[EXO] Queer วิปลาส [Hunmin]

-

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 20.37 น.

  13 chapter
  0 วิจารณ์
  26.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 19.52 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) LU

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ลู่หานลืมตาขึ้นมาจากการหลับใหล เขานอนอยู่บนเตียงในห้องพักของแพทย์ ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเช้าตรู่ ยังไม่มีใครตื่นมามากนัก เขายันกายให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาใช้เวลาอยู่นานในการนั่งบนเตียง นึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

 

 

 

สำเร็จแล้ว

 

 

 

 

แผนการทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยม ความสัมพันธ์ระหว่างเซฮุนกับมินซอกขาดสะบั้นไม่เหลือชิ้นดี ตัวเขาเองก็นึกสงสารทั้งคู่อยู่เหมือนกัน แต่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของมินซอก..

 

 

 

 

 

ต่อให้ต้องเลวแค่ไหนเขาก็ยอม

 

 

 

 

วันนี้ลู่หานมีงานที่ต้องทำแต่เช้า นั้นคือการตรวจเอกสาร ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากมายนอกจากการเซ็นชื่อของตัวเองลงไปในนั้น เขาแทบไม่อ่านมันด้วยซ้ำ ลู่หานเซ็นชื่อส่งๆไปอย่างนั้น เพราะวันนี้เขามีบางสิ่งที่ต้องรีบไปทำ ทันทีที่เอกสารกองโตถูกเซ็นจนหมด ลู่หานรีบลุกจากเก้าอี้ทันที เขาโผล่หน้าออกที่ระเบียง เดินไปหยุดที่หน้าของมินซอก เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดของตัวเองเพื่อเอ่ยคำๆนั้นมา

 

“มินซอกอยู่ไหม??”

ไร้เสียงตอบรับจากข้างในห้อง ลู่หานกำลังจะเคาะประตูห้องห้องอีกครั้ง แต่ประตูถูกเปิดออกทันที มินซอกสีหน้าเรียบเฉย เขาอยู่ในเสื้อแขนยาวสีเทาเรียบๆกับผมที่ยังไม่ได้จัดแต่งให้เข้าทรง

 

“มีอะไรหรอครับ??”

“ผมเห็นคุณดูซึมๆ เป็นอะไรรึเปล่าครับ??”

“ผม...ปกติดีครับ..”

“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ระบายให้ผมได้นะครับ ผมพร้อมรับฟัง”

มินซอกลังเลเล็กน้อยที่จะตอบรับความหวังดีจากลู่หาน แต่เขาก็เปิดประตูต้อนรับอีกฝ่ายเขามาด้วยความเต็มใจ ลู่หานตกใจกับสภาพห้องของอีกฝ่าย  ภายในห้องซึ่งปกติแล้วมินซอกจะเป็นคนรักษาความสะอาดมาก แต่ข้างในกลับมีสภาพรกเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลาหลายสิบวัน  บนโต๊ะทำงานมีกองเอกสารและหนังสือเล่มหนาวางเรียงรายอยู่ ผ้าปูที่นอนและเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง มีซากของถ้วยชามกองพะเนินอยู่ปลายเตียง มินซอกดูมึนๆและเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ เขาให้ลู่หานนั่งอยู่บนเตียงแทน เนื่องจากโซฟามีแต่หนังสือวิชาการวางอยู่จนเต็ม

"ท-ทำไมสภาพห้องถึงเป็นแบบนี้.."

ลู่หานดูหวั่นใจมิใช่น้อย เขานึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของมินซอกมากขนาดนี้

 

"..."

 อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าลู่หาน ก่อนจะมินซอกทิ้งตัวเองลงนั่งข้างๆ  เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ลู่หานเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก

 

"มีอะไรอยากจะพูดไหมครับ.."

"..."

"ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องก็ได้--"

"สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร.."

"..."

"สัญญาสิ.."

"ครับ ผมสัญญา.."

 

นี้คือสิ่งที่แสดงว่ามินซอกไว้ใจลู่หานมาก ตัวเองถึงกล้าที่จะบอกสิ่งนั้นไป

 

"ฉันโดนข่มขืน.."

ลู่หานไม่มีทีท่าตกใจกับมันแม้แต่น้อย แต่มันจะดูเป็นพิรุธเกินไป จึงแสร้งตีหน้าตกใจเล็กน้อย

"จำเซฮุนได้ไหม.. คนนั้นแหละ ที่จริงเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดว่าผมไม่พลาดท่าเอง.. มันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ที่ถูกคนแบบนั้นมาพรากครั้งแรกของผมไป ผมแทบจะบ้าตาย ทั้งร้องไห้ ทั้งคร่ำครวญ คิดว่าตัวเองนั้นจะใช่ชีวิตต่อไปยังไงในสังคมนี้ ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้กลัวทุกครั้งเมื่อต้องเข้าไปตรวจเซฮุน.."

 

"แต่ผมก็ขำตัวเองเหมือนกัน.. เพราะผมดันหลงรักเซฮุนเข้าให้แล้ว.."

ลู่หานหน้าชาเหมือนโดนตบหน้า คำว่ารักมันตอกย้ำตัวเองได้เสมอว่ามินซอกไม่เคยหันมามองเขาเลย

 

"ผมคงเป็นแค่คนร่านที่ต้องการเพียงแค่ตอบสนองความต้องการของตัวเอง เขาไม่เคยบอกรักผมเลย อาจจะต้องการเพียงแค่ร่างกายของผมแค่นั้น ฮ่ะๆๆ" มินซอกหัวเราะ เขาก้มหน้าก้มตา สองมือเริ่มกำกางเกงจนแน่น ก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงหล่นจากดวงตาสองคู่นั้น

 

 

มินซอกพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ลู่หานแทบขาดใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กเสียใจ

"ถ้ามินซอกร้องไห้แล้วสบายใจ ก็ร้องไห้ออกมาเลยนะ.."

"เราจะเป็นที่รองรับความเสียใจทั้งหมดเอง"

 มินซอกปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา ลู่หานเลือกที่จะคอยลูบหลังปลอบเบาๆ เขาอยากจะทำให้ได้มากกว่านี้ แต่รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะทำแบบนั้น

 

 

"ทำไมถึงไม่เห็นค่าความรักของผมเลย.."

  'ก็ผมไง คนที่เห็นค่าความรักนั้น..'

ลู่หานอยากจะพูดแบบนั้นไป แต่ปากกลับไม่ขยับไปตามที่ใจตัวเองคิด

 

 

อยากจะเข้าไปกอด..

 

อยากจะปลอบประโลมให้ได้มากกว่านี้..

 

"ผมควรจะทำยังไงดี.."

มินซอกร้องไห้กระซิกสลับกับเสียงแผ่วสลับกับเสียงสะอื้น

 

"เลิกยุ่งกับเซฮุน.."

"..."

"ถ้าไม่อยากเจ็บแบบนี้อีกต่อไป.. เลิกยุ่งกับมันซะ.. หนี.. หนีให้ห่างจากคนแบบนั้น"

"เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เซฮุนไม่เหลือใครแล้ว.. มีแค่เราคนเดียวที่รักษาเซฮุนได้"

"คนแบบนั้นไม่คู่ควรกับมินซอก.. มินซอกไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษา ผมจะเป็นคนรับช่วงต่อเอง.."

มินซอกเงยหน้าขึ้นมาสบตาลู่หาน เขาหยุดร้องไห้แล้ว ลู่หานสบายใจขึ้นมาทันที เขาส่งยิ้มละมุนให้ ใช้นิ้วเรียวค่อยๆปาดคราบน้ำตาที่เหลืออยู่

 

 

'อย่ามาเสียน้ำตาให้คนแบบนี้อีกเลย'

 

 

 

ลู่หานลุกขึ้นยืนมองมาที่มินซอกที่กำลังปาดน้ำตาที่เปรอะเต็มแก้มตัวเอง ในหัวมันกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

“ออกไปข้างนอกกับผมซักสองสามชั่วโมงได้ไหมครับ??”

 

ลู่หานไม่รอให้มินซอกตอบตกลง รีบดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว มินซอกอยู่ในอาการงงงวยทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้ลู่หานเดินจูงมือตัวเองเดินลงไปข้างล่าง

 

 

ลู่หานพามินซอกเดินมาทางลานจอดรถของโรงพยาบาล รถของลู่หานเป็นรถยนต์คันหรู เขาเปิดประตูให้มินซอกเข้าไปนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปในรถเพื่อสตาร์ทรถ

"นี้ลู่หานจะพาเราไปไหน??!!"

"ไปเที่ยวกัน.."

"แต่สภาพเราตอนนี้มัน.."

"ไปซื้อเสื้อผ้าให้ด้วย"

มินซอกมองลู่หานที่กำลังสตาร์ทเครื่อง เขาดูไม่ระแคะระคายอะไรเลย แถมยังผิวปากอารมณ์ดีด้วย ก่อนรถคันหรูจะพุ่งทะยานออกจากโรงพยาบาลไป

 

 

 

 

 

 

"พี่หมอจะไปไหน??..."

บนชั้นเกือบบนสุดของตึกผู้ป่วยพิเศษเซฮุนยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง เขาเห็นพี่หมอโดนลู่หานลากให้ขึ้นรถไป เซฮุนลูบกระจกไปมาอยู่อย่างนั้น ตัวเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากแค่มองสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทุบกระจกเสียงดังจนเป็นรอยแดงที่มือ แต่เซฮุนไม่สน เขาโหวกเหวกโวยวายอยู่ในห้องคนเดียว เขาร้องไห้ออกมาไม่หยุด มือทุบที่กำแพงบ้าง ที่พื้นบ้าง เซฮุนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้เลย

 

 

 

 

'ฉันนี้มัน.. เลวจริงๆ..'

 

 

 

 

 

 

ลู่หานพามินซอกมาเดินอยู่แถวๆร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายแห่งหนึ่ง เมื่อลู่หานเดินเข้าไปก็มีเหล่าพนังงานผู้หญิงให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เหมือนว่าลู่หานจะมาใช้บริการที่นี้บ่อย

 

"ช่วยจัดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดให้เขากับเขาด้วยครับ"

ลู่หานชี้มาที่ทินซอก เหล่าพนักงานสาวเมื่อเห็นมินซอกถึงกับเอ่ยปากชมในความน่ารักของอีกฝ่ายไม่หยุดปาก ก่อนจะพามินซอกที่ยืนนิ่งอยู่นั้นให้เดินไปที่ห้องลองเสื้อผ้า

 

 

 

 

 

ลู่หานนั่งรออยู่บนโซฟาสีดำตัวใหญ่ มีพนักงานสาวคนหนึ่งเดินออกมาว่าอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จแล้ว เมื่อลู่หานหันไปมอง เหมือนร่างกายทุกๆส่วนถูกเวทย์มนต์ร่ายคาถาเอาไว้

 

มินซอกอยู่ในเสื้อแขนยาวสีขาวมีลายขีดสีน้ำเงินยาวผ่าที่กลางเสื้อที่คลุมจนถึงนิ้วมือ เขาสวมกางเกงขาสั้นสีดำเผยให้เห็นเรียวขาสวยที่บ่อยครั้งมักถูกปกปิดด้วยกางเกงขายาวตัวโคร่ง มินซอกสวมถุงเท้ายาวถึงใต้หัวเข่าและรองเท้าผ้าใบสีกรมท่า มินซอกดูมีท่าทีอิดออดและเขินเล็กน้อย เขาบิดตัวไปมาอยู่อย่างนั้น เสื้อผ้าแบบนี้ยิ่งทำให้มินซอกดูเด็กลงไปทันตา

 

 

"ลู่หาน.. ชุดนี้มันกางเกงมันไม่สั้นไปหน่อยหรอ??" มินซอกไม่เคยใส่ชุดอะไรที่กางเกงสั้นขนาดนี้มาก่อน มันรู้สึกแปลกๆและเย็นขาชอบกลที่ต้องมาใส่เสื้อผ้าสไตล์แบบนี้

"น่ารัก.." ลู่หายเผลอหลุดปากพูดออกมา เขาตกใจที่ตัวเองบอกแบบนั้นไป รีบเอามือปิดปากตัวเองด้วยความเขิน มินซอกหลุดขำออกมาเพราะท่าทางของลู่หาน

 

"จะบอกว่า.. เข้ากับมินซอกมากเลย.."

"งั้นหรอ ขอบใจนะ" มินซอกหมุนรอบตัวเองเพื่อดูสภาพ ตอนนี้มินซอกเหมือนกลับไปเป็นเด็กน้อยวัยมัธยมที่ลู่หานเคยเห็นอีกครั้ง ลู่หานมองภาพตรงหน้า มันช่างเพลินตากับตัวเขาเองมาก เพราะมินซอกดูมีความสุขกับมัน

 

หลังจากลู่หานซื้อเสื้อผ้าให้มินซอกเสร็จ มินซอกก็ชวนลู่หานเดินเข้าไปอีกร้านหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยเสื้อสูท มินซอกมองมันอยู่นาน ก่อนจะนึกอะไรดีๆออกได้

"ซื้อเสื้อให้ลู่หานมั้งดีกว่า!"

"เฮ้ย ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็ดีอยู่แล้ว" ลู่หานก้มมองตัวเองที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวสบายตากับกางเกงขายาวสีกรมท่าเท่านั้น

มินซอกทำหน้าหงิกทันทีเมื่อได้ยินลู่หานพูดแบบนั้น

"ไม่เอาๆ ลู่หานซื้อของให้เราตั้งเยอะแล้ว เราต้องซื้อตอบแทนบ้างสิ อืม.. อย่างลู่หานต้องใส่อะไรที่มันเรียบๆแต่ว่าต้องดูดีด้วย"

มินซอกเดินไปรอบร้าน พินิจพิจารณาเสื้อผ้าอยู่นานสองนาน ก่อนจะคว้าเอาเสื้อสูทน้ำเงินเข้มขึ้นมา แล้วยื่นไปให้ลู่หานลองใส่ดู

 

 

ลู่หานเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ เขาเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเมื่อสักครู่ เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มช่วยขับผิวขาวของลู่หานให้เขาดูหล่อและดูมีภูมิฐานมากยิ่งขึ้น

"เห็นไหม เขากับลู่หานจะตาย ใส่แล้วเท่ขึ้นตั้งเยอะ" มินซอกเอ่ยปากชม ลู่หานหน้าแดงขึ้นมาทันที

"อย่าพูดแบบนั้นสิ.. มัน..มัน... "

ลู่หานหูแดงหน้าแดง เป็นครั้งแรกที่มินซอกเอ่ยชมเขาแบบนี้

 

 

 

 

มีความสุข ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ..

 

 

 

หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ลู่หานพามินซอกไปเที่ยวที่สวนสนุก เมื่อมาถึงมินซอกดูตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเหล่าบรรดาเครื่องเล่นมากมาย เขาจูงมือลู่หานนำไปยังเครื่องเล่นต่างๆเหมือนเด็ก

"นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้.."

"งั้นวันนี้มินซอกเล่นให้เต็มที่เลยครับ"

มินซอกหันขวับมามามองลู่หานทันทีด้วยตาโต

"ลู่หานนน เล่นรถไฟเหาะกัน!!"

"!!!??"

ลู่หานคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะชอบเล่นอะไรที่ผาดโผนแบบนี้ มินซอกเห็นลู่หานไม่ยอมตอบเขาสักที เลยเขย่ามือของอีกฝ่ายเป็นเชิงขอร้อง

"น้าๆๆๆ เล่นกานน~!"

ลู่หานใจอ่อน ยอมไปเล่นรถไฟเหาะด้วยกันกับมินซอก เขาดูประหม่าเล็กน้อย เมื่อเห็นถึงความสูงของมัน

 

เมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้น มินซอกร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น ลู่หานปิดตาตัวเอง เขาเม้มปากแน่น พูดจาไม่ได้ศัพท์และร้องเสียงหลงเหมือนลูกหมา เมื่อมาถึงจุดที่รถไฟต้องตีลังกา ลู่หานเผลอตะโกนออกมาด้วยความหวาดเสียวและความกลัว ผิดกับมินซอกที่ดูร่าเริงและตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ

 

ทันทีที่ลงจากเครื่องเล่น ลู่หานแทบจะเป็นลม หน้าตาเหนื่อยอ่อน มินซอกนึกสงสารแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

"โถ่ๆ ลู่หานไหวไหมเนี่ย??"

มินซอกลูบหลังลู่หานที่ก้มตัวลง ลู่หานเงยหน้ามาพยักหน้ารับให้อีกฝ่ายว่าตัวเองไม่เป็นไร

"งั้นเราพักกันก่อนไหม?? เดี๋ยวตอนบ่ายค่อยเล่นต่อ" ลู่หายยิ้มแห้งๆ มินซอกจูงมือลู่หานให้เดินไปยังศูนย์อาหารของสวนสนุก

 

 

มินซอกปล่อยให้ลู่หานนั่งพักอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว ข้างในศูนย์อาหารมีผู้คนพลุกพล่านอยู่มาก ลู่หานเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ จู่ๆก็มีสายโทรไม่ได้รับเชิญเขามา เมื่อลู่หานเห็นชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอเขาก็กดรับอย่างเบื่อหน่าย

 

"ฮัลโหล.."

(แกเอามินซอกไปไว้ที่ไหน..)

"คุณจงแดใจเย็นๆก่อนนะครับ.."

(เย็นอะไร!! นี้ยังจะให้เย็นอีกหรอ?! เกือบครึ่งวันแล้วที่ฉันไม่เห็นมินซอกเลย แกใช่ไหมที่เป็นคนเอามินซอกไป?!!)

"จะบ้าหรอครับ ผมออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้า ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่ามินซอกอยู่ไหน--"

 

"ใครโทรมาหรอ??"

มินซอกเดินถือขวดน้ำเปล่าสองขวดเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเสียก่อน

ลู่หานรีบกดวางสายทันที

"เปล่านะครับ ไม่มีอะไร.." ลู่หานรีบยัดโทรศัพท์ใส่ในกางเกง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อของกินให้นะ" ลู่หานลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไป

 

ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ลู่หายกลับมาพร้อมกับกาแฟแก้วใหญ่และถุงใส่ของกินมากมาย

"โห้.. ลู่หานรู้ได้ยังไงว่าเราชอบกินซาลาเปา??" มินซอกดูตื่นเต้นกับห่อซาลาเปามากมายที่วางอยู่ตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปหยิบซาลาเปามาหนึ่งลูก ก่อนจะทำการกัดซาลาเปาเข้าไปเสียคำโตจนแก้มปริ ลู่หานหัวเราะกับท่าทางการกินของมินซอกที่ดูเหมือนหนูแฮมเตอร์ตัวอ้วนจ้ำม่ำ

 

 

"แล้วลู่หานไม่กินหรอ??"

"แค่เห็นมินซอกกินได้ ผมก็อิ่มแล้วครับ"

มินซอกลดความเร็วในการเคี้ยวลง ก่อนลู่หานจะเอ่ยถามคำถามบางอย่างขึ้นมา

"มินซอกจำผมได้ไหม??"

"จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ เราไม่ได้ความจำสั้นนะ"

"ผมหมายถึงว่า มินซอกจำผมได้ไหมก่อนหน้าที่จะเจอกันที่โรงพยาบาล??"

"หืม.. เราเคยเจอกันมาก่อนด้วยหรอ?"

"ก็.. เมื่อนานมาแล้ว.. แต่คุณคงจำผมไม่ได้หรอก.."

"ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??"

"ฮ่ะๆ ช่างมันเถอะครับ.."

ลู่หานเจื่อนยิ้มบางๆ มินซอกนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมลู่หานถึงพูดแบบนั้น เขาเคยเจอลู่หานมาก่อนด้วยหรอ?? แล้วทำไมต้องพูดประมาณว่าตัวมินซอกจำลู่หานไม่ได้ด้วยหล่ะ??

 

"เลิกคิดมากเรื่องที่ผมพูดเถอะครับ.. ผมแค่ถามไปอย่างงั้นแหละ"

เขาพยายามให้มินซอกเลิกคิดถึงเรื่องที่ลู่หานเผลอหลุดปากถามไป

"ถ้ากินเสร็จแล้ว... เราไปเล่นกันต่อไหม??"

"ลู่หานเล่นไหวหรอ??"

"ถ้าเล่นเป็นเพื่อนมินซอกไหวอยู่แล้ว"

"จริงหรอ! ดีจัง" มินซอกดูตื่นเต้นขึ้นทันตา ลู่หานอดเอ็นดูอีกฝ่ายแทบไม่ได้

 

 

 

 

'อย่าทำให้คนอื่นหวั่นไหวแบบนี้ได้ไหม'

 

 

 

 

ช่วงบ่ายลู่หานและมินซอกต่างหมดแรงกันทั้งคู่ แต่ลู่หานกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แม้ร่างกายจะปวดเมื่อยแค่ไหนก็ตาม เขามีความสุขที่ได้เห็นมินซอกยิ้มได้มากขนาดนี้ อารมณ์ดีได้มากขนาดนี้ หัวเราะได้มากขนาดนี้ ดวงตาเปล่งประกายความสุขออกมาได้มากขนาดนี้

 

 

ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนถึงช่วงเย็น ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน มินซอกเดินจูงมือลู่หานให้เข้าไปดูสิ่งที่เหล่าฝูงชนกำลังมุงดูกันอยู่ ทางสวนสนุกจัดขบวนพาเหรดของเหล่ามาสคอต ตัวตลก ตัวการ์ตูนมากมายสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา มีเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานลอยมาทั่วทุกสารทิศ มินซอกหยุดยืนดูด้วยความสนใจ มีตัวตลกเดินถือลูกโป่งมาให้มินซอก เขารับลูกโป่งใบสวยสีขาวทั้งสามใบมาถือไว้

 

 

 

 

หลังจากขบวนพาเหรดจบลงไม่นานนัก ลู่หานเดินจูงมือมินซอกออกมาจากฝูงชนที่ยังคงหนาแน่นอยู่

"ลู่หานไม่ต้องจูงมือเราก็ได้นะ"

"วันนี้มินซอกจูงมือพาผมเที่ยวทั้งวันแล้ว ให้ผมจูงมือพามินซอกกลับบ้างนะ.."

ลู่หานกระชับมืออีกฝ่ายไว้แน่น มินซอกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องเกิดอาการหน้าแดงกับคำพูดของลู่หานด้วย

 

จู่ๆก็มีเสียงพลุดังสนั่นขึ้นมา มินซอกตกใจกลัวจนเผลอกระโจนเข้าใส่ลู่หานอย่างแรง จนอีกฝ่ายต้องประคองไว้ด้วยวงแขนกว้าง

"ไม่เป็นไรใช่ไหม??"

"อื้ม.. ร-เราก็แค่ตกใจนิดหน่อย.."

"นี้ขนาดนิดหน่อยนะเนี่ย ฮ่ะๆๆๆ"มินซอกฉุนเล็กน้อยที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น

"แล้วนี้จะปล่อยเราได้รึยังหล่ะ!?"

 

 

 

 

กลับกลายเป็นว่าลู่หานกอดมินซอกแน่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งคู่สบตากัน เหมือนอยู่ในโลกกันเพียงแค่สองคน เหมือนรอบข้างไร้ซึ่งผู้คนและเสียงพลุที่ดังสนั่น ลู่หานโน้มหน้าตัวเองให้เข่าไปใกล้มินซอกมากขึ้น จนทั้งคู่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

 

 

 

 

 

"ให้ผมช่วยดูแลหัวใจของมินซอกได้ไหม??"

“พ-พูดอะไรของนายอ่ะลู่หาน”

“ผมทนเห็นมินซอกเจ็บปวดกับคนเลวๆแบบนั้นไม่ไหวแล้ว ขอโอกาสให้ผมช่วยรักษารอยแผลนั้นจะได้ไหม?”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

-------------------------------------

ถึงคราวบอสลู่หานออกโรงแล้วจ้า5555 เนื้อเรื่องตอนนี้มาแบบใสใส ฟริ้งๆ(หรอ)นะคะ ให้คนอ่านผ่อนคลายกันก่อนจะเจอศึกหนักในครั้งหน้า...(งดสปอยล์55)

ก็ยอดวิวสองพันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน ทุกๆคนที่เข้าไปสกรีมแท๊ก อยากแจกของเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าจะมีคนสนใจไหม555 อยากลองพิมพ์รวมเล่มเหมือนกันนะคะ แต่ไรต์คิดว่าตัวเองยังมือใหม่ไปสำหรับวงการนี้5555 รอดูกันต่อๆไปค่ะ

สัญญาว่าไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ รักคนอ่านทุกคนเลย

สกรีมแท๊ก : #ฟิคเซฮุนวิปลาส ตามทวงฟิคได้ : @Beam_Minami

ไรต์ : หนูมาลีมีหนุ่มหล่อๆ 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา