Friend With Benefit เพื่อนกันฉัน(แอบ)รักเํธอ

9.8

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.16 น.

  8 ตอน
  226 วิจารณ์
  24.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

“ฉันตัดใจไม่ได้...”

 

 

            และฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะตัดใจจากโทโมะได้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ฉันกำลังช่วยกันเก็บข้าวของกับฟางโดยมีป๊อปปี้มาช่วยแต่เช้า ผู้ชายในบ้านอีกคนกลับทำเพียงแค่ปรายตามองพวกเราสมคนแล้วเดินออกจากบ้านไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับการจากไปของฉันกับฟางและมิตรภาพของเราที่ต้องจบลงแบบนี้สักนิด...นี่ถ้าป๊อปปี้ไม่ให้พวกเราเช่าบ้านพักอีกหลังหนึ่งของเขา ฉันกับฟางเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ที่ไหนเพราะเรื่องมันเกิดขึ้นรวดเร็วทันด่วนแบบนี้…

 

 

 

“ไม่ว่าแกจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องตัดใจ แต่ขอให้รู้เอาไว้...ดีกว่าได้อยู่ใกล้กันแล้วไม่มีคำว่ารักให้แก่กัน แบบนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า”  ฟางเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับบีบไหล่ฉันเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนที่เราทั้งสามจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้เพื่อไปอยู่บ้านใหม่ ฉันมองตามภาพสุดท้ายเอาไว้อย่างไม่ละสายตา...และจากมาด้วยหัวใจที่ปวดร้านเกินจะเยียวยาไหว

 

 

          ภาพของผู้ชายคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง อ้อมกอดของเขายังอบอุ่นไม่เสื่อมคลาย...มิตรภาพแต่เก่าก่อนยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำรางๆ บอกให้ฉันได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมด...เป็นได้แค่ความทรงจำ

 

 

 

 

            นี่ก็หลายอาทิตย์แล้วที่ฉันกับฟางย้ายออกมาอยู่บ้านใหม่ ถึงแม้ว่าใจจริงฟางอยากจะให้ฉันย้ายมหาลัยเลยด้วยซ้ำกลับเป็นฉันที่ขอร้องเอาไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องราวมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ ฉันกำลังจะเรียนจบในไม่ช้าและฉันไม่ควรเอาเรื่องอื่นมาทำให้เสียการเรียน โดยเฉพาะเรื่องของเขา...

 

 

 

            ทุกครั้งที่เราเดินผ่านกัน โทโมะแสดงออกให้ฉันเห็นว่าเขาไม่แคร์ฉันเลยสักนิด ไม่สนใจ...ไม่ ไม่ และไม่ ฉันได้แต่เพียรถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไมถึงยังไม่ยอมตัดเรื่องราวของเขาออกไปจากชีวิต ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่รัก ทั้งที่รู้อยู่ว่าคนที่เขารักคือแฟนของเขา แล้วไง...ทำไมฉันยังถึงเป็นคนบ้านั่งพร่ำเพ้อถึงเรื่องที่ไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แบบนี้ ตอบฉันที...โทโมะทำใจได้ยังไง เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือไง เขาทำได้ยังไงกัน...

 

 

 

“ร้องไห้ทำไม คิดถึงเขาเหรอ...”

 

 

 

“เปล่า!”   ฉันรีบปฏิเสธทันทีที่ป๊อปปี้พูดแบบนั้น บ้าเหอะ...ทำไมเขาจะต้องมาหาฉันในช่วงเวลาที่ฉันกำลัง ‘รู้สึกไม่ดี’ ด้วยนะ ทำไมฉันต้องทำตัวให้เขาจับได้ตลอดเวลาว่าฉันกำลัง ‘คิดถึง’ ใครบางคนอยู่จริงๆ

 

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอรักเขามากแค่ไหน แต่เธอควรตัด...”

 

 

“ตัดใจนะเหรอ...เหอะ ใช่ ฉันทำแบบนั้นมาตลอด และฉันไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง ไม่มีคนบนโลกคนไหนโง่เท่าฉันอีกแล้ว นายคิดเหรอว่าจะมีใครสักคนทนรักเขาอยู่ข้างเดียว ยอมเขาทุกอย่างแม้จะไม่เคยได้รับความรักกลับคืนมา...” 

 

 

 

             หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นขึ้น ก็มีคนรู้ความลับของฉันกับโทโมะเพิ่มอีกคนนึงนั่นก็คือป๊อปปี้ แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้และอีกอย่างเรื่องมันก็จบไปแล้ว...ป๊อปปี้ยังคงปฏิบัติตัวกับฉันเหมือนเดิมแม้จะรู้ว่าฉันอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก แน่นอน...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเลย

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันเข้าใจ เลิกร้องไห้ได้แล้วฟางเป็นห่วงเธอมากนะ...”  เขาดึงฉันเข้าไปกอดหลวมๆและฉันเองก็ไม่ได้นึกถือสาเพราะฉันเห็นว่าป๊อปปี้คือเพื่อนของฉันคนนึง และไม่ว่าเขาจะรู้สึกอะไรกับฉันหรือไม่หรือใครจะมองว่าเราสองคนเป็นยังไงก็ตาม....เขาก็คือเพื่อนของฉันเหมือนเดิมและไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้

 

 

 

“ขอบใจนะที่ยังอยู่เป็นเพื่อนฉัน...ขอบใจที่นายไม่คิดจะทิ้งฉันไปอีกคน”

 

 

“หรือต่อให้ทิ้งเธอก็คงไม่รู้สึกอะไร...เพราะฉันไม่ใช่โทโมะ...”   ฉันคิดว่าน้ำเสียงของเขาเศร้าพอควรเลยล่ะ นี่ยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ฉันยังไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไงดี...

 

 

 

            ฉันไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน ถ้าเขาไม่ชอบฉันแบบนั้นมันก็ดีไปแต่ถ้าเขาเกิดคิดอะไรกับฉันขึ้นมาจริงๆล่ะ...ไม่อยากจะคิดเลย ป๊อปปี้เป็นคนดีเกินไปและฉันก็ไม่กล้าจะปฏิเสธเขาแน่ๆหากวันนึงเขาเดินเข้ามาหาฉันแล้วพูดตรงๆ จะให้ฉันทำยังไง ให้ทำร้ายเขาด้วยการบอกว่า....ขอโทษนะฉันรักนายไม่ได้ เพราะฉันรักโทโมะ แบบนั้นน่ะเหรอ เหอะ....ไม่ใช่วิธีการของคนฉลาดเลยสักนิด

 

 

“นายเลิกพูดถึงผู้ชายคนนั้นเสียทีเหอะน่า!”

 

 

“ฉันรู้ว่าการจะตัดใจจากใครสักคนมันเป็นเรื่องยาก...โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่เรารักมาก ฉันแค่อยากจะเตือนเธอด้วยความเป็นห่วง จะบอกว่าฉันกลัวเธอกลับไปหาเขาก็ได้นะ...เพราะฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ...”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฉันรู้ว่าการจะตัดใจจากใครสักคนมันเป็นเรื่องยาก...โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่เรารักมาก ฉันแค่อยากจะเตือนเธอด้วยความเป็นห่วง จะบอกว่าฉันกลัวเธอกลับไปหาเขาก็ได้นะ...เพราะฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ...”

 

 

            คำพูดน๊อกเอ้าท์หัวสมองของฉันทำให้ตอนนี้ฉันเริ่มว้าวุ่นมากไปกว่าเดิมเป็นเท่าตัว การที่ป๊อปปี้พูดแบบนั้นกับฉันมันไม่ต่างอะไรกับการที่เขา ‘สารภาพรัก’ ฉันเลยสักนิด! ฉันไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจกับเรื่องราวบ้าบอที่มันเกิดขึ้นเลยจริงๆ มันจะดูเหมือนนิยายน้ำเน่าตามแผงหนังสือเกินไปหน่อยมั้ย ฉันรักผู้ชายอีกคนแต่เขากลับไม่รักฉันแถมยังทำร้ายฉันสารพัดแต่ฉันก็ยังคงรัก ในขณะที่ผู้ชายอีกคนแสนดีกับฉันทุกอย่างแต่ฉันกลับมองเขาเป็นแค่เพื่อน...

 

 

 

มันออกจะน้ำเน่าเกินไป...แต่...มันก็เกิดขึ้นแล้วในชีวิตของฉัน!

 

 

 

 

“ว่าไง มีอะไรจะบอกฉันมั้ย?”  ยัยฟางเดินเข้ามาถามฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและนัยน์ตากลมสวยคู่นั้นส่งสายตาซุกซนจับผิดฉันอย่างนึกสนุกจนฉันอดนึกไม่ได้ว่าอะไรที่ทำให้ยัยกระต่ายจอมโหดคนนี้ดูอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษหลังจากหลายวันที่ผ่านมาเจ้าตัวเองจะดูเครียดๆไป

 

 

 

จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ...

 

 

 

 

“เปล่านี่ ทำไมเหรอ?”

 

 

 

“อ้าว! แล้วกันสิ...มีอะไรทำไมไม่เคยบอกเพื่อนฮะ แกรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำแบบนี้ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยเอา หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วหรือไง หึ!” 

 

 

 

“แกพูดเรื่องอะไรเนี่ย....ฉันไม่เข้าใจ แล้วอะไรคือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย? ฉันไปทำอะไรที่ปิดบังแกงั้นเหรอ แกเข้าใจผิดแล้ว...”   เมื่อฟังที่ฉันแย้ง เจ้าตัวก็ค่อยคลายหน้าตูมๆออกแล้วหันมากระแซะถามฉันด้วยความอยากรู้เลยทีเดียว

 

 

 

“ก็เรื่องที่แกคบกับป๊อปแล้วแต่ยังปิดบังฉันเหมือนตอนที่แกคบกับ...เอ่อ...ขอโทษ นั่นแหละ”   ฟางชะงักไปครู่นึงเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา

 

 

 

            ทำไมกัน...ทุกครั้งที่เรื่องเก่าลอยมาเข้าหูฉันต้องนึกถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นตลอดเวลา ไหนจะเรื่องที่มหาลัยอีก หลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องราวระหว่างฉัน ฟาง และโทโมะต่างก็เข้ามาพูดให้ฉันกับฟางฟังว่าอยู่ที่คณะเขาทำตัวเละเทะแค่ไหน ชั่วโมงเรียนก็ไม่เข้า แถมบางวันก็เมาหัวราน้ำมาเข้าเรียนร้อนถึงเพื่อนของเขาต้องหิ้วกลับไปหากอาจารย์มาเห็นเข้าโทโมะคงถูกรีไทร์ออกเป็นแน่

 

 

โทโมะก็ยังคงเป็นโทโมะ...เขายังคงมีอิทธิพลกับฉันได้เสมอ!

 

 

 

“บ้าสิ! ฉันไม่ได้คบกับป๊อป เราเป็นแค่เพื่อนกัน...”

 

 

 

“อ้าว....ทำไมล่ะ แกก็เห็นว่าป๊อปเป็นคนดีแล้วเขาก็เหมาะกับแกมากด้วย เขาชอบแกนะแก้ว...แกคิดว่าจะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมอยู่ข้างๆแกในทุกเรื่องแบบนี้ คิดดูดีๆนะแก้ว...”

 

 

 

“ฉันขอบใจมากนะฟางที่แกพยายามจะแนะนำให้ฉันรู้จักกับคนดีๆอย่างป๊อป แต่คนเรา...ถ้าจะรักใครสักคน มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลวหรอกนะ สำหรับฉัน...ต่อให้ต้องจ็บเป็นร้อยเป็นพันรอบฉันก็จะรักเขาหาฉันมั่นใจแล้วว่าเขาคือคนที่ฉันกล้าที่จะพูดได้เต็มปากว่า ‘รัก’…”

 

 

 

“คนที่ทำให้แกเจ็บเจียนตาย คนที่ไม่เคยรักไม่เคยแคร์ ไม่เคยสนใจว่าแกจะรู้สึกยังแบบนี้น่ะเหรอที่แกรัก...ฉันจะไม่ว่าว่าแกเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดในโลกหรอกนะ แต่แกก็ไม่ฉลาดเหมือนกันที่ยังหลงเชื่อความรักลมๆแล้งๆที่ไม่มีวันเป็นจริงแบบนั้น เหอะ...ถ้ามันรักแกจริง มันต้องตามมาง้อแก มันต้องไม่ปล่อยให้แกเดินจากมาง่ายๆโดยที่ไม่คิดจะรั้งแกเอาไว้แบบนี้หรอกนะ!”

 

 

 

“...”

 

 

“หรือต่อให้มันจะมา ก็รู้ไว้เลยว่ามันเสียดายที่จะไม่มีของเล่นของตายให้มันแก้เหงาได้อีก โทโมะไม่ได้รักแก!”

 

 

 

“แต่ฉันรักเค้า! ฉันขอโทษนะฟาง ฉันทำให้ให้คิดอะไรกับป๊อปไม่ได้จริงๆ...ฉันขอโทษ...ฮึก...”  

 

 

 

            ฟางถอนหายใจหนักๆออกมาตามด้วยลมหายใจที่พ่นแรงตามอารมณ์คุกรุ่นในระหว่างที่เรามีปากเสียงกับเพราะผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แต่สุดท้าย...ฟางก็ดึงฉันเข้าไปกอดและฉันก็กอดตอบเพื่อนรักด้วยเช่นกัน ฉันเข้าใจแลไม่เคยคิดจะโกรธฟางเลยแม้แต่นิดเดียวที่พยายามผลักฉันเข้าหาป๊อปปี้ ฉันรู้ว่าเพื่อนหวังดีมากแค่ไหน....แต่ฉันก็เลือกที่จะปัดความหวังดีของเพื่อนออกไปด้วยเหตุผลโง่ๆที่ว่า....ฉันรักโทโมะ

 

 

 

“เอาล่ะๆ ไม่รักก็ไม่รัก หัวใจแกนี่...”

 

 

 

ปังๆๆๆๆๆๆๆ!

 

 

 

            ยังไม่ทันที่ฟางจะพูดอะไรจบ เสียงเคาะประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นถี่ยิบจนฉันสองคนมองหน้ากันอย่างไม่ไว้วางใจ ดกป่านนี้แล้วจะมีใครมาหาพวกเราอีก ป๊อปปี้ก็กลับไปตั้งแต่หัวค่ำหลังจากที่เขามาส่งฉันถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว และหากเขาจะมาก็คงโทรมาบอกแล้วด้วย

 

 

“แก้ว...แกอย่าเปิด”

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะไปดูเอง...”  จะหาว่าฉันเพ้อเจ้อคิดไปเองก็ไม่น่าจะผิดอะไรนัก รู้อะไรบ้างมั้ย...ว่าลึกๆแล้วในหัวใจของฉันกำลังคิดว่าคนที่กำลังยืนประตูแบบไร้มารยาทนั่นอยู่จะเป็นเขา...เป็นไปได้มั้ยที่เขาจะมาหาฉัน เขาจะมาง้อฉัน....จะเป็นไปได้มั้ย

 

 

 

และฉันก็ได้คำตอบ....

 

 

“มาทำไม!”

 

 

 

            เป็นเขาจริงๆ...ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันเป็นโทโมะจริงๆ หน้าตาของเขาดูซีดเซียวลงมาก ขอบตาหมองคล้ำและผมเผ้าที่ดูจะไม่ค่อยเป็นทรงสักเท่าไหร่มันผิดวิสัยของเขาเกินไป ทำไมโทโมะถึงได้ละเลยที่จะใส่ใจตัวเองแบบนี้...จะหาว่าเขามัวแต่ตามหาฉันจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองก็ดูจะเข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยงั้นสินะ

 

 

 

“ฉันถามว่ามาทำไม!”  ฉันยังพูดอะไรไม่ออกสักประโยคเดียว เสียงที่พูดนั่นคือเสียงของฟาง เจ้าตัวออกมายืนบังหน้าฉันไว้แล้วหันไปเผชิญหน้ากับโทโมะแทน

 

 

“ฉันมีธุระจะคุยกับเพื่อนเธอให้รู้เรื่อง...”

 

 

“อย่าเข้ามานะ ถ้านายเข้ามาในบ้านฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ!”  ฉัน...เป็นคนพูดประโยคนี้ออกไปเอง ฉันไม่ต้องการหลบอยู่หลังฟางตลอดไป นี่เป็นปัญหาของฉันกับโทโมะและฉันก็ต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ฉันรักแต่ฉันก็ไม่เคยลืมว่าโทโมะไม่เคยรักฉัน...

 

 

เพราะฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องไปคุยกับเขาให้มากความ...

           

 

“แก้ว...”  โทโมะเรียกชื่อฉันเสียงแผ่ว  นัยน์ตาของเขาดูเศร้าสร้อยไม่เหมือนโทโมะคนก่อนเลยสักนิด ฉันไม่อยากจะหวังเลยว่าเขาจะมาง้อฉัน ฉันไม่กล้าหวังอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย อยู่ใกล้เขาก็เหมือนชีวิตของฉันถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายแค่เขาผลักฉันนิดเดียว ฉันก็พร้อมจะตกลงไปทุกเมื่อ...

 

 

“ไม่ได้ยินหรือไงว่าเพื่อนฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย แล้วก็ขอทีนะ...เลิกยุ่งกับแก้วได้แล้วนายควรจะรู้สึกผิดไว้ด้วยนะว่าไม่ควรมาหาแฟนคนอื่นกลางค่ำกลางคืนแบบนี้!”

 

 

“แฟน...แฟนใคร ทำไมฉันจะต้องรู้สึกผิด ฉันมาหาเมียฉัน ไม่ได้มาหาเธอ!”

 

 

 

            บ้าเหอะ! ฉันอยากจะพุ่งเข้าไปตบหน้าผู้ชายคนนี้แรงๆสักสองสามทีเอาให้ช้ำในตายไปเลย เขากล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง เขาไม่ใช่หรือไงที่ผลักไสฉันออกอยู่ทุกวัน เขาไม่ใช่หรือไงที่บอกฉันว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน แล้ววันนี้เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงจะมาทวงสิทธิ์บ้าบอแบบนี้!

 

 

“ไอ้บ้าโทโมะ! นายไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับเพื่อนฉันนะ แล้วรู้ไว้เลยด้วยว่าเพื่อนฉันมีแฟนแล้วและคนๆนั้นก็คือผู้ชายที่แสนดีอย่างป๊อปปี้ไม่ใช่แสนเลวเหมือนนาย!”

 

 

 

            ฉันพอจะรู้จุดประสงค์ของฟางอยู่หรอกที่ฟางพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะต้องการกันให้โทโมะออกห่างจากฉัน แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด...

 

 

 

“ไอ้เวรนั่นเป็นแฟนเธอเหรอแก้ว!” 

 

          นัยน์ตาคมเข้มที่ฉันเคยหลงใหลในยามนี้กลับลุกโชติไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่เขาพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ โทโมะตรงเข้ามากระชากแขนฉันเข้าไปหาแล้วรัดตัวฉันไว้ด้วยอ้อมกอดร้อนแรงต่อหน้าฟาง ถึงแม้ว่าเขาจะถูกฟางทั้งทุบทั้งตีและพยายามจะแกะพันธนาการเขาออกจากฉันก็ไม่เป็นผล โทโมะแรงเยอะกว่าฉันสองคนมากและฉันคาดว่าเราไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย

 

 

“ฉันเจ็บ...ปล่อย!”

 

 

“ไม่ปล่อย! พูดมา ว่าสิ่งที่เพื่อนเธอพูดไม่เป็นความจริง”

 

 

 

“แล้วไง...ถ้าฉันจะคบกับป๊อปแล้วมันเรื่องอะไรของนาย อย่าลืมสิว่านายไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉัน อย่ามาเรียกฉันว่าฉันเป็นอะไรๆของนายเพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่ ถ้านายไม่รักฉัน...นายก็ควรจะปล่อยฉันไป จะมารั้งฉันไว้ให้ฉันเจ็บซ้ำซากแบบนี้ทำไมกัน ถามจริงเถอะ...นายมีความสุขมากใช่มั้ย!”

 

 

 

“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไรแต่ที่ฉันสนก็คือ...เธอต้องเลิกกับมันแล้วกลับมาหาฉัน เธอกล้าพูดต่อหน้าเพื่อนเธอหรือเปล่าว่าเธอไม่ได้รักฉัน...แก้ว...พูดสิ!”

 

 

 

            โทโมะกระชับอ้อมแขนให้รัดฉันแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับนัยน์ตาคมปลาบที่ตวัดมองฉันกับฟางสลับกันอย่างเอาเรื่อง ไม่เข้าใจเลย...ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาต้องมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้กับฉันด้วย

 

 

 

“ไอ้โทโมะ นายปล่อยแก้วเดี๋ยวนี้นะ! เป็นหมาบ้าไปแล้วหรือยังไง ปล่อยแก้วนะ!”

 

 

“เหอะ...นายรู้ตัวหรือเปล่าว่านายทำเหมือน...คนที่กำลังหึง ไม่สิ...มันไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แล้ว ไม่ได้รักฉันนี่ ฉันมันก็แค่ของเล่นของนาย ไม่ได้มีความสำคัญต่อจิตใจอะไรกับนายทั้งนั้น ฉันจำได้ดีทุกประโยคที่นายคอยย้ำพร่ำเตือนฉันเสมอว่าเราไม่ได้รักกัน....นั่นเป็นสิ่งที่นายคิดไปเองคนเดียว...”

 

 

 

“...”

 

 

“ถ้าแน่ใจก็พูดออกมาสิว่านายรักฉัน...กล้าพูดมั้ยล่ะ ถ้าไม่กล้าก็กลับไป....”

 

 

 

 

            ร่างสูงที่กำลังกอดรัดฉันอยู่ถึงกับชะงักพลางหลบสายตาฉันวูบ และแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อหัวใจของฉันได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน การที่เขาลังเลก็แปลว่าเขาไม่ได้คิดจะพูดว่ารักฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฟางพูดถูก...โทโมะกลับมาเพื่อรั้งฉันไว้ให้กลับไปเป็นของตายของเขาเพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าฉันรักเขามากแค่ไหน

 

 

 

            หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นในขณะที่มันก็กำลังเต้นช้าอ่อนแรงลงเมื่อเห็นว่าโทโมะนิ่งเงียบไป ฉันไม่ควรหวังอะไรจากผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ นอกจากตัวแล้วทุกสิ่งที่เป็นเขาฉันไม่เคยได้รับอะไรกลับคืนมาเลย....พอกันที พอแล้ว ต่อให้เขาพูดว่ารักฉันในวินาทีนี้ ต่อให้เขาอ้อนวอนคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน ฉันก็จะไม่มีวันกลับไป...

 

 

 

 

 


อย่าว่าป๊านุกช่วงนี้ผีดิบยื่งอ่อนแออยุ่TT

 

ผีดิบจะพูดว่าอะไรเดี๋ยวตอนหน้ารุ้เลยย

 

พน.จะวันเกิดนางและถ้าคิดฟิคทันจะมาแต่ง

 

ฟิคแฮปปี้เบิร์ดเดย์ผีดิบอิอิอิอิ รักนางมากนี่พูดเลย!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา