Just a Dream…หรือแค่ฝันไป

9.4

เขียนโดย koala

วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.59 น.

  13 chapter
  116 วิจารณ์
  30.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) ตกหลุมรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แกไม่คิดจะตามหาฉันบ้างเลยหรือไงวะไอ้โมะ...หรือจริงๆแล้วแกต้องการให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม

 

 

 

หนุ่มหน้าเข้มค่อยๆพลิกตัวหันหลังกลับจากร่างที่ยังนอนหลับสนิทก่อนก้าวเท้าด้วยความเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ทิ้งให้แพทย์สาวที่แอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆได้แต่มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

ร่างที่ไม่มีใครมองเห็นยังคงก้าวเท้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย

คำถามมากมายเกิดขึ้นในสมอง

นี่หรือคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด  คนที่เป็นทั้งเพื่อน  พี่ชาย  ครอบครัว...

แต่ทำไมวันนี้ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าคนที่เขาเพิ่งเดินจากมาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป...

 

 

ร่างหนาได้แต่กำมือแน่นก่อนจะปล่อยหมัดไปยังต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าแต่มวลของหมัดนั้นเป็นเพียงแค่อากาศธาตุที่ผ่านพัดต้นไม้ใหญ่นั้นไป

ชายหนุ่มจ้องมองมือตัวเองที่ไม่สามารถแม้แต่จะจับต้องวัตถุใดๆได้แล้วได้แต่เจ็บปวดในใจ

เขาค่อยๆทรุดเข่าลงก่อนจะตะโกนอย่างคับแค้นใจ “ทำไม...”

 

 

 

ระหว่างที่แพทย์สาวกำลังเกิดคำถามมากมายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ก็มีเสียงคนกำลังเดินเข้ามาทางห้องนี้  เธอจึงรีบหลบตัวเข้าไปในมุมหนึ่งเพื่อดูว่าใครกำลังเดินมาทางนี้  แล้วก็พบชายหนุ่มหน้าขาวตี๋สวมแว่นหนาหน้าตาภูมิฐานกำลังเข็นรถเข็นของผู้หญิงที่สูงวัยกว่าเข้าไปในห้องที่หนุ่มหน้าเข้มเพิ่งเดินออกมา

 

พวกเขาเป็นใครกันนะ  แพทย์สาวเดินตามไปอย่างห่างๆด้วยความอยากรู้

 

“ตาโมะเป็นไงบ้างลูก”  สาวสูงวัยกล่าวด้วยความเป็นห่วงอาการของคนตรงหน้า

 

“เออ  ก็ดีนะฮะ”  คนไข้ที่เพิ่งถูกปลุกให้ตื่นมาตอบด้วยความงุนงงว่าคนสูงวัยทราบได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่นี่

 

“โชคดีนะที่จงเบไปเจอเรานอนหมดสติอยู่ที่สุสานนั่นน่ะ  ไม่งั้นเราคงเป็นปอดบวมตายแน่ๆ”

แล้วคำตอบที่คนป่วยสงสัยก็เฉลยออกมาแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่น้อย

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนป่วยคงจะกระตือรือร้นและซาบซึ้งถึงน้ำใจของผู้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากหนุ่มหน้าตี๋เข้ามามีบทบาทในครอบครัวของเขามากขึ้นทำให้ความรู้สึกเคารพนับถือเปลี่ยนไปเป็นชิงชัง

 

“ความจริงปล่อยให้ผมตายๆไปซะก็ดีนะครับคุณแม่  จะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณใคร”  หนุ่มหน้าหวานกล่าวประชดด้วยเสียงเรียบ

 

“พูดแบบนี้ได้ไงกันฮะโทโมะ  ขอโทษจงเบเดี๋ยวนี้เลยนะ”  มารดาเริ่มเอ็ดบุตรชายที่พูดจาไม่เหมาะสม

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”  หนุ่มแว่นหน้าตี๋ที่ดูเหมือนอายุจะไม่ห่างจากคนป่วยสักเท่าไหร่เอ่ยขึ้น

 

“ผมว่าผมขอตัวดีกว่า  ให้พวกคุณคุยกันตามประสาแม่ลูก  ถ้าจะกลับแล้วโทรเรียกผมละกันนะครับ”  หนุ่มหน้าตี๋บอกสาวสูงวัย

 

“ขอโทษแทนลูกชายพี่ด้วยนะ”  คนสูงวัยส่งยิ้มพร้อมกล่าวขอโทษให้คนที่มาส่ง

สร้างความคับข้องใจให้แก่บุตรชายของเธอเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ไม่ใช่ไม่อยากให้ใครมาแทนที่ตำแหน่งบิดาของเขา  เพราะท่านก็เสียชีวิตไปนานแล้ว

ไม่ใช่เพราะจงเบเป็นคนไม่ดี  จงเบเป็นคนดีมากคนหนึ่ง  เป็นรุ่นพี่ที่รุ่นน้องต่างให้ความนับถือและยกย่องในความสามารถ

เป็นนายแพทย์หนุ่มฝีมือดีที่ใครๆต่างต้องการตัวไปร่วมงาน  และเป็นพี่ชายที่แสนดีของคนที่เขารัก

แต่มันน่าแปลกใจที่ทำไมหนุ่มหน้าตาดีมีความสามารถแถมมีสาวๆสวยๆมาให้เลือกมากมายจึงมาตกหลุมรักแม่หม้ายสาวอย่างมารดาของเขา

 

 

หลังจากที่จงเบเดินออกจากห้องสาวสูงวัยก็ส่งเสียงเข้ม

“แม่อยากให้แกยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา”

 

“ไม่  ผมรับไม่ได้”  หนุ่มหน้าหวานตอบกลับด้วยเสียงเข้มเช่นกัน

 

“ทำไม”  คนสูงวัยถามต่อ

 

“คุณแม่รู้ได้ไงครับว่าหมอนั่นจะรักคุณแม่จริงๆ” ลูกชายกล่าวอย่างเป็นห่วง

 

“แม่ไม่รู้หรอกแต่ความรู้สึกข้างในมันบอก  แกน่าจะรู้ไม่ใช่หรอเวลาที่แกรักใครสักคนน่ะมันเป็นยังไง”

คำตอบของมารดาทำให้ชายหนุ่มหน้าหวานถึงกับอึ้ง

 

ใช่  เวลามีความรักไม่มีใครที่จะรู้ดีที่สุดเท่าหัวใจของเราเอง...

 

“แต่ความรักของผมมันจบไปแล้ว  คุณแม่น่าจะทราบดีอยู่”  สายตาของหนุ่มหน้าหวานเริ่มหม่นลง

 

“แม่รู้  แต่ชีวิตเรายังเดินต่อไปและก็พร้อมจะเริ่มใหม่ได้เสมอไม่ใช่หรอ”

 

หนุ่มหน้าหวานพยักหน้าน้อยๆเห็นด้วยแต่ประโยคถัดมากลับทำให้อารมณ์ของหนุ่มหน้าหวานที่กำลังคล้อยตามกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง  “จงเบบอกแม่ว่าอย่างนั้น”

 

“คุณแม่ดูเริ่มใหม่ง่ายจังเลยนะฮะ  ผมคงไม่ใช่คนเริ่มอะไรใหม่ๆง่ายๆหรอก”  ลูกชายกล่าวประชด

 

“นี่แกย้อนฉันอีกแล้วนะ”  มารดาเริ่มของขึ้นบ้าง

 

“ผมเถียงเฉพาะเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยและมันก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกนะครับ”  หนุ่มหน้าหวานชี้แจงเหตุผลของตัวเองบ้าง

 

“อ๋อ  งั้นแสดงว่าเรื่องที่แม่จะเสนอชื่อแกเป็นประธานบริหารพี.ซี.กรุ๊ปแทนตาป๊อปเพราะไม่รู้ว่าป่านนี้หายหัวไปไหนงานการก็ไม่มาทำ  แกก็ไม่เห็นด้วยงั้นสิ”

 

“ครับ  ผมไม่เห็นด้วย”  ลูกชายตอบกลับเสียงเรียบ

 

“ผมก็บอกคุณแม่แล้วไงครับว่าป๊อปกำลังไปศึกษาแผนงานของบริษัทอยู่มันต้องใช้เวลา”  เขาชี้แจงต่อ

 

“ศึกษางานบ้าอะไรจะเป็นเดือนอยู่แล้ว  ติดต่อก็ไม่ได้เนี่ยฮะ”  สาวสูงวัยเถียงกลับบ้างทำเอาลูกชายได้แต่อึ้งกิมกี่เพราะไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาอธิบายสาเหตุได้

 

 

 

ก๊อก  ก๊อก...เสียงสวรรค์มาโปรดทันเวลาพอดี  ประตูห้องค่อยๆเปิดขึ้นพร้อมกับแม่บ้านคนเดิมที่เดินเข้ามาอย่างงงๆ

 

“ขอโทษค่ะ  พอดีดิฉันจะมาทำความสะอาดห้อง  แต่อาจจะไม่สะดวก  เดี๋ยวดิฉันมาทำใหม่ก็ได้ค่ะ”  พร้อมหันหลังกลับไปทางเดิม

 

“ไม่เป็นไรครับคุณป้า  ทำได้เลยครับ”  ชายหนุ่มบอกให้แม่บ้านปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม

 

 

 

เสียงการโต้เถียงในห้องเงียบลงแต่ในสมองของสาวร่างเล็กที่แอบฟังเหตุการณ์อยู่ข้างนอกกลับตีกันจนแทบจะระเบิด

 

นายโทโมะยังอยากให้อีตาหน้าหมีป๊อปเป็นประธานอยู่นี่นา

ทั้งที่เขาก็มีโอกาสที่จะคว้าตำแหน่งนั้นไว้แต่หมอนี่ก็ไม่ทำ  เป็นคนดีนะเนี่ย

แล้วใครทำให้นายเป็นแบบนี้นะป๊อปปี้  ฉันปวดหัวจริงๆเลยกับเรื่องของนายเนี่ย

โอ๊ย...ว่าแต่ตอนนี้นายหายไปไหนนะ

 

แพทย์สาวเริ่มก้าวเท้าออกจากตำแหน่งที่ยืนอยู่เพื่อไปตามหาคนที่กำลังคิดถึงอยู่เมื่อครู่  ระหว่างนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา  แต่หันกลับไปมองก็ไม่เจออะไร  แพทย์สาวเร่งฝีเท้ามากขึ้นเพื่อเข้าไปในห้องทำงานรวม

 

ไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะ  แต่อยู่ในที่ชุมชนคนเยอะๆดีกว่าปลอดภัยดี

 

 

 

............................................................. 

 

 

 

ณ  งานแต่งงานสุดหรูกลางกรุงลอนดอน

 

ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องที่สนิทกับบ่าวสาวต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง

เช่นเดียวกับหนุ่มหน้ายาวจอมทะเล้นและอดีตสาวขี้แยจอมจุ้น

 

“ดีใจด้วยนะครับเฮียเคน  ดูแลเจ๊แจมผมดีๆนะอย่าให้กินเยอะจนอ้วนอืดล่ะ”  ยังไม่วายที่เขาจะกวนญาติตัวเอง

 

“เดี๋ยวแกจะโดนไอ้หน้ายาว”  เจ้าสาวเริ่มหมายหัวน้องชายสุดแสบ

 

“ล้อเล่นนะเจ๊  ยินดีด้วยนะครับ  วันนี้เจ๊สวยสุดๆไปเลย  แบบที่เขื่อนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

 

“ขอบใจจ๊ะ  แต่เดี๋ยวแกหมายความว่าไงไม่เคยเห็นมาก่อน  ฉันออกจะสวยทุกวันอยู่แล้ว”  เจ้าสาวแอบชมตัวเองต่อ

สร้างรอยยิ้มให้กับคนที่เพิ่งออกปากชมและเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ข้างกาย

 

“ครับ  สวยที่สุดอยู่แล้วเจ้าสาวของผมเนี่ย”  เจ้าบ่าวสนับสนุนว่าที่ภรรยา

 

 

“อ้าว  น้องเฟย์มาถ่ายรูปกับพี่หน่อยเร็ว”  เจ้าสาวเรียกน้องสาวคนสนิทมาร่วมวง

 

“อ้อ  ค่ะๆ”  สาวร่างโปร่งที่เพิ่งเข้ามาในงานเดินเข้ามาอย่างงงๆแต่ทำเอาหนุ่มปากหวานที่เพิ่งชมเจ้าสาวเมื่อครู่ถึงกับตาค้าง

 

“สวยจริงๆเลยสุดที่รักของพี่”  เจ้าสาวเดินเข้าไปกอดผู้มาใหม่อย่างสนิทสนม

 

“สู้พี่แจมไม่ได้หรอกค่ะ  วันนี้พี่สาวหนูสวยมากกกก...”  สาวร่างโปร่งกอดตอบพร้อมยิ้มจนเห็นรอยลักยิ้มของเธอ

 

 

ศรรักปักอกนายเขื่อนเข้าแล้วสิ...  แต่เสียงชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเขาดันแทรกทำลายจังหวะความสุขขึ้นมา

 

“เฮ้ย  ไอ้เขื่อนแกเป็นไรวะ  มองซะตาเยิ้มเลย  นี่แกรู้จักน้องเฟย์หรือยัง  เดี๋ยวฉันแนะนำให้เอาเปล่า  น้องเค้าน่ารักนะเว้ย...”

 

หนุ่มหน้ายาวอยากจะตอบกลับว่าเขาเนี่ยรู้จักคนที่เพิ่งมาใหม่ดีกว่าคนที่เสนอตัวมาแนะนำซะอีกแต่ก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร

 

เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปทักทายสาวผู้มาใหม่แต่ก็มีหนุ่มอีกคนที่เร็วกว่าเดินเข้าไปทักเธอก่อน

 

 

 

“สวัสดีครับน้องเฟย์”  หนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อทักสาวร่างโปร่งที่วันนี้เธอใส่เดรสยาวสีครีมปล่อยชายกระโปรงพริ้ว             

 

“สวัสดีค่ะพี่กวิน  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”  คนถูกทักกล่าวแก้ขัด

 

“พี่เพิ่งไปดูงานที่เยอรมันมา  มีของฝากมาให้เราด้วยนะ”  หนุ่มลูกครึ่งส่งสายตาเป็นประกายไปที่หญิงสาวที่เขาคุยด้วย

 

“ขอบคุณนะคะ  แต่รบกวนพี่กวินเปล่าๆ  ไม่ต้องลำบากซื้อมาฝากเฟย์ก็ได้”  เธอตอบอย่างเกรงใจ

 

“ไม่หรอกครับ  เรื่องของน้องเฟย์ไม่เป็นเรื่องลำบากของพี่หรอก”  เขายังไม่วายหยอดคำหวานต่อ

 

 

บทสนทนาที่ได้ยินกลับทำให้คนที่กำลังจะเดินเข้าไปร่วมวงถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี

นี่เราเป็นอะไรนะ  หนุ่มจอมทะเล้นได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง

 

 

“อะแฮ่ม...จีบกันไม่เกรงใจหัวหลักหัวตอกันเลยนะคะคุณกวิน”  เสียงเจ้าสาวคนสวยแทรกขึ้น

 

“อะไรของเธอ  ฉันแค่เข้ามาทักทายน้องเฟย์เฉยๆ  ไม่ได้เจอกันนาน  เสียงหัวใจมันเรียกร้อง”

 

คำหยอดหวานของคนพูดเล่นเอาร่างโปร่งที่ได้ยินไปไม่ถูก  แต่พี่สาวที่รักของเธอก็ช่วยแก้สถานการณ์ให้ผ่านไปได้

 

“อ้วกกกก...เลี่ยนไปแล้วค่ะ  คุณกวินขา”

 

“ฮ่าๆ  พี่กวินนี่เป็นคนโรแมนติกจังเลยนะครับ”  สมาชิกร่วมวงสนทนาคนใหม่กล่าวแทรกขึ้นมา

 

“อ้าวเขื่อนมาด้วยเหรอเนี่ย  ไม่ได้เจอนานเลย”  หนุ่มลูกครึ่งถามหนุ่มหน้ายาว

 

“เพิ่งมาเหมือนกันครับ  เจ๊เป็นฝั่งเป็นฝาทั้งทีไม่มาเห็นคงนอนตายตาไม่หลับ”  หนุ่มที่มาใหม่กวนพี่สาวคนสวยของเขาต่อ

 

“นี่แกหมายความว่าไงไอ้เขื่อนฮะ”  เจ้าสาวเริ่มถามด้วยความสงสัย

 

“ก็จะได้มาฝากฝังเจ้าบ่าวให้เขาดูแลเจ๊ให้ดีๆไง  ไม่งั้นเขื่อนคงนอนตายตาไม่หลับ”  ชายหนุ่มเริ่มไหลไปเรื่อยๆ

 

สาวร่างโปร่งได้แต่ขำการลื่นเป็นปลาไหลของคนตรงหน้า  ไม่แปลกที่เขาจะได้รับฉายาว่าคาสโนว่าจริงๆ

 

 

 

งานแต่งงานดำเนินไปจนกระทั่งถึงพิธีการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่สาวๆในงานต่างเฝ้ารอ  นั่นคือ  การโยนดอกไม้

 

“ต่อไปนี้ขอเชิญทุกท่านหน้าเวทีเลยนะครับ  เรากำลังจะเปิดศึกแย่งชิงดอกไม้กันแล้ว”  เสียงพิธีกรกล่าวอย่างติดตลก

 

“เอ้า  1 2 3…”  ดอกไม้ค่อยๆหลุดลอยจากมือเจ้าสาวไปกลางอากาศตามแรงโปรเจคไทล์

 

ดอกไม้ค่อยๆกระเด็นกระดอนผ่านมือหลายๆมือจนกระทั่งหยุดลงที่มือของ...

 

 

 

.................................................... 

 

 

 

สาวร่างเล็กเดินหาหนุ่มร่างหนาจนขาแทบลากแต่ก็ยังไม่เจอ  สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องร่างไร้สติของเขา

แล้วสมมติฐานของเธอก็เป็นจริง

 

หนุ่มหน้าเข้มจอมกวนนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  สายตาที่ดูหมองเศร้าลงทำให้เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ

 

“อยู่ที่นี่เอง  ฉันตามหานายขาแทบหลุดเลยรู้ไหมเนี่ย”  แพทย์สาวร่างเล็กเอ่ยทำลายความเงียบแต่กลับไม่มีสัญญาตอบกลับ

 

“นายอย่าคิดมากเลยน่าป๊อป  บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”  เขายังคงนิ่งต่อไป

 

“ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันกำลังบ้าพูดคนเดียว”  คนตัวเล็กเริ่มอารมณ์ขึ้นมานิดหน่อย

 

“คุณเพิ่งรู้หรอว่าคุณบ้าน่ะ  ไม่เชื่อก็ถามคุณป้าแม่บ้านดูสิ”  ร่างที่ไม่ยอมตอบสนองเมื่อครู่เริ่มเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก

 

“ไม่ขำ  นี่พูดได้แล้วเหรอไง”  เธอยังคงงอนต่อ

 

“ก็พูดแล้วพอใจยัง”  หนุ่มจอมกวนเอ่ยยิ้มๆก่อนจะถามต่อ  “ถามจริง  นี่ฟางเป็นห่วงป๊อปหรอ”

 

“ใครบอกว่าฉันเป็นห่วงนาย”  คนตัวเล็กรีบปฏิเสธพัลวัน  “ฉันกลัวนายไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีมากกว่า”

 

“ถ้าตายแล้วได้อยู่แบบนี้  ป๊อปก็ยอมนะ”  หนุ่มหน้าเข้มส่งสายตาหวานมาให้เธอ

 

“แต่ถ้านายตาย  นายก็เป็นผีน่ะสิ  ไม่เอา  ฉันหลอน”  คำตอบของคนตัวเล็กกลับทำลายบรรยากาศโรแมนติกลงอย่างสิ้นเชิง

 

“ถ้าป๊อปตายจริงๆ  ฟางจะกลัวป๊อปไหม”  เขาพูดด้วยเสียงที่จริงจังจนน่าขนลุก

 

“ทำไมนายพูดอย่างนั้นล่ะ  นายยังไม่ตายสักหน่อย  นี่ไงร่างนายยังมีชีพจรอยู่เลย”  ร่างเล็กเถียงกลับ

 

“ป๊อปไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ป๊อปจะสามารถกลับเข้าร่างได้  หรือว่ามันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้นะ”  คนพูดพูดอย่างอ่อนใจ

 

“ไม่สิมันต้องมีวิธี  ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันจะช่วยนาย”  คนตัวเล็กให้กำลังใจเขาอีกครั้ง

 

หนุ่มหน้าเข้มยิ้มรับคำของแพทย์สาว

น่าแปลกที่คำพูดไม่กี่คำของเธอทำให้เขารู้ดีขึ้นจากเรื่องหดหู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าได้ในพริบตา

 

 

ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดในหัวใจของเขาและมันก็ดูมากขึ้นทุกที

 

 

นี่ผมกำลังตกหลุมรักคุณอยู่ใช่ไหมครับ...ฟาง

 

 

========================================================

ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ  แต่งแต่ละตอนช่างยากเย็นเลือดตาแทบกระเด็น

ใครจะได้ดอกไม้ดี  แล้วใครกันที่ทำร้ายป๊อป  รอติดตามนะคะ  ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เลยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา