[Saint Omega]For you or me ?

7.0

เขียนโดย MeiaR

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.

  15 บท
  2 วิจารณ์
  19.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5 ผู้ที่ถูกหักหลัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            เสียงคำรามของสายฟ้าดังอยู่ใกล้จนเหมือนกับจะพุ่งมาฟาดฟันใส่เขาได้ทุกเมื่อ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เหมือนหัวใจโดนกรีดเป็นชิ้นๆเมื่อได้เห็นร่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยบาดแผลนอนฟุบอยู่บนพื้น โคกะจับจ้องไปยังชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่คุกรุ่นไปด้วยโทสะ

                “ทำไม!”เขาตะโกนถามออกไปอย่างเหลืออดเมื่อพบว่าตนถูกหักหลัง เอเดนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่กลับไม่ได้ตอบคำถามของโคกะทำให้เด็กหนุ่มต้องถามอีกครั้ง

                “นายทำร้ายเขาทำไม!”ยิ่งตะโกนถามใจของเด็กหนุ่มก็ยิ่งเจ็บแปลบกับความโง่เขลาของตัวเอง

                เขาทนให้อีกฝ่ายเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ร่างกายแปดเปื้อนจนกระทั่งตัวเองยังรังเกียจที่จะแตะต้องทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นจนไม่อาจทนไหว แต่เขาก็ยังยอมทนเพราะรู้ว่าเอเดนเป็นคนรักษาสัญญา แต่ว่า....

                “ตอบมาสิ!”เขาตะโกนถามไปอีกครั้งและในที่สุดเอเดนก็ตอบหากแต่เป็นคำตอบที่เขาไม่ต้องการแม้แต่นิดเดียว

                “เพราะผมต้องการจะฆ่ามัน”เป็นเพียงคำตอบที่สั้นและเรียบง่ายแต่เชือดเฉือนขีดความอดทนสุดท้ายของโคกะจนขาดสะบั้น  โคกะเร่งพลังคอสโมออกมาจนถึงขีดสุดแล้วพุ่งเข้าหาเอเดนโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไป

                “เอเดน!”

                เปรี้ยง!

                หมัดหนึ่งพุ่งเข้าหาใบหน้าอันเฉยชาของเอเดนแต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งที่ยกขึ้นมาป้องกันได้ทันท่วงที ชายหนุ่มสบมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของโคกะที่คล้ายกับจะลุกไหม้เป็นสีเพลิงแล้วกำมือที่ตัวเองจับเอาไว้แน่นจนแทบเรียกว่าบดขยี้

                “โกรธที่ผมทำร้ายผู้ชายคนนี้มากขนาดนี้เลยเหรอ”เอเดนถามเสียงเรียบๆไม่มีวี่แววสำนึกว่าตนเองได้ผิดคำสัญญาของโคกะเลยแม้แต่นิดเดียวทำให้โคกะยิ่งโกรธจัดแล้วใช้มืออีกข้างชกใส่ร่างตรงหน้าในระยะประชิดอย่างไม่ยอมแพ้ชายหนุ่มปล่อยมือที่จับเอาไว้ทันทีก่อนจะขยับตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและจัดการชกสวนกลับไปทันทีซึ่งโคกะก็เบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด

                “เขาไปทำอะไรให้นาย!”โคกะถามด้วยเสียงที่เหมือนกับจะกรีดร้องออกมาแต่เอเดนก็ยังสามารถตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนเดิม

                “เพราะเขาทำให้นายมีความสุข”ราวกับตอกย้ำถึงคำพูดที่เอเดนเคยบอกเอาไว้ไม่มีผิด เอเดนต้องการให้เขาทรมาณเจียนตายและอยากที่เหยียบย่ำตัวเขาให้แหลกสลาย เขานึกถึงตอนที่เอเดนยื่นข้อเสนอออกมา

                เขารู้ว่าตัวเองแทบไม่มีหวังที่จะชนะและก็ไม่อาจปฏิเสธเงื่อนไขที่เหมือนกับคำสั่งนี้ได้ โคกะได้แต่กอดความหวังอันริบหรี่แล้วยอดทอดกายตัวเองให้อีกฝ่ายได้ย่ำยีทุกค่ำคืน ทั้งที่เขาเตรียมใจไว้ขนาดนี้และทำไปทุกอย่างแล้วแต่เอเดนกลับผิดสัญญาง่ายๆคล้ายกับจะบอกว่าเขามันโง่เองที่ไปหลงเชื่อคำสัญญาจอมปลอมนั้น

                “สารเลว!”เขาด่ากลับไปทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนทุกครั้งซึ่งในคราวนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัวเขาแล้วพร้อมกับใช้มือบีบที่ข้างแก้มสองข้ามด้วยแรงที่มากพอจะบีบให้กรามของเขาแตกได้แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

                “นายมันคนใจง่าย เพียงแค่ได้รอยยิ้มของชายคนนี้นิดหน่อยก็ถึงกับเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้อง ตัวตนของนายมันมีค่าแค่นี้เองเหรอ”คำพูดประโยคนี้ทำให้โคกะรู้สึกเหมือนเพิ่งโดนอีกฝ่ายตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเจ็บแปลบ เขาสะบัดตัวหนีแต่ก็ไม่อาจหนีคำดูถูกของอีกฝ่ายพ้น

                “สำหรับนายแล้วขอแค่ใจดีด้วยจะเป็นใครก็ได้สินะ”อีกหนึ่งประโยคที่ทำให้โคกะถึงกับนิ่งสนิท เขาอยากจะสวนกลับคำพูดของเอเดนแต่ก็หาสิ่งใดมาตอกกลับไปไม่ได้ สิ่งที่เอเดนพูดเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เมเลี่ยนอาจมีพระคุณแต่ทำไมเขาถึงต้องมาเสียสละตัวเองแบบนี้ด้วยทั้งที่ตลอดมาคนที่เขาจะเสียสละตัวเองให้พี่เพียงแค่คุณซาโอริกับอาเรียที่จากไปแล้วเท่านั้น

                “น่าสมเพชจริงๆ”ขณะที่พูดเอเดนก็หรี่ตาคล้ายกับไม่อยากจะมองเขาแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะละสายตาไปจากตัวเขา เขาอ่านแววตาของเอเดนที่มองมาไม่ออกและหวาดกลัวที่จะรับรู้ถึงความหมายแฝงที่อยู่ในนั้น สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่ต้องหันหน้าหนีเพราะทนสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้

                “ถ้าหากว่านายพอใจกับความใจดีเล็กๆน้อยๆนั่นแล้ว ถ้าผมใจดีด้วยนายจะนึกชอบผมขึ้นมาด้วยรึเปล่า”พริบตาที่ได้ยินเอเดนพูดประโยคนี้ความสับสนงุนงงก็กำเนิดขึ้นในใจของเขา เพราะเอเดนถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาจึงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดประโยคนั้น

                “หมายความว่ายังไง”เอเดนถามคำถามนี้มาเพื่ออะไรแล้วอยากให้เขาตอบอะไรกลับไปหรือเพียงแค่อยากจะดูถูกตัวเขาเพิ่มขึ้นเท่านั้น

                นายอยากจะบอกว่าตัวฉันมันไร้ค่าถึงขนาดต่อให้โดนนายทำร้ายมากแค่ไหนแค่ทำดีด้วยนิดเดียวฉันก็จะยกโทษให้งั้นเหรอ...นายคิดแบบนี้ใช่รึเปล่า.....โคกะอยากจะพูดประโยคนี้ออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากพูดออกไปก็มีแต่ตัวเขาที่โดนดูถูกมากขึ้นเท่านั้น

                ท่ามกลางความสับสนร่างบางได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าชายที่ตนนึกชิงชัง อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้เข้ามาทำร้ายเขา เอเดนยืนมองเขาด้วยท่าทางคล้ายกับรอคำตอบ แต่แล้วในวินาทีนั้นเองที่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของโคกะ

                “ไม่ระวังเลยนะ เพกาซัส”ยังไม่ทันที่โคกะจะได้หันกลับไปลำคอบางก็ถูกวงแขนใหญ่กดล็อคเอาไว้จนหายใจแทบไม่ออกทำให้เขากันกลับไปมองข้างหลังไม่ได้ หากแต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับทำให้เขารู้ว่าคนที่จับเขาไว้คือใคร

                “เมเลี่ยน”เขาเอ่ยเรียกชื่อใครคนนั้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

 

                นี่มันเกิดอะไรขึ้น.....

                เขาอยากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะถามใครจึงจะได้คำตอบที่พอใจซึ่งบางทีมันคงไม่มีคำตอบที่เขาพอใจ เบื้องหน้าเขาคือคนที่อยากให้เขาทุกข์ทรมาณแต่อีกคนที่จับเขาอยู่กลับเป็นคนที่เขาอยากจะปกป้องซึ่งตอนนี้กำลังกดลำแขนลงบนคอเขาจนน่ากลัวว่าจะสามารถหักคอเขาได้อย่างง่ายดาย

                “เมเลี่ยน”เขาเรียกอีกครั้งโดยหวังให้เมเลี่ยนมีคำอธิบายอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่งดวงหน้าใจดีอ่อนโยนของชายหนุ่มยังคงส่งยิ้มแบบเดิมๆมาให้แต่คำพูดกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

                “เธอนี่จะเรียกว่าซื่อบื้อหรือว่าเชื่อใจคนง่ายดีล่ะ แค่นี้ก็ยังไม่รู้งั้นเหรอ”ท้ายประโยคเป็นเสียงสูงบ่งบอกว่าเป็นประโยคคำถามแต่โคกะกลับรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยการดูถูกดูแคลนตัวเขา

                “เธอเป็นคนใจง่ายแบบที่ท่านเอเดนพูดจริงๆนั่นแหละ เพียงแค่ผมใจดีด้วยก็ทำท่าดีใจอย่างกับเด็กเล็กๆหรือจะเรียกว่าเพกาซัสที่เชื่องๆดีล่ะ”ทุกคำที่อีกฝ่ายพ่นออกมานั้นไม่ต่างกับพิษร้ายที่กัดกินตัวเขา ยิ่งได้ฟังโคกะก็ยิ่งเจ็บใจเมื่อพบว่าเขาถูกหลอก เด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริงแต่สรรพนามของใครคนหนึ่งที่แทรกอยู่ในคำพูด

                “ท่านเอเดนงั้นเหรอ....”คนที่จะเรียกเอเดนแบบยกย่องก็มีแต่....

                “จริงสิผมเองก็ต้องแนะนำตัวใหม่ใช่ไหม ผมคือมาร์เชี่ยนซึ่งทำหน้าที่เป็นสปายให้กับท่านเมเดียในนามของThree Horned Chameleon แต่คงไม่ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักหรอกนะ”น้ำเสียงยามแนะนำตัวของเมเลี่ยนหรือชื่อจริงคาเมเลี่ยนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในใจของโคกะ

                นี่เขาโดนทั้งสองคนหลอกใช่ไหม...

                ทุกอย่างไม่ว่าจะความอ่อนโยนและการตัดสินใจทุกอย่างของเขาล้วนแต่เป็นเพียงบทละครที่ถูกชักใยโดยฝีมือของทั้งสองคน สภาพตัวเขาในตอนนี้คงสาแก่ใจเอเดนแล้วสินะ เพราะคนที่เขายอมสละตัวเองเพื่อปกป้องแท้จริงแล้วกลับเป็นศัตรูที่รอจะหักหลังเขาอยู่ ในเวลานี้ขนาดจะหัวเราะสมเพชตัวเองเขาก็ยังทำไม่ได้เลย

                “นี่ใช่มั้ยสิ่งที่นายต้องการ”โคกะถามกับเอเดนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่แทบจะสิ้นหวังก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆเอเดนยังคงเงียบและมองเขาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าและไร้ซึ่งคำพูดใดๆแม้แต่คำเดียว

                “เอาล่ะท่านเอเดนลงมือสิครับ”เสียงของเมเลี่ยนดังอยู่ข้างหู เสียงอันอ่อนโยนกำลังบอกให้คนที่เขาเกลียดลงมือฆ่าเขา พอมองลอดผ่านน้ำตาที่เริ่มไหลรื้นเขาก็เห็นว่าในอุ้งมือของเอเดนมีประกายของสายฟ้าแล่นแปลบปลาบ ช่างน่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกกลัวแต่กลับรู้สึกสิ้นหวังมากกว่า

                ในวินาทีต่อมาที่เอเดนยกมือขึ้นเขาจึงค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อหลีกหนีความจริงอันโหดร้ายทั้งหมด เอเดนเงื้อหมัดขึ้นและพุ่งมันไปยังข้างหน้าตนเองด้วยความรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า

                เปรี้ยง!

                ร่างที่ถูกชกลอยไกลออกไปตามแรงหมัดที่พุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเลหากแต่ร่างนั้นกลับไม่ใช่เพกาซัสที่ใกล้แตกสลายหากแต่เป็นร่างของกิ้งก่าเปลี่ยนสีคาเมเลี่ยน!

                “อั่ก....ท่านเอเดน...ทำไม...”เมเลี่ยนถามด้วยน้ำเสียงติดจะอู้อี้เพราะโดนชกเข้าที่หน้าอย่างจัง ชายหนุ่มมองไปยังเอเดนที่ช้อนร่างของโคกะไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวด้วยความตกตะลึงเมื่อพบว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บ

                “ท่าทางแกจะเข้าใจอะไรผิดไป เรื่องของผมกับเพกาซัสไม่ใช่สิ่งที่แกจะสามารถเข้ามาก้าวก่ายได้ ชีวิตของเพกาซัสอยู่ในมือของผมดังนั้นต้องมีแต่ผมที่ทำร้ายเขาได้”ร่างสูงเอ่ยด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ดวงตาสีมรกตจ้องเข้าไปยังดวงตาสีเขียวปนเหลืองของเมเลี่ยนแล้วจึงปล่อยมือจากโคกะ

                คราวนี้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายตกตะลึงบ้างเมื่อได้ยินคำพูดประโยคเมื่อครู่โดยเฉพาะกับการช่วยเขาจากเงื้อมมือของเมเลี่ยนทั้งที่ไม่จำเป็น โคกะมองแผ่นหลังของคนที่ค่อยๆเดินห่างออกไปด้วยความสับสนเต็มหัวใจ

                ทุกย่างก้าวของเอเนดที่ขยับเข้าไปหาเมเลี่ยนนั้นเต็มไปด้วยพลังสมกับที่มีสายเลือดของมาร์สอยู่ในร่าง รังสีคุกคามที่ถูกปล่อยออกมานั้นคมปลาบและบาดผิวจนรู้สึกแสบร้อนไม่ต่างกับกำลังโดนอัสนีแผดเผา ดวงตาทั้งสองข้างเย็นเยียบดุจน้ำแข็งซึ่งทำให้ผู้ที่เห็นถึงกับสั่นด้วยความหวาดกลัว

                “ท่านเอเดนนี่ท่านปกป้องเพกาซัสศัตรูคู่แค้นงั้นเหรอ”เมเลี่ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกกับบทสรุปที่ออกมาในทางที่เขาคาดไม่ถึง

                ตอนแรกเขาคิดว่าเอเดนแค่อยากทรมาณเพกาซัสให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับนายเหนือหัวของเขาและที่ทำร้ายเขาในตอนแรกคงเพียงแค่เพราะเขายุ่งไม่เข้าเรื่องแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเจ้านายคนสุดท้ายของเขากำลังยืนอยู่ข้างหน้าเพกาซัสพร้อมกับลงมือทำร้ายเขาโดยไม่ลังเลทำให้ดวงตาของเมเลี่ยนเปลี่ยนเป็นความคับแค้นใจในทันที

                “ช่างน่าเสียดายที่เป็นบุตรของท่านเมเดียเหลือเกินเพราะบุตรคนนี้ได้ช่วยศัตรูที่ฆ่ามารดาของตัวเอง! ทั้งที่มันช่วงชิงทุกอย่างไปจากท่านแต่ตอนนี้ท่านกลับปกป้องมัน เพราะอะไร!”เสียงของเมเลี่ยนมีแต่ความรวดร้าวเมื่อพบว่านายเหนือหัวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่กลับมองข้ามความจงรักภักดีของตัวเองแล้วเลือกจะช่วยศัตรู

                “มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม”เอเดนตัดบทอย่างง่ายๆแล้วตั้งท่าเตรียมจัดการบุคคลตรงหน้า เมเลี่ยนไม่ได้ขยับตัวถอยหนีแต่กลับเลือกยืนประจันหน้าเอเดนอย่างไม่เกรงกลัวทั้งยังหัวเราะเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

                “หึ ที่ทำแบบนี้เพราะอะไรครับเพราะหลงมันใช่รึเปล่า ผมรู้นะว่าท่านทำอะไรกับมันบ้าง ผมไม่คิดเลยว่าท่านจะวิปริตหลงใหลในตัวของผู้ชายด้วยกันซ้ำยังเป็นศัตรูคู่แค้นกันแบบนี้”ถ้อยคำสกปรกของเมเลี่ยนทำให้โคกะหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อมีคนรู้ในสิ่งที่เขาไม่อยากให้ใครรู้และยังกล่าวซ้ำเติมเขาอย่างโหดร้ายแต่ในตอนนั้นเองที่เอเดนก็ปล่อยหมัดออกไปในทันทีราวกับจะตัดคำพูดของเมเลี่ยนให้ขาดสะบั้น

                เปรี้ยง!

            ใบหน้าที่ไม่เหลือความใจดีของเมเลี่ยนบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บแต่กระนั้นสายตาอาฆาตแค้นก็ยังจับจ้องไปเบื้องหน้าอย่างไม่ลดละแล้วจากนั้นจึงค่อยเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

                “ถ้าเช่นนั้นเห็นทีผมคงต้องแสดงความภักดีครั้งสุดท้ายเสียแล้ว”ชายหนุ่มหยิบสนับมือที่มีหนามแหลมคมติดอยู่ออกมาสวมเข้าที่มือแล้วตัดสินใจดีดตัวไปยังข้างหน้าโจมตีเป็นครั้งแรกและยังเป็นครั้งสุดท้าย หากแต่เป้าหมายของการโจมตีไม่ใช่เอเดนกลับเป็นโคกะที่ยืนอยู่ข้างหลังของเอเดน

                “ทุกอย่างเพื่อท่านเมเดีย!”เมเลี่ยนตะโกนเช่นนั้นแล้วเล็งเป้าไปยังอกข้างซ้ายของเด็กหนุ่มที่โดนโจมตีอย่างไม่คาดคิด ไม่ว่าจะด้วยร่างกายที่ยังอ่อนแอหรือการโจมตีอันคาดไม่ถึงก็ล้วนแต่เป็นเหตุให้โคกะไม่สามารถหลบการโจมตีที่หมายเอาชีวิตนี้ได้ เด็กหนุ่มได้แต่หลับตาแล้วพยายามเบี่ยงตัวให้รอดพ้นจากการโดนแทงที่หัวใจ

                ฉัวะ!

                เสียงเนื้อถูกเหล็กแหลมแทงทะลุดังขึ้นอย่างน่าสยดสยองหากแต่ความเจ็บกลับมาไม่ถึงตัวเขา สิ่งที่สัมผัสได้มีแต่ความอบอุ่นที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาราวกับโดนใครสักคนกอดไว้ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆเพื่อพบว่าเอเดนเข้ามากอดเขาเอาไว้ทำให้หัวไหล่ของชายหนุ่มถูกแทงจนทะลุ

                “เอเดน...”เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเมื่อหยดเลือดไหลลงมาโดนแก้ม เอเดนกัดฟันอดกลั้นความเจ็บเพื่อไม่ให้ร้องออกมาก่อนจะปล่อยโคกะออกจากอ้อมกอดท่ามกลางสายตาตกตะลึงรอบสองของโคกะกับเมเลี่ยน

                “ท่านเอเดนนี่ท่าน....”คงเพราะความตกใจทำให้เมเลี่ยนเผลอปล่อยมือจากอาวุธ เพราะถึงอย่างไรเอเดนก็เป็นถึงบุตรของเมเดียที่เขาเคารพรักเขาจึงไม่อยากทำร้าย ทีแรกเขาคิดว่าต่อให้ถูกเอเดนสังหารก็จะขอพาเพกาซัสศัตรูที่แสนเกลียดชังไปด้วยแต่ไม่นึกว่าเอเดนจะพุ่งเข้ามากอดเพกาซัสไว้จนอาวุธของเขาพลาดเป้า

                หลังปล่อยมือจากโคกะแล้วเอเดนก็จัดการกระชากสนับมือหนามที่แทงไหล่ของตนเองออกส่งผลให้มีเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลมากมายแต่เอเดนก็ยังสามารถตีสีหน้านิ่งเฉยได้ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากรวบรวมพลังคอสโมแล้วแล้วใช้มันจัดการเมเลี่ยนโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ

                “Tonitrui Saltare!”เสียงคำรามที่ดังกึกก้องของเอเดนมาพร้อมกับบอลสายฟ้าที่พุ่งเข้าใส่เมเลี่ยนที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มขยับยิ้มด้วยสีหน้าที่คล้ายกับการเย้ยหยันพลางขยับปากพูดอะไรบางอย่างที่โคกะไม่ได้ยินแล้ววินาทีต่อมาร่างนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง

                ยามเมื่อแสงจางลงก็มีเพียงร่างของสปายแห่งมาร์สล้มลงบนพื้น ร่างนั้นแน่นิ่งไปและไร้ซึ่งลมหายใจใดๆทั้งสิ้น เอเดนหรี่ตาน้อยๆก่อนจะหันหลังไปมองโคกะที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมด ใบหน้าของเด็กหนุ่มสะท้อนให้เห็นถึงความงุนงงระคนสับสนไม่เข้าใจในเรื่องราวอย่างเห็นได้ชัดและเอเดนก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ฟังทั้งสิ้น

                ชายหนุ่มยืนกุมบาดแผลบนไหล่พลางมองสบกลับไปในดวงตาสีน้ำตาลของโคกะที่ไม่อาจหาคำพูดใดๆมาเอ่ยได้ ทั้งสองยืนมองกันและกันอยู่เช่นนั้นจวบจนกระทั่งมีผู้อื่นปรากฏตัวขึ้นมาเพราะพบความผิดปกติพร้อมกับพาทั้งสองคนกลับไปรักษาบาดแผล

 

            การที่เอเดนกำจัดสปายของมาร์สที่เหลือรอดอยู่ส่งผลให้ฐานะของชายหนุ่มดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมองตนเองเช่นไร ชายหนุ่มทำเพียงแค่พยักหน้ารับคำขอบคุณของอาธีน่าแล้วจึงขอตัวกลับห้องหลังจากที่ทำแผลเสร็จ

                ทางด้านโคกะที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากหลังจากถูกไต่ถามเรื่องราวอยู่ครู่หนึ่งก็ได้กลับห้อง เพียงแต่เมื่อกลับมาถึงห้องเขาก็พบว่าคนที่มาก่อนยังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงโดยไม่ยอมพักผ่อน ใบหน้าคมเงยขึ้นมองโคกะที่ยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไปซึ่งการกระทำที่เมินเฉยต่อเขาทำให้โคกะต้องกัดฟันกรอด

                “นายจะไม่พูดอะไรเลยงั้นเหรอ”เขาถามและเอเดนก็ถามกลับทันที

                “นายอยากให้ผมพูดอะไรล่ะ”คำถามของเขาถูกแทนที่ด้วยคำถามที่เขาเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี โคกะมีเรื่องมากมายที่อยากรู้แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบหรือไม่ หลังจ้องกันอยู่นานในที่สุดเอเดนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับปิดหนังสือในมือก่อนจะเริ่มพูด

                “คาเมเลี่ยนเป็นสปายที่แฝงตัวเข้ามาในแซงค์ทัวรี่ตามคำสั่งของท่านแม่ แม้จะไม่มีฝีมือมากนักแต่ทักษะการแฝงของเขาก็ดีมากจนท่านแม่ไว้วางใจ หลังจากที่เขารู้เรื่องที่ผมทำกับนายก็มาเสนอตัวว่าจะช่วยผมทำร้ายนาย”ความจริงข้อนี้ไม่ได้ทำให้โคกะเจ็บมากอีกต่อไปแต่กลับเกิดความสงสัยขึ้นมาแทน

                “แล้วนายฆ่าเขาทำไม”เอเดนบอกอยู่เสมอว่าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาณดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปกป้องเขาเลย คราวนี้เอเดนกลับหลบตาเขาแล้วจึงค่อยตอบ

                “ชีวิตของนายเป็นของผม ดังนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครคนอื่นนอกจากผมมาทำร้ายนายเด็ดขาดไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม”พูดจบเอเดนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่แบบคนที่ตัดสินใจไปแล้ว

                จุดประสงค์ของเอเดนยังคงเหมือนเดิม ทุกคำที่เอ่ยออกมายังคงบ่งบอกถึงความต้องการในความทรมาณของเขาแต่ก็น่าแปลกเหลือเกินที่เขาไม่ได้รู้สึกชิงชังถ้อยคำเหล่านี้เหมือนเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้

                ห้วงสติของเขาคิดถึงในตอนนี้เกือบจะถูกเมเลี่ยนฆ่าตาย ตอนนั้นถ้าหากไม่ได้เอเดนช่วยไว้อย่างน้อยเขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ได้อยู๋ในอ้อมกอดนั้นความอบอุ่นที่ได้รับยังคงหลงเหลืออยู่บนร่างกายความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องภายใต้วงแขนนั้นทำให้เขารู้สึกดีจนน่าเจ็บใจ

                ท่าทางเขาจะเป็นคนที่ใจง่ายอย่างที่โดนประณามไว้จริงๆ

            “แบบนี้เท่ากับว่าฉันติดหนี้นายสินะ”พอคำพูดนี้หลุดออกไปขนาดคนพูดเองก็ยังมึนงงว่าตนเองนั้นเผลอพูดประโยคนี้ออกไปได้อย่างไร ทางด้านเอเดนเองก็ดูแปลกใจไม่น้อยกับคำพูดอันเกินคาดของโคกะ

                “มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก”น้ำเสียงของเอเดนนิ่งมากจนน่าโมโหราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สมควรใส่ใจ ดวงตาคู่คมเหลือบมองท่าทางคับแค้นใจของเด็กหนุ่มก่อนจะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยประโยคถัดมา

                “หากติดหนี้ผมจริงนายคิดว่าตัวเองมีอะไรมาชดใช้หนี้ได้งั้นเหรอ ถ้าไม่มีก็เงียบซะ”คำพูดแทงใจดำทำให้โคกะต้องนิ่งเงียบไปอีกรอบ เพราะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าตัวเขานั้นไม่มีอะไรเลย เอเดนเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าลงต่ำคล้ายกำลังครุ่นคิดหนักก่อนกล่าวซ้ำเติม

                “หรือจะใช้เงื่อนไขเดิมด้วยการเอาร่างกายมาแลกล่ะ เพราะอย่างน้อยร่างกายของนายก็ยังพอมีค่าอยู่บ้าง”เงื่อนไขเดิมที่เคยได้ยินวกกลับมาอีกครั้งส่งผลให้ร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งทื่อไปในทันที ซ้ำร้ายเอเดนยังพูดต่อเพื่อตอกย้ำเขาให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม

                “แต่ตอนนี้ผมบาดเจ็บอยู่นายคงต้องทำเอง คงเข้าใจความหมายที่ผมพูดใช่ไหม”สิ้นเสียงพูดของเอเดน โคกะก็ตกอยู่ในสภาพที่เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา ใบหน้าหวานซีดเผือดพอกับที่หัวใจรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมากับสิ่งที่เอเดนพูดถึง

                ตั้งแต่ครั้งแรกเขาก็เป็นฝ่ายที่ถูกบังคับมาตลอด ในคราวนี้แม้จะถูกบังคับเหมือนกันแต่เขาจะต้องเป็นผู้เริ่มเองและกระทำมันจนจบด้วยตัวเองแค่คิดโคกะก็รู้สึกอับอายขึ้นมาแล้ว เด็กหนุ่มลอบมองใบหน้าเฉยชาที่จ้องมองตัวเขาเงียบๆคล้ายรอคำตอบแม้จะพูดเรื่องน่าอายออกมาเอเดนก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยนจนเขานึกโมโหขึ้นมา

                อย่ามองเขาด้วยสายตาเมินเฉยเหมือนกับว่าตัวเขาไม่มีค่าอะไร...โคกะอยากจะตะโกนออกไปเช่นนี้แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะรู้ดีว่ามันคงไม่มีประโยชน์ ที่เอเดนบอกให้เขาทำคงเพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีวันกล้าพอที่จะทำซึ่งเท่ากับว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เอเดนคิด ดังนั้นเขา....

                “ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกพูดเรื่องนี้ไปได้แล้ว”เอเดนพูดเพื่อปิดบทสนทนาแต่กลับเป็นโคกะที่ไม่ยอมให้มันจบลง

                “ได้ ฉันจะทำ”พริบตาโคกะพูดประโยคนี้ออกมาเอเดนก็เผยสีหน้าค่อนข้างตกตะลึงออกมาแล้วค่อยมองเขาด้วยแววตาที่เหมือนกับไม่เชื่อ พอถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นโคกะก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนดูถูกซึ่งเขาจะไม่ยอมโดนดูถูกอีกแล้ว โคกะคิดถึงคำพูดของเมเลี่ยนว่าเอเดนหลงใหลในตัวเขา

                โคกะไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงและก็ไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด เอเดนก็แค่อยากเอาชนะเขาและต้องการเห็นเขาทรมาณกับคนแบบนี้เขาไม่อยากจะมีหนี้ค้างใดๆติดไว้ทั้งสิ้น อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็แปดเปื้อนไปแล้วมันจะเกิดขึ้นอีกสักกี่ครั้งก็มีค่าเท่ากัน

                “ฉันจะทำ”โคกะกล่าวอีกครั้งเหมือนกับจะย้ำตัวเองแล้วจึงเริ่มถอดกางเกงของตัวเองออก ตอนนี้ความโกรธกำลังเข้าครอบงำเด็กหนุ่มจนกระทั่งลืมความอายไปเสียหมดสิ้น ร่างบางปีนขึ้นไปบนเตียงของชายหนุ่มแล้วเริ่มปลดกางเกงของอีกฝ่ายออกทันที

                “แน่ใจงั้นเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามแต่โคกะไม่ได้ตอบ เด็กหนุ่มหยัดกายขึ้นคร่อมอยู่ตรงส่วนกลางลำตัวของชายหนุ่ม เสื้อยืดที่สวมอยู่ถูกเลิกขึ้นสูงให้ริมฝีปากบางคาบชายเสื้อไว้ในปากเพื่อปิดกั้นเสียงร้องของตัวเอง โคกะกัดฟันแน่นก่อนตัดสินใจกดร่างลงเบื้องล่างทันที

                “อื้อ!”แม้จะเตรียมตัวรองรับความเจ็บไปแล้วแต่วินาทีที่ร่างกายรับเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาความเจ็บปวดก็ยังพุ่งพล่านและทำหน้าที่ของได้เป็นอย่างดี เขารู้สึกได้เลยว่าจุดที่รับตัวตนของชายหนุ่มเข้ามามีเลือดออกแต่เด็กหนุ่มก็ข่มความเจ็บเอาไว้แล้วขยับกายต่อไป

            ดวงหน้าหวานที่เมื่อครู่ยังซีดเผือดเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ขยับกาย แม้จะเจ็บใจแต่ร่างกายที่คล้ายกับจะเคยชินต่อการกระทำแบบนี้ก็เริ่มร้อนขึ้นแต่ให้ตายโคกะก็ไม่อยากยอมรับว่าตัวเขาก็เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว กระนั้นแม้ใจจะไม่ยอมรับแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถปฏิเสธปฏิกิริยาทางร่างกายได้

                เอเดนมองใบหน้าที่แฝงไปด้วยความทรมาณผสมกับความโกรธของโคกะแล้วก็ต้องทอดถอนใจกับความดื้อรั้นขนาดม้าเพกาซัสที่ยังคงพยศไม่เปลี่ยน ชายหนุ่มขยับกายออกจากหัวเตียงที่เอนพิงอยู่แล้วใช้แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บรวบร่างของโคกะเข้ามาส่งผลให้เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลมองเขาด้วยความสงสัยทันที

                “เห็นแก่ที่วันนี้คาเมเลี่ยนทำเสียเรื่อง ผมจะยอมใจดีด้วยนิดหน่อยก็แล้วกัน”พูดจบริมฝีปากนั้นก็ทาบลงบนกลางอกเปลือยเปล่าแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลื่อนไปยังยอดอกเพื่อหยอกล้อด้วยเรียวลิ้นขณะที่มือกำลังทำหน้าที่นวดเฟ้นไปยังแผ่นหลังและเอวบอบบาง

                กายบางถึงขั้นสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆร่างกายก็โดนสัมผัสอย่างค่อนข้างจะจาบจ้วง เขายังคงนึกรังเกียจที่จะโดนอีกฝ่ายแตะต้องเหมือนกับของเล่นชิ้นหนึ่งแต่ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเขาไม่ได้นึกขยะแขยงกับการถูกคนผู้นี้กอดอีกต่อไปแล้ว สัมผัสอุ่นร้อนของฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามตัวส่งผลให้กายขาวบิดเร่าทั้งยังลิ้นอุ่นที่ลิ้มรสยอดอกของเขาก็กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า เอเดนทำอย่างที่พูดจริงๆเพราะถึงแม้ร่างกายของเขากำลังถูกอีกฝ่ายสัมผัสตามใจชอบแต่เอเดนก็ดูจะเบามือกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

                ผิวกายถูกขบเม้มด้วยแรงไม่มากนักแต่มากพอจะทำให้เกิดความกระสันในความใคร่ขึ้นมาจนต้องบิดกายหนีแต่กระนั้นสะโพกของเขากลับถูกรั้งไว้ด้วยมือข้างที่เจ็บอยู่ของชายหนุ่ม ยังไม่ทันที่โคกะจะได้พูดหรือส่งสายตาใดๆเสียงทุ้มก็ได้กระซิบข้างหูเขา

                “อย่าหยุดสิ แค่นี้น่ะทำให้ผมพอใจไม่ได้หรอกนะ”สิ้นคำนั้นกายของเขาก็ถูกดึงรั้งให้ลงมารับแรงกระแทกจากด้านล่างอย่างรุนแรง

                “อ๊า!”ชายเสื้อที่คาบไว้หลุดไปในตอนที่เขาถูกบังคับให้กระแทกร่างลงมาเสียงร้องของเขาถึงได้หลุดออกมาอย่างน่าอับอาย

                “ร้องครวญครางให้ผมได้ยินสิ”อีกฝ่ายเอ่ยคล้ายกับสั่ง หากเป็นก่อนหน้านี้โคกะคงได้จ้องกลับไปด้วยสายตาโกรธแค้นแต่โคกะในตอนนี้ก็ไม่ได้มีสติพอที่จะทำเช่นนั้น จะด้วยเพราะรสสัมผัสที่ปลุกเร้าหรือเพราะอะไรก็ตามแต่โคกะก็ไม่อาจสั่งการให้ตัวเองหยุดได้อีกต่อไป

                เด็กหนุ่มขยับสะโพกเร็วขึ้นและแรงขึ้นพร้อมส่งเสียงครางอันน่าพอใจออกมาให้ได้ยินในขณะที่เอเดนหอบหายใจหนักๆซึ่งอาจเป็นเพราะการกระทำนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บแผลที่ไหล่ขึ้นมาแต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน

                ดวงตาสองข้างของเขากำลังจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงซ่าน ดวงตาสีน้ำตาลที่มักจ้องมองเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาในเวลากำลังเยิ้มฉ่ำเพราะราคะที่เขามอบให้ซึ่งเอเดนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าร่างในอ้อมกอดของเขาแลดูน่ารักขึ้นมานิดหน่อย

                “อะ..อื้ม! ฉันจะ..ไม่ไหว..แล้ว....”ท่ามกลางเสียงครางและหอบกระเส่ากว่าโคกะจะสามารถพูดคำนี้ออกมาได้เด็กหนุ่มก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควร เอเดนไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปแต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบด้วยการฝืนใช้มือทั้งสองข้างบังคับร่างของโคกะให้ขยับไปตามจังหวะการกระทำของเขาที่ติดจะรุนแรงไปบ้าง

                เด็กหนุ่มถึงขั้นหวีดเสียงร้องครวญครางออกมาไม่เป็นภาษาทั้งยังโผเข้ากอดศีรษะของชายหนุ่มเอาไว้โดยไม่รู้ตัว สุดท้ายร่างกายของเขาก็ถูกอีกฝ่ายชักนำไปตามใจชอบซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ที่เขาจะไม่ต้องเป็นคนทำเอง เด็กหนุ่มตัดสินใจปิดตาลงแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เอเดนต้องการ

                “เรียกชื่อของผมสิ”เอเดนกระซิบที่ข้างใบหูของเขาอีกครั้ง ลมหายใจร้อนที่กระทบกับใบหูทำให้เขารู้สึกจั้กจี้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เอเดนบอกออกมานั้นเป็นคำสั่งหรือไม่แต่เขาก็ยังเผลอทำตาม

                “เอเดน...”เสียงเรียกชื่อชายหนุ่มนั้นแหบพร่าแต่ก็ชวนฟังอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าของชื่อขยับตัวเพื่อกดจูบเข้าที่ลำคอขาวเหมือนกับจะให้รางวัลกับการเชื่อฟังของเขา โคกะไม่เข้าใจว่าการกระทำนี้ของเอเดนมีความหมายอะไรรึเปล่าซึ่งเขาก็ไม่มีโอกาสได้ถามเพราะจังหวะเร่งเร้ารุนแรงได้ดึงเอาสติทุกอย่างของเขาไปจนหมด

                เรือนกายขาวโยกคลอนไปตามจังหวะเร่าร้อนที่ถูกบังคับให้รับเอาไว้ ฝ่ามือหยาบกร้านที่ออกแรงดึงรั้งเอวเขาไว้ถูกเพิ่มแรงเพื่อยึดตัวเด็กหนุ่มเอาไว้แน่นเหมือนกับกลัวเขาจะหนีไป ชายหนุ่มรับฟังเสียงครางที่ริมฝีปากบางส่งออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งเมื่อถึงขีดสุดมวลอารมณ์แห่งความใคร่ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด

                “อ๊า! เอเดน!”โคกะกรีดร้องพร้อมกับเผลอเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา เรียวแขนที่ยึดตัวชายหนุ่มเอาไว้ก็ยิ่งเพิ่มแรงในการเกี่ยวรัดเอาไว้เมื่อตัวเขาเองก็ได้ปลดปล่อยออกมาเหมือนกัน โคกะเหยียดตัวเกร็งไปทั่วร่างเมื่อรับรู้ได้ถึงน้ำแห่งชีวิตที่ร้อนแรงพุ่งเข้ามาในร่างกาย พอเอเดนถอนกายออกไปร่างบางจึงค่อยๆทรุดตัวลงเอนกายพิงกับหัวไหล่ของร่างตรงหน้าอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

                “พอใจรึยัง...”แม้จะหมดแรงแค่ไหนแต่ด้วยความพยศที่ไม่ได้ลดลงเด็กหนุ่มจึงได้ถามกึ่งประชดออกไปเช่นนั้น โคกะไม่ได้รอฟังคำตอบของเอเดนเพราะคำพูดเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเขาไปแล้ว ดวงตาคู่โตค่อยๆหรี่ปิดลงแล้วตามด้วยเสียงลมหายใจยาวๆอย่างคนที่หลับไปแล้ว

                เอเดนมองคนที่บอกว่าเกลียดเขาซึ่งตอนนี้กำลังใช้หัวไหล่เขาหนุนต่างหมอนนอนสลบไสลไม่ได้สติแล้วก็อดที่จะถอนหายใจอย่างนึกอ่อนอกอ่อนใจไม่ได้แล้วจึงค่อยใช้สายตามองไปยังดวงหน้ายามหลับของโคกะ เอเดนเกลี่ยเส้นผมสีแดงที่บดบังใบหน้านั้นออกไปอย่างแผ่วเบาเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ฉายแววเหนื่อยอ่อนและติดจะซีดเผือดเล็กน้อย

                “เพกาซัส...”เขาเอ่ยเรียกแต่ก็ไม่ได้คิดให้โคกะตอบกลับมา มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มเส้นผมสีแดงอยู่หลายครั้งแล้วจึงค่อยขยับตัวให้โคกะลงมานอนบนเตียงเคียงข้างตัวเขา ชายหนุ่มมองใบหน้าที่นอนหลับอย่างสงบนั้นอีกครั้งแล้วจึงค่อยหลับตาลงเพื่อพักผ่อนเช่นเดียวกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา