What is under the moonlight

6.8

เขียนโดย kang

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.09 น.

  11 ตอน
  49 วิจารณ์
  17.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 13.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คืนวันเพ็ญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เมื่อแสงแดดวันใหม่เริ่มสาดส่อง มาร์คัสไม่รอช้า  เขารีบหยิบถุงผ้าวิ่งออกจากบ้าน แล้วตรงไปยังบ้านหลังอื่นๆที่ตอนนี้ไม่มีผู้อาศัยอยู่อีกต่อไปแล้ว เพื่อจุดมุ่งหมายเดียว นั่นก็คือการรวบรวมเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะเงิน 

เวลาหลายชั่งโมงผ่านไป หลังจากที่มาร์คัสออกสำรวจหาเครื่องใช้โลหะเงินจนครบหมดทุกบ้าน และได้ของที่ต้องการมามากพอที่เขาจะนำมาทำเป็นอาวุธที่จำเป็นต้องใช้ได้แล้ว เขาจึงเดินตรงไปยังสถานที่ที่สำคัญที่สุดนั้น นั่นก็คือ โรงตีเหล็กที่เขาเคยทำงานอยู่ โดยที่เขาหวังเอาไว้ว่า เจ้าของโรงตีเหล็กจะทิ้งอุปกรณ์ตีเหล็กเอาไว้บ้าง เพราะชาวบ้านที่ย้ายออกช่วงหลังๆมักจะทิ้งของใช้ที่ไม่จำเป็นเอาไว้มากที่สุดซึ่งเจ้าของโรงตีเหล็กแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในชาวบ้านกลุ่มนั้นนั้น    และโชคก็ได้เอยู่ข้างเขา เมื่อเขาเดินเข้ามาข้างในโรงตีเหล็ก เขาได้พบว่าอุปกรณ์ที่เขาจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างยังอยู่ครบ     มาร์คัสยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง เขาไม่รอช้ารีบหยิบเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะเงินทั้งหมดมาหลอมขึ้นใหม่เพื่อทำอาวุธเงิน โดยมีข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้บนพื้นห้องนอนของเขา ดังก้องอยู่ภายในหัวของเขาเหมือนมีใครมาพูดข้างๆหู

“หากเธอต้องการจะช่วยพ่อของเธอแล้ว .... ความตายเท่านั้นปลดปล่อยเขาได้   .... อาวุธเงินเท่านั้นสยบมนุษย์หมาป่าได้ !”

                มาร์คัสทำงานอย่างหนักในโรงตีเหล็กร้างตลอดทั้งวัน จนเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด อาวุธที่เขาจำเป็นต้องใช้ก็ได้เสร็จสิ้นลงทั้งหมด  นั่นก็คือ มีดเงินและกระสุนหัวเงิน แต่ด้วยการที่เครื่องใช้ที่ทำโลหะเงินถูกใช้ทำมีดเงินเสียส่วนใหญ่ ทให้กระสุนเงินมีจำนวนเพียง 5 นัดเท่านั้น   มาร์คัสหยิบปืนไรเฟิลล่าสัตว์คู่กายขึ้นมาปลดกระสุนเก่าทั้งหมดออกมา และใส่กระสุนหัวเงินเข้าไปแทนที่ พร้อมกับเอามีดเงินใส่ลงซองมีดที่เขามักจะคาดที่เอวอยู่เสมอในเวลาที่เขาออกเดินป่า  เมื่องานทุกอย่างเสร็จลุล่วง มาร์คัสจึงเดินออกมาจากโรงตีเหล็ก แล้วเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่กำลังจะเต็มดวง  พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เหมือนกับการให้คำสัญญา

“คืนพรุ่งนี้เท่านั้น พ่อจะไม่ต้องทนเป็นอสูรกายหรือมนุษย์หมาป่าอีกแล้ว รอก่อนนะพ่อ อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น คืนวันเพ็ญจะมาถึงแล้ว !”

…………………………………..

เมื่อวันใหม่มาถึง มาร์คัสรีบตื่นนอน แล้ววิ่งลงไปจัดการธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบราวกับว่า เขาได้รอคอยเวลานี้มานานมากแล้ว

                 “คืนนี้แหละ คืนวันเพ็ญ”     มาร์คัสพูดขึ้นในใจ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมุ่งมั่น แม้เขาจะได้อาวุธที่จำเป็นต้องใช้มาจนครบหมดทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้เขายังคงขาดสิ่งที่เขาต้องการอีกหนึ่งอย่างคือ เหยื่อล่อ   

เขารีบเดินออกจากบ้าน ตรงเข้าไปในป่าอย่างเร่งรีบ เพื่อหากวางให้ได้สักตัว เพราะเขาแน่ใจว่า ถ้าหากเป็นกวางแล้ว ย่อมมีโอกาสจะเจอตัวสิ่งที่เขากำลังออกล่าได้มากยิ่งกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ

                เวลาหลายชั่วโมงผ่านไป มาร์คัสก็ยังไม่สวามารถที่จะหากวางเป็นๆได้ แม้เขาจะมีจิตใจอันมุ่งมั่น แต่การล่ากวางกลับยากยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้มาก จนเขาสเริ่มรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  เพราะถ้าหากเขาไม่สามารถหากวางได้ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด เขาอาจจะต้องล้มเลิกความตั้งใจทุกอย่างไป  แล้วทิ้งให้พ่อของเขาอยู่ในคราบมนุษย์หมาป่าต่อไป จนกว่าจะถึงคืนวันเพ็ญครั้งหน้า 

มาร์คัสหยุดเดินเพื่อพักเหนื่อย เขายกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดออกมาลอยๆ

“ขอทีเถอะ ขอกวางสักตัวเถอะ”

เมื่อมาร์คัสพูดจบ มทันใดนั้นพุ่มไม้ใกล้ๆตัวของเขาก็เริ่มสั่นไหวเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน  มาร์คัสรีบประทับปืนขึ้นเล็งทันที และไม่นานนักสิ่งที่ทำให้พุ่มไม้สั่นไหวสก็ปรากฏตัวออกมา ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ กวาง

มาร์คัสถึตาโตด้วยความดีใจ เขาไม่รอช้ารีบกระโดดตะครุบกวางตัวนั้นเอาไว้ แล้วพยายามเอาเชือกผูกคอของมันเพื่อป้องกันไม่ให้กวางตัวนั้นหนีไปได้ ซึ่งตลอดวลา กวางตัวนี้กลับแทบจะไม่ดิ้นเลย ราวกับว่า มันได้สู้กับตัวอะไรมาก่อนหน้านี้ จนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลย แต่มาร์คัสก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก  และในที่สุดเขาก็สามารถจับกวางตัวนั้นได้สำเร็จแต่โดยง่าย  

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการครบหมดทุกอย่างแล้ว มาร์คัสจึงรีบจัดการหาที่โล่ง ที่เขาพอจะสามารถเห็นสิ่งที่เขากำลังตามล่าได้อย่างชัดเจน และมีที่กำบังให้กับตัวเขาเอง ซึ่งจากประสบการณ์ที่สะสมมานานหลายปี ทำให้มาร์คัสพอจะจำได้ว่า บริเวณไหนเป็นอย่างไร

เมื่อท้องฟ้าใกล้มืด มาร์คัสก็พบกับพื้นที่ที่เหมาะในการดักซุ่มยิงอย่างมาก เพราะพื้นที่บริเวณนั้นมีต้นไม้ล้อมรอบด้าน โดยมีพื้นที่โล่งกว้างพอ ที่เขาจะสามารถดักซุ่มและมองเห็นอะไรก็ตามที่เข้ามาในที่โล่งนั่นได้อย่างชัดเจน  มาร์คัสรีบจัดการผูกเชือกที่ใช้มัดคอกวางตัวนั้นเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งในบริเวณโล่งแจ้ง และจัดการหาที่หลบซ่อน แล้วหยิบดินขึ้นมาทาไปทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวของเขา เพื่อกลบกลิ่นของตนเอง เพราะเขารู้ดีว่า หมาป่ามีประสาทการรับกลิ่นที่ดีมาก  มาร์คัสจัดการตรวจสอบกระสุนทุกนัดเพื่อให้แน่ว่า กระสุนทุกนัดที่เขาบรรจุมาเป็นกระสุนเงิน   

 เมื่อทุกอย่างพร้อมไม่นานนักเวลาที่มาร์คัสรอคอยก็มาถึง เมื่อจันทราที่เต็มดวงเริ่มส่องแสงลงมา และเพียงชั่วครู่ก็ตามมาด้วยเสียงหอนของหมาป่า !

                หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน มาร์คัสที่นั่งรอคอยการปรากฏตัวของมนุษย์หมาป่าที่เขากำลังตามล่าอย่างไม่กระพริบตา เริ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งได้บอกว่า เวลาได้ผ่านไปนานถึงสามชั่วโมงเศษแล้วหลังจากที่เสียงหอนนั้นเงียบหายไป  มาร์คัสเริ่มภาวนาในใจ อย่าให้การเตรียมการทุกอย่างของเขาต้องสูญเปล่า เพราะตัวของเขาเองก็ไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในป่าแห่งนี้และในหมู่บ้านร้างอีกต่อไป ซึ่งโชคชะตาก็ได้ตอบรับเขาคำขอของเขา เมื่อจู่ๆกวางที่เขาได้ผูกเอาไว้ก็เริ่มมีอาการหวาดกลัวขึ้นมา พร้อมกับที่มันพยายามดิ้นให้หลุดออกจากเชือกที่ผูกคอของมันอยู่ แต่เชือกเส้นนั้นได้ถูกผูกเอาไว้แน่นมากจนยากที่จะดิ้นหลุด และไม่นานก็เริ่มมีเสียงก้าวเท้าของตัวอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับที่มีเสียงครางอย่างดุร้ายของตัวอะไรบางอย่างดังขึ้นและเริ่มดังมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และไม่นานหมาป่าขนาดมหึมาที่ทั่วทั้งตัวถูกปกคลุมด้วยขนสีดำยาว และดวงตาสีน้ำตาลที่ดูดุดันจนน่ากลัว ก็ได้ปรากฏตัวออกมา !

                เมื่อมาร์คัสสามารถเห็นมนุษย์หมาป่าตนนั้นได้อย่างถนัดตา เขาไม่รอช้ารีบประทับปืนขึ้นเล็งทันที

เมื่อมนุษย์หมาป่าตนนั้นหยุดเดินแล้วตั้งท่าเพื่อโจมตีกวางตัวนั้น   ชั่ววินาทีนั้นมาร์คัสไม่รอช้ารีบลั่นไกปืนทันที

‘ปัง’ เสียงปืนไรเฟิลล่าสัตว์ดังก้องไปทั่วทำลายความเงียบในป่าที่มีมานานหลายชั่วโมง  ซึ่งไม่พลาดเป้า มนุษย์หมาป่าตนนั้นกระเด็นล้มลงอย่างแรง แล้วไปนอนร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน พร้อมกับที่มีควันสีขาวๆลอยออกมาจากบาดแผลที่ขาขวาของมันพร้อมกับเลือดสดๆไหลทะลักออกมา ส่วนกวางตัวนั้นด้วยความตกใจและความกลัวถึงขีดสุดทำให้มันสามารถดิ้นจนเชือกขาดแล้ววิ่งหนีหายไป เมื่อมาร์คัสยังไม่สามารถปลิดชีพมนุษย์หมาป่าตนนั้นได้  เขารีบขึ้นลูกใหม่อย่างรวดเร็ว แล้วประทับปืนอีกครั้ง และเล็งไปยังศีรษะของมนุษย์หมาป่าตนนั้น แล้วจึงค่อยๆกดไกปืน เพื่อลดความเสี่ยงที่เขาจะยิงพลาด แต่ยังไม่ทันที่กระสุนปืนนัดนั้นจะยิงออกไป 

                “ฮู่มมมมมมมมมมมมมมม โฮกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงคำรามอย่างดุร้ายดังขึ้นจากบนต้นไม้ ห่างจากบริเวณที่มาร์คัสหลบอยู่ไม่มาก เมื่อเขาหันมองไปยังที่มาของเสียง สิ่งที่เขาเห็นคือ มนุษย์หมาป่าอีกตนกำลังทิ้งตัว ง้างกรงเล็บ ตรงดิ่งมายังร่างของเขา       

มาร์คัส รีบเบี่ยงตัวหลบออกมาอย่างรวดเร็วจนเสียหลักล้มลง พร้อมกับที่มนุษย์หมาป่าตนนั้นลงมาสู่พื้นอย่างง่ายดาย เมื่อมันหันหน้ามา มาร์คัสก็จำมันได้ในทันที !

                ขนสีน้ำตาล ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวที่มองจ้องมาทางเขาอย่างอาฆาต ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า มันคือมนุษย์หมาป่าตนที่ทำร้ายพ่อของเขา มาร์คัสแยกเขี้ยวอย่างโกรธแค้น แล้วใช้มือดันพื้นให้ตัวเองลุกขึ้น พร้อมกับที่มนุษย์หมาป่าตนนั้นกระโดดหมายจะตะครุบเขาอีกครั้ง

แม้มาร์คัสจะยังมีสติอยู่ แต่ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว มนุษย์หมาป่าตนนั้นตะครุบ แล้วใช้ฝ่ามือกดลงที่อกของเขาอย่างแรง พร้อมกับที่มันคว้าปืนไรเฟิลล่าสัตว์ของมาร์คัส แล้วกระชากอย่างแรงจนสายสะพายขาดแล้วเหวี่ยงปืนกระบอกนั้นทิ้งไป  มาร์คัสรีบอาศัยจังหวะที่มันกำลังเผลอ ชักมีดเงินที่คาดอยู่ออกมาแล้วแทงเข้าที่แขนซ้ายของมันอย่างแรง มนุษย์หมาป่าตนนั้นร้องลั่นอย่างทรมานไม่แพ้กับตนแรกเลย มันรีบยกมือข้างที่กดอกของมาร์คัสอยู่ขึ้น ทำให้มาร์คัสหลุดออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง แต่สิ่งที่น่าเศร้านั่นก็คือ มีดเงินของเขายังคงปักคาอยู่ที่แขนของมัน !

                มาร์คัสเมื่อหลุดออกมาอิสระได้แล้ว ตอนนี้เขามีความหวังเหลืออยู่เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ หาปืนไรเฟิลของเขาให้พบก่อนที่จะมนุษย์หมาป่าตนนั้นจะลงมือฆ่าเขา เขารีบคลานออกมา แล้วลุกขึ้นออกวิ่งไปทางด้านหน้า แล้วรีบกระชาก   ไฟฉายออกมา แล้วรีบส่องไฟไปทางที่มนุษย์หมาป่าตนนั้นได้เหวี่ยงปืนของเขาหายไป และด้วยสายตาที่ปรับเข้ากับความมืดได้แล้ว ทำให้มาร์คัสสามารถหาปืนไรเฟิลกระบอกนั้นจนพบได้ในไม่ช้า  

มาร์คัสรีบวิ่งตรงไปยังปืนไรเฟิลกระบอกนั้นซึ่งตกอยู่ห่างออกไปจากบริเวณที่เขาอยู่ค่อนข้างมาก

  ส่วนมนุษย์หมาป่าตนนั้น เมื่อมันเห็นว่าเหยื่อของมันกำลังวิ่งตรงไปยังปืนไรเฟิลระบอกนั้น มันรีบกัดฟันแน่นแล้วพยายามดึงมีดเงินที่ยังคงปักอยู่ที่แขนของมันออก พร้อมกับส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวด และในที่สุดมันก็ดึงมีดเล่มนั้นออกมาได้สำเร็จพร้อมกับความแค้นที่พุ่งขึ้นมาจนแทบจะถึงขีดสุด  มันรีบวิ่งตามมาร์คัสไปอย่างรวดเร็วแต่ด้วยที่แขนข้างซ้ายของมันเจ็บมากเกินกว่าจะใช้งานหนักได้  มันจึงทำได้พียงวิ่งสองขาตามเหยื่อของมันไป ทำให้มาร์คัสพอจะมีเวลาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่นานนักความหวังทั้งหมดก็ต้องหมดไป เมื่อมนุษย์หมาป่าตนนั้นเริ่มคิดได้ มันรีบกระโดดขึ้นต้นไม้ทางด้านขวาแล้วใช้แขนข้างขวาของมันยึดเกาะต้นไม้ แล้วกระโดดไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น และใกล้จะเข้ามาถึงตัวมาร์คัสมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อมันเข้ามาใกล้มากพอจนเข้าระยะจู่โจม มันรีบตั้งท่าเพื่อที่จะตะครุบเหยื่อของมัน ทันใดนั้นร่างของมนุษย์หมาป่าตนแรกก็กระโจนเข้าใส่มันอย่างแรง จนมันทั้งคู่ตกลงมาจากต้นไม้แล้วกลิ้งไปตามพื้น

เมื่อร่างมนุษย์หมาป่าทั้งสองตนหยุดนิ่ง พวกมันคำรามใส่หน้ากันอย่างดุร้าย ตนขนสีดำที่กำลังนั่งคร่อมร่างตนขนสีน้ำตาลตาบอดอยู่   ได้ใช้กรงเล็บมือซ้ายของมันจิกเข้าไปที่อกของอีกตน จนตนขนสีน้ำตาลร้องลั่น แต่มันเองก็ไม่ยอมโดนโจมตีฝ่ายเดียว มันใช้กรงเล็บมือขวาของมันแทงเข้าเอวซ้ายของอีกฝ่าย  จนตนขนสีดำร้องลั่นและเซตัวเล็กน้อยก่อนที่มันจะกัดฟันแน่นแล้วง้างมือขวาขึ้นสุดแล้วเหวี่ยงแขนลงมาหมายจะใช้กรงเล็บตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเพื่อเผด็จศึก แ    ต่ตนตาบอดก็ไม่ยอมง่ายๆมันรีบยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันเอาไว้ได้ทันเวลา แต่มันก็ยังคงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เพราะแขนซ้ายของมันเคยถูกมีดเงินแทงมาก่อน ซึ่งไม่นานนัก แม้จะป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ แต่แขนซ้ายของมันก็แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงด้วยความเจ็บปวด

เมื่อตนสีดำเริ่มเห็นโอกาส มันค่อยๆกดแขนของมันลงมาพร้อมกับแขนที่หมดเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายตรงเข้ามายังใบหน้าของอีกตนที่ตาบอดเพื่อใช้กรงเล็บข่วนใบหน้าและเผด็จศึก แต่ตนตาบอดยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันกัดฟันแน่นและครางออกมาราวกับว่า มันกำลังรวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังเหลืออยู่ แล้วจากนั้นมันจึงกดกรงเล็บมือขวาที่ยังคงแทงเอวซ้ายของอีกฝ่ายลงมาอย่างแรง จนเล็บของมันแทงทะลุออกมาทางสีข้างของอีกฝ่าย เลือดสดๆแดงฉานไหลทะลักออกมาจนตนขนสีดำร้องลั่น  จากนั้นมันจึงใช้แขนซ้ายจับเข้าที่หัวไหล่ของอีกฝ่าย แล้วรวบรวมแรงทั้งหมดเหวี่ยงตนขนสีดำออกไปทางด้านข้าง  

ไม่กี่วินาทีต่อมา พวกมันทั้งสองก็ลุกขึ้นมาจ้องมองตา แล้วแยกเขี้ยวใส่กันอย่างดุร้าย แล้วจากนั้นพวกมันก็พุ่งตัวเข้าใส่กัน แล้วการต่อสู้ของสองมนุษย์หมาป่าอันดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พวกมันทั้งสองใช้มือที่มีกรงเล็บอันแหลมคมทั้งตบและข่วนใส่กันอย่างบ้าคลั่ง  ซึ่งมาร์คัสรู้ดีว่า ตนที่เคยเป็นพ่อของเขาไม่ได้ต่อสู้กับอีกตนเพื่อช่วยเขา  แต่เพราะมันเองก็โกรธแค้นเขาไม่แพ้กับตนที่ตาบอด และด้วยความกระหายเลือดของทั้งสอง เมื่อเหยื่อมีเพียงคนเดียว ก็ต้องเกิดการแย่งกันขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นี่คือโอกาสดีที่เขาจะรีบไปเอาปืนกลับมา และตอนนี้เขาก็เข้าไปใกล้มากแล้ว !                   

                เพียงชั่วอึดใจขณะที่เสียงร้องและเสียงคำรามของสองมนุษย์หมาป่าที่ยังคงสู้กันอยู่เริ่มเบาลงแล้ว ซึ่งได้ความหมายว่า ตอนนี้พวกมันทั้งสองใกล้จะได้ผู้ชนะแล้ว มาร์คัสรีบกระโจนเข้าไปหยิบปืนไรเฟิลล่าสัตว์คู่กาย แล้วรีบหันไปทางมนุษย์หมาป่าทั้งสองตนนั้นแต่เขากลับต้องเห็นภาพที่สะเทือนจิตใจของเขาอย่างที่สุด !

                มาร์คัสเคยได้ยินมาว่า “สัตว์ป่าที่พิการ จะมีความดุร้ายยิ่งกว่าปกติหลายเท่า”  และได้ประจักษ์แล้วว่าเป็นความจริง มนุษย์หมาป่าตนขนสีน้ำตาล แม้จะตาบอดและตามลำตัวเริ่มมีบาดแผลรอยข่วนที่เกิดจากการต่อสู้ จนดูราวกับว่ามันจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่สุดท้ายมันกลับพลิกสถานการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อหัวของมนุษย์หมาป่าตาบอดเริ่มตกลงราวกับว่ามันเริ่มหมดเรี่ยวแรงแล้ว เมื่อเห็นแบบนั้นมนุษย์หมาป่าตนขนสีดำจึงใช้มือซ้ายกดลงพื้นเพื่อเพิ่มแรงและความมั่นคง เพราะมันเองก็เจ็บที่ขาขวาอยู่เช่นกัน จากนั้นมันจึงคำรามเสียงดังลั่นเพื่อแสดงถึงชัยชนะที่กำลังจะเป็นของตน แล้วรีบเหวี่ยงมือขวาพร้อมกับกางกรงเล็บออก ตรงมายังบริเวณส่วนหัวของอีกตนเพื่อเผด็จศึก แต่แล้วมนุษย์หมาป่าตนขนสีน้ำตาลกลับใช้มือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บตจากอาวุธเงินของมันกระแทกเข้าที่ต้นแขนขวาของอีกตนเพื่อป้องกันตัวได้อย่างทันเวลา

แม้ว่าแขนซ้ายของมันสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดแต่แล้วมันกลับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแสยะให้เขี้ยวอีกฝ่ายเห็นว่า มันไม่ได้หมดเรี่ยวแรงเหมือนอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้  ทั้งตอนนี้มันกลับดูมีเรี่ยวแรงสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ซึ่งมันแค่เสแสร้เพื่อทำให้อีกฝ่ายตายใจและเปิดช่องว่างให้มัน  ซึ่งก็ได้ผล ชั่วพริบตานั้นมันอาศัยช่องว่างที่อีกฝ่ายยังคงเอามือกดพื้นอยู่     ใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันข่วนที่ท้องอีกฝ่ายเป็นแผลลึกจนเลือดสดๆไหลทะลักออกมาเป็นสาย พร้อมกับเครื่องในไหลทะลักออกมา มนุษย์หมาป่าตนขนสีดำแทบจะหมดเสียงคำรามลงไปในทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มาร์คัสใกล้จะวิ่งเข้าไปถึงปืนไรเฟิลล่าสัตว์แล้ว มนุษย์หมาป่าตนขนสีดำทรุดลงพื้นพร้อมกับที่มันพยายามใช้มืออีกข้างกดที่ท้องเพื่อไม่ให้เครื่องในไหลออกมามากไปกว่านี้  มนุษย์หมาป่าตนขนสีน้ำตาลไม่รอช้า มันใช้กรงเล็บที่มือขวาของมัน ตวัดกรงเล็บข่วนเข้าที่บริเวณท้องของอีกฝ่ายยาวขึ้นไปจนถึงคอ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มาร์คัสหันมาเห็นภสพนั้นเข้าพอดี

หลังจากได้ปืนไรเฟิลคู่กายกลับมา มาร์คัสถึงกับตาค้างด้วยความสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด เมื่อภาพมนุษย์หมาป่าตนที่เคยเป็นพ่อของเขา ค่อยๆล้มลงราวกับคนที่ใกล้จะสิ้นใจตายพร้อมกับเลือดสดๆแดงฉานที่พุ่งออกมาเป็นทางยาวจากบาดแผลที่ท้องและบาดแผลทางยาวไปถึงคอ ก่อนจะล้มลงสู่พื้นไปนอนแน่นิ่ง แม้มนุษย์หมาป่าตนนั้นจะไม่ใช่พ่อของเขาอีกแล้ว แต่ถึงยังไงก็ตามครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นพ่อของเขามาก่อน …

                เมื่อจัดการขวากหนามไปจนพ้นทางแล้ว มนุษย์หมาป่าตนนั้นจึงหันมาทางเหยื่อที่มันโกรธแค้นมากที่สุด  ซึ่งตอนนี้เขาเองก็กำลังโกรธแค้นมันไม่ต่างกัน มาร์คัสไม่รอช้าเขารีบลั่นไกอีกครั้ง

‘ปัง’ เสียงปินไรเฟิลดังสนั่น แต่กลับพลาดเป้า เพราะครั้งนี้มนุษย์หมาป่าตนนั้นได้กระโจนขึ้นต้นไม้ใกล้ๆได้ทันเวลา จาดนั้นมันจึงกระโจนไปมา เพื่อให้มาร์คัสเล็งได้ยากยิ่งขึ้น มาร์คัสรีบลุกขึ้นนั่งบนเข่าแล้วค่อยๆเล็งอย่างไม่รีบไม่ร้อน

‘ปัง’ เสียงกระสุนนัดต่อมาถูกยิงออกไป แต่กลับพลาดเป้าอีกครั้งซึ่งกระสุนนัดนั้นได้ยิงเฉียดใบหน้าของมันไปเพียงเล็กน้อย

มาร์คัสรีบขึ้นลูกใหม่ แล้วเล็งอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มนุษย์หมาป่าตนนั้นได้เข้ามาใกล้ตัวเขามากยิ่งกว่าเดิม ทำให้    มาร์คัสเริ่มคุมสติได้ยากยิ้งขึ้น ทั้งกระสุนเงินก็เหลือเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น

เมื่อเข้าระยะจู่โจม  มนุษย์หมาป่าตนนั้นรีบกระโจนจากต้นไม้เข้าใส่มาร์คัสอีกครั้ง มาร์คัสรีบกระโดดหลบออกมา จนเขาไถลไปตามพื้นด้วยแรงกระโดดของตัวเอง พร้อมกับที่มนุษย์หมาป่าตนนั้นลงสู่พื้นได้นุ่มนวล

เมื่อมนุษย์หมาป่าตนนั้นตั้งท่าได้ และระยะห่างที่มันยืนอยู่ก็ใกล้เกินกว่าที่ปืนยาวจะยิงได้ถนัด มันรีบเดินตรงเข้ามาหามาร์คัสอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการง้างกรงเล็บมือขวาขึ้น แล้วทิ้งตรงดิ่งลงมาเพื่อปลิดชีพเหยื่อที่ทำให้มันต้องตาบอดและรอคอยการล้างแค้นมานาน  แต่มาร์คัสกลับยังพอมีสติเหลืออยู่   วินาทีนั้นก่อนที่กรงเล็บของมันจะมาถึงร่างของเขา เขารีบกลิ้งตัวหลบออกมาได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับที่เขานึกขึ้นได้ว่า มนุษย์หมาป่าตนนี้มีดวงตาเพียงข้างเดียว เขารีบกำก้อนดินเอาไว้ในมือแล้วคว้างก้อนดินที่อยู่ในกำมือนั้นเข้าที่ตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของมัน  ซึ่งได้ผลดีเกินคาด มนุษย์หมาป่าตนนั้นเอามือกุมที่ดวงตาเพียงข้างเดียวของมัน พร้อมกับที่มันทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วร้องเสียงดังลั่น มาร์คัสรีบหยิบปืนขึ้นมา ซึ่งเขาไม่มีเวลาเล็งหรือแม้แต่จะลุกขึ้นนั่งเพื่อตั้งหลักอีกแล้ว เขารีบประทับปืนแล้วเหนี่ยวไกทันที

‘ปัง’ เสียงปืนไรเฟิลดังขึ้นกลบเสียงร้องของมนุษย์หมาป่าตนนั้น กระสุนนัดนั้นเจาะเข้าที่เอวซ้ายของมันอย่างจัง มนุษย์หมาป่าตนนั้นกระเด็นล้มลงพื้น แล้วร้องเสียงดังลั่น พร้อมกับชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่แล้วมาร์คัสก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อมันยังสามารถลุกกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง!

                มนุษย์หมาป่าตนนั้นลุกขึ้นนั่งอีกครั้งโดยใช้มือขวาของมันกดพื้นเพื่อทรงตัว แล้วกระอักเลือดจำนวนมากออกมา  ก่อนที่มันจะกระโจนขึ้นต้นไม้ไปได้สองสามต้นแล้วตกลงมาด้วยอาการบาดเจ็บอย่างสาหัส จนดูราวกับว่ามันแทบจะไม่มีโอกาสรอดเลย แต่สุดท้ายมันก็ยังสามารถพาตัวเองลุกขึ้นวิ่งอย่างล้มลุกคลุกคลานหายเข้าไปในป่าอันมืดมิดได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่มาร์คัสจะได้ทันประทับปืนขึ้นเล็งและยิงอีกครั้งด้วยกระสุนนัดสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่า  เขาได้ปลิดชีพของมันแล้ว  มาร์คัสค่อยๆลดืนลงและไม่คิดที่จะตามมันไป เพราะถึงแม้มันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงยังไงมันก็ยังว่องไวกว่าเขาอยู่ดี

                 “ฮ๊อกกกกกกกกกกกกก โอกกกก”    เสียงครางของสัตว์ที่กำลังนอนรอความตายดังมาไม่ห่างจากบริเวณที่มาร์คัสยืนอยู่มากนัก      

มาร์คัสค่อยๆเดินตรงไปยังที่มาของเสียงและภาพที่เขาเห็นก็คือ มนุษย์หมาป่าตนสีดำหรือพ่อของเขากำลังนอนแผ่หลา กระอักเลือดเป็นฟองอยู่ในปากจนดูน่าเวทนายิ่ง มาร์คัสถึงกับน้ำตาไหลด้วยความสงสาร และ เศร้าใจเมื่อเห็นพ่อตัวเองต้องอยู่ในสภาพแบบนี้

เมื่อมนุษย์หมาป่าตนนั้นรู้ว่า  มีคนอยู่ใกล้ๆ มันค่อยๆหันมามอง แล้วเงยหน้าจ้องมองที่ดวงตาของมาร์คัส เหมือนเป็นการร้องขอให้เขาช่วยทำให้มันพ้นทุกข์  แม้มาร์คัสจะรู้ดีว่า พ่อของเขาไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน และตอนนี้เขายังคงเหลือกระสุนเงินอีกหนึ่งนัด แต่การที่เขาตะต้องลงมือฆ่าพ่อของตัวเอง มันเป็นอะไรที่ทำใจได้ยากเสีย

 มาร์คัสค่อยๆยื่นปากกระบอกปืนไปที่บริเวณศีรษะของมนุษย์หมาป่าตนนั้น พร้อมกับที่มันกระอักเลือดอีกครั้งแล้วครางเบาๆเหมือนเป็นการขอร้องให้ลงมือ มาร์คัสกลั้นใจนิ่ง

                “ขอบคุณครับ พ่อ” มาร์คัสพูดพร้อมน้ำตาและชั่ววินาทีนั้น

‘ปัง’ เสียงกระสุนนัดสุดท้ายถูกยิงออกไปพร้อมกับปลิดชีพของมนุษย์หมาป่าตนนั้น โดยมีคำพูดหนึ่งดังก้องอยู่ในหัวของมาร์คัสที่ยืนน้ำตานองหน้า

“จงจำเอาไว้ให้ดี ความตายเท่านั้นปลดปล่อยเขาได้...”

                รุ่งเช้ามาร์คัสอุ้มศพของพ่อที่คืนร่างเป็นมนุษย์แล้วกลับมายังหมู่บ้าน แล้วจัดการทำความสะอาดศพพ่อของเขาจนสะอาด แล้วจัดการขุดหลุมฝังศพให้ผู้เป็นพ่อ เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เขาจะสามารถตอบแทนพ่อได้  แล้วเมื่อร่างพ่อของเขาถูกฝังเสร็จสิ้นแล้ว มาร์คัสจึงเดินจากออกมาจากหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเขาไปตลอดกาล โดยมีความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม นั้นคือ มนุษย์หมาป่า !

.................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา