Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

40) - His Name Is…‘ FIVE ’ -( ชื่อของเขาคือ...' ไฟท์)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- His Name Is… ‘ FIVE ’ -

( ชื่อของเขาคือ...' ไฟท์ ' )

 

2 สัปดาห์ต่อมาหลังจากนั้น

 

 

โรงเรียน

 

 

กริ๊ง กริ๊งงงงงง        

 

 

“โอเค วันนี้พอแค่นี้ แล้วอย่าลืมไปทำรายงานภาษาอังกฤษมาด้วยนะจ๊ะ ใครไม่ทำอดคะแนน  แถมโดนหักคะแนนอีก 8 แสนคะแนน! ><!”

 

 

“8 แสนคะแนนนี่ต้องทำงานแก้กี่ชาติกว่าจะผ่านเหรอครับจาน 55555+”

 

 

        เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันขำเมื่อเพื่อนผู้ชายอย่างวัชระที่แสบที่สุดจงใจพูดกวน อาจารย์นุ่นซึ่งเป็นอาจารย์ที่ใจดี๊ดีที่สุดแถมเป็นกันเองชอบเล่นตลกหยอดมุข ขำๆกับนักเรียนตลอด สอนก็ดีมีหลักการทำให้เข้าใจง่าย ไม่เหมือนอาจารย์บ้างท่านที่สอนไม่รู้เรื่องแถมให้งานเยอะอีกต่างหาก 

 

 

       เฮ้อ...แบบนั้นเครียดตายเลย

 

 

            แต่นี่อาจารย์นุ่นกับนักเรียนกวนกันไปกวนกันมามันก็ทำให้การเรียนภายในห้อง นี้แลดูมีสันขึ้นเยอะเลยนะ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปไง

 

 

ปึก!

 

 

“นายวัชระ นายอยากโดนครูฆ่าตัดตอนใช่มั้ย = =?”อาจารย์นุ่นจับซองกระดาษ A4 เคาะลงกับโต๊ะแล้วพูดหยอกกลับ

 

 

“โห่จานโหดอ่า YOY”

 

 

“พอๆๆ เลิกเล่นแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว และไปทำงานที่ครูสั่งซะให้เสร็จด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วรวบรวมส่งที่หัวหน้าห้อง”

 

 

“ค่าาาา”

 

 

“เอ้า หัวหน้าบอก”

 

 

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”ปังปอนด์ที่นั่งอยู่หน้าห้องเอ่ย

 

 

“ขอบคุณค่ะ คุณครู”

 

 

        เมื่อ พวกนักเรียนในห้องไหว้เสร็จก็ต่างพากันเก็บของบนโต๊ะเรียนเพื่อกลับบ้านรวม ทั้งอาจารย์นุ่นที่เพิ่งจะเซ็นต์ใบเช็คชั่วโมงการเข้าสอนที่ปังปอนด์เดินเอา ไปยื่นให้เสร็จแล้วเขาก็เตรียมตัวเก็บของที่ใช้สอนก่อนจะเดินออกไป ส่วนปังปอนด์ก็เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วเก็บของของเธอแล้วรีบเดินออกจากห้องนี้ ไปทันทีเพราะว่าต้องรีบไปส่งแฟ้มที่ห้องวิชาการ

 

 

             เฮ้อ...ปังปอนด์นะปังปอนด์ทำงานคนเดียวคงเหนื่อยน่าดูกับการเป็นหัวหน้าห้อง

 

 

ม.5/2

 

 

“แกไปไหนต่อป่าวเนี่ยแก้ว”

 

 

“ไม่อ่ะกลับบ้านเลย”ฉันส่ายหน้าเมื่อฟางถาม

 

 

            อ้อ! ลืมๆ มาอัปเดทกันหน่อยละกันว่าชีวิตหลังจากออกจากโรงพยาบาลมันเป็นยังไงบ้าง

 

 

            ก็! หลังจากที่นอนพักอยู่ที่นั่นสักสองวันได้หมอก็ให้ฉันกลับบ้านได้เพราะไม่ได้เป็น อะไรแล้ว แถมร่างกายของฉันนี่แข็งแรงซึ่งผิดคาดที่หมอตั้งการเอาไว้เลย สิ่งนั่นมันประหลาดมากๆเลยเพราะคนอย่างฉันนี่อะไรนิดหน่อยก็ป่วยแล้ว และนี่มาเจอเหตุการณ์ไฟไหม้แบบนี่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะหายดีในไม่กี่วัน เอง

 

 

             ถือว่าเป็นเรื่องที่...ดี๊ดี! ^O^//

 

 

 

        พอมาโรงเรียนก็ต้องเรียนอาคารอื่นแทนอาคาร 5 ไปก่อนเพราะอาคาร 5 กำลังซ่อมแซมส่วนที่โดนไฟไหม้ไป จนตอนนี้ทำเสร็จแล้วเรียบร้อยเพราะว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรมากจะมีก็แค่โรง ขยะนั่นแหละที่ไหม้จนพงยับเยินเลย

 

            แต่การ เริ่มใหม่ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลชีวิตก็ดีขึ้นแถมมีข่าวที่ไม่น่าเชื่อหูของ ฉันเลยคือ...พิมพ์ลาออกจากโรงเรียน ใช่! ทุก คนฟังไม่ผิดหรอก เพราะมีข่าวบอกว่าเธอขอลาออกเองแล้วเพื่อนๆในห้องฉันก็คุยกันว่าที่พิมพ์ออก เพราะจะไปเรียนที่เมืองนอก แต่ฟางบอกฉันทุกๆอย่างว่าทำไมฉันถึงติดอยู่ในนั้นและบอกอีกว่าสาเหตุที่ทำให้ พิมพ์ยื่นใบลาออกไปนั้นเป็นเพราะเธอพยายามจะหนีความอับอายมากกว่าต่างหาก

 

 

 

       เพราะตอนที่ฉันสลบไปในวันนั้นฟางจัดการด่าตราหน้าประจานพิมพ์จนหลายๆคน มองเธอย่างไม่ชอบใจแบบสุดๆแถมฟางยังบอกอีกด้วยว่าโทโมะโกรธมากและจัดการว่าพิมพ์ จนเจ็บแสบไปจนพิมพ์เสียหน้าแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

 

 

 

             ส่วนเฟื้องฟ้ากับจินนี่ก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียนนี้แต่เธอสองคนก็ไม่ได้ไประรานใคร เลย แถมพอเจอฉันก็แค่ยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความแสะแสร้งร้ายลึกอะไรซ่อน เอาไว้เลยนะ ส่วนจินนี่ก็พูดขอโทษฉันแล้วด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากๆที่ทุกๆอย่างเริ่มกลับมาโอเคแล้ว

 

 

            ฉันเองก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรมากมายหรอกที่ฟางบอกว่าจินนี่เป็นคนขังฉัน เอาไว้ในโรงขยะ แต่นั่นเป็นเพราะคำสั่งของพิมพ์ที่เธอต้องทำตามเพราะกลัวโดนพิมพ์ตบและทำร้าย เธอ

 

 

และถ้าเกิดว่าวันหนึ่งฉันดันเจอกับพิมพ์อีกครั้งนะ...ฉันก็คงจะนึกถึง เหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่เธอทำกับฉันเอาไว้ และฉันก็คงจะอยู่เฉยๆตามเดิมมองเธอเป็นผงฝุ่นธรรมดาๆโดยไม่กล่าวว่าเธอ ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นคนที่ใจกว้างแบบนี้หรอกแต่เป็นเพราะฉันแค่อยากจะ ปล่อยให้มันผ่านพัดไป ไม่อยากมีปัญหา

 

 

 

        ก็เพราะ...การที่เราแค้นใครโดย‘ไม่ปล่อยวาง’ นั้นฉันคิดว่ามันจะเป็น ‘ทุกข์’ แก่ใจของเราเสียเองมากกว่านะฉันว่า

 

 

 

       เรื่องร้ายๆที่ผ่านมาก็ปล่อยมันผ่านไปดีกว่าเน๊อะ! เพราะถือซะว่ามันเป็นบททดสอบที่มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นก็แล้วกัน เพราะแก้วผู้สดใส มึนๆอึนๆคนเดิม กลับมาแล้ว! ^O^//

 

 

 

“แล้วนี่...แกกลับไงเนี่ยกลับคนเดียวหรือว่ากลับกับ...”

 

 

 

“กลับคนเดียวแหละ”

 

 

 

“เฮ้ย นี่ยังไม่คุยกันอีกเหรอวะ”ฟางเค้นหัวเราะเมื่อเห็นฉันทำหน้ามู่ทู่เมื่อกี๊

 

 

 

“ไม่คงไม่คุยหรอก คนเราอ่ะทำผิดมันก็ต้องรู้สิว่าควรทำยังไง”

 

 

 

“ซะงั้น”

 

 

 

“โทโมะอ่ะชอบทำมึน  >^<! ”

 

 

 

“เอาน่า หมอนั่นมันป็นคน 4 มิตินี่หว่า ^^”

 

 

 

        คงกำลังงงกันล่ะสิว่าฉันกับฟงกำลังคุยกันเรื่องอะไร

 

 

        ก็ตอนนี้ชีวิตฉันเริ่มดีขึ้นแล้วใช่มั้ย? แต่หากทว่ามันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ฉันกำลัง‘งอน!’ ใช่! ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งวันที่ผ่านมานี่เอง ก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกถ้าไม่ใช่เรื่อง‘ความรัก’ ของฉันในตอนนี้น่ะสิ

 

 

 

        เพราะตั้งแต่ฉันตกลงคบกับโทโมะมามันก็ดีมากๆเลยนะ เพราะโทโมะเห็นนิ่งๆบ้างไรบ้างนี่พูดทีทำฉันเขินตลอดให้ตาย... =/////= แต่ก็แค่มีเรื่องที่งอนๆกันนิดหน่อย มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกก็แค่...

 

 

 

“โอ๊ะโอ๋ โจทย์มาถึงหน้าห้องเลยว่ะแก้ว”ฟางที่เพิ่งเก็บของเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมฉันก็ถึงกับหยุดชะงักเพราะ ‘โจทย์’ ที่ฟางเอ่ยนั้นกำลังยืนพิงขอบประตูอยู่หน้าห้องเรียนของฉันนี่เองและจะเป็นใครไปได้นอกจาก...

 

 

             นายโทโมะ! ที่เรียกตัวเองว่าเป็นแฟนฉันยังไงล่ะ...ชิ! >^<!

 

 

 

          ตอน นี้โทโมะกำลังยืนอยู่ตรงประตูหลังห้องยังไงล่ะและเขากำลังมองมาที่ฉันเราก็ ประสานสายตากันแต่เขาก็รู้ไงว่าฉันกำลังงอนๆนอยๆเขาอยู่ที่เขาทำอะไรไม่เคย บอกกันเลย ก็คือ...เขาเอามือถือฉันไปเล่นแล้วไปกดเจอเบอร์มิณท์อีท่าไหนไม่รู้ก็เลยกดลบทิ้งไปเฉยเลยอ่ะ ><!

 

 

 

          มันก็น่าโมโหก็ตรงที่ว่าทำไมจะต้องลบด้วย? นั่นมันเป็นเบอร์เพื่อนฉันน้า YOY

 

 

 

          แล้วพอถามโทโมะตอบว่าไงรู้ม๊ะ?

 

 

 

            โทโมะลบทำไมอ่ะ? O_O?’

 

 

           ‘ก็ฉันไม่ชอบอ่ะ เห็นแล้วขัดลูกตา

 

 

          ‘แต่มิณท์เป็นเพื่อนเรานะ นายนี่ยังไงนะ

 

 

          ‘ก็รู้ว่าเพื่อน แต่มันหึงอ่ะทำไงได้ อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีเบอร์มันซะหน่อยนี่

 

 

         ‘ถึงไม่จำเป็นแต่มันก็เป็นเบอร์เพื่อนเราคนหนึ่งนะ นายอ่ะหึงมั่วซั่วเราไม่คุยกับนายแล่วอยู่คนเดียวไปเลยไปชิ!’

 

        ตอนนั้นจำได้เลยว่ารีบวิ่งออกจากบ้านโทโมะแล้วกลับเข้าบ้านตัวเองเข้าห้องนอนทันที โทโมะก็โทรมาหา ส่งข้อความมาหา แต่ฉันก็ไม่รับไม่คุยโทโมะอ่ะขอโทษสักคำก็ไม่มีเลยจนถึงวันนี้ ให้ตายสิ! เข้าใจนะว่าหึงอ่ะแต่มิณท์เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันแล้วจริงๆนะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

 

 

 

        ตอนที่ฉันมาโรงเรียนวันแรกมิณท์เขาก็บอกขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเพราะว่า ตอนที่ไปแข่งขันนั้นดันเกิดเหตุขัดข้องทางการเดินทางนิดหน่อยเดินไม่ได้มาหา ที่โรงพยาบาล

 

 

 

“งั้นเคลียร์เอาเองละกัน ฉันกลับก่อนละ”

 

 

 

“ฮะ...เฮ้ยฟาง เดี๋ยวก่อน...”

 

 

 

         ห้ามไม่ทันละ = =;;;

 

 

 

         เพราะฟางรีบเดินออกจากห้องนี้ไปเลยแถมยังตบบ่าโทโมะให้กำลังใจกันก่อนด้วยดิแล้วตอน นี้ก็เหลือแค่ฉันแล้วก็นักเรียนที่กำลังจะกลับบ้านกัน  ยิ่งนักเรียนหญิงในห้องนี่มองโทโมะแบบอยากจะตรงเข้ามาจุ๊บเขามากเลยก็ว่าได้ จ้า! หล่อเหลือเกินนะพ่อคุณ! ><!

 

 

 

        แต่ ถึงแม้ว่าโทโมะจะอยู่ในฐานะคนรักแต่ฉันก็ยอมรับเลยว่าไม่เคยหึงหวงเขาออกนอก หน้าอะไรเลยนะที่มีสาวๆมองเขา เพราะเข้าใจไงว่าคนเรามันก็ต้องมีปลื้มอะไรกันบ้างจะมาบังคับกันได้ไงเรื่อง แบบนี้ ฉันไม่ได้แบบว่า ‘นี่! ห้ามมองแฟนฉันนะ! ’ ไม่ใช่แบบนั้นอ่ะ เพราะมันดูหวงเกินไปจนน่าเกลียดนะฉันว่า

 

 

 

       เพราะถึงฉันหวงฉันก็เงียบไม่พูดเพราะเดี๋ยวหายหึงเองแหละ แต่โทโมะจะชอบรู้อยู่ตลอดแหละว่าฉันกำลังหึงเขาอยู่แต่ไม่แสดงออกน่ะ

 

 

 

“เป็นไร”ยัง...ยังจะมีหน้าเดินเข้ามาในห้องเรียนฉันแล้วถามฉันอีกนะว่า‘เป็นไร’ ชิ!

 

 

 

“ปล่าวนี่”ฉันทำเป็นตอบหน้ามึนอึนแล้วจับสายสะพายเป้ทั้งสองข้างก่อนจะเมินสายตาจากโทโมะไปทางอื่น

 

 

 

       เพื่อนๆที่อยู่ในห้องนี้เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดีก็เลยรีบพากันออกไปจาก ห้องเรียนนี้จนหมดเกลี้ยงก็เหลืออยู่แค่ฉันกับโทโมะในตอนนี้นั่นเอง

 

 

 

“โกหกชัดๆ”

 

 

 

        น่ะ! ก็รู้นี่แล้วจะถามเพื่อ?

 

 

 

“...”ฉันไม่พูดอะไรเพียงแค่มองไปที่โทโมะที่ตอนนี้เขากำลังจับเนคไทของตัวเองขยับไปซ้ายขวาแสดงถึงอาการร้อนหน่อยๆสังเกตได้เลยจากเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตรงบริเวณต้นคอขาวๆนั่น

 

 

 

            อย่านะ...อย่ามายั่ว!

 

 

“ยังไม่หายงอนฉันอีกเหรอ”โทโมะถามแล้วเลิกคิ้วมองก่อนจะใช้ลิ้นเลียปากตัวเองแล้วกระพริบตาช้าๆ ( ยั่วช้ะ? )

 

 

 

ไม่พูดด้วยนี่คงหายงอนแล้วมั้ง? แต่ยังไม่อยากพูดอะไรด้วยหรอก ขอโทษสักคำก็ไม่มี นิสัย! ><!

 

 

 

“...”สุดท้ายฉันก็ยังคงตีหน้ามึนอยู่ดีนั่นแหละ

 

 

 

“เฮ้ย พูดหน่อยดิ”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แก้ววววววว” โทโมะพูดลากเสียงดึงชายเสื้อสูทของฉันแล้วเขย่าเบาๆให้ตายสิอย่าทำแบบนี้ ><////“หายงอนได้แล้วน่า ก็ฉันหึงนี่หว่า ไม่ดีใจเหรอแฟนหึงแฟนหวงอ่ะ”

 

 

 

“ชิ”ฉัน มองหน้าโทโมะก่อนจะเบ้ปากแล้วเมินสายตาไปทางอื่นอีกครั้งแต่คำพูดเขานี่ก็ทำเอา ฉันเผลอยิ้มออกมาหน่อยๆเหมือนกันนะเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าเขาชอบพูดทำฉันเขิน ก็รู้ๆอยู่ว่าฉันมันเป็นคนเขินง่ายแล้วยังจะทำอีก =/////=

 

 

 

“โอเคๆ ฉันขอโทษนะที่ไปลบเบอร์ไอ้...!”

 

 

 

ชิ้งค์!

 

 

 

“- -!”

 

 

 

“มิณท์เพื่อนเธอน่ะ”ฉันรู้นะว่าเขากำลังฝืนพูดชื่อมิณท์ดีๆอยู่น่ะเพราะปกติเขาจะชอบเรียกชื่อมิณท์เป็น ‘มิณท์เน่า’ ตลอดเลย

 

 

 

“อืม”ฉันบอกแต่ก็ยังคงทำเป็นเย็นชาตามเดิม

 

 

 

“อืมนี่คือหายงอนแล้ว?”นั่นไง! นายฉีกยิ้มออกมาจนได้นะโทโมะ ร้ายกาจจริงๆ

 

 

 

“ก็ไม่ได้อยากนอยอะไรหรอก แต่นายน่ะชอบทำอะไรเอาแต่ใจ”ฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกโทโมะ

 

 

 

“โอเค ก็รู้แหละว่าเธอรักฉันแค่คนเดียวอยู่แล้วจะเธอไปกล้ามีกิ๊กได้ไง”ตอนนั้นฉันหันหน้าไปมองโทโมะอีกครั้งก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มแล้วก็ยักคิ้วให้ฉันอยู่แบบกวนๆ

 

 

 

       ให้ตายเหอะ! พอหมอนี่มาสายกวนก็กวนจังเลยนะ ไอ้ผู้ชายหลายบุคลิก! ><!

 

 

 

“นายนี่มัน...หลงตัวเอง”

 

 

 

“อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย กระซิบข้างหูหน่อยดิ”โทโมะทำเป็นพูดแล้วเอียงหูมาใกล้ๆหน้าฉัน แต่ฉันรู้! รู้ว่าเขาได้ยินแต่ยังจะทำกวนประสาทอีกไอ้บ้า!

 

 

“อย่ามาทำเป็นไม่ได้ยิน เรารู้นะว่านายหูดี”ฉันพูดแล้วก็เอามือดันใบหน้าขาวๆเนียนๆของโทโมะออกไป แต่โทโมะทำไงรู้มั้ย? เขาก็ยิ้มส่งมาให้แล้วพูดอีกว่า...

 

 

 

“ไม่ใช่แค่หูดีนะ แต่หน้าตาดีด้วย”

 

 

 

            โห...มั่นใจม๊าก! ><! แต่มันก็จริงอย่างที่โทโมะพูดนั่นแหละนะ (_//////_)

 

 

 

“แหวะ เบื่อคนหลงตัวเองกลับบ้านดีกว่า :P”ฉัน เดินผ่านโทโมะไปแล้วก็อมยิ้มเพราะโทโมะน่ะเป็นแบบนี้แหละ เขาไม่ต้องทำอะไรมากให้ฉันยิ้มได้ เพราะว่าฉันจะชอบยิ้มออกมาเองเสมอเลย และโทโมะก็รู้ข้อนี้ดีด้วยสิเขาถึงชอบแกล้งกันน่ะ

 

 

 

“ไม่ได้หลงแต่มันจริง”โทโฒะเดินตามฉันออกมาจากห้องเรียนแล้วเขาก็เอื้อมมือมาโอบไหล่ของฉันอย่างเนียนๆก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง“แล้วนี่สรุปหายนอยฉันแล้วใช่มั้ย”

 

 

 

“ขอโทษแล้วก็ถือว่านายสำนึก  รึปล่าว?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองโทโมะอย่างไม่แน่ใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาแค่ขอโทษไปงั้นๆรึปล่าว แต่...ก็รู้ดีแหละว่าโทโมะไม่ใช่คนแบบนั้น

 

 

“นี่ บอกเลยนะแก้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟคไปเสียหมดทุกอย่างหรอก ฉันทำพลาดได้จนทำเธอนอย งอน  แต่ถ้าฉันพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ แสดงว่าฉันหมายถึงแบบนั้นจริงๆ”

 

 

 

“อื้ม”ฉัน ละสายตาจากโทโมะแล้วอมยิ้มเมื่อเขาพูดอะไรคมๆแบบนั้นออกมา สงสัยไปติดมาจากนายเขื่อนแน่ๆเลยเนี่ย เพราะเท่าที่รู้มาเขื่อนน่ะชอบพูดจาๆโดนๆมากที่สุดในกลุ่มเลย  “ให้ตายสิ...”

 

 

 

“ฮะ?”

 

 

 

“ปล่าววววว”

 

 

 

“เมื่อกี๊ได้ยินนะ สบถอะไร”โทโฒะหยุดเดินแล้วขยับท่อนแขนแข็งแกร่งที่คล้องคอฉันอยู่บังคับให้ฉันหันไปเผชิญหน้า

 

 

 

“ได้ยินแล้วถามทำไม”ให้ตายเหอะทำไมฉันถึงต้องกวนโทโมะด้วยเนี่ย หน้าของเราอยู่ใกล้กันมากๆเลยนะ ถ้าเกิดฉันโดน ‘ลงโทษ’ ขึ้นมาอีกจะทำไง ><! เฮ้อ! ไม่คิดเลยเรา

 

 

“ที่สบถเมื่อกี๊อ่ะ กำลังเขินใช่มั้ย?”บ้าจริง! ตั้งแต่ โทโมะเขาค่อยๆเผยตัวเองออกมานี่เขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากๆเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนแทบไม่เคยยิ้ม แต่เดี๋ยวนี้ขยันยิ้มหว่านเสน่ห์จังนะ ><////

 

 

 

“รู้แล้วยังจะถาม”

 

 

 

“ยอมรับ ^^”โทโมะละสายตาไปจากฉันพร้อมกับอมยิ้มไปด้วยขณะที่เขาก็คล้องคอฉันแล้วเดินลงบันไดไปก่อนจะเริ่มผิวปากอารมณ์ดีมีความสุข

 

 

 

             เฮ้อ บทจะน่ารักก็น่ารักซะนายโทโมะ! บทจะน่าตีก็นะ...><!

 

 

 

สักพักต่อมา...

 

 

 

“เมื่อวานงอนฉันแล้วทำขี่จักรยานกลับก่อนนะ เดี๊ยะๆ”โทโมะบ่นเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถที่ตอนนี้เหลือรถอยู่ไม่กี่คันแล้ว แต่จักรยานนี่ก็เหลือเยอะอยู่ แต่ที่โทโมะบ่นเมื่อกี๊ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปซะแล้วเดินเอาจักรยานที่จอดอยู่ ในล็อคแล้วเข็นออกมา

 

 

 

        จริงสินะ เมื่อวานฉันงอนโทโมะแล้วรีบขี่จักรยานกลับบ้านก่อนเขาเลยนี่นา เห๋อๆก็แอบสะใจหน่อยๆที่ไม่ยอมรอเขาเหมือนที่ผ่านๆมา ^^

 

 

        เพราะปกติแล้วตั้งแต่คบกันโทโมะก็บอกว่าตอนที่ฉันกำลังจะกลับบ้านจะเลิกตรงกันก็ให้ รอกลับพร้อมเขาเพราะว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟกับฟางแล้วเพราะพี่ฟ้าพี่สาวฟางบอกว่าหาคนมาช่วยงานได้แล้วส่วนฟางเองก็ทำตามหน้าที่เดิมคือ กลับจากบ้านก็ไปอยู่เฝ้าร้านให้ป๊ากับม๊าเธอ

 

 

 

ส่วนตอนที่ฉันกลับบ้านกับโทโมะนั้นโทโมะเขาก็จะเป็นคนขี่จักรยานให้เองส่วน ฉันก็นั่งซ้อนท้ายตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน =/////=

 

 

 

       เอิ่ม...มันก็จะไม่อะไรหรอกนะถ้าโทโมะไม่ได้มีหน้าตาที่ค่อนข้างโหดเย็นชา แต่ใครจะรู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่พอมุ้งมิ้งก็มุ้งมิ้งซะแบบมึนๆอึนๆ แถมขี่จักรยานอีก แบ๋วอ่ะ คิกคิก ^^

 

 

 

“ก็อยากทำเรางอนเองทำไมล่ะ”ฉันพูดแล้วหยักไหล่แต่ก็ไม่ได้มองหน้าโทโมะหรอก

 

 

 

“ก็นะ...”โทโมะหาคำแก้ตัวไม่ได้หรอกถ้าตอบแบบนี้น่ะ ให้ตาย...แล้วทำไมฉันต้องเผลอยิ้มด้วยเนี่ย บ้าไปแล้ววววว ></////

 

 

 

“บอกเลย ถ้าทำแบบนั้นอีก เราจะไม่กลับบ้านพร้อมนายแล้ว”เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกแล้วชี้นิ้วสั่งเขาโทโมะก็ทำหน้ามุ่ยตึงแล้วก็เบ้ปากใส่ฉันก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น

 

 

 

        อ๋อ! อาการแบบนี้แสดงว่าครั้งหน้าจะทำอีกใช่มั้ย?

 

 

 

        ทำม๊ายยยยย ทำไมนะ! โทโมะนี่ชอบเอาแต่ใจแต่กับฉันจังเลยเชียว ทีกับพิชชี่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยเห็นว่าเขาจะมีอาการแบบนี้เลย = =!

 

 

 

“ที่บอกเมื่อกี๊อ่ะเข้าใจรึปล่าว”ฉันถามย้ำแต่โทโมะก็ยังคงทำหน้ามุ่ยตามเดิม ถึงเขาจะไม่ได้หันหน้ามาเต็มๆแต่ฉันก็เห็นได้จากด้านข้างของเขานั่นแหละน่า “โทโมะ...นายโทโมะ...”

 

 

‘นายโทโมะ’มาจนได้ - -!” ในที่สุดโทโมะก็หันมามองสบตากับฉันจนได้เพราะคำว่า‘นายโทโมะ’ ถ้าฉันเอ่ยออกไปแสดงว่าฉันกำลังจริงจังที่จะคุยกับเขาอยู่แล้วถ้าเขาไม่ฟังฉันก็จะเอ่ยเรียกแบบนี้แหละ

 

 

 

ซึ่งขอบอกเลยว่าโทโมะไม่ชอบที่ฉันเรียกเขาแบบนี้มันไม่เพราะ! >O<! และมันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะกลายเป็น ‘แก้วนจอมดุ’ ที่โทโมะไม่ชอบให้ฉันดุ แต่เขาชอบทำตัวหน้าดุนี่นาช่วยไม่ได้หรอก :P อีกอย่าง...ก็อยากจะเอาคืนเขาเหมือนกันนั่นแหละที่ตอนแรกชอบทำเย็นชาใส่ฉัน แถมพูดกับฉันทีนี่คำบ่น บลาๆๆๆ มาเต็ม!

 

 

 

        งั้นแก้วคนนี้ขอเอาคืนคุณแฟนคนนี้หน่อยละกันนะ หมั่นไส้! ><!

 

 

 

“ไม่อยากให้เรียกแบบนั้นก็ตอบมาว่า...”

 

 

 

“อ่าๆๆๆ โอเคคคคค ฉันจะไม่ลบเบอร์ว่าที่ ‘คุณเพื่อน’ ของเธอแล้ว โอเคมั้ย?”

 

 

 

         ไอ้คำว่า‘คุณเพื่อน’ นี่ย้ำจังนะ พูดประชดใช่มั้ย - -!

 

 

 

 

“ขอให้จริงเหอะ เพราะถ้าไม่เราจะ...!”

 

 

 

จุ๊บ!

 

 

 

เฮือก!

 

 

 

 O//////O!

 

 

 

        ในตอนที่ฉันกำลังจะพูดบอกเขา โทโมะก็หยุด Stop คำพูดของฉันเอาไว้โดยการหอมแก้มฉันแบบไม่ทันตั้งตัวเนี่ยนะ? นะ...นี่เขากะใช้วีธีสั่งให้ฉันหยุดพูดเลยใช่มั้ย? จะร้ายเกินไปแล้วววววววว >/////<

 

 

 

“หยุดพูดได้แล้ว กลับบ้านกันป่ะ”ตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น = =;;;

 

 

 

“=[]=;;;;”ฉัน ที่กำลังอ้าปากหว๋อก็มองโทโมะที่เดินผ่านฉันไปขึ้นคร่อมจักรยานพร้อมขับแล้วโทโมะ ก็หันมามองฉันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะเอามือตบที่เบาะซ้อนท้ายเป็น เชิงบอกว่าให้ฉันขึ้นไปนั่ง

 

 

 

“มานั่งดิครับผม รอไรอ่ะครับ หรือต้องให้ผมไปจุ๊บแก้มคุณอีกที ^^”

 

 

 

“ไอ้บ้า”รู้ มั้ยว่าถึงแม้ฉันจะด่าเขาแต่ฉันกลับอมยิ้มแล้วเอามือยกขึ้นถูๆแก้มตัว เองอย่างเขินอายขณะที่ปลายเท้าก็ก้าวย่างไปตรงจักรยานแบบไม่สบตาโทโมะ แล้วนั่งไพร่ลงตรงเบาะซ้อนท้ายสองมือโอบกอดเอวของโทโมะเหมือนทุกๆวันที่เขา บอกว่าให้ฉันทำ

 

 

“กอดแน่นๆหน่อยดิ >^<!”

 

 

“อะไรของนายปกติเราก็กอดแบบนี้ = =;;;”

 

 

“งั้นเอาแบบไม่ปกติอ่ะ”

 

 

        นี่เขาจะกวนฉันไปไหนเนี่ย? กอดแบบไม่ปกติจะกอดยังไงเล่า >O<!

 

 

“โทโมะ...นายกำลังกวนเรานะ”

 

 

“ไม่ได้กวนนนนน แค่อยากให้กอดแน่นๆนะหน่อยนะน้องนะ ไม่ได้เหรอ?”

 

 

        แหม่...มาซะเป็นเพลง = =;;;

 

 

“เฮ้อ...”ถอน หายใจแต่ก็ทำตามที่เขาขอแต่โดยดีมือทั้งสองที่กอดแค่เอวก็กอดรัดแน่นกว่า เดิมพร้อมกับหัวของฉันที่ค่อยๆเอนพิงกับแผ่นหลังของโทโมะช้าๆ ตอนนั้นแหละที่ฉันได้ยินเสียงของหัวใจของโทโมะที่มันกำลังเต้นแรงรัวๆ รวมถึงหัวใจของฉันเช่นเดียวกัน

 

 

ตึกตัก...ตึกตักๆๆๆ

 

 

       รู้มั้ยว่าถึงเราจะคบกันแต่ฉันก็คิดว่าเราสองคนนั้นยังคงมีอาการใจเต้นแรง เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ และฉันคงคิดว่า‘ความรัก’ สำหรับฉันกับวีมันคงจะไม่มี ‘ความชินชา’ เข้ามาอยู่ในหัวใจหรอก เพราะว่าฉันเชื่อ...เชื่อว่าหากเราสองคนนั้นสมัครมั่นมันก็คงไม่เกิดเรื่องเลิกรักกันหรอก

 

 

“ไปละนะ”โทโมะบอกแล้วออกตัวปั่นจักรยานออกไปนอกโรงเรียน

 

 

“โทโมะๆ เดี๋ยวถึงซุปเปอร์แล้วแวะหน่อยนะเราจะซื้อชีสกับขนมปังไปทำแซนวิชให้พิชชี่กับพ่ออ่ะ” ฉันบอก

 

 

“อื้ม”โทโมะตอบแล้วปั่นจักรยานไปด้วย แต่ทำไมความรู้สึกของฉันมันบอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่เลยล่ะ?

 

 

        เอ่อ...เพ้อไปเองรึปล่าวเนี่ย = =?

 

 

อีกด้านหนึ่ง...

 

 

“หึ...”  

 

 

         ห่าง ไปไม่ไกลจากมุมหนึ่งนั้นมีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องมองชายหญิงที่นั่ง พากันขี่จักรยานกลับบ้านหลังเลิกเรียน ซึ่งสองคนนั้นคงไม่ใช่เพื่อนกันอย่างแน่นอนเพราะดูจากท่าทางแล้ว คงจะเป็นคู่รักกันเสียมากว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างสูงคนนั้นที่กำลังแอบมองอยู่เดินออกมาหลังจากที่จักรยาน นั้นได้ถูกปั่นห่างไปพอสมควรแล้วกรีดยิ้มร้ายเมื่อได้เห็นภาพนั้น

 

 

        ดวงตาคมกริบของไฟท์นั้นก้มลงมองรูปภาพในมือถือที่เป็นรูปของผู้หญิงที่เมื่อ สักครู่นี้ได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานไปกับโทโมะ  ภาพนนั้นคือหญิงสาวคนนั้นกำลังอยู่ในชุดนักเรียนสีขาวสวมใส่เสื้อสูทของ โรงเรียนและมันเป็นภาพที่ถูกถ่ายทีเผลอซะด้วยสิ  

 

 

 

       แต่มันก็ออกมาดูน่ามองอย่างน่าเหลือเชื่อทั้งๆที่ใบหน้าของเธอนั้นไม่ ได้ถูกแต่งเติมใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

 

“นี่น่ะเหรอ...แก้วผู้หญิงของไอ้โทโมะ”ไฟท์เค้นหัวเราะหลังจากมองดูภาพนนั้นก่อนจะเอามือถือนั้นเก็บใส่ไว้กระเป๋ากางเกงยีนส์ตามเดิม

 

 

       ถ้าถามว่าเขาได้รูปนี้และรู้ชื่อของแก้วได้ยังไง คำตอบคือหลังจากคืนนั้น...เขาได้ให้ลดีโอตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะในเรื่องของ คนสนิท แล้วดีโอก็จัดการแซะถามกลุ่มนักเรียนที่อยู่โรงเรียนนี้ แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่าโทโมะกำลังคบอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อแก้วอยู่ ม.5/2  ซึ่งเขาสองคนอยู่บ้านข้างๆกันด้วย

 

 

       และเพิ่งคบกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองและดูรักกันสุดๆสาวๆใน โรงเรียนอกหักกันระนาวแต่ก็ไม่มีใครค้านอะไรแต่อย่างใดเพราะอำนาจของโทโมะเพียง คำพูดเดียวนี่อาจจะทำให้เจ็บไปถึงขั้วหัวใจได้เลย

 

 

       ดีโอจึงจ้างให้นักเรียนที่เรียนที่นี่ให้ถ่ายรูปแก้วมาให้หน่อยพร้อมกับ จ่ายค่าปิดปากให้อย่างดีว่าห้ามบอกใครทั้งสิ้น เมื่อได้รูปดีโอจึงส่งมาให้ไฟท์ทางโทรศัพท์ และไฟท์จึงมาที่นี่...

 

 

“หึ...”หลัง จากที่ไฟท์เค้นหัวเราะในลำคอนั้นเขาก็เดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีแดง ที่จอดเอาไว้ใกล้ๆแล้วสวมหมวกกันน็อคก่อนจะขับรถตามสองคนนั้นไปอย่างแนบ เนียน

 

 

       หึ...งานนี้สนุกแน่

 

   

ซุปเปอร์มาเก็ต

 

 

“นายรออยู่นี่ก็ได้เราเข้าไปแป๊ปเดียว”ฉันบอกโทโมะเมื่อโทโมะขี่จักรยานมาจนถึงซุปเปอร์มาเก็ต

 

 

 “แน่ใจอ่ะว่าไม่ให้เข้าไปด้วย”โทโมะที่เพิ่งจอดจักรยานเสร็จถามฉันก่อนจะหันหน้ามามองฉันที่กำลังลงจากเบาะซ้อนท้าย

 

 

“อื้ม แค่นี้เอง อีกอย่างเราไม่ได้ซื้อเยอะซะหน่อย นายก็รออยู่นี่แหละ”

 

 

“อ่าๆ”โทโมะพยักหน้าแล้วใช้มือสางผมสีดำของเขาขึ้นเพราะดูเหมือนว่าเขาจะร้อนนะเพราะเหงื่อออกเต็มเลย นี่ขนาดไม่ได้ใส่เสื้อสูทนะเนี่ย

 

 

           เมื่อฉันเห็นแบบ นั้นก็เลยเอามือล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าลายสก็อตสี ดำขึ้นมาแล้วจัดการเช็ดซับเบาๆที่บริเวณหน้าผากของโทโมะอย่างเบามือที่สุด โทโมะที่เห็นแบบนั้นจึงชะงักไปสักผักก่อนที่เขาจะหลับตาลงในตอนที่ฉันเลื่อนมา เช็ดตรงบริเวณจมูกของเขา

 

 

          โทโมะนี่เวลาหลับตาฉันว่าเขาน่ารักดีนะ เห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมา ^^////

 

 

“ไปละนะเดี๋ยวมา”ฉันบอกหลังจากที่เช็ดหน้าให้โทโมะเสร็จ

 

 

“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากให้ไปเลย ^^”โทโมะฉีกยิ้มกว้างซึ่งนานๆทีฉันถึงจะได้เห็น ให้ตายเหอะ เขาจะน่ารักไปไหนเนี่ย ><?

 

 

“อย่ามาๆ  อยู่ตรงนี้นะห้ามไปไหน”

 

 

“ทำไม? กลัวฉันไปเหล่สาวเหรอ?”เขาเลิกคิ้วถามจนทำให้ฉันถอนหายใจออกมาแต่ก็ยังคงอมยิ้มไปด้วย

 

 

“ก็ลองสิ”

 

 

“รู้ว่าไม่อยากให้ลอง ^^”

 

 

 

 “โอ๊ะ! โทโมะอ่ะ ไปละ”ฉันบอกก่อนเดินเข้าซุปเปอร์ไป พร้อมกับความหมั่นไส้โทโมะไปด้วย ฮึ่ย! หมอนี่นิ! ทำไมชอบดักทาฉันถูกตลอดเลยนะ

 

 

 

        ในตอนที่เดินๆเลือกๆของไปฉันก็ดูของเพลินแล้วก็หยิบเอาชีสที่พิชชี่ชอบกินกับขนมปังมาถือเอาไว้ในมือ พลางคิดไปด้วยว่าจะซื้ออะไรต่อดีนะ? ซื้ออันนี้เพิ่มมั้ย?

 

 

“เอาอะไรอีกดีน้า”ฉันคิดแล้วยกนิ้วจิ้มๆปากพลางมองของที่ว่าจะซื้อเพิ่มดีมั้ย เอิ่ม  แค่นี้ดีกว่ามั้งเดี๋ยวโทโมะรอนาน...

 

 

 

ปึก!

 

 

 

“อ๊ะ...!”ระหว่างที่ฉันหันไปอีกทางเพื่อจะไปจ่ายเงินร่างของตัวเองก็ถูกใครคนหนึ่งเดินมาชนเข้าเสียก่อนจนฉันทำชีสกับขนมปังตกลงพื้นซะงั้น

 

 

 

“...”ฉัน ชะงักไปเมื่อกำลังจะก้มเก็บของที่ทำตก มือของคนที่เดินชนนั้นก็ดันหยิบมันขึ้นมายื่นให้เสียก่อน และพอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคนๆนั้นฉันก็จำต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะว่า รู้สึกคุ้นๆหน้าเขามากๆเลยเหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนสักที่หนึ่ง

 

 

 

        เขา เป็นผู้ชายที่มีเรือนสีเทาควันบุหรี่ที่เข้ากันกับใบหน้าที่หล่อค้มเข้มนั่น แถมเขาสูงพอๆกับโทโมะด้วย เอ...ฉันเคยเห็นเขาที่ไหนนะทำไมมันดูคุ้นจริงๆ

 

 

 

“ขอโทษด้วยนะครับ”น้ำเสียงอันเรียบสงบเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นห่อชีสกับห่อขนมปังส่งคืนฉัน

 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”ฉัน เอ่ยแบบไม่คิดอะไรแล้วรับมันมาแต่ช่วงจังหวะนั้นที่มือของเขาส่งยื่นให้ดู เหมือนว่าเขาจงใจใช้เรียวนิ้วของเขาลูบผ่านปลายนิ้วมือของฉันยังไงไม่รู้สิ

 

 

 

       และฉันไม่รู้ว่าเขาตั้งใจรึปล่าว แต่ดูจากรอยยิ้มที่เผยออกมาหน่อยๆบนใบหน้าของเขาที่มองมาแล้วฉันรู้สึกไม่ ค่อยโอเคยังไงไม่รู้

 

 

 

“ชื่ออะไรเหรอครับ”

 

 

 

“ฮะ?”ตอนนั้นรู้สึกว่าหน้าของตัวเองอ๋อมากที่โดนถามแบบนั้น คือ...มันจำเป็นต้องถามมั้ยอ่ะ? คือฉันไม่คิดว่าถ้าเราเดินชนคนอื่นแล้วเราจำเป็นต้องถามชื่อของเขาด้วยนี่นา ใช่มั้ย?

 

 

 

“ผมไฟท์นะ”

 

 

 

        ไฟท์?

 

 

        เอิ่ม...เออช่างเหอะ! เขาก็ถามดีๆนี่เน๊อะ แต่ทำไมฉันรู้สึกกลัวๆเขาอย่างบอกไม่ถูกเลยเนี่ย

 

 

 

“อ้อค่ะ”ฉันพยักหน้ารับแบบไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป

 

 

 

“คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะครับว่า...คุณชื่ออะไร”เขาถามย้ำอีกครั้งจนฉันเริ่มรู้สึกอึดอัดแต่ก็พยายามกลั้นอารมณ์เอาไว้

 

 

 

“ชื่อแก้วค่ะ แล้วก็ขอตัวก่อนนะคะพอดีแฟนรออยู่”ฉันบอกให้จบๆไปแล้วเดินผ่านร่างสูงมาแต่เท้ากลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อเสียงจากทางด้านหลังเอ่ยขึ้นมา

 

 

 

“แหม๋  แลดูรีบจังนะครับ”

 

 

 

        เอ๋า! ไอ้บ้านี่ ก็บอกว่าแฟนรออยู่ยังจะมาพูดจากวนประสาทแบบนี้อีกนะ หมอนี่เขาเป็นโรคจิตรึยังไงกัน

 

 

“ต้องรีบค่ะ แฟนรออยู่ ฉันไม่อยากให้เขารอนาน ชัดนะคะ?”ฉันหันไปบอกเขาแล้วทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนิดๆก่อนจะหันหลังแล้วกำลังจะเดินออกไปจากล็อคของขนม

 

 

 

 “เดี๋ยวสิครับ^^”แต่หากทว่าผู้ชายที่ชื่อไฟท์คนนี้ก็วิ่งมาดักหน้าของฉันเอาไว้เพื่อดักไม่ให้ฉันไป

 

 

 

       อะไรของเขาเนี่ย?

 

 

 

“ขอทางด้วยค่ะ”ฉันพยายามใจเย็นอีกครั้ง

 

 

 

“ทำไมครับ? กลัวแฟนเดินเข้ามาเห็นว่าคุณอยู่กับผู้ชายเหรอ”ไม่พูดปล่าวเพราะว่าเขายังใช้มือของเขามาลูบจับเส้นผมสีน้ำตาลของฉันด้วยและนั่นก็ทำเอาฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

 

 

 

“นี่คุณ...!”

 

 

 

“แก้ว”ฉัน ชะงักปากที่กำลังจะด่าผู้ชายคนนี้เพราะว่าเขาพูดจาไม่เข้าหูแถมยังทำกิริยา แบบนี้อีก แต่เสียงจากข้างหลังก็ดังขัดขึ้นเสียก่อนพอฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นในใจ ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที “มีอะไรอ่ะ”โทโมะถามเมื่อเดินมาจนถึงตัวฉันฉันก็รีบเดินไปอยู่ข้างๆโทโมะทันทีทันใด

 

 

 

        สงสัยว่าโทโมะจะคิดว่าทำไมฉันถึงเข้ามานานล่ะมั้งเพราะฉันบอกว่าจะมาแป๊ปเดียว เขาก็เลยตามเข้ามาดู ซึ่งมันถูกจังหวะมากเลยล่ะ

 

 

 

“ไงงงงง ยินดีที่ได้เจอนะ โทโมะผู้เย็นชาและเงียบขรึมของเคโอติค ^^”

 

 

 

         อ้าว?! ทะ...ทำไมเขารู้จักโทโมะด้วยล่ะ?

 

 

 

“เออ”โทโมะเอ่ยเพีงแค่นั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าโทโมะมองไฟท์อย่างไม่ค่อยถูกชะตานัก “มายุ่งอะไรกับผู้หญิงของฉัน”

 

 

 “ปล๊าว ไม่ได้ยุ่งนิ”ตอบได้หน้าด้านมาก! เมื่อกี้ที่เขาทำกับฉันไม่ได้เรียกว่า‘ยุ่ง’ งั้นเหรอ?

 

 

“แน่ใจ?”โทโมะเค้นเสียงถามก่อนที่เขาจะเอามือตัวเองมาจับมือของฉันเอาไว้แล้วกำมันแน่นเพื่อจะบอกกับฉันว่าไม่ต้องกังวลเพราะว่าเขาอยู่นี่แล้ว

 

 

“หึ...”ไฟท์หัวเราะในลำคอเมื่อที่เลื่อนสายตาลงมามองมือฉันกับวีที่กำลังจับประสานกันอยู่ “แหม ดูท่าทางจะ‘หวง’ มากเลยนะ”

 

 

“...”

 

 

“คบกันมานานรึยังล่ะ”

 

 

“ก็นานพอ”โทโมะตอบแบบนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเพราะดูจากสายของเขาที่มองไฟท์แล้ว

 

 

“งั้นเหรอ”ไฟท์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วใช้ดิ้นกระดุงกระพุ้งแก้มอย่างกวนๆ “แฟนสวยดีนะ...”พูดแล้วก็ลากสายตาโรคจิตนั่นมามองฉัน ฉันจึงเงยหน้าไปมองโทโมะ

 

 

“...”เมื่อไฟท์พูดแบบนั้นโทโมะก็เลื่อนสายมามองที่ฉันนิ่งๆเช่นกันก่อนจะเลื่อนกลับไปมองไฟท์ตามเดิม“ไสหัวไปได้ยัง?”

 

 

“ไล่?”

 

 

“เออ”โทโมะตอบไฟท์จึงพยักหน้าแล้วเบ้ปากก่อนจะเอ่ยขึ้นมาจนทำเอาฉันกลัวเลยทีเดียว

 

 

“ถ้างั้นก็...ระวังแฟนหายนะครับ คุณโทโมะ ^^”

 

 

“...หึ ระวังตัวเองจะหายไปจากโลกนี้ก่อนดีกว่ามั้ง”

 

 

 

 

“ไอ้โทโมะ!...!”ไฟท์ รู้สึกโมโหที่โทโมะพูดตอกกลับเขาไปแบบนั้นเขาจึงหันกลับมาทำท่าจะเข้ามาเอา เรื่อง แต่เขาก็จำต้องหยุดคำพูดที่เขากำลังจะเอ่ยแล้วกลืนลงคอไปพร้อมกับการกระทำ ห่ามๆนั่นเพราะว่าที่นี่มันเป็นซุปเปอร์มาเก็ตและมันมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ทุกมุม และถ้าขืนเขาทำอะไรล่ะก็

 

 

 

              เขานั่นแหละที่จะโดนเต็มๆ!

 

 

 

“ไปกันเถอะแก้ว”โทโมะบอกก่อนจะพาฉันเดินหันหลังเตรียมจะไปจ่ายเงิน แต่ไฟท์ก็ทำพูดตามหลังมาด้วยเหมือนจะให้โทโมะได้ยินแต่โทโมะก็เดินต่อไปไม่ได้สนใจ

 

 

 

“ระวังไว้เถอะไอ้โทโมะ คราวที่แล้วแกแข่งชนะฉันยังไม่ได้เอาคืน ครั้งนี้ก็ระวังไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

 

 

        เฮ้ย! ฉันจำได้แล้ว! เขาใช่คนๆนั้นใช่มั้ยที่ตอนนั้นมาแข่งที่สนามแข่งของจองเบแล้วถ้าแข่งอีกรอบแล้วโทโมะลงแข่งจนชนะราบคาบไปเลยน่ะ ใช่แน่ๆ! แต่ว่าเมื่อกี้หมอนั่นบอกว่า...‘เอาคืน’ อย่างงั้นเหรอ?

 

 

             ขะ...เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?!

 

 

       น่ะ...นี่ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่แล้วนะ YOY!!!!

 

__________________________________________________________อัพแล้วเม้นกันหน่อยย 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา