บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!

8.8

เขียนโดย Namizz

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.

  27 chapter
  129 วิจารณ์
  38.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ~ 2 ~

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    

     ฉันรีบเก็บกระเป๋าดินสอและรีบวิ่งนำกระดาษคำตอบไปส่งอาจารย์คุมสอบ  แต่ทว่า เสียงของอาจารย์ก็รั้งขาของฉันเอาไว้

 

“หยุดก่อน!”

 

“คะ?......”

 

“เธอชื่อ   นียา... ใช่ไหม”

 

“ใช่ค่ะ....อาจารย์เรียกหนูทำไมหรือคะ”

 

“ไม่มีอะไรหรอก    หวังว่าข้อสอบคงไม่ยากเกินไป...สำหรับทายาทหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่  ใช่ไหม  นียา”

 

“เอ่อ...ค่ะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวก่อน”

 

 

     ไม่รอฟังคำอนุญาติและรีบโกยOut ออกมาจากห้องมหาประลัยทันที ทำไมนะ...อาจารย์ต้องใช้คำพูดดูถูกฉันด้วย ฉันไม่ได้ใช้เส้นสายเข้าสักหน่อย ชั่งเถอะ! เมื่อคิดในใจได้แค่นั้นก็ต้องตกใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคิดที่จะทำตั้งแต่แรก ไม่เจอ!  ไม่เจอ! และไม่เจอ ! สิ่งมีชีวิตได้ประทานมาให้ฉัน -,,-  ได้หายไปแล้ว เผลอแปบเดียว เป็นเพราะอาจารย์เฉาชวย (สำรวย)นั่นแท้ๆ ทำให้ฉันไม่ได้เคลียร์ปัญหากับนายนั่น  เฮอะ! ให้มันได้อย่างนี้ดิ~ ~ พอตั้งสติได้ก็ต้องนึกถึงเป้ย เพื่อนLove ของฉัน

 

 

“ฮัลโหล....เป้ยหรอ อยู่ไหนเนี่ย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

“ฉันอยู่ห้องสมุด ตรงตึก2อ่ะ แกรีบมาล่ะ แค่นี้นะ”

 

“เฮ้ย! อย่าพึ่งวาง แล้วตึกสองมันอยู่ที่ไหนล่ะ ฉันไม่รู้”

 

“โธ่เว้ย! ไอ้นียา แกนี่มีดีแค่เสียง แต่สมองแมร่งตีบตัน  เออๆๆๆ เดี๋ยวฉันไปหาแกเอง แค่นี้นะ  ติ๊ดด!” เสียงกดวางสายของเป้ยทำให้รับรู้ถึงอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของคนกด คงอยากจะควัก ตับ ไต ไส้ พุง ของฉันมานั่งเล่นแล้วล่ะมั่งน่ะ  สยองชิบ~ ~ ทำไงได้ก็คนมันไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกนี่หน่า (แหวะ!)

 

 

     พอรอได้สักพัก ร่างบางของเป้ยก็กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับรังสีอุลตร้าเซเว่น..กรำ   ดูจากสีหน้าและท่าทางการเดินแล้วคงจะหายเคืองฉันแล้วล่ะ(มั่ง)อิอิ   ดีแล้วล่ะ ฉันยังไม่อยากเสียเครื่องในให้ใคร  เหอะๆๆๆ....

 

 

“เป็นไง ข้อสอบยากป่ะ” เป้ยถามออกแนวอยากรู้

 

“อืมม...ก็ยากอ่ะ โดยเฉพาะอังกฤษอ่ะ โคตรยากเลย” ฉันโม้ไปอย่างนั้นแหละทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ

 

“หรอ งั้นเรากลับบ้านกันดีกว่า ป่ะ” เป้ยชวนฉันกลับบ้านทั้งๆที่ตอนนี้ก็ยังไม่เย็นเลยนะ แต่ฉันก็ยอมกลับแต่โดยดี โดยยอมให้เป้ย ทั้งลากทั้งจูงออกจากโรงเรียน

 

 

     ในขณะที่เราทั้งสองกำลังจะเดินออกจากประตูโรงเรียน ท้องเจ้ากรรมดันบอกให้หยุด ตอนนี้ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อๆไปให้เป้ย และส่งสายตาประมาณว่าช่วยฉันเถอะนะเพื่อนเลิฟ   แต่เป้ยก็ยังคงไม่รับรู้ในสิ่งที่ฉันได้สื่อออกไป

 

“หยุดดด! ก่อนนนน!” ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว

 

“หยุดทำไมอ่ะนียา มีอะไรเหรอ”

 

“อะ.......เอ่อ.......คือว่า..... เอ่อ...”

 

“จะเอ่ออีกนานไหมว่ะ เป็นอะไรอีกล่ะ”

 

“ช้านนนนปวดท้องอึ! อยากเข้าห้องน้ำด่วน มันอยู่ที่หนายยยยย”

 

“บอกตั้งแต่แรกก็จบ  ไปเลยไป  ตดหรือนั่น  แมร่งเอ้ยยย   ตึก4 ขวามือ ตรงไปเดี๋ยวเห็นเอง”

 

“OK… แกรอฉันอยู่ตรงนี้นะ  เดี๋ยวมา”

 

 

     พูดจบเท่านั้นแหละ ขาอันเรียวงามก็ออกวิ่งทันที วิ่งๆๆๆๆๆๆ และก็วิ่ง ตึก4 ๆๆๆๆ  อยู่ไหนว่ะเนี่ย ฉันจะอัดอั้นกล้ำกลืนไม่ไหวแย้วววนะ เฮ้ออออ เจอแล้ว ห้องน้ำหญิง ขอบคุณพระเจ้าพันธุ์กล้วยแขกอินเดียจริงๆๆ  เฮ้อๆๆๆๆ ......  ค่อยยังชั่ว พอฉันออกมาจากห้องน้ำและกำลังล้างไม้ล้างมืออยู่..  เด็กผู้หญิงใส่ชุดมัธยมต้น2คนก็เริ่มเปิดประเด็นคุยกัน  อุ้ย! ฉันไม่ได้แอบฟังนะ แค่...หูมันทำงานตามปกติเท่านั้นเอง  แหะๆๆๆ

 

 

“นี่แกรู้ไหม ฉันได้ข่าวมาว่าพี่โพทส์เรียนต่อที่นี่ด้วยแหละ ดีใจจัง”

 

“จริงเหรอ!  ว้าวววว งั้นก็ดีน่ะสิ โรงเรียนของเราจะได้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรที่มีคุณค่าทางหน้าตา”

 

“แต่ฉันมีข่าวที่เด็ดกว่า  รู้ไหมอะไร”

 

“อะไรเหรอ”

 

“ก็ฉันได้ยินข่าวแว่วๆมาว่าพี่โพทส์ เลิกกับแฟนแล้ว!”

 

“หะ! จริงๆๆเหรอแก” ทำไมเด็กโรงเรียนนี้ไร้สาระกันจังนะ วันๆเอาแต่พูดเรื่องของคนอื่น ไม่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนกัน  เพ้อเจ้อกันอยู่ได้  ก็นี่ล่ะนะ โรงเรียนมัน#o>

 

 

“อิ่มแล้วเหรอ”  นี่คือประโยคแรกที่ออกมาจากปากอันอวบอิ่มของเป้ย(แต่ข้างในปากเป็นสวนสัตว์เขาใหญ่2 ชัวร์!)

 

“เออ.....เฮ้ย! ไอ้บ้า ....กว่าฉันจะหาตึก4ของแกเจอแทบแย่”

 

“อ้าวเหรอ เออ..  .นี่คือ........”

 

“เป้ย.....ฉันไปก่อนนะ  เปิดเทอมเจอกัน    บาย” นายนั่นพูดแทรกขึ้นก่อนที่เป้ยจะพูดอะไรบางอย่าง...

 

“เออ....ผมเธอสวยดีนะ ฉันชอบคนผมยาว....” เขาหันหลังกลับมาและพูดกับฉัน...ห๊า! เขาพูดกับช้านนนนนน   พอเขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างเงียบๆๆ ทิ้งให้ฉันและเป้ยยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหน้าที่พึ่งขาวซีดตอนที่ไปห้องน้ำ บัดนี้ได้แดงขึ้นอย่างน่าตกใจ นี่ฉันกำลังอายเหรอ  ว้าวว! มีคนหล่อทักด้วย ^0^

 

 

“อย่าบอกนะว่าแกชอบนายนั่น”

 

“จะ....จะบ้าเหรอ ฉันยังไม่เคยคุยกับเขาแล้วจะชอบได้ยังไง....”

 

“ฮั่นแน่! แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”

 

“เหรอ...ไหนๆๆๆ ....อากาศมันร้อนมากเลยอ่ะ ไปกันเถอะอย่ายืนตากแดดเลยเดี๋ยวผิวดำกันพอดี” เป้ยเดินมาตบไหล่ฉันให้ตื่นจากภวังค์ แล้วทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาคาดคั้นจับผิดด้วยล่ะ ไม่เข้าใจเล้ยย....  เฮ้อออ..ตอนี้เราสองคนอยู่บนรถเมล์  จู่ๆๆ เป้ยก็เปิดประเด็นพูดขึ้น

 

“อยากรู้เรื่องนายนั่นไหมล่ะ”

 

“หา! อะไรนะ   อ้อ....นายนั่นน่ะเหรอ ทำไม?”

 

 

     เป้ยเริ่มเล่าชีวประวัติของเทพบุตร เอ้ย! ไม่ใช่  ของนายนั่นต่างหากล่ะ เป้ยบอกว่านายนั่นมีนามว่า  โพทส์  เป็นเด็กเก่าของที่นี่และเป็นเพื่อนของเธอมาตั้งแต่ม.1 โพทส์เป็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่า หล่อขั้นเทพ คนหนึ่งในโรงเรียนเลยก็ว่าได้ มีดีกรีทางด้านกีฬา ด้านดนตรี   แต่ที่เด่นที่สุด ก็คือความสามารถนอกระบบ เช่น แข่งรถ บีบอย ฮิฟฮอบ  บีชบ๊อกค์ และอื่นๆๆอีกมาก ถึงแม้การเรียนจะไม่ค่อยเอาไหน แต่เขาก็ได้สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนในด้านกีฬา จึงไม่แปลกเลยที่นักเรียนที่นี่จะรู้จักเขา...ฉันนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างตั้งใจ และอึ้ง ในสิ่งที่เป้ยรู้มา ฉันสงสัยจังว่าทำไมเพื่อนของฉันถึงได้เล่าเรื่องราวของคนอื่นได้อย่างสบายๆ แต่ก็ได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น และฉันก็ได้ถามคำถามที่อยากรู้มานาน (เปล่าหรอก พึ่งอยากรู้เมื่อกี้อ่ะ  หุหุ)

 

 

“แล้วนายนั่น...เอ่อ...โพทส์น่ะ เขา.....มีแฟนหรือยัง?”

 

“ไหนบอกว่าไม่ชอบเขาไง   แล้วอยากรู้ไปทำไมว่าเขามีแฟนหรือไม่มี”

 

“โธ่เอ้ย! ก็คนมันอยากรู้อ่ะ ไม่ได้คิดอะไรอย่างที่แกคิดหรอก”

 

“เออๆๆ  บอกก็ได้.....โพทส์ น่ะ มีแฟนแล้วล่ะ....เสียดายอ่ะดิ ^_^”

 

 

     เสียงเหย้าแหย่ของเป้ยทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา  สมองมันคิดได้แค่นี้เหรอฟะ!แต่ปากของยัยนี่ก็ยังคงไม่ยอมหุบเป็นเรื่องเป็นราว

 

“แล้วอยากรู้ไหมล่ะว่าแฟนโพทส์คือใคร” เป้ยถามอย่างยียวน (กวนTeen)

 

“รู้แล้วได้อะไร  รู้ไปก็แค่นั้นแหละ แต่ถ้าอยากเล่าก็พูดมา” (ใจจริงก็อยากรู้อ้ะดิ  เหอะๆ)

 

“ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นชื่อว่า โซฟี ....เคยไปแข่งเต้นบีเกิร์ลชิงแชมป์ไอดอลเกิร์ลมาแล้ว แล้วก็คว้าชัยชนะมาได้อย่างน่าชื่นชม จึงทำให้โซฟีมีชื่อเสียงโด่งดังมาก แล้วก็ยังมีความสามารถทางการเรียนอีกนะเพราะเคยไปแข่งขันตอบคำถามวิชาการจนทำให้โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงอีกเช่นเคย นี่แหละนะ คนเก่งคู่กับคนเก่ง คนหล่อคู่กับคนสวย ฉันล่ะอิจฉาคู่นี้จริงๆเล้ยยย”

 

 

     ไม่รู้ทำไมความรู้สึกฉันตอนนี้มันถึงดูแปลกๆ คงจะอิจฉาเหมือนที่เป้ยพูดล่ะมั่งชักอยากจะเห็นหน้ายัย โซฟี (สวาท)ซะแล้วสิ.....  แต่เอ๊ะ!ในเมื่อโรงเรียนนี้มีชื่อเสียงในทางที่ดีอยู่บ้าง ถึงขั้นดีมาก (รึเปล่า) แล้วทำไมแม่ต้องส่งให้ฉันมาเรียนที่นี่ด้วยล่ะ  มันยังไงกันแน่นะ.....

 

 

“เขาเต้นเก่งขนาดนั้น เธอยอมได้เหรอเป้ย”ฉันถามอย่างลองเชิง

 

“ถ้าไม่ยอมก็บ้าแล้ว โซฟีเขาเป็นถึงหัวหน้าทีมเต้นของฉันเลยนะ ทั้งๆที่อายุก็เท่าๆกันแต่ฝีมือนี่ฉันเทียบไม่ติด คนรวยก็อย่างนี้แหละ อย่าไปสนใจเลย”

 

“แล้ว.........สองคนนั่นคบกันมานานหรือยัง”

 

“ตั้งแต่ม.2” โห้~ ~ ตั้งแต่ม.2มาถึงตอนนี้ก็จะ3ปีแล้วสินะ จะรักอะไรกันปานน้านนนนน~ ~ เฮ้อออ....ชั่งเขาเถอะ  ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่า.....

 

 

         หน้าปากซอยหมู่บ้านในวันนี้ ก็ยังเป็นเหมือนอย่างทุกๆวัน มีทั้งเด็กเล็ก เด็กโต คนแก่ คนชรา พระภิกษุ ผู้หญิงตั้งครรภ์และ.... (พอๆๆเลย มั่วแล้ว)   ฉันกับเป้ยได้ลงมาจากรถเมล์ และเดินมาถึงปากซอยของหมู่บ้าน

 

 

“นียา งั้นฉันไปก่อนนะ อีก 2 วันฟังผล แล้วฉันจะมารับ ไปล่ะ บาย”

 

“จร้าๆๆๆ มีอะไรโทรมานะเป้ย ขอบใจมากกก”

 

     เราทั้งสองยืนล่ำลากัน ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าบ้านตนเอง ซึ่งบ้านของฉันก็ยังเป็นเหมือนเดิม  เงียบ......เหงา........ถึงแม้ภายในบ้านจะดูใหญ่โตสมฐานะ แต่มันก็ไม่สามารถสร้างความอบอุ่นที่ฉันต้องการได้บ้านที่มีแต่ฉันที่อาศัยอยู่คนเดียว......ถึงแม้จะมีน้องชาย แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้า ทั้งๆที่อยู่บ้านหลังเดียวกันแท้ๆ ในบางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมของแพท แต่ฉันก็เชื่อว่าสิ่งที่แพทคิดต้องมีเหตุผล ถึงสีหน้าจะดูเย็นชาตลอดเวลา แต่ฉันก็เชื่อว่า แพทเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน...........

 

 

“กลับมาแล้วคร้า ~ ~” ฉันเปิดประตูบ้านเข้าไปโดยที่ไม่สนในว่าจะมีใครยู่ในบ้านหรือเปล่า

 

“อ่าว...แพท กลับมานาหรือยัง หิวข้าวหรือเปล่า”

 

“ไม่อ่ะ.....ผมยังไม่หิว ถ้าหิวแล้วเดี๋ยวบอกเอง”

 

     เหอะ! ให้มันได้อย่างนี้ดิฉันล่ะเบื่อจริงๆ เลย กับคำพูดที่ฟังดูแล้วอยากจะกระโดดถีบคนตรงหน้าให้หงาย ถึงจะเคยฟังมาจนชิน ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี  เฮอะ! หลังจากที่เคืองน้องตัวเองได้สักพัก ขาเจ้ากรรมก็ลากตัวเองขึ้นไปบนห้องอย่างอัตโนมัติ พอร่างสัมผัสกับเตียงเท่านั้นแหละ ฉันก็ทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงหนานุ่มโดยทันที ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มปิดลงอย่างช้าๆแล้วก็เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา~ ~ คร้อกกก~ ~ ฟี้ๆๆๆ~ ~

 

 

     โดยที่ไม่รู้เลยว่าได้มีเสียงถอนหายใจหนักๆดังขึ้นที่ประตูห้อง เจ้าของเสียงนั้นเดินเข้ามาจนถึงขอบเตียงและดึงผ้าห่มมาคลุมถึงระดับอก เสียงพึมพำก็ดังขึ้น

 

 

“เนี่ยนะหรอ...ลูกสาวคนโต เฮ้ออๆๆ.......” แพทส่ายหน้าอย่างระอาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่ลืมปิดไฟให้เจ้าของห้อง..........

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา