พ่อบ้านปีศาจ ภาคชิเอลเป็นปีศาจ บท2 YAOI 18+

8.9

เขียนโดย sebbynoi

วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.33 น.

  40 บทที่ 2 พ่อบ้านผู้นั้น กับเรื่องในอดีด
  11 วิจารณ์
  100.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

14) ตอนที่ 14

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทางด้านชิเอลในตอนนี้เขากำลังพยายามดึงขาออกมาจากท่อนไม้อย่างอับจนหนทาง 

"ฮึบ!!!! ฮึ้ย ทำไมเอาไม่ออกสักทีนะ"ชิเอลร้องโวยพยายามดึงขาตนเองให้ออกมาจากท่อนไม้ให้ได้ ตอนนี้เหงื่อไหลอาบหน้า คราบเลือดตามร่างกายแห้งกังติดตัว เขารู้สึกแย่เอามากๆ ทั้งเหนียวตัว และรู้สึกกลัว อันตรายที่มาจากความมืด อาจจะมีปีศาจที่เลวร้ายกว่าแวมไพร์พวกนั้น
และมันอาจกำลังจ้องจะเล่นงานเขาอยู่ ชิเอลมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง สายลมเย็นๆพัดมารุนแรงขึ้นและอากาศเริ่มเย็นลงอย่างรวดเร็ว 

"บรึ๋ยยย!!!! หนาวจัง ทำไงดีล่ะ เราไปไหนไม่ได้เลย จะต้องติดแหงกอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน"ชิเอลนั่งบ่นพรางเอาแขนมากอดอกพยายามถูๆแขนไปมาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาหน่อย แต่สภาพอากาศที่นี่เลวร้ายมาก ยิ่งเป็นช่วงหน้าหนาวด้วยแล้ว ถ้าหากเขาเป็นมนุษย์ป่านนี้คงไข้ขึ้นไม่สบายไปแล้ว

ยังดีที่มีพลังปีศาจช่วยรักษาเยียวยาร่างกายเขาเอาไว้ นับว่าเป็นข้อดีของการเป็นปีศาจล่ะนะ
และขณะที่ชิเอลกำลังนั่งรออยู่บนพื้นหญ้า รอให้ใครสักคนมาช่วย เขาไม่ได้คาดหวังว่าพ่อบ้านจอมโหดจะมาช่วยหรอก เขาทำใจเอาไว้แล้วว่าเซบาสเตียนอาจจะเกลียดเขาแล้วก็ได้ ถึงทำทารุนเขาขนาดนี้ ยิ่งคิดถึงพ่อบ้านปีศาจชิเอลก็ยิ่งรู้สึกเศร้าและน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้นเรื่อยๆ 

"ทำไมกันนะ ทำไมเจ้านั่นถึงทำกับเราขนาดนี้ โหดร้าย ป่าเถื่อนที่สุดเลย "ชิเอลพูดอย่างเศร้าๆพรางเงยหน้ามองดูบนท้องฟ้า ที่ก่อนหน้านี้เขาเจอกับฝูงค้างคาวปีศาจ คราวนี้เขาจะเจอกับอะไรอีกหรือเปล่านะในค่ำคืนนี้

"เงียบจัง หวังว่าคงไม่เจอปีศาจน่ากลัวๆอีกนะ ว่าแต่เราจะต้องนั่งอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ทำไมไม่เห็นมีใครผ่านมาแถวนี้บ้างเลย "ชิเอลพูดอย่าหดหู่พรางมองไปรอบๆตัว ไม่มีปีศาจตัวอื่นๆเดินผ่านมาเลยสักตนเดี่ยว แม้แต่พ่อบ้านปีศาจก็ไม่มีทีท่าว่าจะโผล่มาให้เห็นเลย 

"ไม่มีแม้แต่...เจ้าบ้านั้น ...คงจะทอดทิ้งเราแล้วสินะ เมื่อกี้ตอนที่ปาต้นไม้ใส่เรา ดูเจ้านั้นแฮปปี้ดีนี่ แถมยังโบกมือลาเราอีก ไม่มีทีท่าอาลัยอาวรเลยสักนิด เราคงถูกทิ้งแล้ว..."ชิเอลนั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกน้อยใจ เขาอยากให้เซบาสเตียนมาตามหาเขา แต่ดูท่ามันจะเป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแร้งๆของเขาเองสินะ

"นั่นสินะ เจ้านั่นคงไม่มีทางมาตามหาเราหรอก คงเกลียดเราแล้วล่ะมั้ง ที่ผ่านๆมาเราเอาแต่สร้างความเดือดร้อนให้ตลอดเลยนี่นา ใครจะมาชอบคนอย่างเรากันล่ะ ทั้งไร้ประโยชน์ ไร้ค่า กินก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ สำหรับเจ้านั้นแล้วเราคงมีค่าไม่ต่างอะไรกับซากศพที่มีชีวิต แถมยังเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้อีก สำหรับเจ้านั้นที่ไม่เคยที่จะเชื่อใจใครเลย รวมทั้งเราด้วย " ชิเอลพูดรำพึงพรางเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเศร้าๆ
ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเสียจริง เด็กหนุ่มในตอนนี้มีแต่ความทุกข์ใจ และความน้อยใจในตัวพ่อบ้านหนุ่ม เขามัวแต่โทษตัวเองที่ไร้ค่าจนไม่ทันได้

สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูอยู่ห่างๆ คนๆนั้นกำลังยืนอยู่ข้างๆม้าสีนิลตัวใหญ่ กำลังลูบขนสีนิลของมันที่นุ่มสลวยเงางาม พรางจ้องมองดูร่างของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าและที่ขาถูกท่อนไม้ขนาดใหญ่ทับไว้
คนๆนั้นมองดูด้วยความสงสาร แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่ายืนมองอยู่อย่างนั้น รอดูท่าทีของเด็กหนุ่มว่าพอจะขยับขาออกมาเองได้หรือไม่ แต่เด็กคนนั้นก็เอาแต่นั่งโทษตัวเอง บางทีก็เหม่อมองท้องฟ้ายามราตรี ในสภาพที่ค่อนข้างย่ำแย่เอาการเพราะเนื้อตัวมีแต่คราบเลือดแต่ไม่มีบาดแผล คนนั้นยังคงมองดูพรางลูบขนของม้าสีนิล

"นิลกาฟ ฉันคงต้องขอให้แกช่วยฉันล่ะนะ แกเป็นม้าปีศาจนี่นา มีพลังมากกว่าม้าทั่วไป ฉันขอถามแกอีกครั้งว่าแกเต็มใจจะช่วยฉันมัย" คนๆนั้นถามม้าสีนิลเงางาม ม้าหันหัวม้าแล้วร้องฮี้ๆแล้วเอาลิ้นเลียหน้าคนๆนั้น

เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือเซบาสเตียนที่ก่อนหน้านี้มาถึงที่นี่นานแล้วและพอเห็นว่านายน้อยของเขาติดแหงกอยู่กับท่อนไม้จึงตัดสินใจหายตัววับเข้าไปในเมืองซาตานเพื่อไปขอยืมม้าปีศาจกับเพื่อนเก่าที่เขารู้จักแล้วก็ขี่มันมาที่นี่ผ่านป่าที่รกชัฏ ม้าตัวนี้แตกต่างจากม้าทั่วไป ทั้งฉลาด ทั้งคล่องแคล้วว่องไว มีความจำดีเป็นเลิศ มีการดมกลิ่นที่แม่นยำ และมีพลังมหาศาลในการขนลากสิ่งของหนักๆ แม้ตัวนายน้อยไม่ค่อยหนักแต่ซากต้นไม้ค่อนข้างหนักเอาการ แล้วตอนนี้เขาก็ค่อนข้างเหนื่อยด้วยจากการใช้พลังปีศาจไปมากแล้วด้วย จึงต้องหาตัวช่วยมาเป็นเครื่องทุ่นแรง

"ฮี้!!!" เจ้าม้าสีนิลร้องตอบรับตามคำขอของเซบาสเตียน แล้วมันก็ผงกหัวขึ้นลงเพื่อตอบตกลงว่าจะช่วยเหลือเจ้านายชั่วคราวของมัน

"ดีมากนิลกาฟ ไว้เสร็จงานนี้แล้วฉันจะเลี้ยงแครอทสิบหัว กับเลือดของฉันหนึ่งถังเลยนะ ช่วยฉันหน่อยนะ "เซบาสเตียนพูดพรางลูบขนที่แผงคอของมันแล้วจากนั้นก็ปีนขึ้นขี่เจ้าม้าปีศาจแล้วบังคับให้มันพุ่งทยานไปตามทางให้อยู่ในระยะที่ใกล้ชิเอลในระยะสิบเมตร เจ้าม้าควบมาด้วยความเร็วสูง
แล้วมันก็หยุดลงตรงหน้าเด็กหนุ่มในระยะสิบเมตรพอดีแป๊ะๆ 

"นั่นอะไรน่ะ"ชิเอลที่กำลังนั่งก้มหน้าเศร้าท่าทางซึมๆอยู่ พอได้ยินเสียงเหมือนกลีบเท้าม้า เขารีบเงยหน้าแล้วเพ่งมองตรงไปข้างหน้าซึ่งตรงนั้นมีม้าสีนิลตัวใหญ่ยืนอยู่ แม้จะอยู่ห่างสิบเมตรแต่เขาก็พอจะมองออกว่าคนที่ขี่อยู่บนหลังของมันคือใคร

"ซะ เซบาสเตียน!!!!"ชิเอลร้องด้วยความตกใจ และคาดไม่ถึงว่า เซบาสเตียนจะขี่ม้าตรงมาตามหาเขา
"มานั่งทำไรตรงนี้ล่ะครับ นายน้อย ไหนบอกว่าจะไปตามทางไม่ใช่หรือไง " เซบาสเตียนพูดแซวเล่น เขายังอยู่ห่างจากชิเอลในระยะสิบเมตร เข้าใกล้เด็กหนุ่มไม่ได้

"เชอะ ก็ตั้งใจว่าจะไปอ่ะนะ แต่ว่า ถ้านายไม่ตาบอดล่ะก็คงมองเห็นล่ะสินะว่าทำไมฉันถึงไปไหนไม่ได้น่ะ " ชิเอลพูดอย่างไม่สบอารมณ์พรางหันหน้าหลบ

"อ้อมองเห็นสิขอรับ ผมไม่ได้ตาบอดนี่ สภาพดูไม่จืดเลยนะครับนายน้อย หึหึหึ"เซบาสเตียนพูดพรางหัวเราะเยาะ เขากำลังนั่งอยู่บนหลังของม้าปีศาจ ก้มลงมองร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มทั้งขำทั้งสงสาร 

"หุบปากไปเลย ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!!!! "ชิเอลตะโกนอย่างดื้อดึง พยายามดึงขาตนเองให้หลุดออกมาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่นั้น

"ใครกันล่ะที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้น่ะ คนที่ทำคือปีศาจบ้าเลือดอย่างนายไม่ใช่หรือไง นายมันโหดร้าย ป่าเถื่อนที่สุด 
กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ "ชิเอลพูดอย่างไม่สบอารมณ์ 

"ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็นายน้อยไม่ยอมถอนคำสั่งเองนี่นา ผมเข้าไปใกล้ก็ไม่ได้ จับตัวก็ไม่ได้ และที่ทำแบบนั้นเพื่อปกป้องคุณไม่ให้พวกแวมไพร์มาดูดเลือดได้ พวกนั้นมันฟื้นตัวได้เร็ว หากมันได้กลิ่นเลือดที่หอมแหวนของคุณมันจะตื่นขึ้นมาอีก ผมก็แค่ทำให้คุณหนีไปให้ไกลจากตรงนั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ผมจะได้จัดการเก็บกวาดเจ้าพวกนั้นได้สะดวก" เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ เขารู้สึกสบายใจที่นายน้อยปลอดภัยดีแม้จะอยู่ในสภาพดูไม่จืดก็เถอะ แต่งไงก้ยังไม่เป็นอะไร

"แล้วนายมาตามหาฉันทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปตามทางของฉัน นายจะมาคบกับฉันทำไมในเมื่อฉันเป้นคนที่ไว้ใจอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ "ชิเอลพุดอย่างไม่สบอารมณ์

"เฮ้ออ...นายน้อยนี่...ทำไมถึงเอาแต่โทษตัวเองล่ะครับ ผมไม่ใช่ไม่ไว้ใจคุณนะ ผมไว้ใจคุณมากกว่าใครๆเลยนะครับ"เซบาสเตียนถอนใจอย่างเหนื่อยใจ

"โกหก ถ้านายไว้ใจฉันทำไมนายไม่ยอมพูดถึงเรื่องของตัวเองให้ฉันฟังบ้างล่ะ ทีนายยังรู้เกี่ยวกับตัวฉันได้เลยทำไมฉันจะรู้เกี่ยวกับตัวของนายบ้างไม่ได้ล่ะ "ชิเอลพูดอย่างน้อยใจ พรางหลบหน้าแม้จะอยู่ไกลแต่ชิเอลก็ไม่อยากให้เซบาสเตียนเห็นหน้าอยู่ดี 

"เฮ้อออ "เซบาสเตียนได้แต่ถอนใจ แล้วนิ่งเงียบไป ชิเอลจึงหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ที่เซบาสเตียนไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย ไม่มีท่าทีแก้ต่างอะไรเลยด้วย แต่แล้วเขาก็พึ่งสังเกตได้ว่าเซบาสเตียนขี่ม้า เขาไม่ค่อยได้เห็นพ่อบ้านหนุ่มขี่ม้ามาก่อน

"แล้วนี่มันอะไรกันล่ะ นายขี่ม้ามาทำไม"ชิเอลถามอย่างแปลกใจ

"ก็ม้าปีศาจน่ะสิขอรับ ผมไปขอยืมมาจากเพื่อนปีศาจในเมืองจะเอามาช่วยยกท่อนไม้ออกจากตัวคุณน่ะแหละ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางลูบขนนุ่มสลวยของนิลกาฟ

"โหยๆ ถึงขนาดใช้ม้าเลยเหรอ ตัวนายเองก็ทำได้ไม่ใช่หรือไง ขนาดถอนลากถอนโคนต้นไม้แล้วปาใส่ฉันยังทำได้ง่ายๆเลยไม่ใช่หรือไง ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องใช้ม้าเลยนี่ "ชิเอลพูดพรางหลับตาหันหน้าหลบพ่อบ้านหนุ่มอีกตามเคย

"ใช่ขอรับ จริงๆแล้วผมก็ทำได้สบายๆอยู่แล้ว แต่มันติดตรงที่ผมใช้พลังไปมากแล้วมันเลยเพลียๆนิดหน่อย เลยจะหาเครื่องทุ่นแรงมาช่วยน่ะครับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ พรางเอามือล้วงไปในถุงที่ห้อยอยู่ที่บังเหียนของม้าสีนิล 

"เชอะ นายไม่ต้องมาช่วยฉันเลยนะ ฉันไม่ได้เป็นคนขอให้นายมาช่วยสักหน่อย"ชิเอลพูดอย่างดื้อดึง 

"ผมมันประเภทยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุน่ะครับ แม้นายน้อยไม่ร้องขอก็ตาม นั้นเพราะผมเป็นพ่อบ้านของคุณ เจ้านายของผมกำลังลำบาก ในฐานะของพ่อบ้านแล้วยังไงก็ต้องช่วยอยู่ดี แม้เจ้านายจะใจแข็งไม่ได้ร้องขอก็ตาม" เซบาสเตียนพุดยิ้มๆพรางหยิบเชือกยาวๆมาหนึ่งขดใหญ่ๆออกมาจากถุงที่ห้อยที่ตัวม้าสีนิล ชิเอลเพ่งมองดูอย่างแปลกใจกับท่าทีของเซบาสเตียน

"นั้นนายคิดจะทำอะไรน่ะ เซบาสเตียน"ชิเอลถามพรางมองดูเชือกเส้นนั้นอย่างระแวง

"ก็มาช่วยนายน้อยยังไงล่ะขอรับ "เซบาสเตียนพูดยิ้มๆเขากำลังนั่งอยู่บนหลังม้าสีนิลในมือถือขดเชือกไว้ ชิเอลทำหน้างงจะมาช่วยยังไงล่ะในเมื่อเวบาสเตียนเข้ามาใกล้เขาในระยะสิบเมตรไม่ได้ เขาไม่มีทางถอนคำสั่งเด็ดขาด

"เอาล่ะ นิลกาฟ แกเอาเชือกนี่ไปคล้องกิ่งไม้หนาๆของต้นไม้ทีนะ แล้วก็วิ่งกลับมาหาฉัน เข้าใจนะ"เซบาสเตียนพูดพรางลงมาจากหลังม้าแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของม้าสีนิล แล้วเอาขดเชือกมาทำเป็นห่วง แล้วทำท่าจะเอามาส่งให้เจ้านิลกาฟคาบห่วงเชือก ส่วนปลายเชือกเซบาสเตียนเอามาคล้องที่ลำตัวของนิลกาฟเพื่อให้มันออกแรงดึงต้นไม้ออกมาจากขาของชิเอล

"ฮี้!!!"เจ้าม้าร้องตอบรับก่อนแล้วก็เอาปากงับห่วงเชือกไว้ มันผงกหัวให้เซบาสเตียนหนึ่งทีแล้วจากนั้นก็วิ่งกุบกับตรงไปหาร่างของชิเอลที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้าชิเอลมองอย่างทึ่งๆกับความฉลาดของเซบาสเตียนที่หาทางช่วยเขาได้โดยที่ไม่ได้เข้ามาใกล้เลย นั่นสินะ ม้าไม่ได้ทำพันธะสัญญานี่นะ มันเลยเข้ามาใกล้ตัวเขาได้อย่างง่ายดาย

"หึหึ เจ้านั่นเข้าใจคิดนะ เข้าใจแล้วละว่าทำไมถึงใช้ม้า"ชิเอลพูดอย่างทึ่งๆในความฉลาดของเซบาสเตียนที่มักจะแก้ไขสถานการณ์ และเป็นที่พึ่งได้เสมอเลย แต่ว่าม้าตัวนั้นจะลากต้นไม้ไหวเหรอมันหนักเอาการอยู่นา

"นี่เซบาสเตียน ฉันขอชมนะว่านายหาทางแก้ไขสถาการณ์ได้เก่ง แต่นายคงจะใช้ม้านี่ไม่ได้หรอกมั้ง มันคงยกท่อนไม้ไม่ไหว ถึงแม้จะดูตัวใหญ่แต่มันก็ไม่ได้ดูแข็งแรงขนาดยกท่อนไม้หนักๆไหวได้เลยนี่นา"ชิเอลบอกอย่างดูถูก

"แหมๆอย่าไปพูดจาดูถูกเจ้านิลกาฟนะขอรับ เดี๋ยวเจ้านิลกาฟมันจะโกรธแล้วไม่ยอมช่วยนะขอรับ เจ้านี่เข้าใจที่เราพูดทุกอย่าง มันฉลาดมากและมีพลังมากมายมหาศาลเลย ถ้าไปดูถูกมันเข้าเดี๋ยวมันเกิดโกรธขึ้นมา แล้วนายน้อยจะโดนมันดีดกระเด็นผมไม่รู้ด้วยนะ หึหึหึ"เซบาสเตียนที่ยืนดูชิเอลและม้าอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน ใจจริงเขาอยากจะไปอุ้มนายน้อยพากลับบ้านใจจะขาดแต่นายน้อยดื้อน่าดูเลยไม่ยอมถอนคำสั่งซักที

"เอ่อ นายพูดจริงเหรอที่เจ้าม้านี่น่ะนะ จะช่วยฉันได้น่ะ "ชิเอลถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เจ้านิลกาฟที่ตอนแรกตั้งใจจะวิ่งไปช่วยชิเอลแต่ตอนนี้มันเบรคเอี๊ยดแล้วหันกลับมาทางเซบาสเตียนแล้ววิ่งกลับไปทางเดิมทันที มันได้ยินที่ชิเอลพูดดูถูกมันเมื่อครู่ มันเลยไม่ยอมช่วย ช่างเป็นม้าที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเอาการทีเดียวมันจะยอมให้แต่เซบาสเตียนเท่านั้นแหละ คนอื่นมันไม่สน ยิ่งเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จักแล้วพูดจาดูถูกมันแล้วล่ะก็ มันยิ่งเมินไม่สนใจเลยล่ะ

"อ้าว!!!"ทั้งเซบาสเตียนทั้งชิเอลร้องพร้อมกัน เมื่อทั้งสองเห็นเจ้านิลกาฟวิ่งห้อกลับมาทางพ่อบ้านปีศาจ

"นิลกาฟนี่แกกลับมาทำไมอ่ะ ทำไมไม่ไปช่วยเด็กคนนั้น" เซบาสเตียนพูดถามมันทันทีเมื่อเห็นมันวิ่งกลับมาหาเขา แล้วทำท่าเชิดหน้าแล้วคายห่วงเชือกทิ้ง แล้วก็เดินสะบัดก้น หางฟูนุ่มปัดไปมาเดินอย่างเฉิดฉายผ่านเซบาสเตียนไปอย่างไม่แยแส

"นิลกาฟ เฮ้ๆมานี่ก่อนสิ อย่าพึ่งงอนน่า มามะ มาหาฉันเถอะ แกไม่สนเลือดกับแครอทสิบหัวแล้วเหรอ พวกเรามาถึงที่นี่แล้วนะ จะเปลี่ยนใจจริงอ่ะ มาช่วยฉันหน่อยเถอะนะ นิลกาฟ มีแกเท่านั้นที่ช่วยฉันได้นะ "เซบาสเตียนอ้อนวอนพรางไล่ตามม้าจอมหยิ่งทรนงนั้นไปง้อมัน เลิกสนใจนายน้อยที่ห่างไกลสิบเมตรนั้นชั่วคราว ชิเอลถึงกับนั่งอึ้งกิมกี่ที่เห็นพ่อบ้านของเขาถึงกับลงทุนเดินตามไปง้อม้า

เจ้านิลกาฟหันหน้ากลับมามองเซบาสเตียนอย่างขุ่นเคือง มันหยุดเดินหนีแล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับพ่อบ้านปีศาจ แล้วครุ่นคิด ข้อเสนอที่จะยกทั้งเลือดและแครอทของโปรดของมันให้เป็นค่าตอบแทนดูน่าสนใจไม่น้อยเลย แต่จะให้ไปช่วยเด็กอวดดีนั่นมันไม่อยากจะทำเลยจริงๆ
เซบาสเตียนเดินไปลูบขนสีนิลของมันอย่างอ่อนโยน ส่งสายตาวิงวอนให้เจ้าม้าปีศาจ

"ขอร้องล่ะ นิลกาฟ ช่วยนายน้อยของฉันหน่อยเถอะนะ " เซบาสเตียนอ้อนวอนม้าปีศาจพรางลูบขนที่แผงคอของมัน นิลกาฟพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พอเห็นสายตาของเซบาสเตียนมันก็หายงอน พยักหน้าให้ทีหนึ่งจากนั้นเดินกลับไปทางเดิมที่มีชิเอลนั่งรออยู่กับซากต้นไม้พรางก้มลงเอาปากคาบห่วงเชือกที่มันปล่อยไปมาคาบต่อจากนั้นก็เดินตรงไปหาเด็กอวดดีนั้นอีกครั้ง พรางคิดว่าจะดีดเจ้าเด็กนั้นสักเปี้ยงให้หายโมโห โทษฐานที่มาดูถูกมันดีมัยนะ 

ชิเอลที่กำลังสิ้นหวังนั่งนิ่งรอความช่วยเหลือ เขาคิดว่าเวบาสเตียนอาจจะหนีไปกลับเจ้าม้าสีนิลนั้นก็ได้ แต่แล้วเขาก็หยุดคิด เมื่อได้ยินเสียงกรีบเท้าม้าวิ่งห้อตรงมา 

"อ่าาาา"ชิเอลร้องอย่างแปลกใจที่เจ้าม้าย้อนกลับมา 

"แกยอมช่วยฉันแล้วเหรอ เจ้าม้า"ชิเอลทักทันทีเมื่อเห็นม้าสีนิลวิ่งตรงมาแล้วมาหยุดยืนตรงหน้าเขา 

"ฟู่!!!"เสียงนิลกาฟพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่จะต้องช่วยเด็กคนนี้ มันจ้องหน้าชิเอลเขม็ง ชิเอลนั่งนิ่งรอดูท่าทีของมัน เขายังจำคำเตือนของเซบาสเตียนได้ว่าอย่าไปดูถูกมันไม่งั้นมันจะโกรธแล้วไม่ยอมช่วย พอเห้นม้าสีนิลยืนนิ่งไมมีทีท่าจะขยับในปากคาบห่วงเชือกเอาไว้
มันโยนส่งให้ชิเอล เด็กหนุ่มรับห่วงเชือกมาอย่างงงๆเขาไม่รู้ว่าม้าให้เชือกมาทำไม

"เอ่อ...เอามาให้ฉันทำไมเหรอ "ชิเอลถามอย่างสงสัย เจ้าม้าจ้องหน้าเด็กหนุ่มเขม็ง ตอนนี้มันกำลังคิดว่าเจ้าเด็กอวดดีนี่ช่างโง่เสียจริง ไม่รู้อีกเหรอว่าส่งให้ทำไม 

หลังจากที่จ้องหน้ากันไปมาระหว่างปีศาจน้อยกับม้าปีศาจแล้ว เจ้าม้าตัดสินใจลงมือทำเองในเมื่อมันชั่งใจแล้วว่าเจ้าเด็กอวดดีนี่โง่สิ้นดี มันก้มลงไปคาบห่วงเชือกแย่งมาจากมือของเด็กหนุ่มที่ทำหน้างงๆ

แล้วจากนั้นจัดการคาบห่วงเชือกไปคล้องกับกิ่งหนาๆของต้นไม้ไว้ แล้วก็วิ่งห้อกลับมาหาเซบาสเตียนอย่างรวดเร็ว โดยให้เชือกที่ตัวของมันเป็นตัวกระตุกเชือกรัดที่กิ่งไม้ไว้แน่น และด้วยแรงอันมหาศาลของนิลกาฟก็สามารถกระชากลากลำต้นของต้นไม้ออกมาได้อย่างง่ายดาย 
ขาของชิเอลเป็นอิสระเมื่อเจ้าม้าสีนิลลากต้นไม้ออกไปแล้ว ชิเอลก็ยิ้มอย่างดีใจพรางค่อยๆตะเกียกตะกายยืนแต่แล้ว เขาก็ทรุดลงนั่งทันที 
เพราะขาที่ถูกกดทับจากต้นไม้หนักๆนั้นไปกดเส้นประสาทจนทำให้เส้นยึด จนลุกไม่ขึ้น 

"อ่าาาา ขาฉัน!!!"ชิเอลร้องพรางจับขาของตนเองที่ชาและรู้สึกเจ็บแปล๊บๆขึ้นมา ทำให้เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้ เด็กหนุ่มถึงกับหน้าซีด และหนาวจนตัวสั่นเมื่อลมเย้นๆพัดมาปะทะร่างของเขาแรงขึ้นเรื่อยๆพอไม่มีต้นไม้มาเป็นเครื่องห่ม เขาก็เลยหนาวขึ้นมาทันที
ส่วนเจ้าม้านิลกาฟที่วิ่งห้อลากต้นไม้หนาใหญ่นั้นตรงมาทางเซบาสเตียนให้ช่วยมันแกะเชือกที่คล้องที่ลำตัวมันออก 

"ทำได้แล้วเหรอ เก่งมากนิลกาฟ เจ้าม้าที่แสนดี ไว้เรากลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วฉันจะให้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้นะ"เซบาสเตียนแกะเชือกออกจากตัวม้าสีนิล แล้วลูบไล้ขนนุ่มสลวยนั้นอย่างเอ็นดู

"ฮี้!!!"เจ้าม้านิลกาฟร้องอย่างพึงพอใจที่เซบาสเตียนชื่นชมมัน แล้วจากนั้นเซบาสเตียนก็เดินตรงไปหาชิเอลในระยะสิบเมตร 

"นายน้อย เป็นไงบ้างขอรับ ตอนนี้ขาของคุณเป็นอิสระแล้ว ถ้ายังไง...ก็..กลับบ้านไปกับผมเถอะครับ ผมเชื่อใจนายน้อยนะครับ อย่าน้อยใจไปเลย "เซบาสเตียนพยายามพูดเกลี่ยกล่อม 

"ไม่ ฉันไม่กลับเด็ดขาด แล้วฉันไม่ขอบใจนายด้วย นายอยากมาช่วยฉันเอง ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของนายสักนิด"ชิเอลพูดอย่างดื้อดึง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา