อาจารย์สุดที่รัก
เขียนโดย เฉินน้อย
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 01.07 น.
แก้ไขเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 03.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) แผงลอยแห่งโชคชะตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเฉินยวิ้นและเทพปริศนายืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางลมหนาวยามค่ำคืน
“ยินดีต้อนรับกลับ ท่านพรหมยุทธ์เทพ ดูเหมือนว่าท่านยังจําข้าได้”
“เนตรสวรรค์…เทพที่มีตัวตนไว้เพื่อสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน ข้าจะลืมได้ไงกัน”
สิ้นประโยคของเฉินยวิ้น เฉินยวิ้นปล่อยพลัง ปล่อยจิตสังหาร ข่มขู่เนตรสวรรค์ พลังของเฉินยวิ้น ทําเอา ลมกระโชกอย่างรุนแรง แผ่นดินเริ่มสั่นไหว ฟ้าร้องฟ้าผ่าลั่น จากหนาวๆจนเริ่มร้อนระอุ
“ท่าน…แกร่งเกินที่จะอยู่โลกมนุษย์นะ แต่ข้าไม่ได้มาไม่ดีสักหน่อย” เนตรสวรรค์เข่าทรุดอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังของเฉินยวิ้น
”แล้วเจ้ามาเพื่อสิ่งใด“
“ข้ารู้สึกถึงพลังของท่าน ก็เลยตามสังเกตุมาสักพัก เพราะข้าก็อยากรู้ว่าท่านหายไปไหน”
“ข้าหายไป…งั้นหรอ”
“ทั่วตําหนักเทพรือว่าท่าน ถูกท่านเทพสูงสุดผนึกลี้ลับเอาไว้ หลังจากท่านกลับมาข้าคิดว่าท่านจะลืมเลือนว่าท่านเป็นใครไปแล้วสะอีก”
”ข้าก็จําไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า“ เฉินยวิ้นทําสีหน้าเคร่งเครียด
“ทีจริงข้าก็มาเตือนท่านด้วยเช่นกัน…หากปล่อยให้แม่นางผู้นั้นครอบครองพลังเสี้ยวนึงของท่านอาจจะไม่ดีต่อท่านเอง“ (เจ้านี่มันรู้เรื่องนี้ด้วย ตาคู่นั้นมันไม่เห็นอะไรบ้างเนี่ย)
”หากหมดเรื่องแล้วก็ไปสะ..“ เฉินยวิ้นไล่ตะเพิดเนตรสวรรค์ หลังจากเขาไป เฉินยวิ้นก็ยืนครุ่นคิดอย่างหนักกับสิ่งที่เนตรสวรรค์พูด
จวนแม่ทัพในเมืองต้าโต่ว
“นายท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าไม่ต้องห่วง”
เหวินเจี๋ยและเสี่ยวรุ่ยกําลังคุยกันอยู่ในจวน
“นายท่านระหว่างกลับ ข้าเจอสิ่งนี้” เสี่ยวรุ่ยได้หยิบตราอะไรบ้างอย่างขึ้นมาให้เหวินเจี๋ยดู
“นี่มัน!” เหวินเจี๋ยตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างมาก
“ตราราชวงศ์..เจ้าเจอมันที่ไหน“ ทั้งเหวินเจี๋ยและเสี่ยวรุ่ยต่างตกตะลึงที่พบเห็นสิ่งนี้
”ข้าโจมตีเจ้าบ้านั้นได้ถากๆ ก่อนที่มันจะหายไปขอรับ แล้วเจ้านี้ก็ตกมา“
”หึ..อยู่ไม่ไกลตัวจริงๆด้วยข้าว่าแล้ว“ เหวินเจี๋ยยิ้มเล่ห์ออกมาอย่างเด่นชัด
“ศัตรูคือหนึ่งในราชวงศ์ของดินแดนหรือขอรับ”
“ข้าคิดว่าใช่ ก่อนหน้านี้ที่ข้าฝากเจ้าเป็นอย่างไร“
”เรียบร้อยขอรับ รอรับข่าว จะรีบมาบอกนายท่าน“
ทั้งคู่ได้รับรู้ว่าศัตรูผู้อยู่เบื้องหลังคือราชวงศ์สักคนในดินแดนต้าโต่วแห่งนี้
ตําหนักเทพ ดินแดนสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์ เป็นสถานที่ที่งดงาม ตําหนักเทพที่ใหญ่โต
มโหราฬเกินที่ดวงตาทั้งสองจะมองได้ทั่วถึง
“พบหรือไม่..”
“…ไร้ร่องรอยขอรับท่านเทพสูงสุด” เนตรสวรรค์ก้มหน้าตอบความเท็จให้กับเทพสูงสุด ไม่มีผู้ใดหรือเทพองค์ใดเคยเห็นหน้าตาของเทพสูงสุด มีเพียงแค่เสียงเท่านั้น
“เหตุใดถึงตามหาเทพผู้นั้นหรือขอรับ”
“ออกไป”
เทพสูงสุดไม่แม้แต่ตอบคําถามของเนตรสวรรค์กลับยังไล่ตะเพิดเขาออกไปจากตําหนัก หลังจากออกมาเหล่าเทพเซียนหลายคนก็เข้ามาหาเนตรสวรรค์
“มีอยู่จริงหรือไม่ท่าน พรหมยุทธ์เทพ ผู้นั้น”
“ข้า..ข้าไม่พบท่านผู้นั้น”
“ว่าแล้วเชียว จะมีรึเทพที่ไหนที่จะต่อกรกับเทพสูงสุดได้ เรื่องเล่าพวกนั้นเพ้อเจ้อจริงๆด้วย ฮ่าฮ่า”
เนตรสวรรค์สีหน้าเคร่งเครียดและรีบมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
ตําหนักเทพแห่งโชคชะตา
เนตรสวรรค์มุ่งหน้ามายังตําหนักเทพแห่งโชคชะตาเพื่อสืบหาบ้างอย่าง เขาเดินเข้าไปยังตําหนัก ผมเทพแห่งโชคชะตาชราภาพท่านนึง กําลังยุ่งกับอะไรสักอย่าง มือทั้งสองเต็มไปด้วยด้ายแดงเป็นพันๆแสนๆเส้น
”เทียนมู่รึ?“ เทพแห่งโชคชะตารู้สึกตัวทันทีจึงหันหลังมาเพื่อดูพร้อมเอ่ยชื่อของเนตรสวรรค์ เทียนมู่
“ข้าเอง…เทียนมู่”
“ฮ่าฮ่า คึกอะไรถึงมาหาข้ากัน”
“ท่านรู้จักใช่หรือไม่”
“หื้อ รู้จักอะไร”
“ท่านเฉินยวิ้น…” หลังสิ้นประโยคของเทียนมู่ เทพแห่งโชคชะตาก็ชะงักนิ่งหน้าถอดสีในทันที
“เจ้ารู้ได้อย่างไร..“ น้ำเสียงของเทพแห่งโชคชะตาได้เปลี่ยนไป เป็นน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งขึ้น
”เนตรสวรรค์ของข้ารู้ทันที หลังจากท่านผู้นั้นฟื้นคืน พลังที่สามารถบดโลกมนุษย์ได้ด้วยมือเดียวขนาดนั้นทําไมข้าจะไม่รู้สึกตัวกัน“
”ฟื้นคืนงั้นหรอ จะเป็นไปได้ไงกัน ผนึกเทียนหลัวของเทพสูงสุดไม่มีสิ่งใดปลดได้นอกจากตัวเทพสูงสุดเอง“
“งั้นท่านก็รู้ว่าเทพสูงสุดเป็นผู้ผนึกเทพเฉินงั้นหรือ”
“ข้าก็แค่ได้ยินผ่านๆมาเมื่อสามหมื่นปีก่อน”
“เหตุใดถึงต้องผนึกเทพเฉินกัน”
“เด็กอย่างเจ้าอย่าอยากรู้ไปมากกว่านี้เลย ยิ่งเฉพาะกับเฉินยวิ้น ออกไปได้แล้ว ข้ากําลังยุ่งเดินระวังๆด้วยอย่าไปเตะโชคชะตามนุษย์เข้า”
เทียนมู่ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก เขาทําสีหน้าไม่ค่อยพอใจและรีบเดินออกจากตําหนัก
“เดี๋ยว…ข้ารู้ว่าเจ้าไปพบเฉินยวิ้นมาแล้ว ข้าเตือนเจ้าแค่อย่างเดียว อย่าสู้กับเฉินยวิ้นเด็ดขาด”
น้ำเสียงของเทพแห่งโชคชะตาดุดันและเด็ดขาดอย่างมาก ทําเอาสีหน้าของเทียนมู่ตกใจกับความจริงจังของเทพแห่งโชคชะตา
“นี่มันอะไรเนี่ย” หลินหลินตื่นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนกองฟางอย่างดี หลินหลินลุกแล้วเดินไปหาเฉินยวิ้นที่นอนหลับในท่าประหลาดๆอยู่
“นี่เจ้าตื่นได้แล้ว” หลินหลินปลุกแต่ไม่มีท่าทีว่าเฉินยวิ้นจะตื้น
โป้ก! หลินหลินดีดหน้าผากเฉินยวิ้นอย่างจัง
“โอ้ยย เจ็บชะมัด เป็นบ้าไรของเจ้าเนี่ย” เฉินยวิ้นตกใจตื่นด้วยความเจ็บ และแสดงอาการว่าเจ็บอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า อย่าแสดงเกินไปนัก ข้ามีแรงแค่นี้เจ้าจะเจ็บได้ไงกัน เร็วเข้าต้องไปขายของกันแล้ว”
“ห้ะ..ขายของ” เฉินยวิ้นทําหน้ามึนงง
“อื้ม เร็วเข้า อ้อแล้วก็…ขอบคุณสําหรับที่นอนนะ”
หลินหลินหน้าแดงก่อนที่จะกล่าวขอบคุณเฉินยวิ้นและยิ้มออกมาอยากสดใส
“อ่า…อืม” เฉินยวิ้นเห็นใบหน้าของหลินหลินก็ทําตัวไม่ถูก
ตลาดหมู่บ้านเซียมซี ผู้คนกําลังพลุ่งพล่านกับการเลือกซื้อของต่างๆ
“เอาล่ะเรียบร้อยย” หลินหลินปรบมือพร้อมกับสีหน้าตื่นเต้น
“นี่ เราจะขายอะไร โต๊ะกับเก้าอี้รึ”
“บ้าหรือไงเจ้า เอาล่ะเริ่มละนะ”
“แล้วเราจะขาย…”
“เกี๊ยวน้ำเจ้าค่าาาาาา เกี๊ยวน้ำร้อนๆ อร่อยๆ ทางนี้เลยย ฮ่าฮ่า”
เฉินยวิ้นพูดไม่ทันจะจบ หลินหลินก็ตะโกนเร่เรียกเหล่าผู้คนให้มาซื้อเกี๊ยวน้ำของเธอ เฉินยวิ้นมองไปที่หลินหลินอย่างตั้งใจในขณะที่หลินหลินกําลังตะโกนเร่ขายอย่างมีความสุข และแล้วเฉินยวิ้นพรหมยุทธ์เทพสุดบื้อก็ยิ้มออกมาครั้งแรก ไม่นานนักก็เริ่มมีเหล่าหญิงสาวที่เห็นความหล่อดั่งเทพเซียนของเฉินยวิ้น จึงสนใจมาที่ร้าน
“ขายยังไงหรอพี่ชาย”
“ข้า..ข้าไม่รู้”
เหล่าสาวๆต่างรุมล้อมไปที่เฉินยวิ้นและรุมถามจนเขาเริ่มจะอึดอัด
“อะไรของพวกเจ้า โอ้ย…”
ในขนะที่เฉินยวิ้นกําลังจะตวาดใส่เหล่าสาวๆ หลินหลินก็มาหยิกหลังเฉินยวิ้นไว้ได้ทัน
“พูดดีๆสิ นี่ลูกค้านะ ถ้วยละ 20 ตําลึงเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ทั้งคู่ขายเกี๊ยวน้ำกันอย่างวุ่นวายเป็นวันแรกที่ตะกุกตะกักแต่ก็ขายดีเกินคาด
“เห้ออ ขายได้เยอะเหมือนกันแหะ”
“นี่ ข้าหิวแล้วให้ข้าสักถ้วยได้หรือไม่”
“น้ำเสียงอะไรของเจ้า” หลินหลินยิ้มออกมาหลังจากได้ยินน้ำเสียงสุดอ่อนระทวยของเฉิน
ยวิ้น
“ก็ได้ อ่ะนี่ รางวัลของเจ้า” หลินหลินยื่นเกี๊ยวน้ำหนี่งถ้วยให้กับเฉินยวิ้น เฉินยวิ้นยิ้มและรีบรับมานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย
”นรี้เจ้ามั่ยกริ่นหรอ (นี่เจ้าไม่กินหรอ) “ เฉินยวิ้นพูดขณะที่เคี้ยวเกี๊ยวอยู่เต็มปาก
”เจ้ารีบกินให้อิ่มเถอะ ข้าจะขายต่อ อย่าอู้นานล่ะ“
หลินหลินพูดพร้อมปาดเหงื่อบนหน้าของเธอที่ไหล่ท่วมหน้ารวมถึงตัว เฉินยวิ้นที่เห็นหลินหลินเหนื่อยล้าอย่างมากแถมอากาศยังร้อนอบอ้าว เฉินยวิ้นยกมือขึ้นมาพร้อมดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สิ้นเสียงดีดนิ้วของเขา ลมก็พัดมาอย่างเย็นสบาย
“ลมเย็นจังงง ดีจังงมีแรงแล้วว” หลินหลินดีใจอย่างมากที่มีลมเย็นๆมาดับความเหนื่อยล้าของเธอ ทั้งสองขายเกี๊ยวน้ำจนตะวันจะลับขอบฟ้า
“นี่เจ้าดูสิ สุดยอดไปเลยใช่ไหม“ หลินหลินยิ้มกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข พร้อมหยิบเงินให้เฉินยวิ้นดู
“อื้มข้าก็ว่างั้นนะ” เฉินยวิ้นยิ้มอ่อนๆ
“เก็บร้านแล้วไปซัดของอร่อยเติมพลังกันเถอะ ฮ่าฮ่า” หลินหลินยังคงกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข พลันไปเห็นเฉินยวิ้นที่จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่หลินหลินไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่…นี่เจ้ายิ้มหรอข้าเห็นครั้งแรกเลย” หลินหลินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ชิดเฉินยวิ้นอย่างมาก
“อะ..อะไรยิ้มอะไรของเจ้า รีบเก็บร้านเถอะหน่า”
เฉินยวิ้นหน้าแดงจี๋รีบดันหลินหลินให้ออกห่างจากตัว
”เกี๊ยวน้ำของข้าอร่อยใช่หรือไม่“
”อื้มอร่อยมาก“
”ใช่ไหมล่ะ ฮี้ฮี้“
”เจ้าเยี่ยมที่สุดแหละหน่า“
ทั้งคู่เก็บร้านจนเสร็จและระหว่างเดินทางไปหาของกินก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยอย่างสนิทสนม
หวี้ดด เสียงใช้ปากและมือผิวเสียงเรียกอะไรอย่าง นกพิราบตัวสีขาวสง่าบินมาหาชายลึกลับคนหนึ่งลับล่อๆอยู่บนหลังคาเรือน
“ไปบอกเจ้านั่น…ว่าข้าเจอนางผู้นั้นแล้ว”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ