Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

8.4

เขียนโดย blackKZ

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.

  20 chapter
  215 วิจารณ์
  26.95K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) ตอนที่ 6 อยากอยู่คนเดียว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

CHAPTER 6: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

 

ตอนที่ 6 อยากอยู่คนเดียว

 

 

 

            “ป็อป ป็อป เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!” จินนี่วิ่งหน้าตื่นเรียกชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “โหวกเหวกอะไรแต่เช้าเนี่ยจินนี่ ประจำเดือนหมดเรอะ?” ป็อปปี้นั่งอยู่ริมสระส่วนตัวในคอนโดชั้นหรูของเขา พูดขึ้น

 

 

 

 

            “ไอ้บ้า ฉันยังไม่แก่ย่ะ!” จินนี่หยุดตรงหน้าป็อปพร้อมว่าเสียงดัง

 

 

 

 

            “5555ล้อเล่น อ่ะๆ พูดมาสิ” ป็อปปี้ยิ้มสนุกใจก่อนจะเชิญให้เพื่อนสนิทพูด

 

 

 

 

            “แฟนหนุ่มของฟางที่เป็นนายแบบคนนั้นนะสิ ตายแล้ว!” จินนี่พูด

 

 

 

 

            “อะไรนะ!!” ป็อปปี้ลุกพรวดด้วยความตกใจ

 

 

 

 

            “ก็บอกว่า ตายแล้วไงไอ้หมีทึ่ม!” จินนี่ทวนซ้ำ

 

 

 

 

            “ทะ เธอไปเอาข่าวนี้มาจากไหน!?” ป็อปปี้ถามกุกกัก เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

 

 

 

 

            “เพื่อนฉันเป็นเพื่อนของเพื่อนที่ทำงานคณะเดียวกับผู้จัดการแฟนฟางน่ะ เขาบอกมาว่านายนั้นถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อคืน” จินนี่เล่าตามที่ได้ยินจากเพื่อนของเธอเอง

 

 

 

 

            “ฟาง” ป็อปปี้ช็อคไปชั่ววูบพลางนึกถึงคนที่จะเสียใจที่สุด

 

 

 

 

            “ดะ เดียวๆ ป็อป นายจะไปไหน!?” จินนี่ถามเมื่อเห็นป็อปปี้สาวเท้าเร็วเหมือนรีบไปไหนสักแห่ง

 

 

 

 

            “ฉันจะไปหาฟาง!” ป็อปปี้ตอบ

 

 

 

 

            “ไม่ได้! ฟางกำลังซึมเศร้าเสียใจอยู่นะ แล้วอย่าลืมสิว่านายอยู่ในสถานะอะไร ถึงโผล่ไปคิดเรอะว่าบ้านนั่นเขาจะยอมให้นายเข้า” จินนี่รีบวิ่งมากอดรั้งชายหนุ่มไว้พร้อมทั้งเตือนสติ

 

 

 

 

            “แต่ฉันเป็นห่วงฟาง กลัวเธอจะคิดสั้นอีก” ป็อปปี้ว่า ฮึดฮัดจะไปให้ได้

 

 

 

 

            “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงแต่ควรให้เวลาฟางบ้าง เธอยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใครหรอก ให้เวลาเขาทำใจหน่อยเถอะ เรารอฟังข่าวเงียบๆไปก่อนดีกว่า” จินนี่พูดประโลมทั้งๆที่กอดชายหนุ่มอยู่

 

 

 

 

            “ก็ได้” ป็อปปี้ยอมตกลง จริงอย่างที่จินนี่ว่าถึงไปก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ คงได้แต่ภาวนาอย่าให้หญิงสาวทำอย่างที่เขาคิดเลย

 

 

 

 

 

            “แก้ววววววววว!” เฟย์วิ่งพรวดกระโดดกอดเพื่อนสาวแน่น หลังทราบข่าวแก้วก็รีบดิ่งมาหา

 

 

 

 

            “โอย ใจเย็นยัยเฟย์ ฉันหายใจไม่ออก” แก้วโดนกอดแน่นจนอึดอัดรีบบอกให้เพื่อนปล่อย

 

 

 

 

            “แกเป็นไงบ้าง!? ฉันขอโทษที่ทิ้งแก” เฟย์พูดพร้อมเลิกกอดก่อนจะสำรวจตัวเพื่อนสาว

 

 

 

 

            “ไม่ต้องห่วงยังครบ 32 ดี ว่าแต่แกเหอะเมื่อคืนหายไปไหนมาฉันมองหาแทบตาย?” แก้วบ่นใส่อย่างหงุดหงิดใจ

 

 

 

 

            “ก็คุณคู่ขาแกเนี่ยดันไปมีเรื่องกับเมียของผู้ชายคนหนึ่งในผับเข้านะสิ” เขื่อนพูด

 

 

 

 

            “มีเรื่อง?” แก้วพูดมองสองสามีภรรยา

 

 

 

 

            “ฉันไม่ได้เริ่มสักหน่อย! สามีนังนั้นมายุ่งกับฉันเอง แล้วก็มาหาว่าฉันเนี่ยให้ท่าเขา ฮึ่ย คิดแล้วอยากจะตบมันอีกสักสองสามที เอาให้ปากที่อ้าไม่ได้เลย” เฟย์ว่าแสดงท่าทางอัดอั้นแบบสุดๆ

 

 

 

 

            “พอเลยเฟย์ เมื่อคืนนี้ยังตบเขาไม่พออีกเรอะ เรานะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายนะ ที่เจ็บนะฝ่ายนู่นเห็นๆ” เขื่อนห้ามปรามภรรยาพลางนึกถึงเมื่อวานคืน เธอเล่นตบผู้หญิงที่มาหาเรื่องตนซะเลือดกบปากหลังจากโดนตบแค่ทีเดียว หญิงสาวก็ฟาดหน้าอีกฝ่ายไม่ยั้งด้วยความเมาบวกมันจนสองสามีพวกเธอต้องลากตัวออกมา

 

 

 

 

            “เขื่อนเข้าข้างมันเรอะ!” เฟย์มองเขื่อนตาเขียว

 

 

 

 

            “เปล่าสักหน่อย เขื่อนไม่ได้เข้าข้างใครแค่ไม่อยากให้ว่าเขาฝ่ายเดียว เราเองก็ผิดนะ ไปเต้นยั่วพวกหื่นกามแบบนั่น เขื่อนหวงนะคร้าบ” เขื่อนเข้าไปสวมกอดออดอ้อนเฟย์ จนหญิงสาวอมยิ้มเขินแดง

 

 

 

 

            “บ้า” เฟย์พูด

 

 

 

 

            “บ้ารักตัวเองนั่นแหละ” เขื่อนยิ้มแล้วชิงหอมแก้มหญิงสาว เฟย์สะดุ้งเลยตีสวนแก้เขิน

 

 

 

 

            “ฉันดูละครสดอยู่รึไง นี้แกมาเพราะเป็นห่วงฉันหรือจะมาเพื่อระบายเรื่องตัวเองกันแน่ห่ะ ยัยเฟย์ ไอ้เขื่อน!” แก้วกลายเป็นตัวประกอบในพริบตาเมื่ออยู่กับสองคนนี้ เธอรีบโพล่งขึ้นมาก่อนที่บ้านจะกลายเป็นสีชมพู

 

 

 

 

            “แฮะๆ โทษๆ แกโอเคนะ” เฟย์เอย

 

 

 

 

            “ช้าไปแล้วย่ะ!” แก้วกอดอกว่า

 

 

 

 

            “แก้วจ้า” เฟย์ทำเสียงอ้อน แก้วแกล้งบึ้งตึงก่อนจะยิ้มยี่

 

 

 

 

            “แล้วนี้แกอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วหรอ?” เขื่อนถามเพราะวันนี้ก็ไม่เห็นสองแฝดสาวตามเคย

 

 

 

 

            “ก็ไม่คนเดียวเสมอไปหรอก แค่มีผีเพิ่มมาอีกตนหนึ่ง..” แก้วพูดเบาพร้อมเหล่ตามองโทโมะที่นั่งอ่านนิตยสารในห้องรับแขก เขาเห็นแก้วแอบดูอยู่จึงยักคิ้วให้ทีหนึ่ง

 

 

 

 

            “ว่าไรนะ?” เขื่อนพูด

 

 

 

 

            “เปล่า พวกแกจะกลับกันแล้วใช่ไหม โชคดีนะ” แก้วบ่ายเบี่ยงก่อนจะโบกมือลาทั้งสอง

 

 

 

 

            “อือ ว่างๆแกก็มาเที่ยวพัทยาบ้างล่ะเดียวฉันจะจัดทริปพิเศษให้เลย” เฟย์ยิ้มแก้มปริ ชวน

 

 

 

 

            “จัดไปเพื่อนเลิฟ กลับบ้านดีๆนะเฟย์ ไอ้กบแกห้ามทำเพื่อนฉันเสียใจนะว้อย ไม่งั้นฉันจะตามไปเช็คบิล” แก้วพูดกับเฟย์แล้วหันมาทำเสียงดุขู่เขื่อน

 

 

 

 

            “ฮะๆๆ รับรองได้ ไปล่ะ” เขื่อนยิ้มรับก่อนจะพาเฟย์ขึ้นรถลากลับพัทยา

 

 

 

 

            “ดูสนิทกันดีนิ” โทโมะพูดข้างหูแก้ว มองตามหลังรถ

 

 

 

 

            “วร้าย!! โทโมะ อย่ามาไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี้เซ่ ฉันยิ่งขวัญอ่อนง่ายอยู่” แก้วตกใจปลีกตัวห่างชิดกำแพงก่อนจะเอยว่าชายหนุ่มอย่างขวัญเสีย กุมหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักรัวเพราะตกใจ

 

 

 

 

            “เรอะ ไม่ยักรู้” โทโมะทำหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้ เสมองไปทางอื่น

 

 

 

 

            “แล้วฉันบอกแล้วไม่ใช่เรอะ ถ้าจะอยู่นี้ห้ามใกล้ฉันเกิน 10 เมตร!” แก้วพูดเสียงแข็ง

 

 

 

 

            “นี่ จะเอาเวลาไหนมาวัดห่ะ บ่นจริง!” โทโมะพูด

 

 

 

 

            “ฮึ่ย ฉันไม่ใช่แฟนนายนะจะได้หยอดคำหวานให้ พูดถึง..ทำไมนายไม่ไปหาฟางซะล่ะ!?” แก้วพูดพลางคิดทำไมโทโมะถึงไม่ไปอยู่กับฟาง จะมายุ่งกับเธอทำไม

 

 

 

 

            “ก็ไปไม่ได้นะสิ ฉันรู้สึกเหมือนร่างมันถูกตรึงไว้ให้อยู่กับเธอตลอดเวลา” โทโมะตอบ ชำเลืองมองแก้ว

 

 

 

 

            “ตอนอยู่โรงพยาบาลนายก็ไม่ได้ตามติดฉันนิ หรือว่าอาจเป็นเพราะจี้นั่น” แก้วยืนคิดทวนหาความจริงก่อนจะนึกบางอย่างได้ ว่าเธอได้เก็บบางอย่างของชายหนุ่มไว้ บางทีวิญญาณเขาอาจจะยึดติดกับจี้เส้นนี้ก็เป็นได้

 

 

 

 

            “จี้” โทโมะพูด

 

 

 

 

            “น้องสาวฉันบอกว่าได้จากเจ้าหน้าที่พยาบาลคนหนึ่ง รู้ว่าเป็นของนาย ฉันเลยกะว่าจะเอาไปฝากพี่ชาลีให้ช่วยเอาไปคืนคุณฟางให้หน่อย” แก้วล้วงจี้จากลิ้นชักขึ้นมาโชว์ดู

 

 

 

 

            “นั่นเธอก็เอาไปคืนฟางเดียวนี้เลย!” โทโมะสั่งแก้วอย่างต้องการ

 

 

 

 

            “จะบ้าเรอะ! ฉันเป็นคนขับชนนายนะ มีหวังโดนไล่ตะเพิดออกมานะสิ” แก้วพูดตามจริง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟางรู้เรื่องที่เธอเป็นคนรถชนรึป่าว

 

 

 

 

            “ไม่รู้ล่ะ ฉันอยากเจอฟาง เธอต้องไป” โทโมะสั่งเสียงแข็ง

 

 

 

 

            “ไม่ไป!” แก้วโต้ไม่ยอมท่าเดียวเช่นกัน

 

 

 

 

            “ต้องไป ไหนบอกว่าจะยอมทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง” โทโมะอ้างเรื่องที่แก้วเคยพูดไว้

 

 

 

 

            “ไม่น่าไปสัญญาอะไรบ้าๆเลยยัยแก้วเอย  หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เอ่อๆไปก็ได้” แก้วพึมพำเรื่องตัวเองเผลอหลุดปากไปได้อย่างไงก่อนจะยอมทำตามที่สัญญา

 

 

 

 

 

            “คุณหนูฟาง ทานอะไรก่อนเถอะค่ะ” สาวรับใช้นามว่าแจ๋วเคาะประตูเรียกฟางอยู่นานสองนานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

 

 

 

 

            “ไม่ค่ะฟางไม่หิว” ฟางพูด

 

 

 

 

            “คุณหนูค่ะ พี่แจ๋วรู้ดีว่าคุณหนูเสียใจแต่คุณหนูอย่าทำร้ายตัวเองเลยแบบนี้สิคะ” แจ๋วพยายามปลอบให้ฟางยอมออกมาหาเธอ

 

 

 

 

            “ขอฟางอยู่คนเดียวได้ไหมค่ะ” ฟางขอร้องพี่แจ๋ว เธอหดหู่เกินกว่าจะทำอย่างอื่นได้

 

 

 

 

            “ค่ะ นั่นพี่วางอาหารเย็นไว้หน้าห้องนะ” แจ๋วถอนหายใจก่อนจะพูดพร้อมกับวางถาดวางอาหารเย็นสลับกับถาดวางอาหารเมื่อตอนเที่ยงที่ยังไม่ได้รับการแตะต้อง

 

 

 

 

            “เป็นไงบ้างแจ๋ว!?” ป้ามะลิเห็นแจ๋วเดินลงมาก็รีบซักไซ้เรื่องฟาง

 

 

 

 

            “ไม่ไหวค่ะป้า ไม่ยอมแม้กระทั่งให้แจ๋วเข้าห้องด้วยซ้ำ เฮ้อ คุณโทโมะก็ไม่น่าด่วนไปซะก่อนยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ” แจ๋วพูดอย่างเหนื่อยใจ

 

 

 

 

            “ชีวิตคนเรามันกำหนดไม่ได้หรอกนะ อีแจ๋ว” ป้ามะลิว่าหน้าตาเศร้าใจ

 

 

 

           ปิงป่อง ปิงป่อง!

 

 

 

 

            “ค่ะ! มาแล้วค่า ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครค่ะ?” แจ๋วรีบวิ่งมาเปิดประตูหน้าบ้านก่อนจะถาม

 

 

 

 

            “ฉันมาหาฟางคะ ฉันชื่อแก้ว เป็นเพื่อนสนิทกับฟาง” แก้วมาถึงคฤหาสน์นีระสิงค์ตามที่โทโมะบอกก็รีบอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทฟาง

 

 

 

 

            “ขอโทษด้วยนะคะคุณแก้ว คุณหนูยังไม่อยากพบใครตอนนี้ แจ๋วว่าคุณแก้วกลับไปก่อนดีกว่าคะ” แจ๋วพูดแนะนำ

 

 

 

 

            “เอ่อขอให้ฉันไปคุยกับฟางได้ไหม ฉันอาจจะช่วยได้” แก้วรีบขอลองให้เธอพูดดู

 

 

 

 

            “แต่” แจ๋วอึกอัก

 

 

 

 

            “ให้เขาเข้ามาเถอะแจ๋ว หนูเป็นเพื่อนสนิทคุณหนูฟางใช่ไหม ถ้าหนูช่วยได้ป้าจะขอบคุณมาก คุณหนูฟางไม่ยอมออกจากห้องเลยตั้งแต่เช้าข้าวก็ไม่กิน ป้ากลัวแกจะเป็นแบบคราวก่อน” ป้ามะลิพูดเล่าอาการฟางให้แก้วฟัง แก้วที่ได้ยินก็หน้าเจื่อนลงทันที แต่ไม่ลืมที่จะสังเกตดูท่าทางสองคนนี้ที่ดูปกติดี แสดงว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอเป็นคนขับรถชนโทโมะ

 

 

 

 

            “ฟาง..” โทโมะแอบแวบเข้ามาในห้องนอนของฟาง เขาเห็นฟางนั่งพิงเตียงกอดเข่าอยู่

 

 

 

 

            “ฮึ่ก ฮือๆ พี่โมะ ฟางไม่ดีเอง ฮือ” ฟางร้องสะอื้นเรียกชื่อโทโมะ

 

 

 

 

            “ฟาง โมะอยู่นี้ไง ฟาง!” โทโมะพยายามเรียกฟางแต่ดูเหมือนเสียงของเขาคงไปไม่ถึง ขนาดจะจับต้องตัวยังทำไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นผีไร้ตัวตน

 

 

 

 

            “ฮือๆๆ” ฟางร้องไห้หนักจนตาบวมแดง เธอร้องไห้ไม่หยุดไม่หย่อนตั้งแต่ทราบข่าวเรื่องโทโมะ

 

 

 

 

            “ทำไม!? ฟางไม่เห็นโมะล่ะ โมะอยู่นี้แล้วไง” โทโมะยังไม่ลดละที่จะส่งเสียงเรียกแฟนสาว เขาอยากให้เธอรับรู้ว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

 

 

 

            ก็อกๆๆ

 

 

 

 

            “ฟางบอกแล้วไงว่าขออยู่คนเดียวนะ!” ฟางตะโกนเสียงปนสะอื้น

 

 

 

 

            “คุณฟางนี้แก้วนะ เปิดประตูให้แก้วหน่อยได้มั้ย?” แก้วประกาศตัว

 

 

 

 

            “คุณแก้ว...ขอฟางอยู่คนเดียวเถอะคะ ฟางยังไม่พร้อมจะเจอใครจริงๆ..” ฟางรู้ว่าเป็นแก้วก็บอกขอให้แก้วกลับไป

 

 

 

 

            “คุณฟาง แก้วรู้ว่าคุณฟางเสียใจแต่อย่าทำให้ทุกคนเป็นห่วงสิ คุณฟางยังมีพ่อมีแม่และก็ป้ามะลิ แจ๋วที่ห่วงใยคุณฟางนะ คุณฟางทุกข์คนอื่นก็ทุกข์ไม่แพ้กัน เปิดประตูให้แก้วเถอะคะ” แก้วพูดกล่อมฟางพยายามให้หญิงสาวสบายใจขึ้น หวังให้ฟางยอมเปิดประตูให้

 

 

 

 

            “........” เสียงเงียบไป แก้วไม่รู้ทำยังไงจึงได้แต่มองบานประตูอย่างกังวล

 

 

 

 

            แก็ก! แอ้ดดดด

 

 

 

 

            “โทโมะ” แก้วนึกว่าฟางยอมเปิดแต่ไม่ใช่กลับเป็นโทโมะที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

 

 

 

 

            “ฝากดูแลฟางแทนฉันที..” โทโมะพูดเสียงแผ่ว

 

 

 

 

            “ได้ ฉันจะดูให้ นายอย่ากังวลนะ” แก้วทีแรกจะกลัวแต่เห็นหน้าเขาก็อดสงสารไม่ได้รับปากโทโมะแทน โทโมะมองแก้วก่อนเดินกลับไปยืนที่ระเบียงนอกห้อง

 

 

 

 

            “คุณฟางคะ” แก้วเดินเข้ามานั่งยองๆ แตะไหล่ฟางที่นั่งกอดเข้าร้องไห้

 

 

 

 

            “คุณแก้ว ฮือๆๆ พี่โมะเขา” ฟางเงยหน้าสบตากับแก้วก่อนเข้าไปกอดแก้วปล่อยโฮ

 

 

 

 

            “แก้วรู้คะ แก้วรู้ อย่าร้องไห้เลยนะ” แก้วซึมตามพลางลูบผมยาวฟาง

 

 

 

 

            “ฮือๆๆ เพราะฟางแท้ๆ เพราะฟาง” ฟางพูดโทษตัวเอง ทำให้แก้วคิดตามว่ามันไม่ใช่ความผิดของใครเลย น่าจะเป็นเธอมากกว่าที่ผิด

 

 

 

 

            “คุณฟางอย่าโทษตัวเองเลยคะ ถ้าโทโมะรู้เขาจะเสียใจนะ ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกคะ ขอแก้วอยู่เป็นเพื่อนคุณฟางได้มั้ย?” แก้วพูดพลางมองโทโมะที่ยืนมองทั้งสองคนอยู่ห่างๆ

 

 

 

 

            “ฮือๆๆ” ฟางพยักหน้าตอบ

 

 

 

 

 

            “ทำใจให้สบายนะ ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาให้เต็มที่ แล้ววันข้างหน้าคุณฟางต้องยิ้มให้เต็มที่เหมือนกันเพื่อคนที่คุณฟางรัก” แก้วเม้มปากเก็บอาการสะอื้นตัวเองไว้ เธอเสียใจนึกโทษเพราะเธอทำให้คนสองคนต้องพรากจากกันโดยไม่ตั้งใจ

 

 

 

 

 

            “.......” โทโมะหน้านิ่งตรงข้ามกับใจเขาที่ร้องไห้หนักหน่วงไม่แพ้ฟาง ถ้าตอนนั้นเขาเชื่อใจฟางตั้งแต่แรกก็คงดีกว่าทำให้เธอมานั่งเสียใจเพราะเรื่องเขาในภายหลัง

 

 

 

 

            “เฮ้อ สุดท้ายก็ไม่ทันจนได้” ถึงจินนี่ห้าม ป็อปปี้ก็อดห่วงฟางไม่ได้ เขาจึงแอบขับรถมาแวะใกล้รั้วคฤหาสน์นีระสิงค์พอดีกับที่แก้วคุยกับพวกแจ๋วป้ามะลิข้างหน้า ทีแรกอยากบุกเข้าบ้านแต่เปลี่ยนใจแอบยืนมองรั้วอยู่ห่างๆ เพราะเห็นแก้วเข้าแล้วไปจึงฝากความหวังไว้กับเธอแทน

 

 

 

 

            “ฟาง อย่าเป็นอะไรนะ”

 

______________________________________________________

 

 

            มาอีกแล้ววววว คืออยากลงมากเลยตอนนี้ เขียนเองรู้สึกสงสารเอง ดราม่ามาเต็ม โฮ้ย ฟางเธอต้องผ่านเรื่องเศร้าๆไปให้ได้นะ โทโมะเอยไม่ใครมองเห็นแกหรอกอยู่กับอีแก้วไป เขื่อนเฟย์เง้างอนน่ารักดี ป็อปปี้...... รออ่านนะถ้าอยากให้อัพต่อ ขอ 10 เม้นขึ้น บรรดานักอ่านเงาจ้าเม้นด้วยยยยยย พีสไม่รู้ว่ามีคนอยากให้เขียนไหม ถ้าอยากก็เม้นซะ จบนะ

 

 

 

LOVE TK PF KF!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา