Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

32) - Goodnight Kiss - ( จูบราตรีสวัสดิ์ )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Goodnight Kiss -

( จูบราตรีสวัสดิ์ )

 

ต๊อกๆๆๆๆ

 

 

ครืด

 

 

“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง?” ฉัน พูดขึ้นเมื่อมองผักต่างๆที่เพิ่งหั่นเสร็จไปเมื่อตะกี้ก็คิดว่ามันก็น่าจะพอ แล้วสำหรับข้าวผัดหนึ่งจานของโทโมะ อืมมมมม แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าโทโมะจะชอบกินผักรึปล่าวน่ะสิ

 

 

         แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็ช่างเถอะ! หั่นกินผักซะบ้าง ><!

 

 

      แหม๋ทำมาพูด ‘ขอข้าวผัดนะ’( เลียนแบบเสียงโทโมะ )หน้าหมั่นไส้จริงๆเลยผู้ชายคนนี้ เหมือนกับโทโมะเป็นประเภทแบบ ‘เห็นโทโมะเงียบๆนางร้ายเงียบนะคะ’ >^<!

 

 

“ให้ช่วยมั้ย?”

 

 

“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งขึ้นมาเมื่อเสียงโทโมะพูดขึ้นจากทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

 

      โอ๊ย! หมอนี่นิ! มายืนข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? ตกใจหมดเล้ย >O<!

 

 

“...”

 

 

“ทีหลังมาก็ส่งเสียงบ้างก็ได้นะ ถ้าหากเราเผลอทำถาดใส่ผักตกจะทำไง”ฉันหันไปดุโทโมะก่อนจะเดินเอาผักไปล้างตรงอ่างซิงก์ที่อยู่ตรงท็อปครัวอีกฝั่ง

 

 

 “แหม่ ไอ้เราก็อุตส่าห์จะมาช่วยกลับโดนว่าซะงั้นเซ็งว่ะ =^=!”เสียงโทโมะพูดเหมือนว่าเขาน้อยใจแต่สุดท้ายเขาก็เดินตามมายืนอยู่ข้างๆฉันจนได้  

 

 

“เซ็งก็ออกไปจากครัวเลยไป”ฉันบอกโทโมะเสียงนิ่ง

 

 

       และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ...!

 

 

“ไม่เอาอยากอยู่ตรงนี้” โทโมะตอบกลับมาทันทีเหมือนไม่ต้องคิดแล้วจากนั้นเขาก็เขยิบร่างสูงของเขามาใกล้ๆฉันมากยิ่งขึ้น  

 

 

      ให้ตายเหอะทำไมต้องมาอยู่ใกล้ฉันจนแขนเราสองคนติดกันด้วยเนี่ย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าคุณมาอยู่ตรงนี้สติคุณคงไม่เหลือเพราะผู้ชายคนนี้แน่ๆ>///<

 

 

 “...”

 

 

ตึกตักๆๆๆๆ

 

 

      และด้วยความที่ว่าฉันกำลังรู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองเริ่มเต้นแรง อีกแล้วเพราะลมหายใจร้อนๆของโทโมะที่มันรินรดอยู่ใกล้ๆตรงผิวแก้มของฉันนั่นเอง เพราะว่าโทโมะเอามือสองข้างมาจับกับท็อปครัวเอาไว้แล้วโน้มตัวลงมามองผักที่ฉัน กำลังล้างอยู่จนแก้มของเขาเกือบจะชนแก้มของฉันอยู่แล้ววววววว >//////<

 

 

      เมื่อ เห็นอย่างนั้นฉันเลยหยุดใช้มือจากการล้างผักแล้วจัดการเอามือสางผมที่ทัดตรง หูอยู่ลงมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากเห็นหน้าโทโมะให้ว่าฉันกำลังหน้าแดงเพราะเขา

 

 

      แล้วจะเอาหน้ามาใกล้ๆหน้าฉันทำไมก็ไม่รู้นะ!

 

 

“เอาผมปิดหน้าทำไมเนี่ย = =;;;”โทโมะถามงงๆแล้วเขาก็เอามือของเขามาเกลี่ยผมที่บังหน้าฉันอยู่ให้เปิดออก

 

 

“อย่ามากวนเราได้มั้ยเนี่ย ไปนั่งรอที่โต๊ะโน่นไป”ฉันบอก

 

 

“แค่ฉันอยากอยู่ใกล้เธอนี่มันดูวุ่นวายตรงไหน - -?”  

 

 

“มันไม่ได้วุ่นวาย แต่เราแค่อยากทำอาหารเงียบๆ พอมีคนมาจ้องเรา เราก็อึดอัดนะ” ฉันพูดแต่ก็ไม่ได้หันหน้าไปมองโทโมะหรอกแค่มองผักที่กำลังล้างอยู่เท่านั้น

 

 

          แต่ความรู้สึกนี่มันรับรู้ได้เลยว่าโทโมะกำลังมองจ้องฉันอยู่แหงๆ =[]=////

 

 

“อึดอัดหรือใจเต้นแรงกันแน่ ^^”

 

 

      น่ะ...นี่เขาพูดอะไรเนี่ย?! บ้าไปแล้วววววว แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนะ = =;;;

 

 

“...”

 

 

“เงียบแสดงว่าใช่ ^^”

 

 

“หยุดพูดเลยนะ”

 

 

“เธอเขินอ่ะดิ”

 

 

“นี่ถ้านายพูดอีกก็มาทำข้าวผัดเองเลยละกัน เราจะได้กลับบ้าน - -!” ฉันบอกแล้วฉันไปมองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก่อนจะหันกลับมา

 

 

“อ่าๆๆ ไม่พูดและ ไปนั่งรอดีกว่ากลัวคนแถวนี้เผลอทำข้าวผัดออกมาเป็นสีชมพู”

 

 

“นายโทโมะ! ><!” ตอนนั้นฉันหันไปมองโทโมะตาเขียวแต่โทโมะก็ยิ้มหน้าระรื่นมาให้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนี้

 

 

          ข้าวผัดสีชมพูบ้าอะไร! โทโมะนี่เพ้อจริงๆเลย

 

 

         นี่เขาคิดว่าฉันมองโลกเป็นสีชมพูแล้วรึไงกันนะ = =;;;

 

 

          ก็ใช่! มัน ดีใจจนบอกไม่ถูกที่รู้ว่าโทโมะชอบฉัน แต่ฉันก็ไม่ถึงขั้นเอาคำพูดนั้นเก็บไปเพ้อมองทุกอย่างเป็นสีชมพูซะหวานแหว๋วประเภทว่ามองอะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง ซึ่งฉันไม่ใช่แบบนั้น! ><!

 

 

“ให้ตายสิ...”ฉัน พูดออกมาแล้วส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆก่อนจะนำผักที่เพิ่งล้างเสร็จมาวางไว้ใน ถาดตามเดิมแล้วเดินไปหยิบกระทะกับเครื่องปรุงมาเตรียมเพื่อทำข้าวผัดให้คุณชายโทโมะ ( เรียกประชดไปอย่างงั้นแหละ = =;;; )

 

 

      เฮ้อ คิดๆมาก็แปลกนะเพราะครั้งนั้นที่ฉันป่วยเพราะโรคทับระดูโทโมะก็ซื้อข้าวต้มมา ให้ ( โทโมะไม่ได้ซื้อนะแก้วโทโมะมันทำเองเลย >/////< ) ฉันก็ต้องขอบคุณเขานะ แต่มาคราวนี้พ่อแม่โทโมะไม่อยู่บ้านแถมฉันคิดว่าโทโมะคงไม่ชอบทานข้าวมั้งเพราะตอน ที่ลงมาจากห้องเขาแล้วเดินมาจะเปิดตู้เย็นเอาผักก็เห็นน้ามาซากิ ( แม่โทโมะ ) เขียนแปะโพสอิทเอาไว้ว่า...

 

 

         ‘แม่ไม่ได้ทำกับข้าวนะเห็นลูกไม่ค่อยอยากอาหารตอนเย็น งั้น...ถ้าลูกหิวก็เอาออกมาทำเองนะเพราะแม่คงจะกลับดึกๆหน่อย

 

 

       นั่นแหละคือข้อความบนโพสอิทที่ถูกแปะต่อกันประมาณสามสี่แผ่นตรงตู้เย็น ^^

 

 

       และคุณเชื่อมั้ยว่า...ตอนที่ฉันเปิดตู้เย็นจะเอาผักเปิดไปก็ถึงกับผงะชะงัก ไปเลยทีเดียวที่ในตู้เย็นส่วนใหญ่มีแต่นมจืดเป็นแพ๊คๆเต็มตู้เย็นไปหมดทั้ง ฝั่งซ้ายฝั่งขวาก็ดูท่าทางแล้วนะมันน่าจะเป็นของโทโมะเนี่ยแหละจะมีใครซะอีก ล่ะ =[]=;;;;

 

 

       เห๋อ เห๋อ ผู้ชายเย็นชา? ที่ ชอบกินนมจืดมากๆนี่มันดูยังไงๆอยู่นะ เหมือนกับว่าโทโมะนั้นเป็นเด็กๆอยู่เลยทั้งๆที่อยู่ ม.5 แล้ว แต่ฉันว่าก็น่ารักดีนะที่เขากินแต่นม คิกๆ

 

 

สักพักต่อมา...

 

 

“หอมจุงเบยยยย”

 

 

       คุณชายโทโมะ? พูด อย่างพออกพอใจเมื่อเห็นฉันเดินเอาข้าวผัดที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆโชยกลิ่นหอมมา วางไว้ข้างหน้าโทโมะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนรออยู่พอเห็นแบบนั้นเขาก็ รีบวางเจ้าหนังสือการ์ตูนนั่นลงทันที แหม่  หิวเหรอเนี่ย = =;;;

 

 

“งั้นไม่มีอะไรแล้วเรากลับบ้านก่อนนะ”

 

 

หมับ...

 

 

       ฉันบอกโทโมะและยังไม่ทันที่จะก้าวขาเดินออกไปจากตรงนี้ข้อมือของตัวเองก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน...

 

 

“จะไปแล้วเหรอ”โทโมะถามเหมือนเขาไม่คิดว่าฉันจะไปแล้วจริงๆ

 

 

       เอ๋า? แล้วจะให้ฉันอยู่ทำอะไรต่ออีกล่ะ?

 

 

“แล้วนายจะให้เราอยู่ทำไมเล่า เราก็ทำข้าวให้นายกินแล้วไง”

 

 

“ทีตอนนั้นเธอป่วยฉันยังอุตส่าห์ทำข้าวต้มไปให้แล้วก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเลยนี่ ><!”

 

 

       ฮะ? อะไรนะ? โทโมะทำข้าวต้มให้ฉัน?

 

 

       อ้าว ไหนเขาบอกว่าซื้อมาไง = =;;;

 

 

“ไหนนายบอกว่านายซื้อมาไง”

 

 

“ก็ตอนนั้นฉัน...ฉัน...เออช่างมันเหอะ ><!” โทโมะพูดแล้วสะบัดหน้าไม่ขอตอบก่อนจะมองหน้าฉันตรงๆอีกครั้ง “แต่ครั้งนั้นฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคืนเลยนะ”

 

 

       หา? โทโมะ...เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? เอ่อเขาคงไม่ได้...

 

 

“เอ่อ...นายคงไม่ได้ขอให้เราอยู่กับนายทั้งคืนหรอกใช่มั้ย?”

 

 

“แล้วถ้าขอเธอจะอยู่มั้ยล่ะ ^^?”

 

 

“จะบ้าเหรอ O_O////”

 

 

“ล้อเล่นๆๆเพราะฉันไม่คิดทำเธอเสียหายหรอก”

 

 

“เราไม่เชื่อ”ฉันพูดขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิดเลยในตอนนั้น “คนแบบนายมันเดาอารมณ์ยาก ไว้ใจไม่ได้หรอก”

 

 

“งั้นเหรอ ^^”

 

 

“...”ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพราะว่าไปต่อไม่ถูกที่โทโมะมองแล้วยิ้มบางๆส่งมาให้

 

 

       นี่ เดี๋ยวนี้โทโมะเขาชักจะกวนประสาทให้ฉันใจสั่นเล่นเก่งขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว นะ  นิสัยนี้มันคือนิสัยที่เพิ่งเป็นเมื่อเร็วๆนี้หรือว่ามันเป็นนานแล้วแต่ เพิ่งค่อยๆเผยธาตุแท้กันแน่เนี่ย = =;;;

 

 

“งั้นเธอก็...อย่าเพิ่งไปได้มั้ย?”

 

 

“...”

 

 

“อยู่กับฉันก่อนสิ...”โทโมะบอกเหมือนว่าเขาอยากให้ฉันอยู่ด้วยจริงๆ “นะแก้ว...”

 

 

“อ่าๆๆ เราอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นายเองก็กินข้าวซะเดี๋ยวก็เย็นกันพอดี” ฉันบอกแบบนั้นโทโมะส่งยิ้มอย่างพอใจก่อนจะปล่อยมือฉันออกและฉันก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆเขา

 

 

“แก้ว”

 

 

“ฮะ?” ฉันหันไปมองโทโมะเมื่อเขาเรียกชื่อฉันในตอนที่ฉันเพิ่งนั่งลงข้างๆเขาได้สักพัก

 

 

“กินด้วยกันมั้ย?”โทโมะถามแล้วชี้ที่จานข้าวผัดแต่ด้วยความที่ฉันไม่หิวฉันก็เลยส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำแล้วหันหน้ากลับมาที่เดิม

 

 

“ไม่ลองชิมฝีมือตัวเองหน่อยเหรอ?”

 

 

“ไม่อ่ะเราไม่หิว”

 

 

“แน่ใจนะ?”

 

 

“งั้นนายชิมแทนแล้วบอกเราเองก็แล้วกัน”เมื่อ ฉันพูดคำนั้นจบลงก็หันไปมองโทโมะ โทโมะก็มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มนิดๆก่อนที่เขาจะเอาช้อนตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากตอนนั้นแหละที่ฉันหันหน้าไปอีกทางเพราะว่าอยากฟังเสียงเขา

 

 

       ว่าเขาจะพูดว่าอะไร...

 

 

“หืมมมม อร่อยจังเลยยยยย ใครเป็นคนทำหน้ออออ”

 

 

       เมื่อโทโมะเอ่ยแบบนั้นฉันก็อดที่จะอมยิ้มหน่อยๆไม่ได้เลย ก็...ดีใจนะที่เขาชอบ ^^  

 

 

“อืมมม โทโมะ...”

 

 

“หือ?” โทโมะเหมือนสงสัยว่าทำไมฉันจึงหันไปเรียกชื่อเขาแต่อยู่ดีๆฉันก็นึกในสิ่งที่ฉันอยากจะถามเขาขึ้นมาได้เพราะว่ามันสงสัยล่ะมั้ง? แถมฉันไม่อยากนั่งเงียบๆให้ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงด้วยสิน่า “ว่าไง” โทโมะถามย้ำ

 

 

“เอ่อ...คือเราสงสัยอ่ะว่า...ทำไมนายถึงชื่อ ‘โทโมะ’ เหรอ”

 

 

      และเมื่อโทโมะได้ยินคำถามนี้ออกมาจากปากฉันเท่านั้นแหละเขาถึงกับชะงักไปแป๊ปนึง ก่อนจะเคี้ยวข้าวในปากแล้วเหมือนๆจะอมยิ้มด้วยแล้โทโมะก็หันไปก้มหน้าตักข้าว กินแล้วหันมามองที่ฉันอีกรอบ

 

 

          อ่าห้ะ! ฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงชื่อว่า ‘โทโมะ’

 

 

      เพราะมันเหมือนว่าจะมีความหมายอะไรมากกว่านั้นรึปล่าว? ไม่รู้นะว่าถามทำไมแต่...อยู่ดีๆมันเหมือนอยากถามขึ้นมาซะเฉยๆเลย

 

 

“รู้มั้ย ว่าเกิดมาเนี่ยไม่เคยมีใครสนใจถามประวัติชื่อฉันเลยนะ ก็มีเธอคนแรกเนี่ยแหละที่ถาม”

 

 

“ระ...เราเป็นคนแรกเหรอ? O_O?”ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

 

 

“อ่าห้ะ”พยักหน้าแล้วพูดบอกพลางเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย “แล้วนึกไงถึงถามถึงชื่อฉันเนี่ย”

 

 

 “เอ่อ...เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ แล้ว...ชื่อนายความหมายคืออะไรเหรอ?”

 

 

“ฉันพูดตอนไหนว่าจะบอก คิก”โทโมะบอกฉันแล้วหัวเราะออกมาเหมือนจะหยอกๆ

 

 

      อะไรของเขาเนี่ยยยยย ขี้โกงอ่ะ!

 

 

“อ่าๆๆ บอกก็ได้”โทโมะพูดขึ้นก่อนที่เขาจะมองขึ้นข้างบนเหมือนครุ่นคิดจากนั้นก็เอาสายตาของตัวเองลงมามองที่ฉันอีกครั้งแล้วจากนั้นเขาก็เริ่มพูดมันออกมา “ที่ฉันชื่อโทโมะเพราะฉันเกิดในวันแห่งความรัก ^^”

 

 

       วันแห่งความรัก? เอ้าแสดง ว่าอีกแค่พรุ่งนี้แล้ววันถัดไปก็วันเกิดเขาแล้วสิเพราะว่าวันที่ 14 กุมภาพันธุ์มันเป็นวันแห่งความรักนี่นาแล้วก็เป็นวันเกิดของเขาเลยนี่ ใช่มั้ย?

 

 

“วะ...วันวาเลนไทน์น่ะเหรอ?” เมื่อฉันถามแบบนั้นวีก็พยักหน้าเป็นคำตอบที่บอกว่า ‘ใช่’

 

 

“ตามจริงพ่อบอกว่าแม่จะตั้งชื่อฉันว่า ‘ไทน์’ แล้ว แต่ชื่อมันดูผู้หญิงไปหน่อยพ่อเลยเปลี่ยนเป็น‘โทโมะ’ ส่วนคำว่า ‘โมะ’ พ่อฉันย่อมาจากชื่อแม่ ‘มาซากิ’

 

 

“พ่อนายก็เข้าใจตั้งชื่อนะเนี่ย”

 

 

“แหงสิ ก็เป็นถึงอาจารย์นี่นาย่อมมีความคิดเป็นเลิศ ^^”

 

 

“อื้ม งั้น...นายก็...กินต่อเถอะ” ฉันบอกโทโมะแล้วหันหน้ากลับมาทางเดิมจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

 

 

      เอ...สงสัยที่ว่าอยู่ดีๆฉันก็อยากรู้ความหมายชื่อของโทโมะขึ้นมามันก็เหมือนจะ เป็นลางให้ฉันถามเขาทางอ้อมรึปล่าวว่ามันจะถึงวันเกิดเขาแล้วน่ะ...เอ... แล้วจะให้ของขวัญอะไรดีน้า

 

 

      อืม มันก็คิดลำบากหน่อยอ่ะนะเพราะว่าฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกับโทโมะอยู่ในสถานะแบบ ไหนกันแน่ เพราะการที่จะให้ของขวัญใครสักคนอย่างเช่นเพื่อนเงี๊ยะ ฉันก็จะทำของขวัญให้เพื่อนด้วยตัวเองเพราะมันจะเป็นสิ่งที่มีแค่ชิ้นเดียวใน โลก แต่ถ้าเป็นกับโทโมะนี่...

 

 

      ฉันจะทำอะไรให้เขาดีล่ะ? เพราะเราสองคนก็...เป็นเพื่อนก็ไม่เชิงเป็นแฟนก็ยังไม่ใช่ เพราะว่าโทโมะ...

 

 

       แล้ว...โทโมะขอคบแกยัง?’ 

 

 

      อยู่ดีๆคำถามของฟางมันก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันซะเฉยๆก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่ว่า... ‘คบ’ งั้นเหรอ...

 

 

      ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคนเราส่วนใหญ่การคบกันนี่มันหมายคือการที่เรา ต่างฝ่ายต่างชอบกันแค่นั้นเองเหรอ  แต่ในความคิดฉันเองนะ...

 

 

      ถ้าเกิดเราตัดสินใจที่จะคบกับคนๆนั้นมันก็คือความแน่ใจของเราเองแล้ว ล่ะว่าทั้งเราแล้วก็เขาต่างมีกันและกันและถ้าเขาขอคบแล้วเราตอบตกลงนั่นก็ คือเราไว้ใจเขาให้เขามาเป็น ‘คนสำคัญในชีวิตอีกคน’ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นถ้าเราอยู่กับเขาแล้วมีความสุข

 

 

      ซึ่งตรงนี้แหละที่ฉันสงสัยว่าทำไม?

 

 

      อย่างเช่นจองเบกับคลอรีนเนี่ยแหละที่ดูเหมือนเขาสองคนรักกันมากๆแล้วสาเหตุอะไรที่คลอรีนบอกเลิกจองเบล่ะ? ฉัน เองก็กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างมาทำให้ฉันเป็นแบบ คลอรีนถ้าในสักวันหนึ่งถ้าสมมุติว่าฉันกับโทโมะเกิดคบกันขึ้นมาจริงๆ

 

 

      แต่...ฉันคิดว่ามันคงไม่มีวันนั้นหรอก...

 

 

      เพราะฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นในรักครั้งแรกและฉันก็คิดแล้วว่าตัวเองไม่สามารถ ชอบใครได้นอกจากโทโมะคนนี้เพียงคนเดียว  ถึงแม้ว่ามันอาจจะงมงายแต่ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ

 

 

      ที่สำคัญ...ฉันก็ไม่อยากให้ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาและเขามีให้ฉันเปลี่ยนไปด้วย

 

 

       ถึงแม้ว่าฉันเคยคิดที่จะลืมเขา แต่ฉันก็ทำไม่ได้นี่? ใช่มั้ย? ฉะนั้นฉันก็จะรอวันที่โทโมะมั่นใจว่าอยากจะดูแลฉันและให้ทั้งฉันและเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันฉันก็จะรอ ‘คำขอนั้น’ จากเขาก็แล้วกัน ^^

 

 

อีกฝั่ง

 

 

ประมาณสามทุ่ม

 

 

 “เมื่อไหร่พี่แก้วจะกลับมาล่ะพ่อ”

 

 

        พิชชี่ ถามหลังจากที่นั่งดูหนังอยู่กับพ่อจบมาสองเรื่องแล้วแต่ทว่าแก้วพี่สาวของ เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาที่บ้านสักทีหลังจกาที่ออกไปบ้านโทโมะมานานนับชั่วโมงแล้ว แถมคุณพ่อแสนรักที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยที่ลูกสาวยังไม่กลับมาบ้านสักที

 

 

        เพราะว่านี่มันก็เป็นเวลาประมาณเกือบๆสามทุ่มแล้วสิน่า

 

 

“ช่างพี่เขาเหอะน่า”

 

 

“พ่อไม่หวงพี่แก้วเลยเหรอครับเนี่ย’’ พิชชี่เอ่ยแล้วมองหน้าพ่อตัวเองอย่างจะเอาคำตอบ

 

 

      เห๊อะ! ถึง แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะแค่ 8 ขวบ แต่ก็แสบใช่ย่อยแถมนิสัยนี่ต่างจากพี่สาวแบบคนละขั้วเลยเหอะ  แล้วถ้านึกถึงตอนที่เขาโตขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ?

 

 

“หวงสิแต่ยกเว้นพี่โทโมะคนหนึ่ง ^^”ผู้เป็นพ่อพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ลูกชายตัวน้อยสุดรัก

 

 

“หมายความว่าพ่อจะให้พี่โทโมะเป็นพี่เขยผมเหรอครับ? O_O???”

 

 

“แหม่ ไอ้ลูกชายคนนี้นิทำไมมันรู้มากจังเลยนะ ฮึ?”ด้วยความหมั่นไส้พิชชี่เลยโดนพ่อจับขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยวในทันใด

 

 

“ก็ผมเป็นลูกพ่อวิชัยไง ^___^”

 

 

“อ่าๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ขึ้นไปนอนไปพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”

 

 

       เมื่อ พิชชี่ได้ยินพ่อของตัวเองพูดบอกแบบนั้นก็ถึงกับหน้าหงิกไปเลยเพราะเหมือนกับ ว่าโดนพ่อไล่ทั้งๆที่ตัวเองยังอยากจะอยู่ตรงนี้ต่อเพราะอยากอยู่รอพี่สาวของตัวเอง แต่ด้วยความพยายามอยากจะอยู่ต่อพิชชี่จึงหาเรื่องพูดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

 

 

“อ้าวพ่อ แล้วพ่อไม่ไปตามพี่แก้วหน่อยเหรอ”

 

 

“จะไปตามทำไมเล่า ><;;;”

 

 

“ก็พรุ่งนี้พี่แก้วก็มีเรียนนี่ครับ”

 

 

“เหอะน่า ไม่ต้องแก้วพี่เขาหรอกเดี๋ยวพ่อดูเอง ขึ้นไปนอนได้แล้วไป >O<!”

 

 

“พ่อพูดเหมือนไม่กลัวพี่แก้วเสียหายเลยอ่ะ=^=” พิชชี่พูดก่อนจะเดินลุกออกไปจากตรงนี่ท่ามกลางเสียงบ่นของคุณพ่อของเขา

 

 

“เสียหายอะไรเล่า! พี่โทโมะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะพิชชี่! >O<!!!” คุณพ่อตะโกนตามหลังพิชชี่ไปก่อนจะครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “เอ...ไม่ม้างงงง โทโมะออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย ( งั้นเหรอคะพ่อ = =;;; )”

 

 

       หึ ความหวังของผู้เป็นพ่อทุกคนก็คืออยากได้คนที่จะมาดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของ ตัวเอง และก็คงจะหวังว่าพ่อของแก้วคนนี้คงจะคิดถูกนะที่อยากจะให้ผู้ชายที่มีนาม ว่า ‘นายวิศวะ ไทยานนท์’ คนนี้มาเป็นลูกเขยในอนาคตของเขาน่ะ ^__^

 

 

“อิ่มยัง”ฉันโทโมะที่ตอนนี้กินข้าวผัดหมดจานไม่เหลือข้าวเลยสักเม็ดเดียว

 

 

      อื้อหือออออ มันอร่อยขนาดนั้นเลยเรอะ?

 

 

“แล้วถ้าบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”โทโมะบอกก่อนจะเอาลิ้นมาเลียนปากตัวเองช้าๆเหมือนว่าจะเก็บรสชาติอาหารที่ยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากของตัวเองให้หมด

 

 

      แต่พอฉันเห็นเนี่ยสิมันดูสยิวยังไงไม่รู้จนฉันต้องหลุบสายตาลงต่ำทันที (_////_);;;

 

 

“ไม่อิ่มก็ทำกินเองละกัน นี่สามทุ่มแล้วเราก็ควรจะกลับได้แล้ว” ฉัน รีบบอกโทโมะเมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเก็บจานข้าวที่โทโมะกินหมดแล้วและหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเอาจานล้างตรงท็อปครัว

 

 

“ก็ฉันบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”เสียงโทโมะที่พูดขึ้นจากทางด้านหลังซึ่งฉันคาดว่าเขาคงจะเดินมากินน้ำล่ะมั้งแต่ก็ยังมิวายพูดเหมือนอยากจะให้ฉันทำครัวให้เขากินอีก

 

 

      ให้ตายสิคิดแล้วก็ได้แต่กรอกตาขึ้นลง = =;;;

 

 

“ก็บอกแล้วว่าถ้าหิวก็ทำกินเองเราจะกลับบ้านแล้ว”

 

 

“ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าหิวข้าว...”

 

 

เฮือก...

 

 

O///////O

 

 

       ฉัน ตกใจเมื่อโทโมะเอามือสองข้างมากอดคอฉันเอาไว้จากทางด้านหลังขณะที่ฉันกำลังล้าง จานอยู่ ไม่แค่นั้นเพราะโทโมะเอาหน้าของเขามาเกยไว้ตรงแขนที่เขาใช้กอดตรงคอฉันอีกแถม ปลายจมูกนี่เฉียดเข้าที่แก้มฉันหน่อยๆแล้วเหอะ อ๊ากกกกก อยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้จริงเลยนะ >//////////<

 

 

“...”

 

 

“จะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันหิวอะไร”โทโมะบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะเขากระพูดกระซิบอยู่ข้างหูฉันนี่เอ๊งงงงง

 

 

“มะ...ไม่ เราไม่อยากรู้”ฉันบอกโทโมะและพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

      แต่ให้ตายเหอะคำถามนั้นมัน...มันก็แค่คำถามรึปล่าว?

 

 

      แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรงด้วยเนี่ย?

 

 

“แต่ฉันอยากบอก...”

 

 

“ก็เราบอกว่าเราไม่อยากรู้ไง นายเองก็ปล่อยเราได้แล้ว” เมื่อฉันล้างจานเสร็จฉันก็บอกโทโมะแต่โทโมะก็ไม่ทำตามที่บอกเพราะเขายังคงเอาคางเงยไว้ตรงแขนของตัวเองนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร

 

 

“หิวแก้วจัง...”

 

 

        หา!?! อะ...อะไรนะ?!

 

 

“นะ...นายพูดอะไรของนายเนี่ย” ตอนนั้นฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะว่าไม่คิดว่าโทโมะจะพูดจาทำให้ฉันคิดลึกถึงเพียงนี้แถมเขาพูดแบบกระซิบอยู่ข้างหูฉันอีก

 

 

           บ้าจริง! โทโมะเมาอะไรมารึปล่าวเนี่ย? หรือว่าเพราะเขาป่วยเลยพูดแบบนี้ออกมากันแน่?

 

 

“หึ ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นตื่นเต้นไปได้” โทโฒะหัวเราะในลำคอเหมือนจะบอกว่าฉันคิดลึกไปไกล

 

 

แปะ!

 

 

“ล้อเล่นบ้าอะไรแบบนี้เราก็คิดลึกสิ” ฉันเผลอหันหน้าไปมองโทโมะก่อนจะเอามือตีมือที่เขาใช้ก่อนคอฉันอยู่

 

 

      แต่ด้วยความที่ว่าลืมไปว่าหน้าโทโมะใกล้กับหน้าของฉันมากเพราะว่าเขากำลังมอง ฉันอยู่ปลายจมูกเราจึงชนกันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น แต่ไม่รู้ว่าตัวฉันเหมือนโดยโทโมะสะกดจิตกันทางสายตาหรืออย่างไรฉันจึงไม่ได้ละ สายตาหรือผละใบหน้าของตัวเองออกไปจากใบหน้าของเขาเลยสักนิด

 

 

     ยิ่งไปกว่านั้น...ฉันยิ่งรู้สึกว่าโทโมะยิ่งเอาปลายจมูกของตัวเองมาเตะที่ปลายจมูกของฉันเรื่อยๆ

 

 

“นะ...นายจะทำอะไร”

 

 

“ลงโทษ” โทโมะบอกแต่เขาก็ยังไม่ได้ละใบหน้าตัวเองออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว  

 

 

      หือ? ลงโทษ?

 

 

       เอ่อ...ฉันไปทำอะไรผิดตอนไหนกันล่ะเนี่ย =[]=?

 

 

 

“ลงโทษเราเรื่องอะไรอ่ะ” ฉันถามแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่างงกับคำพูดของโทโมะ

 

 

“ก็เรื่องที่ไปยืนคุยกับไอ้มิณท์เน่านั่นไง”

 

 

“เขาชื่อมิณท์เฉยๆ = =;;;”

 

 

“แต่ฉันจะเรียกมิณท์เน่า - -!”โทโมะบอกก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันจากนั้นเขาก็พูดขึ้น “แล้วเธอกับมันคุยอะไรกัน”

 

 

“จะรู้ไปทำไมล่ะ O_O?”

 

 

จึก!

 

 

“ - -!”

 

 

        ให้ตายเหอะ! นี่ฉันพูดเพื่อฆ่าตัวตายหรือยังไงกันนะ! ><!

 

 

       เพราะว่าโทโมะทำหน้าตาดุขึ้นมาทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น โธ่! ไม่น่าเลยแก้ว YOY!  นี่ฉันจะโดนเขาทำอะไรบ้าๆมั้ยเนี่ย? อย่าเลยนะเพราะแค่นี้ฉันก็เสียเปรียบเขามากอยู่แล้วอ่ะ  เออใช่สิ๊! เขามันทั้งสูงกว่า แข็งแรงกว่า เพราะว่าเป็นผู้ชาย ส่วนฉันมันก็แค่ผู้หญิงแห้งกรอบดูไม่มีพละกำลังใด ( เอิ่มมมมม = =;;; )

 

 

       แล้วจะไปต่อกรอะไรกับเขาได้เล่า >^<!

 

 

“อึก...”ฉัน มองหน้าโทโมะนิ่งๆก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างกล้าๆกลัวๆเพราะตอนนี้โทโมะมองฉันด้วย สีหน้าที่นิ่งมากจนรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยต่อตัวเองซะแล้วสิ

 

 

“จะบอกไม่บอก”โทโมะถาม

 

 

“บอกอะไรเล่า ก็เรากับมิณท์ก็คุยกันปกติ”ฉันพูดบอกโทโมะไปตามความจริงแต่ว่าโทโมะเนี่ยสิทำหน้าตาเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่

 

 

      อะไรของเขาเนี่ย? ก็บอกไปแล้วทำไมต้องหรี่ตามองแบบนั้นด้วย แต่ก็ช่างเขาเหอะ! เพราะฉันกับมิณท์ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่นาเพราะเราสองคนก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

 

 

      แต่ที่โทโมะไม่ค่อยอยากเชื่อเพราะคิดว่ามิณท์คงจะชอบฉันอยู่ล่ะมั้ง?แต่มิณท์ก็บอกกับฉันแล้วว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันได้เพราะเขารู้ว่าถึงพยายามอะไรต่อไปฉันก็มองเขาเป็นเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง...

 

 

“แล้วทำไมตอนคุยกับมันหน้าเธอแลดูสดใสผิดปกติ”

 

 

“เอ๋า? คุยกับเพื่อนมันก็ต้องคุยสีหน้าสดใสสิ นายจะไปให้เราหน้าบึ้งเป็นตูดหมึกใส่มิณท์รึไงกัน = =?”

 

 

“เออ”

 

 

“จะเพ้อรึไง”

 

 

“ไม่เพ้อหรอก เพราะฉันไม่ชอบ จบป้ะ?”

 

 

“ไม่ชอบก็เรื่องของนายละกัน แล้วก็เอาแขนนายออกจากคอเราเลย เราจะกลับบ้านแล้ว” ฉันบอกแต่โทโมะก็ไม่ยอมทำตามและตอนนั้นแหละที่ฉันเอามือตัวเองจับแขนของโทโฒะที่กำลังกอดคอของตัวเองเอาไว้ทั้งสองข้างออก

 

 

      และโทโมะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยฉันจึงทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากเขาได้โดย ง่าย ฉันก็มองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก็ที่จะเดินออกไปจากตรงนี้แต่โทโมะเนี่ยสิก็วิ่งมา คว้ามือของฉันเอาไว้จากทางด้านหลังก่อนที่ฉันจะเดินผ่านท็อปครัวไปเสียอีก

 

 

หมับ!

 

 

“เดินหนีเหรอ?” เขาถาม

 

 

“ปล่าว เราแค่จะกลับบ้าน” ฉันหันไปบอกโทโมะแล้วมองเขานิ่งๆ

 

 

“บ้านเธอมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า จะรีบกลับทำไมก็ไม่รู้”

 

 

“แล้วนายจะเราอยู่ทำอะไรที่บ้านนายต่อล่ะ?”

 

 

       ไม่ รู้ว่าคำถามนี้มันไปกระตุกต่อมความคิดอะไรของโทโมะเข้า เพราะเมื่อเขาได้ยินมันโทโมะก็หยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองสำรวจฉันตั้งแต่หัว จรดเท้าและก็เอาสายมามองที่ใบหน้าของฉันที่กำลังมองเขาอย่างงงๆอยู่อีกรอบ หนึ่ง

 

 

“ทำอะไรอย่างงั้นเหรอ?”โทโมะ เค้นเสียงถามก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ฉันไม่ทันตั้งตัวก็คือการที่ดันร่างของ ฉันให้ไปติดตรงขอบของท็อปครัวใกล้ๆ และนั่นแหละฉันถึงตกใจจนเบิกตากว้าง

 

 

“จะทำอะไรเนี่ย?”

 

 

      ฉันถามโทโมะด้วยความตกใจเมื่อเขาเอามีทั้งสองข้างมาจับไว้ตรงขอบท็อปครัว เหมือนจะขังฉันเอาไว้ตรงนั้นจนฉันไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้ขณะที่มือของ ตัวเองก็ได้แต่เอากุมประสานกันเอาไว้เพราะว่าตอนนี้มือมันสั่นมากๆแถมหัวใจ ข้างในก็เต้นรัวๆและรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้เหงื่อบนหน้าฉันกำลังผุดซึมขึ้นมา

 

 

“ถามหน่อย...”โทโมะพูดแล้วโน้มหน้าของตัวเองลงมาหาฉันช้าๆจนฉันต้องค่อยถอยหน้าหนีแถมตัวเองก็เอนตัวไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัวอีก

 

 

      แต่ทำแบบนั้นไปก็ปล่าวประโยชน์เพราะถอยหน้าหนีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ =////=

 

 

“ถะ...ถามอะไร”

 

 

“ฉันจะถามว่า...ตอนที่ฉันทำกับเธอแบบนี้เธอรู้สึกยังไง”โทโมะถามแล้วมองมาที่ฉันตรงๆแต่ฉันเนี่ยสิไม่รู้จะตอบยังไงเลยจริงๆ

 

 

“เอ่อ...เรา...”

 

 

“ฉันทำแบบนี้แล้วใจเธอเต้นแรงมั้ย?”

 

 

ตึกตัก ตึกตักๆๆๆๆ

 

 

“อะ...อื้ม” สุด ท้ายฉันก็ต้องพยักหน้าบอกโทโมะไปตามตรงว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรง เพราะเขาจริงๆ และบอกเลยว่า ณ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะสบตากับโทโมะเลยเพราะมันยิ่งทำให้ตัวเองหน้าแดงและร้อนวูบ

 

 

 

      แต่เหมือนยิ่งไม่อยากมองก็กลับหลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ได้...

 

 

 

      โทโมะที่เห็นแบบนั้นจึงหรี่ตามองฉันก่อนหน้าโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม

 

 

 

“อืมมม งั้นฉันก็อยากรู้อีกข้อนึงว่า...ถ้าฉันทำแค่นี้ใจเธอยังเต้นแรง”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แล้วถ้าฉันทำแบบนี้หัวใจเธอมันจะเต้นแรงมากกว่านี้รึปล่าว...”

 

 

 

      หลังจากจบคำพูดนั้นโทโมะก็จัดการจูบเข้าที่ริมฝีปากของฉันช้าๆราวกับเขา ต้องการที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกและระดับการเต้นของหัวใจของฉัน ส่วนมือทั้งสองข้างที่ฉันเอากุมประสานกันเอาไว้ในตอนนี้มันก็เริ่มคลายออก จากกันในที่สุดเพราะสัมผัสของโทโมะในตอนนี้มันช่างเชื่องช้าราวกับจะค่อยๆฆ่า กันให้ตายอย่างไม่ต้องออกแรง

 

 

 

      และเพราะว่าในบ้านนี้มันเงียบมากจึงทำให้ฉันได้ยินเต้นหัวใจของตัวเองกับของ โทโมะเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อโทโมะเริ่มกดริมฝีปากของเขาลงมาหนักขึ้นแต่ก็ไม่ได้ รุนแรงอะไร ตอนนั้นแหละฉันจึงหลับตาลงแล้วยอมรับสิ่งที่เขามอบให้อย่างไม่มีการทักท้วง อะไรใดๆทั้งสิ้นเหมือนโดนมนต์สะกดให้ต้องรับจุมพิตนั้นโดยไม่มีข้อแม้แต่ อย่างใด

 

 

 

“อึก...” ฉันเริ่มหายใจติดขัดในตอนนั้นแต่โทโมะก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะละริมฝีปากของตัวเองออกจากริมฝีปากของฉันเลยแต่น้อย

 

 

 

      และด้วยความที่ฉันหลับตาอยู่นั้นก็สัมผัสได้ว่ามือของโทโมะมาจับท้ายทอยของฉัน เอาไว้ทั้งสองข้างจากนั้นเขาก็จัดการกดริมฝีปากลงมาอีก ตอนนั้นแหละที่ขาของฉันเริ่มเย่งขึ้นมาเพราะเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มือของฉันทั้งสองข้างเลยเผลอเอาไปจับแขนโทโมะเอาไว้อย่างแน่น

 

 

 

      และเนิ่นนานที่โทโฒะจูบฉันซ้ำอยู่แบบนั้นโดยไม่ละริมฝีปากออกห่างเกิน 3 วิเลย จนกระทั่งสุดท้ายเขาคงคิดว่าฉันเริ่มเหมือนคนหมดแรงเข้าไปทุกทีโทโมะจึงหยุดการ กระทำนั้นก่อนจะเอาหน้าของตัวเองออกห่างจากฉันเหมือนให้ฉันได้สูดหายใจเข้า เต็มปอดหลังจากที่เกือบขาดอากาศหายใจเพราะจูบของเขา

 

 

 

“จะฆ่ากันรึไง” ฉันถามโทโมะขณะที่สูดหายใจเข้าจนหายจะอาการหอบเมื่อกี้

 

 

 

“หึ ทำเหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจูบเธออย่างงั้นแหละน่า” โทโมะบอกก่อนจะเอามือสองข้างที่จับท้ายทอยฉันขึ้นมาจับไว้ที่แก้มจนฉันจากที่แก้มร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนเข้าไปอีก

 

 

 

“แต่ครั้งนี้นายเหมือนอยากฆ่าเราให้ตายคาห้องครัวบ้านนายเลยนี่”

 

 

 

“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ถึงยังไงซะฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นดังตุบๆๆ มากกว่าครั้งไหนๆแล้ว มันก็น่าดีใจไม่ใช่เหรอ?”โทโมะถามยิ้มๆแล้วยักคิ้วขึ้นข้างนึงเพื่อเป็นเชิง

 

 

 

“...”

 

 

 

“ไอ้จูบเมื่อกี้อ่ะคือแค่จูบวัดระดับการเต้นของหัวใจ แต่จูบนี้อ่ะ...”โทโมะบอกก่อนจะเอาริมฝีปากของเขามาแตะซ้ำเบาๆที่ริมฝีปากของฉันอีกรอบก่อนจะถอนมันออกไปอย่างแผ่วเบา “มันคือ...จูบราตรีสวัสดิ์”

 

 

 

“งะ...งั้นเหรอ (_////_);;;”

 

 

 

       ตอน นั้นฉันก้มหน้าลงแล้วเอามือยกเกาที่ต้นคอของตัวเองแล้วยิ้มเจื่อนๆแก้เขินโทโมะ ที่กำลังมองมายิ้มๆ อ่า...ให้ตายสิทำไมเขา....น่ารักแบบนี้นะ ^////////^

 

 

 

“...”

 

 

 

“งั้นนายก็ราตรีสวัสดิ์เช่นกันนะ”

 

 

 

“แค่เนี๊ยะ?”

 

 

 

“แล้วจะให้เราทำอะไรอีกอ่ะ เมื่อกี้เราก็เกือบขาดอากาศเพราะนายนะ Y^Y” ฉันพูดขอความเห็นจากโทโมะจนโทโมะที่เมื่อกี้ที่หน้าบูดนิดๆก็พยักหน้าเป็นทำนองว่า ‘ไม่ขออะไรก็ได้’ ประมาณนั้นน่ะ

 

 

 

“งั้น...ฉันเดินไปส่งเธอหน้าบ้านนะ”

 

 

 

“...อื้ม” ฉันตอบโทโมะยิ้มๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัวโดยที่มีโทโมะเดินตามมาส่งถึงหน้าบ้านของตัวเอง

 

 

 

       ให้ตายสิ สงสัยว่าคืนนี้ฉันคงจะนอนหลับฝันดีซะแล้วล่ะมั้ง? และก็ขอให้โทโมะฝันดีเช่นกัน ^^//                          

 

 

 

ท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายในใจที่มันเริ่มก่อตัวหนักขึ้นของเขาทั้งสองคน

 

บัดนี้ความในใจได้เปิดเผยชัดเจน  เลยทำให้เขาทั้งสองรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

 

และหวังว่าคืนนี้พวกเขาคงจะ...หลับฝันดี... 

 

___________________________________________________________________อัพตามคำขอแล้วนะจ้ะ ช่วงนี้มีความสุขกันมากนะจ้ะใกล้จะถึงช่วงเครียดแล้วนะรู้ป่าวว T^T เม้นกันหน่อยยย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา