Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

33) - I Know You Do - ( ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนทำ )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- I Know You Do -

( ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนทำ )

 

 [ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

เช้าของวันที่ 13 กุมภาพันธ์

 

 

: ก่อนวันเกิดโทโมะ 1 วัน :

 

 

“เอ วันพรุ่งนี้วันเกิดเด็กคนไหนน้า ^O^//”

 

 

       แม่ของผมเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เห็นผมกำลังเดินลงบันไดจากห้องนอนมายังชั้นล่างใน เช้าของวันอาคารที่ 13 กุมภาพันธ์ และการที่แม่พูดแบบนั้นเป็นเพราะว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญวันหนึ่งใน ชวิตผมก็คือวันเกิดอายุครบ 18 ของผมนั่นเอง ^^

 

 

          ส่วนวันเกิดของแก้วก็ยังคงอีกนานเพราะว่าตั้งเดือนธันวาโน่นแน่ะ

 

 

          แต่ก็ดีแล้วที่ผมก็ยังได้รู้ว่ายัยนั่นเด็กกว่า ^O^//  และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้เปรียบกว่าแก้วก็คือแลดูมีอำนาจมากกว่ายังไงล่ะ 5555+ ( ร้ายกาจจจจ )

 

 

“ปกติเห็นไปโรงเรียนสายไม่ใช่เหรอลูกแล้วทำไมวันนี้แลดูตื่นเช้าจังเลย”แม่ผมถามแล้วมองดูผมที่ตอนนี้แต่งตัวในชุดนักเรียนที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าไหร่

 

 

        ถึงผมจะแต่งตัวแบบนี้ทุกวันแต่แม่ผมก็ยังทำสีหน้าไม่ค่อยจะชินอยู่ดีนั่นแหละน่า = =;;;

 

 

       แต่ ถึงแม้ว่ากลุ่มของพวกผมจะโดนพวกอาจารย์บางท่านที่รักระเบียบจนเกินป๊ายยยยย มองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจอยู่หลายครั้ง พวกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกเอาตรงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคารพนะครับเพราะทุกครั้งพวกผมเจออาจารย์ก็ไหว้สวัสดี ตามปกติถึงเขาจะสอนหรือไม่ได้สอนเราก็ตามเพราะนั่นถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง ของการเป็นนักเรียน

 

 

      ถึงแม้ว่าในสายของอาจารย์พวกผมอาจจะถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ไม่น่าเข้า ใกล้เพราะลักษณะออกท่าทางสร้างอิทธิพลจนดูน่ากลัวเลยทำให้กลุ่มของพวกผมนั้น ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษเวลาที่มีนักเรียนโรงเรียนของเราไปมีเรื่องกับนักเรียน โรงเรียนอื่น

 

 

       ถ้าถามว่าทำไมไม่คิดที่จะแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อยบ้างหรือไง? อันนั้นก็เพียงแต่ว่า...ยังไงดีอ่ะ เอิ่ม คงเป็นเพราะพวกผมเป็นพวกที่รักอิสระไม่ชอบความจู้จี้จุกจิกแล้วไม่ชอบอยู่ในกรอบล่ะมั้ง? เลยไม่ชอบทำตามใคร

 

 

“อะไรอ่ะแม่ = =?”

 

 

      เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยแต่งชุดนักเรียนแบบเรียบร้อยเท่าไหร่อยู่แล้วถ้า ที่โรงเรียนมันไม่มีวันสำคัญจริงๆ และตอนนี้ผมก็ยังเอาเสื้อสูทขึ้นมาพาดไว้บนบ่าอีกต่างหากพอแม่เห็นอย่างนั้น ก็ถึงกับเอ่ยคำพูดนึงขึ้นมาซึ่งมันทำให้ผมถึงกับชะงักไปเลยทีเดียวเชียวแหละ = =;;;

 

 

 

“แต่งตัวเหมือนพ่อลูกสมัยเรียนไม่ผิดเล้ยยยย”

 

 

 

       ฮะ? ผมเนี่ยนะเหมือนพ่อสมัยเรียน?

 

 

 

“พ่อได้ยินนะแม่” พ่อผมที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงหัวโต๊ะทานข้าวใครห้องครัวเอ่ยขึ้นมาจนแม่ผมต้องหันไปมองแล้วพูดกับพ่อ

 

 

 

“ได้ยินแล้วไงก็ฉันพูดเรื่องจริง คุณกับลูกนี่ก็เหมือนกันอย่างกับแกะจริงๆเลยนะสมัยเรียนเนี่ย ”

 

 

 

“เหมือนที่ไหนเล่า >^<!” พ่อผมเถียง

 

 

 

“ไม่ต้องเถียงเลย”

 

 

 

“ผมเหมือนจริงเหรอแม่” ผมถามแม่ยิ้มๆเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่เพราะว่าเท่าที่มองแล้วพ่อของผมนั้นเขาดูเป็นคนที่รักความสงบเรียบร้อยสุภาพ? ถึงได้ประกอบอาชีพเป็นอาจารย์ไง

 

 

 

           และถ้าให้ผมนึกถึงตอนที่พ่ออายุเท่าผมอย่างที่แม่ว่าผมคง...จะนึกไม่ออกล่ะ ครับว่าตอนนั้นพ่อผมจะมีนิสัยเป็นยังไงกันแน่ = =;;;

 

 

 

“จริง ก็ตอนที่พ่อเขาคบกับแม่พ่อเขาเอารูปตอนที่เขาเรียนให้แม่ดู ตอนนั้นพ่อเขาเหมือนกับลูกในตอนนี้เป๊ะเลยนะโทโมะ เสียดาย ตอนนี้พ่อลูกอ้วนไปหน่อย”

 

 

 

“ว่าใครอ้วนฮะมาซากิ เดี๋ยวเธอจะโดนมิใช่น้อยนะ” พ่อผมเอ่ยขึ้นมาอย่างทันควันหลังจากที่แม่พูดจบเหมือนกับรับไม่ได้ที่โดนบอกว่า ‘อ้วน ’

 

 

 

“คิก...”และนั่นก็ทำให้ผมถึงกับหัวเราะออกมาที่นานๆทีจะได้เห็นพ่อกับแม่แหย่ๆเล่นกันอะไรแบบนี้น่ะ

 

 

           ไม่ใช่พ่อกับแม่ไม่เคยแหย่อะไรแบบบนี้กันหรอกครับ ก็คงเป็นเพราะผมเองตอนนั้นผมแทบจะไม่ค่อยได้คุยอะไรกับพวกเขาเลย แต่นั่นไม่ใช่การแสดงความห่างเหินนะ ก็คงเป็นเพราะตอนนั้นผมโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีเวลาว่างก็จะชอบออกไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆที่สวนๆเป็นประจำ

 

 

 

           พอเรามาโตขึ้นๆเราก็จะเริ่มรู้จักการแบ่งเวลาที่จะใช้มันอยู่กับครอบครัว แล้วก็คนที่รัก จนผมเข้าใจแล้วว่าควรจะทำยังไงใช้ชีวิตผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวกับ เพื่อน เพราะว่าผมเริ่มโตขึ้นแล้วความคิดเลยอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พัฒนาขึ้น ล่ะมั้งครับ ^^

 

 

 

“ต่อหน้าลูกนะ อย่าได้คิดๆ”

 

 

 

“ทำมาพูด เออโทโมะ! แล้วพรุ่งนี้วันเกิดลูกแล้วลูกอยากให้พ่อจัดวันเกิดมั้ย?”

 

 

 

       พ่อ ผมถามขึ้นมาในตอนนั้นจนทำให้ผมดันนึกขึ้นได้เลยว่ายังไม่ได้คิดเรื่องจัดวัน เกิดเลยเพราะบางครั้งก็จัดสังสรรค์ที่บ้านแล้วพวกเพื่อนกลุ่มเคโอติคก็มากัน แต่ปีนี้ไม่รู้สิว่าผมจะจัดมั้ย แต่ถ้าจัดก็ดีนะลุงวิชัยพิชชี่แล้วก็แก้วจะได้มากินข้าวที่บ้านผม ไง ^^

 

 

 

“อืมมม จัดก็ดีนะพ่อ จะได้ชวนลุงวิชัยมากินด้วยกัน”ผม บอกพ่อก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายพร้อมกับสะเก็ตบอร์ดที่ไม่ได้ เล่นมานานกะว่าวันนี้จะเอาไปเล่นกับไอ้พวกนั้นที่โรงเรียนซะหน่อย

 

 

 

“อ้าวแล้วนี่จะไม่กินอะไรก่อนเหรอลูก OoO?” แม่ผมถามเมื่อเห็นว่าผมสะพายกระเป๋าเป้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

“ไม่ฮะงั้นไปแล้วนะแม่  พ่อ! ผมไปแล้วนะ” ผม หันไปไหว้พ่อกับแม่ก่อนที่จะเดินเปิดประตูบ้านออกไปแต่พอเดินออกไปจนเดินจะ ถึงประตูรั้วแล้วเสียงพ่อที่ดังมาจากข้างหลังก็เอ่ยเรียกผมไว้เสียก่อน

 

 

 

“โทโมะ!”

 

 

 

“ฮะ?” เมื่อผมหันไปมองก็เห็นว่าพ่อเดินออกจากบ้านมาแล้วกำลังเดินตรงมาที่ผมยิ้มๆ  

 

 

 

       อะไรอีกอ่ะ =[]=;;;

 

 

 

“เมื่อคืนตอนพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านแก้วมาดูลูกรึปล่าว?”

 

 

 

จึก!

 

 

 

       เอิ่มมมมม  อะไรดลใจให้พ่อถามผมแบบนี้เนี่ยยยย ><///////

 

 

 

       เพราะ ยิ่งพ่อถามมันยิ่งตอกย้ำภาพที่ผมจูบแก้วได้ชัดเจนเลยอ่ะ  แล้วบอกเลยว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับเลยจริงๆเพราะเหตุการณ์นั้นมันฟินเกิน ยิ่งนึกถึงตอนที่ผมอยู่กับแก้วนี่ผมก็ยิ่งนอนยิ้มคนเดียวแล้วก็นอนพลิกตัว ไปพลิกตัวมาจนตัวเองตกเตียงเลยอ่ะเอาจริงๆ 555555+

 

 

 

“ก็...มาครับ” ผมตอบแต่ก็พยายามเลี่ยงจากพ่อสายตาไปทางอื่นเพราะกลัวพ่อรู้ว่าผมอาจจะทำอะไรแก้ว

 

 

 

      รู้เลยแหละ! ว่าถ้าพ่อรู้ว่าผมกับแก้วจูบกันพ่อจะต้องแซวผมทางอ้อมบ่อยๆแน่ๆ

 

 

 

      เพราะพ่อคนนี้ยิ่งร้ายเงียบอยู่ด้วยสิ ^^

 

 

 

“แหม๋ๆๆ  ทำมาเขินนะ ^^”

 

 

 

“เขินอะไรพ่อ ก็เขามาที่บ้านมาทำข้าวให้ผมเฉยๆ”  

 

 

 

 

“ไปขอให้เขาทำให้น่ะสิไม่ว่า แกเนี่ยหัวร้ายไม่ธรรมดาทำไมพ่อจะไม่รู้”พ่อผมพูดลากเสียงเอามือยกขึ้นกอดอกจนผมต้องเบ้ปากใส่

 

 

 

“หัวร้ายเหมือนพ่อน่ะเหรอครับ ^^”

 

 

 

“ไอ้โมะ = =!”

 

 

 

“ฮ่าๆๆๆ หยอกเล่นน่ะพ่อ เอ่อ...แล้วพ่อจะถามอะไรผมงั้นเหรอ O_O?” ผมถาม

 

 

 

“ปล่าว ก็แค่เดี๋ยวนี้เห็นลูกแลดูสดใสขึ้นนะ”พ่อผมพูดยิ้มๆ

 

 

 

“...”

 

 

 

“เฮ้อ...โทโมะ..ลูกจะ 18 แล้วนะเนี่ย เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆเลย” พ่อผมเดินมาหาใกล้ๆก่อนจะเอามือมาเตะบ่าผมไว้ข้างหนึ่งเหมือนกับว่าพ่อเขากำลังรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ข้างในภายในใจลึกๆ

 

 

 

“ทำไมเหรอฮะ”

 

 

 

“ปล่าวหรอกพ่อแค่...”พ่อผมหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วถอนหายใจออกมา “พ่อแค่คิดว่าเมื่อวานลูกยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เลย พอมาวันนี้ลูกก็โตขึ้นจนลูกเหมือนพ่อมากในตอนนั้น...”

 

 

 

“อ๋อ ที่แม่บอกน่ะเหรอครับ”

 

 

 

“ใช่ ลูกเหมือนพ่อมากเลยนะโทโมะ แต่ติดตรงที่ว่าพ่อมาเจอแม่ในตอนที่พ่อทำงานเป็นครูฝึกสอนอยู่ ส่วนลูกมาเจอผู้หญิงที่ลูกชอบในตอนที่ยังอายุเพียงแค่ 18  คิดๆไปแล้วนะ พ่อก็อยากจะเจอแม่ของลูกให้เร็วกว่านี้จริงๆ”

 

 

 

“ทำไมอ่ะพ่อ”

 

 

 

“ก็...พ่อก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อเจอแม่ในช่วงนั้นพ่อจะมีอาการตกหลุมรักเหมือนกับลูกรึปล่าว”

 

 

 

“พ่อ คงไม่เหมือนผมหรอกครับ...เพราะผมเชื่อว่าถ้าพ่อเป็นผม พ่อคงจะบอกชอบคนที่พ่อรู้ชอบว่าเขาเป็นคนพิเศษไปตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ส่วนผมน่ะ...กว่าจะรู้ตัวว่าชอบผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้านก็เกือบจะเสียอะไร หลายๆอย่างในใจไปเหมือนกัน”

 

 

 

       ผม พูดออกไปตามความรู้สึกของผมเอง  และคำพูดนั้นมันจะคอยย้ำเตือนผมตลอดเวลา  นี่ถ้าผมไม่แกล้งพูดเพื่อขอคำแนะนำแม่ เชื่อสิว่าตอนนี้ผมคงเป็นไอ้หน้าโง่ที่เสียผู้หญิงดีๆอย่างแก้วไป แน่ๆ  และตอนนั้นปมร้าวของผมที่คลอรีนเคยฝากไว้มันก็เจ็บจนยากจะถอน 

 

 

      นั่นน่ะ...คือความคิดที่โง่มาก!

 

 

 

เพราะ ผมมัวแต่ฝังใจอยู่กับอดีตที่มันผ่านไปแล้ว และก็พยายามปิดกั้นตัวเองจากแก้วสนมาโดยตลอดจนมาเริ่มรู้ตัวเนี่ย แหละ  ผมถึงได้คิดแล้วว่าผมคงจะชอบผู้หญิงคนอื่นไม่ได้อีกนอกจากแก้วคนนี้  และในใจของผมก็ไม่เคยคิดจะมองใครอีกเลยด้วยหากว่าผมได้มอบหัวใจของตัวเองให้ ใครสักคนไปแล้ว

 

 

 

      แต่ผมขอสาบานว่าแก้วไม่ใช่ผู้หญิงที่มาแทนที่คลอรีนในหัวใจผม  สำหรับผมแล้วคลอรีนคือเพื่อนที่ดีคนหนึ่งซึ่งผมเคยแอบชอบเธอเพราะเธอเป็นคน ดี  แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวตนของผมที่จะมอบหัวของตัวเองให้เธออย่างสุดใจเหมือนแก้ว เพราะว่าคนที่รักกันจริงๆน่ะ มันต้องเห็นทั้งด้านดีด้านเสียของอีกฝ่าย

 

 

 

      แต่ถึงเขาคนนั้นจะมีข้อเสียบ้างแต่ถ้าความรู้สึกของเราคืออยากจะอยู่กับเขา นั่นก็คือ...เรารักเขา และถ้าเขาอยากอยู่กับเรา...นั่นก็คือเขารักเรา... แบบนี้แหละที่เรียกว่า ‘ความรัก’จริงๆ

 

 

 

“คิดอย่างนี้ได้ก็ดีแล้ว...”เมื่อพ่อผมบอกแบบนั้นทั้งผมแล้วพ่อก็ยิ้มบางๆให้กัน “แล้วนี่...ขอเขาคบรึยังล่ะเนี่ย”

 

 

 

“...ยังเลยครับ”ผมตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

 

 

“เอ๋า? ชอบเขาแล้วไม่ขอคบเขาเลยล่ะ”

 

 

 

“มันยังไม่ถึงโอกาสที่ผมอยากขอน่ะครับ”

 

 

 

       เมื่อผมตอบพ่อไปแบบนั้นพ่อก็ทำปาก ‘อ๋อ’แล้วยิ้มๆเหมือนว่าผมมันร้ายกาจที่จะขอคบต้นสนในวันสำคัญของตัวเอง ถึงไม่ต้องบอกไปพ่อผมก็รู้ว่าผมจะเอาโอกาสไหนขอเธอ  

 

 

 

       ก็...ตลอดชีวิตที่เกิดมา ผมไม่เคยได้ให้ของขวัญวันเกิดกับตัวเองเลย และปีนี้แหละครับ! ที่ผมได้ปฏิญาณไว้เลยว่าผมจะให้‘ของขวัญ’กับตัวเองเป็นชิ้นแรก! และเป็นของขวัญชิ้นที่สำคัญที่สุดในชีวิต...

 

 

 

       ที่ผมจะไม่ยอมปล่อยของขวัญชิ้นนี้ไปเด็ดขาด ^O^//

 

 

 

[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

โรงเรียน

 

 

 “แหม๋ๆๆๆๆ  วันนี้เพิ่งวันที่ 13 กุมภานะย๊ะหล่อนจะแต่งตัวสวยกันไปไหนเนี่ย ><!”

 

 

“เชิญแกกลับห้องแกไปเลยไปอีแป๊ะยิ้ม! ><! ”

 

 

       เสียงของเพื่อนผู้หญิงเมื่อกี้ที่เพิ่งถูกสาวประเภทสองใส่ที่คาดผมมิกกี้เม้าส์สีชมพูไว้บนหัวและอยู่ในชุดนักเรียนชายที่มีนามว่า‘แป๊ะยิ้ม’ที่ คาดว่าจะอยู่ห้องเดียวกับโทโมะแล้วรู้จักกับเพื่อนผู้หญิงห้องฉันล่ะมั้งเลย เดินมาแซวในขณะที่ตอนนี้พวกเพื่อนๆในห้อง ม.5/2 ต่างก็ออกมาช่วยกันนั่งตัดกระดาษจัดบอร์ดวันวาเลนไทน์กันที่หน้าห้อง

 

 

          พรุ่งนี้ก็วาเลนไทน์แล้วสินะแถมยังเป็นวันเกิดโทโมะอีกด้วยเนี่ยสิฉันเองก็ยัง ไม่รู้เลยว่าจะทำของขวัญอะไรให้เขาดี  และถ้าจะทำจะทำทันมั้ยนะ? =[]=!!!

 

 

“แก้วหยิบกระดาษสีฟ้าให้หน่อย”ฟาง ที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับการพับกระดาษเป็นรูปหัวใจในมือหันมาบอกขอให้ฉัน หยิบกระดาษให้ แล้วฉันก็เพิ่งสังเกตในตอนนั้นว่าฟางนี่ท่านั่งแมนมากเหอะ =[]=;;;

 

 

       ก็ตามประสาสาวห้าวแหละนะ ยิ่งพออยู่ในชุดพละแบบนี้แล้วนี่ฟางก็ยิ่งดูเหมือนสาวทอมเข้าไปใหญ่เลย เฮ้อ เพื่อนฉัน จะแมนไปไหน  = =??

 

 

“อ๊ากกก แกฉันอยากจะบ้าต๊าย”

 

 

“อะไรของแกเนี่ย >O<!!”

 

 

 “ก็ไม่เห็นรึไงว่าพวกกลุ่มเขาเคโอติคออกมานั่งหน้าระเบียงแถมยังมองมาทางห้องเราด้วยอ่ะ โง้ยยยยยย เขิลลลอ่า  ><////” เพื่อนในห้องที่นั่งอยู่ใกล้ฉันเอ่ย

 

 

           แต่ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปซะอย่างงั้นแหละ เพราะรู้เลยว่าประเด็นต่อมาที่พวกนั้นจะพูดคืออะไร

 

 

“ก็แฟนโทโมะเขานั่งหัวโด่อยู่นี่แกจะให้เขามองไปทางไหนล่ะยัยมิ้งค์ ><!”

 

 

       นั่นไง! ฉันเดาผิดซะที่ไหนล่ะ

 

 

       อืม มมมม แต่ฉันกับโทโมะเราสองคนยังไม่ได้เป็นแฟนอะไรกันเลยนะ  แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคนทั้งโรงเรียนเขาคงจะพากันเข้าใจไปในทางนั้นเสียแล้วล่ะ ให้ทำไงได้ล่ะ ก็โทโมะดันไปพูดไว้ซะอย่างงั้นนี่นา = =;;;;

 

 

“แหม่  ถ้าพวกเคโอติคจะมองมาตรงนี้เป็นระยะๆนี่ฉันอยากจะบ้าตายพับกระดาษไม่มีสมาธิเล้ย ><!” ฟาง มากระซิบบอกจนฉันหลุดขำออกมาหน่อยๆเมื่อใช้สายตามองไปยังข้างหลังฟางก็เห็น ได้ว่าพวกเคโอติคกำลังนั่งคุยๆอะไรกันไม่รู้แล้วก็มองมาทางนี้เป็นระยะอย่าง ที่ฟางบอกจริงๆด้วยแหละ

 

 

      และฉันก็เห็นว่าโทโมะที่กำลังคุยอยู่กับจองเบดันมองมาเจอฉันที่กำลัง มองอยู่พอดีก่อนที่เขาจะส่งยิ้มหวานมาให้จนจองเบหันมามองฉันก่อนจะหันไปมองโทโมะ แล้วส่ายหัวจากนั้นโทโมะก็ละสายตาจากฉันไปมองจองเบก่อนที่เขาจะใช้มือของตัวเองตีหัวจองเบเบาๆเหมือนๆหยอกเล่นกันจนฉันอดที่จะยิ้มออกมาหน่อยๆไม่ได้

 

 

         ตอนนั้นเองที่สายตาของฉันดันมองไปเห็นว่าป๊อปปี้กำลังมองมาทางนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเจาะจงมองมาที่ฟางพิเศษเลยนะ เอ๊ะยังไง?

 

 

“เอ่อ...เอาน่าปล่อยพวกเขาเหอะ ป๊อปปี้ไม่มากวนแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”สุดท้ายฉันก็กระซิบบอกฟางกลับไปก่อนจะยิ้มแล้วหันไปตัดกระดาษต่อ แล้วก็ส่งๆให้เพื่อนที่นั่งข้างๆเอาไปรวบรวมจะได้เอาไปแปะบอร์ด

 

 

“ฟาง!”

 

 

ขวับ

 

 

“ฮะ?”ฟางที่กำลังนั่งพับกระดาษรูปหัวใจอยู่นั้นจำต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเรียกจากใครคนหนึ่งซึ่งก็คือเพื่อนผู้ชายในห้องนั่นเอง “อะไรวะบอส”

 

 

       ฟาง ถามขณะที่บอสเพื่อนผู้ชายที่เป็นคนเรียกนั้นยังคงยืนอยู่ตรงราวบันไดแต่ก็ ไม่ได้เดินมาหาฟางแถมยังกวักมือเรียกให้ฟางเดินไปหาอีกเสียด้วยสิ

 

 

“มานี่หน่อยดิ” บอสกวักมือเรียกฟางอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฟางเอาแต่มองเขาอย่างสงสัย

 

 

           และในตอนนั้นเองที่ทำให้เพื่อนๆในห้องก็เริ่มหันมาสนใจกันแล้วว่าฟาง กับบอสมีอะไรกันรึปล่าวนะ? แถมฉันยังเห็นกลุ่มเคโอติคโดนเฉพาะป๊อปปี้ที่ยังคงมองฟางอยู่ด้วยเหมือนกับว่ากำลังคิดว่าฟางจะลุกขึ้นไปหาบอสหรือไม่

 

 

“อะไรของมันวะ = =;;;” สุดท้ายแล้วฟางนั่งลังเลใจอยู่สักพักก็ลุกขึ้นพลางส่ายหัวนิดๆอย่างเซ็งๆแล้วเดินไปหาบอสที่ยืนรอดูที่เดิมท่ามกลางวายตาของเพื่อนๆ

 

 

           แล้วฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นในตอนนั้นนั่นเองว่าในมือของบอสนั้นมีดอกกุหลาบ อยู่ 1 ดอก ที่ห้อยกระดาษจดหมายเล็กๆถือไว้ในมือเสียด้วยสิ  น่ะ...นี่อย่าบอกนะว่าบอสจะเอาดอกกุหลาบที่อยุ่ในมือของเขานั้นให้ฟาง อ่ะ O_O???

 

 

“อะไรอ่ะบอส!?” เสียงของเพื่อนๆจอมอยากรู้อยากเห็นเอ่ยขึ้นมาจนบอสต้องเอ่ยบอกเหมือนไม่อยากให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่จนเอาไปเม้าท์มอยกันต่างๆนาๆ

 

 

           ก็คงจะรู้แหละว่าเพื่อนสาวๆนั่นนิสัยส่วนใหญ่เป็นยังไง = =;;;

 

 

“มีรุ่นน้องฝากดอกกุหลาบมาให้ฟางอ่ะดิ!”บอสพูดบอกก่อนจะยื่นดอกกุหลาบดอกนั้นให้ฟาง

 

 

      แต่ฟางเนี่ยสิที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงจนฉันยังสังเกตเห็นได้ชัดเลย

 

 

      คงจะเขินล่ะมั้งที่มีหนุ่มฝากดอกไม้มาให้นะ ^^

 

 

      ตอน นั้นนั่นเองที่เสียงฮือฮาของเพื่อนๆในห้องก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อฟางรับ ดอกกุหลาบนั้นจากบอส บอสก็เดินกลับลงไปข้างล่างเหมือนจะไปนั่งสุมหัวคุยกับเพื่อนต่อล่ะมั้ง ฟางที่เห็นอย่างนั้นก็หันเดินกลับมาที่เดิมท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆในห้อง แล้วก็กลุ่มเคโอติคกับเพื่อนๆในห้องเขาที่นั่งทำบอร์ดอยู่ข้างนอกกำลังมองมา ทางนี้เป็นระยะๆเช่นกัน

 

 

“ว๊ายๆๆๆ หนุ่มคนไหนใจกล้าเอาดอกไม้มาให้แกก่อนวาเลนไทน์เนี่ยยยยย” เพื่อนผู้หญิงในห้องแซวจนฟางถึงกับเอามือเกาหัวตัวเองก่อนจะนั่งลง

 

 

“หนุ่มคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแหงๆอ่ะ พวกแกว่าป่ะ”

 

 

“อั๊ยยยย่ะ! มีการ์ดด้วยอ่ะ ฟางๆอ่านดิๆ ”

 

 

“อยากรู้กันจริงๆเลยนะ = =;;;”ฟางที่ตอนนี้เริ่มปรับสีหน้าจากอาการหน้าแดงเมื่อกี้ให้ดูเป็นปกติแล้วชะโงกหน้าไปพูดกับเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน

 

 

“โหย ยยย ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเพิ่งเห็นแกได้ดอกกุหลาบจากผู้ชายก็วันนี้เนี่ยแหละ เพราะปกติเห็นได้แต่ของผู้หญิงเพราะพวกน้องๆเขาคงคิดว่าแกเป็นทอมล่ะมั้ง ฮ่าๆๆๆ”

 

 

 “โว๊ะ!  อยากรู้ก็เอาไปอ่านเองเลยไปรำคาญว่ะ แซวจริงๆ ><!”

 

 

       ฟาง บอกอย่างรำคาญก่อนจะยื่นเจ้าดอกกุหลาบนั่นผ่านฉันแล้วเพื่อนผู้หญิงเอาดอก กุหลาบนั่นไปก่อนจะเปิดการ์ดอ่านเสียงดังๆให้เพื่อนในห้องได้ยิน

 

 

“จะอ่านล่ะน้า มีใครรอฟังมั้ยเนี่ยยยย”

 

 

“อ่านเล้ยๆๆๆ”

 

 

“อะแฮ่ม สาม สอง หนึ่ง โอเค เริ่ม”

 

 

“...”

 

 

“ ‘พี่ฟางครับ! โสดนานมั้ยครับพี่? ในปีนี้ พี่มีใครแล้วหรือยัง  ถ้าไม่มีงั้นพี่ก็จงฟัง! ว่าผมนั้นเน้นรักสมัครใจ ^^’อ๊ากกก อิจชี่ม๊ากกกก ><!!!”

 

 

“ฮิ้วววววววววว” เมื่อได้ฟังคำกล่าวในจดหมาย ( รัก )เสร็จเพื่อนๆในห้องก็พากันกรื๊ดกร๊าดตื่นเต้นกันใหญ่

 

 

      แต่ฟางเนี่ยสิถึงกับชะงักไปเพราะว่าเกิดมาไม่เคยมีใครมาจีบแบบนี้มาก่อนเลยล่ะมั้งเนี่ย

 

 

“อร๊ายยยย พวกเรามีเด็กมาจีบฟางแล้วเว้ย ท่าทางจากออกตัวแรงงงงง”

 

 

“เดี๋ยวๆๆๆ มีอีกๆ ฉันยังอ่านไม่จบ! ><!”เพื่อนที่นั่งข้างๆฉันพูดขึ้นแล้วโบกมือบอกให้เพื่อนๆในห้องที่กำลังฮือฮานั้นเงียบแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อให้ตัวเองดูเด่นและเป็นจุดสนใจ

 

 

       แต่นั่นมันก็ยิ่งทำให้ห้องข้างๆต่างก็หันมามองกันมากขึ้นอีกว่าไอ้ห้องนี้ มันมีอะไรกันเนี่ย ทำนองนั้น = =;;;;

 

 

“พูดดังๆเลยว่าใครเป็นคนส่งดอกไม้มาให้ยัยฟาง><!”

 

 

“เออ เอาเข้าไป” ฟางพูดเบาๆอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเอาหัวมาซบที่ไหล่ฉัน

 

 

“มี ป.ล. ใต้จดหมายด้วยอ่ะแกรรรร เขาบอกว่า‘วันนี้ผมให้แค่กุหลาบ 1 ดอกก่อนนะครับ  เดี๋ยวพรุ่งนี้วาเลนไทน์ผมจัดให้อีกดอก’ว๊ายยยยย ไม่ติดเรทชิป๊ะ???”

 

 

“อ๊ากกก พอแล้ว! เอามานี่ๆ ><!” ฟาง ที่ได้ยินคำพูดของจดหมายคำหลังไม่ไหวเลยกวักมือเรียกเพื่อนคนนั้น ยัยนั่นก็เบ้ปากให้เพราะว่าได้แซวแกล้งฟางจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นหล่อนก็ยื่นดอกกุหลาบนั่นให้ฟางก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม

 

 

“เอ่อ...ฉันว่าน้องที่เขียนคงไม่ได้ตั้งใจให้ความหายออกมาเป็นแบบนั้นหรอกมั้ง?”

 

 

“มันกล้ามากกกก เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าเขียนจดหมายแบบนี้มาให้ฉันเลยนะ แล้วไอ้หมอนี่มันใครเนี่ย?” ฟางพูดอย่างหัวเสียแล้วพลิกกระดาษจดหมายนั้นดูว่ามีชื่อคนส่งติดเอาไว้บ้างรึปล่าว

 

 

         เพราะดูท่าทางแล้วบอสคงจะไม่ได้บอกมาน่ะสิว่าใครฝากมาให้แต่ให้เดานะฉันว่าคงจะเป็นรุ่นน้องเนี่ยแหละ ชัวปาบ!

 

 

“เจอมั้ยอ่ะ”ฉันถามเมื่อเห็นว่าฟางพลิกจดหมายไปมา

 

 

“โอ๊ะ? เดี๋ยวนะ” ฟางทำตาโตขึ้นมาก่อนจะเอามือแกสติ๊กเกอร์ตุ๊กตาหมีที่แปะอยู่ตรงจดหมายออก เท่านั้นแหละ! ก็เห็นชื่อคนที่ส่งมาทันที “B.A.M.B.A.M??”ฟางอ่านตัวอักษรภาษาอังฤษนั่นก่อนจะหันหน้ามามองฉัน

 

 

“ชื่อแบมแบมเหรอ?”

 

 

“แบมแบมไหนวะ = =?”ฟางทำท่านึกนิดๆก่อนจะหลับตาแล้วส่ายหัวไปมาแล้วพูดปัดๆเหมือนว่าให้ลืมๆมันไปซะ “ช่างเหอะ”

 

 

“ซะงั้น”

 

 

          แต่ฉันก็แค่ขำในลำคอก่อนจะหันไปตัดกระดาษที่อยู่ในมือต่อ ส่วนเพื่อนๆทั้งหลายก็ยังคงมีเสียงซุบซิบถึงเรื่องของเปาอยู่  อ่า...อยากจะรู้จังว่าน้องคนที่ชื่อ ‘แบมแบม’ นั้นคือคนไหนกันนะที่เขียนจดหมายเหมือนเป็นทำนองว่าสนใจในตัวฟาง

 

 

         แต่เท่าที่ฉันเดานะน้องคนนั้นคงไม่ธรรมดาแน่ๆ

 

 

         อืมมมม แต่ก็น่าลุ้นดีนะที่ว่าใน ‘เร็วๆนี้’ พรมลิขิตจะบันดาลให้ฟางมี ‘แฟนเด็ก’ หรือว่า ‘ป๊อปปี้’ แต่ คนหลังนี่เดาไม่ออกเลยจริงๆว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อทะเลาะด่ากันจนเหมือน กับอยากจะคว้านไส้ของอีกฝ่ายออกมากระทืบแบบนั้นน่ะ ก็...คงต้องรอดูกันต่อไปก็แล้วกันนะ >_O

 

 

พักเที่ยง

 

 

“ฟางฉันจะลงไปซื้อน้ำที่โรงอาหารอ่ะแกจะเอาอะไรมั้ย?”

 

 

       ฉัน ถามฟางที่ตอนนี้ก็ยังคงช่วยๆเพื่อนๆจัดบอร์ดกันอยู่ แต่ก็มีบางส่วนพากันลงไปพักกินข้าวกันบ้างแล้ว แต่ฟางบอกว่ายังอยากจัดบอร์ดให้เสร็จก่อนส่วนกลุ่มบังทันก็พากันลงไปจากห้อง เรียนของพวกเขาได้สักพักแล้วล่ะ 

 

 

“น้ำขวดนึงก็พอ วันนี้ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

 

 

“โอเค” เมื่อ ฟางบอกอย่างนั้นฉันก็เดินลงมาจากบันไดเพื่อไปข้างล่างแล้วไปโรงอาหารแต่ทว่า จังหวะนั้นที่เดินลงมาพอดีนั่นเองฉันก็เห็นว่าพิมพ์กำลังเดินมาทางนี้

 

 

      แต่เธอเดินมาคนเดียวแถมยังก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับอยู่ในมืออีกต่างหาก

 

 

     ด้วยความที่ฉันจำเป็นจะต้องเดินผ่านเธอไปฉันจึงเงียบแล้วก้มหน้าเดิน แต่หากทว่ากะอยู่แล้วว่าคนอย่างพิมพ์จะต้องพูดกัดอะไรหน่อยๆแน่ๆเลย และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

 

“แหม นึกว่าจะหายหัวไปแล้วซะอีก”

 

 

กึก

 

 

      เท้าของฉันนั้นหยุดเดินทันทีเมื่อเดินผ่านพิมพ์มาได้ไม่กี่ก้าว  ตอนนั้นฉันมีแต่ความนิ่งงันเฉยชาและไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับผู้หญิงคนนี้แล้ว เพราะว่าพิมพ์เป็นคนที่ไม่เป็นมิตรเอามากๆเป็นคนมองโลกแคบ หาเรื่องฉัน สั่งให้คนมาตบฉันจนฉันเจ็บทั้งกายและใจแบบนั้นมันก็ยากจะทนเหมือนกัน

 

 

      แต่ฉันก็จะไม่ทำเหมือนที่เธอทำไว้กับฉันหรอก...ไม่ใช่ ‘ยอม’ แต่ฉันไม่อยากจะเอาตัวเองไม่มีเรื่องกับคนที่นิสัยแบบนี้หรอก  มีเรื่องแล้วได้อะไรล่ะ? สิ่งที่ตามมาคือทำให้พ่อแม่เสียใจ แบบนั้นมันดีเหรอ?

 

 

      พิมพ์น่ะเป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยคิด คิดแค่ว่าซะใจก็ทำ แบบนั้นน่ะ...เป็นความคิดที่แย่มาก!

 

 

“...”

 

 

“เราจะไม่กล้าสู้หน้าเธอเรื่องอะไร”ฉัน หันไปถามพิมพ์เสียงนิ่งและใช้สายตามองเธอด้วยความว่างปล่าว พิมพ์เอาโทรศัพท์ของเธอเก็บใส่กระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะหันมามองฉันพร้อมกับ กอดอกแล้วเหยียดยิ้มมาให้

 

 

“ก็แกกลัวฉันไม่ใช่เหรอ?”

 

 

“เราไม่ได้กลัวเธอ แต่ที่เงียบเพราะเราไม่อยากมีเรื่องกับคนบ้า”

 

 

“นี่แกว่าฉันเหรอ!” ตอนนั้นพิมพ์ถลึงตาใส่ฉันเหมือนว่าโกรธและโมโห

 

 

      แต่คิดเหรอว่าฉันจะสน หึ ตอนนี้ฉันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนหรอกนะที่จะเงียบไม่พูดอะไร พอมาถึงคราวนี้มันก็ต้องพูดบ้างแล้วล่ะ  แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าคนอย่างพิมพ์นั้นมีสมองที่จะเอาคำเหล่านี้กลับไปคิด อะไรบ้างรึปล่าว

 

 

“ร้อนตัวทำไมกันเรายังไม่ได้เอ่ยชื่อเธอเลยนิ” คราวนี้ฉันยกมือขึ้นกอดอกบ้างแล้วมองพิมพ์ด้วยสายตาที่นิ่งงันตามเดิม และนั่นแหละยิ่งทำให้พิมพ์ถึงกับกำหมัดในมือแน่นทั้งสองข้าง

 

 

“ถึงแกไม่เอ่ยชื่อฉันก็รู้ว่าแกหมายถึงฉัน!”

 

 

“ก็รู้ตัวนิ”ฉันเลิกคิ้วมองพิมพ์กวนๆจนพิมพ์ถึงกับกัดฟันตัวเองดังกรอด และเธอก็ทำในสิ่งที่ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอทำแน่ๆ

 

 

“นี่แก๊!”

 

 

หมับ!!

 

 

       ใน จังหวะที่พิมพ์จะฟาดฝ่ามือของเธอลงมาบนใบหน้าของฉันเหมือนครั้งก่อน ฉันเลยเอามือของตัวเองขึ้นมาจับเอาไว้ได้ทันเสียก่อน และแรงของพิมพ์ที่จะตบลงมากลับต้องหยุดชะงักเพราะไม่คิดล่ะมั้งว่าฉันจะสู้ บ้างไม่เอาแล้ว! ฉันจะไม่ยอมให้พิมพ์มาทำร้ายฉันอีกเด็ดขาด!

 

 

“...”

 

 

“น่ะนี่แกสู้เหรอ?” พิมพ์ถลึงตามองฉันแล้วเม้นริมฝีปากแต่เธอก็ยังมิวายกะจะตบฉันให้ได้แต่ฉันก็กำข้อมือของเธอไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “โอ๊ยยย นะ...นี่แก๊!”

 

 

หมับ!

 

 

       คราว นี้พิมพ์ใช้ฝ่ามืออีกข้างกะจะตบฉันอีกครั้งแต่ฉันก็คว้าไว้ได้ทันเหมือนเดิม และคราวนี้ฉันก็บีบข้อมือของพิมพืพร้อมกับมองพิมพ์ด้วยสายตาแข็งกระด้างก่อนจะ ใช้แรงของตัวเองที่มีดันพิมพ์ให้ออกไปต่างๆ จนพิมพ์นั้นเซไปเซมาเลยทีเดียว

 

 

“แกกล้ามากนะที่ผลักฉัน แกรู้มั้ยว่าฉันลูกใคร!”พิมพ์เมื่อตั้งหลักได้จึงพูดขึ้นมาด้วยความโมโห

 

 

“...”

 

 

“แหม๋  ทำตัวเป็นคนใสๆนะนังแรด  ที่แท้ก็อ่อยผู้ชาย จะบอกให้นะว่าโทโมะน่ะเขาก็เห็นเธอเป็นแค่ของเล่นชั่วคราวเท่านั้นแหละ คบไม่นานเดี๋ยวเธอก็จะโดนเฉดหัวทิ้ง!”

 

 

“เคยเป็นมาก่อนเหรอถึงได้รู้?”

 

 

“ปากดีนักนะอีนี่  อยากรู้จริงๆว่าไอ้หนุ่มแว่นใสที่ชื่อมิณท์นั่นหลงชอบแกไปได้ยังไงกัน ”

 

 

“มิณท์เป็นเพื่อนที่ดีของเรา”

 

 

“เพื่อนที่ดี? เพื่อนที่ดีหรือเป็นเพื่อนแอบกิ๊กกันลับหลังโทโมะกันแน่ฮึ?”พิมพ์เค้นเสียงถามจนฉันต้องสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง

 

 

“...”

 

 

 “แกน่ะ...หัดเจียมตัวซะบ้างนะไอ้พวกชั้น - ต่ำ ว่าอย่ามาบังอาจทำตัวมีอำนาจมากกว่าคนชั้นสูง”พิมพ์เอานิ้วชี้หน้าฉันก่อนจะพูดประโยคไม่มีหัวคิดนั้นออกมาจนทำให้ฉันถึงกับมองพิมพ์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจมากกว่าเดิม

 

 

“จะชั้นต่ำหรือสูงมันก็ ‘คน’ เหมือนกันนั่นแหละ!” ฉันสวนกลับทันที “พ่อแม่เธอคงดีใจเน๊อะที่มีลูกสาวบ้าอำนาจ เอาแต่ใจ ชอบรังแกคนไม่มีทางสู้แบบเธอน่ะ”

 

 

“กะ...”

 

 

“และทีหลังน่ะนะ ถ้าจะตบเราก็มาด้วยตัวเองเล้ยมาด้วยด้วยเองเลยสิพิมพ์  อย่าดีแต่ใช้ให้คนอื่นทำ เพราะว่าไอ้แบบนั้นน่ะเขาเรียกว่า ขี้ - ขลาด” ฉันพูดเน้นย้ำพิมพ์เสียงแข็งและมองจ้องเธอด้วยความแข็งกร้าว

 

 

           หึ ดูสีหน้าพิมพ์ตอนนี้สิ คงไม่คิดว่าฉันจะรู้ล่ะมั้งว่าเธอเป็นคนสั่งให้ไอ้เด็กรุ่นน้อง 3 คนนั้นมารุมตบฉันในห้องน้ำน่ะ  แต่ขอโทษเหอะ! ในโรงเรียนนี้น่ะมีใครน่าสงสัยมากกว่านางผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าตอนนี้บ้าง? จะเป็นใครถ้าไม่ใช่เธอล่ะจริงมั้ย?

 

 

“เราถามหน่อยเหอะ  จะจองล้างจองผลาญเราไปถึงไหน? สั่งให้คนตามถ่ายรูปเราเอามาแปะหน้าห้องทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังให้เด็กพวกนั้นมาตบเรานี่เธอเป็นโรคจิตเหรอพิมพ์?”

 

 

“นี่หาว่าฉันโรคจิตอย่างงั้นเหรอ?! แกนี่มัน...!”

 

 

“จะทำอะไรน่ะพิมพ์”

 

 

ขวับ!

 

 

“คลอรีน”

 

 

       ฉัน เอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นว่าคลอรีนมาได้จังหวะที่พิมพ์กำลังจะพุ่งตัวเข้ามาตบ ฉันอีกครั้ง  และเพิมพ์ก็รีบเอามือลงทันทีที่เห็นว่าคลอรีนกำลังเดินมาหานิ่งๆ แล้วใช้สายตามองเธออย่างตำหนิจนพิมพ์ต้องบ่นมึมงัมเบาๆ

 

 

“เห๊อะ”พิมพ์เค้นเสียงเมื่อหันไปเห็นว่าคลอรีนกำลังมองเธออยู่

 

 

“มีอะไรกันรึปล่าว”คลอรีนถามแล้วหันมามองฉัน

 

 

“ถ้าเธอไม่มา...ได้มีแน่!” พิมพ์พูดแค่นั้นก่อนจะเดินเชิดสะบัดผมสีแดงของเธอแล้วเดินขึ้นบันไดไป

 

 

       ตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่ฉันกับคลอรีน...

 

 

“พิมพ์ไม่ได้ขู่อะไรเธอใช่มั้ย”คลอรีนถามอย่างเป็นห่วง

 

 

“ไม่ได้ขู่หรอก แต่เขาพูดในสิ่งที่เราทนไม่ได้น่ะ” ฉันบอก

 

 

“เข้าใจ...” คลอรีนพยักหน้าแล้วยิ้มให้ฉันบางๆ “คน เราน่ะมีขีดจำกัดของความอดทนเหมือนกันหมดนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะอดทนได้มากหรือว่าน้อย แต่เธอนี่เก่งมากเลยนะที่อดทนพยายามจะไม่มีเรื่องกับพิมพ์ทั้งๆที่พิมพ์ก็เป็น คนค่อนข้างแรง”

 

 

“อืม ก็ขอบใจนะที่เข้ามาถูกเวลา ไม่งั้นเราคงโดนพิมพ์เล่นงานแหงๆ” ฉันพูดบอกคลอรีนยิ้มๆ แต่มันก็ยังมีคำถามที่ค้างอยู่ในใจนิดหน่อย “เอ่อ...คลอรีน”

 

 

“ว่า?”

 

 

“เธอกับพิมพ์รู้จักกันเหรอ? คือ...เราเห็นเหมือนว่าพิมพ์ไม่ค่อยแรงใส่เธอเลย” ฉันถามและนั่นก็ทำให้คลอรีนพยักหน้าหน่อยๆ

 

 

“ใช่ พ่อแม่เราเป็นญาติกันน่ะ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ฉันกับพิมพืก็ไม่จะค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ แต่พ่อแม่เรานี่ถูกชะตากันมากๆเลยล่ะ”

 

 

“อ๋อ ”ฉันตอบรับแล้วก็พยักหน้าเป็นเชิง

 

 

“แล้วนี่จะไปไหน่ละเนี่ย”

 

 

“อ้อเราไปซื้อน้ำที่โรงอาหารน่ะ แล้วคลอรีนจะไปไหน”

 

 

“จะเอาแฟ้มบันทึกการสอนไปส่งที่ตึกวิชาการน่ะ งั้น...ไว้เจอกันนะ ^^”

 

 

“อื้ม!”

 

 

        หลัง จากนั้นฉันกับคลอรีนเลยแยกกันไปคนล่ะทางเพราะคลอรีนจะไปตึกวิชาการส่วนฉันก็ จะไปโรงอาหาร เฮ้อ...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคลอรีนไม่เข้ามาพิมพ์จะทำอะไรฉันอีก ให้ตายสิ...

   

 

อีกฝั่ง...

 

 

“ไว้เจอกันงั้นเหรอ? เห๊อะ ”

 

 

       น้ำเสียงอันร้ายกาจของพิมพ์ที่เมื่อกีที่เธอเดินขึ้นมานั้นเธอยังคงไม่ไปไหนแต่ ก็แอบดูแก้วกับคลอรีนอยู่ตรงบันได และเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นแยกกันแล้วเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับ ขึ้นมากดๆโทรหาใครสักคนทันทีเพราะว่าเธอคงจะมี ‘แผนการ’ อะไรอีกสักอย่างแน่ๆ

 

 

ตื๊ด...กรึก

 

 

[ ฮะ...ฮัลโหล ว่าไงพิมพ์ ]

 

 

“ยัยจินนี่แกอยู่ไหน”พิมพ์พูดเสียงเย็นแล้วถอนหายใจออกมา

 

 

[ อยู่ห้องน้ำน่ะ ]

 

 

“งั้นแกรีบไปจัดการยัยแก้วอะไรนั่นให้ฉันหน่อย จัดการมันให้สะใจฉันทีเพราะมันทำฉันแสบมาก”

 

 

[ แล้ว...เธอจะให้ฉันทำอะไรล่ะ? ]

 

 

“ทำยังไงก็ได้แหละ! ขอแค่ให้วันนี้มันไม่ได้โผล่หัวกลับขึ้นมาบนห้องเรียนมันก็พอแล้ว! ”

 

 

ติ๊ด!

 

 

       พิมพ์ กดตัดสายทิ้งและนึกถึงหน้าของแก้วเมื่อไม่นานมานี้ที่มันทำให้เธอถึงกับ โมโหจนควันออกหูเหมือนอยากจะกรื๊ดใส่ใครสักคน แต่เมื่อสั่งจินนี่ไปแบบนั้นมีหรือเพื่อนที่กลัวแก้วอย่างจินนี่จะไม่ทำตามที่พิมพ์สั่ง และรับรองว่าจินนี่จัดการสิ่งที่พิมพ์สั่งไม่ได้ดั่งใจ เธอได้โดนดีแน่!

 

 

บังอาจมาว่าฉันอย่างงั้นเหรอยัยแก้ว หึ แกได้เจอดีแน่!”

 

________________________________________________________อัพแล้วจ้า เม้นกันหน่อยนะค่ะ^^

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา