เป็นห้องอาบน้ำขนาดเล็ก มีเพียงแค่ส้วม อ่างล้างหน้า และฝักบัวขนาดเล็ก ถึงจะมีเพียงเท่านี้แต่ก็เพียงพอต่อเมอริสที่จะใช้งานได้ เขาได้ทำการอาบน้ำสระผมชำระสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายหมดจด เขารู้สึกสดชื่นมาก เขาจำไมได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ได้อาบน้ำนี่คือเมื่อไหร่กันนะ น้ำอุ่นๆ ฟองสบู่ลอยไปมานี่มันดีต่อเขาในตอนนี้ซะจริงๆ
จากนั้นเขาได้กลับห้องมาแต่งตัว เขาได้เปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะใช้กระจกบานเล็กๆที่ติดอยู่กับประตูตู้ในการเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง
‘’อืม… ก็ไม่แย่’’ เขาพูดกับตัวเองในกระจกและยิ้มอ่อน
ในขณะที่เขากำลังเช็คความเรียบร้อยอยู่นั้น มือข้างซ้ายของเขาได้สัมผัสกับวัตถุสิ่งหนึ่งตรงหน้าอกด้านขวาของเขา วัตถุนั้นมีขอบสีเงิน ลักษณะรูปทรงเหมือนโล่ มีสีนิล มีตรารูปไม้กางเขนตรงกลาง มันคือ ‘เข็มกลัดประจำตระกูล’นั่นเอง
‘‘เป็นฉันแต่ก่อนคงขโมยมันและหนีออกไปเงียบๆแล้ว’’ เขาก้มมองไปที่เข็มกลัดอย่างจริงจัง แต่เนื่องจากว่าเขานึกถึงคุณหนูเฟลิเซียขึ้นมา เขาจึงเลือกไม่ทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นเขาได้ปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆในชั้นใต้ดินที่เขาอยู่ทำความสะอาดห้องๆนั้นอย่างรวดเร็ว
‘‘เอาเถอะ เสร็จเรียบร้อย ไปหาเฟลิเซียดีกว่า’’ เขาพูดพลาง เก็บของทุกอย่างเข้าที่พลาง และปิดประตูห้องเดินไปชั้นบนไปยังห้องโถงกลางคฤหาสน์
ณ ห้องโถงกลางคฤหาสน์
ในขณะที่เมอริสเพิ่งเดินมาถึงห้องโถงนั้น เขาได้พบกับเฟลิเซียโดยบังเอิญซึ่งเธอเพิ่งเดินออกจากห้องหนังสือได้ไม่นานนี้เอง เขายิ้มให้เธอ และพยายามทักทายเธอ
‘‘คุณหนู’’ เขาทักทายอย่างสุภาพ
‘‘เมอริส ช ชุดนี้.. มัน..’’ เฟลิเซียอุทานขึ้น ครั้นที่เธอได้เห็นชุดที่เมอริสสวมใส่อยู่นั้น มันคือชุดอดีตหัวหน้าพ่อบ้านคนเก่านี่เอง เขาได้จากไปตั้งแต่ตอนที่เฟลิเซียมีอายุ 7 ขวบ เขาเป็นคนใส่ใจ ทำงานดี มีความรับผิดชอบสมกับตำแหน่งมาก และเขาเป็นคนที่เอ็นดูเฟลิเซียมากที่สุด
‘‘ค… คุณ พ่อ บ้าน …ฮืออ…ออออ’’ เธอสะอื้นร้องไห้ ชุดนั้นทำให้เธอนึกถึงอดีตที่เธอได้ใช้ชีวิตกับเขาเป็นอย่างมาก
‘‘คุณพ่อบ้าน น่ะ หรอครับ?’’ เมอริสถามด้วยความสงสัย
‘‘เขาคือบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันด้วยน่ะ’’ เฟลิเซียตอบ ‘‘เขาดูแลฉันทุกอย่าง สอนฉัน และเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวที่คอยคุ้มกันฉันตลอดเวลาน่ะ’’
‘‘เขาคงเป็นคนสำคัญของคุณหนูมากสินะครับ’’ เมอริสถามด้วยความเห็นอกเห็นใจ
‘‘อือออ’’ เฟลิเซียตอบพลางเช็ดน้ำตาอาบแก้ม
จังหวะนั้นเอง เหล่าแม่บ้านได้เดินผ่านห้างโถง เห็นเฟลิเซียและเมอริสกำลังคุยกันอยู่ พวกหล่อนต่างก็ซุบซิบนินทา รวมถึงมีความรู้สึกไม่พอใจที่ได้เห็นเมอริสสวมใส่ชุดหัวหน้าพ่อบ้านอันสูงส่งและอยากจะหาทางไล่เมอริสออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ให้จงได้
พวกหล่อนไม่รีรอ จึงพร้อมหน้าพร้อมตา 3 คนเดินตรงมายังเฟลิเซียและเมอริส
‘‘คุณควรจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้!!’’ แม่บ้านคนที่1 ตะคอกขึ้นนำ
‘‘คนชั้นต่ำอย่างคุณ ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับชุดอันสูงส่งแบบนี้เลยสักนิด!!’’ แม่บ้านคนที่2 แย้งตาม
‘‘ด เดี๋ยวก่อนสิทุกคน ใจเย็นกันก่อน’’ เฟลิเซียพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บรรยากาศมันแย่ลงไปว่านี้
‘‘ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นคนพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเองว่าคนอย่างผมทำทุกอย่างได้ ผมทำความสะอาด ทำอาหาร ทำงานสวนได้นะครับ’’ เมอริสก้มหน้าตอบ
‘‘เฮ่อะ น้ำหน้าอย่างเธอน่ะหรอ จะทำอะไรได้ ที่นี่ไม่มีงานสบายๆเลยนะ’’ แม่บ้านคนที่ 3 กล่าวดูถูก
สีหน้าของเมอริสหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแม่บ้านถึง 3 คนนั้นเปลี่ยนไป จากครั้งแรกที่ยิ้มมุมปากให้กับเฟลิเซีย รอยยิ้มของเขานั้นได้จางหายไป ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม แต่ในใจเขานั้น เขารู้สึกเศร้าเหมือนว่าคำพูดแต่ละคนมันช่างแทงใจเหลือเกิน เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีประวัติไม่ดีเลย ชีวิตดูมืดมนตกต่ำราวกับสีดำมาตลอด
‘‘ฉันว่า ฉันควรจะให้เขาลองทำดูก่อนนะ ดีมั้ยทุกคน?’’ เฟลิเซียลองให้โอกาสเขา เนื่องจากว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอจากตลาดในเช้าวันนี้นี่เอง เธอคิดว่าหากเธอไล่เขาออกจากคฤหาสน์ไป มันอาจจะดูใจร้ายเกินไป ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา
‘‘ก็ได้ค่ะคุณหนู งั้นวันพรุ่งนี้พวกเราจะไม่ทำอะไรเลยนะคะ’’ แม่บ้านคนที่ 3 กล่าว
‘‘วางใจได้ครับคุณหนู ผมจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง’’ เมอริสตอบรับคำท้า
‘‘งั้นพวกเราจะรอดูนะ!!’’ แม่บ้านกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่พวกหล่อนจะเดินจากไป
‘‘วางใจได้ครับคุณหนู ผมไม่เป็นอะไรหรอกนะ’’ เมอริสกลับมายิ้มอีกครั้ง
‘‘อื้อ ฝากด้วยนะ’’ เฟลิเซียตอบส่งท้ายให้กำลังใจ
ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักของเฟลิเซีย ทำให้เมอริสจากที่มีอาการรู้สึกหดหู่ตกต่ำกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแบบนี้ แต่จะอยู่กับเขาได้กี่นานเชียวนะ…
ตกดึก
หลังจากที่ทุกคนในคฤหาสน์ได้เข้านอนกันหมดแล้ว เมอริสนอนก่ายหน้าผาก ตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน
‘‘คอยดูเถอะนะ ฉันจะเอาชนะคำสบประมาทของพวกหล่อนไปให้ได้’’ เขาพูดกับตัวเองก่อนที่จะหลับตาลง เขาไม่กดดันตัวเองแล้ว เป็นเพราะรอยยิ้มของคุณหนูเฟลิเซีย ทำให้เขาลืมอาการอันโศกเศร้าและอดีตอันแสนโหดร้ายไปเลยทันที
เขาได้ฝันถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ รวมถึงไม่คิดว่าวันนี้เขาจะมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้จะในฐานะของ ‘พ่อบ้าน’ ก็เถอะนะ แต่ก็ดีกว่าเป็นโจรไร้บ้านไปวันๆแบบแต่ก่อนก็แล้วกัน…
เช้าวันถัดมา
เมอริสตื่นเช้าตรู่ เขาอาบน้ำ แต่งตัว ใส่ยูนิฟอร์มสูทหัวหน้าพ่อบ้าน เก็บที่นอน และเดินขึ้นจากชั้นใต้ดินไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า เขาเปิดตู้เย็น หยิบผักและผลไม้ เบค่อน นมสด และอื่นๆ เปิดตู้เก็บขนมปังหยิบขนมปังนานานชนิดมาใช้ประกอบ
‘‘เอาล่ะ อาหารเช้าวันนี้จะต้องทำให้คุณหนูประทับใจอย่างแน่นอน’’ เมอริสพูดกับตัวเองเหมือนฮึดมีพลัง
เขาบรรจงหยิบอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ มีทั้งเครื่องปิ้งขนมปังวางข้างเคาน์เตอร์เปิดวอร์มไว้ เปิดหม้อต้มน้ำ ตั้งกระทะให้อุ่น และทำอาหารอย่างสนุกสนาน เขาเพลิดเพลิน ใส่ใจรายละเอียด และใส่ความรู้สึกทุกการกระทำลงไปในอาหารด้วย อาหารเช้าวันนี้เป็นเมนูชุดใหญ่ มีขนมปังสโคน ซุปฟักทอง สลัดอโวคาโด้ ไข่เบเนดิก เบค่อนแฮม พลาสต้า ขนมปังเนยน้ำผึ้ง นมสด พุดดิ้งนมสด และชาเอิร์ลเกรย์ เขาไม่ได้ทำอาหารเช้าแค่สำหรับเฟลิเซียเท่านั้น แต่เขายังทำอาหารเช้าเผื่อแม่บ้านทั้ง4 และรวมถึงตัวเขาเองด้วย สำหรับแม่บ้านที่ป่วยอยู่นั้น เขาทำเมนูข้าวต้มธัญพืชให้ เนื่องจากรอยฟกช้ำที่บริเวณท้องของแม่บ้านคนนั้นยังไม่หายดี เธอจึงทานได้แค่อาหารอ่อนๆเท่านั้น
‘‘เอาล่ะ ไปเคาะประตูเรียกทุกคนมาทานด้วยกันดีกว่า’’ เมอริสยิ้มแย้ม ตื่นตาตื่นใจหวังที่จะให้ทุกคนได้มาทานอาหารเช้าฝีมือของเขา เขานำข้าวต้มใส่ในรถเข็น ครอบฝาไว้ไม่ให้หายอุ่น และนำรถเข็นไปจอดหน้าห้องพักของแม่บ้านคนที่ยังป่วยอยู่ ส่วนคนอื่นที่เหลือ เขาเดินไปเคาะแต่ละห้องตามลำดับ
‘‘อาหารเช้าพร้อมแล้วขอรับ’’ เขาเคาะประตูห้องและเอ่ยเช่นนี้ตามห้องแม่บ้านแต่ละคน
‘‘อาหารเช้าพร้อมแล้วนะขอรับ คุณหนู’’ เขาเคาะประตูห้องและเอ่ยแบบนี้หน้าห้องนอนของเฟลิเซีย
ทุกคนออกมาจากห้องของตัวเอง เดินไปยังห้องรับประทานด้วยกัน ในห้องนั้นตกแต่งไปด้วยโทนสีน้ำตาล มีรูปปั้นและแจกันโบราณวางตามมุมห้อง โคมไฟทั้งขนาดใหญ่และเล็กสีขาวมุกระยิบระยับห้อยอยู่ข้างบน หน้าต่างกว้างที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติได้ทุกด้านพร้อมผ้าม่านสีแดงเข้ม โต๊ะอาหารมีขนาดยาวที่สามารถนั่งได้ถึง 12 ที่ บนโต๊ะอาหารมีเชิงเทียน ผ้าปูโต๊ะที่มีลายถักอันประณีต และแจกันดอกไม้ที่มีทั้งดอกช่อใหญ่และช่อเล็ก อีกทั้งผ้าเช็ดปากสีครีมที่พับเป็นรูปกาบหอยอย่างสวยงาม เมอริสได้จัดวางอาหารและอุปกรณ์เครื่องเงินอย่างถูกต้องตามลำดับไม่มีที่ติ ทำให้ทุกคน ณ ตอนนั้นต่างเซอร์ไพร้กับสิ่งที่เขาทำมากๆ เพราะไม่มีใครคาดถึงได้ว่าเขาจะรู้ธรรมเนียมประเพณีของผู้ดีขนาดนี้
‘‘เชิญครับ ทุกคน’’ เขาเปิดประตูเพื่อให้ทุกคนต่อคิวเข้าห้องทานอาหาร
‘‘อรุณสวัสดิ์จ้ะ เมอริส .. ไม่สิ .. คุณพ่อบ้าน’’ เฟลิเซียยิ้มทักทาย
รอยยิ้มนางฟ้าตัวน้อยอันสดใสของเฟลิเซียทำให้เมอริสถึงกลับหน้าแดงเลยทีเดียว
‘‘อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนูเฟลิเซีย’’ เขาทักทายกลับอย่างสุภาพ
แม่บ้านอีก 3 คนที่เหลือมองว่าช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน พวกหล่อนเดินเชิ่ดผ่านหน้าเมอริสไปโดยไม่มีทักทายใดๆเลยทั้งสิ้น แต่เมอริสเขาไม่ได้ถือสาเลยแม้แต่น้อย
จากนั้น ทุกคนนั่งประจำที่ และเริ่มทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา
‘‘อ อร่อยจัง!!’’ เฟลิเซียอุทานด้วยความประหลาดใจ ‘‘ฉันไม่ได้ทานอะไรอร่อยๆแบบนี้มานานมากแล้วล่ะ’’
‘‘ค คุณหนู พูดจริงหรอครับ?’’ เมอริสถามกลับ ในใจมีความรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
‘‘ก็จริงน่ะสิ จะโกหกทำไมล่ะ รสชาติอาหารของแม่บ้านของฉันไม่ผ่านเลยสักคน ฉันทนกับการกินอาหารไม่อร่อยแบบนี้มานานจนเบื่อแล้วน่ะสิ’’ คุณหนูเป็นคนพูดตามตรงเสมอ ไม่สนใจความรู้สึกของเหล่าแม่บ้านถึงแม้ว่าทุกคนในห้องนี้จะได้ยินกันหมด
‘‘ฉันว่า มัน.. ไม่เห็นจะอร่อยเลย’’ แม่บ้านคนที่1 เริ่มจงใจติ
‘’งั้นๆเนอะ ว่ามั้ย?’’ แม่บ้านคนที่ 2 คล้อยตามด้วย พร้อมกับหันหน้าส่งซิกไปหาแม่บ้านคนถัดไปข้างๆหล่อน
‘‘ของแค่นี้ฉันก็ทำได้ล่ะน่า’’ แม่บ้านคนที่ 3 ประชดประชันไม่ให้เสียหน้าฝีมือตัวเอง
แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้แม่บ้านทั้ง 3 คนนี้จะพูดในทางแง่ลบ แต่พวกหล่อนก็เผลอทานอาหารจนหมดจานอย่างเพลิดเพลินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความที่มันอร่อยจนหยุดทานไมได้เลย แผนที่พวกหล่อนพยายามตั้งใจยุยงให้เมอริสเสียความรู้สึกนั้นได้พังทลายลงไปเสียแล้ว พวกหล่อนรู้สึกอับอายขายหน้ามาก
‘‘ถึงแม้จะบอกว่ามันไม่อร่อย แต่ก็ทานจนหมดทุกคนเลยนะครับ ผมหวังว่าทุกคนจะชอบอาหารของผมนะครับ ใช่มั้ยครับ คุณหนู?’’ เมอริสยิ้มสดใสเบิกบานอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเขาได้ และมองมายังเฟลิเซีย
‘‘อื้อ จากนี้ไป ขอให้เมอริสทำอาหารให้กินทุกๆมื้อเลยนะคะ รวมถึงน้ำชายามบ่ายของฉันด้วย ฉันว่าไม่ต้องทดสอบอย่างอื่นอีกแล้วล่ะ คุณพิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นแล้วนี่ จากนี้เป็นต้นไป คุณคือหัวหน้าพ่อบ้านอย่างเป็นทางการของพวกเราแล้ว คุณมีสิทธิ์ในการสั่ง รวมถึงกำกับงานบ้านทุกอย่างของบ้านหลังนี้’’ คุณหนูกล่าวอย่างปลื้มปิติยินดี ‘‘พวกเธอจะต้องช่วยเขาด้วยนะ คุณแม่บ้าน’’
‘‘ค ค่ะ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ คุณหนูเฟลิเซีย’’ แม่บ้านทั้ง 3 ยืนตรง ทำท่าโค้งคำนับให้กับเมอริส
‘‘จากนี้เป็นต้นไป กระผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะขอรับ’’ เมอริสยิ้มอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าเขาได้พบกับชีวิตใหม่ที่เขาต้องการแล้ว เขาไม่ต้องเร่ร่อนนอนกลางดินกินกลางทรายข้างถนน อยู่อย่างยากลำบาก และขโมยอาหารอีกต่อไป รวมถึงเขารู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้งในน้ำใจการให้โอกาสจากคุณหนูเฟลิเซียเป็นที่สุด
‘ผมจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวังแน่นอนครับ’ คำนี้ได้ลั่นในหัวของเขาอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ