Fiction Rewrite
9.3
1) My heart is all yours
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMy heart is all yours (หัวใจผมเป็นของคุณ)
ภายใต้คฤหาสน์หลังงามของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เขาเป็นเจ้าพ่อที่หลายต่อหลายคนเกรงขามและเลื่อมใสศรัทธา เสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนนับร้อยคุยกันดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน ใช่แล้ว...นี่เป็นงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ของบ้านหลังนี้...
สักพักชายร่างโปร่งอายุกลางๆคนก็เดินออกมาต้อนรับแขกเหรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จะมีรอยตีนกาผุดขึ้นบนใบหน้าตามอายุและกาลเวลาแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ราศีของคน(เคย)หล่อลดลง...
“สวัสดี...ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานหมั้นของลูกสาวผม” เขาผายมือต้อนรับอย่างไม่ถือตัวแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่เขาก็ไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ผิดแม้แต่น้อย....และนี่เป็นงานหมั้นของลูกสาวสุดที่รักของเขากับผู้ชายที่เขาได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะให้เป็นผู้ดูแลลูกสาวผู้บอบบางอย่างเธอ
“คุณหนูต้องสวยมากๆแน่เลยค่ะ”
“ฮะๆ ลูกสาวฉันสวยอยู่แล้วล่ะ นี่แม่นม ไปช่วยรับแขกหน่อยไปคนเริ่มเยอะแล้ว แล้วก็ให้เฟิร์นไปตามยัยหนูลงมาด้วยล่ะ” คุณผู้ชายของบ้านสั่งการกับแม่นมคนเก่าคนแก่ของบ้านพร้อมๆกับที่สั่งให้หลานของแม่นมอย่างเฟิร์นไปตามว่าที่เจ้าสาวในอนาคตลงมาด้วย
“ค่ะ คุณท่าน”
.
.
.
ภายในห้องกว้างที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรู สีห้องเป็นสีส้มอ่อนๆตัดสลับกับเสียเขียวดูสดชื่นตา หากแต่เพียง...คนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องช่างดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย สาวร่างบางนั่งเท้าแขนกับเก้าอี้ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าทำผมตามใจชอบราวกับเธอเป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งเติม ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะมันเป็นคำสั่งของบุพการีที่รักของเธอ
“ทำไมคุณหนูไม่ยิ้มเลยค่ะ? ปกติงานมงคลแบบนี้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนก็ต้องยิ้มมีความสุขกันทุกคนนี่นา”
“ออกไปก่อนนะคะ”
เธอเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แววตาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน แทบไม่เหลือเค้าผู้หญิงที่เคยมีความสุขอยู่เลยก็ว่าได้ แต่ใบหน้าหวานล้ำ ริมฝีปากบางอมชมพู แก้มใสเจือด้วยสีแดงน้อยๆ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าได้อย่างสมดุล ยังคงเด่นชัดอยู่เสมอ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ การศึกษา สมควรแล้วที่เธอต้องแต่งงานกับลูกผู้รากมากดีเฉกเช่นเดียวกับเธอ
“แต่เดี๋ยวจะไม่ทันนะคะ”
“ขอร้องค่ะ...ขอฉันอยู่คนเดียวสักพัก”
“ก็ได้ค่ะ แต่คงได้แค่ครู่เดียวนะคะ เดี๋ยวดิฉันโดนคุณท่านเล่นงานค่ะ” เธอพยักหน้ารับก่อนที่ช่างแต่งหน้าคนนั้นจะออกไป ร่างบางนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ติดกับทางหลังบ้านด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เปล่าเลย ...เธอไม่มีความสุขสักนิดกับการที่ต้องหมั้นหมายกับคนที่ไม่รู้จักที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาแม้แต่น้อย เชื่อไหม? ขนาดชื่อแซ่ของเขาเธอยังไม่รู้เลย มีเพียงคนเป็นพ่อเท่านั้นที่รู้ดี รู้ดีหมดทุกอย่างและบางครั้งเรื่องของเธอเองเธอยังไม่รู้เลย
ชีวิตเธอถูกกำหนดไว้กับบิดา…
“นางฟ้า”
“....”
“นางฟ้า”
“....”
เสียงทุ้มๆคุ้นหูดังแว่วมาจากระเบียงด้านล่าง ร่างบางรีบลุกขึ้นไปดูด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ เธอจำได้ว่าเป็นเขา ต้องใช่เขาแน่ๆ.....คนรักของเธอ
“ทะ...โทโมะ!”เธอรีบปรี่ไปพยุงร่างที่ปีนบันไดไม้เก่าๆขึ้นมาทางระเบียงห้อง ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว หน้าตี๋หน่อยๆ ผมดำขลับเป็นเงางามปีนขึ้นมาพลางปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย เขาเป็นคนรักของเธอ เป็นคนที่เธอรักและหวังเหลือเกินว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขา และสิ่งที่เธอหวังมากที่สุดก็คือ...การให้บิดายอมรับในตัวคนรักของเธอ! แต่บัดนี้...มันไม่มีอีกแล้ว อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอต้องกลายไปเป็นคู่หมั้นคนอื่น คนที่เธอไม่รัก คนที่เธอไม่รู้จัก!!
“นางฟ้า...ผมมาทันใช่ไหม?”
“ฮึก...แก้วไม่อยากหมั้น ทำยังไง เราจะทำยังไงดี?!” เธอร้องไห้ฟูมฟายจนน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนไปโดนมาสคาร่าที่แพขนตางอน แปดเปื้อนไปทั่วแก้มใสที่บัดนี้เจือปนไปด้วยคราบเครื่องสำอาง ร่างสูงปาดน้ำตาและเช็ดคราบเครื่องสำอางออกให้จนหมดจดด้วยความรัก เขาส่งยิ้มอ่อนๆให้เธอ...
“ใจเย็นๆนะนางฟ้า...นางฟ้าควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? ที่ได้คู่ครองที่เหมาะสม ไม่เหมือนคนจนๆอย่างผม”
“พูดอะไรแบบนั้น โทโมะ! แก้วรักโทโมะ...ฮึก...ทำไมต้องเป็นแบ...ฮึก....ฮึก...” หัวใจที่เต้นถี่แรงในอกทำให้เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด มือบางยกกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยความปวดรนทรมาน โทโมะเบิกตากว้างอย่างตกใจกับอาการโรคหัวใจ? ที่กำเริบของเธอ
ใช่...เธอเป็นโรคหัวใจ ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ยอมผ่าตัดเสียที...
“แก้ว!...หายใจลึกๆ แบบนั้น....กินยาก่อนนะคนดี”เขาตระกองกอดแก้วด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยื่นเม็ดยาที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เขารู้ดี...แก้วกินยายากและมักจะหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องพกและคอยบังคับให้เธอกินอยู่เสมอๆ บ่อยครั้งที่อาการของเธอทรุดหนักเหตุเพราะไม่ยอมกินยาตามหมอสั่งนั่นเอง...
“ดื้ออีกแล้ว”
“หนีกัน!!”
เขาอึ้งตกใจกับท่าทางและความมั่นใจเด็ดเดี่ยวของเธอเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยขัดความต้องการของบิดา แต่ทำไมคราวนี้เธอถึงยอม ยอมได้ชื่อว่าเป็นลูกเนรคุณ!!
“อย่าทำแบบนั้นเลย ไม่เห็นใจคุณพ่อเหรอครับ อีกอย่างคนจะมองแก้วในทางที่ไม่ดี”
“แก้วไม่สน! โทโมะ.....รักแก้วไหม?”
“คำตอบนั้นแก้วรู้ดี”
“รักไหมมากไหม?”
“มากที่สุด”
“พาแก้วหนีไปที พาหัวใจของแก้วหนีไป.....”
พอกันทีกับการถูกบังคับ
พอกันทีกับการถูกกีดกันด้วยเหตุผลที่ว่า...
.
.
.
“ลูกแก้ว! ไอ้โทโมะมันมีดีอะไร...มันไม่คู่ควรกับลูกสักนิด บ้านมันจนก็จน จะมีปัญญาอะไรมาดูแลลูกสาวของพ่อได้ มันมีเกียรติอะไรที่จะมาเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลของเรา ไม่เหมือนตาป้อง ลูกชายเถ้าแก่เส็ง เขามีพร้อมทุกอย่าง” คนเป็นพ่อร่ายยาวอย่างภาคภูมิใจถึงลูกชายของเถ้าแก่เส็งหุ้นส่วนคนสำคัญของครอบครัวเธอ และอดที่จะค่อนคอดคนรักของเธออย่างเสียไม่ได้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง
จะมีบ้างไหม?ที่เธอจะใช้หัวใจของตัวเองตัดสิน...
“คุณพ่อค่ะ...เรารักกัน คุณพ่อก็ทราบ ได้โปรดเห็นใจเราด้วย”
“ดอกฟ้าจะลงไปเกลือกกลั้วกับหมาวัดได้ยังกัน!!...ลูกบอบบางเกิน และมันก็ไม่มีปัญญาดูแลลูกได้แน่ๆเชื่อพ่อ...หมั้นกับตาป้องซะ”
เธอเพิ่งรู้...เพิ่งรู้ว่าบิดาของเธอมองคนแต่เปลือกนอก จริงอยู่ที่บ้านของเขาจน เป็นเพียงร้านขายอาหารตามสั่งร้านเล็กๆข้างถนนในตลาด แต่คนจนกับคนรวยต่างก็หัวใจด้วยกันทั้งนั้น ถึงจะต่างกันทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ แต่คุณค่าความเป็นคนมันก็มีเท่ากันไม่ใช่หรือ?
พ่อของเธอหวังดี...เธอรู้ เขาเป็นผู้ให้กำเนิดก็จริง แต่ชีวิตมันเป็นของเธอ...
แต่จะให้ทำอย่างไร...ในเมื่อหัวใจของเธออ่อนแอเกิน เกินกว่าที่จะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง..
.
.
.
.
“ไปกับผมนะนางฟ้า...โทโมะจะดูแลนางฟ้าเอง” ร่างบางพยักหน้ารับทั้งน้ำตา เธอเชื่อใจเขาคนเดียว เชื่อใจเขาที่สุด เชื่อว่าเขาต้องมา และเขาก็มาจริงๆ....เขาพาเธอปีนลงบันไดด้วยความยากลำบาก 2 ร่างวิ่งลัดเลาะมาตามพงหญ้าข้างบ้านที่สูงท่วมหัวเป็นเกราะกำบังกายจากลูกน้องของบิดาเธอได้อย่างดีเยี่ยม
เสียงหญ้าดังสวบๆที่ถูกทั้งเขาและเธอเหยียบย่ำดังขึ้นจน เทเยอร์ สุนัขพันธุ์ดุที่บิดาของเธอเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเห่าขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติตามสัญชาติญาณของสุนัขเฝ้าบ้าน
“เห่าอะไร เจ้าเทเยอร์? เฮ้ย! นั่นใคร....ฉันถามว่าใคร?!”ชายร่างกำยำลูกน้องคนสนิทของเจ้าบ้านตะโกนถามเมื่อเห็นว่าสุนัขอย่างเจ้าเทเยอร์เห่าสีหน้าท่าทางของมันบอกตำแหน่งของสิ่งผิดปกติที่ซ่อนตัวอยู่ได้เป็นอย่างดี
2 ร่างหลับตาแน่นอดกลั้นแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า แก้วได้แต่เฝ้าวิงวอนคุณพระคุณเจ้าช่วยให้เธอกับคนรักปลอดภัย ร่างสูงกอดเธอไว้แน่นด้วยใจระทึกไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าปลายเท้าของใครคนนั้นเดินย่างเข้ามาหา
“อย่ากลัวนะแก้ว...เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
นาทีระลึกใจไม่เคยผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ความหวาดกลัวเริ่มครอบคลุมไปทั่วหัวจิตหัวใจของคนทั้งคู่ ถ้าถูกจับได้คราวนี้ เขาคงไม่มีวันได้พบกับนางฟ้าของเขาอีกตลอดชีวิต
ขอโทษ..ถ้าคนเดินดินคนนี้จะเห็นแก่ตัว....
“เฮ้ย! ไอ้เบิ้ม ไปทำห่าอะไรตรงนั้นว่ะ ไปช่วยในงานสิโว้ยยย!”เสียงลูกน้องอีกคนดังขึ้น ได้ผล..มันทำให้เขาละความสนใจจากคนที่แอบซ่อนในพงหญ้าหันไปกลับไปได้
“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ทันทีที่ลูกน้องทั้ง 2 ของเจ้าสัวใหญ่ละไป 2 ร่างก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งก่อนจะพากันออกมาจนได้ เขาพาเธอมายังบ้านเช่าเก่าคร่ำครึของเขาเพื่อเก็บสัมภาระเล็กน้อย เพราะแก้วเองก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยเลย มีเพียงกระเป๋าสตางค์ที่เธอฉวยคว้ามาได้ พอจะเป็นค่ารถ ค่ากินได้สักระยะ
โทโมะเก็บเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋าเป้ขาดๆจนเต็มก่อนจะรีบคว้าข้อมือหญิงสาวผู้เป็นดังดวงใจหนีไป
หนีไปที่ไหนก็ได้ ที่มีเพียงเขาและเธอ...
.
.
.
.
“อะไรนะ?! ยัยหนูหายตัวไป และคนที่พายัยหนูหนีคือไอ้กระจอกนั่น!!!” เจ้าสัวใหญ่สบถเสียงดังพลางตบหน้าลูกน้องเรียงคนด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ และคับแค้นใจ นอกจากเขาจะเสียลูกสาวไปแล้ว ยังต้องอับอายกับพิธีการที่ต้องล้มเลิกกลางคัน เหตุเพราะ ...ลูกสาวหนีตามผู้ชาย!!!
มันกล้ามากที่บังอาจไม่ยุ่งกับลูกสาวของเขา…
“เผาบ้านมัน...อย่าให้เหลือ แล้วพวกแกก็ไปตามลูกสาวฉันกลับมาให้ได้ ถ้าตามยัยหนูไม่เจอ ฉันจะฆ่าพวกแก!!”
เหล่าลูกน้องรับคำบัญชาจากผู้เป็นนายด้วยความเกรงกลัว แน่ละ...ใครๆก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น ต่อให้ต้องทำลายผู้อื่น ต้องทำให้เขาแยกจากกันก็ตาม อาจจะโดนประณามว่าไร้ซึ่งหัวใจพวกเขาก็ต้องทำ ลูกเมียที่บ้านยังคงรอเขาอยู่ เขาต้องทำ...
“ครับ นายท่าน”
ไม่นานนักคนทั้งตลาดก็ตื่นฮือกันใหญ่เนื่องจากควันไฟและเปลวไฟลุกลามมายังบ้านของตน เหล่าแม่ค้าแตกกระเจิงด้วยความหวาดกลัว บัดนี้บ้านของเขา ร้านของเขา ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...มีเพียงตอตะโกที่ยังคงหลงเหลือไว้เป็นที่น่าหดหู่ใจแก่ผู้พบเห็น...
“ฟังนะพวกแกทุกคน ใครรู้ว่าไอ้โทโมะพ่อค้ากระจอกๆ พาคุณหนูแก้วหนีไปไหนแล้วไม่ยอมบอก ระวังจะโดนดี! กลับโว้ย!พวกเรา”
.
.
.
.
ตึกๆ ๆๆ
เสียงล้อรถไฟกระทบรางมุ่งหน้าสู่หัวหิน ดินแดนที่เธอกับเขาจะสร้างครอบครัวอยู่ด้วยกัน รู้ดีว่ามันผิดทั้งจารีตและประเพณี หากแต่วันใด...บิดาของเธอยอมรับการตัดสินใจของเธอได้ วันนั้นเธอจะกลับไปอีกครั้ง...
“แก้ว...โทโมะจะดูแลแก้วให้ดีที่สุด อดทนหน่อยนะคนดี...ที่ที่เราจะไปอาจไม่สบายนัก....”
นิ้วเรียวแตะลงบนกลีบปากของเขาเป็นเชิงห้าม ไม่ว่าที่ที่นั้นจะลำบากข้นแค้นสักเพียงไหนเธอก็พร้อมจะไปกับเขา เขาเป็นเจ้าของชีวิตและหัวใจของเธอนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...
“ที่ไหนก็ได้...แค่มีเรา เราจะอยู่ด้วย...ฮึก...ไม่ทิ้งกันใช่ไหม? ตอบแก้วหน่อย ได้โปรด”ร่างบางสบหน้าร้องไห้กับอกกว้างของเขา มือสากกร้านงานหนักลูบไล้กลุ่มผมนุ่มหอมของคนในอ้อมกอดด้วยความรักสุดแสน ใครว่าเขาจะทิ้งเธอกันเล่า นางฟ้า...นางฟ้ายังคงบอบบางและน่าทะนุถนอมอยู่เสมอ
“อย่าร้องไห้ อย่าทำอะไรที่ทำร้ายหัวใจตัวเอง โทโมะไม่ทิ้งแก้วไปไหน? นอนพักเถอะนะแก้วเหนื่อยมามากแล้ว ถึงหัวหินแล้วผมจะปลุก”
เขาดึงเธอมาซบแนบอกพร้อมกอดไว้แน่นเพื่อแสดงให้เธอรู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีวันจะจากไปไหนอย่างแน่นอน เขารักเธอมากขนาดยอมแลกกับชีวิตของตัวเอง ยอมเสี่ยง ยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งโดนประณามหยามเกียรติและโดนดูถูกสารพัด...
เพียงเพราะรักคำเดียวแท้ๆ
สายลมแรงตามการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของยวดยานอาจทำให้ร่างบอบบางในอ้อมแขนที่กำลังหลับใหลไม่สบายเอาเสียง่ายๆ โทโมะถอดเสื้อคลุมสีกระดำกระด่างเนื่องจากถูกใช้งานมาหลายปีโอบร่างแก้วเอาไว้กันลม กันแดด
คุณหนูผู้บอบบางกับหมาวัดกร้านแดดลมจะไปด้วยกันได้หรือไม่?
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้...นอกจากหัวใจของเจ้าตัวทั้งคู่...
ฉึก ฉัก~
เสียงล้อรถไฟคันเก่าหยุดลงที่ชานชาลาแห่งหนึ่งที่สถานีหัวหิน ...
“ตื่นยังครับ นางฟ้า^^”
“อือ~”ร่างบางขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะเอ่ยถามเขา คำถามที่เธอเคยถามเขาเป็นร้อยๆรอบ
“ทำไมต้องเรียกนางฟ้าด้วย....บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว”
“แก้วเป็นนางฟ้า...ใจดี น่ารัก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามไม่ให้โทโมะเรียกนี่นา...บางที นางฟ้าอาจสูงส่งกว่าฝูงกาอย่างผมก็ได้”
“ถ้าเป็นนางฟ้าแล้วตัดสินชีวิตตัวเองไม่ได้ แก้วจะยอม...ยอมเป็นฝูงกา ไม่มีใครยกย่อง ไม่มีใครชื่นชม แต่มีชีวิตที่เป็นอิสระ ไม่มีเหตุผลอะไรที่แก้วจะเป็นกาไม่ได้เหมือนกัน^^”
“ยังไงนางฟ้าก็ยังคงเป็นนางฟ้าอยู่ยันวันยันค่ำ เอาล่ะ..เราไปกันเถอะเดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน ที่นี่ลมแรงเดี๋ยวแก้วจะไม่สบายเสียเปล่าๆ”
เขาพาเธอนั่งรถต่อไปอีกสักระยะจนมาถึงบ้านหลังเก่าโทรมๆหลังนึง รอบบ้านล้อมรอบไปด้วยต้นดอกแก้วที่ออกดอกบานสะพรั่งราวกับมันรอต้อนรับเขาและเธออยู่ก่อนหน้านี้ กลิ่นหอมรัญจวนของมันคละคลุ้งไปทั่วเนินบริเวณนั้น ร่างบางสูดอาการสดชื่นเข้าเต็มปอดด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกที่ได้รับการปลดปล่อย หากแต่เป็นนกที่มีปีกและสีสันสวยงามแต่จำต้องอยู่ในกรงทองของมหาเศรษฐี มีเพียงพื้นที่แคบๆ ไม่มีสิทธิ์จะได้ขยับปีกโบยบิน เธอขอยอมเป็นเพียงนกป่า ไร้ซึ่งที่อยู่สวยงามแต่มีความสุขกับอิสระที่จะได้ครอบครองชีวิตตนเอง นั้นคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว...
“นี่เป็นบ้านของยายผม มันไร้คนอาศัยมาเกือบๆ 10 นางฟ้าอยู่ได้ไหม?”
เขาหันมาถามเธอเมื่อเห็นสภาพบ้านที่เก่าคร่ำครึ หลังคามีรูรั่วอยู่หลายจุด หากฝนกระหน่ำลงมาละก็...คงไม่เหลืออะไรเป็นแน่
“ได้สิ...ที่ไหนก็ได้ ต่อให้แก้วต้องอยู่ข้างถนน แต่ถ้ามีโทโมะแก้วก็ยอม”
ร่างสูงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ เธอดีเกินเหตุ แล้วอย่างนี้หรือจะไม่ให้เขารียกเธอว่านางฟ้า...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขายอมทุ่มเทขนาดนี้อีกแล้ว แลกด้วยชีวิต?ก็ขอยอม...
2 ร่างพากันเข้าไปทำความสะอาดภายในบ้าน แต่เขาไม่อยากให้เธอจับอะไรเสียเท่าไหร่ ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเธอเขาจึงเป็นห่วงยิ่งกว่าอะไรดี ใครว่านางฟ้าไม่ดื้อ เธอเนี่ยแหละหัวรั้นตัวยงเลยก็ว่าได้
“แก้วทำได้...ให้แก้วทำเถอะ แค่กวาดบ้านเอง”
“แต่”
“ขัดใจนางฟ้าเหรอ? ไหนว่ารักไง....”
“นางฟ้าอะไรดื้อขนาดนี้ เฮ้อ~ เอาล่ะ...อยากทำก็ได้แต่ อย่าหักโหมมากนะรู้ไหม?”
“แน่นอน^^”
.
.
.
.
ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี แต่จะให้นิ่งเฉยไม่คิดการสร้างครอบครัวก็ไม่ได้ มนุษย์ทุกคนต้องกินต้องใช้ วันนี้โทโมะเลยคิดที่จะไปหางานทำแถวๆบ้านดู เขาจึงมาบอกแก้วก่อน เกรงว่าถ้าเธอไม่รู้จะคิดว่าเขาหายไป นี่สิ แย่เลย
“นางฟ้าครับ...โทโมะไปหางานนะ ตอนกลางวันจะกลับมาหา”
“งานที่ไหน? โทโมะต้องทำงานด้วยเหรอ”
“โธ่...คุณหนูจริญญาครับ ทุกคนต้องทำงานผมจะเอาเงินมาให้คุณหนูไงครับ....อยู่บ้านคนเดียวดูแลตัวเองนะ ลมทะเลมันจะทำให้นางฟ้าของผมไม่สบาย” เขานั่งยองๆพูดกับเธอที่นั่งอยู่บนเปลที่ผูกติกกับข้างบ้าน พลางลูบปอยผมแผ่วเบา เธอเป็นคุณหนูขนานแท้ จึงไม่รู้เรื่องการทำงานอะไรหนักหรอก เธอคงลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้เธออยู่กับเขา....คนจนไร้หัวนอนปลายเท้า
“แก้วไปด้วย..เรื่องอะไรจะให้โทโมะทำงานคนเดียวล่ะ”
“ไม่ได้ครับ อย่าลืมสิว่าแก้วไม่สบาย ดูแลตัวเองให้ดีแค่นั้นก็พอ ที่เหลือผมจัดการเองนะ” เมื่อทัดทานเขาไม่ได้เธอจำต้องยอม
หลายวันผ่านไป เขาทำงานหนักมากขึ้นเธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำงานหนักแบบนั้นไปเพื่ออะไร ลำพังงานจับกัง ทอดแห ทอดอวนก็หนักมากพออยู่แล้ว ตกดึกเขายังออกไปช่วยงานร้านข้าวต้มของเฮียโต ในตลาดอีก ใจคอเขาจะไม่พักผ่อนบ้างหรือ? แก้วรู้สึกสงสารเขาจับหัวใจ เธอเป็นเหมือนคนพิการที่ไม่สามารถแบ่งเบาอะไรเขาได้เลย...
เธอมันแย่ที่สุดเลยแก้ว!
“ฮือ~” เสียงครางแผ่วเบาในยามวิกาลของคนข้างกายทำให้แก้วต้องสะดุ้งตื่นขึ้น เขานอนขดด้วยความเหน็บหนาวยอมที่จะให้เธอห่มผ้าผืนหนาแต่เพียงผู้เดียว ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว ปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้เขาได้ยิน เธอสงสารเขามาก เธอเป็นภาระของเขาใช่ไหม? พื้นกระดานแข็งกระด้างสอนให้เธอรับรู้ว่าชีวิตเธอเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่ได้สะดวกสบายเหมือนตอนที่เธอเป็นคุณหนูจริญญาแต่เก่าก่อน ทุกวันนี้เธอเห็นโทโมะยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้เธอได้กินอิ่มนอนหลับอย่างสบาย...เธอมันเห็นแก่ตัว!
มือบางพยายามห่มผ้าและจัดท่าทางการนอนของเขา อยากให้เขาสบายมากที่สุด...
“ฮื้อ~ ทำไมไม่นอนครับ...เอาผ้าห่มให้โทโมะทำไม? แล้ว....นางฟ้าร้องไห้?!”
เขาขยับตัวลุกขึ้นพลางเอ่ยถาม คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากแก้ว
“ฮึก....แก้วเป็นภาระของโทโมะใช่ไหม? เรากลับบ้านกันเถอะ แก้วไม่อยากให้โทโมะลำบากไปมากกว่านี้อีกแล้ว ฮึก..~~” ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งร้องให้หัวใจในอกมันยิ่งเต้นแรง แรงขึ้น แรงขึ้น จนเธอแทบรับไม่ไหว แต่ก็ยังทนฝืนกลั้นมันไว้ไม่แสดงความเจ็บปวดให้เขารับรู้เด็ดขาด!
“โธ่~ คนดี...แก้วไม่ใช่ภาระซักหน่อย มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องดูแลแก้วให้ดีที่สุด....ไม่ร้องนะครับ”เขาปาดน้ำตาอุ่นร้อนของแก้วออกในขณะที่มันยังไหลไม่ขาดสาย เธอโผเข้ากอดเข้าแนบแน่น ไม่มีคำพูดใดๆปริจากปาก ไม่มีคำขอบคุณใดๆที่จะเพียงพอต่อผู้ชายคนนี้...
“แต่แก้ว...ฮึก...ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง...ฮึก....”
“ช่วยได้สิ แก้วคือแรงใจสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีแก้ว โทโมะก็ไม่รู้จะทำแบบนี้ไปเพื่อใคร...ไม่ต้องกังวลนะคนดี ผมจะทำเพื่อครอบครัวของเรา”ร่างสูงแตะจูบลงบนหน้าผากเนียน ความอบอุ่นจากเขาแผ่ซึมถึงเธอได้เป็นอย่าวดี รับรู้ว่าเขารัก รับรู้ว่าเขาห่วงใย....
ก่อนที่เขาจะค่อยๆบรรจงจูบลงบนกลีบปากบาง แค่สัมผัสแรกก็รับรู้ได้ว่าเธอไม่เคยผ่านชายใดมาก่อน ความบริสุทธิ์ของหญิงสาว ที่มีไว้ให้แต่เพียงชายผู้เป็นที่รักเท่านั้น....
เขาไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอเลยด้วยซ้ำ เธอสูงส่งเกินกว่าที่หมาวัดอย่างเขาจะอาจเอื้อม นี่เป็นครั้งแรก...ครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้สัมผัสกับนางฟ้าที่เขาคอยเฝ้าถนอมมาโดยตลอด กายบางสั่นเทาน้อยๆ เธอไม่เคยชินหรอกกับเรื่องแบบนี้....
ปากหยักได้รูปไล้ขบเม้มริมฝีปากหอมหวานละมาถึงซอกคอขาว เธอไม่คิดปฏิเสธสัมผัสของเขาแม้แต่น้อย...
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงนกกระจาบกู่ร้องเล็กๆผสมผสานกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง กลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ ราวกับมันเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี ร่างหนาที่ตระกองกอดหญิงสาวปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าแก้วยังหลับอยู่เขาจึงเลิกผ้าห่มขึ้นคลุมกายบางที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ด้วยเกรงว่าลมทะเลจะทำให้เธอไม่สบายไป
เขารีบแต่งตัวเมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว ก่อนออกจากบ้านเขาเขียนใส่กระดาษบอกเธอก่อน จากนั้นจึงรีบลนไปทำงาน
เมื่อตื่นขึ้นมาเจอกับแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือยุกยิกของคนที่ได้ชื่อว่า เป็น สามี เธออมยิ้มน้อยๆก่อนจะลุกไปแต่งตัว และกินข้าวต้มค้างคืนที่นำมาอุ่นใหม่ฝีมือเขา..
“นางฟ้า...โทโมะอุ่นข้าวต้มไว้ให้ ทานนะครับ ผมไปทำงานก่อน ......รักนางฟ้า”
“นางฟ้าก็รักโทโมะ”
...................................................................................................................................
มาแล้ววววว^__^; ฟิครีไรท์เรื่องแรกที่ขอนำเสนอ(จะมีคนอ่านเร๊อะ--*) เรื่องนี้ตามจริงเป็นฟิค AF7 ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังคลั่ง^+++^แต่ก็แต่งไม่จบ วันนี้เลยหยิบมาปัดฝุ่น&แต่งใหม่ คึๆ เอาเป็น TK มันซะ!!
เราว่ามันไม่สนุกTT ใครเห็นด้วย? พรึ่บๆๆๆ! (เสียงยกมือพึ่บพับT^T) O__O
PS.1 (แอบ THX น้องบีมที่เข้ามาทักท้วงในเฟสเค้า ไอ้หมูอ้วนที่(อุตส่าห์)โทรมาทวงถึงที่! และทุกคนที่ให้การต้อนรับ ฟิคสติรีไรท์สติแตกกกกกก
PS.2 ใครไม่เม้นขอให้ไม่สวยเหมือนนางคว้า เอ๊ย นางฟ้า^O^ เม้นบอกหน่อยว่ามันเน่าขนาดไหน???TTOTT
(มันยังไม่จบนะครับ)
ภายใต้คฤหาสน์หลังงามของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เขาเป็นเจ้าพ่อที่หลายต่อหลายคนเกรงขามและเลื่อมใสศรัทธา เสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนนับร้อยคุยกันดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน ใช่แล้ว...นี่เป็นงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ของบ้านหลังนี้...
สักพักชายร่างโปร่งอายุกลางๆคนก็เดินออกมาต้อนรับแขกเหรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จะมีรอยตีนกาผุดขึ้นบนใบหน้าตามอายุและกาลเวลาแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ราศีของคน(เคย)หล่อลดลง...
“สวัสดี...ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานหมั้นของลูกสาวผม” เขาผายมือต้อนรับอย่างไม่ถือตัวแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่เขาก็ไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ผิดแม้แต่น้อย....และนี่เป็นงานหมั้นของลูกสาวสุดที่รักของเขากับผู้ชายที่เขาได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะให้เป็นผู้ดูแลลูกสาวผู้บอบบางอย่างเธอ
“คุณหนูต้องสวยมากๆแน่เลยค่ะ”
“ฮะๆ ลูกสาวฉันสวยอยู่แล้วล่ะ นี่แม่นม ไปช่วยรับแขกหน่อยไปคนเริ่มเยอะแล้ว แล้วก็ให้เฟิร์นไปตามยัยหนูลงมาด้วยล่ะ” คุณผู้ชายของบ้านสั่งการกับแม่นมคนเก่าคนแก่ของบ้านพร้อมๆกับที่สั่งให้หลานของแม่นมอย่างเฟิร์นไปตามว่าที่เจ้าสาวในอนาคตลงมาด้วย
“ค่ะ คุณท่าน”
.
.
.
ภายในห้องกว้างที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรู สีห้องเป็นสีส้มอ่อนๆตัดสลับกับเสียเขียวดูสดชื่นตา หากแต่เพียง...คนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องช่างดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย สาวร่างบางนั่งเท้าแขนกับเก้าอี้ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าทำผมตามใจชอบราวกับเธอเป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งเติม ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะมันเป็นคำสั่งของบุพการีที่รักของเธอ
“ทำไมคุณหนูไม่ยิ้มเลยค่ะ? ปกติงานมงคลแบบนี้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนก็ต้องยิ้มมีความสุขกันทุกคนนี่นา”
“ออกไปก่อนนะคะ”
เธอเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แววตาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน แทบไม่เหลือเค้าผู้หญิงที่เคยมีความสุขอยู่เลยก็ว่าได้ แต่ใบหน้าหวานล้ำ ริมฝีปากบางอมชมพู แก้มใสเจือด้วยสีแดงน้อยๆ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าได้อย่างสมดุล ยังคงเด่นชัดอยู่เสมอ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ การศึกษา สมควรแล้วที่เธอต้องแต่งงานกับลูกผู้รากมากดีเฉกเช่นเดียวกับเธอ
“แต่เดี๋ยวจะไม่ทันนะคะ”
“ขอร้องค่ะ...ขอฉันอยู่คนเดียวสักพัก”
“ก็ได้ค่ะ แต่คงได้แค่ครู่เดียวนะคะ เดี๋ยวดิฉันโดนคุณท่านเล่นงานค่ะ” เธอพยักหน้ารับก่อนที่ช่างแต่งหน้าคนนั้นจะออกไป ร่างบางนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ติดกับทางหลังบ้านด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เปล่าเลย ...เธอไม่มีความสุขสักนิดกับการที่ต้องหมั้นหมายกับคนที่ไม่รู้จักที่สำคัญเธอไม่ได้รักเขาแม้แต่น้อย เชื่อไหม? ขนาดชื่อแซ่ของเขาเธอยังไม่รู้เลย มีเพียงคนเป็นพ่อเท่านั้นที่รู้ดี รู้ดีหมดทุกอย่างและบางครั้งเรื่องของเธอเองเธอยังไม่รู้เลย
ชีวิตเธอถูกกำหนดไว้กับบิดา…
“นางฟ้า”
“....”
“นางฟ้า”
“....”
เสียงทุ้มๆคุ้นหูดังแว่วมาจากระเบียงด้านล่าง ร่างบางรีบลุกขึ้นไปดูด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ เธอจำได้ว่าเป็นเขา ต้องใช่เขาแน่ๆ.....คนรักของเธอ
“ทะ...โทโมะ!”เธอรีบปรี่ไปพยุงร่างที่ปีนบันไดไม้เก่าๆขึ้นมาทางระเบียงห้อง ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว หน้าตี๋หน่อยๆ ผมดำขลับเป็นเงางามปีนขึ้นมาพลางปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย เขาเป็นคนรักของเธอ เป็นคนที่เธอรักและหวังเหลือเกินว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขา และสิ่งที่เธอหวังมากที่สุดก็คือ...การให้บิดายอมรับในตัวคนรักของเธอ! แต่บัดนี้...มันไม่มีอีกแล้ว อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอต้องกลายไปเป็นคู่หมั้นคนอื่น คนที่เธอไม่รัก คนที่เธอไม่รู้จัก!!
“นางฟ้า...ผมมาทันใช่ไหม?”
“ฮึก...แก้วไม่อยากหมั้น ทำยังไง เราจะทำยังไงดี?!” เธอร้องไห้ฟูมฟายจนน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนไปโดนมาสคาร่าที่แพขนตางอน แปดเปื้อนไปทั่วแก้มใสที่บัดนี้เจือปนไปด้วยคราบเครื่องสำอาง ร่างสูงปาดน้ำตาและเช็ดคราบเครื่องสำอางออกให้จนหมดจดด้วยความรัก เขาส่งยิ้มอ่อนๆให้เธอ...
“ใจเย็นๆนะนางฟ้า...นางฟ้าควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? ที่ได้คู่ครองที่เหมาะสม ไม่เหมือนคนจนๆอย่างผม”
“พูดอะไรแบบนั้น โทโมะ! แก้วรักโทโมะ...ฮึก...ทำไมต้องเป็นแบ...ฮึก....ฮึก...” หัวใจที่เต้นถี่แรงในอกทำให้เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด มือบางยกกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยความปวดรนทรมาน โทโมะเบิกตากว้างอย่างตกใจกับอาการโรคหัวใจ? ที่กำเริบของเธอ
ใช่...เธอเป็นโรคหัวใจ ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ยอมผ่าตัดเสียที...
“แก้ว!...หายใจลึกๆ แบบนั้น....กินยาก่อนนะคนดี”เขาตระกองกอดแก้วด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยื่นเม็ดยาที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เขารู้ดี...แก้วกินยายากและมักจะหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องพกและคอยบังคับให้เธอกินอยู่เสมอๆ บ่อยครั้งที่อาการของเธอทรุดหนักเหตุเพราะไม่ยอมกินยาตามหมอสั่งนั่นเอง...
“ดื้ออีกแล้ว”
“หนีกัน!!”
เขาอึ้งตกใจกับท่าทางและความมั่นใจเด็ดเดี่ยวของเธอเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยขัดความต้องการของบิดา แต่ทำไมคราวนี้เธอถึงยอม ยอมได้ชื่อว่าเป็นลูกเนรคุณ!!
“อย่าทำแบบนั้นเลย ไม่เห็นใจคุณพ่อเหรอครับ อีกอย่างคนจะมองแก้วในทางที่ไม่ดี”
“แก้วไม่สน! โทโมะ.....รักแก้วไหม?”
“คำตอบนั้นแก้วรู้ดี”
“รักไหมมากไหม?”
“มากที่สุด”
“พาแก้วหนีไปที พาหัวใจของแก้วหนีไป.....”
พอกันทีกับการถูกบังคับ
พอกันทีกับการถูกกีดกันด้วยเหตุผลที่ว่า...
.
.
.
“ลูกแก้ว! ไอ้โทโมะมันมีดีอะไร...มันไม่คู่ควรกับลูกสักนิด บ้านมันจนก็จน จะมีปัญญาอะไรมาดูแลลูกสาวของพ่อได้ มันมีเกียรติอะไรที่จะมาเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลของเรา ไม่เหมือนตาป้อง ลูกชายเถ้าแก่เส็ง เขามีพร้อมทุกอย่าง” คนเป็นพ่อร่ายยาวอย่างภาคภูมิใจถึงลูกชายของเถ้าแก่เส็งหุ้นส่วนคนสำคัญของครอบครัวเธอ และอดที่จะค่อนคอดคนรักของเธออย่างเสียไม่ได้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง
จะมีบ้างไหม?ที่เธอจะใช้หัวใจของตัวเองตัดสิน...
“คุณพ่อค่ะ...เรารักกัน คุณพ่อก็ทราบ ได้โปรดเห็นใจเราด้วย”
“ดอกฟ้าจะลงไปเกลือกกลั้วกับหมาวัดได้ยังกัน!!...ลูกบอบบางเกิน และมันก็ไม่มีปัญญาดูแลลูกได้แน่ๆเชื่อพ่อ...หมั้นกับตาป้องซะ”
เธอเพิ่งรู้...เพิ่งรู้ว่าบิดาของเธอมองคนแต่เปลือกนอก จริงอยู่ที่บ้านของเขาจน เป็นเพียงร้านขายอาหารตามสั่งร้านเล็กๆข้างถนนในตลาด แต่คนจนกับคนรวยต่างก็หัวใจด้วยกันทั้งนั้น ถึงจะต่างกันทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ แต่คุณค่าความเป็นคนมันก็มีเท่ากันไม่ใช่หรือ?
พ่อของเธอหวังดี...เธอรู้ เขาเป็นผู้ให้กำเนิดก็จริง แต่ชีวิตมันเป็นของเธอ...
แต่จะให้ทำอย่างไร...ในเมื่อหัวใจของเธออ่อนแอเกิน เกินกว่าที่จะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง..
.
.
.
.
“ไปกับผมนะนางฟ้า...โทโมะจะดูแลนางฟ้าเอง” ร่างบางพยักหน้ารับทั้งน้ำตา เธอเชื่อใจเขาคนเดียว เชื่อใจเขาที่สุด เชื่อว่าเขาต้องมา และเขาก็มาจริงๆ....เขาพาเธอปีนลงบันไดด้วยความยากลำบาก 2 ร่างวิ่งลัดเลาะมาตามพงหญ้าข้างบ้านที่สูงท่วมหัวเป็นเกราะกำบังกายจากลูกน้องของบิดาเธอได้อย่างดีเยี่ยม
เสียงหญ้าดังสวบๆที่ถูกทั้งเขาและเธอเหยียบย่ำดังขึ้นจน เทเยอร์ สุนัขพันธุ์ดุที่บิดาของเธอเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเห่าขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติตามสัญชาติญาณของสุนัขเฝ้าบ้าน
“เห่าอะไร เจ้าเทเยอร์? เฮ้ย! นั่นใคร....ฉันถามว่าใคร?!”ชายร่างกำยำลูกน้องคนสนิทของเจ้าบ้านตะโกนถามเมื่อเห็นว่าสุนัขอย่างเจ้าเทเยอร์เห่าสีหน้าท่าทางของมันบอกตำแหน่งของสิ่งผิดปกติที่ซ่อนตัวอยู่ได้เป็นอย่างดี
2 ร่างหลับตาแน่นอดกลั้นแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า แก้วได้แต่เฝ้าวิงวอนคุณพระคุณเจ้าช่วยให้เธอกับคนรักปลอดภัย ร่างสูงกอดเธอไว้แน่นด้วยใจระทึกไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าปลายเท้าของใครคนนั้นเดินย่างเข้ามาหา
“อย่ากลัวนะแก้ว...เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
นาทีระลึกใจไม่เคยผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ความหวาดกลัวเริ่มครอบคลุมไปทั่วหัวจิตหัวใจของคนทั้งคู่ ถ้าถูกจับได้คราวนี้ เขาคงไม่มีวันได้พบกับนางฟ้าของเขาอีกตลอดชีวิต
ขอโทษ..ถ้าคนเดินดินคนนี้จะเห็นแก่ตัว....
“เฮ้ย! ไอ้เบิ้ม ไปทำห่าอะไรตรงนั้นว่ะ ไปช่วยในงานสิโว้ยยย!”เสียงลูกน้องอีกคนดังขึ้น ได้ผล..มันทำให้เขาละความสนใจจากคนที่แอบซ่อนในพงหญ้าหันไปกลับไปได้
“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ทันทีที่ลูกน้องทั้ง 2 ของเจ้าสัวใหญ่ละไป 2 ร่างก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งก่อนจะพากันออกมาจนได้ เขาพาเธอมายังบ้านเช่าเก่าคร่ำครึของเขาเพื่อเก็บสัมภาระเล็กน้อย เพราะแก้วเองก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยเลย มีเพียงกระเป๋าสตางค์ที่เธอฉวยคว้ามาได้ พอจะเป็นค่ารถ ค่ากินได้สักระยะ
โทโมะเก็บเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋าเป้ขาดๆจนเต็มก่อนจะรีบคว้าข้อมือหญิงสาวผู้เป็นดังดวงใจหนีไป
หนีไปที่ไหนก็ได้ ที่มีเพียงเขาและเธอ...
.
.
.
.
“อะไรนะ?! ยัยหนูหายตัวไป และคนที่พายัยหนูหนีคือไอ้กระจอกนั่น!!!” เจ้าสัวใหญ่สบถเสียงดังพลางตบหน้าลูกน้องเรียงคนด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ และคับแค้นใจ นอกจากเขาจะเสียลูกสาวไปแล้ว ยังต้องอับอายกับพิธีการที่ต้องล้มเลิกกลางคัน เหตุเพราะ ...ลูกสาวหนีตามผู้ชาย!!!
มันกล้ามากที่บังอาจไม่ยุ่งกับลูกสาวของเขา…
“เผาบ้านมัน...อย่าให้เหลือ แล้วพวกแกก็ไปตามลูกสาวฉันกลับมาให้ได้ ถ้าตามยัยหนูไม่เจอ ฉันจะฆ่าพวกแก!!”
เหล่าลูกน้องรับคำบัญชาจากผู้เป็นนายด้วยความเกรงกลัว แน่ละ...ใครๆก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น ต่อให้ต้องทำลายผู้อื่น ต้องทำให้เขาแยกจากกันก็ตาม อาจจะโดนประณามว่าไร้ซึ่งหัวใจพวกเขาก็ต้องทำ ลูกเมียที่บ้านยังคงรอเขาอยู่ เขาต้องทำ...
“ครับ นายท่าน”
ไม่นานนักคนทั้งตลาดก็ตื่นฮือกันใหญ่เนื่องจากควันไฟและเปลวไฟลุกลามมายังบ้านของตน เหล่าแม่ค้าแตกกระเจิงด้วยความหวาดกลัว บัดนี้บ้านของเขา ร้านของเขา ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...มีเพียงตอตะโกที่ยังคงหลงเหลือไว้เป็นที่น่าหดหู่ใจแก่ผู้พบเห็น...
“ฟังนะพวกแกทุกคน ใครรู้ว่าไอ้โทโมะพ่อค้ากระจอกๆ พาคุณหนูแก้วหนีไปไหนแล้วไม่ยอมบอก ระวังจะโดนดี! กลับโว้ย!พวกเรา”
.
.
.
.
ตึกๆ ๆๆ
เสียงล้อรถไฟกระทบรางมุ่งหน้าสู่หัวหิน ดินแดนที่เธอกับเขาจะสร้างครอบครัวอยู่ด้วยกัน รู้ดีว่ามันผิดทั้งจารีตและประเพณี หากแต่วันใด...บิดาของเธอยอมรับการตัดสินใจของเธอได้ วันนั้นเธอจะกลับไปอีกครั้ง...
“แก้ว...โทโมะจะดูแลแก้วให้ดีที่สุด อดทนหน่อยนะคนดี...ที่ที่เราจะไปอาจไม่สบายนัก....”
นิ้วเรียวแตะลงบนกลีบปากของเขาเป็นเชิงห้าม ไม่ว่าที่ที่นั้นจะลำบากข้นแค้นสักเพียงไหนเธอก็พร้อมจะไปกับเขา เขาเป็นเจ้าของชีวิตและหัวใจของเธอนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...
“ที่ไหนก็ได้...แค่มีเรา เราจะอยู่ด้วย...ฮึก...ไม่ทิ้งกันใช่ไหม? ตอบแก้วหน่อย ได้โปรด”ร่างบางสบหน้าร้องไห้กับอกกว้างของเขา มือสากกร้านงานหนักลูบไล้กลุ่มผมนุ่มหอมของคนในอ้อมกอดด้วยความรักสุดแสน ใครว่าเขาจะทิ้งเธอกันเล่า นางฟ้า...นางฟ้ายังคงบอบบางและน่าทะนุถนอมอยู่เสมอ
“อย่าร้องไห้ อย่าทำอะไรที่ทำร้ายหัวใจตัวเอง โทโมะไม่ทิ้งแก้วไปไหน? นอนพักเถอะนะแก้วเหนื่อยมามากแล้ว ถึงหัวหินแล้วผมจะปลุก”
เขาดึงเธอมาซบแนบอกพร้อมกอดไว้แน่นเพื่อแสดงให้เธอรู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีวันจะจากไปไหนอย่างแน่นอน เขารักเธอมากขนาดยอมแลกกับชีวิตของตัวเอง ยอมเสี่ยง ยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งโดนประณามหยามเกียรติและโดนดูถูกสารพัด...
เพียงเพราะรักคำเดียวแท้ๆ
สายลมแรงตามการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของยวดยานอาจทำให้ร่างบอบบางในอ้อมแขนที่กำลังหลับใหลไม่สบายเอาเสียง่ายๆ โทโมะถอดเสื้อคลุมสีกระดำกระด่างเนื่องจากถูกใช้งานมาหลายปีโอบร่างแก้วเอาไว้กันลม กันแดด
คุณหนูผู้บอบบางกับหมาวัดกร้านแดดลมจะไปด้วยกันได้หรือไม่?
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้...นอกจากหัวใจของเจ้าตัวทั้งคู่...
ฉึก ฉัก~
เสียงล้อรถไฟคันเก่าหยุดลงที่ชานชาลาแห่งหนึ่งที่สถานีหัวหิน ...
“ตื่นยังครับ นางฟ้า^^”
“อือ~”ร่างบางขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะเอ่ยถามเขา คำถามที่เธอเคยถามเขาเป็นร้อยๆรอบ
“ทำไมต้องเรียกนางฟ้าด้วย....บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว”
“แก้วเป็นนางฟ้า...ใจดี น่ารัก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามไม่ให้โทโมะเรียกนี่นา...บางที นางฟ้าอาจสูงส่งกว่าฝูงกาอย่างผมก็ได้”
“ถ้าเป็นนางฟ้าแล้วตัดสินชีวิตตัวเองไม่ได้ แก้วจะยอม...ยอมเป็นฝูงกา ไม่มีใครยกย่อง ไม่มีใครชื่นชม แต่มีชีวิตที่เป็นอิสระ ไม่มีเหตุผลอะไรที่แก้วจะเป็นกาไม่ได้เหมือนกัน^^”
“ยังไงนางฟ้าก็ยังคงเป็นนางฟ้าอยู่ยันวันยันค่ำ เอาล่ะ..เราไปกันเถอะเดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน ที่นี่ลมแรงเดี๋ยวแก้วจะไม่สบายเสียเปล่าๆ”
เขาพาเธอนั่งรถต่อไปอีกสักระยะจนมาถึงบ้านหลังเก่าโทรมๆหลังนึง รอบบ้านล้อมรอบไปด้วยต้นดอกแก้วที่ออกดอกบานสะพรั่งราวกับมันรอต้อนรับเขาและเธออยู่ก่อนหน้านี้ กลิ่นหอมรัญจวนของมันคละคลุ้งไปทั่วเนินบริเวณนั้น ร่างบางสูดอาการสดชื่นเข้าเต็มปอดด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกที่ได้รับการปลดปล่อย หากแต่เป็นนกที่มีปีกและสีสันสวยงามแต่จำต้องอยู่ในกรงทองของมหาเศรษฐี มีเพียงพื้นที่แคบๆ ไม่มีสิทธิ์จะได้ขยับปีกโบยบิน เธอขอยอมเป็นเพียงนกป่า ไร้ซึ่งที่อยู่สวยงามแต่มีความสุขกับอิสระที่จะได้ครอบครองชีวิตตนเอง นั้นคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว...
“นี่เป็นบ้านของยายผม มันไร้คนอาศัยมาเกือบๆ 10 นางฟ้าอยู่ได้ไหม?”
เขาหันมาถามเธอเมื่อเห็นสภาพบ้านที่เก่าคร่ำครึ หลังคามีรูรั่วอยู่หลายจุด หากฝนกระหน่ำลงมาละก็...คงไม่เหลืออะไรเป็นแน่
“ได้สิ...ที่ไหนก็ได้ ต่อให้แก้วต้องอยู่ข้างถนน แต่ถ้ามีโทโมะแก้วก็ยอม”
ร่างสูงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ เธอดีเกินเหตุ แล้วอย่างนี้หรือจะไม่ให้เขารียกเธอว่านางฟ้า...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขายอมทุ่มเทขนาดนี้อีกแล้ว แลกด้วยชีวิต?ก็ขอยอม...
2 ร่างพากันเข้าไปทำความสะอาดภายในบ้าน แต่เขาไม่อยากให้เธอจับอะไรเสียเท่าไหร่ ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเธอเขาจึงเป็นห่วงยิ่งกว่าอะไรดี ใครว่านางฟ้าไม่ดื้อ เธอเนี่ยแหละหัวรั้นตัวยงเลยก็ว่าได้
“แก้วทำได้...ให้แก้วทำเถอะ แค่กวาดบ้านเอง”
“แต่”
“ขัดใจนางฟ้าเหรอ? ไหนว่ารักไง....”
“นางฟ้าอะไรดื้อขนาดนี้ เฮ้อ~ เอาล่ะ...อยากทำก็ได้แต่ อย่าหักโหมมากนะรู้ไหม?”
“แน่นอน^^”
.
.
.
.
ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี แต่จะให้นิ่งเฉยไม่คิดการสร้างครอบครัวก็ไม่ได้ มนุษย์ทุกคนต้องกินต้องใช้ วันนี้โทโมะเลยคิดที่จะไปหางานทำแถวๆบ้านดู เขาจึงมาบอกแก้วก่อน เกรงว่าถ้าเธอไม่รู้จะคิดว่าเขาหายไป นี่สิ แย่เลย
“นางฟ้าครับ...โทโมะไปหางานนะ ตอนกลางวันจะกลับมาหา”
“งานที่ไหน? โทโมะต้องทำงานด้วยเหรอ”
“โธ่...คุณหนูจริญญาครับ ทุกคนต้องทำงานผมจะเอาเงินมาให้คุณหนูไงครับ....อยู่บ้านคนเดียวดูแลตัวเองนะ ลมทะเลมันจะทำให้นางฟ้าของผมไม่สบาย” เขานั่งยองๆพูดกับเธอที่นั่งอยู่บนเปลที่ผูกติกกับข้างบ้าน พลางลูบปอยผมแผ่วเบา เธอเป็นคุณหนูขนานแท้ จึงไม่รู้เรื่องการทำงานอะไรหนักหรอก เธอคงลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้เธออยู่กับเขา....คนจนไร้หัวนอนปลายเท้า
“แก้วไปด้วย..เรื่องอะไรจะให้โทโมะทำงานคนเดียวล่ะ”
“ไม่ได้ครับ อย่าลืมสิว่าแก้วไม่สบาย ดูแลตัวเองให้ดีแค่นั้นก็พอ ที่เหลือผมจัดการเองนะ” เมื่อทัดทานเขาไม่ได้เธอจำต้องยอม
หลายวันผ่านไป เขาทำงานหนักมากขึ้นเธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำงานหนักแบบนั้นไปเพื่ออะไร ลำพังงานจับกัง ทอดแห ทอดอวนก็หนักมากพออยู่แล้ว ตกดึกเขายังออกไปช่วยงานร้านข้าวต้มของเฮียโต ในตลาดอีก ใจคอเขาจะไม่พักผ่อนบ้างหรือ? แก้วรู้สึกสงสารเขาจับหัวใจ เธอเป็นเหมือนคนพิการที่ไม่สามารถแบ่งเบาอะไรเขาได้เลย...
เธอมันแย่ที่สุดเลยแก้ว!
“ฮือ~” เสียงครางแผ่วเบาในยามวิกาลของคนข้างกายทำให้แก้วต้องสะดุ้งตื่นขึ้น เขานอนขดด้วยความเหน็บหนาวยอมที่จะให้เธอห่มผ้าผืนหนาแต่เพียงผู้เดียว ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว ปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้เขาได้ยิน เธอสงสารเขามาก เธอเป็นภาระของเขาใช่ไหม? พื้นกระดานแข็งกระด้างสอนให้เธอรับรู้ว่าชีวิตเธอเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่ได้สะดวกสบายเหมือนตอนที่เธอเป็นคุณหนูจริญญาแต่เก่าก่อน ทุกวันนี้เธอเห็นโทโมะยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้เธอได้กินอิ่มนอนหลับอย่างสบาย...เธอมันเห็นแก่ตัว!
มือบางพยายามห่มผ้าและจัดท่าทางการนอนของเขา อยากให้เขาสบายมากที่สุด...
“ฮื้อ~ ทำไมไม่นอนครับ...เอาผ้าห่มให้โทโมะทำไม? แล้ว....นางฟ้าร้องไห้?!”
เขาขยับตัวลุกขึ้นพลางเอ่ยถาม คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากแก้ว
“ฮึก....แก้วเป็นภาระของโทโมะใช่ไหม? เรากลับบ้านกันเถอะ แก้วไม่อยากให้โทโมะลำบากไปมากกว่านี้อีกแล้ว ฮึก..~~” ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งร้องให้หัวใจในอกมันยิ่งเต้นแรง แรงขึ้น แรงขึ้น จนเธอแทบรับไม่ไหว แต่ก็ยังทนฝืนกลั้นมันไว้ไม่แสดงความเจ็บปวดให้เขารับรู้เด็ดขาด!
“โธ่~ คนดี...แก้วไม่ใช่ภาระซักหน่อย มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องดูแลแก้วให้ดีที่สุด....ไม่ร้องนะครับ”เขาปาดน้ำตาอุ่นร้อนของแก้วออกในขณะที่มันยังไหลไม่ขาดสาย เธอโผเข้ากอดเข้าแนบแน่น ไม่มีคำพูดใดๆปริจากปาก ไม่มีคำขอบคุณใดๆที่จะเพียงพอต่อผู้ชายคนนี้...
“แต่แก้ว...ฮึก...ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง...ฮึก....”
“ช่วยได้สิ แก้วคือแรงใจสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีแก้ว โทโมะก็ไม่รู้จะทำแบบนี้ไปเพื่อใคร...ไม่ต้องกังวลนะคนดี ผมจะทำเพื่อครอบครัวของเรา”ร่างสูงแตะจูบลงบนหน้าผากเนียน ความอบอุ่นจากเขาแผ่ซึมถึงเธอได้เป็นอย่าวดี รับรู้ว่าเขารัก รับรู้ว่าเขาห่วงใย....
ก่อนที่เขาจะค่อยๆบรรจงจูบลงบนกลีบปากบาง แค่สัมผัสแรกก็รับรู้ได้ว่าเธอไม่เคยผ่านชายใดมาก่อน ความบริสุทธิ์ของหญิงสาว ที่มีไว้ให้แต่เพียงชายผู้เป็นที่รักเท่านั้น....
เขาไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอเลยด้วยซ้ำ เธอสูงส่งเกินกว่าที่หมาวัดอย่างเขาจะอาจเอื้อม นี่เป็นครั้งแรก...ครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้สัมผัสกับนางฟ้าที่เขาคอยเฝ้าถนอมมาโดยตลอด กายบางสั่นเทาน้อยๆ เธอไม่เคยชินหรอกกับเรื่องแบบนี้....
ปากหยักได้รูปไล้ขบเม้มริมฝีปากหอมหวานละมาถึงซอกคอขาว เธอไม่คิดปฏิเสธสัมผัสของเขาแม้แต่น้อย...
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงนกกระจาบกู่ร้องเล็กๆผสมผสานกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง กลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ ราวกับมันเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี ร่างหนาที่ตระกองกอดหญิงสาวปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าแก้วยังหลับอยู่เขาจึงเลิกผ้าห่มขึ้นคลุมกายบางที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ด้วยเกรงว่าลมทะเลจะทำให้เธอไม่สบายไป
เขารีบแต่งตัวเมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว ก่อนออกจากบ้านเขาเขียนใส่กระดาษบอกเธอก่อน จากนั้นจึงรีบลนไปทำงาน
เมื่อตื่นขึ้นมาเจอกับแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือยุกยิกของคนที่ได้ชื่อว่า เป็น สามี เธออมยิ้มน้อยๆก่อนจะลุกไปแต่งตัว และกินข้าวต้มค้างคืนที่นำมาอุ่นใหม่ฝีมือเขา..
“นางฟ้า...โทโมะอุ่นข้าวต้มไว้ให้ ทานนะครับ ผมไปทำงานก่อน ......รักนางฟ้า”
“นางฟ้าก็รักโทโมะ”
...................................................................................................................................
มาแล้ววววว^__^; ฟิครีไรท์เรื่องแรกที่ขอนำเสนอ(จะมีคนอ่านเร๊อะ--*) เรื่องนี้ตามจริงเป็นฟิค AF7 ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังคลั่ง^+++^แต่ก็แต่งไม่จบ วันนี้เลยหยิบมาปัดฝุ่น&แต่งใหม่ คึๆ เอาเป็น TK มันซะ!!
เราว่ามันไม่สนุกTT ใครเห็นด้วย? พรึ่บๆๆๆ! (เสียงยกมือพึ่บพับT^T) O__O
PS.1 (แอบ THX น้องบีมที่เข้ามาทักท้วงในเฟสเค้า ไอ้หมูอ้วนที่(อุตส่าห์)โทรมาทวงถึงที่! และทุกคนที่ให้การต้อนรับ ฟิคสติรีไรท์สติแตกกกกกก
PS.2 ใครไม่เม้นขอให้ไม่สวยเหมือนนางคว้า เอ๊ย นางฟ้า^O^ เม้นบอกหน่อยว่ามันเน่าขนาดไหน???TTOTT
(มันยังไม่จบนะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ