คล้ายๆแต่ไม่ใช่
5.5
1) คล้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่่มันไม่ใช่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครที่จะหยุด ยั้งมันได้สักคน แต่ คนเราสามารถที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเวลาที่ผ่านไป
และเรา เรียกมันว่า ประสพการณ์ชีวิต เวลาเดียวกัน คนแต่ละคนสามารถ เรียนรู้ได้ต่างกัน สถานที่เดียวกัน คนแต่ละคนสามารถเรียนรู้ได้ต่างกัน สถานการณ์ เดียวกันคนแต่ละคนสามารถเรียนรู้ได้ต่างกัน " คล้ายๆแต่มันไม่ใช่ "
ชีวิตคนเรามีความผูกพันธ์เป็นตัวยึดติด หรือฉุดดึงเราไว้ให้อยู่กับปัจจุบัน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่เรามักดิ้นรนและพยายามที่จะหนีความเป็นปัจจุบัน หรือที่เราเรียกมันว่าความจริง(ของชีวิต)
คนบางคนคิดถึงอดีต คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจ หรือเลวร้ายในความทรงจำ แต่คนเราก็ยังยึดตัดกับมัน ยังให้มันมีผลต่อปัจจุบันของเรา
ความผิดพลาดในกาลที่ผ่านมามันน่าจะเป็นแค่บทเรียนและเป็นการสั่งสมประสพการณ์มากกว่าที่จะเป็นตัวกำหนดชีวิตในปัจจุบันของเรา ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว เมื่อตายไปก็หมดกันไป แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามาสิมันมากมายกว่าหนึ่ง เราน่าจะเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้และกระทำแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดแก่ชีวิตเรา ครอบครัวเรา สังคมเรา ประเทศของเราและโลกใบนี้
"โดยใช้เวลาที่ผ่านมา ใช้ประสพการณ์ที่ผ่านมา มาเป็นแนวทางและเรียนรู้จากมัน"
และคนเราอีกมากเหมือนกัน เอาความฝัน หรือที่เรียกว่าอนาคต มาหลอกตัวเอง เพ้อฝันไปกับสิ่งที่คิด เพ้อฝันถึงความต้องการความอยากได้ และอยากเป็น
ถ้าฝันของเรามีพื้นฐานมาจากความจริงและความเป็นไปได้ในปัจจุบัน เป็นฝัน ที่เกิดจากการใช้อดีตที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดทิศทางของฝัน เป็นตัวชี้วัดหรือระดับของความฝันของเรา เมื่อวันนั้นมาถึงฝันของเราคงเป็นไปได้ไม่ยาก
แต่ถ้าหากฝันที่เกิดจากความอยาก อยากได้ อยากมี เหมือนคนอื่น ฝันนี้ คือฝันอันตราย
อันตรายต่อตัวเรา ต่อสังคม ฝันที่มีแต่ความต้องการ ฝันที่มีแต่ความอยากได้ "ต้องทำทุกอย่างให้ฝันเป็นจริง" แล้วอะไร จะหยุดยั้งได้ แม้แต่คุณธรรมและความดี
การโกหก : การโกหกเป็นพื้นฐานของความชั่วทั้งมวล ทำไมถึงได้กล่าวเช่นนี้ ความอยากได้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันมีความจำเป็นหรือไม่ ไม่ได้คำนึงแต่ถ้าอยากได้ขึ้นมาวิธีที่ต้องได้มาคือ สร้างสถานการณ์ หลอกตัวเอง หลอกว่า"สิ่งนี้มันสำคัญและจำเป็นมากๆสำหรับเรา" ขั้นตอนต่อจากนั้นคือหลอกคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ อาจจะหลอกแค่ หนึ่งคน 2 คน 3 คน 4 คน หรือมากกว่านี้ บางครั้งหลอกได้เป็นร้อยๆ คน เพื่อสนองความอยากได้
น้ำใสๆไหลรินผ่านม่านตาไหลลงทางหางตาทั้งสองข้างที่แสดงให้เห็นว่าผ่านวันเวลา และการใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มีอยู่ทั่วใบหน้าและทุกส่วนของร่างกาย
มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ร่างกายที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตัวเองได้เลย จิตใจห่อเหี่ยวเมื่อคิดไปถึงอดีตที่ผ่านมาแล้วของตัวเอง
"คุณยาย คิดมากอีกแล้วน่ะค่ะ แพรบอกแล้วงัยค่ะ ว่าทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว และก็ไม่มีใครคิดถึงมันอีกแล้วหล่ะค่ะ ทุกคนลืมมันไปหมดแล้ว คุณยายนอนพักผ่อนน่ะค่ะ เดี่ยวตอนบ่ายๆคุณหมอนรินทร์ จะมาดูอาการคุณยาย น่ะค่ะ"
"ยายไม่อยากนอนเลย แพรวา ยายกลัวว่านอนไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก"
"คุณยายยังแข็งแรงดีอยู่ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงน่ะค่ะ นอนพักผ่อนเยอะๆค่ะ ตื่นมาจะได้สดชื่น"
################
แสงแดดยามบ่ายที่ให้แสงสว่างมากกว่าความร้อนแผ่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ของนักธุระกิจรุ่นใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้ที่ประสพผลสำเร็จในงานธุระกิจส่งออกอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่มาบัดนี้เขามีเพียงรถเข็นคันเล็กๆที่ใช้นั่งเพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองและยังต้องอาศัยคนอื่นเป็นผู้เครื่อนย้าย
"เนตรดาว อย่าโกรธพี่เขาเลยน่ะลูก มันเป็นความผิดของพ่อเองทั้งหมด"
"ดาวไม่คิดอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ คุณพ่อสบายใจเถอะ"
"ได้ยินลูกพูดแบบนี้พ่อก็สบายใจ "
"ค่ะ"
หญิงสาว รับปากผู้เป็นพ่อน้ำเสียงเป็นปกติแต่ส่วนลึกของจิตใจก็ยังอดรู้สึกเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เพีื่อความสบายใจของผู้ที่เป็นพ่อ
หล่อนต้องเข้มแข็ง นี่คือสิ่งที่หล่อนย้ำกับตัวเองตลอดมาช่วง 3-4 เดือนมานี้
และเรา เรียกมันว่า ประสพการณ์ชีวิต เวลาเดียวกัน คนแต่ละคนสามารถ เรียนรู้ได้ต่างกัน สถานที่เดียวกัน คนแต่ละคนสามารถเรียนรู้ได้ต่างกัน สถานการณ์ เดียวกันคนแต่ละคนสามารถเรียนรู้ได้ต่างกัน " คล้ายๆแต่มันไม่ใช่ "
ชีวิตคนเรามีความผูกพันธ์เป็นตัวยึดติด หรือฉุดดึงเราไว้ให้อยู่กับปัจจุบัน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่เรามักดิ้นรนและพยายามที่จะหนีความเป็นปัจจุบัน หรือที่เราเรียกมันว่าความจริง(ของชีวิต)
คนบางคนคิดถึงอดีต คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจ หรือเลวร้ายในความทรงจำ แต่คนเราก็ยังยึดตัดกับมัน ยังให้มันมีผลต่อปัจจุบันของเรา
ความผิดพลาดในกาลที่ผ่านมามันน่าจะเป็นแค่บทเรียนและเป็นการสั่งสมประสพการณ์มากกว่าที่จะเป็นตัวกำหนดชีวิตในปัจจุบันของเรา ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว เมื่อตายไปก็หมดกันไป แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามาสิมันมากมายกว่าหนึ่ง เราน่าจะเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้และกระทำแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดแก่ชีวิตเรา ครอบครัวเรา สังคมเรา ประเทศของเราและโลกใบนี้
"โดยใช้เวลาที่ผ่านมา ใช้ประสพการณ์ที่ผ่านมา มาเป็นแนวทางและเรียนรู้จากมัน"
และคนเราอีกมากเหมือนกัน เอาความฝัน หรือที่เรียกว่าอนาคต มาหลอกตัวเอง เพ้อฝันไปกับสิ่งที่คิด เพ้อฝันถึงความต้องการความอยากได้ และอยากเป็น
ถ้าฝันของเรามีพื้นฐานมาจากความจริงและความเป็นไปได้ในปัจจุบัน เป็นฝัน ที่เกิดจากการใช้อดีตที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดทิศทางของฝัน เป็นตัวชี้วัดหรือระดับของความฝันของเรา เมื่อวันนั้นมาถึงฝันของเราคงเป็นไปได้ไม่ยาก
แต่ถ้าหากฝันที่เกิดจากความอยาก อยากได้ อยากมี เหมือนคนอื่น ฝันนี้ คือฝันอันตราย
อันตรายต่อตัวเรา ต่อสังคม ฝันที่มีแต่ความต้องการ ฝันที่มีแต่ความอยากได้ "ต้องทำทุกอย่างให้ฝันเป็นจริง" แล้วอะไร จะหยุดยั้งได้ แม้แต่คุณธรรมและความดี
การโกหก : การโกหกเป็นพื้นฐานของความชั่วทั้งมวล ทำไมถึงได้กล่าวเช่นนี้ ความอยากได้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันมีความจำเป็นหรือไม่ ไม่ได้คำนึงแต่ถ้าอยากได้ขึ้นมาวิธีที่ต้องได้มาคือ สร้างสถานการณ์ หลอกตัวเอง หลอกว่า"สิ่งนี้มันสำคัญและจำเป็นมากๆสำหรับเรา" ขั้นตอนต่อจากนั้นคือหลอกคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ อาจจะหลอกแค่ หนึ่งคน 2 คน 3 คน 4 คน หรือมากกว่านี้ บางครั้งหลอกได้เป็นร้อยๆ คน เพื่อสนองความอยากได้
น้ำใสๆไหลรินผ่านม่านตาไหลลงทางหางตาทั้งสองข้างที่แสดงให้เห็นว่าผ่านวันเวลา และการใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มีอยู่ทั่วใบหน้าและทุกส่วนของร่างกาย
มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ร่างกายที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตัวเองได้เลย จิตใจห่อเหี่ยวเมื่อคิดไปถึงอดีตที่ผ่านมาแล้วของตัวเอง
"คุณยาย คิดมากอีกแล้วน่ะค่ะ แพรบอกแล้วงัยค่ะ ว่าทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว และก็ไม่มีใครคิดถึงมันอีกแล้วหล่ะค่ะ ทุกคนลืมมันไปหมดแล้ว คุณยายนอนพักผ่อนน่ะค่ะ เดี่ยวตอนบ่ายๆคุณหมอนรินทร์ จะมาดูอาการคุณยาย น่ะค่ะ"
"ยายไม่อยากนอนเลย แพรวา ยายกลัวว่านอนไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก"
"คุณยายยังแข็งแรงดีอยู่ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงน่ะค่ะ นอนพักผ่อนเยอะๆค่ะ ตื่นมาจะได้สดชื่น"
################
แสงแดดยามบ่ายที่ให้แสงสว่างมากกว่าความร้อนแผ่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ของนักธุระกิจรุ่นใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้ที่ประสพผลสำเร็จในงานธุระกิจส่งออกอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่มาบัดนี้เขามีเพียงรถเข็นคันเล็กๆที่ใช้นั่งเพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองและยังต้องอาศัยคนอื่นเป็นผู้เครื่อนย้าย
"เนตรดาว อย่าโกรธพี่เขาเลยน่ะลูก มันเป็นความผิดของพ่อเองทั้งหมด"
"ดาวไม่คิดอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ คุณพ่อสบายใจเถอะ"
"ได้ยินลูกพูดแบบนี้พ่อก็สบายใจ "
"ค่ะ"
หญิงสาว รับปากผู้เป็นพ่อน้ำเสียงเป็นปกติแต่ส่วนลึกของจิตใจก็ยังอดรู้สึกเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เพีื่อความสบายใจของผู้ที่เป็นพ่อ
หล่อนต้องเข้มแข็ง นี่คือสิ่งที่หล่อนย้ำกับตัวเองตลอดมาช่วง 3-4 เดือนมานี้
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ