Fic naruto ภาค พายุโลหิต

10.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.

  33 ตอน
  12 วิจารณ์
  46.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

12) บทที่ 12 ประลองดนตรี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อีกด้าน...

“กลับมาแล้ว”ชายหนุ่มผมชมพู ในเครื่องแบบทหารสีดำหันไปมองหญิงสาวที่เป็นเหมือนฝาแฝดในเครื่องแบบทหาร ที่ตอนนี้สวมหน้ากากจิ้งจอกขาวดำ ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ขอบใจที่ช่วยบอก พลังวิญญาณชั้นเหลือน้อยมาก...”

“ไม่เป็นไร ก็งานเลี้ยงมันปุ๊บปับเลยนี่นา”

“ไปเถอะ งานประชุมจะเริ่มแล้ว”

ทั้งคู่เข้าไปในห้องประชุมของศูนย์บังคับบัญชา ความปลอดภัยของเอโดะ

การประชุมนั้นเป็นหัวข้อเรื่องแจ้งความผิดของ ขุนนางยามาซารุ และเบนิได้ประกาศว่าจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ทำเอาขุนนางกังฉิน ซึ่งกับหน้าซีด ที่จิ้งจอกร้ายแห่งเอโดะกลับมาทำงานอีกครั้ง(อย่างเปิดเผย)แบบนี้

การประชุมกินเวลานานร่วมสี่ชั่วโมง กว่าประชุมเสร็จก็กินเวลาเกือบบ่าย

“หิวแล้วน่อ...”ริวโอโวย

“เหมือนกันครับ”เรมปล่อยผมสั้นปะบ่าที่มัดรวบไว้

คนสวมหน้ากากไม่เอื้อนเอ่ยอะไร หนุ่มหัวชมพูเอ่ยขึ้น “ไปหาอะไรกินดีล่ะ”

สองหนุ่มตอบพร้อมกับ “อะไรก็ได้”

“แล้วเธอล่ะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“ร้านเดิม ที่พวกเราไปกินกันดีไหม เดาว่าพวกนายคงจะเบื่อกับข้าวโรง’บาลแล้ว”

ริวโอเข้าไปคล้องเพื่อนสาว “รู้ใจพวกอั๊วจริงๆน่อ อาเบนิ”

เรมสรุป “ตกลง ไปร้านเดิมของพวกเราเถอะ”

สี่สหายเดินทางไปร้านอาหาร ร้านหนึ่ง ซึ่งสมัยเด็ก พวกเค้าจะแวะมากินประจำ และพวกเค้าก็กลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งละแวกนั้น โดยเฉพาะสาวๆ

“ท่านเบนิ!”ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งเข้าสวมกอด ร่างของคนสวมหน้ากาก

“มะ..มิกิจัง”

มิกิ หญิงสาว หน้าตาน่ารัก ผมสีน้ำตาลทองทรงทวินเทล ตาสีฟ้า ผิวขาว ในชุดกิโมโนสีชมพูหวานลาย ดอกไม้ สั้นแบบประยุกต์ คลายอ้อมกอด “ดีจังที่ได้เจอท่านอีกครั้งนะคะ”

“เอ่อ...อืม และมิกิจังมาเที่ยวรึ?”

“ค่ะ พอดี ชั้นแวะไปที่เรือนรับรอง ที่สหายของท่านพักอยู่ เลยอาสามาเป็นไกด์ทัวร์ให้ค่ะ”

“งั้นเหรอ ขอบใจนะ”

สามหนุ่มแอบน้ำตาตกใน...แม่เจ้า พวกตู หล่อสู้ไอ้เพื่อนคนนี้ไม่ได้...ทั้งสามสังเกตว่ามีใครบางคน วิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะช็อกกับเหตุการณ์ที่ มีสาวสวยมาหอมแก้ว คนที่สวมหน้ากากจิ้งจอก

แต่แล้วก็มีหญิงสาวหน้าตาแฉล้ม ในชุดกิโมโนสั้นสีดำ เข้ามากอดแขน “ท่านเบนิ จำชั้นได้ไหมคะ”

“ชิสึจัง”

“จำชั้นได้ด้วย ดีใจจังเลย”หญิงสาวเอซบแขนของอีกฝ่าย อย่างคิดถึง

มิกิกัดกรอดกำหมัดแน่น ทำเอาคนที่เหลือต้องถอยห่าง

ชิสึยิ้มหวาน “คืนนี้ท่านเบนิ มาหาชั้นที่ร้านได้ไหมคะ จะบริการเป็นพิเศษเลย”

คนสวมหน้ากากยิ้มละไม “เอาไว้ครั้งหน้านะ ชั้นยังอยู่ที่นี่อีกนาน ขอบคุณสำหรับคำเชิญนะ ชิสึจัง”

ความอ่อนโยนของคนสวมหน้ากากจิ้งจอก ทำเอาสาวสวยในชุดกิโมโนสีดำแทบละลายก่อนจะจุ๊บแก้มของคนสวมหน้ากากทีหนึ่ง ก่อนจะจากไป แต่ก็มีการโบกมือล่ำลาและไม่วายย้ำเตือน ด้วยรอยยิ้มอันสดใส“อย่าลืมแวะมาที่ร้านนะคะ”

ซาอิที่เห็นเหตุการณ์ เอ่ยขึ้น “นี่ถ้าไม่รู้จักกัน ผมคิดว่า เค้าเป็นผู้ชายนะครับ”

อิโนะ “เมื่อกี้ เผลอคิดว่าหล่อ เอาจริงๆยัยนั่นมันก็หล่ออ่ะ”

ซาสึเกะนิ่งอึ้งตะลึง...อะไรกันนน!!!!!!ทอมบอยชัดๆ...

มิกิทำแก้มป่องก่อนจะเข้าไปกอดแขนแน่น “ท่านเบนิ ชั้นโกรธนะคะ”

“อะไรกัน ชิสึกับชั้นเราเป็นเพื่อนกันนะ และอีกอย่างชั้นเป็นผู้หญิง”

“ไม่รู้ล่ะ หึงนะ ทำไมยอมให้ยัยนั่นจุ๊บแก้ม”

“เฮ้อ ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หิวข้าวขอตัวไปกินข้าวก่อนล่ะ ชั้นจะไปทำงานต่อ”

 สองสาว?ทำราวกับคู่รัก ที่มิกิ แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่...ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เล่นด้วย

ซากุระมองอีกฝ่ายอย่างเบื่อหน่าย เธอน่าจะเปิดใจหาคู่ชีวิตได้แล้ว

“ขอตัวไปกินข้าวก่อนนะ พอดีชั้นมีงานอีกมากที่ต้องสะสาง”

“ได้ไงคะ คืนนี้ท่านเบนิ ต้องมาร่วมงานเลี้ยงนะคะ”

ความอดทนสาวผมชมพูเริ่มจะหมดลง เพราะความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เธอตัดสินใจ ผลักอีกฝ่ายเบาๆ

“เจอกันที่งานเลี้ยงคืนนี้”ก่อนจะหันไปยิ้มบ้างให้เพื่อนนินจา”เที่ยวให้สนุกนะ”

สาวผมชมพูเดินออกห่างอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสามหนุ่ม

อิโนะมองท่าที่เพื่อนรัก มันทำให้เธอรู้สึกว่ายัยนั่นจะคล้ายผู้ชายเข้าไปทุกทีๆ “อยู่นี่ก็งานเยอะ อยู่นู่นก็งานยุ่ง”

มิกิหันมาถามสาวผมทอง“ท่านเบนิ ทำงานหนักตลอดเลยเหรอคะ”

“ก็ใช่ เค้าเป็นหมอที่โคโนฮะค่ะ และเป็นหัวหน้าศูนย์ฟื้นฟูจิตใจเด็กที่โคโนฮะ อีกด้วย”

“งั้นเหรอคะ” หญิงสาวทำตาเศร้า “ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเมืองห้าปีก่อน ชั้นไม่ได้เจอหรือได้รับข่าวสารของท่านเบนิเลย ถึงบางครั้งท่านจะมาที่เอโดะบ้างแต่เราก็ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้เลยว่าท่านอยู่อย่างไร ขอโทษด้วยนะคะ งั้นเราไปหาร้านอร่อยๆพักกินข้าวกันดีกว่า”

สามนินจาโคโนฮะตามหลังสาวสวยมิกิไปอย่างเงียบๆ

ทั้งสี่มาที่ภัตตาคารใหญ่ที่มีคนพลุกพล่าน และโชคดีที่มี ที่นั่ง งานนี้มิกิขอเป็นเจ้ามือ

ซาอิเอ่ยขึ้น “จะดีรึครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพื่อนของท่านเบนิก็คือเพื่อนของชั้น ถือเป็นน้ำใจด้วยนะคะ”

ทั้งสามไม่ปฏิเสธ มิกิจัดการสั่งอาหารราคาแพงมามากมาย ระหว่างที่กินอาหารเธอมักจะถามการทำงานของซากุระ ซึ่งอิโนะจะเป็นคนตอบคำถามเกือบทั้งหมด จะมีซาอิเล่าแทรกบ้างเพียงเล็กน้อย

หลังจากนั้น  ก็เป็นเวลาบ่ายๆ มิกิจึงขอแยกไป 

ซาสึเกะชักกังวล  พวกผู้ชายยังพอว่า แต่มีศัตรูหัวใจเป็นผู้หญิงด้วยนี่...กลุ้ม! ยิ่งมาเห็นแม่ตัวดีในชุดเครื่องแบบ ให้ตาย เหมือนผู้ชายมากๆ ถึงจะเตี้ยสุดในบรรดาเพื่อน แต่ก็ถือว่า หล่อเอาเรื่อง  จากการที่ได้ฟังอิโนะเล่าเรื่องของยัยตัวร้ายหัวชมพู ก็ทำให้รู้ว่าเจ้าหล่อนทำงานหนักมาก บางวันแทบจะลากสังขารกลับบ้านแทบไม่ไหว ยังไม่ถึงห้องนอนก็ล้มสลบที่หัวบันได บางวันก็สลบที่ห้องทำงาน กรรม!

พวกเค้ากลับมาที่พักผ่อนที่เรือนรับรอง

ตกเย็นก็มีคนในเครื่องแบบมาเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ สองหนุ่มแต่งชุดปกติของตน ส่วนอิโนะ ครั้งนี้เธอสวมกิโมโนสั้นสีม่วงลายดอกลิลลี่แบบประยุกต์ดูน่ารัก คู่กับถุงเท้ายาวสีดำกับรองเท้าเกี๊ยะสีเดียวกัน ใบหน้าแต่งอย่างประณีต ผมยาวรวบเป็นหางม้า

ที่จัดงานเป็นเรือสำราญไม้ สไตล์ญี่ปุ่นดูหรูหรา ขนาดใหญ่ ริมน้ำ

“มากันแล้วเหรอครับ”คนที่ทักคือหนุ่มผมสีเงินเรม ชายหนุ่มชมเปาะ “วันนี้คุณอิโนะน่ารักมากเลยครับ”

สาวผมทองหน้าขึ้นสี “ขอบคุณค่ะ วันนี้คุณเรมเองก็ดูหล่อมากๆเลยนะคะ”เธอชมเค้าจากใจจริง เรมเป็นคนที่ หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิกดี และวันนี้เค้าสวมยูกาตะสีกรมท่า ไม่มีลวดลาย ผมสีเงินรวบต่ำ ดูสง่างาม “แล้วเพื่อนของชั้นล่ะคะ”

“เบนิกำลังมาครับ คงจะมาพร้อมบันไซ เห็นว่าไปเอาชุดน่ะครับ”

ทั้งหมดตามหลังเรมขึ้นเรือสำราญ

“ไอ้แฝดนรกเมื่อไหร่จะมาน่อ”ริวโอที่อยู่ในชุดแบบจีนๆ คือ เสื้อคอจีนสีส้มแขนกุด กางเกงขายาวสีขาว มีผ้าดำพันเอว ร้องถามเพื่อน

“คงอีกไม่นานแล้ว ริวโอคุง นายมานานแล้วสิ”

“อื้ม มาทีหลังลื้อไม่กี่นาทีหรอกอาเรม”

บนเรือนั้นเต็มไปด้วยทหารของเอโดะมากหน้าหลายตา จะมีผู้หญิงก็เป็นส่วนน้อย  ต่างคนต่างสวมยูกาตะ กิโมโนสวยงาม มีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงสวมเครื่องแบบ

“อิโนะจังทางนี้ค่ะ ทางนี้”

อิโนะเดินไปหามิกิ ที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะแต่งแบบจัดเต็ม วันนี้เธอสวมกิโมโนสีชมพูหวานลายดอกซากุระสั้นแบบประยุกต์ สวมถุงเท้ายาวสีขาว ผมสีน้ำตาลทอง ปล่อยสยายดัดลอนที่ปลายผมดูอ่อนหวาน ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีต ทำให้เธอดูน่าหลงใหล เหล่าทหารหลายคนอดไม่ได้ที่จะลอบมอง

สองหนุ่มเพื่อนซี้ชักกังวล ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวร้ายจะแต่งตัวมาแบบไหน

“นั่นน่ะเหรอบะๆเบนิ”เสียงคนๆหนึ่งดังขึ้น ทำเอาหลายๆคนฮือฮา

สาวผมชมพู ในชุดสไตล์โกธิค โลลิต้าผสมกิโมโน  โดยตัวเสื้อเป็นกิโมโนสีดำขอบแดง ที่แขนเสื้อมีระบายเล็กๆสีขาว เอวมีสายโอบิสีแดงสดผูกเป็นโบว์ข้างหลัง  ส่วนกระโปรงนั้นสีดำขอบแดงฟูฟ่อง เธอสวมถุงน่องสีดำยาว เข้าคู่กับรองเท้าบู๊ทสั้นสีเดียวกัน ใบหน้าถูกแต่งแต้มสีสันอ่อนๆ

“ไง”เธอทักทายสองเพื่อนที่มาก่อน

ทั้งริวโอและเรม ตะลึง

หนุ่มผมชมพูมองเพื่อนรักและคนอื่น วันนี้เค้าสวมยูกาตะสีดำลายดอกสึบากิสวมเสื้อคลุมดำขอบแดงทับอีกที ผมสีชมพูรวบไว้

“เฮ้ยๆ เกิดอาการใบ้กินรึไงวะ”

ริวโอเลิกคิ้วมองเพื่อนสาวที่แต่งหญิงมาซะสวย “ใครตีหัวลื้อวะ เบนิ”

หญิงสาวตอบเสียงเคร่ง“โดนอาบังคับ”

สองหนุ่มและคนอื่น(ยกเว้นคาโอรุ)ที่ได้ยิน ถึงกับตะลึง ที่มีคนบังคับเบนิได้  ถึงจะเป็นทหาร ต่อให้เป็นผู้บังคับบัญชาอย่างมิคาโดะก็ยังไม่สามารถบังคับ เบนิ ได้(ส่วนมากป๋าจะบังคับให้เบนิไปเดตกับลูกสาวของป๋า)

ซาสึเกะมองร่างบางในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีดำ รู้สึกโล่งอก ที่เจ้าหล่อนไม่แต่งหล่อมา ไม่งั้นคงทำใจไม่ได้

เมื่อแขกทุกคนมากันครบ เรือสำราญก็แล่นสู่ลำน้ำ เหล่านักดนตรี นางรำนักแสดง แสดงโชว์ให้เหล่าทหารได้ชม 

ซากุระได้ผละจากเพื่อนไปคุยกับเพื่อนทหารหญิงคนอื่น

นามิเอะ รองหัวหน้าหน่วยสามกล่าวชม “เก่งจริงๆนะคะ ศึกที่ซาโกมะ”                                

คนถูกชมก้มหัวอย่างนอบน้อม “ไม่หรอกค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ”เพราะการที่เธอเข้าแคว้นเอโดะ ได้ก็เพราะทหารหน่วยอื่นที่เหลืออยู่ อย่างนามิเอะและริสึโอะ คอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งความสะดวกการเข้าแคว้น พร้อมจัดหาอาวุธให้

สึซึกิ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ตำแหน่ง หัวหน้าหน่วยองครักษ์ เขตห้า เอ่ยขึ้น “เสียดาย ถ้าชั้นไม่ได้ตามนายเหนือหัวไป คงช่วยเธอได้อีกแรง”

ริสึโอะ รองหัวหน้าหน่วยสองเอ่ยขึ้น “แต่ก็ดีนะ ที่กำจัดมันได้ ตอนแรกพวกอยากค้านเรื่องที่พวกเธอเป็นกบฏอยู่ แต่ขุนนางระดับสูงหลายคน รวมทั้งนายเราก็เออออตามเจ้ายามาซารุ ซะได้”

ซากุระขมวดคิ้วอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยอย่างสบายๆ “แต่ในตอนนี้ ตัวการใหญ่ก็อยู่ในคุกแล้ว อีกไม่นาน...คงป่วยตาย”

สึซึกิเลิกคิ้ว “ป่วย เจ้านั่นน่ะรึ” เธอไม่อยากเชื่อซักเท่าไหร่ ด้วยเจ้าขุนนางโฉดนั้น ร่างอ้วนฉุแต่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ

“จะโรคอะไรซะอีกล่ะ คับอกคับใจตายยังไงล่ะ คนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ถูกจับขังในคุกรอวันตายแบบนั้น ไม่อกแตกตายให้มันรู้ไป”ว่าจบ หญิงสาวก็ยกสาเกจิบ

ริสึโอะหัวเราะลั่น”นั่นสินะ จะฆ่ามันไป ก็เสียมีดเสียดาบเอาเปล่าๆ ให้มันตายอย่างช้าๆจะดีกว่า”

สึซึกิเองก็หัวเราะร่าเช่นเดียวกับนามิเอะ

สี่สาวร่วมดื่มสุราหัวเราะกันอย่างเฮฮา

ทางด้านอิโนะ กับสองหนุ่มนินจา ถูกพามานั่งอีกโต๊ะต่างหาก ที่โต๊ะมีมิกินั่งอยู่ด้วย ครั้งนี้อากิระและสามบ้าได้ตรงมาร่วมวงด้วย

ซาอินึกสงสัย สามสาวสวยสะคราญในชุดกิโมโน ยูกาตะ แบบประยุกต์สวยงามกำลังสนทนากับหญิงสาวผมชมพู ที่ไม่ว่าเธอเดินไปตรงไหน เหล่าทหารยศน้อยต่างกริ่งเกรงมาก ไม่แพ้ ซากุระที่เป็นตำแหน่งเสนาธิการ จึงถามอากิระ

“สามสาวนั้นเป็นใครรึครับ”

“คนที่สวมกิโมโนสีขาว เขียว ชื่อ นามิเอะ รองหัวหน้าหน่วยสาม ที่ร่วมดูแลแคว้นในเขต สาม เป็นผู้ดูแลปราสาทตะวันออก คนที่สวม  ยูกาตะสีฟ้า ชื่อ ริสึโอะ เป็นรองหัวหน้าหน่วยสอง  เธอทำหน้าที่ดูแลท่าเรือของแคว้นทั้งหมด ต่างหาก ส่วนคนที่สวมยูกาตะ สีขาวแดง ชื่อ สึซึกิ เป็นหัวหน้าหน่วยห้า”

ซาสึเกะขมวดคิ้ว เท่าที่รู้มา ซากุระถึงจะเป็นเสนาธิการแต่เธอก็ไม่ได้รับตำแหน่งหัวหน้า เป็นเพียงรองหัวหน้าหน่วยที่ได้รับการอวยยศเร็วเท่านั้น“ทำไม คนที่ชื่อ สึซึกิได้ตำแหน่งหัวหน้าล่ะ”

“เพราะเธอ ชนะการประลองเมื่อสามปีก่อนครับ เมื่อก่อนเธอยังเป็นทหารหน่วยพยาบาล แต่เพราะฝีมือที่เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน แต่ผู้หญิงที่รับราชการทหารจะมีน้อย แต่มีฝีมือทุกคน แม้บางครั้งก็ไม่สามารถได้ตำแหน่งสูงอย่างเปิดเผยไม่ได้”

อิโนะขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ “ทำไมคะ”

“หญิงเหนือชาย อาจจะเสียการปกครอง เพราะทหารส่วนใหญ่เป็นชาย ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากคนอื่น แต่ในกรณีของสึซึกิ กับเบนิจัง ทุกคนต่างยอมรับ แต่เงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญของผู้หญิงจะมากกกว่าชายน่ะครับและส่วนมากจะไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเป็นซามูไร ถ้ามีเค้าจะคัดมาแต่คนที่มีความสามารถจริงๆ สี่คนนั้นมีทั้งฝีมือ ความสามารถที่เข้าตาเบื้องบน ได้ยินว่าทั้งหมดเป็นลูกหลานกลุ่มกบฏสิบตระกูล”

เรื่องนี้ซาสึเกะไม่เถียง เพราะแม่ตัวดีที่กำลังดื่มสาเกนั่นน่ะ คือคนจากตระกูลชิอินะ เชียว

มิคาโดะที่เริ่มเมาเพราะฤทธิ์สุรา ก็ตะโกนขึ้น “เฮ้ย เพลงมันไม่ลื่นหูเลย มาประลองดนตรีดีกว่า ใครแสดงได้ถูกใจ คู่แรกเริ่มที่สามหมื่นเยน โว้ย!!!”

เหล่านักดนตรีหลบฉาก ทหารหลายนายชักสนุกเพราะหลายคนก็ได้ร่ำเรียนศิลปะดนตรีมาก็เยอะ การประลองดนตรีถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนุกยิ่งนัก แถมได้เงินอีก

คนแรกที่เข้ามาแสดงคือ ชิโอะ กับ ทหารอีกนาย ทั้งคู่ประลองโคโตะ (พิณญี่ปุ่น)

เพลงที่บรรเลงมา กินกันไม่ลง ด้วยต่างฝ่ายต่างมีฝีมือ ซากุระ ผละจากเพื่อนร่วมงานไปหา เพื่อนที่อยู่โคโนฮะ

“เป็นยังไง งานสนุกไหม”

อิโนะยิ้มรับ “สนุกสิ วันนี้เธอสวยมากเลยนะ ซื้อชุดจากที่ไหนล่ะเนี่ย”

“ไม่รู้ อาชั้นซื้อให้”

เธอตอบด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ เมื่อช่วงบ่ายหลังจากที่ทำงานไปพอสมควร เธอกับญาติหัวชมพูจึงแวะไปที่บ้านตายายที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักงาน ก็โดนคุณอาบังคับให้แต่งชุดกระโปรงฟูฟ่องแบบนี้ ทั้งที่ตอนแรกเธอกะจะแต่งชุดสูท ไม่ก็ยูกาตะธรรมดาๆ นอกจากชุดกระโปรงฟูฟ่องนี่ ยังโดนจับแต่งหน้าอี๊ก เอาเข้าไป แต่ก็ดีที่จะได้ดูเป็นผู้หญิง เผื่อมิกิจะตัดใจจากเธอได้

ซาสึเกะจ้องมองซากุระไม่วางตา วันนี้เธอดูสวยน่ารัก ชวนมองยิ่งนัก เค้านึกขอบคุณอาของเธอ ที่บังคับให้เธอแต่งสวยสมกับเป็นผู้หญิงแบบนี้ไม่งั้น คนหลายคนอาจจะมองว่าเธอเป็นผู้ชายก็เป็นได้

การบรรเลงโคโตะจบลง ผลปรากฏว่า ชิโอะเป็นฝ่ายชนะ เสียงปรบมือดังกระหึ่ม

หญิงสาวผมชมพูจึงนึกอยากจะประลองฝีมือบ้าง

ซาสึเกะขมวดคิ้ว แขนของเธอน่าจะ เพราะเมื่อวานที่เธอเป็นคู่ซ้อมให้ปู่ของเธอ เค้าจำได้ว่าเธอเอาแขนขวารับดาบไม้ที่ปู่ของเธอฟาดลงมา

ชิโอะยิ้มกริ่มด้วยทะนงว่าตนนั้นเล่นดนตรีเก่งไม่แพ้ใคร แข่งโคโตะยกสองจึงเริ่มขึ้น

ฝีมือการเล่นโคโตะของหญิงสาว ทำเอาคนทั้งงานนิ่งเงียบฟังทั้งคู่ฝีมือกินกันไม่ลง

เพียงสักพัก ชิโอะต้องเหงื่อตกเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเอาจริง เพราะแม่ตัวร้ายมีนิสัยชอบเอาชนะ

สุดท้าย เงินรางวัล ห้าหมื่นเยนจึงเป็นของเธอ

คาโอรุยิ้มกริ่ม นึกอยากจะแข่งบ้าง

และครานี้ดนตรีที่สองหนุ่มสาวผมชมพูเลือกคือ ซามิเซ็ง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ทั้งคู่ถนัดที่สุด และเงินรางวัลคราวนี้คือห้าแสน

ถือว่าเป็นคู่ที่น่าจับตา บทเพลงที่ถูกบรรเลงจากคนทั้งคู่ชวนสะกดให้หลงใหล

ซากุระเหลือบมองญาติที่กำลังแข่งกับตน ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้เธอแน่ เธอเองก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ

...เงินรางวัลเธอจะเอาไปซื้อตุ๊กตาหมาไซบีเรียนรุ่นลิมิตเต็ด แถมพุ้ดดิ้งแมงโก้ งานนี้สู้ตาย...

คาโอรุมองญาติสาว ...ไม่ยอมแพ้หรอก ชุดหุ่นการ์ตูน รุ่นลิมิตเต็ด รออยู่...

การแข่งขันยังไม่มีใครแพ้หรือชนะจนกระทั่ง

‘ตึ๋ง’

สายซามิเซ็งของสาวผมชมพูเกิดขาดเสียก่อน ผู้ชนะคราวนี้ตกเป็นของ หนุ่มผมชมพูบันไซ

หญิงสาวระบายยิ้มบนหน้า “นายชนะ”

เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั้งลำเรือ

“เครื่องฝืด งานยุ่งจนลืมฝึกรึไง”

“ก็ใช่ งานชั้นยุ่งมาก แค่กองเอกสารก็แย่แล้ว อยากหาเวลาว่างบ้าง”

ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายฉุดให้หญิงสาวลุกขึ้น แล้วพาไปดื่มที่โต๊ะ ปล่อยให้คนอื่นมาประลองบ้าง

ซาสึเกะที่ลอบมองดูก็ตอนที่หญิงสาวหัวเราะ มันดูเป็นธรรมชาติ มีความสุข แต่แววตาของเจ้าหล่อนเค้าสังเกตตั้งแต่แรก มันดูอิดโรยมากกว่าสดใส

“คุณซาสึเกะ”เรมนั่งข้างก่อนจะรินสาเกใส่จอกในมือให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร

“นายคือ...เรม สินะ”

“ถูกแล้วครับ คุณคงจะรู้จากใบประกาศจับสินะ”

“ใช่”

แววตาของหนุ่มผมเงินฉายแววสดใส และอ่านยาก “น่าเสียดายนะ ที่ค่าหัวพวกผมน้อยไปหน่อย”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะ...เราเป็นข้าราชการ นักล่าค่าหัวจะไม่อยากยุ่ง นี่เป็นเหตุที่ทำให้ค่าหัวข้าราชการจะไม่เกิน ยี่สิบห้าล้าน”

“เฮ้ มีใครจะเล่นเกมส์ท่านโชกุนรึเปล่า”

ทหารหลายคนกลับเมาแอ๋ เหลือเพียง พวกโคตรคอแข็ง อยู่ไม่กี่คน ซึ่งก็คือ เรม ริวโอ บันไซ เบนิ อากิระ ชิโอะ มิกิ ซาสึเกะและซาอิที่ทำหน้าที่ดูแลอิโนะที่เมาแอ๋โดยข้างๆคือสามทหารสาวเอโดะ

ส่วนที่เหลือเมาปริ้นสิ้นสภาพ นอน(เมา)ตายกันเกลื่อน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา