Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  60.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

41) - I Will Protect You - ( ผมจะปกป้องคุณ )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- I Will Protect You -

( ผมจะปกป้องคุณ )

 

คืนนั้น  

 

 

ประมาณทุ่มกว่าๆ  

 

 

“...โทโมะ”

 

 

       ฉัน เอ่ยเรียกชื่อโทโมะขึ้นมาหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่ซุปเปอร์มาเก็ตนั่นที่เจอ กับไฟท์ โทโมะก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งเขาได้ปั่นจักรยานพาฉันมาจนถึงหน้าบ้านของตัวเองแล้วในเวลาประมาณ ทุ่มกว่าๆ และที่ฉันเรียกโทโมะไปเมื่อกี๊ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงได้เงียบไป

 

 

       เขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจอย่างงั้นเหรอ...

 

 

“ถึงบ้านแล้ว เธอเข้าบ้านเถอะ”โทโมะลงมาจากจักรยานแล้วฉันก็เอามือจับตรงแฮนด์ที่สองด้านของจักรยานเอาไว้ แต่เมื่อกี๊เขาได้ยินฉันเรียกรึปล่าวเนี่ย = =?

 

 

        ต้องได้ยินสิ แต่ทำบอกปัดเสียมากกว่า ว่ามั้ย?

 

 

“โทโมะ...นายเป็นอะไรรึปล่าว”ฉันถามอย่างเป็นห่วงเพราะว่าสังเกตดูจากสีหน้าแววตาของโทโมะแล้วเขาแลดูเหมือนว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่ในใจ

 

 

       โทโมะเขาจะ...รู้สึกกังวลแบบเดียวกันกับฉันรึปล่าวนะ เพราะว่าไฟท์น่ะเขาพูดว่า... ‘เอาคืน’ ละแล้ว...ทำไมเขาจะต้องทำทีเป็นเข้ามาหาเรื่องฉันแบบนั้นด้วยล่ะ

 

 

       มันจะเกี่ยวกับฉันมั้ยนะ...

 

 

 

       ยอมรับเลยนะว่าฉันเองก็กังวลไม่น้อยเลย แต่ที่ไม่แสดงออกไปเพราะทุกคนก็คงจะรู้ดีว่าฉันน่ะไม่ค่อยชอบให้ใครเป็นห่วง เลยชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ และถ้าฉันแสดงออกไปว่ากำลังกังวลอยู่ล่ะก็...โทโมะก็คงจะไม่สบายใจแน่ๆที่เห็น ว่าฉันดูกลัวๆคำพูดของไฟท์

 

 

 

“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ เธอเข้าบ้านเหอะ ดึกแล้ว”โทโมะส่ายหน้าแล้วบอกฉันพร้อมกับใบหน้าที่มันแลดูฝืนยิ้ม

 

 

 

           โกหกเห็นๆเลย!

 

 

            ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้อะไรมากมาย เออจะอึนๆ ซื่อบื้อ ในบางครั้ง ( มั้ง? ) แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่รู้นะว่าโทโมะเขากำลังฝืนยิ้มอยู่น่ะ ถึงแม้เขาพยายามจะทำหน้าให้ดูเรียบเฉยแต่ดวงตามันก็บ่งบอกอยู่อ่ะว่ามันไม่ ปกติ

 

 

 

“1 ทุ่มกว่าๆเนี่ยนะดึก?”ฉันเค้นเสียงถามเมื่อก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองโทโมะจนโทโมะถึงกับนิ่งไป

 

 

 

“...” เขาเงียบ  

 

 

 

 

“โทโมะ...นายกำลังกังวลเรื่องที่ไฟท์พูดใช่มั้ย”

 

 

 

        เมื่อ ฉันถามแบบนั้นโทโมะที่พยายามเลี่ยงสายตาจากฉันก็หันมามองสบตากับฉันตรงๆ สายตาของเราสบประสานกันจนฉันนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าดวงตาของโทโมะนั้นมันแต่ดู หมองๆยังไงไม่รู้สิ เมื่อเห็นแบบนั้นฝ่ามือเล็กๆของฉันจึงเอื้อมมือของตัวเองข้างหนึ่งไปจับมือ โทโมะเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ใช้จับแฮนด์จักรยานอยู่

 

 

 

            พอได้จับมือโทโมะแล้วฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันเพราะว่ามือของเขามันเย็นมากเลย แต่ว่าเหงื่อออกนะ

 

 

 

           โทโมะเขากำลังไม่สบายใจใช่มั้ย?

 

 

 

“แก้ว”โทโมะเอ่ยแล้วมองจ้องฉันไม่กระพริบตา

 

 

 

“อะไรเหรอ O_O?”

 

 

 

“...”

 

 

 

“???”

 

 

 

“ตอนที่ฉันยังไม่มาไอ้เวรนั่นมันทำอะไรเธอรึปล่าว”โทโมะเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เขาเงียบไปสักพัก

 

 

       จริงสิ! ก็ตอนนั้นหลังจากเกือบจะมีเรื่องกับนายไฟท์นั่นโทโมะเขาก็เอาแต่เงียบนี่นา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาถามแบบนี้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น

 

 

 

       เออ...จะบอกดีมั้ยนะ  เฮ้อ! บอกๆไปเหอะ โทโมะคงไม่...ของขึ้นหรอก...มั้ง? >O<!

 

 

“หมอ นั่น...เดินมาชนเรา แล้ว...เขาทำเหมือนว่าอยากจะรู้ชื่อเรา พอเราบอกว่าขอตัวก่อน ผู้ชายคนนั้นก็เดินมาดักหน้าเราไม่ให้เราไปแล้วก็เอามือมาจับลูบตรงปลายผม เราด้วย แล้วนายก็...มาพอดี...”ฉันบอกโทโมะไปตามตรงอย่างไม่ปิดบังเพราะว่ารู้ว่าโทโมะน่ะจับโกหกเก่งมากเลยถ้าเขาตั้งใจฟังจนจับได้นี่ฉันก็โดนดุอีกน่ะสิ Y^Y

 

 

“จับปลายผม? ><!”โทโมะเบิกตากว้างแล้วกัดฟันจนดังกรอด

 

 

             ให้ตายสิไม่น่าบอกฉากนี้เลย ><!

 

 

“เอ่อแต่เราโอเคนะ ไม่ได้เป็นอะไรเลย”ฉันรีบบอกเพราะกลัวว่าโทโมะจะโมโหจนถึงกระทั่งที่ว่าถ้าเขาเจอกับไฟท์อีกครั้งเขาอาจจะบุกเข้าไปต่อยหน้าหมอนั่นได้เลยล่ะ

 

 

        เพราะว่าโทโมะน่ะเป็นผู้ชายประเภทแค้นฝังหุ่น ใครทำอะไรไว้อย่าคิดว่าเขาจะไม่เอาคืนนะ อย่าได้คิดแบบนั้นเด็ด! ><! เพราะ หมอนี่น่ะแผนสูงจะตายไป แถมหาวิธีแก้แค้นได้เจ็บแสบม๊าก เพื่อนๆในกลุ่มเขาน่ะโดนกันมาหมดแล้ววววว จุ๊ๆๆ อย่าไปบอกโทโมะนะว่าฉันนินทาเขาให้ฟังอ่ะ ฮ่าๆๆ >*<

 

 

“ปากบอกโอเค แต่ในใจกังวลอะไรอยู่รึปล่าวก็ไม่รู้”

 

 

         เดาเก่งไปไหน?

 

 

“ตอนแรกเราก็กังวลนะที่ไฟท์ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่...ตอนนี้เราโอเคขึ้นแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงจนมือเย็นแบบนี้ก็ได้”ฉันยิ้มหน่อยๆ แต่โทโมะเนี่ยสิเขาเล่นไม่ยิ้มเลยอ่ะแถมยังทำหน้าสุขุมนุ่มลึกอีก

 

 

“ก็เธอเป็นแฟนฉันเน๊อะ แถมคู่อริของกลุ่มก็มาทำอะไรแบบนั้น ไม่ให้กังวลได้ไงวะ”โทโมะทำหน้าเซ็งแล้วเอามือข้างที่ว่างเกาหัว ส่วนมือที่ฉันใช้จับมือโทโมะอยู่นั้นก็ยังไม่ได้ปล่อยเลย

 

 

“...”

 

 

“แก้ว...รับปากฉันนะว่าอย่าไปไหนคนเดียวเด็ดขาด”โทโมะบอก

 

 

“อื้ม”ฉันพยักหน้าบอกโทโมะอย่างว่าง่ายเพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วง “นายเองก็อย่ากังวลมากเกินไปจนพรุ่งนี้ไม่เป็นอันเรียนล่ะ”

 

 

“ก็โดดดิ ไม่เห็นยาก งานถนัดเลยนะนั่น”โทโมะฉีกยิ้ม แต่ฉันเนี่ยสิที่กำลังมองเขาตาเขียวเป็นเชิงตำหนิ ><!

 

 

       แหม๋ รู้หรอกนะว่าก่อนที่เราสองคนจะมาเจอกันเนี่ยเขาชอบโดดเรียนไปนั่งเล่นกับพวก เพื่อนเคโอติคอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่โดนดุเพราะสอบทีไรเกรดดีติด TOP ของโรงเรียนทุกทีดั่งคำล้ำลือของนักเรียนแฟนคลับของพวกเคโอติคทั้งหลายยยย

 

 

 

ก็ใช่เซ่! หัวสมองดีๆกันทั้งนั้นนี่ แต่ดูฉันสิ! ><!  เข้าเรียนบางทียังเรียนไม่เข้าใจเล้ยยยยย แต่โชคดีที่เวลาสอบคะแนนก็โอเคอยู่

 

 

“ก็ลองโดดดูสิ เราจะเหลาไม้หวายตามฟาดก้นนายให้ลายเลย”ฉันปล่อยมือออกจากมือโทโมะก่อนจะชี้หน้าเขาเป็นการเตือน!

 

 

“โหดๆ ทีนั่นทำกลัวฉันจนไม่กล้ามองหน้า อะเด่อออ”

 

 

 “ตอนไหน?”

 

 

“ตอน แรกๆเลยแหละ เธอน่ะกลัวฉัน เอะอะอะไรก็ก้มหน้า พูดทีก็อึกอักๆ พอมาเป็นแฟนฉันแล้วก็ทำมาสายโหด  อย่าๆ นั่นมันคาแร็คเตอร์ฉันอย่ามาแย่งซีน >^<!”มาเป็นชุดเลยครับทุกท่าน =[]=;;;;

 

 

         ดู๊ดู!!!  นายเซ่!!! >O<!

 

 

“ก็ตอนนั้นนายน่ากลัวยิ่งกว่าผีอีกเราเลยไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้เรารู้ธาตุแท้นายแล้ว นายโทโมะ  แบร่ๆ :P”

 

 

“อะก็แล้วแต่เลยครับ แม่อึนของผม”โทโมะพูดแล้วทำท่าถอนสายบัวให้อย่างกวนๆ

 

 

“ใครอึน = =?”

 

 

“เธอไง ^^”เขาพูดแล้วก็อมยิ้มแล้วยกมือข้างที่ฉันจับมือเขาอยู่ขึ้นมาตรงหน้าฉัน “แล้วเนี่ย จะจับไว้เงี๊ยทั้งคืนเลยป่ะ? ถ้าจับฉันก็อยู่ได้นะ ‘ ทั้งคืนนนนนนน ’ เลย ^^”

 

 

“โทโมะบ้า! ทะลึ่ง ><!”ฉันรีบปล่อยมือออกทันทีเพราะว่าตัวเองกำลังหน้าแดง =/////=

 

 

“อะไร ยังไม่ได้คิดอะไรเลย”โทโมะบอกพรางหรี่ตามองฉันอย่างงงๆ มาอีกแล้วความรู้สึกนี้เขาหรี่ตามองมาทีไรฉันรู้สึกประหม่าทุกทีเลยเชียว “ดูหน้าดิแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว”

 

 

        อ๊าก!!! จริงอ๊ะ?

 

 

        ฉันรีบเอามือลูบหน้าของตัวเองทันทีแล้วมองโทโมะตาเขียว

 

 

“ก็มาพูดให้เราคิดลึกทำไมล่ะ >O<!”

 

 

“ฉันปล่าวเลย เธอคิดเองทั้งนั้นอ่ะ”เขาส่ายหน้าปฏิเสธทั้งๆที่เขาเองก็รู้ตัวดีว่าเขาน่ะจงใจพูดให้ฉันคิดลึกเอง >O<!

 

 

“=///////=”

 

 

“นี่ จะหน้าแดงทำไมกับคำพูดแค่นี้ ฮึ?”

 

 

“หมายความว่าไง”ฉันมองโทโมะอย่างไม่วางใจที่เขาเล่นมองฉันด้วยสายยั่วกันแบบนั้น อัลไลเนี่ยยยยยยยยยย มองงั้นคือ???  

 

 

“ก็...ถ้าเรื่องแค่นี้หน้าแดง แล้วถ้าอีก 10 ปีข้างหน้าถึงวัน ‘เข้าหอ’ ของเรา เธอจะเป็นยังไงนะอยากรู้ว่ะ ฮ่าๆๆ ”

 

 

“งั้นถ้าถึงวันนั้นเราจะแยกเตียงนอนกับนาย >O<!”

 

 

“บ้าเรอะ ผัวเมียที่ไหนเขานอนแยกเตียงกัน - -+”

 

 

       ผะ...ผัวเมีย!?

 

 

       โอ้โห...ไม่อยากนึกสภาพตัวเองเลยอ่ะว่าฉันจะเจออะไรบ้างถ้าถึงวันนั้นจริงๆน่ะ YOY!!!!

 

 

“เยอะแยะ”

 

 

“ไม่เอา ไม่แยก ฉันไม่มีทางแยกเตียงนอนกับเธอหรอกจะบอกให้”โทโมะบอกพลางกอดอกแล้วเชิดหน้าอย่างเอาแต่ใจ แต่นั่นมันกลับทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมา “และ ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าสาวข้างบ้านจอมอึนอย่างเธอน่ะ อย่าริอาจมาเอาแต่ใจกับฉัน ไม่งั้นถึงวันที่เธอแต่งกับฉันเมื่อไหร่ ฉันจะคิดบัญชีให้หนักเลยคอยดูดิ”

 

 

        โห้ยยยยยยยยย พูดแบบนี้ฉันไม่กล้าแต่งกับเขาหรอก! ขู่ดีนักนะ! ไม่แต่งเด็ดขาดแบบนี้ ><!

 

 

“งั้นเราไม่ตกลงแต่งกับนายหรอกถ้านายขอจริงๆอ่ะ เพราะเราจะไม่ยอมให้นายรังแกเราหรอกจะบอกให้”ฉันเชิดหน้าขึ้นบ้างสองมือก็จับที่แฮนด์จักรยานเอาไว้แน่น

 

 

              เอาดิๆๆ ดูซิว่าจะมาไม้ไหนต่อ เห๊อะ!

 

 

“พูดแบบนี้เชื่อดิ  ‘ ไม่รอด ’ หรอก คริ คริ ”

 

 

        อ๊าก!!!! >O<///////

 

 

“นายโทโมะ!”

 

 

“อย่านะ! ถ้าเธอตีแขนฉัน ฉันจะจับเธอจูบมันหน้าบ้านนี่แหละ”เมื่อโทโมะชี้นิ้วบอกขู่ฉัน ฉันจึงรีบชะงักมือที่กำลังจะฟาดลงบนแขนเขาอย่างรวดเร็วเหมือนมีคนมากดปุ่ม Stop เอาไว้เลยล่ะ

 

 

         ให้ตายสิ =/////=

 

 

“น่ะ...ไหนว่าดึกแล้วไง กลับบ้านนายไปดิ เราจะได้เข้าบ้านเรา”ฉันทำพูดเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“เธอเข้าก่อนดิ”

 

 

“นายก็เข้าบ้านนายไปก่อนสิ ><!”

 

 

“เธอนั่นแหละรีบเข้าบ้านไปเลยเดี๋ยวใครฉุด”

 

 

“จะเพ้อเหรอ? หน้าบ้านเราใครจะมาฉุด (O_o )?”

 

 

“เอ๊าก็ไม่แน่นะใครจะรู้ รีบๆเข้าบ้านไปเลย ไม่มีการบ้านก็อาบน้ำนอนซะ”โทโมะ บอกแล้วใช้มือดันหัวไหล่ของฉันฉันก็เบ้ปากใส่เขาแล้วหันหลังไปเปิดประตูรั้วไม้เล็กแล้วเดินไปเอาจักรยานเข้าบ้านไปและตอนที่หันหลังกลับมาจะปิดประตูรั้วก็เห็นว่าโทโมะก็ยังคงยืนมองฉันอยู่

 

 

“เข้าบ้านนายได้แล้ว”ฉันบอก

 

 

“คร้าบผม ส่งแฟนเข้าบ้านแล้วผมก็จะเข้าบ้านผมแล้วคร้าบ ฝันดีนะครับคุณแฟนนนน”ดูโทโมะโทโมะสิ กวนประสาทจริงๆเลยนะ

 

 

         หึ ทำท่าทางกวนกันนักใช่มั้ย ได้!

 

 

ปึง!

 

 

กรึก!

 

 

“ฮ่าๆๆๆ”นี่ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันขำปากกว้างได้ขนาดนี้เพราะว่าฉันนั้นปิดประตูรั้วใส่ หน้าโทโมะพร้อมกับล็อคทันทีน่ะสิ หน้าโทโมะตอนนี้คงเอ๋อไปเลยแหละ ฮ่าๆๆๆ

 

 

“เฮ้ยนี่ยัย...! เน่! แก้ว! เธอยังไม่ได้บอกฝันดีฉันเลยนะ ทำงี้ได้ไง แก้ววว >O<”

 

 

“หมั่นไส้!”ฉันตะโกนบอกไปแล้วยิ้มหน้าระรื่นเข็นจักรยานเข้าตัวบ้านไปอย่างไม่สนใจเสียงของโทโมะอีก

 

 

        เห๊อะ แกล้งเขานี่สนุกดีจัง :D

 

 

วันต่อมา...

 

 

คาบว่าง

 

 

“ทุกคนๆๆๆ ฟังๆๆๆ หน่อยจ้า ”

 

 

ขวับ!

 

 

O_O? >>> เพื่อนทั้งห้อง

 

 

“อะไรอ่ะปัง OoO?”

 

 

        ทุก คนต่างหันไปมองปังปอนด์เป็นตาเดียวเพราะว่าปังปอนด์ทำสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกระดาษสีขาวในมือเหมือนว่าเมื่อครู่นี้ที่เธอถูก ประกาศเรียกไปประชุมรวมหัวหน้าห้องของทุกระดับชั้นให้ไปประชุมกันคงจะเป็น เรื่องที่เธอกำลังจะพูดต่อจากนี้อย่างแน่อน

 

 

       ส่วนฉันกับฟางก็จัดการถอดเอาสายหูฟังที่เมื่อกี๊เรากำลังนั่งฟังเพลง ด้วยกันออกเพื่อตั้งใจฟังปังปอนด์นั่นเอง ^O^//

 

 

“ก็...มีข่าวจะมาบอกกกกก”ปังปอนด์เดินมายืนอยู่กลางห้องเรียนแล้วยกกระดาษในมือขึ้นมาเหมือนว่าจะเป็นประกาศอะไรสักอย่าง

 

 

“ข่าวอะไรของแกย๊ะ”

 

 

“ก็จะมาบอกว่ากีฬาสีปีนี้ห้อง ม.5/2 ของเราอยู่สีฟ้านะจ๊ะ! ใครจะลงกีฬาอะไรก็เตรียมตัวฟิตร่างกายเอาไว้เลย อาทิตย์หน้าในวันพุธคาบกิจกรรมก็เตรียมไปลงชื่อกีฬาที่จะลงได้ที่รุ่นพี่ ม.6 มีอะไรสงสัยมากกว่านี้สอบถามคลอรีนประธานชั้น ม.5 ของเราได้เพราะว่าคลอรีนจะรู้เยอะกว่าฉัน”

 

 

“แหงอยู่แล้ว คลอรีนน่ะอย่างแจ่มเลย ฮ่าๆๆ”

 

 

“อย่าๆ นายอย่าได้คิดอะไร 18+ เชียวนะ - -+”ปังปอนด์ก้มหน้าลงไปดุเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆกับตรงที่เธอยืนจนเพื่อนคนนั้นต้องรีบปิดปากเงียบทันที

 

 

“ปัง ถ้าลงชื่อแล้วก็เตรียมซ้อมไว้เลยช้ะ?”ฟางยกมือขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้ปังปอนด์หันมาสนใจฉันเองก็หันมองฟางสลับกับมองปังปอนด์เช่นกัน

 

 

 “อื้อ! ลง ชื่อเสร็จก็ซ้อมไว้ล่วงหน้าเลยเพราะอีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีการแข่งคัดตัวลงแข่งเป็นตัวจริงของสี  ไม่รู้นะว่าเขาจะเอาตัวจริงกี่คนแต่ลงชื่อคัดเลือกไว้ก่อนก็ดี แล้วหลังจากได้ตัวจริงลงแข่งพี่เขาก็จะให้ลองซ้อมกับทีม 2 สัปดาห์ก่อนกีฬาสีวันจริงด้วยอ่ะ”

 

 

“แล้วปังจะลงไรป๊ะ”

 

 

“ปีนี้ฉันไม่ลงอ่ะ เดี๋ยวต้องไปช่วยพวกพี่ ม.6 คิดท่าซ้อมแสตนให้น้องด้วย”

 

 

“อีกตั้ง 2 เดือนจะรีบคิดท่าทำไมกันย๊ะ มีเวลาอีกถมเถไป”

 

 

“นี่พรีม ออกแบบท่ามันใช้ความคิดเยอะนะเพื่อความสร้างสรรค์ของสีอ่ะ เคลียร์นะ?”ปังปอนด์หันไปบอกพรีมสาวเอาแต่ใจที่สุดในห้องจนพรีมต้องเหยียดปากเชิดหน้าใส่ปังปอด์นที่หล่อนโดนตอกกลับ

 

 

         พรีมน่ะ...เป็นแฟนคลับของกลุ่มพิมพ์ มีพิมพ์เป็นไอดอลด้วยแหละ เห๊อะ! ไอดอล? นี่ถ้าฟางไม่บอกฉันคงจะไม่รู้หรอก แต่ยัยนั่นน่ะเคยแขวะฉันด้วยตอนที่ฉันคบกับโทโมะแรกๆด้วย

 

 

          ‘ทางสะดวกแล้วสินะแก้ว ไม่มีพิมพ์ขวางคอแล้วนี่ ^^’

 

 

          ‘เอ่อ...เธอ’

 

 

         ‘ยินดี ด้วยนะที่เธอน่ะได้หนุ่มที่ไม่เคยมีข่าวกับใครในโรงเรียน แถมเป็นคนที่กลุ่มเคโอติคยกย่องให้เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆอย่างโทโมะ แต่สุดท้ายโทโมะเขาก็ได้มาเป็นแฟนกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอเนี่ยนะ? เห๊อะ’

 

 

         ‘นี่...ถึง แม้เราอาจจะไม่มีอะไรดีเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่สิ่งที่เรามีอยู่เราก็ไม่เคยคิดจะเอามันไปใช้กับใครแบบไร้ค่าเหมือน ผู้หญิงบางคนหรอกนะ’

 

 

          ‘!!!’

 

 

หลังจากวันนั้นที่ฉันพูดไปพรีมก็ไม่มายุ่งอะไรกับฉันเลยเพราะว่าพิมพ์ลาออกไป แล้ว ก็เหมือนกับว่าไอดอลที่เธอยกย่อง ( ในทางที่ผิด ) นั้นได้หายจากไปเธอจึงไม่มี ‘พวก’ ยังไงล่ะ อีกอย่างโทโมะก็เคยประกาศให้ทุกคนได้ยินชัดๆไปแล้วว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของเขากับฉัน ไม่งั้นจะหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้

 

 

        ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าโทโมะไปพูดตอนไหน มารู้อีกทีคือข่าวนี้กระจายไปทั่วโรงเรียนจนไม่มีใครกล้ามาแวะฉันเลย ฟางเองก็เลยโล่งใจไปที่เห็นว่าชีวิตฉันได้รับความปลอดภัยแล้ว

 

 

“อ้อ! อีกข้อ ใครที่อยากเป็นเชียร์หลีดของสี ให้รีบเช็คหุ่นเช็คร่างกายแล้วไปลงชื่อกับรุ่นพี่ ม.6 ได้ในวันพุธหน้านะจ๊ะ โอเค! ไม่มีอะไรถามแล้วใช่มั้ย?”

 

 

“เดี๋ยวๆๆๆ ยัยปัง แล้ว...ห้องเราได้อยู่กับกลุ่มเคโอติคป่ะ?”

 

 

“ใช่ๆๆๆ ได้อยู่มั้ยอ่าาาา =[]=???”เมื่อเพื่อนสาวกลุ่มหนึ่งเอ่ยขึ้นทุกคนในห้องก็แลจะดูสนใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษจนตั้งใจฟังกันมากๆเลยทีเดียวเชียว

 

 

“ถ้าให้ตอบตามตรงฝันของพวกเธอคงสลายเพราะว่าเคโอติคหนุ่มฮอตของโรงเรียนอยู่สีเหลืองจ้ะ อิ อิ ^^”ปังปอนด์ฉีกยิ้มตาหยีใส่พวกนั้นอย่างซะใจที่ได้เห็นพวกเพื่อนสาวในห้องต่างพากันอกจะแตกตายที่ไม่ได้อยู่สีเดียวกับเคโอติค

 

 

         เอิ่ม...พวก เขาคงคลั่งเคโอติค และหลงเอยๆแต่เคโอติคจริงๆล่ะมั้งเนี่ย ขนาดฉันที่เป็นแฟนกับโทโมะไม่ได้อยู่สีเดียวกันยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าพวกนั้น เลย =[]=;;;;

 

 

“โหยยยยย เสียดายอ่ะ YOY”

 

 

“นั่นดิ อยากอยู่กับเขื่อนกี้อ่าาาาา >O<!”

 

 

“ฉันอยากอยู่กับพี่เคนนนน >O<!!!”

 

 

“ย้ายห้องไปอยู่ ม.5/7 กับพวกนั้นเลยมั้ยล่ะ จะได้อยู่สีเดียวกัน = =!”

 

 

“อียศ! แกเงียบไปเลยนะ หล่อสู้พี่จองเบของฉันไม่ได้อย่าออกความเห็นย่ะ! ><!”

 

 

“อีนี่ พูดซะหน้าฉันดูทุเรศมากเลยอ่ะ =[]=;;;” ยศเพื่อผู้ชายในห้องถึงกับหน้าเสียที่โดนว่าแบบนั้นแต่หมอนี่น่ะเป็นคนเฮฮาจะตายแถมชอบเล่นกับเพื่อนสาวทุกคนในห้องแต่ไม่ใช่เกย์นะ! อย่าๆ อย่าเข้าใจผิด 5555+

 

 

“โอเค! หมดคำถามแล้วใช่มั้ย?”ปัง ปอด์นพูดแล้วมองไปรอบๆห้องก็เห็นว่าไม่มีใครยกมือขึ้นถามอะไรเธอแล้วเธอจึง พยักหน้าแล้วเดินออกกนอกห้องไป สงสัยจะไปประชุมเรืองกีฬาสีอะไรนี่แน่ๆแต่ก็ยังมิวายยื่นหัวเข้ามาในห้อง อีกรอบ “เน่! แล้วพวกแกห้ามออกไปนอกโรงเรียนกันนะ ห้ามโดดวิชาอาจารย์ผ่องใสด้วย ไม่งั้นคอขาดตายทั้งห้องแน่! ><!”

 

 

        อื้อ หือออออ ใครจะกล้ากันล่ะ อาจารย์ผ่องใสนะโหดที่สุดในโรงเรียนนี้แล้วนะจะบอกให้ คำล่ำลือเขามีไปถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่เลยแหละเพราะพ่อโทโมะก็เคยเรียนกับอาจารย์ผ่องใสแล้วเล่าให้ฉันฟังตอนที่ชวนฉันกับพ่อแล้วก็พิชชี่ไปทานข้าวที่บ้าน

 

 

แต่ถึงแม้ว่าอาจารย์เขาจะโหดเพียงไหนก็คงจะมีอยู่กลุ่มเดียวใน โรงเรียนที่ไม่มีการเกรงกลัวอ่านคนนี้แน่ๆ เห๊อะๆ คงไม่ต้องบอกนะว่าเป็นกลุ่มไหน ก็รู้ๆกันอยู่นี่เน๊อะ ^^

 

 

“อ่ะโด่วววว กะอีแค่อาจารย์ผ่องใสเอ๊ง”

 

 

“หรือว่าแกกล้าโดดล่ะ?”

 

 

“ไม่ - -+”

 

 

ปาบ!

 

 

“แล้วจะพูดหา Your Daddy เหรอวะ โว๊ะ!” เพื่อนผู้ชายห้องฉันนี่เอะอะก็ใช้ฝ่ามือตบหัวเพื่อน แต่...มองไปแล้วมันก็ขำดีนะฉันว่า คิกคิก ^^  

 

 

เลิกเรียน  

 

 

ประมาณ 17.30 น.  

 

 

“เราเลิกเรียนแล้วกำลังจะเดินกลับกับฟางน่ะวันนี้ฟางไม่ได้เอารถมาด้วย”ฉัน เดินคุยโทรศัพท์กับโทโมะขณะที่กำลังเดินออกมาจากโรงเรียนกับฟางหลังจากที่หลัง จากที่เลิกเรียนวิชาอาจารย์ผ่องใสแล้วฉันกับฟางจึงได้อยู่ทำเวรห้องส่วน เพื่อนๆคนื่นก็รีบพากันกลับบ้านไปกันหมดจนโรงเรียนเงียบเลยล่ะ = =;;;

 

 

[ ตอนนี้ฉันอยู่สนามแข่งไอ้จองเบมันเนี่ย  ให้ไปรับตอนนี้เลยป่าว ]

 

 

       โทโมะถาม เพราะว่าเมื่อกลางวันเขาเลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงแล้วฉันจึงไม่อยากให้เขารอ เลยบอกว่าให้กลับก่อนเลยก็ได้เพราะว่าฉันเลิกตั้ง 5 โมงครึ่ง โทโมะก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับเพื่อนเขาแล้วจะไปที่สนามแข่งจิองเบเพราะว่าดูเหมือนจองเบจะมีแข่งนะวันนนี้

 

 

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับฟางว่าจะแวะกินอะไรกันก่อนกลับบ้านน่ะ”

 

 

[ จะไปกินที่ไหนอ่ะ กินเสร็จแล้วโทรหาฉันให้ไปรับก็ได้ เดี๋ยวยืมรถไอ้จองเบไปรับ ] โทโมะ บอกเพราะว่าวันนี้ฉันไม่ได้เอาจักรยามาด้วยน่ะสิเพราะวันนี้มันเข้าเรียนสาย ประมาณ 9 โมง ฉันเลยไม่ต้องรีบต้องรีบตื่นเช้าปั่นจักรยานมา ก็เลยเดินมาโรงเรียนเองเพราะว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศเดินสบายๆบ้างน่ะ ^O^//

 

 

“ไม่เป็นไรๆ เรากลับเองดีกว่า นายก็ดูจองเบแข่งรถเถอะ”

 

 

[ เฮ้อ รู้งี้ฉันรอเธอก็ดี ไม่อยากให้กลับคนเดียวอ่ะ ]

 

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิ นายใช้เวลาอยู่กับเพื่อนบ้างก็ดีแล้ว เราไม่เป็นไรหรอก”

 

 

[ อ่าๆ  งั้นอย่ากลับบ้านดึกนะ ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบโทรหาฉันเลยเข้าใจมั้ย ]

 

 

“รับทราบเจ้าค่ะ ^^”เมื่อฉันตอบแบบนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะของโทโมะที่ดูเหมือนจะขำก่อนที่ฉันจะกดตัดสายไป

 

 

“วันนี้พวกเคโอติคไปอยู่สนามแข่งจองเบใช่ม๊ะ”ฟางที่เดินอยู่ข้างๆเอ่ยถามขึ้นมา

 

 

“อื้ม”

 

 

“ว่าและ เห็นสาวๆแต่ละห้องรีบพากันออกจากโรงเรียนเหลือเกิ๊น ><!”

 

 

“แล้วทำไมครั้งนี้ไม่ไปเหมือนครั้งนั้นล่ะ ไม่อยากเจอป๊อปปี้เหรอ?”ฉันถามฟางยิ้มๆ

 

 

“ไอ้แก้ว เดี๊ยะ! อย่าพูดถึงหมอนั่น คิดแล้วหมั่นไส้ >^<! ”ฟางพูดแล้วกรอกตาขึ้นลงอย่างเซ็งๆ เห๊อะ! เชื่อว่าฟางนี่คงไม่ชอบหน้าป๊อปปี้อย่างแรง

 

 

“เออลืมถาม ทำไมวันนี้ไม่เอาได้เอารถมาอ่ะ?”

 

 

“ก็ฟ้าขอยืมไปใช้อ่ะดิ”

 

 

“อ๋อ...อ้าว? มิณท์ OoO//”

 

 

       ตอน นั้นนั่นเองที่ฉันดันเหลือบตาไปเห็นว่ามิณท์นั้นกำลังเดินนำหน้าอยู่ไม่ ไกลนักจากตรงที่ฉันกับฟางกำลังจะเดินไปพอดีฉันก็เลยเรียกทักเขาสักหน่อย เมื่อมิณท์ได้ยินก็หยุดเดินแล้วหันมามองฉันกับฟางจากนั้นเขาก็ขยับแว่นของ เขานิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มมาให้

 

 

“อ้าว ไม่ได้ไปดูเคโอติคแข่งรถกันเหรอ ^^?”

 

 

“ไม่ได้ไปอ่ะ แล้วนายอ่ะทำไมไม่ไป”

 

 

“ขี้เกียจอยากกลับไปทำงานต่อ อาจารย์สั่งซะเยอะเลยเนี่ย”มิณท์พูดบอกกับฟางแล้วเลื่อนสายตามามองที่ฉันก่อนจะพูดยิ้มๆ “แล้วนี่ทำไมไม่ดูโทโมะแข่งสักหน่อยล่ะ”

 

 

“พอดีเรามีงานน่ะว่าจะแวะกินข้าวกับฟางแล้วก็กลับบ้านเลย”ฉันตอบมิณท์ก็พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ

 

 

“แลดูชีวิตสดใสขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยตั้งแต่มีคนมาดูแลหัวใจน่ะ”

 

 

“แซวเพื่อนฉันแล้วนายเองอ่ะ มีใครเข้ามาดูแลรึยัง”ฟางถามกลับมิณท์ก็อมยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา

“ยังไม่มีหรอก อกหักอยู่จะมีได้ไง”

 

 

“โหย / โหย” ฉันพูดพร้อมกับฟางเมื่อมิณท์บอกแบบนั้น แต่ฉันรู้หรอกว่าเขาคงไม่ได้อะไรแล้วเพียงแต่พูดเอาขำๆไปงั้นแหละ

 

 

“พูดเอาขำนะอย่าซีเรียส”เขาบอกก่อนจะหัวเราะออกมาหน่อยๆ

 

 

“ไม่หรอก แล้ว...มิณท์รีบกลับมั้ย? ไปกินอะไรด้วยกันก่อนกลับมั้ยล่ะ”

 

 

“ถ้าชวนก็ไป ^^”นั่น! เขายิ้มอีกแล้ว

 

 

       โอ๊ยยยยย อยากจะรู้จังว่าผู้หญิงคนไหนจะได้มาเป็นแฟนกับผู้ชายชายเด็กเรียนห้อง ม.5/1 นิสัยน่ารักแบบเขากันเนี่ย ฉันว่าเธอคนนั้นน่ะต้องโชดดีมากแน่ๆเลย ></////

 

 

“งั้น...”

 

 

เอี๊ยดดดด

 

 

ขวับ!

 

 

O_O????

 

 

“???” ตอนนั้นทั้งฉันฟางและมิณท์ถึงกับสะดุ้งตัวโหยงเพราะว่าอยู่ดีๆเราสามคน กำลังเดินๆกันอยู่ตรงฟุตบาทก็มีรถยนต์คันสีดำจากไหนก็ไม่รู้ขับมาจอดเทียบ อยู่กับริมฟุตบาท

 

 

“อะไรอ่ะ”ฟางถึงกับงงเมื่อจู่ๆก็มีผู้ชายที่เพิ่งลงมาจากรถทั้งหมด 4 คน เดินลงมาแล้วเดินมาดักหน้าพวกฉันเอาไว้

 

 

“จะไปไหนกันเหรอ?”หนึ่งในสี่คนนั้นเอ่ยถามจนฉันต้องรีบเขยิบไปยืนข้างๆฟางอย่างรวดเร็ว

 

 

“พวกคุณเป็นใคร”มิณท์เอ่ยถามแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มของไอ้พวกบ้านั่น

 

 

“ไอ้แว่น อย่าเสล่อถามเลยดีกว่านะ ถ้าไม่อยากซวย”

 

 

“นี่! ถ้าพวกนายจะมาก่อกวนก็หลบไปซะ”ฟางบอกขณะที่เดินมาอยู่ข้างหน้าฉันแล้วพูดบอกพวกนั้น

 

 

“ถ้าไม่หลบแล้วจะทำไม?”พวกนั้นตอบกลับฟางก็ถอนหายใจก่อนจะจับมือของฉันแน่น

 

 

“มิณท์ แก้ว ไปกันเถอะ”

 

 

“ยังไปไม่ได้!”มันเดินมาดักหน้าฉันกับฟางขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อเลี่ยงกับพวกนั้น

 

 

       ให้ตายสิ! พวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน!

 

 

“ส่งตัวเพื่อนเธอมาสิแล้วฉันจะปล่อยให้ไป”คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเอ่ยแล้วมองมาที่ฉัน ตอนนั้นฉันเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

 

 

       พะ...พวกนั้นหมายถึงฉันเนี่ยนะ!?

 

 

       แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกันเนี่ยถามจริง >O<!

 

 

“แล้วเพื่อนฉันเกี่ยวอะไรกับพวกนายเล่า? ถอยไปซะ ไม่งั้นฉันจะ...ว๊าก!!!”

 

 

ปึก!

 

 

“เฮ้ยฟาง!”ฉัน กับมิณท์ตกใจมากที่เห็นว่าพวกนั้นจับฟางเหวี่ยงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น อย่างแรงก่อนที่จะมีหนึ่งใน 4 คนนั้นมาฉุดแขนของเอาไว้ฉันขณะที่กำลังจะก้มลงไปช่วยฟาง “นี่ปล่อยนะ!”

 

 

“ปล่อยแก้วนะเว้ย!”มิณท์ก็จะเข้ามาช่วยแต่ทว่าเขาถูกอีกสองคนนั้นจับออกไปก่อนที่พวกนั้นจะต่อยเข้าไปที่ท้องของมิณท์อย่างแรงแบบไม่ยั้งมือเลย

 

 

ตุ้บ!

 

 

        เท่า นั้นยังไม่พอเพราะมันยังต่อยเข้าใบที่ใบหน้าของมิณท์จนเต็มแรงอีกเป็นเหตุ ทำให้แว่นของมิณท์นั้นมันกระเด็นออกจากใบหน้าของเขาไป!

 

 

ผัวะ!

 

 

 

โอ๊ะ!

 

 

“มิณท์!”ฉัน เบิกตากว้างแล้วพยายามสลัดข้อมือให้หลุดพ้นจากไอ้บ้านี่ แต่มันก็ไม่เป็นผลใดๆเลยทั้งสิ้น แล้วพอฉันนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยด้วยซ้ำ

 

 

        บ้าที่สุดเลย!

 

 

“พวกแก!”ฟาง ที่เพิ่งตั้งหลักได้จึงลุกขึ้นมาจะช่วยฉันแต่ทว่าก็กลับโดนพวกนั้นกระชากแขน ไปแล้วผลักไปทางมิณท์จนฟางกับมิณท์ล้มไปกองกับพื้นฟุตบาท “โอ๊ย!”

 

 

“มานี่!”ไอ้ คนที่มันจับข้อมือของฉันไว้พยายามลากให้ฉันไปขึ้นรถของมัน แต่ฉันก็พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่พยายามดึงรั้งตัวเองเอาไว้จนสุดฤทธิ์

 

 

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า!”

 

 

ปึก!

 

 

“โอ๊ย!”เมื่อมันโดนฉันเหยียบเท้าหมอนั่นจึงร้องออกมาเสียงดัง “ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย ได้!”  

 

 

“นี่จะทำอะ...อื้อ! อื้อ!”ฉันไม่สามารถตะโกนพูดอะไรอออกไปได้อีกเมื่อไอ้บ้านั่นมันหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงของมันมาโปะลงตรงจมูกกับปากของฉัน จนฉันเริ่มหายใจไม่ออก

 

 

           ซึ่งพอเผลอสูดดมเข้าไปนั้นมันก็เป็นกลิ่นแปลกปลอมที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน พอได้สูดดมแบบไม่ทันตั้งตัวภาพคนตรงหน้ากับสิ่งรอบข้างนั้นก็ค่อยๆจางลง พร้อมกับเสียงของฟางที่ร้องตะโกนเรียกชื่อฉัน  แล้วพอมารู้ตัวอีกทีร่างของฉันก็ถูกจับเข้ามาอยู่ในรถจนสำเร็จ ดวงตาก็พล่ามัวไปหมดเสียงรอบกายก็อื้อจนฉันนั้นไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป

 

 

           บะ...บ้าจริง ไอ้พวกนี้มันโปะยาสลบ ฉ...ฉัน...

 

 

บรื๊นนนนน

 

 

“แก้ว!!!! อะ...โอ๊ย” ฟางที่นอนล้มอยู่ที่พื้นกับมิณท์จึงพากันลุกขึ้นอย่างไมมีแรง แต่ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาจนได้ “มิณท์ลุกขึ้นเร็ว” ฟางรีบก้มลงไปช่วยดึงมิณท์ที่โดนต่อยจนหน้าช้ำไปหน่อยและมุมปากของเขานั้นก็มีเลือดออกเพราะโดนต่อย

 

 

“พะ...พวกนั้นจับแก้วไปแล้ว”มิณท์พูดแล้วเอามือจับที่ริมฝีปากของเขาเพราะความเจ็บ “ฟาง ฉันมองไม่ค่อยเห็น”

 

 

         แน่ล่ะ เพราะว่าแว่นของเขาหลุดออกไปตอนที่โดนต่อยนี่นา

 

 

“แว่น! แว่นอยู่ไหน?!”ตอน นั้นฟางรีบมองหาแว่นของมิณท์ในทันทีจนเจอแล้วก็จับมันมาใส่ให้มิณท์ อย่างรวดเร็วเพราะว่าตอนนี้ใจของเธอนั้นเป็นห่วงแก้วที่โดนใครก็ไม่รู้จับ ตัวไป “เดี๋ยวๆๆๆ โทรศัพท์ๆๆ ”

 

 

“จะโทรเรียกตำรวจเหรอ?”มิณท์ถามฟางขณะที่เขาเอาหลังมือยกขึ้นเช็ดเลือดตรงมุมปาก

 

 

“นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้”ฟางบอกขณะเลื่อนๆดูเบอร์ในโทรศัพท์มือถือของเธอ

 

 

“แล้วจะทำไง”

 

 

“พวกนั้นเจาะจงที่จะจับแก้วไป ฉันว่ามันจะต้องเกี่ยวกับโทโมะแน่ๆ เดานะ = =;;;”ฟางเงยหน้ามาพูดกับมิณท์แล้วก้มลงไปกดโทรหาโทโมะทันทีขณะที่เธอกำลังเขย่งขาแล้วก็เม้นริมฝีปากไปด้วยเพราะความกังวล “รับสิๆๆๆๆๆ รับสิโทโมะ!”

 

 

กรึก

 

 

[ ฮัลโหลว่าไงฟาง? ]

 

 

“โทโมะ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว แก้วโดนใครไม่รู้จับตัวไป!”

 

 

[ อะ...อะไรนะ!? ]

 

 

“ฉัน แก้วแล้วก็มิณท์เดินอยู่ตรงริมฟุตบาทแล้วมีรถที่ไหนไม่รู้มาจอดเทียบ แล้วพวกนั้นมันมา 4 คนแล้วจับแก้วไป ฉันช่วยแก้วเอาไว้ไม่ได้ มิณท์ก็โดนต่อยอีก” ฟางเล่าเสียงสั่น

 

 

[ ฟางๆๆๆ  ตั้งสติแล้วบอกฉันว่ามัน ‘เจาะจง’ เล็งที่แก้วใช่มั้ย ] โทโมะถามแล้วเสียงของโทโมะก็สั่นด้วยเช่นกันเพราะว่าเขาได้ฟังสิ่งที่มันไม่น่าฟังเอาเสียเลยที่ว่า...

 

 

           แฟนของเขาโดนจับตัวไป!

 

 

“เจาะจง! ฉันมั่นใจ พวกนั้นมันมองแก้วแล้วบอกให้ฉันส่งตัวแก้วให้พวกมัน โทโมะแล้วพวกมันเป็นใครอ่ะ!?”

 

 

อีกฝั่ง

 

 

สักพักต่อมา...

 

 

สนามแข่งของจองเบ

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

“อะไรวะไอ้โทโมะทำไมดูเครียดๆ” ไอ้จองเบเอ่ยถามทันทีเมื่อมันเห็นว่าผมคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางร้อนรนแบบนั้น เพื่อนๆในกลุ่มก็หันมามองที่ผมเป็นตาเดียวเช่นกัน

 

 

         ให้ตายสิ! เมื่อกี้ผมได้ข่าวร้ายสุดๆไปเลยว่ะ

 

 

“นั่นดิ ใครอะไร เจาะจง?”เขื่อนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเอ่ยถามแล้วมองสีหน้าของผมที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างเป็นห่วง แน่ล่ะ! ใบหน้าของผมตอนนี้มันคงจะมีความโกรธอยู่มากที่ผมได้ยินฟางบอกแบบนั้นว่ามีคนมาจับตัวแก้วไป

 

 

             ว่าแล้วเชียวว่าทำไมผมมีลางสังหรณ์แปลกๆอยากโทรหาแก้วอีกรอบนึง ก็...ในตอนที่ผมกำลังจะกดโทรหาแก้วฟางก็โทรแทรกเข้ามาพอดียังไงล่ะ จนผมได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น!

 

 

“เมื่อวาน...ฉันเจอไอ้ไฟท์”ผมเอ่ยขึ้นแล้วหันไปมองหน้ากับเพื่อนๆเคโอติคที่กำลังรอฟังอยู่ จองเบก็หันมองหน้ากับป๊อปปี้ที่กำลั่งนั่งอยู่ข้างๆแล้วหันมาผมอีกรอบ

 

 

“ไฟท์? คนที่เป็นคู่อริจองเบใช่ป่ะโทโมะ”เขื่อนถามผมก็พยักหน้า

 

 

“แล้ว?” >> ไอ้จองเบ

 

 

“มัน มายุ่งกับแก้ว พอฉันเห็นก็เกือบจะมีเรื่องกับมัน แถมมันยังบอกทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่าเรื่องตอนนั้นที่ฉันแข่งชนะคนในกลุ่มมัน มันยังไม่ได้เอาคืน”

 

 

“แล้วที่แกคุยเมื่อกี้...”

 

 

“มันส่งพวกมันมาจับแก้วไป”

 

 

“อะ...ฮะ!? อะไรนะ? ไอ้ไฟท์ส่งพวกมันมาจับแก้ว?”ไอ้ป๊อปปี้มันแลดูตกใจมากที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นเพื่อนๆในกลุ่มก็เริ่มมองหน้ากันหงึกหงัก “แล้วเมื่อกี๊ยัย...ยัยฟางมัดข้าวนั่นโทรมาบอกแกไง๊”

 

 

“ใช่ บอกด้วยว่าพวกนั้นเจาะจงจับแต่แก้ว ฉันเลยมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของพวกไอ้ไฟท์แน่ๆ”

 

 

        ใช่! ผม มั่นใจมากเพราะว่ามันไม่น่าจะมีใครอีกแล้ว เพราะว่าผมไม่ได้มีเรื่องกับใครนอกจากมันที่เมื่อวานมันมายุ่งกับแก้วน่ะ มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆที่ไอ้ห่านั่นจะแว๊ะมาซุปเปอร์มาเก็ตแล้วเจอ กับแก้วโดนบังเอิญหรอก เพราะว่าแก้วบอกผมว่าไอ้ไฟท์มันทำเหมือนจะเข้าหาเธอ

 

 

        นั่นล่ะ! ผมคิดเลยว่ามันต้องแอบตามผมกับแก้วมาแน่ๆ! แล้วพอผมฟังที่แก้วเล่าให้ผมฟังผมที่แบบ...ของขึ้น!

 

 

        ยิ่งได้มารู้ว่าแฟนของตัวเองโดนจับไปของยิ่งขึ้นใหญ่  ระยำเอ๊ย!!!

 

 

“พวกแม่งเล่น เชี่_อะไรกันวะ”ป๊อปปี้พูดแล้วหันไปมองหน้ากันกับเขื่อนก่อนจะหันมามองผมอีกรอบ “แล้วแกจะเอาไง”

 

 

“ฉันจะไปชะ...”

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

           ผมยังเอ่ยปากพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของผมมันก็ดังขึ้นเสีย ก่อนคราวนี้เพื่อนๆจึงให้ความสนใจกันมาที่เจ้าโทรศัพท์ของผมเป็นพิเศษ ผมก็ก้มลงไปมองหน้าจอที่ขึ้นโชว์เบอร์อยู่เมื่อผมเห็นผมก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ทันทีที่ได้เห็นเบอร์ที่มันขึ้นโชว์อยู่ ซึ่งมันเป็นเบอร์ของ...

         

 

         + Kaew +

 

 

ติ๊ด!

        ไม่ รอช้าอะไรใดๆครับเพราะว่าผมรีบกดรับสายนั้นเลยทันทีแล้วจัดการก็เปิด สปีคเกอร์โฟนเพื่อจะให้เพื่อนๆได้ฟังด้วยเพราะว่าลางสังหรณ์แปลกๆที่เหมือน ว่าแก้วคงไม่ได้เป็นคนโทรมาเองแน่

 

 

        แล้วลางสังหรณ์ของผมมันก็เป็นจริงเมื่อ!

 

 

[ หวัดดีนายโทโมะแห่งกลุ่มเคโอติคคคค  ] นั่นมันเสียงไอ้ไฟท์จริงๆด้วย! ว่าแล้ว!

 

 

“...”ผมเงียบแล้วมองหน้ากับไอ้จองเบที่มันเดินมาอยู่ใกล้ๆผมแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาไว้ตรงปากเพื่อบอกให้เพื่อนๆเคโอติคเงียบๆ แน่ล่ะ! ห้อง นี้เป็นห้องส่วนตัวของไอ้จองเบในสนามแข่งก็มีแต่พวกเราส่วนคนของไอ้จองเบก็อยู่ ข้างนอกเพื่อจะทำการเปิดสนามแข่งในค่ำคืนนี้เพราะไอ้จองเบเริ่มแข่ง 1 ทุ่ม

 

 

[ เงียบมัยล่ะคร้าบบบ ตกใจเหรอ? ไม่ใช่เสียงแฟนตัวเองคุยแล้วถึงกับช็อคเลยเหรอ? เห๊อะ! ]ตอนนั้นผมกำหมัดในมือแน่นเลยครับมือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเพราะว่าแรงบีบจากความโมโหมันมาเหลือเกิน

 

 

“...”

 

 

[ แกคงจำเสียงฉันได้นะโทโมะ หึ แกรู้มั้ย? ว่าตอนนี้ผู้หญิงของแกน่ะ ตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงของฉันเลยน้า ]

 

 

          ไม่ทนเงียบแล้วเว้ย!!!

 

 

“พ่อมึงตาย!”

 

 

____________________________________________อัพแล้วนะค่ะ อัพช้าหน่อย โทษน้าาา^^

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา