Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน

9.8

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.

  43 ตอน
  1179 วิจารณ์
  130.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

41)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
ตอนที่41
 
 
               แสงแดดอ่อนๆของประเทศไทยสาดส่องผ่านม่านสีสดใสในห้องนอนที่มีคู่สามี-ภรรยา
นอนกอดกันกลม ในเตียงเดิม ในห้องนอนห้องเดิม ในเรือนหอหลังเดิม แต่มันเป็นอีกครั้งในความ
ทรงจำครั้งใหม่...
 
 
               “ป๊าคับ แม่คับ”
 
 
               เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากหน้าห้องที่เจ้าตัวเล็กวัยสามขวบกำลังใช้มือเคาะประตูปลุก
เรียกคนเป็นพ่อและแม่ที่วันนี้ตื่นสายกว่าปกติ
 
 
               ธนันต์ธรญ์ดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งของสามีหนุ่ม ดวงตาหวานหรี่ลงเมื่อแสงแดด
เช้าวันใหม่ส่องตาเข้าเต็มดวง เธอหันหน้าไปมองนาฬิกาก่อนจะพบว่าตอนนี้เวลาเก้าโมงเช้าเข้าไป
แล้ว เจ้าตัวเล็กคงจะตื่นนอนแล้วและถูกนมทิพย์จับแต่งตัว ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เธอหยิบ
เสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะสะกิดเรียกสามีหนุ่ม และเดินไปเปิดประตูรับร่างตุ้ยนุ้ยเข้าสู่อ้อมกอด
 
 
               “สวัสดีคับ”เธอยิ้มเมื่อริมฝีปากบางเฉียบของเด็กชายธรรศจูบลงบนแก้มของเธอทั้งสอง
ข้าง เธอย้ายครอบครัวกลับมาอยู่ที่เมืองไทยร่วมหกเดือนแล้ว ภาณุชอบบ่นบ่อยๆว่าอากาศที่โน่น
หนาว และเขาสงสารคุณตาที่ต้องบินมาหาหลานไกลถึงที่นี่ เท่านั้น เธอจึงตัดสินใจย้ายกลับมาก่อน
ที่เจ้าตัวเล็กจะเข้าโรงเรียน
 
 
               “ป๊าตื่นสาย”เสียงของลูกชายตัวแสบเอ่ยฟ้อง ก่อนจะผละจากอ้อมกอดของเธอและวิ่ง
ไปที่เตียงนอน เจ้าตัวแสบปีนขึ้นเตียงอย่างทุลักทุเล และเริ่มปฏิบัติการปลุกคนเป็นพ่อทันที
 
 
               “ป๊าคับ”
 
 
               “ว่าไงไอ้ตัวแสบ”
 
 
               ภาณุลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยทักลูกชายตัวแสบที่ปีนมานั่งจุมปุ๊กอยู่บนเตียง เขาอุ้มร่าง
ตุ้ยนุ้ยขึ้น ก่อนจะยกร่างเล็กขึ้นลอยบนอากาศท่ามกลางเสียงหัวเราะใสๆของลูกชายและเสียงร้อง
ห้ามปรามของภรรยาสาว
 
 
               “อ้วนแล้วนะเรา ต่อไปได้กลิ้งแทนเดินแน่ๆ”เขาบ่น ก่อนจะมองใบหน้าที่ละม้ายคล้าย
กับเขา และหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าเจ้าตัวเล็กคงจะไม่เข้าใจที่เขาพูด เพราะอยู่ที่อเมริกานานตั้งแต่
แกเกิด เลยซึมซับเอาวัฒนธรรมและภาษาของที่นั่นมา แม้ในบ้านเขาและภรรยาจะบังคับให้พูด
ภาษาไทย แต่เพราะเป็นบ้านเป็นร้านค้า ต้องทำธุรกิจจึงต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ และแม้จะ
พูดกรอกหูแค่ไหนไอ้ตัวแสบก็ไม่ค่อยจะสนใจ และการย้ายมาอยู่ที่นี่เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ธรร
ศต้องพูดเพราะหากไม่พูดก็ไม่มีใครคุยกับเขารู้เรื่อง และด้วยภาษาไทยที่ยังไม่แข็งพอจึงไม่แปลก
ที่เจ้าตัวน้อยจะไม่เข้าใจ
 
 
               “สวัสดีคับ”เขาหัวเราะชอบใจเมื่อริมฝีปากบางเฉียบจูบลงบนแก้มของเขาทั้งสองข้าง
ตั้งแต่มาที่นี่ไอ้ตัวแสบได้ของเล่นอย่างน้อยวันละหนึ่งชิ้นเสมอ เนื่องจากเครือญาติพากันเห่อหลาน
คนแรกของวงศ์ตระกูลกันเหลือเกิน ไหนจะคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายที่ขยันผลัดกันสอนภาษาไทย
วันละคำให้ และคำว่าสวัสดี เขาก็ได้ยินอย่างนี้อยู่เป็นเดือนแล้ว
 
 
               “ไหนลองไหว้ให้ป๊าดูหน่อยซิ”เขามองมือเล็กป้อมที่ประกบเข้าหากัน ก่อนเจ้าตัวเล็ก
จะก้มศีรษะลงกระแทกกับปลายคางเขาเต็มๆ
 
 
               “โอ้ย! ไอ้ตัวแสบ”
 
 
               ธนันต์ธรญ์มองเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าเหลอหลาเมื่อกระแทกศีรษะทุยเข้ากับปลายคาง
ของคนเป็นพ่ออย่างแรง ก่อนจะอดยิ้มไม่ได้เมื่อคนเป็นพ่อปากนั้นเอ่ยคาดโทษลูกชาย แต่กลับรีบ
กุลีกุจอดูศีรษะทุยสวยของลูกชายว่าบาดเจ็บหรือไม่
 
 
               “หนูไหว้เป็นแล้ว ป๊าซื้อเลโก้ตัวใหม่ให้หนูนะ”
 
 
               “รอให้หิมะตกประเทศไทยก่อนเถอะ ทำร้ายร่างกายป๊าแล้วยังจะหวังผลอีก”เธอมอง
คนเป็นพ่อที่แกล้งงอน ก่อนสามีหนุ่มจะวางร่างเล็กตุ้ยนุ้ยไว้บนเตียงและเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป
เจ้าตัวเล็กปีนลงจากเตียงก่อนจะเดินมาหาเธอด้วยสีหน้างุนงง แน่นอนว่าธรรศไม่เข้าใจที่พ่อของเขา
พูด
 
 
               “ป๊าพูดว่าอะไรนะคับ”เธอหัวเราะเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยในศัพท์ที่เจ้าตัวเล็กพอจะเข้าใจ
 
 
               “ป๊าบอกว่าWhen pig fly.ป๊าถึงจะยอมซื้อเลโก้ให้หนู”
 
 
               “ป๊าบ้าแน่ๆ หมูที่ไหนจะบินได้ งั้นแม่ซื้อให้หนูนะค้าบ”เธอหัวเราะเอ็นดูเมื่อร่างเล็กโผ
เข้ากอดเธอ ก่อนจะออดอ้อน ดวงตากลมโตคู่นั้นมองเธออย่างเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง
 
 
               “ขี้อ้อนนักนะ ไปง้อป๊านู่น งอนเราแย่แล้ว”เธอเอ่ย ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กไปวางไว้บน
เตียงและเปิดการ์ตูนเรื่องโปรดให้ลูกน้อย เมื่อเห็นว่าสามีหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำเธอจึงเดินไป
เพื่อจะเข้าไปทำธุระส่วนตัว
 
 
               “ดูลูกด้วยนะคะ”
 
 
               “ครับผม”
 
 
               ภาณุรับคำ ก่อนจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มนวลของภรรยาสาวอย่างมันเขี้ยว และเดินไป
หยิบกางเกงมาสวม หยิบเสื้อเชิ้ต ก่อนจะเดินไปนั่งกับลูกน้อยที่นอนดูการ์ตูนอยู่
 
 
               “สนุกไหมครับ”
 
 
               “สนุกคับ”เขาแปลกใจ เมื่อจู่ๆไอ้ตัวแสบก็ปีนขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนมือเล็กป้อมจะจด
กระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขาอย่างทุลักทุเล ติดกระดุมไม่ตรงรังดุมบ้าง ติดไม่เข้าบ้าง แต่ก็พยายามอยู่
อย่างนั้นจนเสื้อเข้าที่เข้าทาง ร่างเล็กปีนลงจากเตียงก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบขวดแป้ง
ฝุ่นและเดินกลับมาที่เตียงแต่กลับไม่ยอมปีนขึ้นมา
 
 
               “อุ้มคับ”แขนเล็กป้อมอ้าออกเพื่อรอให้เขาอุ้มขึ้นบนเตียง เขาหัวเราะเอ็นดูก่อนจะส่าย
หน้าระอาไอ้ตัวแสบที่คงจะเหนื่อยกับการปีนขึ้น-ลงเตียงนอน
 
 
               “เหนื่อยแล้วสิท่า”เขาบ่น ก่อนจะมองเจ้าตัวเล็กที่เทแป้งเต็มอุ้งมือน้อย และค่อยๆประ
แป้งลงบนใบหน้าและลำคอของเขาอย่างสะเปะสะปะ
 
 
               “handsome! คิกๆ”
 
 
               “หล่อครับ”เขาเอ่ยแก้ ไอ้ตัวแสบทำท่าอึกอัก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเพี้ยนๆ
 
 
               “หลอคับ”เขาหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอ่ย
 
 
               “หลอน่ะมันฟันเรา หล่อ เอาใหม่ซิ หล่อ”มือเล็กเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเอ่ย
 
 
               “หล่อคับ”เขาหัวเราะ ก่อนจะอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นมา หอมแก้มยุ้ยอย่างมันเขี้ยว
 
 
               “ขอโทษคับ”เขามองมือเล็กที่แตะที่ปลายคางของเขาเบาๆ อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็น
ใบหน้าสำนึกผิดของลูกชาย
 
 
               “ป๊าไม่เจ็บหรอก ขี้อ้อนเหมือนแม่ไม่มีผิด”เขาหยิกแก้มยุ้ยอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเล่น
กับลูกน้อยรอภรรยาสาวที่ทำธุระส่วนตัว
 
 
               “เล่นอะไรกันพ่อลูก”
 
 
               ธนันต์ธรญ์เอ่ย ก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกพอกแป้งฝุ่นจนขาวโพลน และอด
หัวเราะไม่ได้ คิดว่าคงจะเป็นฝีมือของลูกชายตัวแสบแน่ๆ
 
 
               “ไม่ต้องค้างก็ได้ ไอ้ตัวแสบประแป้งให้กับมือ แถมยังชมว่าหล่ออีกต่างหาก”
 
 
               “หล่อคับ”เธอมองลูกน้อยที่เอ่ยก่อนจะยิ้มแป้นอย่างภูมิอกภูมิใจ อดคิดไม่ได้ว่าเธอ
และลูกโชคดีแค่ไหนที่มีภาณุคอยอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เธอก็เชื่อว่าเขาจะพา
เธอและลูกไปได้ ไม่ว่าหนทางจะยากลำบากสักเท่าไหร่ เธอก็เชื่อว่าเขาจะพาเธอและลูกผ่านไป
ได้...
 
 
 
               ภาณุเดินจูงมือลูกชายที่เดินเตาะแตะลงมาจากข้างบนบ้าน เขามองหาภรรยาสาวก่อน
จะเอ่ยบอกคนที่ง่วนอยู่ในครัว
 
 
               “ไปครับ เดี๋ยวจะไปถึงช้า”เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะออกมาพร้อมกับกล่องอาหารว่าง
ของเจ้าตัวเล็ก เขาอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยของลูกชายขึ้นก่อนจะยกกระเป๋าสัมภาระเดินไปที่รถคันหรู
 
 
               “เอ้า ไอ้ตัวแสบลงไปได้แล้ว”เขาเอ่ยบอกลูกชาย ก่อนจะวางร่างเล็กให้ยืนบนพื้น เขา
แยกไปเก็บกระเป๋าลงในกระโปรงท้ายของรถ
 
 
               “ป๊าคับ”เขาขานรับเจ้าตัวเล็กก่อนจะรอฟังเสียงใสๆที่เอ่ยขึ้น
 
 
               “แล้วคุณปู่จะรออยู่ที่ทะเลหรอคับ”
 
 
               “ใช่ครับ ธรรศไปช่วยแม่ถือของสิลูก”เขาเอ่ย ก่อนจะเห็นร่างเล็กป้อมวิ่งเตาะแตะไปหา
คนเป็นแม่ และเดินถือขวดนมมาก่อนจะเปิดฝาดูดนมอุ่นๆกินอย่างสบายอารมณ์ เขาส่ายหน้าให้กับ
ความเจ้าเล่ห์ของลูกชาย ก่อนจะเดินไปช่วยภรรยาสาวถือของ เตรียมตัวเดินทางไปสู่หัวหิน...ไปใน
ที่ๆที่เขาเชื่อว่ามันจะลบบาดแผลในใจของเธอออกไปได้...
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา