น้องใหม่

8.8

เขียนโดย Mawmeaw

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21.29 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  14 วิจารณ์
  5,096 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2562 19.12 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 

 
ที่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
 
วรินดา กำลังเดินเข้าไปในภายในมหาวิทยาลัย วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 อย่างเธอ
 
เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ขณะกำลังจะเดินไปเข้าห้องเรียนเพื่อเรียนวิชาแรกของวันนี้ เสียงห้วนๆของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ
 
“เดี๋ยวก่อน เธอทำหนังสือหล่นแน่ะ”
 
วรินดา หันหลังกลับไป พบนักศึกษาชายคนหนึ่ง หน้าตาท่าทางดุดัน เธอแอบคิดในใจว่า
 
“มาวันแรก ก็ได้เจอกับองค์คุลีมาลซะแล้วเหรอเนี่ยเรา”
 
เขาถือหนังสือของเธอไว้ในมือและนำมันมายื่นให้กับเธอ
 
วรินดาได้แต่พูดว่า
 
“เอ่อ... ขอบคุณมากนะคะ”
 
พูดจบ เธอก็รีบรับหนังสือของเธอมาและรีบเดินไปเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็วทันที
 
ในห้องเรียน
 
วรินดา กำลังมองหาที่นั่งอยู่ จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากใครคนหนึ่งดังขึ้นมา ว่า
 
“เธอเรียนคณะศิลปกรรมเหมือนฉันใช่มั๊ย มานั่งนี่สิ”
 
วรินดา ตัดสินใจเดินไปนั่งตามคำชวน เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ที่อย่างน้อยก็ได้นั่งเรียนใกล้ๆกับเพื่อนคณะเดียวกัน
 
ถึงแม้จะยังไม่ได้ทำความรู้จักกันก็ตามที
 
ขณะกำลังนั่งเรียนไปได้สักพัก คนที่นั่งข้างๆเธออีกด้านหนึ่งยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้เธอ
 
ขณะที่เพื่อนที่ชวนเธอมานั่งทีแรกลุกไปเข้าห้องน้ำ ในกระดาษเขียนด้วยลายมือขยุกขยิกว่า
 
“คนที่ชวนเธอมานั่งด้วย ยัยนี่มันเป็นทอม รู้ไว้ซะด้วย อยู่ห่างๆยัยนี่ไว้ ถ้าไม่อยากโดนตบ”
 
เมื่ออ่านข้อความในกระดาษที่เขียนไว้จบ วรินดาหันไปมองหน้าผู้ที่ส่งมันมาให้เธอ
 
พบว่าเป็นคนๆเดียวกันกับคนที่ช่วยเก็บหนังสือที่เธอทำหล่นเมื่อเช้านี้ให้เธอนั่นเอง
 
ที่โรงอาหาร
 
วรินดานั่งรับประทานอาหารเที่ยงเพียงลำพัง เนื่องจากยังไม่มีเพื่อนใหม่เลย
 
ขณะกำลังลงมือรับประทานอาหารอยู่นั้น มีนักศึกษาสาวกลุ่มหนึ่งเดินมายังโต๊ะของเธอ และพูดขึ้นว่า
 
“คิดว่าเป็นน้องใหม่ แล้วจะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตารุ่นพี่อย่างพวกฉันได้งั้นเหรอ นี่มันโต๊ะประจำของพวกฉันนะ ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเจอดีแน่”
 
วรินดาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทำอะไรไม่ถูก แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่ง ดังแทรกขึ้นมา ว่า
 
“นี่พวกคุณไม่มีอะไรทำกันแล้วเหรอ ถึงชอบหาเรื่องคนอื่น ด้วยเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นน่ะ”
 
พวกสาวๆกลุ่มนั้น หยุดชะงักและมีท่าทางกลัวรนรานอย่างเห็นได้ชัด พวกเธอก้มหน้าก้มตาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวกัน แล้วค่อยๆล่าถอยออกไปจากบริเวณนั้นทันที
 
ขณะที่วรินดากำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ เขาคนนั้นที่มาช่วยเธอไว้ก็ได้เดินจากไปเสียแล้ว
 
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน
 
วรินดากำลังนั่งรอรถโดยสารอยู่หน้ามหาวิทยาลัย รถวิ่งมาจอดพอดี
 
เธอก้าวขึ้นไปได้ถึงเพียงบันไดรถเท่านั้น รถแน่นมาก ขณะที่เธอกำลังยืนเก้ๆกังๆอยู่นั้น
 
คนขับก็ออกรถไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเสียหลักเกือบจะหล่นลงไปยังพื้นถนนเบื้องล่างอยู่แล้ว
 
แต่ทว่ามีมือใครคนหนึ่งคว้าตัวเธอไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด
 
เมื่อวรินดาหันไปหาคนที่ช่วยเธอไว้และกำลังจะกล่าวขอบคุณเขา
 
เธอก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อพบว่า เขาเป็นคนๆเดียวกันกับคนที่ช่วยเก็บหนังสือที่เธอทำหล่นเมื่อเช้านี้ให้เธอนั่นเอง
 
ที่ร้านอาหารหน้าปากซอย
 
วรินดาแวะมาที่ร้านอาหารแห่งนี้หลังกลับจากมหาวิทยาลัยแล้ว
 
วันนี้คนแน่นร้านเป็นพิเศษ โชคดีที่ยังมีโต๊ะเหลือว่างอยู่โต๊ะเหนึ่ง
 
เธอสั่งอาหารและมานั่งรออยู่ที่โต๊ะ ขณะรอก็อ่านหนังสือพิมพ์ที่ทางร้านจัดไว้ให้ไปพลางๆด้วย
 
ขณะนั้นมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาในร้าน และเด็กเสิร์ฟในร้านแจ้งกับลูกค้ารายใหม่ไปว่า
 
“ขอโทษจริงๆนะคะ พอดีว่าไม่มีโต๊ะว่างเหลือแล้วค่ะ แต่…เดี๋ยวรอสักครู่ก่อนนะคะ”
 
เด็กเสิร์ฟในร้านเดินตรงมาที่โต๊ะของวรินดาและพูดขึ้นว่า
 
“ขอโทษนะคะ พอดีมีลูกค้าที่เข้ามาใหม่คนหนึ่ง เขายังไม่มีที่นั่ง ถ้าดิฉันอยากจะขอรบกวนให้เขามานั่งที่นี่กับคุณจะสะดวกมั๊ยคะ”
 
วรินดา ตอบไปทันทีตามนิสัยเด็กมีน้ำใจ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องพาดหัวข่าวเด่นบนหนังสือพิมพ์ไป ว่า
 
“ค่ะ เชิญได้เลย ตามสบายค่ะ”
 
หลังจากนั้นดูเหมือนเด็กเสิร์ฟ จะพาเขาเข้ามาที่โต๊ะที่วรินดานั่งอยู่ และพูดว่า
 
“ขออภัยจริงๆนะคะคุณ พอดีร้านเราไม่มีโต๊ะสำรอง เลยต้องรบกวนคุณมานั่งกับลูกค้าคนนี้ไปก่อนนะคะ”
 
เสียงผู้มาใหม่พูดขึ้นว่า
 
“ได้ ไม่มีปัญหา ขอบใจมากนะน้อง”
 
วรินดารู้สึกคุ้นหูกับน้ำเสียงของลูกค้าผู้มาใหม่จึงละสายตาจากหนังสือพิมพ์ชั่วครู่
 
และเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่ และพบว่าเขาเป็นคนๆเดียวกันกับคนที่ช่วยเก็บหนังสือที่เธอทำหล่นเมื่อเช้านี้ให้เธอนั่นเอง
 
ที่หอพัก
 
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่มีหมายเลขแปลกๆโชว์ขึ้นที่หน้าจอ
 
หลังจากวรินดากดรับสายแล้ว ทางปลายสายกรอกเสียงกลับมาว่า
 
"สวัสดีวรินดา ฉันชื่อ ฟ้า เป็นหัวหน้าชั้นปีที่ 1 คณะศิลปกรรมศาสตร์"
 
"ภายในวันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปตามหาพี่รหัสให้พบและรายงานตัวกับพี่รหัสของเธอให้ได้ พี่รหัสของเธอรหัส 129..."
 
รุ่งเช้า ที่มหาวิทยาลัย
 
เพื่อนๆต่างก็ได้เริ่มตามหาพี่รหัสและไปรายงานตัวกับพี่รหัสกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว
 
แต่ทว่า วรินดายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปหาพี่รหัส 129 ของเธอได้ที่ไหน ไม่มีแม้แต่คำบอกใบ้ใดๆแก่เธอเลย
 
เนื่องจากเธอเป็นเด็กใหม่ที่ยังเข้ากับใครๆไม่ได้ แม้แต่เพื่อนในชั้นปีเดียวกันกับเธอเองก็ตาม
 
เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างหมดหวัง คิดว่าคงหาพี่รหัสไม่เจอภายในวันนี้เป็นแน่
 
เธอจึงตัดสินใจนั่งพักที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวหนึ่งเพื่อเอาแรง หลังจากเดินหาพี่รหัสจนทั่วทั้งคณะมาแล้วรอบหนึ่ง
 
บังเอิญขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันดังมาจากโต๊ะใกล้ๆกันนี้ว่า
 
“นี่ๆนายบอย เมื่อไหร่น้องรหัส 129 ของนายจะมาตามสักทีล่ะ น้องของพวกเรามาตามและมารายงานตัวกันจนเกือบจะครบทุกคนแล้วนะ”
 
ยังไม่ทันที่ผู้ถูกถามจะตอบ จู่ๆวงสนทนาก็แทบแตกกระเจิงไป เมื่อมีเสียงใสๆดังแทรกขึ้นมาว่า
 
“สวัสดีค่ะพี่บอย รหัส 129 หนูชื่อวรินดา รหัส 129 เป็นน้องรหัสตรงของพี่ค่ะ หนูชื่อเล่นว่า ดา ค่ะ มาจาก…”
 
หลังจากการรายงานตัวของน้องใหม่สิ้นสุดลง
 
วรินดาแทบช็อค เมื่อพี่รหัสที่อยู่ตรงหน้าเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
 
และเธอเห็นหน้าพี่รหัสของเธอชัดเจนเต็มสองลูกกะตาเป็นครั้งแรก
 
"สวัสดีครับน้องดา น้องรหัสตรงของพี่ ความจริงน้องได้รายงานตัวกับพี่แล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า"
 
"เพราะพี่เป็นคนเก็บหนังสือที่น้องทำหล่นขึ้นมา และบังเอิญเห็นชื่อและรหัสที่หน้าปกว่า วรินดา(ดา) รหัส 129" 
 
"ดังนั้นน้องเป็นคนแรกที่หาพี่รหัสที่สุดแสนจะหายากคนนี้อย่างพี่เจอ เพราะฉะนั้นเที่ยงนี้พี่จะพาไปเลี้ยงข้าว"
 
"เราไปทานข้าวที่ร้านหน้าปากซอยที่เป็นร้านโปรดกันดีกว่านะน้องดา พี่รู้สึกว่าเราสองคนมีอะไรที่คล้ายๆกันอยู่นะ”
 
เมื่อได้ฟังพี่รหัสพูดจบ วรินดา ได้แต่ยืนอึ้ง อึ้ง และอึ้ง ด้วยความคาดไม่ถึง เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
 
ตอนนี้เธอแทบทำหน้าไม่ถูกเลย เมื่อพี่รหัสตรงของเธอยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรและเป็นรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา ตั้งแต่มาเป็นน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
 
เป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่าพี่รหัสของเธอเป็นยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนซะอีก ไม่ใช่เป็นองค์คุลีมาลอย่างที่เธอแอบคิดไปตั้งแต่ทีแรกซะแล้วล่ะ
 
และรอยยิ้มที่สื่อความหมายมากกว่าความเอ็นดูน้องรหัสนั่นอีกล่ะ ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยวรินดา อิอิ เขินจังเลยแฮะเรา...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา