Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

25) - I Worry You & Where Are You -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- I Worry You & Where Are You -

( ผมเป็นห่วงคุณและคุณอยู่ที่ไหน ) 

 

“เป็นไง”

 

 

        สาวเรือนผมสีแดงผู้สวยเจิดจรัสที่สุดในกลุ่มโบว์ลิ่งอย่าง ‘พิมพ์’ เอ่ย ขึ้นทันทีเมื่อแก็งเด็กรุ่นน้อง ม.4 สามคนเดินมาถึงสถานที่ลับๆหลังโรงเรียนหรือเรียกได้ว่าส่วนตัวที่สุดสำหรับ กลุ่มโบว์ลิ่งและไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาแล้ว 

 

 

“เรียบร้อย” น้องเด็ก ‘หัวโจก’ ทำท่าปัดๆมือตัวเองแล้วเหยียดยิ้มให้ทั้งพิมพ์ เฟื้องฟ้า และจินนี่แก็งสามสาวรุ่นพี่

 

 

“ง่ายขนาดนั้นเลย?” พิมพ์เค้นเสียงถาม

 

 

 “เห๊อะ! ยัยนั่นอ่อนขนาดนั้น จัดการไม่ยากหรอก”

 

 

“ก็ดี” พิมพ์กอดอกแล้วแบมือข้างหนึ่งไปที่จินนี่

 

 

        และจินนี่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เบ๊’ ที่ สุดของกลุ่มก็คงจะที่รู้หน้าที่ของเธอว่าเธอต้องทำอะไร เธอจึงรีบหยิบซองสีน้ำตาลในกระเป๋าของพิมพ์ที่ให้เธอถือเอาไว้ที่คาดเดาไม่ ยากเลยว่าในซองนั้นมันคือเงินก้อนโตที่คนอย่างพิมพ์ยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อให้มีคนทำในสิ่งที่เธอต้องการ

 

 

        จนกว่าเธอจะสะใจ!

 

 

“ก็บอกแล้วว่าแผนนี้เด็ด” คนคิดแผนทั้งหมดอย่างเฟื้องฟ้าเอ่ยขึ้นบ้าง

 

 

       ใช่! เรื่อง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนของพวกกลุ่มโบว์ลิ่งที่จะทำให้มีคนแอนตี้แก้ว เยอะๆด้วยเรื่องโทโมะยังไงล่ะ  พวกเธอทำเป็นปล่อยแก้วไปทั้งๆที่สั่งให้มีคนแอบตามถ่ายรูปของแก้วเวลาคุย กับผู้ชายในมุมที่ส่อเหมือนว่า ‘อ่อย’ ให้ได้มากที่สุดโดยจ่ายไม่อั้น

 

 

        เมื่อได้ช็อตเด็ดที่ ‘ไม่คาดฝัน’ ของแก้วกับโทโมะ ถึงแม้พิมพ์จะโกรธและหัวเสียเอามากๆ แต่สิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันก็ทำให้เธอสะใจสุดๆแล้ว!

 

 

       เพราะ ว่าช่วงพักกลางวันของวันนี้นั้นเธอสั่งให้เจ้ารุ่นน้องสามคนนี้เอาภาพพวก นั้นมันตัดแปะที่หน้าห้อง 5/2 ของแก้วโดยที่ไม่มีใครเห็นเพราะลงไปพักกลางวันกันหมดแล้ว จนมันเกิดเรื่องขึ้นยังไงล่ะ! แต่ความสะใจของพิมพ์ก็อยู่ที่แก้วที่มีแต่คนซ้ำเติมและแอนตี้กันไปต่างๆนาๆนั่นเอง

 

 

       จนแก้วโดนด่าว่าแบบไปในทางไม่ดีเอาเสียเลย

 

 

        จนล่าสุดนี้ ที่เป็นภารกิจสุดสะใจของพิมพ์ก็คือ...ให้รุ่นน้องพวกนี้ไปจัดการกับแก้วเอา ให้แบบไม่กล้าเสนอหน้าอยู่ที่นี่ในตอนนี้ได้อีกต่อไป!

 

 

“อ่ะนี่ สำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยม” พิมพ์เหยียดยิ้มให้รุ่นน้องพวกนั้นก่อนจะส่งเงินให้คนที่เป็นหัวโจกของกลุ่ม

 

 

“ของหมูๆพี่  ตามจริงอ่ะนะอยากจะทำมากกว่าตบด้วยซ้ำ” เด็กคนที่เป็นหัวโจกเหยียดยิ้มออกมาหลังจากที่พูดจบและรอยยิ้มนั้นฟื้องฟ้าที่ซึ่งรู้จักกับเด็กคนนี้พอตัวจึงรู้เลยว่า

 

 

         เด็กผู้หญิง ม.4 คนนี้อยากจะ ‘ทำอะไร’...

 

 

“อย่าน่า ยัยนั่นมันไม่สนุกหรอก” เฟื้องฟ้าบอก

 

 

“ก็หน้าตาดีนะ แถมหุ่นก็ ‘น่าลอง’

 

 

        หลังจากคำนั้นเอ่ยขึ้นพิมพ์กับจินนี่ถึงกับอ้าปากหวอเมื่อได้รับรู้ว่าเด็กคนนี้ออกท่าทางเป็น ‘เลสเบี้ยนแบบจิตๆ’ ซึ่งคนแบบนี้น่ากลัว แต่มีน้อยคนนักที่จะมองออก อ่าห้ะ! เด็ก คนที่เป็นหัวโจกนั้นเป็นเลสแต่ว่าที่ต้องทำเป็นด่าว่าเหมือนว่าเป็นเด็ก ผู้หญิงแอบปลื้มรุ่นพี่กลุ่มเคโอติคจนโมโหต้องตามไปตบกับผู้หญิงที่เป็นข่าวนั้น

 

 

        ...มันเป็นเพียงแค่การแสดงละครของเด็กหัวโจกคนนี้เท่านั้นแหละ!

 

 

“นะ...นี่เป็นเลสเหรอ?” จินนี่ถามอย่างไม่เชื่อ

 

 

“ก็ได้ทั้งชายทั้งหญิงอ่ะพี่  แต่ตอนที่เห็นเลือดที่มันออกตรงมุมปากยัยนั่นอ่ะ โคตรอยากจะซับเลือดให้เลยว่ะ”เมื่อพูดจบเด็กคนนั้นก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆอีกสองคน “งั้นไปแล้วพี่ ไว้งานหน้าอยากเรียกมาใหม่ก็ไม่ว่านะ >_O”

 

 

“เออ”     

 

 

        เมื่อพิมพ์บอกเด็กคนนั้นก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะขยับหัวเป็นเชิงบอกเพื่อนอีกสองคนของเธอว่า ‘ไปได้แล้ว’ อะไรทำนองนี้เลย  เธอเดินเอามือตบถุงซองเงินก้อนโตที่อยู่ในมือก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ด้วยท่าทางสบายอารมณ์สุดๆ

 

 

 

“ยัยเด็กคนนั้นน่ากลัวจัง เฟื้องฟ้า Y^Y” จินนี่เอ่ยแล้วเดินมาเกาะที่แขนของเฟื้องฟ้า  พิมพ์ที่เห็นเช่นนั้นก็กลอลตาขึ้นลงเหมือนรำคาญหน่อยๆว่า

 

 

 

        จะน่ากลัวอะไรนักหนา!?

 

 

“เฉยๆอ่ะ” พิมพ์เค้นเสียงพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างสบายอกสบายใจโดยที่เธอไม่สนสักนิดเลยว่าคนที่เธอกลั่นแกล้งด้วยความรุนแรงแบบนั้น  

 

 

        ณ ตอนนี้จะเป็นยังไง เพราะพิมพ์หล่อนรู้แค่ว่า...‘ฉันสะใจเป็นพอ! หึ!’

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

“ฮะ? แก้ววิ่งหนีแกเข้าห้องน้ำ??”

 

 

“เออดิ ฉันตามเข้าไปขอจะคุยด้วย แต่แก้วไม่ยอมออกมา”  

 

 

 

        หลัง จากที่ผมนัดมาเจอกับพวกเพื่อนๆตรงหลังโรงเรียนที่นั่งประจำของพวกเราเพื่อ ที่จะได้ไม่มีใครมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของผมอีก และหลังจากที่เล่าๆไปว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างและผมไปทำอะไรให้แก้ววิ่งเข้า ห้องน้ำไปหลบผมแบบนั้นไอ้พวกเพื่อนๆก็พากันยกมือกุมขมับ

 

 

         เหมือนเป็นเชิงจะบอกว่า ‘แกเนี่ยนะ! ><!’ อะไรทำนองนี้เลย

 

 

         อะไรวะ! แล้วจะให้ผมทำยังไงอ่ะ =[]=;;;;

 

 

        ก็ผมพยายามจะหาทางคุยกับแก้วแล้วให้เธอยอมพูดกับผม แต่เธอมาเงียบแล้วก็ทำท่าทางเย็นชาใส่ผมแบบนั้นผมก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้น่ะสิ ><!

 

 

        ใช่! ผมรู้ว่าผมเป็นคนที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้เอง แต่ขอแค่พูดกับผมหน่อยจะได้มั้ย?  แบบเป็นคำพูดที่ไม่ใช่การผลักไสไม่ใช่เฉยชาใส่ ผมรู้ว่าผมสมควรโดนแบบนั้น แต่...ผมอยากได้ยินเสียงแก้วในแบบเมื่อก่อนจริงๆนะ อยากเห็นเธอทำหน้าอึนๆมึนๆใส่ผมจนต้องโดนผมดุ

 

 

 

                 นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับเรานะ...โทโมะ

 

 

 

         ‘ไม่มีสิทธิ์’ เจอคำนี้ไปผมเจ็บว่ะ...

 

 

“ก็แกไปพูดแบบนั้นทำไมว๊า >O<!” ป๊อปปี้พูดแล้วเอามือเกาๆหัวตัวเองจนยุ่งเหมือนกับจะบอกว่าผมนี้มัน ‘ใช้ไม่ได้!’

 

 

“ก็ฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้นี่หว่า” ผมบอกเสียงยานคางเหมือนเบื่อเต็มทน >^<!

 

 

        ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะมีอาการแบบนี้ในรอบหลายปี เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น! ผมไม่เคยมีท่าทีตัดพ้อแบบนี้เลยนะครับ จนกระทั่งวันนี้แหละ...ที่ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนามว่า ‘แก้วใจ’ แต่บอกตรงนี้เลยว่า

 

 

         ถึงแม้จะต้องเสียฟอร์มให้ใครๆเห็นว่าผมต้องการแก้วมากแค่ไหน ผมยอม...

 

 

          ยอม...เพื่อที่จะได้แก้วคนเดิมกลับคืนมา...

 

 

“ดูจากอาการ ‘พูดมาก’ ขึ้นก็น่าจะรู้แล้วน่ะ” ไอ้จองเบมองผมอย่างล้อๆ เออ ยอมรับว่า ‘พูดมาก’ ขึ้นเพราะเรื่องแก้วนี่แหละวะ >O<!

 

 

“แกอ่ะ ไม่ควรที่จะไปพูดแบบนั้น” ป๊อปปี้พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะผู้หญิงอ่ะ เขาจะคิดว่าเราแค่อยากเอาชนะเพื่อให้เธอตอบในสิ่งที่เราต้องการ”  

 

 

“อ้าว? แล้วแกจะให้ไอ้โทโมะมันพูดยังไงวะ” เขื่อนเอ่ย

 

 

“ก็แค่...พูดออกมาจากใจอ่ะ แต่ตอนนี้ฉันว่าคำพวกนั้นคงไม่มีความหมายหรอก ถ้าแก้วทำเมินแกแบบนี้ ถึงแกพูดไปเขาก็เมินแกอยู่ดีนั่นแหละ = =;;;”

 

 

“อ้าว =[]=;;;”

 

 

“ทางที่ดีตอนนี้แกก็ควรจะจับตามองแก้วอยู่ห่างๆก่อนนะ”

 

 

“ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้ยัยนั่นอยู่ห่างจากฉันหรอก” ผมเถียงขึ้นมาอย่างทันควันแต่พอผมพูดขึ้นแบบนั้นแล้วไอ้ป๊อปปี้ก็หันไปยิ้มแล้วยักคิ้วให้กับบรรดาเพื่อนๆที่เหลือจนผมรู้แล้ว่าพวกมัน

 

 

“เอ๊ะนี่พวกแก...”

 

 

 

“กะแล้วววววว” >>> เขื่อน

 

 

“ชัว” >>> เคนตะ

 

 

“รักมากย่อมหวงมาก พอหวงมากย่อมหึงมาก และพอหึงมากก็อยากอยู่ใกล้ๆมากกกกก  กิ้วๆๆๆๆ”

 

 

        ผมถึงกับยืนกอดอกแล้วเหมือนว่าจะกัดปากยิ้มหน่อยๆ เมื่อพวกมันมาแอบวาง ‘แผนลองใจ’ แกล้ง ผมแบบนี้  ก็แน่แหละครับพวกมันคงอยากจะให้ผมเชื่อใจตัวเองว่าชอบแก้วจริงๆถึงได้ทำแบบ นี้ให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าผมต้องการแก้วเพียงคน...คนเดียวจริงๆ

 

 

         ถึงแม้ว่าผมจะสร้างปมในใจไว้ให้ตัวเองมากมายจนยากที่จะถอน แต่พอได้ปล่อยให้มันลอยไปในอย่างที่มันจะเป็น ผมก็รู้แล้วว่าตอนนี้ผม ‘รักใคร’...

 

 

“แล้วตอนนี้แกรู้รึยังล่ะว่าควรจะทำอะไร” เคนตะถามแล้วมองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตอบกลับไป

 

 

“ป่านนี้แก้วคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง”

 

 

        เมื่อ ไอ้จองเบเอ่ย  ผมยืนนิ่งอยู่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเดินปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นท่าม กลางสายของเพื่อนตัวเอง ซึ่งพวกมันก็คงรู้แหละว่าผมจะไปไหน  และตอนนี้ผมกำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อไปหายัยตัวเล็กนั่นอีก ครั้ง  ตอนแรกน่ะผมกะจะรอแก้วจนกว่าเธอจะยอมออกมาคุย

 

 

         แต่มาคิดอีกที...ไม่ดีกว่า  เพราะเธอคงไม่อยากเจอผมในตอนนั้น แถมผมยังพูดจากวนประสาทเธอไว้อีกและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโมโหจนวิ่งหนี ผมไป

 

 

“เอาวะ” ตอนที่ผมเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง ผมก็พูดบอกให้กำลังใจตัวเองว่าจะต้องง้อแก้วให้ได้

 

 

        แต่ทว่าพอเดินขึ้นมาจนถึงหน้าห้อง 5/2 ที่ตอนนี้ไม่มีรูปพวกนั้นแปะติดอยู่แล้ว ( สงสัยพวกเพื่อนผมมันคงจัดการให้หมดแล้วแหละ ) จังหวะนั้นที่ผมเดินขึ้นมา พวกนักเรียนห้องของแก้วก็มองมาที่ผมกันใหญ่เหมือนสงสัยว่าผมขึ้นมาทำไมกัน  แต่ผมไม่สนหรอกว่าพวกนั้นจะมองยัง ที่ผมสนคือยัยตัวเล็กนั่นคนเดียว

 

 

         ผมชะเง้อคอมองหาต้นสนแต่ทว่าภายในห้องกลับไม่มีเธอเลย...

 

 

         เธอไปไหนนะ? ยังไม่ขึ้นมาเหรอ? หรือว่ายังอยู่ที่ห้องน้ำ?  

 

 

“โทโมะมาหาใครหรอ?” ผู้หญิงที่อยู่ห้องเดียวกันกับแก้วเอ่ยถามเมื่อเธอกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะหลังห้อง

 

 

“แก้วน่ะ รู้มั้ยว่าเขาอยู่ไหน” ผมถาม

 

 

“อ้าวไม่ได้อยู่กับโทโมะหรอกหรอ”

 

 

“ปล่าว” ผมส่ายหน้า

 

 

“อืม ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่เห็นขึ้นมาเลยนะ” เธอบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ( แบบหลอกๆ )  

 

 

         แต่ผมรับรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีจริงใจอย่างที่เห็นๆกันหรอก มองผมด้วยสายตาแวววาวขนาดนั้น พูดหวานเสียงใสออกแอ๊บขนาดนี้น่ะ  เฟค!  ผม น่ะเจอมาหมดแล้วไอ้พวกพูดดีทำดีหวังผลทั้งๆที่ในใจนั้นคิดแต่เรื่องไม่ดี ผมรู้ ว่ามีหลายคนเลยในห้องนี้ที่ไม่ชอบแก้วเพราะว่ามีเรื่องแบบนั้นกับผม

 

 

        และตอนนี้ผมก็เป็นห่วงยัยนั่นมากด้วย

 

 

“อ้อ” ผม พูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้อง 5/2 มาและระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดมานั้นผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจนทำให้ผม หยุดเดินก้าวขาลงเดินบันไดทันที

 

 

         ก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกนะถ้าหัวข้อสนทนาของเสียงสองเสียงนั้นไม่มีชื่อของแก้วเอ่ยอยู่ด้วย!

 

 

“สภาพนี่แบบ ตอนเดินออกไปนอกโรงเรียนอ่ะ โหยเลือดเต็มมุมปากอ่ะ”

 

 

“สงสารนะ แต่ก็สะใจว่ะ เห๊อะ! โดนซะบ้าง แรดเงียบแบบนั้นอ่ะสมควร”

 

 

“อืมดิ น่าสมเพชว่ะ ฮ่าๆๆๆ”

 

 

“เออใช่ และฉันว่านะพี่โทโมะอ่ะ...!!”

 

 

        เมื่อ ยัยผู้หญิงคนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับผมเงยหน้าขึ้นมาเจอผม เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงขั้นบันไดและกำลังมองไปที่เธอกับเพื่อนนิ่งๆ ยัยนั่นจึงตกใจจนพูดไม่ออกพร้อมกับดึงยื้อเพื่อนตัวเองที่ยังไม่ได้มองมาเอา ไว้เหมือนกะว่าจะให้หยุดเดิน แต่ว่า เห๊อะ! คำพูดของพวกเธอเมื่อกี้น่ะ

 

 

        ฉันได้ยินหมดแล้ว!

 

 

“พี่โทโมะทำไมว๊า>O<!” ผู้หญิงเพื่อนของยัยคนที่ตกใจมองผมอยู่ถาม และเมื่อเธอมมองสายตาของยัยคนเพื่อนขึ้นมาเจอผม ก็จึงกับตกใจไปตามๆกัน “เฮือก! OoO!!! ”

 

 

“( - - )!!!”

 

 

“พะ...พี่โทโมะ”

 

 

เอื๊อก...

 

 

         ตกใจเลยสิ หึ! ฉันได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเพราะความกลัวของพวกเธอนะ!

 

 

“ว่ามั้ย?” ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเค้นเสียงพูดแล้วเดินลงไปหายัยพวกนั้นช้าๆ ส่วนยัยพวกนั้นก็รีบพากันถอยหลังกรูดไปจนติดกำแพงอีกฝั่ง “ว่า...การที่เอาคนอื่นมาพูดในทางไม่ดีน่ะมันไม่สมควร”

 

 

        หลัง จากที่ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกและเรียบนิ่งแล้วกราดสายตามองยัยผู้หญิง สองคนนั้นที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าของตัวเองขึ้นมามองสบสายตากับผมเลยด้วย ซ้ำ  เพราะว่าคงกลัวด้วยน่ะสิ แต่ผมไม่ได้จะทำอะไรหร๊อก! ก็แค่จะสั่งสอนด้วยคำพูดสักนิดนึง

 

 

        ก็แค่นั้นเอ๊ง!

 

 

“อะ...เอ่อ...คือว่า...”   

 

 

“ไม่เคยมีใครเคยบอกเหรอ? ว่าถ้าไม่รู้จักใครดีพอแล้วเอาเขามานินทาแบบนี้...มันเสียมารยาท” คำพูดเชือดนิ่มๆของผมยิ่งทำให้คนสองคนตรงหน้ารู้สึกผิดไปตามๆกันเลยทีเดียวจึงเอาแต่เงียบแล้วก้มหน้ากันอย่างเดียวเลย

 

 

        และหยดเหงื่อก็ค่อยๆผุดซึมขึ้นมาบนหน้าผากของยัยสองนี้แล้ว!

 

 

“(Y_Y);;;;”

 

 

“และก่อนที่จะเอาใครมานินทาก็ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองซะบ้างนะว่าเราดีเกินไปกว่าเขารึปล่าว ...เพราะถ้าไม่!”

 

 

ปึก!

 

 

“เย้ย/เย้ย”

 

 

        ยัย เด็กสองคนนั้นสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเมื่อผมใส่อารมณ์กว่าเก่าโดยการเอามือทุบ กำแพง และมือที่ทุบลงไปนั้นมันเฉียดใบหูของยัยคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆตัวผมไปเพียงนิด เดียวเอง อ่าห้ะ! ใช่! ผมขู่! และจะไม่ทำแบบนี้ด้วยท่าไม่โมโหใครจริงๆน่ะ แต่คนประเภทนี้มันต้องเจอซะบ้าง!

 

 

        นินทาใครไม่นินทา มานินทาคนที่แทบจะไม่รู้โลกอย่างแก้วเนี่ยนะ?

 

 

 “แล้วคำพูดที่ว่า ‘แรด’ คำนี้มันสมควรออกมาจากปากของพวกเธอมั้ย?” ผมพูดเสียงดังขึ้นกว่าเก่า “นี่ถ้าเธอสองคนเป็นผู้ชายฉันคงต่อยปากแตกไปนานแล้ว!”

 

 

“แล้วทำไมพี่ต้องโมโหใส่พวกฉันแบบนี้ด้วยล่ะคะ Y^Y” ในที่สุดก็ยอมเปิดปากพูดออกมาได้!

 

 

        ‘ทำไมต้องโมโห?’ ถามมาได้เน๊อะ! ผมเองก็คงจะไม่ทำแบบนี้อยู่หรอกนะ ถ้าแก้วเป็นอย่างที่พวกนั้นพูดจริงๆ แต่นี่! ที่พูดมาเนี่ยมันไม่ใช่แก้วสักนิดเลยไงผมถึงต้องไม่พอใจแบบนี้  และจะมาว่ากันไม่ได้หรอกนะ ไม่แคร์!

 

 

“แล้วทำไมพวกเธอจะต้องมานินทา ‘คนของฉัน’ ด้วย! ฮึ?” ผมเค้นเสียงถาม

 

 

         และคำพูดนั้นก็ทำให้ยัยสองคนนั้นเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากหวอ

 

 

“คะ...คนของพี่?”

 

 

“ยัยนั่น...! เอ่อ แก้วเป็น ฟะ...แฟนพี่เหรอคะ???”

 

 

“แล้วพวกเธอคิดว่า...” ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆยัยสองคนนั้นแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของพวกเธอก่อนจะพูดต่อคำหลังให้ “คนที่ ‘จูบ’ กันน่ะ เขาควรจะเรียกว่าเป็นอะไรกันล่ะ...”

 

 

จึก!

 

 

“ฟะ...แฟนค่ะ Y^Y

 

 

“เออ! ง่ายๆแค่นี้ทำไมต้องให้บอก” ผมพูดก่อนจะผละตัวออกมาแล้วกระชากคอเสื้อของยัยผู้หญิงคนใกล้ๆตัวเข้ามาหาตัวเอง จนยัยนั่นตกใจจนหน้าเหวอตาโตกันเลยทีเดียว “แล้วที่พวกเธอคุยกันน่ะ แก้วเป็นอะไร!”

 

 

       เมื่อ ผมนึกขึ้นมาได้ว่าที่เมื่อกี้ได้ยินยัยสองคนนี้พูดคุยกันในเรื่องทำนอง เหมือนว่าแก้วโดนอะไรบางอย่างจนเลือดออกอะไรนี่แหละ ผมจึงเค้นคอถามขึ้นทันที

 

 

“มะ...เหมือนจะโดนตบมาคร่า YOY!!!”

 

 

        โดนตบ?!

 

 

“ใครทำ!” ตอนนั้นผมกระชากคอเสื้อยัยนั่นแรงขึ้นอีกจนเพื่อนอีกคนได้แต่ยืนสั่นไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาช่วย  

 

 

“มะ...ไม่รู้ค่ะ ตะ...แต่ว่า...ที่เห็น...เห็น...”

 

 

“เห็นอะไร!!”

 

 

“อ๊า! อย่าต่อย!” เด็กคนนั้นรีบสะบัดมือผลันวันเมื่อเห็นว่าผมทำท่าง้างหมัด ( แค่ขู่ครับอย่าคิดมาก! )

 

 

“ไม่อยากให้ต่อยก็บอกมาเร็วๆ!”

 

 

“คือที่เห็นด้วยตาแก้วเดินตัวเปียกออกนอกโรงเรียนไปแล้วค่ะ พร้อมกับ...บาดแผล Y^Y”

 

 

“ออกไปนานรึยัง...”

 

 

“เอ่อ คะ?”

 

 

“ฉันถามว่าแก้วออกไปนานรึยัง!”

 

 

“สะ...สักพักแล้วค่า YOY!!!”

 

 

“Shit!”

 

 

       ตอน ที่ยัยคนนั้นพูดจบผมก็รีบปล่อยเธอออกแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปทันทีทันใด  และไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันวิ่งนำหน้าไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้สิ ที่รู้ๆในหัวตอนนี้คือ...แก้วไปไหน? แถมเดินออกไปสภาพแบบที่พวกนั้นว่าผมชักจะห่วงเธอมากกว่าเดิมซะแล้ว นี่แก้วกำลังคิดอะไรอยู่วะ?

 

 

        ทำไมเธอถึง...

 

 

ตึกๆๆๆๆ

 

 

กึก!

 

 

“เฮ้อ...เฮ้อ...” ผมถึงกับหอบออกมาเพราะว่าวิ่งออกนอกโรงเรียนมาแล้วกลับไม่เจอแก้วอยู่ตรงบริเวณทางเดินออกไปที่มันจะเป็นซอยทางเข้ามาโรงเรียนเลย “ไปไหนวะ”

 

 

        ผมคิดแล้วหลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเลื่อนๆดูเบอร์ลุงวิชัย ( พ่อแก้ว ) จากนั้นผมก็กดโทรทันที

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

        และระหว่างที่รอสายของลุงวิชัยผมก็เดินๆแล้วกวาดสายตาหาแก้วไปด้วย เผื่อว่าเธอจะอยู่แถวๆนี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเลย  มันว่างปล่าวไปหมด  ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ริมทางเดินตรงรั้วโรงเรียนก็ไม่มี

 

 

[ ฮัลโหลว่าไงโทโมะ ^^ ]

 

 

“ฮัลโหลครับลุงวิชัย”

 

 

[ ว่าไงลูก มีอะไรจะคุยกับลุงเหรอ ]  

 

 

“เอ่อ คือ...วันนี้ผมลืมเอาหนังสือคณิตมาน่ะครับกะว่าจะขอยืมแก้วหน่อย แต่หาเธอไม่เจอ ยังไงผมขอเบอร์แก้วหน่อยได้มั้ยครับ?” ผมพูดไปแบบเนียนๆเพื่อไม่อยากให้ลุงวิชัยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

        และแก้วเป็นแบบนั้นผมว่าเธอคงไม่มีทางเดินกลับบ้านแบบนั้นแน่ๆ  เพราะแก้วห่วงความรู้สึกของพ่อเธอจะตาย  ถ้าลุงวิชัยรู้เรื่องว่าเธอโดนทำร้ายร่างกายขึ้นมา  ท่านคงจะห่วงแก้วมากกว่าเดิม  และผมก็คิดนะว่า...แก้วน่ะ เป็นผู้หญิงที่พยายามจะทำตัวเข้มแข็งเสมอ

 

 

         แต่เธอกลับเป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวเมื่ออยู่ลับหลังลุงวิชัยกับน้องชายของ เธอเอง...

 

 

[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

กรึก...ปึง...

 

 

       ฉันเดินหอบร่างอันอ่อนล้าของตัวเองมาจนถึงตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่ง หนึ่งใกล้ๆกับโรงเรียนหลังจากที่มือถือของตัวเองนั้นเปียกน้ำจนใช้ไม่ ได้  ระหว่างทางที่เดินมาฉันเอาแต่ก้มหน้าเวลาเดินผ่านใครต่อใคร จนมาถึงที่นี่ที่เป็นจุดที่เงียบพอสมควรและไม่ค่อยมีผู้คนพลุ้งพล่านสักเท่า ไหร่

 

 

กรึก...กรึก...กรึก...

 

 

        ฉันยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใช้อีกมือหยอดเหรียญบาทใส่ลงไปก่อนจะกดเบอร์โทรหาฟาง

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

“...”

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

“ได้โปรดรับหน่อย...” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรงเมื่อฟางไม่รับสายสักที

 

 

ตื๊ด...กรึก

 

 

[ ฮัลโหลค่า ^O^// ]

 

 

“ฟาง” ฉันเรียกเมื่อปลายสายกดรับ

 

 

[ อ้าวเฮ้ย? แก้วหรอ? อ้าวทำไมแกเอาเบอร์ตู้โทรมาอ่ะ O_O?]

 

 

“ฉัน...” และไม่รู้ทำไมน้ำตาของฉันจากที่ได้หายไปได้ไม่นานมันกลับเอ่อล้นขึ้นมาอีกรอบ

 

 

[ แก้ว...เป็นอะไรรึปล่าว? ]

 

 

        คำถามนั้นของฟางนั้นทำเอาฉันถึงกับน้ำตาไหลลงมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เพราะตอนนี้มันเจ็บปวดเหลือเกินฉันเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ และอยากจะระบายให้ใครสักคนฟังเพราะการที่เก็บเรื่องแบบนี้เอาไว้เพียงผู้ เดียวมันยากเกินที่ฉันจะรับไหวจริงๆ

 

 

         มันเจ็บ...

 

 

“อึก...ฟาง...ฮืออือ...”และสุดท้ายเสียงสะอื้นของฉันมันก็หลุดออกมาจนได้

 

 

[ แก้ว...! ] น้ำเสียงฟางตอนนี้บ่งบอกเลยว่าเธอตกใจที่ได้ยินเสียงฉันเหมือนร้องไห้แบบนั้น

 

 

[ แก้วแกอยู่ไหน? ]

 

 

“ฉะ...ฉันไม่รู้...ไม่รู้ ฮือ...”

 

 

        ความ อัดอั้นทั้งหมดที่ฉันมีมันถูกปล่อยโฮออกมาภายในตู้โทรศัพท์นี้ จนมือฉันอ่อนลงแล้วเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงสายห้อยต่อแต่งขณะที่ร่างของตัวเองก็ค่อยๆเข่าอ่อนแล้วนั่งลงพิงกับกระจกของตู้โทรศัพท์ช้าๆอย่างยากจะควบคุมเอาไว้ไหว และตอนนี้ฉันเหนื่อยจริงๆ

 

 

        ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่อง จริง...ฉันอยากให้มันเป็นเพียง ‘ฝันร้าย’ ที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตฉันจะปกติดีเพราะมันก็เป็นแค่ฝัน

 

 

         ...ขอให้มันเป็นแค่ฝันร้ายได้รึปล่าว....  

 

 

บางที...การที่เราแบกรับเรื่องร้ายๆเอาไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว

มันก็สามารถทำให้ใจของเราเจ็บปวดได้ ถึงแม้เราพยายามที่จะเข้มแข็งให้ใครสักคนเห็นก็ตาม

...แต่เรื่องพวกนี้...การระบายให้คนที่เราไว้ใจฟังบ้าง มันก็คงจะดีนะ...

 

______________________________________________

มาอัพอีกตอนแล้วนะคะ เม้นกันหน่อยนะ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา