Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

26) -Kaew - (แก้ว)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-Kaew -

(แก้ว)

 

 

เย็นวันนั้น

 

 

ตึกๆๆๆ

 

 

 

             ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...

 

 

“เฮ้อ...”

 

 

        เสียงถอนหายใจเบาๆของร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองขณะที่ใช้มือกด เบอร์โทรออกเบอร์เดิมมานานนับตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้หยุด สักพักก็โทรๆ แต่ปรากฏว่าติดต่ออะไรกับปลายสายอีกฝั่งไม่ได้เลย  จนตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียนหลังจากที่ได้เลิกเรียนไปนานแล้ว ส่วนนักคนอื่นๆกับเพื่อนของเขาต่างพากันกลับบ้านกันไปหมด

 

 

        ยกเว้นเขา...โทโมะ

 

 

        โทโมะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ม.5/2 ที่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็คงจะมีเพียงกระเป๋าเป้ของ ‘แก้ว’ ที่ วางอยู่ตรงเก้าอี้ที่เป็นโต๊ะเรียนหลังห้องที่ติดอยู่ริมหน้าต่างตาม เดิม  ฝีเท้าที่ย่างก้าวเดินเข้าไปในห้องเรียนช้าๆกับสายตาที่มองจดจ่ออยู่ที่ กระเป๋าของแก้วนั้นทำให้โทโมะรู้ว่า

 

 

             แก้วคงไม่คิดที่จะกลับมาเอามันไปด้วยแน่ๆ

 

 

ครืด...

 

 

ปึก

 

 

“...” โทโมะ เลื่อนเก้าอี้ของแก้วออกแล้วยกกระเป๋าของแก้วขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ของแก้วช้าๆแล้วปรายสายตามองไปยังกระเป๋าเป้ที่ถูกทอด ทิ้งเอาไว้

 

 

           ภายในใจของโทโมะตอนนี้คือ...แก้วไปไหน...เธอจะเป็นยังไง

 

 

           แต่เขาไม่สามารถที่จะติดต่ออะไรถึงแก้วได้เลย  ณ  ตอนนี้คงมีเพียงความเงียบงันที่มันเกิดขึ้นอยู่ภายในใจกับความหน่วงที่มันก็ บอกไม่ถูกเหมือนกันเพียงแค่คิดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

 

 

           แสงตะวันสีส้มอ่อนๆที่กำลังจะตกดินนั้นก็ส่องแสงมากระทบกับใบหน้าของโทโมะที่ ยังคงมีสีหน้านิ่งงันอยู่ตามเดิม  เขานั่งเงียบเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว...โทโมะละสายตาจากกระเป๋าของแก้วแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างแทน ณ ตอนนั้นที่มีแสงส่องมามันทำให้เห็นได้เลยว่าที่บริเวณขอบตาของเขานั้นมีน้ำใสๆเอ่อล้นอยู่

 

 

“ฉันมัน...ผิด...” โทโมะพูดแล้วกระพริบตาของเขาช้าๆก่อนจะหันกลับมามองที่กระเป๋าของแก้วแล้วเอามือลูบๆมันจากนั้นก็ใช้มือเลื่อนไปเปิดรูดซิบ

 

 

ครืด...

 

 

“เห๊อะ...” เขาเค้นหัวเราะออกมาเมื่อเปิดดูกระเป๋าของแก้วแล้วมีเพียงหนังสือเรียนกับสมุดไดอารี่ ‘เล่มนั้น...’ โทโมะจึงหยิบมันออกมาอ่านดูอีกครั้ง

 

 

       เขาอยากรู้...ว่าแก้วเธอยังได้เขียนถึงเขาอีกมั้ย?

 

 

ฟึ่บ...

 

 

ฟึ่บ...

 

 

ฟึ่บ...

 

 

      นิ้วมือยาวเรียวได้เปิดเลื่อนๆหน้าไดอารี่เล่มนั้นดูไปเรื่อยๆจน กระทั่งมาถึงบันทึกหน้าสุดท้ายที่แก้วเธอนั้นเขียนเอาไว้ล่าสุด...โทโมะถอนหายใจออกมาเสมือนกับว่าสิ่งที่เขียนนั้นมันไม่ดีต่อจิตใจของเขาเลย

 

 

       บันทึกสุดท้าย...ของแก้ว

 

 

 

สวัสดีไดอารี่ที่รัก...วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเจ็บจริงๆ  เพราะว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันยากจนฉันกลั้น น้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แถมพยายามนอนก็นอนไม่หลับจนต้องมานั่งเขียนไดอารี่ ถ้าถามว่าเรื่องอะไร? ก็คือ...โทโมะ...เขาจูบฉัน  ใช่! เขาทำมัน โดยที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกของเขาเอง เขาทำมันไปเพราะความเมา กับการเสียใจในสิ่งที่ฉันเองก็คาดไม่ถึงมาก่อน  เขาบอกว่าเขาเคยแอบชอบคลอรีน...ตอนนั้นฉันเจ็บจนจุก และบอกไม่ถูกเลย เพราะในความรู้สึกของฉันมันเหมือนว่าฉันเป็นแค่หุ่นจำลองสถานการณ์ในตอนนั้นที่เขา พยายามจะเล่าให้ฟัง แต่เขากับกระทำและปฏิบัติให้ดู เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไร? ไม่คิดถึงจิตใจของฉันคนนี้ เลยเหรอ? แต่ฉันก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าเขาไม่เคยคิดที่จะมาสนใจคนอย่างฉันเลยเพราะว่าเขาไม่เคย แสดงออกมา ตรงนี้แหละที่ฉันพยายามเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันมาคิดดูแล้วว่าฉัน จะไม่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีก เพราะฉันจะลืมมัน ใช่! ฉันจะลืมผู้ชายที่ชื่อโทโมะ ผู้ชายที่อยู่บ้านข้างๆตัวเอง ฉัน จะเลิกสนใจเขาและตัดเขาออกไปจากความรู้สึก ลืมว่าเคยแอบชอบเขา ลืมว่าเขาคือรักครั้งแรกที่เจ็บปวด และให้จำว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายข้างบ้านคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดคุยกัน...ใช่ และมันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก แล้วล่ะ และถ้าฉันลืมโทโมะได้เมื่อไหร่ฉันก็จะเริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆที่ไม่ทำให้ฉันเสียใจและทุกข์ใจแบบนี้อีกถึง แม้การที่จะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเขามันจะยากเท่าไหร่ แต่ฉันก็จะพยายามลืมมันให้ได้...และขอให้เรื่องของ ฉันกับโทโมะจบแต่เพียงเท่านี้เถอะ...จบสักที...พอ...

 

 

 

 

จบบันทึกสุดท้ายเกี่ยวกับโทโมะ

 

 

ตลอดกาล...

 

 

 

พรึ่บ!

 

 

 

ปึก!

 

 

 

       หลัง จากที่โทโมะอ่านไดอารี่หน้านั้นจบเขาก็รีบปิดมันลงแล้ววางกระแทกไดอารี่ของแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังลั่น ดวงตาของโทโมะแสดงอาการไม่พอใจที่แก้วเขียนเช่นนั้น แต่เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้เองจึงโทษแก้วไม่ได้หรอกแต่ที่เขารับไม่ได้ จริงๆคือ

 

 

 

      แก้วจะลืมเขา...

 

 

 

       จะลืมทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเขาให้หมด...

 

 

 

      และจะทำเหมือนว่าเขาไม่เคยโผล่เข้าในชีวิตเธอ ใช่! โทโมะไม่มีทางยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่ๆ

 

 

 

“เธอจะลืมฉันงั้นเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยหลังจากที่เงียบไปนาน เขาจ้องมองไดอารี่เล่มนั้นด้วยดวงตาที่แข็งทื่อก่อนจะกัดเม้นริมฝีปากของตัวเอง“เฮ้อ...”

 

 

 

      โทโมะถอนหายใจออกมาก่อนจะเอามือขึ้นเสยผมสีดำสนิทของตัวเองแล้วเกาๆมันจนยุ่ง เพราะเขาเหมือนว่าจะหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาและแก้วและเขาไม่รู้ ว่าจะต้องทำยังไงให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะดูท่าแล้วว่าตอนนี้แก้วคงจะตัดสินใจ ‘ตัด’ เขาออกไปจากหัวใจแน่ๆ  

 

 

 

           ให้ตายสิ...     

 

 

 

“ไม่...ไม่มีทาง” โทโมะพูดแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ฉันไม่มีทางยอมให้เธอลืมฉันหรอก...แก้ว”

 

 

 

      จบ คำพูดนั้นโทโมะเก็บไดอารี่ของแก้วใส่กระเป๋าไปตามเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง นี้โดยไม่ลืมที่จะเอากระเป๋าของแก้วไปด้วย ส่วนเรื่องจักรยานของแก้ว โทโมะคงจะต้องเอากลับไปที่บ้านไปให้ลุงวิชัยด้วยแต่ข้ออ้างที่จะทำให้ลุงวิชัยไม่ สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยสิ

 

 

 

       คงจะต้องคิดดูอีกทีว่าจะพูดยังไง...  

 

 

บ้านฟาง

 

 

 

“ซี๊ด...”

 

 

“ทนหน่อยนะเว้ย”

 

 

“อืม”

 

 

       ฉัน พยักบอกฟางที่กำลังทายาลงบนแผลที่บริเวณมุมปากให้ฉันอย่างเบามือ  และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ร้านของฟางหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นได้ทั้งร้านขายของ แล้วก็บ้านนั่นแหละ  และถ้าถามอีกว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็...หลังจากที่ฉันเผลอร้องไห้จนไม่ ได้ตอบอะไรฟาง ฟางก็รีบออกมาหาฉันทันทีเลย

 

 

       ตอนแรกที่ฟางมาฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าฟางเจอฉันได้ยังไงแต่ฟางบอกว่าเดาเอาว่าคงจะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนักหรอกเพราะตู้โทรศัพท์ สาธารณะมันมีอยู่แถวๆนี้ไม่กี่ที่เอง

 

 

      และยอมรับเลยว่าตอนที่เห็นว่าฟางมาเจอฉันนั่งอยู่ในตู้โทรศัพท์นั้น ฉันรีบวิ่งออกไปโผเข้ากอดฟางทันทีทันใดด้วยอาการร้องไห้โฮอย่างยากจะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้และฟางก็ดูตกใจมากที่เห็นสภาพของฉันในตอนนั้น

 

 

      ตอนที่มาถึงที่นี่ฟางก็ให้ฉันไปอาบน้ำและเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าเธอแล้วจากนั้นก็มาทำแผล...

 

 

       อีกอย่าง  มีอีกเรื่องที่คุณควรรู้...ว่าฟางรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ  เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะฉันเล่าให้เธอฟังจนหมดเปลือกเพราะไม่รู้ว่าจะ เกิดเอาไว้อีกทำไมในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา บอกๆไปเถอะ เพราะว่าฉันไม่อยากเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้คนเดียวอีกแล้ว

 

 

      ...เพราะรู้แล้วว่าการเก็บมันเอาไว้มันยิ่งจะทำให้ฉันคิดมากกว่าเดิม...  

 

 

“คนที่ทำแบบนี้มันแย่ที่สุด ไม่สิ! เลวเลยล่ะ” ฟางพูดขณะที่เอาสำลีที่จุ่มยามาแล้วซับๆที่มุมปากของฉัน

 

 

“...”

 

 

“เออแก้ว...”

 

 

“ว่า...” ฉันมองฟางที่หยุดเอาสำลีเช็ดแผลที่มุมปากแล้วนั่งมองฉันนิ่งๆก่อนจะเอามีหนึ่งมาแตะที่หัวไหล่ของฉันเบาๆ

 

 

“แก...ชอบโทโมะจริงๆใช่มั้ย”

 

 

       คำ ถามนั้นเอ่ยขึ้นมามันทำให้ฉันไม่อยากจะตอบมันเลย เพราะว่าตั้งแต่ที่เล่าให้ฟางฟังไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฟางก็เหมือนจะรู้ๆแล้วล่ะว่าฉันคิดยังไงกับโทโมะ เธอถึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากถามขึ้นมา แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีมันก็ยังคงเหมือนเดิม

 

 

       ไม่สิ...คงจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

 

 

       ถึงแม้ฉันพยายามแล้วทำจะลืมเขา แต่ทำไมทุกครั้งที่คิดฉันถึงต้องรู้สึกเจ็บแปล๊บๆในใจด้วย ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ แต่ฉันก็ตัดสินใจเลือกแล้ว...

 

 

             ...ว่าจะลืมเขา...

 

 

“...อืม” ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบออกมา ฟางที่ได้รับคำตอบนั้นก็พยักหน้ารับเบาๆเหมือนจะบอกกันว่า ‘กะแล้ว’ อะไรทำนองนั้นเลย  

 

 

“ตอนแรกอ่ะนะฉันก็แค่จิ้นเล่นๆนะแกกับโทโมะอ่ะ ไม่คิดว่า...จะชอบจริงๆ”

 

 

“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะชอบเขาจริงๆหรอก”

 

 

“แล้วทำไมแกถึงไปชอบโทโมะวะ หมอนั่นทำอะไรให้แกชอบงั้นเหรอ” ฟางถามอย่างตั้งใจฟังฉัน

 

 

“อืม...ไม่รู้สิ รู้อีกทีก็...”

 

 

“ชอบเขาไปแล้ว อืมเข้าใจเว้ย”

 

 

       ฟางบอกแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเอากล่อง ทำแผลไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มานั่งลงข้างๆฉันพร้อมกับถอนหายออกมาหน่อยๆ แล้วหันกลับมามองที่ฉันอีกครั้งหนึ่ง และสายตาของฟางตอนนี้มันบ่งบอกเลยว่าดูห่วงฉันมาก

 

 

       อยากรู้จัง...ถ้าตอนนี้ฉันไม่มีฟางแล้วฉันจะเป็นยังไงนะ

 

 

       แต่ที่รู้ๆคือ...มันคงจะแย่มากน่าดู

 

 

“...ฉันขอโทษนะฟาง”

 

 

“เห้ย ขอโทษเรื่องไร O_O?” ฟางแลดูตกใจหน่อยๆที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น

 

 

“ก็เรื่องที่ไม่ยอมเชื่อคำพูดแกตั้งแต่ตอนนั้น ว่าไม่สมควรไปหลงชอบโทโมะ” ฉันบอกแล้วมองหน้าฟางจากนั้นก็เลื่อนสายตาลงไปมองที่พื้นตามเดิม

 

 

“นี่ ที่ฉันพูดแบบนั้นฉันไม่ได้ห้ามนะเพราะเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก แต่ที่ฉันบอกก็เพื่ออยากให้แกระวังตัวไว้เวลาที่อยู่ใกล้โทโมะ”

 

 

“ถึงเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรแก แต่ไอ้พวกนั้นน่ะมันทำขนาดไหนแกก็เห็นแล้วนี่นา” เมื่อฟางพูดฉันจึงยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูก็พบว่ามันแดงก่ำแถมช้ำอีกด้วย“แล้วแกจะเอายังไงต่ออ่ะ”

 

 

“เรื่อง?”

 

 

“โทโมะไง”

 

 

“...”

 

 

       เมื่อฟางถามออกมาแบบนั้นฉันถึงกับเงียบไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกลำบาก ใจ  ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ แต่อีกใจก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นโทโมะ

 

 

“แก้ว...”

 

 

“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว” ฉันบอกหลังจากที่นั่งเงียบไปนาน

 

 

“แกจะทำได้เหรอ?”

 

 

“ถึงไม่ได้ฉันก็จะพยายาม”ฉันตอบแล้วหันไปมองหน้าฟางตรงๆ “เพราะฉันไม่อยากชอบคนที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราอีก”

 

 

“แล้วแกรู้ได้ไงว่าโทโมะไม่ได้คิดอะไรกับแก”

 

 

“เพราะว่าเขารักคลอรีนไง”

 

 

       เมื่อฉันพูดคำนั้นออกไป ฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเพดานทันทีเพราะไม่อยากให้น้ำตามันไหลลงมา ให้ตายเหอะ! วันนี้ฉันเสียน้ำตาไปกี่หยดแล้วเนี่ย  เพราะเรื่องบ้าๆพวกนั้นที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวเสียใจเสียความรู้สึก ทำไมๆๆๆ ทำไมนะ! มันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฉันด้วย

 

 

       ไม่เข้าใจ!

 

 

       และตั้งแต่ที่ฉันเจอโทโมะเคยมีมั้ยที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขเหมือนเมื่อก่อน ฮึ่ย! รู้แบบนี้ฉันจะไม่ยอมให้หัวใจของตัวเองไปอยู่กับเขาตั้งแต่แรกหรอก

 

 

“งั้น...ถ้าแกจะเอาแบบนั้น เอางี้มั้ย? อาทิตย์หน้าอ่ะ ฉันจะต้องไปช่วยดูร้านกาแฟให้ยัยน้องตัวดีหลังเลิกเรียน แกสนใจจะไปทำงานที่นั่นกับฉันมั้ยล่ะ? บางที...การได้หาอะไรใหม่ๆทำมันก็อาจจะดีนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากไง ^^”

 

 

“อืม ก็ดีเหมือนกัน ขอบใจนะ”ฉันบอกกับฟางอย่างไม่คิดอะไรมาก

 

 

       และหลังจากนั้นก็จัดการยืมโทรศัพท์ของฟางโทรหาพ่อบอกว่าวันนี้ฉันไม่กลับ บ้านแต่จะค้างที่บ้านของฟางสักคืน เพราะว่ามีรายงานต้องที่ทำ และก็ยังมีถามว่าทำไมเอาโทรศัพท์ฟางโทรมาฉันก็ต้องหาข้ออ้างไปว่าแบตหมด ( แต่จริงๆมันพังเพราะโดนน้ำ ) และอีกบลาๆๆ

 

 

           แต่ติดตรงที่ว่าพอมาถึงประโยคต่อไปนี้ฉันถึงกับผละไปเลย

 

 

[ เออ แก้วลูก ]

 

 

“คะ?”

 

 

[ เมื่อตอนบ่ายๆโทโมะโทรมาขอเบอร์ลูกกับพ่อด้วยแน่ะ ]

 

 

“อะ...อะไรนะคะ? โทโมะขอเบอร์หนู?” ฉันพูดกับปลายสายอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

        โทโมะขอเบอร์ฉันเนี่ยนะ?

 

 

        เป็นไปได้เหรอ O_O?

 

 

[ ใช่ เห็นว่าเขาจะยืมหนังสือคณิตลูกน่ะ แต่หาลูกไม่เจอเลยมาขอเบอร์กับพ่อ ]

 

 

       ตอนนั้นฉันมั่นใจได้เลยว่าที่โทโมะโทรไปไม่ใช่เพราะเรื่องหนังสือคณิตอย่างแน่นอน

 

 

       แต่...เขาขอเบอร์พ่อไปตอนไหนนะ หรือว่าจะเป็นหลังจากที่เราทะเลาะกัน? เอ๊ะ! แต่ว่า... ‘หาฉันไม่เจอ’ คำพูดนั้นของพ่อมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าโทโมะอาจจะมาหาฉันที่ห้องเรียนแต่ไม่เจอเลยโทรไปขอเบอร์จากพ่อรึปล่าว

 

 

       แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ  เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันโดนอะไร...

 

 

       และ ในความรู้สึกฉัน ฉันไม่อยากให้โทโมะรู้เลย เพราะฉันไม่อยากให้เขามาสงสารหรือมามองว่าฉันอ่อนแอ  แต่ถ้ารู้ไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เพราะต่อจากนี้เราสองคนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก...

 

 

      เพราะว่ามันไม่ได้มี ‘อะไร’ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ว่ามั้ย?

 

 

“งั้นเหรอคะ...”

 

 

[ แล้วโทรศัพท์ลูกแบตหมดแบบนี้ โทโมะจะติดต่อลูกยังไงล่ะเนี่ย ]

 

 

“เขาไม่โทรมาหรอกค่ะ”

 

 

[ งั้นลองชาตแบตโทรศัพท์ลูกดูสิจะได้รู้ว่าโทรหรือปล่าว ]

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันบอกอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

[ เอ๋? คู่นี่ยังไงเนี่ย หรือว่างอนอะไรกันรึปล่าว เสียงลูกดูแข็งๆนะ ^^ ]

 

 

        อะ...อะไรของพ่อเนี่ย >O<????

 

 

        ใครงอน! ฉันไม่ได้งอน! ฉันแค่ไม่อยากพูดถึงเขาอีกแล้วแค่นั้น จบ!

 

 

“พ่อ = =;;;”

 

 

[ อ่าๆๆๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร งั้นอยู่ที่บ้านฟางก็ดีๆนะลูก อย่านอนดึกนักล่ะพ่อเป็นห่วง ]

 

 

“ค่ะพ่อ รักพ่อนะคะ”

 

 

ติ๊ด!

 

 

       ฉันกดตัดสายและหลังจากนั้นก็ดูเวลาในจอโทรศัพท์ของฟางก็พบว่ามันประมาณทุ่ม กว่าๆแล้ว  เฮ้อ...ฉันก็ไม่ได้เอากระเป๋ากับจักรยานของตัวเองมาด้วยน่ะสิ เพราะตอนนั้นรู้แค่ว่าอยากออกมาจากโรงเรียนไม่อยากเจอใครเลยจริงๆ อืม...หวังว่าของๆฉันจะไม่มีใครไปไปทำอะไรมันนะ

 

 

       ขออย่าให้มันถูกใครแกล้งโยนทิ้งไปเลย เพี้ยง! >/\<

 

 

1 ทุ่มกว่าๆ

 

 

แก๊กๆๆๆๆๆ

 

 

“จักรยานพังรึไงวะ”

 

 

       โทโมะบ่นหลังจากที่เขาเดินเข็นจักรยานของแก้วมาจนถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว แต่เสียงล้อมันดูแปลกๆอย่างไงไม่รู้ชอบกล มาถึงคราวนี้เขาก็หยุดเดินพร้อมกับเอาขาตั้งจักรยานลงแล้วนั่งยองๆลงข้างๆ ตัวจักรยานแล้วก้มดูที่ล้อของมันโทโมะมองจักรยานอย่างละเอียด ในใจเขาก็คิดนะว่าแก้วไม่ดูหรือสังเกตอะไรจักรยานของตัวเองบ้างหรือไรล้อ มันถึงเริ่มขึ้นสนิมเยี่ยงนี้

 

 

“ไม่คิดจะดูแลของๆตัวเองบ้างหรือไง ยัยบื้อเอ๊ย” โทโมะบ่น แต่ในนัยต์ตาของเขากลับฉายแววเศร้าสร้อยทันทีที่ได้พูดแบบนั้นออกมา

 

 

           เพราะว่า...คำพูดแบบนี้เขามักจะพูดบ่นแก้วเวลาที่เธออยู่ข้างๆเขาและชอบทำ หน้าอึนๆใส่เขาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เดินกลับบ้านด้วยกันตอนเย็นแล้วแก้วเดินช้าเขาก็บ่น  เธอไม่พูดด้วยก็หาว่าเป็นใบ้เหรอ? และมันก็มีอีกหลายคำพูด

 

 

          ...ที่โทโมะได้บ่น ได้ว่า แต่ในคำเหล่านั้น มันกลับมีความ ‘ห่วงใย’ แฝง อยู่ภายในเสมอ ถึงแม้เขาจะแสดงมันออกมาไม่ถูกทางก็เถอะ เพราะว่าเขาเป็นพวกพูดน้อยเลยไม่รู้ว่าควรต้องพูดอย่างไรเพราะว่าโทโมะคิดว่า บางทีตัวเองพูดไปคงจะทำให้เรื่องมันไปไกลกว่าเดิม

 

 

       อย่างวันนี้...

 

 

“แก้ว...!?”

 

 

       เมื่อ โทโมะที่เอาแต่นั่งยองๆมองล้อจักรยานเงียบๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองใครคนหนึ่งที่มายืนอยู่ตรงข้ามกับตัวจักรยานอีกด้าน พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นแก้ว...แต่นั่นมันไม่ใช่เธอ...

 

 

       เพราะว่ามันเป็นพียงแค่ภาพหลอนที่โทโมะเห็นมันขึ้นมาเองเท่านั้น

 

 

“...”

 

 

“กะ...แก้ว” โทโมะลุกขึ้นแล้วมองไปยังภาพหลอนของแก้วที่ยืนมองเขานิ่งๆ ไม่พูดอะไร “เธอไปอยู่ไหนมา” โทโมะถามอย่างเป็นห่วง

 

 

      แต่ทว่าแก้วนั้นไม่ตอบอะไรเขาเลย...

 

 

“...”

 

 

“ตอบฉันหน่อย...พูดกับฉันหน่อยจะได้มั้ย” โทโมะ เขาจะรู้มั้ยว่าตอนนี้อยู่ดีๆน้ำตาของเขามันก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าของแก้วกับร่างกายของเธอมีแต่บาดแผลจากการถูกทำร้าย

 

 

 

“อยากให้เราพูดนักใช่มั้ย”

 

 

 

       ภาพ หลอนของแก้วถามโทโมะด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้ความรู้สึก โทโมะไม่ตอบอะไรก็แค่พยักหน้าทั้งๆที่น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลลงมาไม่ขาดสายและตอนนี้สีหน้าของโทโมะก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งภาพหลอนนั้นตอบกลับมา แต่มันเป็นคำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินเลย

 

 

 

            เพราะว่ายิ่งได้ยินมันเหมือนกับเป็นแรงตอกย้ำว่า...

 

 

 

            แก้วกำลังจะเริ่มห่างจากเขาออกไปมากขึ้น...มากขึ้น...และมากขึ้น...

 

 

 

“...”

 

 

 

“...เราจะลืมนาย”

 

 

 

“...!”

 

 

 

วูบ...

 

 

 

       หลังจากที่ภาพหลอนนั้นพูดจบ เธอก็จางไปกับสายลมที่พัดผ่านมาจนโทโมะตกใจว่าทำไมเขาถึงได้เห็นอะไรแบบนี้  ทำไมเขาถึงได้เห็นภาพหลอนของแก้วมาพูดแบบนี้กับเขา หรือว่า...แก้วจะลืมเขาจริงๆ และถ้ามันเป็นแบบนั้น ความรู้สึกของโทโมะมันก็

 

 

 

            คงจะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้หลายเท่า...

 

 

 

“ได้โปรด...”ความรู้สึกที่มันหน่วงอยู่ในใจของเขานั้นทำให้โทโมะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มันมืดมนไม่มีแม้แต่ดวงดาวส่องแสงประกายเลยสักดวง “ขออย่าให้เขาลืมผมเลย...”

 

 

 

       คำขอนั้นเป็นคำขอสุดท้ายก่อนที่เขาจะเอามือปาดน้ำตาตัวเองแล้วเดินกลับบ้าน จนเดินมาจนใกล้ถึงหน้าบ้านของแก้วแล้ว จากนั้นโทโมะก็เห็นว่าลุงวิชัยแกกำลังเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับถุงขยะสีดำ และสายตาของโทโมะก็สังเกตมองขึ้นไปบนห้องนอนของแก้วที่ตอนนี้ไฟปิดสนิท

 

 

 

 

          นอนแล้วเหรอ?’

 

 

 

“อ้าวโทโมะ! ^O^//” ลุงวิชัยเรียกเมื่อเห็นว่าโทโมะยืนอยู่ และนั่นทำให้โทโมะรีบหันกลับมามอง

 

 

 

“ครับ? O_O”

 

 

 

“อ้าว? นั่นจักรยานแก้วนี่ ใช่มั้ยลูก?” ลุงอากิโอะเดินมาพร้อมชี้ที่จักรยานของแก้วที่โทโมะกำลังจับอยู่

 

 

 

“อ่อ ใช่ครับ” โทโมะตอบแล้วพยักหน้า

 

 

 

       แต่ตอนนั้นโทโมะก็เริ่มสงสัยแล้วว่าถ้าแก้วกลับมาที่บ้านทำไมลุงวิชัยถึงไม่มีสี หน้าหรือท่าทีที่ถามโทโมะว่าวันนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ในความคิดโทโมะตอนนั้นก็คือ แก้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ไหนละเนี่ย?! และติดต่อก็ไม่ได้ด้วย

 

 

 

“อ๋อ แหม่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ก็ไม่ยอมบอกลุงเลยว่าฝากให้โทโมะเอาจักรยานกับกระเป๋ากลับบ้านมาด้วย”

 

 

 

“ฝะ...ฝากอะไรนะครับ?” โทโมะถามอย่างไม่เข้าใจ

 

 

 

“ก็ เมื่อกี้แก้วเพิ่งโทรมาหาลุงบอกว่าวันนี้มีทำรายงานที่บ้านฟางและจะค้างที่นั่น แต่เขาไม่ได้บอกลุงว่าจะฝากให้โทโมะเอาจักรยานกลับมาด้วย เอ๊ะ? แต่ตอนนั้นลุงถามแก้ว แก้วว่ายังไม่ได้คุยกับโทโมะนี่นา ยังไงเนี่ย = =??”

 

 

 

จึก!

 

 

 

       ตอนนั้นโทโมะแอบตกใจหน่อยๆที่ลุงวิชัยถามแบบนั้นเพราะทีแรกลุงวิชัยเข้าใจว่าโทโมะกับแก้วได้คุยกันแล้ว แต่ว่าตอนที่แก้วคุยกับลุงวิชัยพ่อของเธอ เธอกลับบอกว่าโทรศัพท์แบตหมดเลยไม่ได้คุยกับโทโมะ แถมตอนที่โทโมะโทรไปขอเบอร์แก้วจากลุงวิชัยโทโมะก็ดันบอกไปว่าหาแก้วไม่เจออีก

 

 

 

      แล้วแบบนี้เขาจะพูดยังไงดีล่ะ?

 

 

 

“เอ่อ...แต่ผมคุยกับเธอแล้วนะครับ” โทโมะแกล้งทำเป็นโกหก

 

 

 

“เหรอ แล้วทำไม...แก้วไม่เห็นบอกลุงเลยล่ะ =[]=???” ลุงวิชัยทำหน้างงๆ “อ๋อ...รู้และ ^^”

 

 

 

“O_O?” “สงสัยคงกลัวลุงแซวล่ะมั้งเลยไม่ยอมบอก แหม่ไอ้ลูกคนนี้นิทำเป็นปากแข็ง ฮ่าๆๆ”

 

 

 

“ผมก็...ว่างั้น” โทโมะพูดแล้วขำออกมาหน่อยๆ

 

 

 

      แต่ภายในใจของเขาเนี่ยสิ...มันดูไม่น่าขำเลยสักนิด เพราะคิดว่าแก้วคงจะเจ็บแบบเดียวกันเลยไม่ยอมกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อ แถมพรุ่งนี้ก็วันเสาร์เป็นโอกาสยากมากที่เขาจะหาทางคุยกับเธอตามลำพังถ้าเธอ กลับมาบ้าน หรืออาจจะ ‘หาข้ออ้าง’หลอกพ่อ ไม่ยอมกลับก็ได้ใครจะรู้  

 

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

วันจันทร์

 

 

 

 “ไงนะ? แก้วกับแกยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอวะ =[]=???”

 

 

 

“ฉันไม่เห็นยัยนั่นเลย เสาร์อาทิตย์เธออยู่แต่ที่บ้านฟาง ไม่ยอมกลับบ้านล่ะมั้ง”

 

 

 

        ตอน นี้พวกผมกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่ที่ริมสนามฟุตบอลและหลังจากที่ผมเล่าให้ไอ้ พวกนี้ฟังไปว่ายังไม่ได้เจอกับแก้วเลย  เสาร์อาทิตย์ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเห็นแต่แค่ลุงวิชัยกับพิชชี่อยู่ที่บ้านกันสอง คนเองเท่านั้น นั่นทำให้ผมเชื่อเลยว่าแก้วไม่ได้กลับมาที่บ้าน และเธอคงจะจงใจหลบหน้าผมแล้วก็พ่อของเธอแน่ๆ

 

 

 

       แต่วันนี้แหละที่ผมจะต้องหาทางเข้าไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง!

 

 

 

“แล้วแกจะเอาไงต่อ” จองเบถาม

 

 

 

“ยังไงฉันก็ต้องคุยกับแก้วให้ได้” ผมบอกอย่างเอาจริง

 

 

 

“ก็ขอให้ได้คุย แค่นั้นก็พอใจ?” ไอ้เขื่อนเค้นเสียงถามในตอนที่มันกำลังนั่งเล่นลูกฟุตบอลที่อยู่ในมือเล่นๆ

 

 

 

“ไม่ว่ะ” ผมตอบแล้วยิ้มเจื่อนๆ

 

 

 

       ไม่เอาอ่ะ ถ้าคุยแล้วเรื่องไม่จบแก้วไม่หายโกรธหรือคุยแล้วให้อภัยแล้ว แต่เธอคิดจะลืมผม แบบนั้นผมรับไม่ได้จริงๆ ได้โปรดเถอะว่ะพระเจ้า! ถ้าจะลงโทษกันแบบนี้นะ ไม่ฆ่าผมให้ตายไปเลย ( วะ ) ครับ = =;;;;

 

 

 

“เห๊อะ ความรักหนอความรัก” เคนตะพูดพลางส่ายหัวไปมา

 

 

 

 “อยากคุย แต่ไม่ยอมขึ้นไปหาเขา แบบนี้คงจะได้คุยหรอกมั้ง”  

 

 

 

 

       ไอ้ห่าเขื่อนนี่ >O<!  นี่มันอ่านความคิดคนได้รึไงวะ มันถึงได้เอ่ยออกมาทั้งๆที่ผมว่ามันในใจแค่ไม่กี่วิเองนะ ให้ตายเหอะจะฉลาดเกินไปแล้ว!

 

 

 

“เฮ้ย ไอ้จองเบ โน่นๆๆ”

 

 

 

       ระหว่างนั้นไอ้ป๊อปปี้ที่เหมือนจะเห็นอะไรจึงสะกิดเรียกจองเบที่กำลังนั่งอยู่ เฉยๆ  และจากนั้นทั้งไอ้จองเบและพวกผมก็หันไปตามนิ้วที่ไอ้ป๊อปปี้มันชี้ไปก็พบว่า เป็นคลอรีนนั่นเอง  และเธอก็กำลังเดินยกแฟ้มที่สูงเป็นปึกๆเหมือนว่ากำลังจะเอาไปที่ห้องวิชาการ

 

 

 

“ได้แต่มอง...มอง...แล้วก็มอง”ไอ้ป๊อปปี้พูดเมื่อเห็นว่าไอ้จองเบมันเอาแต่มองคลอรีนนิ่งๆ

 

 

 

          แต่ในสายตาผมกับเพื่อนๆก็ต่างรู้กันดีเลยว่าไอ้จองเบมันอยากจะเดินเข้าไปหา คลอรีนมากขนาดไหน แต่มันคงทำได้แค่มองว่าที่‘แฟนเก่า’ อยู่แบบนั้น เฮ้อ..ถ้าให้เทียบกันผมว่าเรื่องของไอ้จองเบนี่หนักกว่าของผมเยอะแหละครับบอกได้เลย  

 

 

 

      แถมคลอรีนก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบแก้วเสียด้วยสิ  เพราะเธอดูใจแข็งและมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า การที่จะเข้าใจความรู้สึกของคลอรีนนั้นคงไม่ใช่ง่ายๆเลย อย่างเช่นที่เธอบอกเลิกไอ้จองเบทั้งๆที่ไอ้จองเบมันไม่รู้สาเหตุแบบนั้นถามก็ไม่ตอบไม่บอกอะไรสักอย่างและทิ้งให้มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ

 

 

 

       เป็นผมนะ อึดอัดตายห่าเลยว่ะ =[]=;;;

 

 

 

“ปล่อยเขาเหอะ” จองเบบอกแต่สายตามันยังคงมองคลอรีนที่กำลังเดินๆอยู่เลย

 

 

 

“บอกให้‘ปล่อย’แต่สายตานี่ยังมองอยู่เลยน้า ” เคนตะแซว

 

 

 

“เห้ยอย่าไปแซวมันดิวะ ฉันว่าตอนนี้จัดการเรื่องไอ้โทโมะก่อน” เขื่อนพูดแล้วมองมาที่ผม

 

 

 

“ป่ะไอ้โทโมะ ขึ้นไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” ไอ้ป๊อปปี้พูดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะจับยกไหล่ผมให้ยืนขึ้น

 

 

 

          อะไรของมันวะจะรีบไปไหนของมัน= =???

 

 

 

“แล้วพวกฉันอ่ะ =[]=??” ไอ้เขื่อนถามป๊อปปี้

 

 

 

“พวกแกอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะ”

 

 

 

“เออๆๆ ปล่อยมันไปนั่นแหละ ไอ้ป๊อปมันอยากไปหา‘ฟางแมน’ ^^”  

 

 

 

 

“ปล่าว! ฉันจะไปหายัยหน้าแบนนั่นทำไมมิทราบ! >O<!”

 

 

 

“ไม่อยากไปหาแล้วอาสาไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะทำไม?” เขื่อนเค้นเสียงถามไอ้ป๊อปปี้

 

 

 

“ก็ไอ้โทโมะมันไม่มีเพื่อนไป ><!” ป๊อปปี้เถียงหน้าตาย  

 

 

 

          แต่แบบนี้ผมล่ะขำมันจริงๆนะ ฮ่าๆๆๆ

 

 

 

“งั้นแกนั่งลง! เดี๋ยวฉันขึ้นไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะเอง” เขื่อนกวักมือให้ไอ้ป๊อปปี้นั่งลงจากนั้นมันก็กำลังจะลุกขึ้นแทน

 

 

 

          แต่ทว่า...

 

 

 

“ไม่ต้อง! ฉันเนี่ยแหละ! แกน่ะนั่งลงเลยไอ้เขื่อน ป่ะไอ้โมะป่ะ ขี้เกียจฟังเสียงหมาเห่า :P”

 

 

 

“ไอ้^%& ป๊อปปี้!”

 

 

 

“แบร่ๆ :P”

 

 

 

       เห๊อะ! ไอ้เขื่อนกับไอ้ป๊อปปี้กัด เอ้ย! ทะเลาะ แหย่ๆกันทุกวันแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติครับ และถ้าวันไหนไอ้เขื่อนไม่แซะไม่แขวะป๊อปปี้เรื่องฟางก็คงจะเป็นวันที่ไม่มีพระ อาทิตย์ขึ้นแหงๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ดีนะไอ้ป๊อปปี้มันจะได้ชอบฟางเข้าจริงๆไง เพราะเห็นที‘ฟาง’นั่นแหละที่เป็นคนที่คู่ควรกับมันมากที่สุด

 

 

 

      ก็เหมือนกับ‘ไม่ชอบอะไรก็ได้อย่างงั้น’ล่ะมั้ง?

 

 

 

      และที่สำคัญผมก็แอบเชียร์คู่นี้อยู่เหมือนกัน ^^

 

 

 

[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

       วันนี้เป็นวันที่แปลกมากๆสำหรับฉันกับฟาง เพราะว่าตั้งแต่ที่มาโรงเรียนด้วยกันกับฟางดูเหมือนว่าฉันสองคนจะถูกเพ่ง เล็งเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ฉันโอเคแล้วเลยไม่ได้อะไร แต่พอขึ้นมาจนถึงห้องเรียนเพื่อนๆบางคนก็ทำมาพูดดีด้วยอย่างงู้นอย่างงี้ อย่างงั้นจนฉันกับฟางเองก็แปลกใจไปตามๆกัน

 

 

 

       แถมบางคนนี่ก็ซื้อพวกขนมมาให้เลยด้วย = =;;;

 

 

 

       แต่ที่ฉันกับฟางงงๆคือทำไมคนพวกนี้ถึงได้มาทำดีด้วยเป็นพิเศษ  หรือว่าอยากจะแกล้งอะไรฉันอีกอย่างงั้นเหรอ? เห๊อะ! ขอบอกเลยว่าครั้งนี้ฉันจะไม่หลงกลอะไรง่ายๆอีกแล้วละจะบอกให้

 

 

 

       เมื่อวันศุกร์ยังหัวเราะเยาะฉันส่วนมาวันนี้มาทำดีด้วย แบบนี้เขาเรียกว่าจริงใจหรือไง?

 

 

 

       อ้อ! ส่วน เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ ฉันไม่ได้กลับบ้านหรอกเพราะบอกพ่อว่าจะอยู่ทำงานที่บ้านฟาง ส่วนเมื่อเช้าฉันเพิ่งกลับไปเอากระเป๋านักเรียนที่บ้านในตอนที่พ่อไปทำงาน ส่วนพิชชี่ก็ไปโรงเรียนแล้ว ท่านจึงไม่ได้อยู่เห็นว่าฉันโดนอะไรมาไม่งั้นล่ะก็ถามยาวจนฉันตอบไม่ถูกแน่ๆ

 

 

 

      แล้วก็เรื่องที่ฉันจะไปทำงานกับฟางน่ะ ฉันกับฟางตกลงกันว่าจะไปกลับบ้านด้วยกันตั้งแต่วันนี้และเราจะไปทำงานด้วยกันที่ร้านกาแฟของพี่สาวฟาง เลิกงานก็ประมาณสามสี่ทุ่มแล้วฟางก็จะไปส่งที่บ้าน

 

 

 

       แต่ติดตรงที่ว่าฉันยังไม่ได้บอกพ่อเลยเนี่ยสิ

 

 

 

“แก้วจ๊ะ ^^”

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

        ฉัน ที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับฟางที่โต๊ะของตัวเองจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเพื่อน สาวในห้องเดินเข้ามาที่โต๊ะด้วยน้ำเสียงหวานแหว๋วแบบแอ๊บๆ ( อะไรอีกล่ะเนี่ย = =??? )

 

 

        ให้ตายเหอะมาแบบนี้อีกแล้ว คนพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน ><!

 

 

 

“มีอะไรกับเพื่อนฉันมิทราบ” ฟางถามแทน

 

 

 

“ก็ เห็นว่าพวกเธอสองคนไม่ได้ลงไปกินข้าวกลางวัน ฉันเลยซื้อขนมมาให้น่ะ มีหลายรสเลยน้า” เธอคนนั้นวางขนมถุงโตไว้บนโต๊ะของฟาง จนฉันกับฟางมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว

 

 

 

       ในใจของเราสองคนคงจะคิดแบบเดียวกันนั่นแหละว่า...

 

 

 

       ทำแบบนี้เพื่อ?  

 

 

 

“เราถามอะไรหน่อยสิ” ฉันเอ่ยแล้วมองหน้าเพื่อนร่วมห้องคนนั้นตรงๆ

 

 

 

“ว่าไงจ๊ะ ^^”

 

 

 

“ทำแบบนี้ต้องการอะไรเหรอ”

 

 

 

กึก!

 

 

 

“เอ่อ...”

 

 

 

       เธอ คนนั้นถึงกับชะงักไปเมื่อฉันถาม  แต่ตอนนี้ฉันเองเริ่มเข้มแข็งขึ้นแล้วเพราะเรื่องวันศุกร์มันทำให้ฉันรู้ว่า ไม่ควรนิ่งเงียบอีกต่อไป และควรจะตอบโต้อะไรบ้าง แต่ไม่ใช่ไปมีเรื่องกัน แต่แค่พูดอะไรสักนิดก็ยังดีกว่าปล่อยให้ใครบางคนมาว่าเราทั้งๆที่ไม่ได้รู้ อะไรเลย

 

 

 

“ว่าไง” ฟางถามย้ำ

 

 

 

“ก็...ฉันอยากจะขอโทษเรื่องที่ไม่รู้ว่าเธอกับโทโมะ...”

 

 

“...”

 

 

 

“เป็นแฟนกันน่ะ Y^Y”

 

 

 

กึก!!!

 

 

 

O_O!!!

 

 

 

“...!!!!”

 

 

 

        อะไรนะ!??

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

“แก้วกับโทโมะทำไมนะ??” ฟางหันหน้ามามองฉันแล้วหันกลับไปมองยัยเพื่อนร่วมห้องคนนั้นอีกครั้งหนึ่งเพราะความตกใจที่ยัยนั่นพูดแบบนั้น

 

 

 

      ใช่! และฉันเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน!

 

 

 

“ก็...โทโมะเขาบอกว่า...แก้วกับโทโมะ กะ...”

 

 

 

“แก้วกับโทโมะทำไมเล่า >O<!” ฟางที่เหมือนว่าจะขึ้นๆแทนฉันเลยถามย้ำเมื่อเพื่อร่วมชั้นคนนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้

 

 

 

“โทโมะบอกว่าแก้วกับโทโมะกำลังคบกันอยู่ไงเล่า! YOY!!!”

 

 

 

กริบ!

 

 

 

       เสียง คุยของเพื่อนในห้องเงียบกริบลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น และฉันเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมโทโมะถึงพูดแบบนั้นออกมา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าแค่สงสารฉันเลยพูดแบบนั้นไปเพื่อไม่อยากให้ใครมาทำอะไรฉัน แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น

 

 

 

       ขอร้องอย่ามาสงสารฉันแล้วบอกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลย เพราะว่าเขาชอบคลอรีนอยู่ไม่ใช่รึไง!!!

 

 

 

“ฮือ...ตอนนี้ทุกคนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว ฮือ! ฉันอกหักอย่างแรวง! YOY!!!”   

 

 

 

“เฮ้ยๆๆ พี่โทโมะมา OoO!!!”

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

        ตอนนั้นเพื่อนๆในห้องต่างพากันตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงประตูหลังห้องแต่ เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าตอนนั้นโลกเหมือนหยุดหมุนไปเมื่อได้เห็นหน้าเขาและ ได้เห็นว่าเขาก็กำลังมองมาที่ฉันนิ่งๆก็เหมือนกับที่ฉันกำลังมองเขาอยู่เช่น กัน!

 

 

...โทโมะ...

 

___________________________________________________

อัพแล้วนะคะ ขอโทษที่อัพช้าเนาะ  เม้นกันหน่อยนะรีดเดอร์^^

#ในที่สุดแก้วกับโทโมะก็เจอกันแล้วว

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา