(ฟิคโอคิคางุ)After marriage

9.6

เขียนโดย naoza

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  24.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

10) ชีวิตคือการเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หลายเดือนถัดมาหลังจากเกินเหตุการณ์ที่แสนจะวุ่นวาย
               สายลมเย็นพัดผ่านเอื่อยๆ ใบไม้ที่เคยเป็นสีเขียวบัดนี้กำลังแปรเปลี่ยนเป็นหลากสีสันบ่งบอกให้รู้ว่าฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะมาในอีกไม่ช้า
               กลางเดือนกันยายนนี้เป็นช่วงที่คางุระเริ่มจะทำอะไรเหนื่อยง่ายและไม่ถนัดอย่างเช่นเคย เนื่องจากอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์จะถือกำเนิดมาสู่โลกภายนอก หญิงสาวจึงจำเป็นต้องหยุดพักงานตามคำขอร้องของโซโกะผู้เป็นสามีทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะเชื่ออะไรเขาสักครั้ง แต่เพื่อชีวิตน้อยๆนี้เธอก็พร้อมและยอมได้อย่างว่าง่าย และในการรอคอยในอีกไม่ช้าก็สร้างความตื่นเต้นและกังวลให้กับพ่อแม่มือใหม่ได้มากพอดู
               “โซโกะ ตื่นได้แล้วน่อ”
               คางุระที่ตื่นมาเตรียมอาหารนานแล้วเดินไปปลุกโซโกะที่ยังคงนอนอยู่บนฟูก ชายหนุ่มงัวเงียลืมตามมองเพดานชั่วครู่แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองคางุระที่กำลังเก็บที่นอนแล้วเอ่ยทัก
               “อรุณสวัสดิ์” โซโกะพูดแล้วลุกขึ้นเก็บที่นอนของตนบ้าง “เดี๋ยวฉันเก็บเองดีกว่า หล่อนไปนั่งรอกินข้าวเถอะ”
               “อั๊วก็อยากออกกำลังกายอะไรบ้างน่อ นอนกลิ้งไปมาอยู่แต่ในบ้านแบบนี้อั๊วอึดอัดจะตายน่อ”
               คางุระบอกสามีที่ตั้งแต่วันนี้ไปเขาลางานหยุดเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอแทบไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเลยเนื่องจากท้องที่โตขึ้นจนเห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์พวกกินโทกิก็คอยสลับกันมาดูแลเธอ ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่ได้ห่วงอะไรแต่คางุระก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นห่วงใยที่ทุกคนมีให้เสมอ
               “อดทนหน่อยเถอะ ฉันสัญญาว่าหลังหล่อนคลอดและแข็งแรงขึ้นจะพาหล่อนกับลูกไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไปแล้วกัน”
               โซโกะบอกแล้วดันหลังคนทำหน้าบึ้งไปยังโต๊ะอาหารในครัว เมื่อเห็นอาหารเช้าที่ภรรยาเครียมไว้ให้โซโกะถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่ออาหารเช้าที่ควรจะมีเยอะแยะเช่นเมื่อก่อนกลับมีเพียงชุดเล็กๆของเขากับเธอเท่านั้น
               “หล่อนจะกินแค่นี้เหรอ?”
               “อั๊วเจี๊ยะอะไรไม่ค่อยลงน่อ แต่ลื้อไม่ต้องเป็นห่วงอั๊วหรอก เพราะคุณหมอก็บอกว่าเวลาใกล้คลอดจะทำให้ไม่อยากกินอะไรเลยน่อ”
               คางุระอธิบายให้เขาฟังทำให้โซโกะรู้สึกผิดเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะมีเวลาให้กับเธอแม้กระทั่งเวลาที่หมอนัดตรวจครรภ์
               “ขอโทษนะที่ฉันปล่อยให้หล่อนลำบากคนเดียวแบบนี้”
               โซโกะเอ่ยขอโทษทำให้คางุระที่กำลังจะเอาข้าวเข้าปากถึงกับอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ๆโซโกะก็ทำตัวน่ารักขึ้นมาเสียอย่างนั้น
               “หัวลื้อคงไม่ได้ไปกระแทกอะไรมาใช่ไหมน่อ?”
               หญิงสาวถามด้วยความตกใจแล้วรีบยกหลังมือของตนไปแตะหน้าผากของสามี โซโกะจับมือคางุระออกอย่างเซ็งๆ
               “ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน”
               “ไม่ได้น่อ เพราะอั๊วได้ยินเต็มสองรูหูเลย”
               คางุระยิ้มกว้างรู้สึกชอบใจกับคำขอโทษของชายหนุ่ม แล้วกลับไปนั่งกินข้าวต่ออย่างสบายอารมณ์ ในระหว่างที่สองสามีภรรยากำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น โซโกะเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ 7.30 น.
               “ใครมาแต่เช้า?” เขาพึมพำแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู ซึ่งแขกที่มาเยือนยามเช้าก็คือชินปาจินั่นเอง
               “อ้าว คุณโอคิตะ? วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอครับ?”
               ชินปาจิทักโซโกะแล้วเดินเข้าบ้านอย่างถือวิสาสะ ในมือของหนุ่มแว่นมีขนมมากมายติดมาด้วย
               “คางุระจัง วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกเจ็บท้องบ้างรึเปล่า?”
               “วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานอ่ะน่อ อ้อ ชินปาจิวันนี้ลื้ออย่าลืมซักผ้าอ้อมเตรียมไว้ให้อั๊วด้วยน่อ”
               คางุระสั่งชินปาจิที่เดินไปหยิบตะกร้าเสื้อผ้าของเธอกับโซโกะเตรียมจะไปซักให้ สร้างความแปลกใจให้กับโซโกะอย่างมาก
               “นี่หมายความว่ายังไงเนี่ย? ทำไมชินปาจิคุงถึงได้มาซักผ้าให้กับเราได้?”
               โซโกะเดินไปถามคางุระที่ยังคงนั่งกินข้าวอยู่
               “ชินปาจิมาซักผ้าแล้วก็มาทำความสะอาดให้ทุกวันล่ะน่อ”
               คางุระตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่นั่นก็พอทำให้โซโกะรับรู้ว่าภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาไม่ได้อยู่คนเดียวลำบากอย่างที่เขาคิด
 
               ตลอดทั้งวันที่โซโกะหยุดงานเพื่ออยู่มาเป็นเพื่อนกับคางุระเขาก็ได้ค้นพบว่ามีแขกมากมายคอยทยอยมาเยี่ยมและดูแลคางุระไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ฮิจิคาตะหรือมาโยริน
               “แล้วทำไมคุณฮิจิคาตะถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?”
               โซโกะถามฮิจิคาตะด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อหัวหน้าของตนมานั่งสานปลาตะเพียนอยู่ในบ้านของเขา
               “แกไม่เห็นรึไงว่าฉันกำลังสานปลาตะเพียนรับขวัญหลานที่กำลังจะเกิดน่ะโซโกะ”
               “แล้วงานล่ะครับ?”
               “มันเป็นช่วงพักกลางวันของฉัน แกอย่ามาวุ่นวายหน่า ไปทางโน้นเลยไป”
               ฮิจิคาตะไล่โซโกะที่กำลังทำลายสมาธิในการสานปลาตะเพียนของเขา คนโดนไล่มองเจ้านายของตนอย่างละอาแล้วเดินไปหาชายหนุ่มผมเงินที่กำลังต่อเตียงไม้สำหรับเด็กอยู่ไม่ห่าง
               “แล้ววันนี้ร้านปิดเหรอครับลูกพี่”
               “ใครว่าล่ะ ฉันกำลังทำงานอยู่นี่ไงโอคิตะคุง มาก็ดีแล้ว ช่วยหยิบตะปูให้หน่อยสิ”
               กินโทกิตอบแล้ววานโซโกะหยิบตะปูที่อยู่ไม่ใกล้ให้ แต่คนที่ช่วยนั้นกลับเป็นซัทจังแทน
               “นี่ค่ะคุณกิน เอาตะปูนี่ตอกมาที่หัวใจของฉันเลยค่ะ!!”
               “อย่างหล่อนน่ะต้องตะปูเงินขนาดใหญ่ถึงจะเอาอยู่”
               กินโทกิบอกซัทจังอย่างเซ็งๆ แล้วรับตะปูมาตอกเตียงไม้ต่อ
               ไม่ใช่แค่ฮิจิคาตะหรือพวกรับจ้างสารพัดเท่านั้น โซโกะหันมองรอบๆบ้านของตนก็พบกับแขกที่มาเยี่ยมบ้านมากมายจนเขากับคางุระแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
               “ไม่ได้นะ คางุระจัง!! ต้องเดินระวังๆหน่อยสิ”
               อุมิโบสึที่มาจากจักรวาลนอกโลกโวยวายบอกลูกสาวที่เดินเร็วเกินความพอดีในความรู้สึกของผู้เป็นพ่อจนคางุระหงุดหงิด
               “อั๊วก็เดินอย่างนี้อยู่แล้วน่อ ปาปี๊หัวโบราณเกินไปแล้วน่อ”
               “ใช่ คนท้องไม่ใช่คนป่วยสักหน่อยเจ้าพ่อบ้า”
               คามุอิที่แวะมาหาน้องสาวเข้าข้างคางุระอย่างไม่น่าเชื่อ เขากำลังง่วนอยู่กับการตั้งชื่อหลานชายหรือหลานสาวที่กำลังจะถือกำเนิดอยู่กับทากาสุงิและคาซึระ ส่วนซากาโมโต้กับมุสึนั้นก็หอบของเล่นมากมายเข้ามาในตัวบ้าน สร้างความวุ่นวายเสียงดังจนโซโกะหมดความอดทนออกปากไล่ทุกคนให้กลับไปที่ๆของตัวเองซะ แม้ทุกคนจะตื้อขออยู่ต่อแต่โซโกะก็ปิดประตูใส่หน้าไม่ยอมต้อนรับใครอีก
               “อั๊วเพิ่งเคยเห็นลื้อหัวเสียขนาดนี้น่อ”
               คางุระบอกสามีอย่างยิ้มๆเมื่อเขาเดินเข้ามานั่งข้างๆเธอ
               “ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันก่อนหล่อนคลอด ฉันว่าลูกเราต้องสติแตกแน่เลย”
               “ลื้อมากกว่าล่ะมั้ง”
               “ก็อาจจะใช่” โซโกะเห็นด้วยแล้วมองรอบห้องที่เต็มไปด้วยของต่างๆมากมายอีกครั้ง “ไม่ว่าเมื่อไหร่หล่อนก็เป็นที่รักของทุกคนเหมือนเดิมเลยนะ”
               “ก็เพราะอั๊วเป็นคนน่ารักยังไงล่ะน่อ ลื้อเองก็ยังมาหลงรักอั๊วหัวปักหัวปำเลยไม่ใช่รึไงน่อ”
               คางุระแซวแต่โซโกะไม่โต้ตอบอะไร เพราะเธอเองก็พูดถูกทุกอย่าง ชายหนุ่มเอนตัวนอนหนุนตักภรรยาแล้วเอาหูแนบกับท้องของเธอ
               “จะเป็นหญิงรึชายกันนะ?” โซโกะพึมพำ “แล้วฉันจะเป็นพ่อที่ดีได้แน่ๆเหรอ”
               “ทำไมลื้อพูดอย่างนั้นล่ะน่อ”
               คางุระถามด้วยความแปลกใจ โซโกะสบตากับเธอแล้วถอนหายใจยาว
               “ก็คนที่มีชีวิตตามวิถีการเอาแต่ใจอย่างฉันรู้จักแค่การฆ่าฟัน ไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่นน่ะจะสามารถเป็นพ่อคนได้จริงๆน่ะเหรอ”
               “เลิกคิดมากได้แล้วน่อ” คางุระตีหน้าผากโซโกะเบาๆหนึ่งที “ลื้อไม่ได้รู้จักแค่การฆ่าฟัน แต่ลื้อก็รู้จักความรักด้วยไม่ใช่รึไงน่อ? ไม่งั้นเราสองคนคงไม่มีวันนี้ใช่ไหมน่อ? หรือลื้อคิดจะแต่งงานกับอั๊วเล่นๆ?”
               “จะบ้ารึไง ใครจะไปล้อเล่นกับชีวิตคู่กัน”
               “ก็ลื้อไงน่อ”
               “หยุดเลย พูดต่อเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก”
               โซโกะรีบตัดบทเมื่อดูท่าว่าคางุระกำลังไม่พอใจเขา แต่ไม่ทันที่จะทำอะไรต่อ เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้โซโกะลุกขึ้นไปเปิดอย่างหัวเสียเมื่อคิดว่าพวกที่เขาไล่ไปแล้วจะกลับมารบกวนอีก
               “ไปทำมาหากินกันบ้างเถอะไป!!”
               “เอ๋? โซคุง?”
               แขกที่มาเยือนนั้นกลับไม่ใช่พวกตัวป่วนอย่างที่โซโกะคิด แต่กลับเป็นอดีตองค์หญิงโซโยะที่ไม่ได้เจอกันมานานนั่นเอง
               “องค์หญิง?”
               “ทำไมโซคุงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะจ๊ะ?” โซโยะถามโซโกะอย่างแปลกใจ “เมื่อกี้ฉันไปหาคางุระจังที่ร้านรับจ้างสารพัดมา คุณกินเลยให้ที่อยู่มา....”
               โซโกะมององครักษ์ที่คอยอารักขาโซโยะอยู่ห่างแล้วเชิญโซโยะที่ยังคงงุนงงอยู่เข้ามาในบ้าน
               “ใครมาเหรอน่ออาตี๋?”
               คางุระตะโกนถามเมื่อเห็นสามีเงียบหาย แต่แล้วเธอก็เห็นว่าโซโกะเดินกลับเข้ามาโดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามเข้ามาด้วย
               คางุระมองหญิงสาวผู้มีผมสีดำยาวท่าทางบอบบางในชุดกิโมโนราคาแพงอย่างครุ่นคิด เมื่อสบตากันเธอก็จำได้ทันทีว่าเธอผู้นั้นคือใคร
               “โซโยะจัง?”
               “คางุระจัง?”
               โซโยะวิ่งเข้ามากอดคางุระอย่างดีใจที่ได้พบกัน แต่กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ขวางไว้ให้กอดไม่ถนัด อดีตองค์หญิงก้มลงมองก็พบว่าคางุระเพื่อนรักของเธอนั้นมีท้องที่ใหญ่โต
               “คางุระจังอ้วนขึ้นหรือจ๊ะ?”
               “นี่ถามจริงหรือเอาขำน่อ โซโยะจัง?” คางุระตบมุของค์หญิงแสนซื่อ “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่เป็นไงมาไงน่อลื้อถึงได้มาหาอั๊วที่นี่ได้ อั๊วคิดว่าจะไม่ได้เจอลื้อแล้วน่อ”
               โซโยะอ้ำอึ้งไม่ตอบอะไร แต่ชำเลืองมองไปยังโซโกะที่ยืนอยู่ห่างๆ ชายหนุ่มจึงเดินไปอีกทางเพื่อให้เพื่อนสาวทั้งสองคนคุยกันได้สะดวก
               “คือว่าฉันกำลังจะแต่งงานน่ะ” โซโยะบอกกับคางุระ แล้วยิ้มอย่างเศร้าใจ “ท่านมัตซึไดระบอกว่าการแต่งงานของฉันจะสามารถสร้างความสงบสันติภาพให้กับตระกูลของฉันได้”
               “อะไรกันตาแก่นั่นอีกแล้วเหรอน่อ? ชีวิตใครชีวิตมันสิทำไมต้องมาชอบบังคับกันด้วยน่อ?”
               “ช่างเถอะจ้ะ ฉันเองก็คิดว่าดีแล้วเหมือนกัน ที่ผ่านมาท่านพี่ก็ให้ความสุขฉันมากมายถึงคราวที่ฉันจะต้องตอบแทนวิญญาณของท่านพี่บ้างแล้วล่ะจ้ะ”
               “โซโยะจัง”
               คางุระรู้สึกสงสารเพื่อนรักแต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี โซโยะเห็นคางุระมองเธอด้วยความเห็นใจจึงยิ้มกว้างกว่าเดิมเพื่อไม่ให้คางุระกังวล
               “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ คางุระจัง ที่ฉันมาที่นี่เพราะว่าอยากให้คางุระจังแสดงความยินดีให้กับฉัน แล้วก็...” โซโยะเว้นระยะการพูดแล้วมองรอบห้อง จนคางุระต้องมองตาม “ก่อนจะแต่งงานฉันเองก็อยากจะบอกให้ใครคนหนึ่งได้รับรู้ความรู้สึกของฉันด้วยน่ะ”
               “เอ๊ะ? ลื้อมีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอน่อ?” คางุระถามอย่างแปลกใจ “แล้วคนนั้นเขาชอบลื้อเหมือนกันรึเปล่าน่อ ถ้าใจตรงกันอั๊วว่าพากันหนีไปเลยดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคนไม่ได้รักน่อ”
               “ทำอย่างนั้นได้เหรอ?”
               “ทำได้สิน่อ ชีวิตเป็นของลื้อ ลื้อต้องเป็นคนกำหนดมันเองน่อ” คางุระยุยงให้โซโยะหนีงานแต่งงานของตนที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า “ว่าแต่ลื้อชอบใครน่อ อั๊วจะได้ช่วย”
               โซโยะมีท่าทีเขินอายอยู่นาน เมื่อเห็นโซโกะเดินผ่านห้องไปยังอีกห้องหนึ่ง ทำให้คางุระรู้สึกใจไม่ดีสังหรณ์ใจแปลกๆชอบกล
               “ลื้ออย่าบอกน่อ ว่าลื้อชอบอาตี๋ซาดิสม์นั่น”
               ยิ่งคางุระเดา โซโยะก็มีท่าทีเขินอายยิ่งขึ้นซึ่งก็ทำให้คางุระรับรู้ได้แล้วว่าโซโกะเป็นคนที่โซโยะชอบจริงๆ
               “ตลอดเวลาที่อยู่บุชู โซคุงก็คอยช่วยเหลือและปกป้องฉันมาตลอด ตอนที่ทุกคนบอกว่าจะกลับมายังเอโดะฉันก็คิดจะตัดใจแล้วเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก แต่สุดท้ายแล้วฉันก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น” โซโยะพูดเสียงเบาราวกับพึมพำกับตัวเอง แล้วรู้สึกเอะใจ “ว่าแต่ว่าทำไมโซคุงถึงมาอยู่กับคางุระจังที่นี่ได้ล่ะจ๊ะ?”
               คางุระที่กำลังอึ้งอยู่นั้นไม่กล้าบอกว่าเธอกับโซโกะแต่งงานกันแล้วเพราะกลัวโซโยะจะเสียใจ จึงโกหกไปอย่างไม่คิด
               “พอดีหมอนั่นมาขอใช้ห้องน้ำน่ะ แบบว่าเดินตรวจตราอยู่ดีๆก็ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน”
               “เอ๋? อย่างนั้นเหรอจ๊ะ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่เนอะ”
               โซโยะที่แสนซื่อเชื่อคางุระซะสนิทใจ ในระหว่างที่ทั้งสองสาวกำลังคุยกันอยู่นั้น โซโกะที่ทำธุระในห้องต่างๆเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาหาคางุระ แต่จู่ๆหญิงสาวก็พลักเขาออกห่าง
               “เสร็จแล้วลื้อก็ไปซะทีสิน่อ อั๊วเห็นหน้าลื้อนานๆแล้วอยากจะขย้อนของเก่า”
               “ห๋า?”
               “ยังจะทำงงอีก ไหนมาทางนี้สิ อั๊วจะตรวจดูว่าลื้อทำเลอะอะไรรึเปล่า”
               โซโกะงงกับภรรยาตัวเองที่เดี๋ยวพลักเขาออกห่าง เดี๋ยวก็ดึงเขาให้ไปด้วยกัน เมื่อคางุระพาเขามาแอบอยู่ตรงทางเดินระหว่างห้องหญิงสาวก็กระซิบกับเขาบางอย่าง
               “ลื้ออย่าบอกโซโยะน่อ ว่าอั๊วกับลื้อเป็นอะไรกัน”
               “ทำไม?”
               “จะทำไมอะไรก็ช่างมันเถอะน่อ ทำตามที่อั๊วสั่งก็พอแล้ว”
               “แต่...”
               ยังไม่ทันที่โซโกะจะพูดอะไร คางุระก็ดันโซโกะไปหาโซโยะพร้อมทั้งขยิบตาให้กับอดีตองค์หญิง
               “ลื้อไปส่งโซโยะจังด้วยแล้วกันน่อ”
               “คางุระจัง?”
               “อั๊วจะออกไปที่ร้านแล้วอ่ะน่อ พวกลื้อก็รอกันไปก่อนแล้วกันน่อ”
               คางุระพูดแล้วรีบออกไปข้างนอกด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนคุยกันทั้งๆที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
               “เอ่อ...โซคุง”
               โซโยะอ้ำอึ้งเมื่อเห็นโซโกะยืนมองประตูอยู่ ชายหนุ่มหันมามองคนที่เรียกเขาแล้วเริ่มเข้าใจว่าคางุระกำลังจะเปิดโอกาสให้เขากับโซโยะอยู่ด้วยกันสองคน
               “บ้าไม่เปลี่ยน” โซโกะพึมพำถึงคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้วถามโซโยะ “องค์หญิงมีเรื่องอะไรกับกระผมรึเปล่า?”
               “เอ่อ” โซโยะไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกของตนให้โซโกะรับรู้ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่เป็นแรงเชียร์ของคางุระเพื่อนรัก เธอจึงตัดสินใจบอกความรู้สึกของตนให้เขารู้
 
               “แล้วหล่อนก็มานั่งซึมอยู่ที่นี่เนี่ยนะ?”
               กินโทกิถามคางุระที่จู่ๆก็มาที่ร้านรับจ้างสารพัดแล้วเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้กับกินโทกิและชินปาจิฟัง
               “ก็อั๊วไม่รู้จะทำไงนี่น่อ”
               “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะครับ แต่ยังไงองค์หญิงก็ต้องรู้อยู่ดีว่าคางุระจังกับคุณโอคิตะเป็นอะไรกันอยู่ดี”
               ชินปาจิบอกตามที่ตนเองคิด แต่คางุระก็ไม่พูดอะไรได้แต่เงียบเพียงเท่านั้น
               ตุบ!
               จู่ๆหญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงลูกน้อยในครรภ์ของตนดิ้น แต่คราวนี้ดิ้นแรงกว่าทุกครั้งจนเธอเจ็บซึ่งกินโทกิก็สังเกตเห็นถึงใบหน้าเหยเกของคางุระ
               “หล่อนเป็นอะไรน่ะ?”
               “ไม่ อั๊วไม่ได้เป็นอะไร แต่อั๊วคงเดินเร็วมากไปหน่อยเลยจุกท้องอ่ะน่อ”
               คางุระปฏิเสธเมื่อรู้สึกดีขึ้น กินโทกิจึงพูดเรื่องของโซโยะต่อ
               “อย่างนั้นก็ดี แต่ฉันว่าหล่อนควรจะเปิดใจคุยกับองค์หญิงให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่านะ ทำเป็นมั่นใจว่าสามีไม่มีวันนอกใจ ไม่แน่นาถ่านไฟเก่ามันอาจจะคุก็ได้”
               “ถ่านไฟเก่าอะไรกันล่ะครับคุณกิน คุณโอคิตะกับองค์หญิงเขาเคยคบกันซะที่ไหนล่ะครับ”
               ชินปาจิแย้งคนปากเสีย เมื่อเห็นสีหน้าของคางุระไม่ค่อยสู้ดี
               “หูยยยย นายไม่รู้อะไรน่ะสิวัตสัน ชายหนุ่มหญิงสาวที่ไปร่วมลำบากกันหลายปีมันมักจะเกิดความรักขึ้นภายในวิกฤตนั้นยังไงล่ะ”
               กินโทกิยังคงพูดแหย่ให้คางุระโมโหเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำหน้าเศร้า แต่กลับได้ผลตรงข้ามเมื่อคางุระคิดตามจริงๆ และลูกน้อยของเธอก็เริ่มดิ้นแรงอีกครั้งจนเธอรู้สึกเจ็บและปวดที่ท้องแม้จะพยายามอดทนก็ตามที
 
               เมื่อโซโกะได้ฟังอดีตองค์หญิงบอกความในใจของตนให้เขารับรู้ ชายหนุ่มก็ได้ปฏิเสธเธอไปตามตรงซึ่งโซโยะก็เตรียมใจไว้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ได้คือความปวดใจ
               “ขอบคุณที่โซคุงรับฟังนะ จากนี้ไปในฐานะเพื่อนของคางุระจังก็ขอให้โซคุงดูแลเธอให้ดีที่สุดด้วยนะคะ”
               “องค์หญิงรู้อยู่แล้วสินะว่ากระผมกับคางุระเป็นอะไรกัน”
               โซโกะถาม ซึ่งโซโยะก็พยักหน้า
               “รู้อยู่แล้วล่ะค่ะ คุณกินก็บอกฉันมาแล้ว แถมในห้องก็มีรูปแต่งงานกรอบใหญ่แขวนแปะไว้อย่างนั้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคางุระจังก็ดูเหมือนท้องใกล้คลอด นี่ฉันยังกลั้นขำแทบตายที่คางุระจังโกหกเลยล่ะค่ะ”
               หญิงสาวหัวเราะจากใจจริง เพราะเธอเองรู้อยู่แล้วว่าที่โซโกะต้องการกลับมาที่เอโดะไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เป็นเพราะอยากจะมาเจอหญิงเดียวในใจของเขาต่างหาก
               “ยัยนั่นโกหกไม่เนียนตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”
               โซโกะยิ้มเมื่อนึกถึงท่าทางของภรรยาจอมยุ่ง
               “งั้นเดี๋ยวฉันต้องกลับแล้วล่ะค่ะ ฝากลาคางุระจังด้วยนะคะ”
               โซโยะบอกลา แล้วจำต้องไปกับองครักษ์เมื่อถึงเวลา           
               โซโกะยืนมองเกี้ยวของโซโยะไปจนลับตา ก่อนจะไปรับคางุระกลับบ้าน เพราะเขาคิดว่าเธอคงจะไปอยู่ที่ร้านรับจ้างสารพัดแน่นอน
               “แย่แล้วล่ะครับคุณโอคิตะ ตอนนี้คางุระจังปวดท้องมากดูเหมือนว่ากำลังจะคลอดแล้วล่ะครับ!!”
               เมื่อได้ยินเช่นนั้นโซโกะตกใจจนลืมทุกสิ่ง รีบวิ่งนำไปยังร้านรับจ้างสารพัดทันที โดยมีชินปาจิวิ่งตามไปติดๆ แต่ดันเลี้ยวไปอีกทาง
 
               “เฮ้! ทำใจดีๆไว้นะคางุระ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”
               กินโทกิจับมือคางุระที่ตอนนี้ปวดท้องมากจนเหงื่อแตกและน้ำตาไหลออกมา พยายามปลอบใจไม่ให้เธอใจเสียไปมากกว่านี้
               “กินจัง....อั๊วเจ็บมากเลย นี่อั๊วกำลังจะตายใช่ไหมน่อ?”
               “จะบ้าเรอะ!! หล่อนแค่กำลังจะคลอดลูกเอง ใจเย็นๆไว้”
               ชายหนุ่มบอกแล้วมองเธออย่างเป็นห่วงและร้อนใจที่รถพยาบาลมาช้ากว่าที่เขาคิด
               “คางุระ!!”
               โซโกะมาถึงก็พังประตูร้านด้วยความร้อนรน แล้วรีบเข้าไปประคองภรรยาที่กำลังหน้าซีดลงเหงื่อกาฬของเธอออกเยอะจนเขาใจไม่ดี
               “โซโกะ แล้วโซโยะจังล่ะ”
               คางุระถามถึงเพื่อนรักทั้งที่ตัวเองกำลังรู้สึกแย่สุดๆ จึงโดนโซโกะดุใส่
               “ห่วงตัวเองก่อนห่วงคนอื่นเถอะ แล้วทำไมรถมันมาช้าขนาดนี้ฟะ?”
               กินโทกิมองโซโกะที่ใจร้อนอย่างอึ้งๆ เพราะเขาไม่เคยเห็นโซโกะเป็นเช่นนี้มาก่อน จากนั้นอีกไม่กี่นาที รถพยาบาลก็มา คางุระถูกพาขึ้นรถไปโดยมีโซโกะขึ้นไปอยู่ข้างๆไม่ห่าง
               “ว่าแต่เจ้าแว่นไปไหนล่ะเนี่ย? ให้ไปตามแต่ตัวเองกลับหายไปเนี่ยนะ?”
               ชายหนุ่มพึมพำแต่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจมากพอ รีบลงจากร้านที่อยู่ชั้นสองขึ้นควบแมงกะไซคู่ใจของตนเพื่อไปโรงพยาบาล
 
               คางุระถูกส่งเข้าห้องคลอดอย่างเร่งด่วน เมื่อตรวจดูแล้วว่าเธอมีสภาพพร้อมที่จะคลอดจริงๆ
               “อะไรกัน อีก 1 สัปดาห์ไม่ใช่รึไง ทำไมถึงมาคลอดตอนนี้ได้ล่ะ”
               มาดาโอะที่มารับงานเป็นพ่อบ้านในโรงพยาบาลเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ว่าคางุระมาคลอดที่นี่
               “มันก็คลาดเคลื่อนกันได้นี่ ใช่ไหมอลิธซาเบธ”
               คาซึระเอ่ยขึ้นคุยกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจของตน ซึ่งอลิธซาเบธก็ยกป้ายขึ้นว่าเห็นด้วย
               “จะยังไงก็ช่างเถอะ ทำไมพวกแกถึงมากันเต็ม โรงพยาบาลเลยฟะ?”
               กินโทกิมาถึงถามพวกเพื่อนๆที่มาเร็วกว่าตัวเขาเองอย่างแปลกใจ
               “ผมบอกเองล่ะครับ”
               ชินปาจิเอ่ยขึ้น แล้วมองคนที่มาให้กำลังใจคางุระอย่างเกรงใจเมื่อรู้ว่าตัวเองวิ่งไปบอกคนอื่นมาจนล้นหลาม
               “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะโอคิตะคุง เดี๋ยวคางุระจังก็ผ่านไปได้จ้ะ”
               โอทาเอะให้กำลังใจโซโกะที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาทั้งกังวลและตื่นเต้นกับการถือกำเนิดของลูกของตน
               “ใช่แล้วโซโกะ ทำใจเย็นๆไว้”
               คอนโด้ที่กระเตงลูกทั้งสองคนมาด้วยเป็นแรงกำลังใจให้โซโกะอีกคน
               “ว่าแต่อาบุโตะ นายไปสืบให้ฉันแล้วรึไงว่าโรงพยาบาลนี้ดีพอจะให้หลานของฉันคลอดรึเปล่า? ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไปล่ะก็รับรองว่าจะฆ่าหมอไม่ให้เหลือสักกะคนเลยเชียวล่ะ”
               คามุอิหันไปถามอาบุโตะอย่างยิ้มๆ
               “นี่คือโรงพยาบาลทำคลอดที่ดีที่สุดของโอเอโดะแล้วล่ะ”
               อาบุโตะตอบ เพราะเขาเองก็ไปสืบมาตามที่หัวหน้าของตนสั่งไว้ แล้วก็พบว่าน้องเขยของคามุอิเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคางุระจริงๆ
               “แล้วพวกแกแห่มาทำไมกันจนหมด สนง.กันล่ะห๋า?”
               ฮิจิคาตะที่นั่งอยู่ไม่ไกลถามพวกลูกน้องของตนที่ไม่เป็นอันทำงานทำการแต่มาคอยให้กำลังใจคางุระกันทั้งหมดอย่างไม่สบอารมณ์
               “ก็ทีหัวหน้ายังมาได้เลยล่ะครับ”
               “เถียงเรอะ กลับไปพวกแกโดนคว้านท้องแน่”
               ฮิจิคาตะคาดโทษทุกคน แล้วพยายามข่มใจตนไม่ให้ตื่นเต้นกับเด็กน้อยที่กำลังจะถือกำเนิดเกินไป
               “เฮ้อ” กินโทกิถอนหายใจแล้วเดินไปหาโซโกะ “ฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดกับนายหน่อย”
               โซโกะมองกินโทกิอย่างงุนงง แต่ก็รับฟังเรื่องที่ลูกพี่ของเขาจะพูด
               “เด็กน้อยที่กำลังจะเกิดนั่นน่ะ มีเลือดของมนุษย์กับยาโตะไหลเวียนอยู่เรื่องนี้นายเองก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ฉันจะพูดก็คือ.....” กินโทกิพูดค้างแล้วกางโต๊ะพับที่ไม่รู้ว่าพกมาจากไหนมาวางหน้าห้องคลอด พร้อมทั้งป้ายบอกราคายลโฉมลูกครึ่งมนุษย์ยาโตะ “โอกาสที่ทุกคนมาพร้อมหน้ากันแบบนี้ ทางร้านรับจ้างสารพัดก็ขอเก็บค่าเข้าชมล่ะนะ คนละ 100 เยนพอไม่ถูกไม่แพงเกินไปเร่เข้ามาคร้าบบบ”
               “นี่แกทำบ้าอะไร? แกเห็นหลานฉันเป็นตัวประหลาดที่หายากรึไงวะ?”
               อุมิโบสึโวยวายเมื่อเห็นกินโทกิหารายได้เข้ากระเป๋าอย่างซึ่งๆหน้า
               “แหม..คุณพ่อหัวเหน่งก็หลานของคุณพ่อน่ะหายากจะตายไป ใครจะมีโอกาสเห็นผลผลิตข้ามสายพันธุ์แบบนี้ได้บ่อยๆไปล่ะ”
               กินโทกิหน้าด้านไม่ยอมเลิกเก็บค่าเข้าชมทั้งๆที่คางุระเองก็ยังไมได้คลอด
               “บ้าไปกันใหญ่แล้วนะครับคุณกิน”
               ชินปาจิเดินเข้ามาตำหนิเจ้านายของตน ซึ่งก็มีคาซึระเดินเข้ามาด้วย
               “กินโทกิ แกทำบ้าอะไรของแก ชีวิตเด็กตัวเล็กๆแกยังตีเป็นราคาได้อีกเรอะ” คาซึระว่าเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่จริงจัง
               “ใช่แล้วครับ คุณคาซึระช่วยเตือนสติคุณกินที” ชินปาจิรีบสนับสนุน
               คาซึระหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดด้วยเสียงแน่วแน่
               “ฉันรีบจนไมได้เอากระเป๋าเงินมาแบบนี้ก็อดเข้าชมน่ะสิฟะ!!”
               “เฮ้ยยยยย!! มันใช่รึไงครับท่าน!!”
               ชินปาจิสติแตกเมื่อได้ยินคาซึระพูดเช่นนั้น และเห็นคนอื่นกำลังล้วงเหรียญในกระเป๋าตัวเองออกมานับกันแทบทุกคน
               “พอเถอะครับลูกพี่ ลูกของผมไม่ใช่อะไรที่จะมาเก็บเงินค่าเข้าชมอะไรแบบนี้นะครับ” โซโกะหันมาเตือนกินโทกิ “อย่างน้อยก็ควรเก็บค่าเข้าชมแพงกว่านี้นะครับ เพราะกว่าผมจะสามารถสร้างลูกมาได้ก็อาบเหงื่อต่างน้ำมามากพอสมควรนะครับ”
               “พอทีเถ้อออออ!!” ชินปาจิโวยวาย แต่ไม่มีใครฟัง
               “เสียดายจังเลยนะคุณโอทาเอะ ตอนลูกของเราทำไมเราถึงคิดอย่างนี้ไม่ได้ไม่รู้นะครับ”
               คอนโด้หันไปพูดกับภรรยาที่กว่าจะคิดได้ก็ลูกสองคนไปแล้ว
               “หมายความว่าไง? ข้ามสายพันธุ์กอริลล่างั้นเรอะพี่!!”
               ชินปาจิชักจะสติแตกกับพวกไม่เต็มเต็ง จนกระทั่งนางพยาบาลเดินมาดุกันนั่นแหล่ะ ทุกคนจึงได้สงบเสงี่ยมกัน
 
               หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชม. คางุระก็ให้กำเนิดเด็กทารกเพศชายที่แข็งแรงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทุกคนพากันแย่งกันเกาะกระจกดูเมื่อเด็กน้อยถูกพามายังห้องเนอสเซอรี่
               “เหมือนไอ้เจ้าลูกชายบ้าตอนเด็กๆไม่มีผิด”
               อุมิโบสึพึมพำน้ำตาคลอเมื่อเห็นหลายชายตัวเอง ผมของเด็กชายตัวน้อยเป็นสีส้มและยังมีผิวที่ขาวจัดเหมือนดั่งคามุอิไม่มีผิดเพี้ยน คามุอิเองก็มองหลานชายของตนอย่างเอ็นดู ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ครอบครัวของเขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้
               “ยินดีด้วยนะ โอคิตะคุง”
               กินโทกิเดินมาตบไหล่ของโซโกะที่กำลังมองลูกชายของตนไม่วางตา ความรู้สึกของโซโกะในตอนนี้บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรเพราะความดีใจ ความตื้นตัน ความกังวล ปนเปผสมอยู่ในความสุขจนแยกไม่ออก
               “ยินดีด้วยนะ โซโกะ”
               ฮิจิคาตะเองก็เข้ามาแสดงความยินดีให้กับเขาด้วย จากนั้นทุกคนก็ทยอยมาแสดงความยินดีกับโซโกะอย่างอบอุ่น
               “คุณแม่เข้าห้องพักฟื้นแล้วนะคะ”
               นางพยาบาลเดินมาบอกกับทุกคนที่เกาะกระจกอยู่ โซโกะได้ยินดังนั้นจึงรีบไปหาคางุระทันที และถึงแม้ทุกคนอยากจะตามโซโกะไปแต่ก็รู้ดีว่าในเวลาที่แสนจะน่าประทับใจนี้พวกเขาควรปล่อยให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกันมากกว่า
 
               โซโกะค่อยๆเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไปอย่างเบามือ เพราะไม่อยากรบกวนให้คางุระเสียอารมณ์หลังจากเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาหมาดๆ คางุระหันตามเสียงเปิดประตูแล้วยิ้มให้โซโกะเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้
               “ลื้อเห็นลูกรึยังน่อ?”
               เธอถามเขาอย่างอ่อนโยน
               “อือ”
               โซโกะได้แต่รับคำในคอ เมื่อความตื้นตันมันจุกอกทำให้พูดไม่ออก
               “เป็นผู้ชาย เพราะงั้นอั๊วชนะแล้วน่อ”
               “อือ”
               “อั๊วเจ็บเจียนตายเลยน่อ เพราะลื้อคนเดียวเลยแท้ๆ”
               “อือ”
               “ใจคอลื้อจะไม่พูดอย่างอื่นเลยเหรอนอกจากคำว่า อือ น่ะน่อ?”
               คางุระชักจะหงุดหงิดเมื่อสามีไม่เอ่ยคำชื่นชมที่เธอพยายามคลอดลูกเลยสักนิด แต่แล้วโซโกะก็ประทับริมฝีปากของเขากับเธอด้วยกันอย่างอ่อนโยน
               “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ”
               โซโกะบอกจากใจจริงเพราะไม่รู้จะสามารถเอ่ยอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว คางุระยกมือขาวซีดของเธอเช็ดน้ำตาของสามีแล้วหัวเราะ
               “ลื้อร้องไห้ รู้ตัวไหมโซโกะ”
               “หล่อนก็ร้องนี่” ชายหนุ่มย้อนคางุระที่น้ำตาไหลเป็นทาง “งั้นก็อย่าไปบอกใครแล้วกัน”
               “อือ”
               คราวนี้คางุระเป็นฝ่ายรับคำในลำคอแทนแล้วกอดตอบโซโกะที่กอดเธออีกครั้ง รู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นจนไม่สามารถเก็บไว้ได้
               “ในที่สุดอั๊วก็ทำสัญญาที่ให้ไว้กับลื้อได้แล้วนะ”
               คางุระพูดถึงสัญญาก่อนที่จะแต่งงานกับโซโกะเรื่องที่จะไปไหว้หลุมศพของมิซึบะที่บุชูอีกครั้งพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก
               “ขอบคุณนะ”
               โซโกะพูดอีกครั้งและจูบเธออีกทีด้วยความรักที่ไม่มีวันจะหายไป
 
               1 ปีผ่านไป
               เด็กชายตัวน้อยนามว่า โซราคุ กำลังเกาะราวหัดเดินที่พวกคุณลุงจอมป่วนมาแวะเวียนหาแทบทุกวันทำให้อย่างเก้กัง โดยมีคามุอิที่แสนเห่อหลานคอยมองอย่างระวังอยู่ไม่ไกลนัก
               “อาเฮีย ลื้อกลับไปได้แล้วน่อ ใจคอลื้อจะมานั่งเฝ้าโซคุงทั้งวันเลยรึไงน่อ”
               คางุระที่เตรียมทำอาหารเสร็จเอ่ยถามพี่ชายที่ยังคงจ้องหลานชายไม่ไปไหน
               “ก็พี่ไม่อยากปล่อยให้คางุระดูหลานลำพังนี่”
               คามุอิให้เหตุผล แต่ก็ยอมกลับเมื่อใกล้ถึงเวลาที่โซโกะกำลังจะกลับมาจากที่ทำงาน
               “ลุงจ๋าไปก่อนนะโซราคุ แล้วจะมาหาใหม่นะ”
               “บา บา”
               โซราคุที่เริ่มโบกมือบ๊ายบายเป็นยกมือส่ายไปมาให้กับผู้เป็นลุงจนคามุอิเก็บอาการปลื้มไม่อยู่ คางุระส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายที่แสนโหดเหี้ยมของเธอจะหลงหลานได้มากขนาดนี้
               เมื่อคามุอิกลับไปได้สักพัก โซโกะก็กลับมาถึงบ้านแล้วรีบปรี่เข้าไปหาลูกชายทันที
               “เป็นไงบ้างโซคุง คิดถึงปาปี๊รึเปล่า?”
               “ปาปา”
               เด็กน้อยหันหาผู้เป็นพ่อทันทีเมื่อได้ยินเสียง แต่แล้วด้วยความที่ยังเล็กและยังเดินไม่ได้โซราคุจึงหมุนตัวล้มลงกับพื้นแล้วร้องไห้จ้าจนโซโกะตกใจรีบวิ่งเข้าไปอุ้มลูกชายทันที
               “โอ๋ๆ โซคุงไม่เจ็บน้า ไม่เจ็บนะ”
               “เด็กผู้ชายก็ควรจะปล่อยให้เข้มแข็งด้วยตัวเองบ้างน่อ”
               คางุระที่เดินมาหาบ่นโซโกะที่คอยโอ๋ลูกเกินเหตุ จนคอนโด้ที่มาเยี่ยมเยียนบอกว่าโซโกะโอ๋ลูกเหมือนสมัยที่โอ๋มิซึบะตอนที่เธอมีชีวิตอยู่
               โซโกะไม่ต่อล้อต่อเถียงตั้งใจโอ๋ลูกชายต่อ พลันสายตาเหลือบไปเห็นของเล่นที่แตกเป็นเสี่ยงๆทั้งๆที่เป็นพลาสติกอย่างดีอยู่ในตะกร้าข้างตู้ และไม่ไกลกันนั้นก็มีของเล่นชิ้นใหม่วางอยู่
               “ลูกพี่วันนี้ก็แวะด้วยเหรอ?”
               โซโกะถามถึงกินโทกิที่มักจะมีของเล่นติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ เพราะโซราคุนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งของยาโตะอยู่ด้วย
               “ทุกคนก็แวะมาเหมือนเคยอ่ะน่อ ว่าแต่โซโกะลื้อมาช่วยอั๊วยกเบาะนอนเข้ามาในบ้านทีสิน่อ”
               คางุระวานสามีที่ยังอุ้มลูกให้ไปช่วย ซึ่งก็ทำให้โซโกะเมิน
               “หล่อนก็เอาเข้ามาเองสิ ฉันกำลังทำให้โซคุงเงียบอยู่เห็นไหม?”
               “ถ้าอั๊วทำได้ อั๊วไม่ใช้ลื้อหรอกน่อ ไอ้คนหลงลูกจนลืมภรรยาที่แสนน่ารักอย่างอั๊วน่ะ” คางุระบอกเขาอย่างหงุดหงิดแล้วเข้าไปแย่งอุ้มโซราคุมาไว้ที่ตน “ไปเก็บเข้ามาเลยน่อ”
               โซโกะจำต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ เขาเดินไปเอาเบาะนอนเข้ามาในบ้านแล้วรู้สึกเอะใจกับบางอย่าง
               “คางุระ”
               “ว่าไงอาตี๋บ้า”
               “ที่ให้ฉันไปเก็บเบาะนอนเนี่ย อย่าบอกนะว่า......”
               “อั๊วว่าเราคงต้องเลื่อนการไปบุชูก่อนล่ะน่อ” คางุระพูดอย่างเขินๆ แล้วเอามือทาบกับท้องตัวเอง“จนกว่าเด็กคนนี้จะคลอด”
               โซโกะเดินเข้ามากอดคางุระที่กำลังอุ้มลูกอยู่อย่างดีใจที่ตนเองกำลังจะได้เป็นพ่อลูกสอง
               “คราวนี้ฉันขอลูกสาวนะ”
               “จะไปรู้ได้ไงน่อ”
               คางุระบอกอย่างเขินๆ แล้วหลับตาเมื่อโซโกะโน้มหน้าเข้าใกล้
               เด็กน้อยโซราคุเงยหน้ามองพ่อกับแม่ที่แสดงความรักกันตาแป๋ว เลิกร้องไห้งอแงในทันทีแล้วหัวเราะคิกคักตามภาษาเด็ก ทำให้โซโกะกับคางุระหัวเราะไปด้วย
 
               เสียงหัวเราะที่จะมีให้กันตลอดไป
 

 
ในที่สุด ฟิค After marriage ของโอคิคางุก็จบลงแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามค่ะ
เนื่องจากเป็นมือใหม่ และไม่ถนัดเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเท่าไหร่นัก เลยอาจจะทำให้เนื้อเรื่องมีช่องโหว่มากมาย แต่ตั้งแต่นี้ไปไรท์ก็จะพยายามปรับปรุงตัวเอง และฝึกเขียนเรื่องราวต่างๆให้ประติดประต่อกันมากขึ้นนะคะ
 
ตอนนี้ไรท์แต่งภาคกลางระหว่าง สายลมใหม่ฯ กับ after แล้วนะคะ
เป็นเรื่อง ก่อนถึงคืนวันแต่งงาน ยังไงฝากติดตามด้วยค่ะ
 
ติดตามฟิคใหม่ๆได้ที่ http://sweetymanao.blogspot.com/
              
              
              

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา