CHESS:พลิกกระดานเทพ
เขียนโดย TKFD
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 01.14 น.
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 01.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
41) ตอนที่ 12.3 โพชั่นชำระล้าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเอริน่าที่เห็นเมิ่งซินทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
^เอริน่า:เจ้าไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้^
เมิ่งซินหันมามองเธอเล็กน้อย สีหน้าของเธอยังคงหม่นหมอง
'เมิ่งซิน:จะให้ไม่เครียดได้ไง... ทางรอดที่คิดไว้ก็หายไปแล้วนี่นา'
จิมมี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เหลือบมองเอริน่า และเอริน่าก็พยักหน้านิดๆ เหมือนทั้งคู่ตกลงกันเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดอะไร
จากนั้นเอริน่าก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาประกบกันอย่างช้าๆ เหมือนจะตั้งท่าใช้เวท เมิ่งซินขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร
ก่อนที่เธอจะทันสังเกต... จิมมี่ก็ มุดตัวเข้าไประหว่างมือของเอริน่า อย่างคล่องแคล่วจนดูเหมือนหายวับไป
แล้วเอริน่าก็ยื่นมือทั้งสองที่ยังประกบกันมาตรงหน้าเมิ่งซิน
เมิ่งซินสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
"เมิ่งซิน:ทะ-ทำอะไรเนี่ย?"
^เอริน่า:ก็นำสิ่งที่จะแก้ปัญหาให้เพื่อนเจ้ามาให้น่ะ^
คำตอบนั้นทำให้เมิ่งซินเบิกตากว้าง
"เมิ่งซิน:มันคืออะไร!?"
เอริน่ายิ้ม ก่อนจะคลายมือออกอย่างช้าๆ — แสงเวทมนต์สีอ่อนๆ ละอองฟรุ้งฟริ้งลอยออกมาเบาๆ และจิมมี่ก็โผล่หน้าขึ้นมาจากฝ่ามือพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"จิมมี่:ทาดา~!!"
เมิ่งซินที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้างุนงงปนตกใจนิดๆ สายตาของเธอสลับมองไปมาระหว่างมือของเอริน่ากับจิมมี่ที่เพิ่งโผล่มาอย่างงงๆ
เอริน่าจึงยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
^เอริน่า:เจ้าอาจจะไม่รู้... แต่จิมมี่น่ะ มีความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุถึงระดับ 7 เลยนะ เพราะงั้นการช่วยเพื่อนเจ้ามันง่ายมากเลยล่ะ^
"เมิ่งซิน:เล่นแร่แปรธาตุ...?"
"จิมมี่:ที่โลกเจ้ามันไม่มีศาสตร์พวกนี้เลยเหรอ?"
เมิ่งซินส่ายหน้าช้าๆ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความสงสัย
"จิมมี่:งั้นข้าจะอธิบายให้เองละกัน!"
จิมมี่ยืดอก พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับบุคลิกขี้เล่นเมื่อครู่
"จิมมี่:ศาสตร์แห่งการแปรธาตุนั้น มีหลักการอยู่ 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ นิเกโด, อัลเบโด, ซิททริเนทัส และรูเบโด
นิเกโด คือการทำลายตัวตนเก่า มันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ขั้นตอนนี้เราจะต้องแยกและทำลายสิ่งเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
อัลเบโด เป็นขั้นตอนแห่งการชำระล้าง เราจะเริ่มรวบรวมองค์ประกอบที่บริสุทธิ์เข้าด้วยกันอีกครั้ง
ซิททริเนทัส คือการตระหนักรู้ เป็นช่วงที่เราสังเกตและเข้าใจผลลัพธ์จากสิ่งที่เราทำ มันคือแสงแห่งปัญญาที่เริ่มฉายมา
และสุดท้าย... รูเบโด คือความสมบูรณ์ เป็นการหลอมรวมทุกอย่างให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ขั้นตอนสุดท้ายของการแปรธาตุอย่างแท้จริง"
เมิ่งซินที่ฟังอยู่ก็ค่อยๆ พยักหน้า สีหน้าเปลี่ยนจากความงงมาเป็นครุ่นคิด
'เมิ่งซิน:ว่าง่ายๆ... แยก ผสม สังเกต แล้วก็รวมสินะ ฟังดูเหมือนง่าย แต่พอเอาเข้าจริงก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ...'
จิมมี่ที่สังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเข้าใจ ก็ยิ้มแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"จิมมี่:พอเข้าใจไหมขอรับ?"
"เมิ่งซิน:ถ้าตามที่ฉันเข้าใจ... มันคือการแยก ผสม สังเกต แล้วก็รวม ใช่ไหม?"
"จิมมี่:ถูกต้องเลยขอรับ! แต่ในการปฏิบัติน่ะ มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลยนะ
แยก ไม่ใช่แค่ทุบ บด หรือสับอย่างเดียว บางทีก็ต้องตาก ต้ม เผา หรือใช้เวทมนต์แยกส่วน
ผสม ก็ต้องคำนึงถึงปริมาณ ความเข้ากัน และช่วงเวลาในการผสม
ส่วน สังเกต เราต้องบันทึกผลอย่างละเอียด อาจจะต้องลองผิดลองถูกหลายรอบ
และสุดท้าย... รวม เราต้องนำสิ่งที่ได้จากทุกขั้นตอนมารวมให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุดขอรับ"
จิมมี่พูดพลางยิ้ม ภายใต้ท่าทีร่าเริงนั้นแฝงด้วยความจริงจัง
เมิ่งซินพยักหน้าอย่างเข้าใจกับคำอธิบายที่เรียบง่ายของเขา ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
'เมิ่งซิน:พอเขาอธิบายแบบนี้แล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลย... แต่ระดับ 7 ที่พูดถึงก่อนหน้านี้มันคืออะไรกันแน่นะ... ฉันคงต้องถามดู'
"เมิ่งซิน:แล้วระดับ 7 ที่พูดถึงก่อนหน้านี้... มันคืออะไรเหรอ?"
เอริน่าหันมายิ้มบางๆ ก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น
^เอริน่า:มันเป็นระดับที่ใช้บอกถึงความสามารถของนักเล่นแร่แปรธาตุน่ะ โดยทั่วไปจะมีทั้งหมด 10 ระดับด้วยกัน
ระดับที่หนึ่ง — แค่แปรหินเป็นทราย หรือทำโพชั่นระดับต่ำมากได้
ระดับที่สอง — ทำโพชั่นระดับต่ำได้
ระดับที่สาม — แปรหินเป็นทราย แปรทรายกลับเป็นหิน ทำโพชั่นระดับต่ำ-กลางได้
ระดับสี่ — เริ่มแปรทรายเป็นกระจก หรือเปลี่ยนหินให้เป็นดินได้ ทำโพชั่นระดับกลางได้
ระดับห้า — สามารถแปรถ่านเป็นตะกั่ว และทำโพชั่นระดับกลาง-สูงได้
ระดับหก — แปรของแข็งให้กลายเป็นของเหลวได้ ทำโพชั่นระดับสูงได้
ระดับเจ็ด — ขั้นนี้แปรตะกั่วเป็นทองได้ ทำโพชั่นระดับสูงและสมบูรณ์แบบได้
ระดับแปด — สร้างสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ได้ ทำโพชั่นสมบูรณ์แบบระดับสูงสุดได้
ระดับเก้า — สร้างร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้ ทำโพชั่นฟื้นชีวิตได้
ระดับสิบ... — สร้างสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาได้ และทำโพชั่นได้ทุกอย่างเลยล่ะ^
เมิ่งซินที่ฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง สีหน้าดูไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ แต่ในใจก็มีบางอย่างกระซิบว่า... มันจริงแน่นอน เพราะเอริน่าเป็นคนพูดเอง
'เมิ่งซิน:อะไรเนี่ย... เล่นแร่แปรธาตุถึงขั้นชุบชีวิตหรือสร้างสิ่งมีชีวิตได้เลยงั้นเหรอ... นี่มันออกจะเกินจินตนาการไปแล้ว...'
เอริน่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดเสริม
^เอริน่า:แต่ระดับแปดน่ะ... หาตัวคนที่ทำได้จริงๆ ยากมากเลยนะ ส่วนระดับเก้ากับสิบ... นับนิ้วได้เลยว่ามีกี่คน หรือ... กี่ตน^
เมิ่งซินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองจิมมี่ด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง และเอ่ยถามออกไปตรงๆ
"เมิ่งซิน:จิมมี่... นายทำโพชั่นชำระล้างให้ได้ไหม?"
จิมมี่บินลงที่โต๊ะ ก่อนจะเดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ราวกับกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ
"จิมมี่:อืม..."
เมิ่งซินมองเขาไม่วางตา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง เธอรู้สึกได้ว่าคำตอบของเขาจะสามารถช่วยอากิได้
ในขณะเดียวกัน จิมมี่เริ่มพูดกับเอริน่าผ่านเทเลพาธีอย่างรวดเร็ว
;"จิมมี่:ทำอย่างไรดีครับ ท่านเอริน่า... เราควรช่วยเธอดีไหม?";
;^เอริน่า:ข้ายังไงก็ได้ แต่เจ้า... ลืมไปหรือเปล่าเรื่องของผู้ดูแล? ถ้าเธอไม่อนุญาต เราก็ทำอะไรไม่ได้^;
;"จิมมี่:ใช่ แต่ว่า... เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าผู้ดูแลไม่อนุญาต?";
;^เอริน่า:... งั้นเจ้าก็ปรุงขึ้นมา แล้วให้เธอลองจับดู ถ้าผู้ดูแลไม่อนุญาต เธอก็จะจับไม่ได้เองนั้นแหละ^;
;"จิมมี่:ก็จริง... แล้วค่าตอบแทนล่ะขอรับ?";
;^เอริน่า:เจ้าลืมแล้วรึ? เรารับมาแล้วนี่^;
;"จิมมี่:ก็จริงของท่าน...";
หลังจากเงียบไปสักพัก จิมมี่หยุดเดิน หันมามองเมิ่งซินตรงๆ ดวงตาเขาดูแน่วแน่กว่าก่อนหน้านี้
"จิมมี่:แน่นอน ข้าจะช่วย"
เมิ่งซินเบิกตากว้างด้วยความดีใจ
"เมิ่งซิน:ขอบคุณ... ขอบคุณจริงๆ!"
เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะกล่าวขอบคุณอีกครั้ง จิมมี่กลับนิ่งไป
เธอชะงัก
"เมิ่งซิน:...มะ-มีอะไรเหรอ? ทำไมเงียบไปแบบนั้น?"
จิมมี่ยังไม่ตอบ แต่แววตาของเขาดูอึดอัด เมิ่งซินเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ ก่อนที่เอริน่าจะพูดขึ้นมาแทน
^เอริน่า:เราทั้งสองอยากช่วยเจ้าแน่นอน แต่มีบางสิ่งที่ข้าบอกเจ้าไม่ได้... หากเขาไม่อนุญาต เราก็ทำอะไรไม่ได้^
"เมิ่งซิน:หมายความว่ายังไง? แล้ว 'เขา' ที่ว่า คือใคร?"
^เอริน่า:ข้า... ไม่สามารถบอกเจ้าได้ มันอันตรายเกินไปสำหรับตัวเจ้า หากรู้มากกว่านี้^
น้ำเสียงของเอริน่าเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความห่วงใย และมันก็ทำให้เมิ่งซินหยุดถาม เธอนั่งลงเงียบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลที่ควบคุมไม่อยู่
จิมมี่มองเธอสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
"จิมมี่:อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เราไม่ได้บอกว่าจะช่วยไม่ได้เสียหน่อย แค่... อาจจะไม่ได้ แล้วจะไม่ลองพยายามหน่อยเหรอ?"
"เมิ่งซิน:แล้ว... ฉันต้องทำอะไร?"
"จิมมี่:สิ่งที่เจ้าต้องทำน่ะ ไม่ยากเลย จริงๆ มันง่ายมากด้วยซ้ำ"
"เมิ่งซิน:ง่ายเหรอ...? ทำอะไรล่ะ?"
"จิมมี่:งั้น... ขอข้าเวลาสักครู่ รออยู่ตรงนี้นะ"
พูดจบ จิมมี่ก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เมิ่งซินงงอยู่ที่เดิมด้วยใจที่ยังสับสน
^เอริน่า:เจ้ารออย่างใจเย็นเถอะ เมื่อจิมมี่กลับมา เราจะได้รู้กันว่า... เราสามารถช่วยเจ้าได้หรือไม่^
เมิ่งซินเงยหน้าขึ้นมองเอริน่า เธอพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหลุบตามองต่ำ กำมือแน่นพยายามกดความกังวลไม่ให้ปะทุขึ้นมาอีก
เวลาผ่านไป 45 นาที...
เสียงลมหายใจของเธอหนักขึ้นนิดหน่อยขณะนั่งรออย่างเงียบงัน และในที่สุดจิมมี่ก็บินกลับเข้ามา พร้อมถาดแบนลอยตามหลังมาอย่างมั่นคง ถาดนั้นค่อยๆ ลอยมาหยุดตรงหน้าเธอ
บนถาดมีขวดแก้วทรงกลมเรียงกันอยู่ 3 ขวด
ขวดขวาสุดมีของเหลวสีขาวขุ่นคล้ายหมอกจางๆ ลอยอยู่ภายในขวด
ขวดด้านซ้ายบรรจุน้ำใสสะอาดเหมือนน้ำเปล่า
ส่วนขวดตรงกลางมีน้ำที่ใสราวกับแก้ว ส่องแสงแผ่วเบาออกมาจากภายในราวกับมีแสงจันทร์ขังอยู่ในขวด
"จิมมี่:โพชั่นสามขวดนี้คือโพชั่นชำระล้าง
ขวดด้านขวานั้นคือระดับต่ำ
ขวดซ้ายคือระดับกลาง
ส่วนตรงกลางคือระดับสูง
เจ้าต้องจับดู ถ้าจับได้ขวดไหน ก็เอาขวดนั้นไป"
'เมิ่งซิน:พูดแบบนั้น... หมายความว่ายังไง? ขวดก็อยู่ตรงหน้า พูดเหมือนกับฉันจะจับมันไม่ได้?'
เมิ่งซินได้แต่คิดในใจอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ขวดด้านขวา
แต่...
มือของเธอกลับทะลุผ่านขวดไปอย่างไร้น้ำหนัก ราวกับขวดนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
"เมิ่งซิน:ห่ะ...?"
เธอชะงักงัน ก่อนจะพยายามจับขวดอีกครั้ง... และอีกครั้ง... แต่มือของเธอก็ยังทะลุผ่านมันเหมือนเดิมทุกครั้ง
"เมิ่งซิน:นี่มันอะไรกัน…"
เมิ่งซินพึมพำอย่างไม่เข้าใจ หันไปมองจิมมี่กับเอริน่าด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสับสน
"จิมมี่:นั่นแหละคือเหตุผล ถึงเราจะอยากช่วยเจ้าแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่อนุญาต... เราก็ทำอะไรไม่ได้"
"เมิ่งซิน:ไม่จริง... ไม่จริงน่า...!"
เมิ่งซินคำรามเบาๆ ขณะมองขวดยาที่อยู่ตรงหน้าแต่เอื้อมไม่ถึง
"เมิ่งซิน:มันอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แล้วทำไมฉันจับมันไม่ได้... ทำไม! ทำไมกันล่ะ! ทำไม!!!"
คำพูดระเบิดออกมาพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ความเจ็บใจถาโถมใส่หัวใจของเธออย่างรุนแรง ความหวังที่เคยสว่างกลับกลายเป็นภาพหลอกหลอน
เอริน่าลุกจากเก้าอี้เงียบๆ เดินมาหาเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะนั่งย่อลงตรงหน้าแล้วโอบเธอเข้ามากอด เมิ่งซินสะอื้นและกอดเธอกลับราวกับเกาะเสี้ยวความอบอุ่นสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่
ทั้งสองกอดกันเงียบๆ จนเมิ่งซินเริ่มสงบลง
^เอริน่า:เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง...^
เมิ่งซินพยักหน้าช้าๆ น้ำตายังเกาะอยู่ที่ขอบตา
^เอริน่า:อย่าเพิ่งสิ้นหวังขนาดนั้นสิ ลองดูที่ถาดนั้นก่อน ยังมีอีกสองขวดไม่ใช่เหรอ... เจ้ายังไม่ได้ลองไขว่คว้ามันเลย ลองดูเถอะนะ^
เมิ่งซินหันไปมองขวดที่เหลือด้วยความหวังริบหรี่ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือไปยังขวดทางซ้าย ทว่า...
มือของเธอกลับทะลุผ่านมันไปเหมือนขวดแรก
'เมิ่งซิน:ฉันจับมันไม่ได้อีกแล้ว... เหลือแค่โอกาสเดียว ขอให้มันได้ทีเถอะ...'
เมิ่งซินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปยังขวดสุดท้ายที่อยู่ตรงกลาง
แต่แล้ว—ความคิดหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาในหัวของเธอ
'เมิ่งซิน:ฉันจับขวดนี้ได้จริงๆ ใช่ไหม... ถ้าได้ อากิต้องรอดแน่นอน แต่ถ้าไม่ได้... เขาต้องตายแน่ๆ แบบนั้นมันก็แปลว่าเขาตายเพราะฉัน... ฉันจะรับผลลัพธ์นั้นได้ไหม'
มือของเธอค้างอยู่อย่างนั้น—กลางอากาศ ความกลัว ความลังเล และความกดดันไหลบ่าเข้ามาในใจของเธอราวกับพายุโหมกระหน่ำ
เธอกำลังกลัวจริงๆ... กลัวที่จะรู้คำตอบ
แล้วเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหลัง
"จิมมี่:ทำไมเจ้าไม่จับขวดสุดท้ายล่ะ"
"เมิ่งซิน:…"
"จิมมี่:เจ้ากลัวผลลัพธ์ใช่ไหม... กลัวว่าถ้าจับไม่ได้ เพื่อนเจ้าจะตาย"
"เมิ่งซิน:…"
"จิมมี่:งั้นข้าจะพูดอะไรให้ฟัง...
ถ้าเจ้าจับขวดนี้ได้ เพื่อนเจ้าก็จะรอด
ถ้าจับไม่ได้ เขาก็อาจจะตาย
แต่ว่าถ้าเจ้าไม่แม้แต่จะลอง… เขาจะต้องตายแน่นอน
และเมื่อถึงวันนั้น เจ้าจะโทษตัวเองไปตลอด ว่าทำไมวันนั้นถึงไม่พยายาม
เจ้าจะจมอยู่กับคำถามนั้นทั้งชีวิต ว่า ถ้าลองจับล่ะ... มันจะต่างไหม
แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะยื่นมือออกไป แม้จะไม่สำเร็จ อย่างน้อยเจ้าก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว
เจ้าจะได้ไม่ต้องเสียใจที่ไม่ลอง ดังนั้น... เพื่ออนาคตของเจ้าเอง เจ้ายังจะไม่ลองจริงๆ หรือ?"
เมิ่งซินที่ได้ยินคำพูดนั้นก็นิ่งไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยความลังเลกลับแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่
'เมิ่งซิน:ที่เขาพูดมาก็ถูก... ฉันก็แค่ต้องจับขวดนี้ และยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมา แค่นั้นเอง'
เธอสูดหายใจเข้าลึก หลับตาลง ยื่นมือไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มือที่ยังสั่นเล็กน้อยกำลังก้าวข้ามความกลัว
เธอเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ปลายนิ้ว...และในจังหวะนั้น เธอก็รู้สึกถึง "บางอย่าง"
สัมผัสนั้น—สัมผัสของพื้นผิวเย็นๆ แข็งๆ เธอลืมตาพรวดขึ้น
"เมิ่งซิน:!"
มือของเธอรีบคว้าสิ่งนั้นเอาไว้แน่น เธอเบิ่งตามองอย่างไม่เชื่อสายตา เธอจับขวดได้จริงๆ!
!"เมิ่งซิน:ฉะ—ฉันจับมันได้!! ฉันจับมันได้จริงๆ!! จิมมี่ ดูสิ!! ฉันจับมันได้ เย้~~"!
"จิมมี่:ยินดีด้วยครับ"
^เอริน่า:ยินดีด้วยนะ^
เมิ่งซินยืนยิ้มกว้าง น้ำตาคลอเบ้าแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความกลัว... แต่เป็นเพราะความดีใจสุดหัวใจ
ในขณะที่เมิ่งซินกำลังดีใจอยู่นั้น เอริน่าก็ใช้โทรจิตสื่อสารกับจิมมี่อย่างเงียบๆ
;^เอริน่า:แปลว่า... คนที่เมิ่งซินอยากช่วย ผู้ดูแลคงให้ความสนใจแน่ๆ^;
;"จิมมี่:ก็จริงขอรับ... แถมคงจับตามองอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะแค่กับก็อบบลายท์แบบนั้น ไม่น่าต้องใช้โพชั่ระดับสูงแบบนี้";
;^เอริน่า:ถ้าเป็นแบบนั้น เราควรส่งเมิ่งซินกลับไปเร็วที่สุด... เพื่อให้เธอได้ไปช่วยเพื่อนคนนั้น^;
;"จิมมี่:เป็นความคิดที่ดีครับ การช่วยคนที่ 'ผู้ดูแล' ให้ความสนใจ ไม่ใช่เรื่องเสียหายแน่นอน";
หลังจากบทสนทนาเงียบลง เอริน่าก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
^เอริน่า:เมิ่งซิน^
เสียงนั้นเรียบและหนักแน่นพอจะทำให้เมิ่งซินหันมามองทันที
"เมิ่งซิน:มีอะไรงั้นเหรอ?"
^เอริน่า:ข้าว่า... ในเมื่อเจ้าได้โพชั่นสำหรับรักษาสหายของเจ้าแล้ว เจ้าก็ควรรีบกลับไปเถอะ ข้าคิดว่าเขาคงอาการไม่ดีเท่าไหร่นัก^
เมิ่งซินชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่มองกลับเต็มไปด้วยความลังเล แม้ในตอนแรกเธอจะอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่หลังจากได้ใช้เวลาหลายวันอยู่กับเอริน่าและจิมมี่ หัวใจของเธอกลับรู้สึก “แปลกๆ” กับการต้องจากลา
ทั้งสองดูออกทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังสับสน พวกเขาจึงเดินเข้ามาใกล้ และพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
"จิมมี่:ตั้งแต่ข้าได้พบกับท่าน ข้าก็สนุกมากเลยครับ ไว้เจอกันใหม่นะ แล้วข้าจะรอดูซีรีส์ต่อ แต่ตอนนี้—ท่านควรรีบไปช่วยสหายก่อน"
^เอริน่า:ส่วนข้าเองก็รู้สึกดีมากเช่นกัน ที่ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ผ่านดวงตาของเจ้า... แต่—งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาล่ะ เจ้าควรรีบกลับไปเถิด^
เมิ่งซินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างจริงใจ นี้เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ที่สุด นับตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้
"เมิ่งซิน:ขอบคุณนะ... สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ตั้งแต่มาที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึก... ปลอดภัยที่สุด ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอดหลายวัน แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้เจอพวกคุณอีกไหม เพราะไม่รู้ว่าจะเจอประตูนั้นอีกเมื่อไหร่"
เอริน่าไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มบาง ก่อนจะยื่นมือมาจับมือเมิ่งซิน แล้วเขียนอักษรบางอย่างลงบนนั้น ᛞᛟᛟᚱ อักษรโบราณสว่างขึ้นชั่วขณะ แล้วค่อยๆ เลือนหายไป... เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
^เอริน่า:นี่คืออักษรรูนพิเศษ ถ้ามีประตูที่นำกลับมาที่นี่ใกล้ตัวเจ้า อักษรนี้จะสว่างขึ้นอีกครั้ง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเราจะได้พบกันอีกไหม แต่ถ้าได้พบกันอีก... หวังว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้^
"เมิ่งซิน:คิดเหมือนกันเลย..."
เมิ่งซินยกแขนขึ้น แบกว้างออกเล็กน้อยคล้ายขออ้อมกอด ทั้งเอริน่าและจิมมี่ก็ไม่ลังเล เดินเข้าไปกอดลาอย่างอบอุ่น
"เมิ่งซิน:ไว้เจอกันใหม่นะ"
"จิมมี่:ไว้เจอกันใหม่ขอรับ"
^เอริน่า:เช่นกัน... ไว้เจอกันใหม่^
หลังจากนั้น เอริน่าก็สั่นกระดิ่งในมือเบาๆ
"กริ่งๆ... กริ่งๆ..."
เสียงนั้นสะท้อนในห้องสมุดก่อนที่ชั้นหนังสือจะเริ่มเคลื่อนที่ พวกมันจัดตัวเรียงเป็นเส้นทางหนึ่งตรงไปยัง ‘ทางออก’
เมิ่งซินเดินตามทางนั้นช้าๆ ก่อนจะหยุดแล้วหันกลับไปมองทั้งสองคนอีกครั้ง ราวกับต้องการจดจำช่วงเวลานี้ไว้ให้ชัดที่สุด
เธอไม่พูดอะไรอีก... แค่ยิ้ม แล้วหันหลังเดินจากไป
"จิมมี่:หวังว่าเธอจะกลับมาเร็วๆ นี้นะ ไม่งั้น... ข้าคงเหงาแน่ๆ"
^เอริน่า:ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมไม่ตามไปดูเธอล่ะ?^
"จิมมี่:ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน! เว้นแต่จะร่ายคาถาสอดแนมไว้ด้วยอักษรรูน..."
^เอริน่า:...^
"จิมมี่:อย่าบอกนะว่า... ท่านทำไปแล้ว!?"
^เอริน่า:อาหะ^
"จิมมี่:ตอนไหนล่ะนั่น!"
^เอริน่า:ตอนกอดลาไง^
"จิมมี่:เฮ้อ... ท่านนี่รู้ใจข้าจริงๆ ไปดูกันเถอะ!"
ทั้งสองหันไปที่ลูกแก้วคริสตัล และฉายภาพของเมิ่งซินกำลังเดินจากไปอย่างไม่รู้ตัว... ปรากฏชัด
"เมิ่งซิน:เอ๊ะ... รู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่เลยแฮะ"
เมิ่งซินก้าวเดินต่อช้าๆ สายตากวาดมองไปรอบทางเดินที่ไร้เสียง ไร้เงา...จนกระทั่งถึงสุดทาง
ตรงหน้าคือประตูบานเดิม—ประตูที่เคยไม่ยอมเปิดให้เธอไม่ว่าเธอจะพยายามยังไง
แต่ครั้งนี้...
มันเปิดออกอย่างง่ายดาย ราวกับกำลังรอเธออยู่
เมิ่งซินหยุดยืนมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะขยับร่างกายเดินไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล เธอก้าวผ่านประตูบานนั้นไป
ทันทีที่ข้ามผ่าน เธอก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่เดิม—บริเวณหน้าประตูก่อนเข้ามา
เธอรีบหันกลับไป
...แต่ไม่มีประตูอีกแล้ว
มีเพียงกำแพงที่ทำมาจากดินเหนียวและเย็ยเชียบพร้อมกับความเงียบงัน
เมิ่งซินจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเบาๆ
'เมิ่งซิน:แค่ประตูหายไป...ไม่เห็นจะน่าตกใจเท่าสิ่งที่ฉันเจอข้างในนั่นเลย'
เธอหันกลับไปข้างหน้าอีกครั้ง ดวงตาเริ่มกลับมามีแววมั่นใจ
"เมิ่งซิน:เอาล่ะ! กลับกันเถอะ"
"เมิ่งซิน:เปิดใช้งานฉายานักวิ่ง เปิดใช้งานสกิลเร่งความเร็ว เร่งความเร็ว 2 เท่า เพิ่มมูฟเมนต์ เพิ่มการตอบสนอง แล้วก็ ควบคุมลมหายใจ!"
ทันทีที่คำสั่งถูกเอ่ยจบ ร่างของเมิ่งซินก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว
เส้นทางที่เธอเคยใช้ผ่านมาก่อนถูกเหยียบซ้ำอย่างรวดเร็ว แรงลมแหวกผ่านสองข้างตัว เธอรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี
...จนกระทั่ง
!!!"โฮ้ง! โฮ้ง! โฮ้ง!"!!!
เสียงเห่าดังไล่หลังมาเป็นจังหวะชัดเจน
'เมิ่งซิน:เสียงเห่า? โคลโบลละมั้ง วิ่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เลิกตามเองแหละ'
เมิ่งซินยังคงไม่สนใจ เธอรู้ดีว่าเสียงพวกนี้มักจะตามมาเป็นแค่ช่วงสั้นๆก่อนถอดใจ
แต่แล้ว...เสียงนั้นยังคงดังตามมาไม่ขาดสาย แถมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
...มันเร็วกว่าที่เธอจำได้จากโคลโบลธรรมดา
ความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอขมวดคิ้ว
'เมิ่งซิน:แปลก...เสียงฝีเท้ามันหนักกว่าโคลโบลนะ...?'
ในที่สุดเธอก็หันกลับไปมอง
"เมิ่งซิน:! เดี๋ยวนะ...นั่นไม่ใช่โคลโบลนิ!?"
"เมิ่งซิน:นั่นมันหมาป่า?! ที่นี่มีหมาป่าด้วยเหรอ!"
สายตาเธอมองเห็นชัด—หมาป่าขนสีเทา 4 ตัว กำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วอย่างกับติดบัฟ
ฟันแหลม น้ำลายย้อย และดวงตาเปล่งแสงสีเหลือง แหลมคม... พวกมันไม่ได้วิ่งเล่น พวกมัน "ล่า"
'เมิ่งซิน:ถ้ายังวิ่งหนีไปเรื่อยๆแบบนี้ มีหวังโดนพวกมันไล่ทันแน่... ฉันต้องหันกลับไปสู้'
เธอชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับภัยที่กำลังไล่ตาม มือขวาคว้ากริชที่ชโลมพิษไว้แน่น — ปลายคมสะท้อนแสงวูบหนึ่งราวกับประกาศศึก
หมาป่าตัวหน้าไม่ได้ชะลอความเร็วแม้แต่น้อย มันกระโจนอ้าปากกว้าง เผยเขี้ยวเปื้อนน้ำลายตรงมายังเธอ
เมิ่งซินย่อตัวต่ำ มือซ้ายเสยเข้าคางมันเต็มแรง —
*ผัวะ!*
ร่างของมันสะบัดหน้าหงาย ก่อนที่เธอจะไม่รอช้า กริชในมือขวาแทงสวนขึ้นตรงใต้ท้องอย่างแม่นยำ
*ฉัวะ!*
ร่างของมันชะงักไป ก่อนจะถูกเมิ่งซินืทีบกลับไปด้านหลังทันที
ร่างของมันกลิ้งลงไปกับพื้น ก่อนจะดิ้นพล่าน
"หมาป่า:เอ็ง! เอ็ง!"
มันร้องด้วยเสียงแหบต่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ส่วนหมาป่าอีกสองตัวทั่ตามก็วิ่งผ่านมันไปโดยไม่สนใจ ราวกับมันไม่เคยอยู่ตรงนั้น
เมิ่งซินเบี่ยงตัวหลบตัวแรกได้อย่างง่ายดายด้วยความเร็วของเธอ ก่อนจะคว้าคอของตัวถัดไปด้วยมือซ้ายและ *ฟาด* มันลงกับพื้นด้วยแรงเหวี่ยง
เธอหันกลับไปอย่างไว — เจ้าตัวที่เธอหลบไว้ก่อนหน้านั้นยังอยู่ และหันมาเผชิญหน้ากับเธอ
แต่แล้ว... หมาป่าตัวสุดท้ายก็ตามมา มันตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม และที่สำคัญ — มันไม่ได้แสดงท่าทีจะโจมตีเลย
เมิ่งซินเหลือบตามองก่อนจะลดความระวังลงเล็กน้อย แต่ไม่ละสายตาจากพวกมัน เจ้าหมาป่าตัวนั้นจ้องเธอกลับมาเช่นกัน
ทั้งคู่ค่อยๆ เคลื่อนไหว วนรอบกันอย่างระวัง เมิ่งซินเดินไปทางซ้าย เจ้าหมาป่าเดินไปทางขวา ทั้งคู่ไม่ยอมให้หลังเปิด
เมื่อสลับตำแหน่งกันได้ เจ้าหมาป่าก็ส่งเสียงขู่ต่ำ
"หมาป่า:กรร~!!"
เมิ่งซินตั้งท่าอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่เจ้าหมาป่ากลับไม่ขยับเข้ามา มันขู่... แค่ขู่
'เมิ่งซิน:มันเอาแต่ขู่ แต่ไม่โจมตีเลย... หรือว่า—'
เธอค่อยๆ ถอยหลังออกมา
หมาป่าก็ลดเสียงขู่ลงทันที
เมิ่งซินเข้าใจในทันที
'เมิ่งซิน:มันขู่ไล่... แสดงว่ามันไม่คิดจะตามแน่ ถ้าอย่างนั้น—'
เธอค่อยๆ ถอยออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ พอเห็นว่าพวกมันยังอยู่ที่เดิม เธอก็หันหลังกลับและออกตัววิ่งทันที
เมื่อหันกลับมามอง พวกมันก็ยังไม่ขยับตาม
"เมิ่งซิน:ฟู่ว~... นึกว่าจะซวยกว่านี้ซะอีก แค่นี้ก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ"
จากผู้แต่ง
ทำไมมีหมาป่าหว่า ตอนอยู่ในห้องสมุดเมิ่งซินพลาดอะไรไปน่อ อ้อใช้ทำไมหมาป่ามันไม่ไล่เมิ่งซินต่อ เพราะตอนนี้เมิ่งซินนั้นไม่ใช่เหยื่อที่คุ่มค่าที่จะล่าแล้ว มันเลยแค่ไล่ไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ