Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

38) - Birhtday Of ' TOMO'- ( วันเกิดของ ' โทโมะ ' )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Birhtday Of ' TOMO'-

( วันเกิดของ ' โทโมะ ' )

 

 

เช้ามืดของวันต่อมา...

 

 

“โทโมะ...โทโมะลูก...โทโมะ”

 

 

“อื้อ...”ผม ร้องครวญครางเมื่อได้ยินเสียงของแม่ดังอยู่ใกล้ๆซึ่งเมื่อผมกระพริบตาถี่ๆผม ก็เห็นว่าแม่กำลังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงนอนของผมแล้วผมก็เห็นว่าพ่อผมนั้นยืน อยู่ตรงแม่ด้วย “มีอะไรเหรอครับ”ผมถามเสียงงัวเงียแล้วค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งดีๆ

 

 

“เอ๋า จำวันสำคัญของตัวเองไม่ได้ซะงั้น”พ่อผมเอ่ยแล้วหัวเราะออกมาหน่อยๆขณะที่ผมกำลังเอามือทั้งสองข้างขยี้ตาของตัวเองเพื่อให้ตื่น

 

 

       เอ๋? วันสำคัญ?

 

 

       อ้อใช่สิ! วันนี้วันเกิดของผมนี่  ให้ตายสิลืมไปได้ยังไงเนี่ย ><!

 

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะลูก ^^”ตอนนั้นเองที่ผมขยี้ตาของตัวเองจนตื่นแล้วแม่ก็เอ่ยขึ้นมา “อายุ 18 ปีเต็มแล้วน้า เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วนะเรา ^^”

 

 

“ขอบคุณครับ ว่าแต่...ทำไมต้องปลุกผมมาบอกแฮปปี้เบิร์ดเดย์เอาตอนเช้ามืดแบบนี้ด้วยล่ะแม่”ผมพูดปนขำแล้วเอามือยกเกาคอแก้เขินพ่อกับแม่

 

 

       แต่ก็จริงนะ ทำไมพวกเขาต้องรีบปลุกผมด้วยเนี่ยนี่ยังเช้ามืออยู่เลยนี่นา

 

 

“ถามมาได้ ก็มารอใส่บาตรไงลูก ป่ะ ไปล้างหน้าล้างตาไปเดี๋ยวพระก็มาแล้ว”แม่บอกผมแล้วลุกขึ้นจากปลายเตียงก่อนจะเดินมาลูบหัวผมแล้วก้มลงหอมเข้าที่หน้าผากผมเบาๆ ซึ่งผมก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที “มีความสุขมากๆนะลูก”

 

 

“คิดสิ่งใดก็ขอให้สมดั่งปรารถนานะเจ้าลูกชาย”พ่อเดินมาบอกผมแล้วก็เอามือโอบไหล่แม่ ทั้งสองมองมาที่ผมยิ้มๆผมก็มองพวกท่านแล้วพยักหน้ารับคำอวยพรที่พ่อกับแม่มอบให้

 

 

       เพราะ ว่าผมรู้ไงว่าพ่อแม่กำลังหมายถึงเรื่องของแก้วอยู่และพวกท่านก็คงอยากจะให้ ผมมีกำลังใจ  ถึงแม้ความหวังมันอาจจะมีอยู่น้อยนิดก็ตามที

 

 

“ครับ”

 

 

       หลัง จากนั้นพ่อกับแม่ผมก็พากันเดินออกไป ส่วนผมก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะตามพ่อกับแม่ลงไปใส่บาตรหน้าบ้าน ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกไปได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งตอนนี้มันยังคงอยู่กับแก้วที่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้สติเลย เพราะว่าผมบอกลุงวิชัยไว้แล้วว่าถ้าแก้วฟื้นให้โทรหาผมด้วย ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนถ้าแก้วฟื้นผมก็จะรีบไปหาที่โรงพยาบาล

 

 

แต่ว่านี่ก็เช้าของวันต่อมาแล้วลุงวิชัยยังไม่โทรมาเลยแสดงว่าแก้วคงจะยังไม่ ฟื้นขึ้นมา...งั้นสินะ

 

 

      แต่ตอนที่ผมใส่บาตรไหว้พระผมก็ได้ขอพรให้กับวันเกิดตัวเองในใจนะว่าขอ ให้แก้วตื่นขึ้นมาทันวันเกิดผมทีเถอะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ผมขอมั้ย แต่ผมก็จะให้ความหวังตัวเองต่อไปจนกว่าจะถึงเที่ยงคืนของวันนี้  และถ้าเลยเที่ยงคืนแก้วยังไม่ฟื้น...

 

 

      ...เวลามันก็จะผ่านไป...

 

 

      เวลาที่ผมได้คิดเอาไว้ว่าจะขอคบเธอในวันเกิดของตัวเองก็จะไม่เป็นจริงในวันนี้

 

 

      แต่ก็ต้องไปเป็นวันอื่นแทน มันก็น่าเสียดายนะวันสำคัญของตัวเองแท้ๆ...แต่ก็ช่างเถอะ! ถ้าชะตาอยากกลั่นแกล้งผมนักก็เชิญ จะใจร้ายกับผมยังไงก็ช่าง แต่ขอให้แก้วอย่าเป็นอะไรไปก็แล้วกัน

 

 

      แล้วถ้าเธอฟื้นก็ขอให้อย่าเป็นโรคหอบหืดอย่างที่หมอกล่าวเลย เพราะถ้าเธอเป็นแบบนั้นเธอคงจะอ่อนแอยิ่งกว่าตอนนี้แน่ๆ ขอเถอะ...อย่าเลย...

   

 

“พ่อแม่ผมไปหาแก้วแล้วนะ”ผม บอกพ่อกับแม่ก่อนจะเดินออกจากบ้านมาเพราะว่าหลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวทำ อะไรจนเสร็จเรียบร้อยผมก็บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปเยี่ยมแก้วที่โรงพยาบาล

 

 

           ส่วนพ่อกับแม่ผมท่านไม่ว่างไปเลยเพราะว่าพ่อก็ต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัยส่วน แม่ก็มีนัดกับลูกค้าที่ร้านตัดชุดทั้งวันเลย  แต่พวกท่านก็บอกผมว่าถ้าแก้วตื่นแล้วก็ฝากความเป็นห่วงไปให้แก้วด้วย

 

 

“เดินดีๆนะลูก”แม่ผมตะโกนบอกในตอนที่ผมเดินออกมาแล้วปิดประตูรั้วบ้านแล้ว

 

   

สักพักต่อมา...

 

 

ฟิ้ว...

 

 

        ใน ขณะที่ผมกำลังเดินๆออกมาตามทางหมู่บ้านนั้น สายลมเย็นๆก็พัดผ่านเข้ามากระทบเข้าที่ตัวของผมจนผมต้องเอามือทั้งสองข้าง ล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อกันหนาวที่สวมใส่มาด้วย อากาศนี้ก็แปลกจริงๆเลย เมื่อวานฝนยังตกอยู่เลยทำไมวันนี้มาแบบหนาวๆซะล่ะ

 

 

            ให้ตายสิมันคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆนะ = =;;;

 

 

“เอ้า! ใครอยากซื้อของถูกใจให้คนพิเศษมาทางนี้เร๊วววว ><//”

 

 

            เมื่อผมเดินออกมาจากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว ผมก็เห็นว่าร้านทุกร้านนั้นจัดเป็นสีแดงแล้วก็มีของน่ารักๆขายเต็มไปหมด พ่อค้าแม่ค้าก็ต่างพากันเรียกลูกค้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะว่ามันเป็น ‘วันแห่งความรัก’ นี่นา แต่ผมเนี่ยสิอาการกำลังหงอยๆเลยเพราะว่าไม่มีคนมาเดินข้างๆในวันนี้

 

 

          และคงเป็นเพราะว่าผมอาจจะคิดถึงแก้วมากเกินไปมันจึงทำให้ผมนั้นหันไป เห็นว่าเธอกำลังเดินอยู่ข้างๆผม แล้วหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้ผมบางๆ และรอยยิ้มนี้มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบแอบมองแก้วยิ้มบ่อยๆเวลาที่เห็นเธอคุยกับฟางน่ะ

 

 

       มันน่ารักมากเลยนะ ^^

 

 

           ซึ่งเมื่อผมเห็นภาพนั้นผมก็ยิ้มออกมาหน่อยๆ แต่ก็รู้แหละว่ายังไงซะมันก็เป็นเพียงแค่ภาพหลอนที่ผมคิดขึ้นมาเองผมถึงได้ เศร้าขณะที่ยิ้มนิดๆ

 

 

            แต่ไม่นานนักที่ผมมองภาพหลอนนั้นขณะเดินไปด้วย ภาพหลอนนั้นของแก้วก็หยุดเดินผมก็หยุดตามแล้วมองภาพนั้นที่ตอนนี้กำลัง ค่อยๆจางไป แต่หากทว่าภาพหลอนนั้นของแก้วที่กำลังมองผมยิ้มๆก็ละสายตาจากใบหน้าของผม หันมองไปที่ๆหนึ่งซึ่งเมื่อผมมองตามไปก็เห็นว่าเธอกำลังมองไปร้านดอกไม้ร้าน หนึ่งซึ่งมีดอกไม้สวยๆอยู่หน้าร้านเยอะแยะเต็มไปหมด

 

 

           เมื่อมองไปแล้วหันกลับมาที่เก่าภาพของแก้วก็ได้หายไปแล้วในตอนนั้น...

 

 

“อยากได้ดอกไม้เหรอ...”ผม พูดแล้วครุ่นคิดว่าที่ผมเห็นภาพนั้นเหมือนกับว่ามีลางบอกผมล่ะมั้งว่าให้ ซื้อดอกไม้ไปให้แก้วที่โรงพยาบาลด้วยถึงแม้เธอจะยังไม่ตื่นขึ้นมาก็เถอะ

 

 

      คิดได้ดั่งนั้นแล้วผมจึงเดินข้ามถนนไปยังร้านดอกไม้ที่ภาพหลอนนั่นมอง ซึ่งมันอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง

 

 

“...”เมื่อ ผมเดินมาถึงหน้าร้านผมก็เลือกๆมองดอกไม้หน้าร้านที่เอามาเสียบใส่ตะกร้าเอา ไว้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นดอกกุหลาบสีแดงสดกับสีขาวเสียมากกว่าน่ะสิ

 

 

“สนใจช่อไหนเป็นพิเศษรึปล่าวคะ ^^”คนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของร้านเดินออกมาถามผม จนผมต้องละสายตาจากดอกไม้ขึ้นไปมองเธอ “จะซื้อให้คนพิเศษรึปล่าวคะ”เธอถาม แล้วผมก็พยักหน้าให้

 

 

“ครับ”

 

 

“สนใจช่อไหนมั้ยเอ่ย? ถ้าไม่มีช่อที่ถูกใจทางร้านเราสามารถจัดดอกไม้เป็นช่อตามใจคุณได้นะคะ ^^”        

 

           

           ส่วนที่ฉันจะบอกนายก็มีแค่ว่า แก้วชอบดอกเบญจมาศสีขาวมากๆ

 

 

        คำพูดนั้นของฟางผุดขึ้นมาในหัวซึ่งผมนั้นไม่เคยลืมเลยว่าฟางพูดบอกว่าอะไรบ้าง  ว่าแก้วชอบอะไรไม่ชอบอะไร และผมก็จำได้หมด

 

 

“เอ่อไม่ดีกว่าครับ แต่ว่า...มีดอกเบญจมาศสีขาวมั้ยครับ”เจ้าของร้านแลดูงงนิดๆที่แทนที่ผมจะซื้อดอกกุหลาบแต่กลับบอกว่าอยากได้ดอกเบญจมาศเนี่ยนะ? “คือ...แฟนผมชอบดอกเบญจมาศสีขาวน่ะครับ ^^”

 

 

“อ๋อ แหม๋ๆ เอาใจแฟนนี่เอง ^^” เจ้าของร้านแซวผมจนผมอดที่จะยิ้มออกมาหน่อยๆไม่ได้ “งั้นเดี๋ยวพี่จัดช่อเบญจมาศให้แป๊บนึงเน๊าะ ^O^//”

 

 

“ครับ”ผมบอก จากนั้นเจ้าของร้านก็ยิ้มให้ผมแล้วเดินเข้าร้านไป ผมก็เห็นว่ามีเก้าอี้ไม้ให้นั่งรอหน้าร้านก็เลยนั่งรอไปสักพัก

 

 

       แล้วพอเวลาผ่านไปสัก 10 นาทีได้ เจ้าของร้านก็เดินถือช่อเบญจมาศสีขาวออกมาแล้วเรียกผม

 

 

“น้องคะ ได้แล้วค่ะ”

 

 

“อ้อครับ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วควักเงินในกระเป๋ากางเกงยื่นให้พี่เจ้าของร้านเขาก่อนจะรับช่อดอกไม้มาถืออยู่ในมือ

 

 

“แฟนน้องต้องชอบมากเลยนะเนี่ยที่น้องใส่ใจเขาขนาดนี้น่ะ”

 

 

“ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ ^^”ผมฉีกยิ้มแล้วเกาคอแก้เก้อก่อนที่สายตาจะเลื่อนมองไปเห็นซองจดหมายน่ารักๆเล็กๆห้อยอยู่กับช่อดอกเบญจมาศ “เอ่อแล้วนี่...”

 

 

“อ๋อ อันนั้นเป็นความหมายเกี่ยวกับดอกไม้น่ะจ้ะ ^^”เจ้าของร้านคนนั้นบอกผมก่อนที่ผมจะถามจบเสียอีก “มันจะเป็นตัวบอกว่าคนที่ชอบดอกไม้แบบไหนเป็นคนยังไง”

 

 

“อ๋อ”ผมพยักหน้า

 

 

“วันแห่งความรักคือวันที่มหัศจรรย์นะ บอกรักแฟนเยอะๆล่ะ ^^”

 

 

“ฮ่าๆ ครับ” เมื่อคุยจบผมก็เดินออกมาจากร้านนั้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ยังติดตรึงอยู่บนใบหน้าของตัวเองในตอนนี้

 

 

             แสงแดดอ่อนๆกับอากาศเย็นๆนั้นมันช่างดีสำหรับผมจริงๆ แต่จะดีมากถ้ามันมีปฏิหาริย์ทำให้แก้วตื่นขึ้นมาในวันนี้ได้ตื่นมาเห็นดอกไม้นี้ที่ผมซื้อให้เธอ ก็ฟางบอกว่าเธอชอบแถมหลังบ้านเธอก็มีดอกเบญจมาศปลูกเต็มไปหมด แล้วถ้าเธอตื่นขึ้นมาเห็น

 

 

             ผมว่า...เธอต้องยิ้มแน่ๆเลยครับ

 

 

โรงพยาบาล

 

 

“ฝากแก้วด้วยนะโทโมะ”

 

 

“ครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง”

 

 

        ผม บอกกับลุงวิชัยที่ตอนนี้มีงานแล้วเขาต้องรีบไปทำ ส่วนพิชชี่นั้นลุงวิชัยบอกว่าไปส่งไปโรงเรียนแต่เช้าแล้วในตอนที่พยาบาลมาดูแล แก้วให้ ก่อนจะกลับมาดูแก้วอีกรอบจนผมมาพอดีในจังหวะที่ลุงวิชัยต้องไปทำงานให้ลูกค้า ผมก็เลยอาสาดูแลเอง

 

 

       แล้วผมก็เต็มใจมากๆเลยด้วย!

 

 

ปึง...

 

 

       เมื่อประตูห้องคนไข้ได้ปิดลงหลังจากที่ลุงวิชัยเดินออกไปแล้ว ความเงียบงันก็ได้เข้าครอบคลุมภายในห้องนี้ทันที จนผมนั้นได้ยินถึงเสียงหายใจของตัวเองขณะที่ขาทั้งสองข้างยังไม่ได้ขยับไป ไหนเลย แต่สายของผมก็มองเพียงแก้วที่ไม่มีทาทีวี่แววว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

 

 

“ฮืม...”ตอนนี้ผมก็คงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาแล้วเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเม้นริมฝีปากนิดๆ

 

 

       สายตาที่มองแก้วนั้นถูกเลื่อนมองมายังมือของตัวเองที่ตอนนี้ได้ถือช่อดอก เบญจมาศสีขาวอยู่ในมือนิ่งๆ  สายตาของผมนั้นมันไม่ได้ว่างปล่าวเหมือนแต่ก่อนแต่มันช่างน่าเสียดายสิ้นดี ที่แก้วนั้นไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นมัน 

 

 

       ถ้าเธอตื่นขึ้นมาเจ้าดอกไม้นี่ก็คงจะเหี่ยวไปเรียบร้อยแล้วกระมัง?

 

 

        เฮ้อ...ถ้าเป็นในละครหลังข่าวนางเอกก็คงจะฟื้นใช่มั้ย?

 

 

        แต่นี่มันไม่ใช่ละครไง เพราะมันคือเรื่องจริงที่มันคิดคาดเดาอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว ผมถึงได้แต่รู้สึกหน่วงๆในใจอยู่แบบนี้ไงล่ะ

 

 

“ให้ตายเหอะตื่นขึ้นมาเจอหน้าฉันสักทีไม่ได้รึไง”ผม พูดอย่างหงุดหงิดหน่อยๆก่อนที่ปลายเท้าของตัวเองค่อยๆเริ่มก้าวเดินไปอยู่ ตรงขอบเตียงขณะที่สายตาก็กวาดมองไปทั่วใบหน้าของแก้วที่ตอนนี้ยังเครื่อง ช่วยหายใจให้ออกซิเจนสะอาดอยู่เลย

 

 

       แถมใบหน้าของเธอยังมีบาดแผลอยู่ตรงคิ้ว ตรงแก้มเล็กๆน้อยๆ ไม่สิ! สำหรับผมมันไม่น้อยเลยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ค่อยสู้คนอย่างเธอน่ะ

 

 

ตึก...ตึก...ตึก

 

 

ครืด

 

 

       เมื่อผมเดินไปเลื่อนผ้าม่านตรงระเบียงให้เปิดออกแสงแดดอ่อนๆยามเช้าก็สาด ส่องเข้ามาในห้องนี่ให้สว่างขึ้น  เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วผมจึงเดินไปไปเลื่อนเก้าอี้มาข้างๆเตียงคนไข้แล้วนั่ง ลงมองแก้วก่อนจะเอาช่อดอกไม้วางไว้ตรงโต๊ะข้างๆเตียง

 

 

“อ่านหน่อยดีมั้ยวะ”ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งนึกได้ว่าช่อดอกไม้นั่นมีจดหมายที่บอกความหมายของคนที่ชอบดอกเบญจมาศอยู่ผมจึงเอามือไปเปิดอ่านข้อความข้างในนั้น

 

 

คนที่ชอบดอกเบญจมาศเป็นคนเรียบง่ายธรรมดาๆ ไม่ได้ต้องการสิ่งหรูหราในชีวิต

 

เป็นคนรักสงบ รักการผูกมิตร หลงรักคนง่ายแต่รักแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นคนที่อ่อนโยนมาก

 

จึงเชื่อว่ารักแท้มีจริงแต่บางครั้งก็ไม่เป็นดั่งฝัน หากได้คู่ครองจะเป็นคนที่มีนิสัยตรงกันข้ามกับตัวเอง

 

ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้แต่ถ้าได้อยู่กินด้วยกันจนมีลูกจะยิ่งรักกันมากขึ้นไปจนแก่เฒ่าเลยล่ะ!

 

“แน่นอน”ผมแบะยิ้มแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่ออ่านจบ

 

 

       และในตอนนั้นนั่นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของผมมันดังขึ้นมา...

 

 

ตืด...ตืด...

 

 

       และเมื่อผมหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์ก็ปรากฏว่ามันเป็นเบอร์ของ

 

 

+ Jongbe +

 

 

ติ๊ด!

 

 

“ฮัลโหล”ผมกดรับปลายสายแต่ปรากฏว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบงัน

 

 

[ ... ]

 

 

“ไอ้จองเบ...จองเบ”ผมเรียกย้ำแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆเลย “จองเบ ฮัลโหล?”

 

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก ขวับ!

 

 

“???” ผมหันไปตามเสียงเคาะประตูเมื่อกี้แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเดินเข้ามาเลย “อะไรวะ...”

 

 

        ด้วย ความสงสัยขณะที่ถือสายไอ้จองเบอยู่ แต่ว่ามันก็ไม่พูดอยู่ดี ตอนนั้นนั่นเองที่ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตูช้าๆ แต่ก็ยังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่

 

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

 

 

            ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะนั้นอีก คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันทันทีแต่ผมก็ยังยืนมองประตูนิ่งๆ จนกกระทั่ง...

 

 

ปึง!

 

 

“เฮ้ย ใครเล่นอะไรวะ...!”จังหวะนั้นที่ผมทนไม่ไหวแล้วเปิดประตูออกไปก็พบเจอกับเรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันนั่นก็คือ

 

 

โป๊ะ!

 

 

        ผม ถึงกับหน้าเหวอไปเลยเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับพวกเพื่อนๆกลุ่มเคโอติคนั่น เองที่ตอนที่พวกมันเห็นว่าผมเปิดประตูออกมามันก็ดึงกรวยสายรุ้งดังโป๊ะจนผม ตกใจว่าพวกมันมาเอาตอนไหนวะเนี่ย? ให้ตายเหอะกะจะเซอร์ไพรส์ในวันเกิดกันรึอย่างไร

 

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์! วู้วๆๆๆ ”

 

 

“แหม่ นึกว่าผีเถอะที่เคาะประตูเมื่อกี๊อ่ะ”ผมขำออกมาหน่อยๆ “แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่”  

 

 

 

“ก็กะจะไปเซอร์ไพรส์ที่บ้าน แต่โทรถามพ่อแกก่อน พ่อแกบอกแกมาหาแก้วพวกฉันก็เลยตามมาไง” เขื่อนบอกแล้วตอนนั้นนั่นเองที่ผมสังเกตว่าบนหัวมาใส่ที่คาดผมเล็กๆสีชมพูด้วย

 

 

           เอิ่ม หวานแหว๋วซะนะ = =;;;

 

 

“สุขสันต์วันเกิดครบ 18 ปีนะเพื่อน แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะเว้ย”

 

 

“นั่นคือคำอวยพร?”ผมถามย้ำไอ้ป๊อปปี้อีกครั้งแต่มันก็ยิ้มตาหยีเพียงแค่นั้น

 

 

“เออ เมื่อกี้อ่ะกะแกล้งให้กลัวแต่แม่งเสียงโคตรนิ่งอ่ะ ฮ่าๆ”ไอ้จองเบเอ่ยแล้วชูโทรศัพท์ของมันให้ผมดู 

 

 

“นี่ ฉันไม่ได้กลัวผีเหมือนไอ้เคนตะมันนะเว้ย”

 

 

“ฉันไม่ได้กลัวเว้ย ><!”

 

 

        โกหกชัดๆ!

 

 

        ก็ในกลุ่มผมน่ะไอ้เคนตะน่ะกลัวผีมากใครๆก็รู้ ><!

 

 

“เฮ้ย นี่พวกแกลืมอะไรไปรึปล่าววะ = =;;;”ไอ้ป๊อปปี้ที่นิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง

 

 

“ลืมอะไร = =?”พวกเพื่อนๆที่เหลือถาม

 

 

“เค้กไงเค้ก! จองเบมันถือรออยู่นานแล้วนะเนี่ย ><!”

 

 

“ว๊าก ลืมๆๆ ลืมจองเบได้ไงเนี่ยยยยย” ไอ้ เขื่อนรีบแหวกทางทันที และในตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่าจองเบนั้นถือเค้กช็อคโกแลตก้อนเล็กๆเอาไว้ใน มือ แล้วปักด้วยเทียนเล็กๆหนึ่งเล่มไว้ตรงกลางเค้กด้วย

 

 

            เมื่อเห็นภาพนั้นผมก็ยิ้มเลยครับ แหม่ เข้าใจคิดกันจริงๆนะ ^^  

 

 

“มีความสุขมากๆนะครับ วิศวะ^^”จองเบยิ้มแยกเขี้ยวให้ผม

 

 

“เรียกชื่อเต็มเขาแบบนี้ไม่เรียกชื่อพ่อเขาไปเลยล่ะ = =;;;” ป๊อปปี้หันไปหรี่ตามองจองเบและผลตอบรับที่ได้กลับมาคือ!!

 

 

“อ้อ! ไอ้โทโมะพ่อแกชื่อไร O_O?”  

 

 

“พ่อง! ฉันประชดเว้ย >O<!”

 

 

“เฮ้ยๆๆๆ ชักช้าเดี๋ยวเทียนก็ไหลลงเค้กหมดหรอก อ่ะไอ้โทโมะ...ขอพรเลยเว้ย”

 

 

        เมื่อไอ้จองเบพูดบอกผมเช่นนั้น ผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหลับตาลงสักแป๊ปแล้วก็เอ่ยขอพรในใจ

 

 

เนื่องด้วยวันนี้วันเกิดผมครบ 18 ปี

ผมขอให้แก้วผู้หญิงที่ผมอยากดูแลตื่นขึ้นมาทันวันเกิดผมด้วยเถอะ เพี้ยง!’

 

 

“ฟู่ว...”เมื่อขอพรเสร็จผมก็จัดการเป่าเทียนจนมันดับลง

 

 

“ฉันรู้ว่ามันขออะไร ^^”

 

 

        ไอ้เขื่อนจอมฉลาดที่มักจะอ่านความคิดผมออกบ่อยๆ เอ่ยขึ้น และนั่นก็สร้างความอยากรู้อยากเห็นของไอ้ป๊อปปี้อีกแล้วยังไงล่ะ

 

 

“ไอ้โทโมะมันขออะไรวะ OoO?”

 

 

“ไม่บอก ^^”  

 

 

“นั่น! เดาไม่เคยพลาดเลยว่าคุณมึงจะต้องตอบกระผมเช่นกัน ><!”

 

 

“ฮ่าๆๆๆ ถ้ารู้ว่าไอ้เขื่อนจะตอบแบบนั้นจะถามเพื่อ?” พวกเพื่อนๆทั้งกลุ่มพากันหัวเราะไอ้ป๊อปปี้จนมันถึงกับทำหน้ามู่ทู่เลยทีเดียว

 

 

       แต่ถึงเพื่อนผมคนนี้จะทำหน้ามู่ทู่สักแค่ไหนผมก็ว่ามันก็ยังดูดีอยู่เหมือน เดิมนั่นแหละ แต่แค่น่าหมั่นไส้แค่นั้นเอง  ก็มันจีบใครก็ติดไปหมดแต่ไม่คิดผูกพัน

“โอเค พีธีวันเกิดไอ้โทโมะจบแล้ว ปล่อยให้เขาอยู่ดูแลว่าที่แฟนในอนาคตต่อไปเถอะว่ะ” เขื่อนเอ่ย

 

 

“เดี๋ยว...ยังไปไม่ได้ - -!”ไอ้ป๊อปปี้เอ่ยขัดขึ้นเสียงดุๆจนทำให้ไอ้พวกเพื่อนๆผมที่เหลือถึงกับขมวดคิ้วไปตามๆกัน

 

 

“ทำไมวะ”เคนตะถาม

 

 

“พวกคุณมึงก้มลงมองพื้นด้วยครับแหม่ กระผมบอกแล้วว่าไม่ต้องเอามาหรอกมันเลอะพื้นโรงพยาบาลเขาเนี่ย”ป๊อปปี้ชี้นิ้วลงไปที่พื้นก็ปรากฏว่าพื้นมันเละเทะไปหมดจริงๆด้วย “ แค่เอาเค้กให้ไอ้โทโมะก็ปลื้มตายห่าแล้ว เนี่ยๆๆ เศษพลุสายรุ้งของแกเนี่ยไอ้เคนเก็บเลย ><!”  

 

 

“โง้ยยย ทำไมคุณป๊อปต้องด่าเก๋าด้วยง่า YOY” เคนตะทำหน้าจะร้องไห้แต่ก็ก้มลงไปเก็บเศษพลุสายรุ้งนั่นจนเกลี้ยง  

 

 

“แล้วนี่พวกแกจะไปไหนกันเนี่ย”ผมถาม

 

 

“ว่าจะไปนั่งเล่นที่สนามแข่งไอ้จองเบว่ะ”

 

 

“อ่อ เออไปกลับกันดีๆนะเว้ย”ผมบอกบอกมันด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดคำพูดสำคัญไว้ให้พวกมันด้วย “เออ วันนี้ขอบใจนะเว้ยที่มา แต่ตามจริงพวกแกโทรบอกแฮปปี้เบิร์ดเดย์ฉันทางโทรศัพท์ก็ได้นะจะได้ไม่ต้องลำบากมาหาที่นี่”

 

 

 

“เฮ้ย สำหรับ‘เพื่อน’ แล้วกลุ่มเคโอติคของเราเคยมีคำว่า ‘ลำบาก’ ด้วยเหรอวะ” ป๊อปปี้เอ่ยคำคมๆขึ้นมาแล้วเอามือมันมาตบเบาๆที่บ่าของผม “อีก อย่างวันนี้เป็นวันสำคัญของแก ให้พวกฉันพูดอวยพรทางโทรศัพท์มันก็ไม่อินอ่ะดิ ที่สำคัญวันเกิดเพื่อนเราในกลุ่มทุกครั้งพวกเราก็ไม่เคยอวยพรทางโทรศัพท์กัน เลยไม่ใช่เหรอวะ”

 

 

 

“ใช่เลยยยยย” >> ป๊อปปี้

 

 

 

“ซึ้งเลย”ผมพูดแล้วก็อดที่จะอมยิ้มหน่อยๆไม่ได้

 

 

 

“แกอ่ะ ขออะไรก็ขอให้สมดั่งใจนะเว้ย”

 

 

 

“ก็ขอให้เป็นอย่างที่แกพูดแล้วกันไอ้ป๊อปปี้”

 

 

 

“เฮ้ย ต้องเป็นดิ วันเกิดขออะไรก็ได้ทั้งแหละ...มั้งนะ?^^”

 

 

 

       เอา ตรงๆนะ เท่าที่ผมรู้จักกับพวกเพื่อนเคโอติคมานี่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้สึกเดียวดาย เลยนะครับ เพราะไม่ว่าใครในกลุ่มเราที่กำลังลำบากพวกเราก็จะช่วยกันเสมอ จำวันสำคัญของกันได้โดยไม่ต้องพูดถึงบ่อยๆเพื่อย้ำเตือนอะไรมากมาย

 

 

 

          ผมว่าดีนะที่พวกเรามีอะไรก็แบ่งปันกัน^^

 

 

 

           ถึงแม้ว่าครูอาจารย์ในโรงเรียนส่วนใหญ่เขาจะพามองว่าพวกกลุ่มเราไม่เอา ไหนอันตรายไม่น่าเข้าใกล้ อยู่ใกล้ด้วยไม่ดี ไม่น่าไว้ใจ ( แต่ไรท์เตอร์อยากอยู่ใกล้อ่ะ 5555+ ) แต่อาจารย์พวกนั้นเขาก็มองพวกผมแค่เพียงภายนอกเท่านั้นแหละครับ

 

 

 

            ก็ยอมรับแหละว่าพวกผมบางครั้งก็ขี้เกียจเรียนจนต้องโดดเรียนมานั่งเล่น แต่งานก็ส่งตลอดไม่เคยขาดเพราะตามส่งย้อนหลังเอา แต่ก็ยังโชคดีที่ว่าพวกผมนั้นสมองดีอ่านหนังสือก่อนสอบรอบเดียวไม่ต้องย้ำ มากก็สามารถทำได้ สอบผ่านฉลุยไปด้วยกัน ^^

 

 

 

       และความทรงจำเหล่านั้นมันก็จะอยู่กับพวกเราไปนานจนกระทั่งพวกแก่ตัวเลย  และผมก็เชื่อแบบนั้น...

 

 

[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

เนิ่นนานจวบจน 5 ทุ่มครึ่งของคืนนั้น

 

 

 “ให้ตายสิ...”

 

 

       นั่น คือเสียงสบทเบาๆที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากของคนที่มานั่งเฝ้าแก้วตั้งแต่เช้า อย่างโทโมะวันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะไม่อยากทิ้งให้แก้วนอนอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าเอจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็เถอะ แต่โทโมะก็ได้แต่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงมือทั้งสองข้างของเขาก็จับมือของ แก้วเอาไว้รอเธอฟื้นขึ้นมาสักที

 

 

       เพราะอีกไม่นาน...วันเกิดของเขาก็จะสิ้นสุดลงแล้ว

 

 

       แต่แก้วก็ยังคงหลับใหลอยู่แบบนั้น

 

 

“คนบนฟ้านี่จะแกล้งกันไปถึงไหนวะ”โทโมะพูดอย่างหัวเสียก่อนที่เขาจะปล่อยมือออกจากมือแก้วแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมารอบๆเตียงคนไข้ “ฟื้นสิๆๆๆ”

 

 

 

        ถึงแม้ว่าเขาเดินไปมาแล้วพูดแบบนั้นมันก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดีนั่นแหละ

 

 

 

       โทโมะละสายตาจากแก้วแล้วหันมองออกไปตรงประตูกระจกของคนนี้เขาก็เห็นว่า นี่มันดึกมาๆแล้วพระจันทร์เต็มดวงส่องแสง ไฟทั่วเมืองเปิดจนสว่างไปทั้งเมืองและดูสวยงามจนน่ามอง แต่เขาไม่ได้อยากจะดีใจกับมันเพราะความหวังที่เขามีนั้นมันเริ่มเลือนลางทีละนิดแล้ว

 

 

“นี่...”ท้ายสุดแล้วโทโมะก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆแก้วด้วยความรู้สึกที่หมดหวัง “แก้ว...”น้ำเสียงอันเบาบางเอ่ยเรียกชื่อนั้นอย่างหมดหวังด้วยดวงตาสร้อยเศร้าเหมือนอยากจะร้องไห้

 

 

 

“...”

 

 

 

        สิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็มีแค่ความเงียบงันตามเดิม...

 

 

 

“นี่...”โทโมะพูดลากเสียงแล้วใช้มือจับมือแก้วก่อนจะเขย่าเบาๆ “นี่เธอจะไม่ตื่นมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์ฉันหน่อยเหรอ...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“เฮ้ย จะร้องไห้แล้วน้า”พูดแล้วก็ได้แต่เม้นปากเข้าหากันพร้อมกันน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า

 

 

 

       นี่คงเป็นความรู้สึกอีกด้านหนึ่งของโทโมะที่ไม่ค่อยมีใครเคยเห็นมาก่อน นอกจากคนใกล้ตัว และแม้แต่ตัวของเขาเอง โทโมะก็ยังไม่เคยเห็นอาการของเขาเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาเจอเรื่องที่มันมีทั้งความสุข เศร้า มันก็ทำให้เขาเข้าใจในตัวตนของตัวเองมากขึ้น และได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง

 

 

 

      ถึงแม้เขาพยายามที่จะไม่ร้องไห้แล้ว แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ดันเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจของเขามากมายเหลือเกิน

 

 

 

“...”

 

 

 

“อีกไม่นานจะเที่ยงคืนแล้วนะ...มันจะเลยวันเกิดฉันแล้วนะ...แก้ว...”โทโมะพูดย้ำแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้

 

 

 

“...”

 

 

 

“ไม่ตื่นจริงดิ...”เปลือกตาของโทโมะได้ปิดลงเพราะว่าตอนนี้น้ำตาของเขามันไหลลงมาเป็นครั้งที่นับไม่ได้แล้ว

 

 

 

             เพราะเขาได้เสียน้ำตาให้ผู้หญิงคนนี้ไปเยอะมากๆจากใจของลูกผู้ชาย...

 

 

             ตัวของโทโมะสั่นเทาพร้อมกับมือของเขาที่กำมือของแก้วแน่นขณะที่หลับตาแล้ว ร้องไห้ออกมา  เพราะสิ่งที่คิดไม่เป็นดั่งฝัน คำพรไม่เป็นตามคำขอในวันเกิด

 

 

 

“รู้มั้ยเนี่ยว่าคิดถึงอ่ะ ตื่นได้แล้วยัยอึน”โทโมะพูดพลางเม้นริมฝีปากเข้าหากันแต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล “อยากได้ยินเสียงเธอว่ะ”

 

 

 

“...”

 

 

 

“อึก...ฉันซื้อดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ด้วยนะ ช่วยตื่นมาเห็นมันหน่อยเถอะ...”น้ำเสียงของโทโมะที่เริ่มแหบแห้งเพราะเกิดจากความจุกจนพูดไม่ออก

 

 

 

ติ๊ก ตอก...ติ๊ก...ตอก...

 

 

“...”โทโมะเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาตรงผนังห้องเงียบๆก็พบว่าเข็มสั้นของนาฬิกานั้นใกล้จะชี้ไปที่เลขสิบสองแล้วส่วนเข็มยาวนั้นก็ชี้ที่เลขสิบ

 

 

       แสดงว่าเป็นเวลา 5 ทุ่ม 50 นาที...แต่เหลือเวลาอีกไม่นานค่ำคืนแห่งวันแห่งความรักกับวันเกิดของโทโมะก็ กำลังจะผ่านพ้นไปแล้วโดยที่คำพรของโทโมะนั้นไม่ได้เป็นความจริงในใจของเขาในตอนนี้ก็ว่าคนบนฟ้าแล้วก็พระเจ้าสารพัดว่าทำไมถึงต้องกลั่น แกล้งเขาแบบนี้ด้วยนะ

 

 

       ...ทำไม...

 

 

“คบกับฉันมั้ย...”โทโมะเอ่ยถ้อยคำที่เขาอยากจะเอ่ยมันขึ้นมาอย่างใจคิด

 

 

       เพราะในเวลานี้นั่นเองที่เขาได้คิดไว้ว่าถ้าแก้วตื่นขึ้นมาในวันนี้เขาจะขอ คบกับเธอในเวลานี้ก่อนจะเลยเที่ยงคืนเพื่อเป็นความทรงจำ และมันไม่ใช่เลย...ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิดเดียว...

 

 

      เพราะตามความจริงแล้ว...ภาพที่โทโมะคิดคือแก้วกำลังนั่งอยู่บนเตียงคน ไข้มองมาที่เขาในตอนที่เขาเอ่ยขอคบเธอ ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้นเขาไม่รู้ แต่มันไม่ใช่ไง...ก็ในตอนนี้แก้วยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย

 

 

          ...เธอยังคงนอนนิ่งอยู่...หายใจเข้าออกผ่านเครื่องช่วยหายใจอยู่แบบนั้น...

 

 

“...”

 

 

“ถ้าเธอตื่นขึ้นมาเธอจะตอบฉันว่าอะไรนะ”โทโมะพูดพลางคิดไปด้วยทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย “...ขอล่ะ...”

 

 

“...”

 

 

“ถ้าเธอยังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ขอให้เธอได้ยินคำพูดฉันได้มั้ย...”ไม่นานหลังจบคำพูดที่แสนเบาบางนั้นโทโมะก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะโน้มตัวลงมาจนหน้าของเขาอยู่ใกล้ๆหน้าของแก้ว

 

 

       โทโมะจ้องมองใบหน้าของแก้วนิ่งๆก่อนที่เขาจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองต่ำลง ไปแล้วริมฝีปากของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าหูของแก้วและแก้มของโทโมะก็แตะเข้า ที่แก้มของแก้วเบาๆ ในใจเขาก็ขอให้แก้วที่กำลังหลับอยู่นั้นได้ยินคำพูดของเขาทีเถอะ

 

 

ตึกตัก...ตึกตัก...

 

 

       เสียงหัวใจของโทโมะนั้นเต้นถี่รัวๆเพราะว่ามี  ‘บางคำ’ ที่เขาอยากจะเอ่ยถึงแม้ว่าไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะได้ยินหรือไม่ แต่ขอแค่เขาได้เอ่ยมันขึ้นมาใน‘ วันสำคัญ ’ ของเขาก็พอ...

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

ตึกตัก...ตึกตัก...

 

 

“แก้ว...”โทโมะพูดกระซิบเบาๆก่อนที่เขาจะหลับตาลงด้วยคำพูดสุดท้ายนี้

 

 

“...”

 

 

“...ฉันรักเธอนะ...”

 

 

       เพียง แค่คำพูดนั้นเอ่ยออกมาโทโมะก็ลืมตาขึ้นแล้วยิ้มบางๆแต่นัยน์ตานั้นดูเศร้าเหลือ เกิน เขาเลื่อนใบหน้าของตัวเองขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของแก้วอีกครั้งพร้อมทั้งค่อย เลื่อนใบหน้าไปใกล้ๆก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประทับลงบนหน้าผากของแก้วอย่าง อ้อยอิ่งและบางเบาและโทโมะก็หลับตาลงอีกครั้ง

 

 

       เขาจูบหน้าผากของแก้วแล้วก็ละริมฝีปากออกมา แต่น้ำตาของเขานั้นได้หยดลงบนผิวแก้มของแก้วไปหนึ่งหยดก่อนที่โทโมะจะเดิน ห่างออกไปจากเตียงคนไข้แล้วเดินไปตรงประตูเลื่อนกระจกก่อนที่เขาจะเปิดมัน ออกไปเดินรับลมตรงระเบียง  

 

 

            สองมือของโทโมะจับขอบตรงระเบียงเอาไว้แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆเมืองในค่ำคืนแห่ง ความรักนี้ที่คู่รักหลายๆคู่ก็คงจะไปเดตกัน ป๊อปปี้กับพวกเพื่อนๆเขาก็คงจะโทรชวนสาวไปเที่ยวเล่นซึ่งมันน่าอิจฉาตรงที่ว่า ไม่เหงาเนี่ยแหละ

 

 

       แต่โทโมะเนี่ยสิ...ตอนนี้เขาหมดหวังแล้วจึงได้แค่หลับตาเงยหน้าขึ้นลับลมที่ ผ่านเข้ามาให้น้ำตามันหายไป

 

 

ติ๊ก ตอก...ติ๊ก...ตอก...

 

 

          เวลาผ่านไปโทโมะยังคงยืนอยู่ตรงระเบียงอยู่อย่างนั้นแต่...

 

 

          เขาคงไม่รู้หรอกว่าขณะที่เขากำลังยืนหันหลังอยู่ในอีกด้านของใครคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนั้นในเวลาที่เข็มนาฬิกาบ่งบอกเวลาอยู่ที่

 

 

         - 23 : 59 น. -

 

 

ติ๊ก ตอก...ติ๊ก...ตอก...

 

 

       ใครว่าคำพรของโทโมะไม่เป็นจริงกันล่ะ?

 

 

         ในเวลานั้นนั่นเองที่นิ้วมือเล็กๆของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง คนไข้กระดิกขึ้นมานิดๆพร้อมกับหยดน้ำตาเล็กๆของเธอที่ไหลลงมาขณะที่หลับตา อยู่แบบนั้น ความรู้สึกนี้...มันสามารถบ่งบอกได้เลยว่า...

 

 

           ...แก้วนั้น...เธอรับรู้ถึงคำพูดของโทโมะแล้ว...

 

 

           ถึงมันอาจจะไม่ชัดแต่สัมผัสนั้นตรงหน้าผากของเธอมันทำให้เธอรู้สึกได้ถึง ความรู้สึกของโทโมะ แต่เพียงแค่เธอยังไม่สามารถลืมตาตื่นจากการหลับใหลได้ในตอนนี้เพราะร่างกาย ที่อ่อนล้ายังไม่หายดี

 

 

       คุณเชื่อรึยังล่ะ? ว่าคำขอพรของคนเรามันก็มี ‘ความหัศจรรย์ ’ อยู่เสมอ...

 

 

       โทโมะเขารักแก้วมากจนเอ่ยออกมาได้แม้ไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินมั้ย แต่เขาก็อยากจะพูดความรู้สึกที่มี...และครั้งนี้พระเจ้าคงได้รับรู้ความ รู้สึกของโทโมะแล้วว่าเขานั้นมี‘ความจริงใจ’ ต่อ คำพูดที่เขาเอ่ยออกมา ท่านจึงทำให้คำขอพรของเขาเป็นจริง ถึงแม้ว่าเขายังหันหลังอยู่โดยไม่รู้เลยว่านิ้วมือเล็กๆนี้กระดิกหน่อยๆแล้ว นี่สินะที้เรียกว่า... ‘ ปาฏิหาริย์ ’ จากคำขอพร...

 

 

  ถ้าเป็นในนิทานเจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงให้หายจากคำสาป

และหลังจากนั้นเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมาเจอกับเจ้าชายในทันทีทันใด แต่นี่ไม่ใช่นิทานแต่

ทว่า...มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่วิเศษที่เกิดขึ้นจากสิ่งใดนั้นไม่มีใครรู้ รู้แต่คำขอพรบางคำถ้า

มาจากส่วนลึกข้างใน แล้วมีบางสิ่งรับรู้คุณก็อาจจะสมดั่งหวังก็เป็นได้...

 

____________________________________________________________อัพแล้วนะเม้นกันหน่อยยยย

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา